[END]ສະບາຍດີຈອມດື້-สะบายดี ครั้งสุดท้าย[19/8/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]ສະບາຍດີຈອມດື້-สะบายดี ครั้งสุดท้าย[19/8/60]  (อ่าน 35261 ครั้ง)

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 11: ปั้น (น่า) รัก

หลังจากจูบกัน พอผมกลับขึ้นมาบนห้อง เสียงพูดคุยระหว่างเราก็ไม่เกิดขึ้นเลยสักนิดเพราะทันทีที่ผมมาถึง ปั้นรักที่ขึ้นมาก่อนก็กระโดดขึ้นเตียง เอาผ้าห่มคลุมโปง แกล้งหลับไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะอะไรผมถึงรู้ว่ามันแกล้งหลับน่ะเหรอ?

ก็ตอนที่ผมลองเรียกชื่อมันดู เห็นว่ามันไม่ตอบเลยแกล้งเอาหน้าไปใกล้ๆ มันทำเป็นละเมอฟาดหน้าผมเข้าให้อย่างจังน่ะสิ ผมเลยพอจะเดาได้ว่ามันไม่ได้หลับจริง อะไรไม่ว่า หูก็แดงให้เห็นเป็นหลักฐานว่ามันกำลังเขินอยู่อีกด้วย

แต่ก็ช่างมันเถอะ มันก็คงจะเขินแหละนะที่ทำอะไรอย่างนั้นกับผมไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนผมน่ะเหรอ... ยิ้มไม่หุบเลยล่ะ

เช้าวันต่อมา ทุกอย่างกลายเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ผมอยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อวานนะ อยากจะถามด้วยว่ามันคิดอะไรอยู่ถึงได้จูบผมแบบถึงพริกถึงขิงอย่างนั้น แต่พอเรียก...

“ปั้น เรื่องเมื่อคืนน่ะ...”

...ก็เหมือนมันจะรู้ว่าผมจะถามอะไร มันเลยรีบเสียงดังโวยวายกลบเกลื่อนทันที

“เอ้ารถมาแล้ว รีบขึ้นรถเร็วเข้า!”

รถที่จะพาเรามุ่งหน้าไปหลวงพระบางมาพอดีจริงๆ อย่างที่มันพูด ทำเอาผมต้องเก็บคำถามไว้ เดินตามขึ้นรถไปอย่างช่วยไม่ได้ แล้วใช่ว่าขึ้นรถมา ผมจะมีโอกาสได้ถามนะ ปั้นรักไม่เปิดโอกาสให้ผมเลยสักนิด ทั้งที่ก็ไม่ได้ตื่นเช้าอะไรมาก เที่ยวรถรอบแรกประมาณเก้าโมงเช้าเท่านั้น แต่ปั้นรักทำอย่างกับว่าอดหลับอดนอนมาจากไหนก็ไม่รู้ นั่งหลับไปตลอดทาง มีตื่นขึ้นมาตอนที่คนขับจอดให้พักกินข้าวกลางวันกับแวะเข้าห้องน้ำแค่รอบเดียวเท่านั้น ผมนี่อยากจะรู้เลยว่ามันจะทนแกล้งนั่งหลับไปได้อีกสักกี่น้ำ
ขึ้นรถตอนเก้าโมงเช้า ไปถึงที่หมายประมาณสี่หรือห้าโมงเย็น ถ้าจะหลับไปตลอดทางก็จะเกินไปแล้ว...

แต่ผมไม่ได้ไปเซ้าซี้อะไรมันหรอก เพราะหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วกลับขึ้นรถอีกรอบ คราวนี้เหมือนมันจะหลับจริงๆ

ผมเหลือบมองคนข้างๆ เห็นมันนอนสัปหงก โงนเงนไปมาตลอดทางจนหัวโขกเข้ากับหน้าต่างหลายต่อหลายรอบ ไหนผมหน้าจะถูกลมจากช่องหน้าต่างที่เปิดออกเล็กน้อยพัดจนกระจายให้มันทำสีหน้ารำคาญอีก ผมก็อดไม่ได้ที่จะค่อยๆ เอื้อมมือไปปัดปอยผมพวกนั้นออกให้ ก่อนจะประคองหัวมันให้เอนกลับมาทางผม จัดท่านั่งของตัวเองดีๆ แล้วกดให้มันนอนซบกับไหล่ผมอย่างเบามือ

ปั้นรักยังคงนิ่งเหมือนไม่รู้สึกตัวว่าถูกทำอะไร ผมเหลือบมองมันในสภาพที่หลับตาพริ้มแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา
แม่งโคตรน่ารักเลย...

นอกจากแสงเหนือแล้ว ผู้ชายที่ผมเห็นว่าน่ารักมากๆ อีกคนก็เห็นจะเป็นไอ้คนที่นอนหลับอยู่บนไหล่ผมนี่แหละ

ไม่สิ... ไม่ใช่น่ารักเหมือนกับแสงเหนือ น่ารักกว่าด้วยซ้ำ

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาผมมีแต่ผู้ชายคนนี้ ในตอนนี้เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าแสงเหนือมีหน้าตาแบบไหน

เอาแต่นั่งมองปั้นรักอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะค่อยๆ ล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าคาดอก เปิดกล้องเพื่อที่จะถ่ายรูปเซลฟี่ หากแต่พอกดไปได้รูปหนึ่ง เสียงชัตเตอร์ก็ดังปลุกให้ปั้นรักรู้สึกตัวขึ้นมา ผมเหลือบมองมันในขณะที่มันเองก็ผงกหัวขึ้นมามองหน้าผมด้วยสีหน้างัวเงียปนหงุดหงิด

“ทำอะไร”
“ถ่ายรูปนิดหน่อย”
ผมว่ายิ้มๆ กะว่าต้องโดนมันด่าแน่ๆ แต่เปล่า...เปล่าเลย มันไม่ด่า นอกจากจะซบลงมาบนไหล่ผมเหมือนเดิมแล้วว่าเสียงเบา
“เมื่อกี้หลับตา เอาใหม่อีกทีซิ”

แล้วก็ยกมือมากอดแขนผมหน้าตาเฉย ทำเอาผมมองด้วยความประหลาดใจ ปั้นรักเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง ว่าพร้อมกับหัวคิ้วย่นยู่
“เอ้า ยังจะลีลา ถ่ายเร็วๆ เข้า”

แล้วผมจะรอช้าทำไมอยู่ล่ะ รีบถ่ายรูปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว คราวนี้ไม่ใช่แค่รูปเดียวด้วย กดชัตเตอร์รัวจนนิ้วแทบเป็นอัมพาต ไม่รู้ถ่ายเยอะไปหรือเปล่า เพราะมือของปั้นรักที่เกาะแขนผมอยู่เอื้อมมาแย่งโทรศัพท์ในมือไปแล้ว

“จะถ่ายเยอะเกินไปละ อย่าให้มันได้ใจมาก” พูดจบก็ส่งโทรศัพท์คืนให้ผม ก่อนจะพึมพำมาอีกนิดหน่อย “ถ้าไอไม่ง่วงอย่างนี้ รับรองได้เลยว่าโทรศัพท์อยู่ได้ไปนอนอยู่ข้างพงหญ้าเมื่อกี้แล้ว”

สิ้นเสียงก็หลับตาทั้งที่ยังซบไหล่ผมเหมือนเดิม แค่ไม่ได้กอดแขนเฉยๆ

ผมมองแล้วก็กลั้นรอยยิ้มตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

น่ารัก...น่ารัก...น่ารัก...

น่ารักโว้ย!

ใจเต้นตึกตักรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเหลือบมองปั้นรักที่หลับตาพริ้มเหมือนเดิมแล้ว ผมก็ยิ่งใจเต้นหนักกว่าเดิม และคิดว่าปั้นรักเองก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน เพราะถึงมันจะไม่แสดงสีหน้าหรือท่าทางอะไรออกมา แต่ก็ปิดผมไม่ได้หรอกเพราะว่าหูของมันน่ะ...แดงแจ๋อีกแล้ว

น่ารักจนอดใจไม่ไหว เอื้อมมือไปดึงหูมันเบาๆ ทำเอาปั้นรักลืมตาขึ้นมาถามเสียงขุ่น

“อะไร”
“หูแดงน่ะ” ผมบอก “เขินเหรอ” ตามด้วยกระเซ้าอีกนิดหน่อย
ปั้นรักทำหน้าตกใจไปทันที รีบดันตัวขึ้นนั่งหลังตรงแล้วพูดเร็วๆ
“อะ...อากาศมันร้อน”
“จริงเหรอ ไม่ใช่เขินพี่แน่นะ”
ผมก็ยังกระเซ้าไปเลิก ทำเอาปั้นรักตวัดตามามอง
“แน่ะๆ ทำมาเป็นจีบไอ ลืมแฟนเก่าได้แล้วหรือไง”

ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองว่ามันกำลังโยนหินถามทาง
คิดว่าเล่นกับใครอยู่ หยอดมาแบบนี้ ผมก็แกล้งถามกลับด้วยการโยนหินถามทางเช่นเดียวกัน
“ถ้าพี่บอกว่าใช่ ปั้นจะยอมให้พี่จีบไหม”

เท่านั้น จากแค่หูที่แดงก็ลามไปยังใบหน้าและลำคอ ผมไม่เคยปั้นรักหน้าแดงมากขนาดนี้มาก่อนเลย พอได้เห็นแล้วก็รู้สึกว่า... น่ารักดี

น่ารักมากกก ก.ไก่ล้านตัวไปเลย จนผมอดพูดออกมาไม่ได้

“น่า...”
“อะไร” มันถามเสียงขุ่นอีกรอบเมื่อได้ยินผมพูดไม่ชัดเจนนัก
“น่ารัก... พี่จะบอกว่าปั้นน่ารักดี”

สิ้นเสียง ก็ยิ้มให้มันขณะที่มันมีสีหน้าอึกอักขึ้นมา

“วะ...เว้าอีหยัง! ฮ่วย!” แก้เขินด้วยการพ่นภาษาลาวใส่แล้วหันหนีไปมองนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

ผมเห็นด้วยนะว่ามันพึมพำอะไรสักอย่างออกมาที่ผมเองก็จับใจความไม่ได้ ก่อนที่มันจะเอาหน้าผากโขกกับหน้าต่างรถเบาๆ ประมาณว่าทำโทษตัวเองที่ดันมาเขินอายกับการกระทำและคำพูดของผม

ผมหัวเราะ นึกอยากแกล้งให้มันอายมากขึ้นไปอีกด้วยการยื่นมือไปกุมมือมันเอาไว้ ปั้นรักถึงกับสะดุ้งสุดตัว หันมาฟาดฝ่ามือใส่หน้าผมเต็มแรงดังเพียะ ก่อนที่มันจะทำหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าซีกหน้าผมมีรอยนิ้วมือขึ้นเป็นปื้นแดง

ส่วนผมน่ะเหรอ... หน้าชาสิครับ ชาดิกจนไม่รู้สึกอะไรเลย มิหนำซ้ำยังจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้โดยสารคนอื่นๆ ในรถด้วยเพราะเสียงเมื่อกี้มันดังมากจริงๆ ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงของปั้นรักลอยมาให้ได้ยิน

“คะ...ความผิดยูนะ ใครใช้ให้มาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ล่ะวะ แม่ง ยอมนิดเดียว จะได้ใจเกินไปละ!”
ผมหันไปมอง มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหน้าข้างที่โดนตบของตัวเอง
“ก็มือปั้นน่าจับนี่” ผมก็ดันกลายไม่สำนึก หยอกมันไปอีก
ปั้นรักเบ้ปากใส่ผม แต่คราวนี้ไม่เถียง เบนหน้าไปทางอื่นแทน ปล่อยให้ผมได้ขยับเข้าใกล้มันกว่าเดิมแล้วกระซิบถามเบาๆ
“จับไม่ได้เหรอ”
“จับอะไร” มันเหล่มอง ถามอย่างหงุดหงิด”
“ปั้นอยากให้พี่จับอะไรล่ะ พี่จับได้หมดแหละ”

ผมก็ดันไปแหย่มันอีก มันเลยขู่เข้าให้

“เดี๋ยวโดนถอง”
ไม่ได้พูดเปล่า ทำท่าจะเอาข้อศอกมากระทุ้งผมจริงๆ ผมรีบหลบแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน พอเห็นมันเฉยก็ถามอีก
“จะไม่รับผิดชอบที่ตบหน้าพี่หน่อยเหรอ”
“ยูจะเอาอะไร” รอบนี้น้ำเสียงฟังดูเบื่อหน่ายมาก
“ก็...ให้นั่งจับมือไปตลอดทางจนกว่าจะถึงท่ารถดีไหม”

พูดไปอย่างนั้น ผมไม่ได้คาดหวังจะให้มันเซย์เยสหรอกนะ แค่อยากจะกวนมันเล่นๆ เวลามันหงุดหงิดแล้ว ผมสนุกดี แต่คำตอบที่ได้กลับมาดันเหนือความคาดหมายเอามากๆ

“ได้ จับแค่มืออย่างเดียวนะ”

แล้วมันก็จัดการคว้ามือผมไปจับเองเฉยเลย ผมเบิกตาโพลง มองมือที่ถูกมันจับแล้วรีบหันไปมองมัน ปั้นรักก็มองออกไปนอกหน้าต่างรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้ผมได้แต่ยิ้มแล้วมองมันตามลำพัง

ปั้นรัก... โอย ใจพี่จะพังแล้ว



 
นับว่าเวลาหลายชั่วโมงในการนั่งท่าเดิมอยู่บนรถทัวร์เก่าๆ ที่มีเพียงพัดลมจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่กับลมจากด้านนอกให้ความเย็น เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมมีความสุขมาก... แค่เพียงได้จับมือปั้นรักเท่านั้น

แค่จับมือ...ก็ทำให้ผมอยากจะหยุดเวลานั้นไว้ ไม่อยากให้มันถึงที่หมายเลยสักนิด ผมไม่รู้หรอกว่าปั้นรักคิดยังไง เพราะพอลงจากรถมาได้ มันก็ทำทุกอย่างเหมือนกับปกติ จะมีก็แต่ผมนี่แหละที่นอกจากอยากจะพูดเรื่องจูบเมื่อคืนนี้แล้ว เรื่องจับมือเมื่อกี้ก็อยากจะพูดเหมือนกัน

ทำไมมันถึงจูบผมอย่างนั้น? ทำไมถึงยอมให้ผมจับมือ? ทำไมๆๆๆ

อยากถามใจจะขาดอยู่แล้วโว้ย!

แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ไปเช็กอินเข้าพักที่เกสต์เฮ้าส์ แล้วก็ออกไปนมัสการพระธาตุพูสี จากนั้นก็ชมพระอาทิตย์ตกดิน พอฟ้าเริ่มมืดถึงได้ลงมาข้างล่างเพื่อหาอะไรกิน บอกตามตรงว่าการไปเที่ยวนั้นไม่ได้ทำให้ผมซึมซับบรรยากาศเลยแม้แต่น้อย ในหัวมีแต่เรื่องของปั้นรักกับคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ นอกจากจะไม่เข้าใจมันแล้ว อะไรไม่ว่า ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันด้วย
หรือว่าผมจะรู้สึกกับปั้นรักเกินกว่าสถานะที่เป็นอยู่?

ไม่กล้าคิดต่อจากนี้เลย เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ผมคงจะไม่กล้าจีบมัน ก็มันบอกเองใช่ไหมล่ะว่าไม่ใช่เกย์ ดูท่าทางจะไม่
ชอบเกย์ด้วย ถ้าผมหน้าด้านบุกเข้าไปแล้วต้องผิดหวังกลับมาอีก ผมไม่ต้องไปพักใจไกลกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างที่ทำอยู่เหรอ

นั่นแหละ เลยได้แต่เงียบอยู่อย่างนั้น ระหว่างกินข้าวก็มองหน้ามันไปด้วย ทำเอาปั้นรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอึดอัดขึ้นมา ก่อนจะโพล่งทำลายความเงียบ

“มองอะไรนักหนา มองหน้าไอแล้วอิ่มหรือไง”
“พักนี้ดูปั้นไม่ค่อยกวนพี่เลยเนอะ” จู่ๆ ผมก็ว่าออกไป
ปั้นรักย่นคิ้วยู่ “กวนอะไร”
“ตีน”
พอผมบอกไปอย่างนั้น ปั้นรักก็มุ่ยหน้าใส่
“อยากให้ไอกวนตีนว่างั้น?”
“เปล่าหรอก แต่พี่แค่คิดว่าถ้าปั้นรักกวนพี่เหมือนเดิมอย่างนั้น พี่ก็คงจะไม่สับสน”

ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย ปั้นรักก็เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อ มันเลิกคิ้วสูงทันที
“อย่าบอกนะว่ายูหลงเสน่ห์ไอเข้าให้แล้ว?”
ผมไม่ตอบตรงๆ เม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะแทน

“แหม ช่วยไม่ได้นะ ก็ไอมันหล่อนี่หว่า” มันก็ดันหลงตัวเองไปอีก
“พี่จะไม่เถียงเลย ถ้าปั้นแต่งตัวไปในแนวทางเดียวกันหน่อยน่ะนะ”

อันนี้ผมก็ว่าไปตรงๆ เหมือนกัน ตอนนี้มันเริ่มกลับมาแต่งตัวแบบไม่ค่อยเข้ากันอีกแล้ว ผมทำใจได้แล้วล่ะกับการแต่งตัวไปซ้ายทีขวาทีของมันน่ะ ปั้นรักนี่ไม่สนใจอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอผมพูดไปอย่างนั้น มันก็ทำหูทวนลมไปเลย คว้าแก้วน้ำขึ้นมาดูดน้ำ ก่อนจะพูดไปเรื่องอื่น

“ตกลงยูชอบไอก็เลยสับสน?”
“ก็ปั้นมาจูบพี่อย่างนั้น แถมยอมให้พี่จับมืออีกต่างหาก จะไม่ให้พี่สับสนได้ไง ปั้นจะบอกพี่ได้ไหมล่ะว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น”
ได้โอกาส ผมก็รีบพูดเรื่องที่ค้างคาใจทันที ปั้นรักมองผมนิ่ง ดูท่าทางมันน่าจะพร้อมกับการคุยเรื่องนี้แล้ว แต่ก็เงียบไปอึดใจหนึ่งเลยทีเดียวก่อนที่มันจะว่าออกมา
“เรื่องจูบนั่น ยูมาจูบไอก่อนไม่ใช่หรือไง ส่วนจับมือ ยูก็จับไอก่อนเหมือนกัน”
“มันก็ใช่ แต่ปั้นก็ยอมให้พี่ทำนี่”
“ไม่ได้ยอม”
“แล้วให้จับให้จูบทำไม”
“ไอก็แค่อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง”

พูดมาอย่างนี้ เป็นตาผมที่เงียบบ้างแล้ว
“พิสูจน์เหรอ”

อันนี้ผมก็อยากได้คำตอบ หากแต่ปั้นรักไม่บอก ได้แต่ตัดบทสั้นๆ

“ไม่ใช่เรื่องของไอ แล้วนี่จะเอาไงต่อ ฟ้ามืดแล้ว จะไปเที่ยวต่อหรือกลับห้อง”
“วันนี้นั่งรถมาทั้งวัน ปั้นน่าจะเหนื่อย กลับห้องไปพักกันดีไหม”

ในเมื่อมันไม่ตอบ ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เปลี่ยนเรื่องอื่นคุยตามมันแทน พร้อมกับคิดไปด้วยว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อปั้นรักนั้นคงต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นว่ามีแค่ผมที่คิดเองคนเดียว ไม่แน่ว่าคงเพราะผมเหงาหรือโดดเดี่ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นผลพวงจากการถูกแสงเหนือหักอกก็เป็นได้ ที่ทำให้ผมเผลอหวั่นไหวไปกับปั้นรักอย่างนี้

ผมลุกขึ้นไปจ่ายเงินค่าอาหารแล้วเดินออกจากร้าน ทอดน่องไปเรื่อยโดยมีปั้นรักเดินขนาบข้าง ไม่รู้ว่าหน้าตาผมมันดูสลดมากหรือยังไง ปั้นรักถึงได้รำคาญใจจนต้องพูดออกมา

“นี่ก็ทำหน้าเป็นหมาหงอยอยู่ได้ แค่ไม่ตอบคำถามหน่อยเดียว ทำมาจะเป็นจะตาย”
ผมหันมองหน้ามัน ทำปากยู่น้อยๆ
“ก็พี่อยากรู้”
“รู้เรื่อง?”
“จูบพี่ทำไม ให้พี่จับมือทำไม คิดอะไรกับพี่หรือเปล่า”

ผมถามรัวเลย ไม่มีอะไรต้องปิดอีกต่อไปแล้ว ปั้นรักก็คงจะเลิกอายแล้วเหมือนกันล่ะมั้ง เพราะมันมองหน้าผมได้ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมา
“ถามมางี้ แสดงว่าชอบไอเข้าให้แล้วล่ะสิ?”
“ถ้าตอบพี่ พี่ก็จะบอก” ผมได้ทีเลยเล่นแง่บ้าง

ปั้นรักสูดหายใจเข้าปอดแล้วบอกอย่างไม่ยี่หระ
“ไม่บอกก็เรื่องของยู ไอไม่ได้อยากรู้”

สิ้นเสียงก็เดินนำไปโน่น ทำเอาผมรีบก้าวตามไปคว้าแขนมันแทบไม่ทัน
“เดี๋ยว อยากรู้สักหน่อยก็ได้”
“ก็ยูไม่บอกเอง” มันว่า

ผมก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงอยากจะให้มันถามให้ได้ แถมไปง้อให้มันอยากรู้อีก
“ขอโทษครับ อยากรู้หน่อยนะ นะๆ”
“ได้ อยากรู้แล้ว เอ้า บอกมา”
“ปั้นบอกมาก่อน”

ปั้นรักทำหน้ารำคาญออกมาทันที แล้วต่อยเข้ามาที่อกผมไม่แรงนัก
“กวนตีน”

โดนด่าอะ แต่ผมดันยิ้มเสียอย่างนั้น

“ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ยิ้มทำบ้าอะไร”
“ฉันนั่งยิ้มลำพัง หัวเราะลำพัง สุขยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา...” ผมก็เลยร้องเพลง หยุด ของวง กรูฟไรเดอร์ ออกมา

ปั้นรักทำหน้าเหยเกทันควัน แล้วมันก็คว้าแขนผม ชี้ไปแบบไม่มีจุดหมายข้างหน้า
“เนี่ยๆ รับยาช่องนั้นนะ เชื่อฟังหมอด้วยล่ะ”

ไอ้ปั้น! กูไม่ได้เป็นบ้า แค่มีความสุขเว้ย!

กลายเป็นว่าหัวเราะร่วนไปแล้ว ปั้นรักเองก็หัวเราะไปกับผมด้วยเช่นกัน มันเป็นช่วงเวลาที่... ผมมีความสุขมากๆ

ไม่เข้าใจ อธิบายไม่ถูกเลยว่าเพราะอะไร แต่การได้มีปั้นรักอยู่ข้างๆ อย่างนี้ มันทำให้ทุกความเจ็บปวดของผม...ได้รับการเยียวยา เป็นอีกครั้งที่ผมอยากจะหยุดเวลานี้ไว้ ทว่าปั้นรักกลับพูดออกมาก่อน

“ถ้ายูไปโกนหนวดให้เรียบร้อย ไอจะบอกว่าทำอย่างนั้นกับยูทำไม”
“ได้ ปั้นอยากให้พี่โกนอะไรก็บอกเลย ไม่ต้องแค่หนวดก็ได้ ยอมทุกอย่าง” ผมยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข
ปั้นรักเหลือบมองผมอย่างหมั่นไส้
“ระริกระรี้เชียวนะ”

แหม ก็นิดนึง

“แต่ปั้นต้องโกนให้พี่นะ”
พอผมบอกไปอย่างนี้ ปั้นรักก็พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง คิดว่ามันจะปฏิเสธนะ แต่มันดันชี้นิ้วไปที่มินิมาร์ทซึ่งอยู่ไม่ไกล
“แวะซื้ออุปกรณ์ก่อนก็แล้วกัน”

พักนี้พูดง่ายเชียว เชื่องผิดปกติ หรือว่า... มันก็รู้สึกแบบผมเหมือนกัน?




 
กลับมาถึงห้องได้ ก่อนที่จะอาบน้ำ ผมก็ถูกปั้นรักลากเข้าไปยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ ในขณะที่มันถือมีดโกนไว้มั่น
ใช่ มันกำลังจะโกนหนวดให้ผม ไม่สิ...ตอนแรกน่ะจะโกนหนวด แต่พอกลับมาถึงห้อง มันก็ดันเปลี่ยนใจขึ้นมา เนื่องจากว่า...
“ตกแต่ง เล็มให้เรียบร้อยก็โอเคแล้วมั้ง ยูคงไม่เหมาะกับหน้าโล้นๆ หน้าตาต้องเหี้ยมๆ แบบนี้ ถึงจะเป็นได้แค่เล็บขบอนันดาก็เถอะ”

...นั่นแหละ หนวดเคราเลยอยู่ครบเหมือนเดิม แค่ถูกจับเล็มเท่านั้น

ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสิ้น ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนให้มันเอาแหนบมาถอนไอ้พวกเส้นที่ขึ้นเกินๆ มาออก บอกตามตรงว่าผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แล้วมันโคตรจะเจ็บเลยเถอะ ถูกดึงไปเส้นนึงทีก็สะดุ้งไปที เหลือบมองหน้าตัวเองในกระจกก็เห็นว่าบริเวณที่ถูกดึงหนวดเกินๆ ออกแดงเถือกเลยทีเดียว

“แล้วนี่จะบอกพี่ได้หรือยังว่าจูบพี่ทำไม”
ผมได้ทีก็ถามขณะที่ปั้นรักยืนจ้องถอนหนวดผมอย่างตั้งใจ
“ก็บอกไปแล้วไงว่าเพราะยูจูบไอก่อน”
“แล้วปั้นก็เลยจูบพี่อีกครั้งเหรอ พี่ว่ามันไม่เมคเซ้นส์เลยนะ”

ท้วงไปอย่างนั้น ปั้นรักก็ชะงักนิดหนึ่ง แล้วพูดออกมาอีก
“ถ้ามันรู้สึกดี อะไรๆ ก็เมคเซ้นส์ทั้งนั้นแหละ”

กลายเป็นผมบ้างแล้วที่ชะงักงันไป

รู้สึกดี... จูบกับผมอีกรอบเพราะรู้สึกดีอย่างนั้นเหรอ

“แล้วจับมือล่ะ ทำไมยอมให้พี่จับ เพราะรู้สึกดีเหมือนกัน?”
“อืม” มันขานรับทั้งที่ไม่มองหน้า ตั้งใจถอนหนวดผมเหมือนเดิม
“แต่พี่เป็นผู้ชายนะ แล้วก็เป็นเกย์ด้วย”
“มันสำคัญยังไงในเมื่อไอรู้สึกดี จูบกับใครมันไม่สำคัญหรอก แค่รู้สึกดีก็พอแล้ว และไอก็รู้สึกดีกับยู มันก็แค่นั้น”

ยิ่งฟัง ใจก็ยิ่งเต้นแรง

ปะ...ปั้นรัก ฮึ่ยยย! อยากจะคว้าตัวมากอดแน่นๆ ชะมัด!

แต่ไม่กล้าทำอะ กลัวมันจะเอาแหนบแทงปาก ได้แต่ยืนนิ่งๆ ให้มันได้ถอนหนวดเหมือนเดิม ทว่าเพราะอดยิ้มออกมาไม่ได้ ปากเลยขยุกขยิกไปเรื่อย จนปั้นรักแหวออกมา

“จะยิ้มอีกนานไหม อยู่เฉยๆ มันถอนไม่ได้”
“มันกลั้นไม่ไหวน่ะ” ผมบอกไปตามตรง ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายที่เปล่าเปลือยของตัวเองด้วย “ตรงนี้ก็อดใจเต้นแรงไม่ไหวเหมือนกัน”
ปั้นรักมองหน้าผมนิ่ง ผมเองก็มองมันนิ่งเช่นกัน ก่อนมันจะทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา
“ยูมันบ้า”

พูดจบก็มีท่าทีเลิ่กลั่กเพราะขวยเขินให้เห็น ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆ ผมก็เกิดมั่นใจขึ้นมาว่าในใจผมตอนนี้รู้สึกกับปั้นรักแบบไหน ถึงมันจะไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับผมสักเท่าไหร่ แต่ผมคงจะทนความน่ารักของมันอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว พอมันเผลอ ผมก็ฉวยโอกาสประทับจูบลงบนหน้าผากของมันฟอดหนึ่งเต็มรัก

ถอนริมฝีปากออกมาได้ ปั้นรักก็ทำหน้าเหวอ อ้าปากเตรียมจะด่าผมทันที

“เฮ้ย! ทำอะ...”
“พี่ชอบปั้นนะ”

ผมไม่ปล่อยให้มันได้ด่า พูดแทรกขึ้นมาก่อน ปั้นรักนิ่งค้าง ทำหน้าเหลอหลาทันควัน

“เมื่อกี้ยูว่าอะไรนะ”
ถามซ้ำอีกครั้งประหนึ่งไม่แน่ใจด้วย

“พี่บอกว่า...พี่ชอบปั้นนะ” ผมย้ำอีกครั้ง
เท่านั้น ใบหน้าของปั้นรักก็แดงซ่านทันควัน ผมขยับเข้าไปใกล้ โน้มใบหน้าลงเล็กน้อยเพื่อที่กระซิบข้างหู
“พี่ชอบปั้น แล้วปั้นชอบพี่ไหม”
“มะ...ไม่รู้!”

มันเอาแหนบวางกระแทกลงบนพื้นที่ข้างๆ อ่างล้างหน้าทันที ก่อนที่มันจะรีบวิ่งพรวดพราดออกจากห้องน้ำไป ผมโผล่หน้าออกไปมองตามก็เห็นว่ามันกระโดดขึ้นเตียง เอาผ้าห่มคลุมโปงแล้วโวยวายไม่หยุด

“ไม่รู้โว้ย! หยุดถาม! You need to stop talking sh*t! (หยุดพูดอะไรบ้าๆ ได้แล้ว!)”

แปลไม่ออกอะ แต่พอจะเดาได้ว่ามันด่ากลบเกลื่อนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้อยู่

ทว่าถึงจะโดนด่า ผมก็ยังมั่นใจเหมือนเดิมว่า... ผมชอบไอ้ตัวน่ารักตัวนี้เข้าให้แล้ว
-------------------------
มาต่อเถอะ เบี้ยวมาหลายวันแล้ว 555
ตอนนี้พี่ดื้อใจพังเพราะบักปั้นหลายรอบมาก บักปั้นก็ซึนไม่เลิก
แหมมม ทำเป็นเล่นตัว น่าตบให้หายดีดดิ้นสักที 555
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะคะ ฝากฟีดแบ็กไว้ด้วยเน้อ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น่ารุักจนเผลอใจ

ออฟไลน์ windwrite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เรามองข้ามความน่ารักของแนไปได้ยังไงอ่านตอนนี้แล้วปั้นดูดีมาก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อย่าหลอกเด็กแล้วทิ้งให้เขาอยู่ที่ลาวละพี่ดื้อ :hao7:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ทำไมปั้นรักมาน่ารักเอาตอนนี้ :hao7:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
แหมมมมมมมมม
พอความรักเข้าตา อะไรๆก็น่ารักไปหมด
เด็กกวนตี_ คนนั้นหายไปไหนแล้วคะพี่ดื้อ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 12: ศึกชนช้าง

ปั้นรักก็คือปั้นรัก ต่อให้ผมบอกว่าชอบมันหรือมันรู้สึกอะไรกับผมอย่างเดียวกับที่ผมรู้สึกกับมัน มันก็ไม่พูดออกมาให้เสียหน้าหรอก มันเลยทำได้แค่เงียบแล้วก็กวนบาทาไปเรื่อยเพื่อกลบเกลื่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็เท่านั้น ผมไม่ได้ว่าอะไรมันหรอก ตอนนี้ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็น่ารักในสายตาผมไปหมดแล้วล่ะ แต่เอาจริงๆ ผมก็อยากรู้นะว่ามันคิดยังไงกับผมบ้าง เวลาเราบอกชอบใครสักคน เราก็อยากจะได้คำตอบใช่ไหมล่ะว่าอีกฝ่ายคิดยังไง ทว่าพอผมถาม...

“พี่ชอบปั้น แล้วปั้นชอบพี่ไหม”

...มันก็เบี่ยงประเด็น ไม่ยอมตอบคำถามทุกที

“ถามอะไรนักหนาเนี่ย วุ้ย!”
“เอ้า ก็อยากรู้” ผมว่าขณะที่เราทั้งคู่กำลังเดินไปหาอะไรในละแวกเกสต์เฮ้าส์รองท้องในช่วงเย็นหลังจากที่เราเที่ยวเล่นแถวๆ นี้เป็นที่พอใจแล้ว

วันนี้พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวไหน เพราะผมบอกกับมันว่าไม่อยากรีบเที่ยว เที่ยวมาหลายวันติดๆ กันแล้ว เดินทางมากเกินไปมันเหนื่อยอะไรแบบนั้น แต่จริงๆ ผมแค่จะประวิงเวลาเพื่อที่จะอยู่กับมันให้นานกว่าเดิมก็เท่านั้นเอง

“เก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้บ้างเถอะ”

พอพูดไปอย่างนั้น ปั้นรักก็หันมาแหว หน้านี่งอง้ำเป็นม้าหมากรุกเลย แต่ผมรู้นะ มันแสร้งทำเป็นหงุดหงิดกลบเกลื่อนความเขินอายต่างหาก ไม่ได้หงุดหงิดจริงหรอก

“ถ้าไม่อยากให้พี่ถามบ่อยๆ ปั้นก็บอกมาสิว่าคิดกับพี่ยังไง” ผมตอแยไม่เลิก
ปั้นรักหยุดเดิน หันมามองหน้าผมทันใด
“ถ้าไอบอกว่าไม่ชอบยูแล้วยูจะทำยังไง”
“ก็ไม่ยังไง พี่ก็คงจะถอย แต่ถ้าบอกว่าชอบ พี่ก็จะเดินหน้าจีบ” ผมว่าไปตามตรง
ปั้นรักก็ยังคงไม่บอก ผมเลยถามไปอีก
“ตกลงชอบพี่ไหม”

ตอนถามประโยคนี้ แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ด้วย ใครจะว่ากะล่อนหรืออะไรก็ช่างเถอะ เพราะเวลาทำแบบนี้ ปั้นรักก็จะทำสีหน้าไม่ถูก มันดู...น่ารักดี

“มะ...ไม่ชอบ!”

ถูกทำอย่างนั้น ปั้นรักก็โวยวายใส่ผมเสียงดังเลย ผมแกล้งทำปากยู่
“ว้า เสียดายจัง แต่ถ้าปั้นไม่ชอบพี่ แล้วปั้นยอมให้พี่จูบ...ไม่สิ จูบพี่ทำไมเหรอหืม?”
แกล้งหยอกไปอีก คราวนี้ปั้นรักหน้าง้ำกว่าเดิม
“ไอก็บอกแล้วไงว่าแค่อยากจะลองพิสูจน์น่ะ!”
“พิสูจน์อะไร”

เออ ผมจำได้ว่าปั้นรักเคยพูดนะว่าที่จูบผมเป็นเพราะต้องการจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง

พอสิ้นเสียงผม ปั้นรักก็มีท่าทางอึกอักขึ้นมา

“ไปกินข้าวกันสักที ไอหิวจะแย่แล้ว”

แถมไม่ยอมตอบอีกต่างหาก ผมเห็นมันเดินดุ่ยๆ ไปข้างหน้าก็รีบก้าวยาวๆ ไปคว้าแขนมันเอาไว้ ดึงให้มันหันกลับมาเผชิญหน้ากับผมแล้วถามขึ้นอีกครั้ง

“บอกพี่มาก่อนว่าพิสูจน์อะไร”
“อะไรของยูวะเนี่ย ปล่อย!”
“พี่จะปล่อยถ้ายอมบอกว่าปั้นจะพิสูจน์อะไร”
“น่ารำคาญฉิบ”

มึงน่ารำคาญกว่าอีก มีอะไรก็ไม่พูด ลีลาท่ามากอยู่ได้

แต่ไม่ว่ามันเลยสักคำ ได้แต่บ่นในใจ

แหม ก็ใครจะกล้าว่ากันล่ะ เดี๋ยวน้องปั้นรักของพี่ดื้อก็ตกใจเตลิดเปิดเปิงหมด กว่ามันจะกลายเป็นผู้เป็นคนแบบนี้ได้ เล่นเอาผมอยากกระโดดถีบขาคู่ไปหลายรอบ ผมไม่ยอมให้มันกลับไปเป็นแบบเดิมอีกหรอก

“ว่าไง จะบอกพี่ไหม ไม่บอก พี่ก็ไม่ปล่อย ไม่ปล่อยแล้วก็จะจูบด้วย” ผมถามย้ำอีกครั้ง พร้อมกับขู่แบบขำๆ เล็กน้อย
ปั้นรักที่ถูกผมจับอยู่เบนสายตาไปทางอื่นก่อนว่าเสียงเบา
“เผด็จการว่ะ”
“บอกเร็ว” ผมย้ำอีกระลอก
ปั้นรักเหลือบมองหน้าผม ก่อนตอบออกมาตรงๆ
“ไอก็แค่อยากจะพิสูจน์ว่าเป็นหรือเปล่า”
“เป็น?”
“เป็นเกย์ ไอแค่อยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเกย์หรือเปล่าเลยจูบยูอีกรอบเพราะตอนที่ถูกยูจูบ ไอรู้สึกดีไง”

กลายเป็นผมบ้างแล้วที่นิ่งไป นิ่งแค่ตัวนะ แต่หน้าไม่ได้นิ่งตาม ยิ้มแป้นแล้นชวนให้คนมองหมั่นไส้เลยทีเดียว
“ไม่ต้องยิ้มปากฉีกถึงรูหูก็ได้มั้ง” มันค่อนขอดมา
ผมแสร้งทำหูทวนลม
“แล้วตกลงพิสูจน์ได้ไหม”
“ไม่รู้” ปั้นรักว่าอุบอิบ “รู้แต่ว่าจูบกับยูแล้วรู้สึกดี” พูดประโยคนี้จบแล้วก็เบนสายตาไปทางอื่นอีกครั้ง

ผมล่ะอยากจะจับมันมาขยำขยี้ให้หายมันเขี้ยวจริงๆ

น่ารักอะไรอย่างนี้นะ!

ทว่าก็ได้แต่เต๊าะมันไปเรื่อยๆ เท่านั้น

“แล้ว...อยากลองพิสูจน์อีกทีไหมล่ะ”
ปั้นรักเหลือบมองผม ผมไม่รอคำตอบก็ขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปบนเรียวปากมันแผ่วเบา
“รู้ตัวหรือยัง” ผละออกมาได้ ผมก็ถามอีก

ปั้นรักนิ่งงัน มองหน้าผมแล้วก็กัดริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะถาม
“ไม่กินข้าวแล้วใช่ปะ”
“อยากกินปั้นมากกว่า”

อันนี้พูดจริง ไม่ได้พูดเล่นเลยแม้แต่น้อย มันน่ารักมากจริงๆ น่ารักจนผมอยากจะทำอะไรสักอย่างให้มากกว่านี้ แต่ก็หยอดไปแบบทีเล่นทีจริงแหละนะ ไม่กล้าบุกอะไรมาก เดี๋ยวปั้นรักจะตื่นตกใจไปก่อน

ทว่าการที่ผมพูดไปอย่างนั้น จู่ๆ ปั้นรักก็โพล่งขึ้นมาเร็วๆ
“งั้นรออยู่นี่แป๊บนึง เดี๋ยวมา”
“ไปไหน”

ผมทำท่าจะเดินตามไป หากแต่ปั้นรักหันมาชี้นิ้วเป็นสัญญาณบอกให้ผมยืนอยู่กับที่ พอผมหยุด ไม่เคลื่อนไหว มันก็รีบก้าวเข้าไปยังมินิมาร์ทที่อยู่ไม่ไกล ใช้เวลาพักหนึ่งถึงกลับออกมา ผมพยายามมองหาว่ามันซื้ออะไรมาก็ไม่เห็น แถมพอจะถาม มันก็ไม่เปิดโอกาสให้ถามอีกต่างหาก เดินกลับมาได้ก็ออกคำสั่งกับผมเสียอย่างนั้น

“ถ้าไม่หิวก็กลับห้อง”

เอาจริงๆ คือผมหิวนะ แต่ในเมื่อมันชวนกลับห้องอย่างนั้น ผมก็เดินตามต้อยๆ ไม่มีข้อโต้แย้งอะไรเลยแม้แต่น้อยเพราะอยากรู้ว่ามันจะทำอะไร

ซึ่ง...พอกลับมาถึงห้องแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหนือความคาดหมายของผมมากๆ ทันทีที่ปิดประตูห้องได้ ปั้นรักก็พูดออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“มาจูบกัน”
ผมถึงกับเบิกตาโตทันทีด้วยความตกใจ
“พูดจริง?”
“เออ ไออยากมั่นใจอีกทีว่าตกลงรู้สึกยังไงกับยูกันแน่”

ไม่พูดเปล่า จัดการลากผมมานั่งบนเตียงเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายดึงผมเข้าไปจูบเองด้วย

ริมฝีปากของมันยังคงมีรสหวานเหมือนเดิม ตอนแรกผมกะว่าจะปล่อยให้มันเป็นฝ่ายจูบจนกว่าจะพอใจ ทว่าพอได้ลิ้มรสเรียวปากนั้นแล้ว ผมก็อดใจไม่ไหว รุกล้ำโพรงปากด้วยการแทรกปลายลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นของมัน ปั้นรักเองก็ไม่ปฏิเสธหรือหลีกหนีแม้แต่น้อย ตอบสนองเป็นอย่างดี อะไรไม่ว่า ยังจะเป็นฝ่ายรุกอีกด้วย จนผมชักทนไม่ไหว เผลอทำอะไรที่มากกว่าการจูบลงไป

มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อยืดของปั้นรัก ลูบไปบนหน้าท้องที่มีลอนกล้ามอ่อนๆ ไต่ระดับขึ้นไปยังแผงอก หยอกล้อกับตุ่มไตเม็ดเล็กๆ จนมันชูชันขึ้นมา หูได้ยินเสียงของปั้นรักครางฮืมในลำคออย่างพึงพอใจ ก่อนที่มันจะละริมฝีปากออกมาเล็กน้อยเพื่อถอดเสื้อแจ็กเก็ตที่สวมอยู่ออก จังหวะนี้เองที่สายตาของเราทั้งคู่ประสานกัน ไม่รู้ทำไม สายตาของมันที่มองผมในตอนนี้ถึงได้ดูหวานฉ่ำมากเป็นพิเศษ เป็นสายตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่มันดู...ยั่วมาก

ไม่แน่ใจว่าปั้นรักตั้งใจหรือเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ที่รู้ๆ คือมันทำให้ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป ดึงมันเข้ามาบดจูบหนักหน่วงอีกครั้ง ปั้นรักประคองท้ายทอยผม กดให้เข้าใกล้มันยิ่งขึ้น

เนิ่นนานทีเดียวที่เราต่างคนต่างแลกเปลี่ยนชิมรสชาติหวานของกันและกันอยู่อย่างนั้น จนถึงเวลาอันสมควร ผมจึงถอนริมฝีปากออกจากปั้นรักอย่างอ้อยอิ่ง ยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูคนตรงหน้าที่ตอนนี้หน้าแดงรื้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เดาว่าตอนนี้ไม่ได้แดงเพราะเขินอาย แต่เป็นเพราะอย่างอื่นมากกว่า

“ยู...”
“เรียกอ้ายดื้อสิ”
พอได้ยินมันคราง ผมก็ว่าสวน ปั้นรักจึ๊ปากเล็กน้อย ก่อนจะเรียก
“ไอ้ดื้อ”
“อ้ายๆ ไม่ใช่ไอ้” ผมหัวเราะ แก้ต่างให้
“มันก็คือๆ กัน” มันยังจะมีหน้ามาเถียงข้างๆ คูๆ อีก

ผมแกล้งจูบหน้าผากมันแรงๆ ไปทีหนึ่ง พลันผละออกมา
“งั้นเรียกว่าพี่ดื้อก็แล้วกัน”
มันหัวเราะในลำคอ ทำเหมือนจะไม่ยอมพูด แต่สุดท้ายก็...
“พี่ดื้อ”

ผมยิ้มไม่หุบเลย

น่ารักโคตรๆ!

ถึงปั้นรักดูเป็นคนเกรียนๆ เรื้อนๆ ปากไม่ค่อยดี ไม่มีหูรูด แต่ไม่น่าเชื่อว่าพอได้ลิ้มรสแล้ว มันจะหวานขนาดนี้ แถมตอนว่านอนสอนง่ายก็น่ารักเสียจนผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ดึงมันเข้ามาประทับริมฝีปากอีกครั้งเบาๆ ก่อนจะถามออกมาชนิดที่ว่าลืมไปเสียสนิทว่าจริงๆ แล้วพวกเรากลับห้องมาทำไม

“พี่ขอได้ไหม”
ไม่ต้องอธิบายให้มากความ ปั้นรักก็รู้ว่าผมหมายถึงอะไร มันเม้มปากไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าให้ผมทำมากกว่านี้ได้

ความกลัดมันตามประสาชายหนุ่มและความอดทนที่ผมกักเก็บมานานปะทุออกจนหมด แทบรอกดปั้นรักลงไปนอนเสียไม่ไหว ผมโน้มใบหน้าไปประกบปากจูบเรียวปากนุ่มอีกระลอก ดูดกลืนความหอมหวานจากคนตรงหน้าอย่างกระหายขณะที่อีกฝ่ายก็จูบผมตอบเช่นเดียวกัน

จูบตอบอย่างร้อนแรง... ร้อนแรงมาก ร้อนจนผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

ผละออกมาถอดเสื้อจากตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ส่วนปั้นรักก็รู้งาน ดึงเสื้อยืดออกจากร่างกายตัวเองเช่นกัน ตอนนี้เราสองคนอยู่ในสภาพที่เปลือยท่อนบนกันทั้งคู่ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงใดๆ อีกต่อไป ผมโผเข้าหามัน ส่วนมันก็พุ่งเข้ามากอดผม จูบกันนัวเนีย แลกลิ้นเป็นพัลวัน

ความร้อนรุ่มที่พร่างพรายไปทั้งกายทำให้ผมชักจะทนเล้าโลมต่อไม่ไหว

ไม่ไหวแล้ว อยากทำ... จะทำเดี๋ยวนี้

ไหนๆ ปั้นรักก็เป็นคนลุยๆ อยู่แล้ว ถ้าผมจะบุกเลยมันก็คงไม่เป็นไร กดเลยก็แล้วกัน

คิดแล้วก็เอื้อมมือไปจะดันไหล่ให้คนตรงหน้านอนราบไปบนฟูก หากแต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ผมก็เป็นฝ่ายถูกดันเสียเอง

ตุ้บ...

ผมล้มลงนอนราบบนเตียง มองปั้นรักที่กำลังขึ้นมาคร่อมผมพร้อมสีหน้าหื่นกาม หื่นอย่างเดียวไม่ว่า แม่งเอาหน้ามาซุกไซ้ซอกคอผมแล้วด้วย

รุกหนักนี่หว่า...

ปล่อยให้มันพรมจูบตามลำคอผมได้ครู่หนึ่ง ผมก็เป็นฝ่ายจับมันพลิกตัวแล้วขึ้นคร่อมบ้าง ลากฝ่ามือข้างหนึ่งไปบนแผงอกที่แน่นไปด้วยกล้าม จมูกซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ลากปลายลิ้นกระตุ้นอารมณ์ด้วยความหื่นไม่แพ้กัน แล้วก็ต้องสลับตำแหน่งเมื่อจู่ๆ ผมก็ถูกปั้นรักพลิกตัวขึ้นมาคร่อมอีกรอบ

ปั้นรักทำแบบเดิม เริ่มไต่ระดับลงไปยังหน้าอกผม ละเลงจูบไปทั่ว ผมมองท่าทางนั้นแล้วก็คิดเอาเองว่าปั้นรักคงอยากจะออนท็อป แต่ด้วยความที่ผมเป็นรุกไง ผมเลยไม่ค่อยชอบถูกกระทำสักเท่าไหร่ต่อให้เป็นการเล้าโลมก็เถอะ

อดทนรอให้ปั้นรักเล่นสนุกได้ครู่หนึ่ง ผมก็จับปั้นรักพลิกลงมานอนอีก ปั้นรักจึ๊ปาก ทำหน้าไม่พอใจ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไร มันก็จับผมพลิกลงนอน หยอกล้อกับร่างกายผมได้ครู่หนึ่ง แล้วผมก็จับมันพลิกลงนอนแทน

ปั้นรักชักสีหน้า ดันหน้าผมออกแล้วจับผมพลิก

ผมล้มลงนอน มันยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ผมก็จับมันพลิก

มันบุ้ยปาก ลุกขึ้นมาจับผมพลิก

ผมจับมันพลิกอีกครั้ง

มันก็จับผมพลิกกลับมานอนอีก

คราวนี้ไม่พลิกเปล่า ยกขาผมทั้งสองข้างขึ้นชันเข่า แทรกตัวเองเข้ามาตรงกลางระหว่างขาผมจนเป้ากางเกงของเราสัมผัสกัน

เดี๋ยวนะ กูว่ามันทะแม่งๆ แล้ว...

“หยุดก่อนนะปั้น”
ผมรีบร้องทัก เอามือดันหน้าไอ้เด็กนั่นที่กำลังจะครอบครองยอดอกผมออกห่างจากตัว ปั้นรักเงยหน้าขึ้นมา ขมวดคิ้วยู่อย่างไม่พอใจที่ผมขัดจังหวะพร้อมส่งเสียงถาม

“What? (อะไร)”
อันนี้ผมแปลได้ ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาก็คือมึงคร่อมกูทำไม!? คร่อมไม่พอ แม่งเอาตัวแทรกเข้ามาระหว่างกลางด้วย มึงคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่!?

“พี่ว่าโพสิชันมันผิดนะ”
ผมไม่โวยวาย บอกไปเสียงนิ่งๆ ปั้นรักได้ยินแล้วก็ย่นคิ้วหนักกว่าเดิม
“ผิดตรงไหน”
“ก็ที่เป็นอยู่เนี่ยมันผิด”

ผมชี้นิ้วให้ดูสภาพที่ผมนอนแล้วถูกมันคร่อมเอาไว้ ปั้นรักมอตามงแล้วก็หรี่ตามองผม เหมือนจะเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้
“อย่าบอกนะว่ายู... เป็นรุก?”

รู้จักกันมาตั้งพักหนึ่งแล้ว มึงเพิ่งรู้ว่ากูเป็นรุกเหรอไอ้ปั้น! โอ้โห ดูขนาดตัวกูด้วย ใหญ่โตมหึมาเป็นรถบรรทุกขนาดนี้ มึงจะให้กูเป็นรับหรือไง!

ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกถ้าหากฝ่ายรับจะตัวใหญ่ แต่ไม่ใช่ผมไง หน้าแม่งก็หนวดเฟิ้มด้วยเถอะ จะเป็นรับที่เถื่อนไปหน่อยไหม

ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างระอากับความเข้าใจผิดของมัน ก่อนพยักหน้ารับเบาๆ
“พี่ถึงได้บอกไงว่าโพสิชันมันผิด”
ปั้นรักทำหน้าไม่เชื่อ ถอยห่างจากผม ยกมือขึ้นปิดหน้าปิดปาก บ่นพึมพำ
“แล้วยูจะให้ไอเป็นรับว่างั้น? Gosh! Are you f*cking kidding me!? (พระเจ้า! ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย!?)”

แปลได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ช่างมันเถอะ พอจะรู้ว่ามันคงไม่อยากจะเชื่อชะตากรรมตัวเอง ผมเลยได้แต่ปลอบใจมันไปตามเรื่องเพราะรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกของมัน...กับผู้ชาย

“ไม่เป็นไรปั้น เดี๋ยวพี่จะอ่อนโยนกับปั้นนะ”
ลูบหัวมันไปด้วยเผื่อมันจะใจเย็นลง ทว่าไม่ มันดึงมือตัวเองที่ปิดหน้าอยู่ลงแล้วถามผมกะทันหัน
“ปิโตรเลียมเจลหรือออยล์?”
“ฮะ?”

ผมทำหน้างงฉับพลัน ส่วนมันก็ก้มลงไปคุ้ยเสื้อแจ็กเก็ตที่มันถอดแล้วโยนทิ้งไปก่อนหน้า คว้าเอาของบางอย่างออกมาถือในสองมือให้ผมเลือกแล้ว
“ถามว่าปกติยูใช้ปิโตรเลียมเจลหรือออยล์ จะได้เลือกใช้ถูก แต่ไอว่าปิโตรเลียมเจลมันเหนียว ใช้ออยล์น่าจะเวิร์กกว่า ลื่นดี แล้วใช้ท่า Doggy style ด้วย เข้าง่าย ไม่เจ็บ”

นี่มึงมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกจริงหรือเปล่า ทำไมรู้ดีจังวะ แล้วไอ้ของที่มึงว่านี่มึงไปหามาตั้งแต่เมื่อไหร่!

นึกขึ้นได้ทันทีว่าก่อนหน้านั้นมันแวะเข้ามินิมาร์ท

ที่แท้...มึงก็ไปซื้อไอ้พวกนี้มานี่เอง ไอ้ปั้น... เตรียมพร้อมมาก แสดงว่าคิดจะรุกกูตั้งแต่แรกแล้วสินะ เด็กเวรจริงๆ เลยมึงเนี่ย!

“ไม่เวิร์กทั้งคู่ ปิโตรเลียมเจลมันเหนียวอย่างที่ปั้นว่า ส่วนออยล์...เอาไว้ทาผิวหรือใส่ผมเถอะ มันไม่ค่อยช่วยหรอก ถ้าจะใช้ตัวช่วยก็ต้องใช้อันที่มันทำมาเฉพาะเพื่อทำกิจกรรมนั้นเลย”

ผมอธิบาย ในใจก็นึกขำกับความเตรียมพร้อมของมันไม่น้อย แต่เหมือนจะไม่ใช่ประเด็น เพราะทันทีที่ผมพูดจบ ปั้นรักก็มีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมา
“เอ้า ถ้าใช้ไม่ได้ แล้วยูจะหยุดไปดื้อๆ แบบนี้?”
“ก็เราไม่พร้อม พี่ก็ไม่อยากจะฝืนปั้นด้วย ไว้วันหลังเถอะเนอะ”
“อะไรวะ ศึกชนช้างล่มซะงั้นอะ” มันพึมพำ แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ

ผมก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำนะ โคตรอยากจะทำเลย แต่ถ้าฝืนทำต่อไป ผมกลัวว่าปั้นรักจะเจ็บตัวน่ะ หยุดแค่นี้แล้วไว้ต่อวันหลังจะดีกว่า

“พี่เป็นห่วงปั้นนะถึงได้หยุดแค่นี้” ผมให้เหตุผล
ทว่าให้เหตุผลไปก็เท่านั้น ปั้นรักไม่ได้มีสีหน้าดีขึ้นแม้แต่น้อย บูดบึ้งเสียจนน่าจับมาตีก้นให้รู้แล้วรู้รอด
“บ่มีไก๊แท้ๆ เสพบ่มิสม”

แถมยังจะดูถูกผมอีก ผมถึงกับต้องสงบสติอารมณ์ตัวเองเป็นพัลวัน

หึย ถ้าไม่กลัวว่ามึงจะเจ็บตัว ป่านนี้กูทำไปนานแล้ว

อุตส่าห์เป็นห่วงมันแท้ๆ แต่มันยังคงถามไม่เลิก
“สรุปไม่อยากเยแล้ว?”

ผมถึงกับเบิกตาโต

มึงก็จะพูดตรงเกินไปไหม! รู้ไหมเนี่ยว่ามันหมายความว่าอะไร!

เออ แต่คงไม่ต้องอายแล้วล่ะ มาถึงขั้นนี้กันแล้ว จะใช้คำว่าอะไรก็ช่างเถอะ

“ใครว่าไม่อยาก แต่เอาไว้วันหลัง วันนี้ยังไม่พร้อมก็เอาไว้ก่อน”
“ฮ่วย!” ปั้นรักแสดงท่าทางฮึดฮัดออกมา
“ถ้าจะอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้ งั้นวันนี้ทำแค่ภายนอกดีไหม”

สุดท้ายผมก็เลยต่อรอง พอเข้าใจอยู่ว่าการที่มีอารมณ์รุนแรงอย่างนั้นแล้วจู่ๆ มาหยุด มันทำให้เสียอารมณ์ก็เลยลองเสนอดู
ปั้นรักมองหน้าผมครู่หนึ่งพลันพยักหน้า “จะทำอะไรก็รีบๆ ทำก่อนที่ไอจะเปลี่ยนใจ”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็ไม่รอแล้ว จัดการดันปั้นรักให้นอนราบลงไป ประทับจูบบนเรียวปาก ผละออกมาก็ไล่ไปตามต้นคอ แผ่นอก หยอกเย้าตุ่มไตเล็กๆ ด้วยปลายลิ้น มือที่ว่างอยู่ก็จัดการถอดกางเกงออกจากตัวของคนใต้ร่าง ก่อนจะมาจัดการกับตัวเอง ไม่นานนัก เราทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า

สีหน้าของปั้นรักกลับมาดูยั่วยวนอีกครั้ง และทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อมือของผมกอบกุมอยู่บนส่วนกลางลำตัวของมัน พอเคลื่อนไหว เสียงครางอือออก็ดังลอดออกจากริมฝีปากหนา ผมเร่งจังหวะทีละน้อยจนปั้นรักชักทนไม่ไหว ผวาคว้าผมไปกอดแน่น ปากก็ยังครวญครางไม่หยุด

“อะ...อ้ายดื้อ...”
ถึงจะถูกเรียกด้วยสรรพนามไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่ได้ยินก็ทำให้หัวใจผมพองโตจนแทบปริแตก และผมก็ได้โอกาสในตอนนี้ ก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง
“ปั้น...ชอบพี่ไหม”

ไม่มีเหตุผลที่ปั้นรักจะต้องปฏิเสธอีกต่อไปแล้ว หรือไม่อย่างนั้นก็เพราะตกอยู่ในห้วงอารมณ์หวามไหวก็เป็นได้ มันถึงรีบพยักหน้ารัวๆ

“พูดสิ...” ผมแกล้งผ่อนความเร็วลงเพื่อยั่วให้ปั้นรักทรมาน
ปั้นรักทำหน้าขัดใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมพูด
“ชอบ...ไอชอบยู แค่นี้พอใจหรือยัง”

ผมยิ้มรับ จูบลงไปบนริมฝีปากของคนใต้ร่างเบาๆ
“พอใจแล้วครับ”

จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปตามอย่างที่ควรจะเป็น พร้อมกับความสุขแทบกระอักที่ผมไม่ได้สัมผัสมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ปั้นรัก... ผมชักจะเริ่มหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้วสิ




 
หลังจากผ่านกิจกรรมเข้าจังหวะแบบไม่เป็นทางการไปเป็นทีเรียบร้อย ปั้นรักก็ผล็อยหลับหมดสภาพด้วยถูกผมรังแกจนหมดแรง ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ได้รับการปลดปล่อยอะไรอย่างนั้นหรอกนะ ผมเองก็ถูกปั้นรักรังแกเหมือนกัน แต่มันถูกผมกระทำมากกว่า ตอนนี้ผมเลยได้นอนมองหน้ามันขณะหลับไปเพลินๆ โดยลืมไปสนิทเลยว่าเราทั้งคู่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ตอนเย็น แน่นอนว่าพอมันตื่น มันก็จะหิว ผมเลยตั้งใจจะลุกไปหาซื้ออะไรมาไว้ให้มันกินก่อนที่ร้านแถวนี้จะปิด

ทว่าพอลุกจากเตียงไปแต่งตัวและคว้ากระเป๋าคาดหน้าอก ผมก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเชือกรัดข้อเท้าที่ซื้อไว้ตั้งแต่ไปวังเวียงอยู่ในนั้น ผมหยิบมันออกมาไว้ในมือ พลันหันไปมองทางปั้นรัก ก่อนจะตัดสินใจคว้าเอาเส้นหนึ่งไปมัดให้ที่ข้อเท้าของคนที่นอนหลับอยู่ มัดยังไม่ทันเสร็จ ปั้นรักก็รู้สึกตัวตื่นเสียก่อน

“ทำอะไร” ตื่นไม่พอ ยังจะผงกหัวขึ้นมามองอีกต่างหาก ผมยังไม่ทันจะตอบ มันก็ใช้แขนข้างหนึ่งเท้าหัวแล้วว่ายิ้มๆ “อะไร แค่ทำภายนอกแค่นี้ถึงกับต้องตีตราจองเลยหรือไง”
“แค่อยากให้นกเพนกวินมันมีเจ้าของ”

ผมว่ายิ้มๆ ขณะที่ปั้นรักหัวเราะออกมา

“สัญลักษณ์ของความเป็นเกย์”
ไม่รู้ว่ามันกำลังว่าผมหรือเยาะเย้ยตัวเองกันแน่ที่สุดท้ายแล้วมาชอบผมอย่างนี้ ผมมัดให้มันเสร็จก็ขยับเข้าไปนั่งข้างๆ มัน พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของปั้นรักเบาๆ

“จะเป็นสัญลักษณ์ของอะไรแล้วมันสำคัญตรงไหน แค่นกเพนกวินมันมีเจ้าของแล้วก็ได้อยู่เป็นคู่ แค่นี้ก็พอแล้ว มันจะได้รักกันไปชั่วนิรันดร์”

ครั้งนี้ผมใช้คำว่า ‘รัก’ ไม่ได้พูดว่า ‘ชอบ’ อย่างที่เคยพูด ปั้นรักคงจะเข้าใจแล้วว่าตอนนี้ผมรู้สึกกับมันยังไง มันยกยิ้มออกมา ก่อนจะมองมาที่ข้อเท้าผม
“แล้วไหนคู่มัน?”
“อยู่ในกระเป๋า” ผมพยักพเยิดไปทางกระเป๋าคาดอกที่ยังคงวางอยู่ที่เดิม
“เอามาใส่สิ”

พอมันพูดมาอย่างนี้ ผมก็เดินไปหยิบมาผูกกับข้อเท้าตัวเองบ้าง
“แบบนี้โอเคไหม” ใส่เสร็จก็ถาม
ปั้นรักพยักหน้ารับ
“เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้ด้วยสิ”
ผมก็หยิบมาถ่ายแหละ ถ่ายเสร็จก็ดูรูปข้อเท้าตัวเองกับข้อเท้ามันที่ใส่เครื่องประดับเป็นคู่กัน พลันนึกอะไรขึ้นมาได้
“ปั้นรู้ไหมว่าแบบนี้เหมือนเราเป็นแฟนกันเลยนะ”

พูดจบก็หันมองหน้าปั้นรัก ผมกะว่ามันคงจะโวยวายหรือไม่ก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่อะไรเทือกนั้น ทว่าก็ต้องพบว่ามันมองหน้าผมแล้วเออออเสียอย่างนั้น

“เป็นแฟนก็เป็นแฟนสิ ยูโสด ไอก็ยังโสด คบกันก็ไม่เสียหาย”

ฮะ...เฮ้ย! พูดจริงดิ!?

ผมเบิกตาโพลงทันทีที่จู่ๆ ก็กลายเป็นแฟนมันโดยไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวนะปั้น หมายความว่าปั้นจะเป็นแฟนพี่ว่างั้น?”
“เหนื่อย จะนอน”

มันไม่ตอบแล้ว พอผมถามปุ๊บ มันก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงปั๊บ ผมมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทิ้งตัวลงไปกอดร่างใต้ผ้าห่มนั้นไว้แน่นจนมันโวยวายออกมา

“อะไรของยูวะเนี่ย อึดอัด!”
“ก็ดีใจอะ” ผมว่า “ดีใจที่มีปั้นเป็นแฟน”

ปั้นรักเงียบไป ผมเลยดึงผ้าห่มออกเพื่อมองหน้ามัน เห็นหน้าปั้นรักแดงแจ๋ ผมก็ฝังจูบแรงๆ ลงบนซีกแก้มมันเต็มรัก ผละออกมาได้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“สัญญาว่าจะดูแลเป็นอย่างดี ฝากหัวใจพี่ไว้ด้วยนะ”
ปั้นรักดูอึกอักไป หน้าแดงยิ่งกว่าเดิมอีก แต่มันก็ยอมพยักหน้ารับน้อยๆ
“อือ จะดูแลให้”

ผมว่าผมไม่ออกไปซื้ออะไรมาให้มันกินแล้วล่ะ แต่จะกินมันอีกรอบแทน

จะรู้บ้างไหมว่าตัวเองมีอิทธิพลกับหัวใจพี่ขนาดไหนเนี่ย เด็กดื้อของพี่ดื้อ...
------------------------------
มาแล้ววว มาหัววันหน่อย ตอนเย็นจะได้ไปอัปเรื่องอื่นแทน
ตอนนี้ปั้นรักดูมึนๆ อึนๆ ดี ตีเนียนให้พี่ดื้อตกร่องปล่องชิ้นเป็นแฟนเฉย พี่ดื้อก็หยอดน้องซ้า 555
ฝากฟีดแบ็กไว้ให้หน่อย เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น้องเอ้ยยยยซื้อมาแต่ละอย่างมือสมัครเล่นจริงๆแต่ปั้นมันใจเด็ดดีนะคิดจะรุกด้วย5555
พี่ดื้อกลับเข้ามาคราวนี้ต้องได้เจลมานะพี่เอามาเยอะๆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ง้อววววววววว :katai2-1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
บทจะเล่นตัวก็เล่น บทจะยอมก็ง่ายๆ นะ
พี่ดื้ออย่ารุนแรงกับน้องปั้นเขานะ สงสาร

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เป็นการคบกันแบบมึนๆ 5555

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น่ารักจริงแหละน้องปั้นรัก สมชื่อเขาเลย

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 13: I love you too

ว่ากันตามตรง ผมก็ยังงงอยู่นะที่จู่ๆ ก็มาเป็นแฟนกับปั้นรักแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ถามว่าผมชอบไหม...ชอบสิ แล้วจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือหรือไง ถึงตอนแรกจะมองว่ามันเป็นคนไม่น่าคบหาหรือไม่น่าเข้าใกล้อะไร ตอนนี้ผมกลับไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ปั้นรักทำอะไรก็น่ารักหมดแหละตอนนี้ เรียกได้ว่าผมเห่อแฟนเต็มขั้น

เห่อแค่ไหนคิดดู ถึงขนาดเอารูปข้อเท้าของผมกับมันอัปขึ้นเฟซบุ๊ก พร้อมกับใส่แคปชันว่า ‘นกเพนกวินต้องมีคู่’ ตอนแรกก็แค่จะอัปเพื่อสนองนี้ดตัวเอง แต่พออัปขึ้นไปได้ไม่ถึงสิบนาทีดี ไอ้แสบกับไอ้แก่นก็รีบโทรมาหาผมทันที ปกติเวลามีอะไรก็จะทักแชทมาใช่ไหม โทรมาหาแค่เฉพาะเรื่องด่วนเท่านั้น ท่าทางงานนี้จะเป็นเรื่องด่วนของพวกมัน เพราะทันทีที่ผมรับสายปุ๊บ เสียงของไอ้แสบก็ดังทะลุออกมา

‘ไหนมึงว่าไปพักใจไงไอ้ดื้อ แล้วไอ้รูปนั่นมันอะไรวะ’

ตามมาด้วยเสียงของไอ้จอมแก่นที่เออออห่อหมกกับพี่ชาย ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางตื่นตูมของพวกมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ก็ไม่มีอะไร กูแค่มีแฟน”
‘แฟน!? นี่มึงอกหักมายังไม่ทันถึงเดือนดีเลย มีแฟนแล้ว?’

แน่นอนว่าเป็นคำพูดของไอ้แสบ ผมรู้อยู่หรอกว่ามันคงจะเป็นห่วงเพราะมันรู้ว่าเวลาผมอกหักแต่ละครั้ง ผมจะเป็นจะตายมากแค่ไหน

“เออน่า ความรักมันไม่ต้องการเวลาหรือเปล่าวะ” ผมว่า
ได้ยินเสียงไอ้แสบค่อนแคะมาอย่างหมั่นไส้ทันใด
‘ทำเป็นพูดดีนะมึง ก่อนหน้านี้ทำเป็นติสต์แตก แล้วแฟนมึงนี่เป็นใครวะ เห็นแต่รูปเท้า ไหนหน้าตา เอามาดูซิ’

มันไม่ถามเลยสักคำว่าแฟนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็อย่างว่านะ มันรู้อยู่แล้วว่าผมมีรสนิยมแบบไหน สิ่งที่มันอยากรู้คงจะเป็นเรื่องข้อมูลของปั้นรักมากกว่า

“เป็นคนไทยลูกครึ่งลาว เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ลูกเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ที่กูไปพักนั่นแหละ”
‘มึงนี่มัน...’

เหมือนจะด่าอะไรผมสักอย่าง แต่ยังไม่ทันจะได้พูด จอมแก่นก็แย่งโทรศัพท์ไปคุย ผมได้ยินเสียงไอ้แสบบ่นน้องชายคนเล็กตามหลังเล็กน้อยก่อนที่จะได้ยินเสียงของจอมแก่น

‘รู้จักเขาดีแล้วเหรอพี่ดื้อถึงไปคบเป็นแฟนน่ะ’
เอาล่ะ แม่คนที่สองมาแล้ว แต่ก็ยอมรับนะว่าคำถามนี้ทำเอาผมฉุกใจคิดขึ้นมาได้

จะว่าไป ผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปั้นรักสักอย่างเลยนี่นา อายุเท่าไหร่ ชื่อจริงชื่ออะไร เรียนจบอะไรมา ชีวิตที่ผ่านมาเป็นยังไง ไม่รู้เลยสักนิด อย่าว่าแต่ผมไม่รู้ ปั้นรักก็ไม่รู้เรื่องของผมเช่นกัน เรียกได้ว่าเราคบกันทั้งที่ยังไม่รู้จักกันดีเลยด้วยซ้ำ

“เรื่องของกูน่า พวกมึงไม่ต้องห่วงหรอก กูดูแลตัวเองได้”
ผมตัดบทแค่นั้น ทว่าไอ้จอมแก่นก็ยังถามไม่เลิก
‘ไม่ห่วงได้ไง ถ้าพี่ดื้อต้องเสียใจอีก คราวนี้ไม่ต้องหนีไปยุโรปเลยเหรอ ตกลงยังไม่รู้จักเขาดีใช่ไหม’

ผมล่ะเกลียดความรู้ทันของมันเหลือเกิน ก่อนจะตัดบทเอาดื้อๆ
“เอาเป็นว่าแฟนกูชื่อปั้นรัก ไว้จะส่งรูปไปให้ดู กูต้องวางแล้ว จะออกไปเที่ยว”
เกือบจะวางสายอยู่แล้ว ถ้าหากว่าจอมแก่นมันไม่ร้องโวยวายมา

‘เดี๋ยวก่อนพี่ดื้อ’
“อะไร”
‘ตัดใจจากพี่เหนือได้แล้วแน่ๆ ใช่ไหม’

คำถามนี้ก็ทำให้ผมชะงักงันไปเหมือนกัน

ตัดใจได้แล้วไหมน่ะเหรอ? ไม่รู้สิ ผมก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ผมยังคิดถึงเขาอยู่ ยังเป็นห่วงและรู้สึกดีๆ ด้วย แต่ว่า...มันไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว

“มึงรู้แค่ว่ากูโอเค แฮปปี้กับสถานะตอนนี้ก็พอแล้ว เลิกถาม กูจะวางสาย”

ตัดบทอีกครั้ง จอมแก่นก็เลยไม่ตอแย พอวางสายไปได้ ผมก็จัดการส่งรูปของผมกับปั้นรักและวิดีโอที่ถ่ายมันตอนก่อนที่มันจะทำกางเกงเป้าขาดไปให้พี่น้องผมดู แน่นอนว่าพวกมันสนุกสนานกันยกใหญ่ พร้อมกับชมปั้นรักมาด้วยว่า...หล่อ

ผมยอมรับ ปั้นรักหน้าตาดีจริงๆ ถ้ามันไม่กวนประสาท แต่ก็นะ ตอนนี้มันจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ ผมรักมันไปแล้ว อะไรก็น่ารักไปหมดแล้วล่ะ

หลังจากจัดการส่งรูปให้ไอ้แสบกับไอ้แก่นดูเป็นที่เรียบร้อย ผมก็นึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมา

แสงเหนือ... ผมจะตัดใจจากเขาได้หรือยังนะ?

อย่างที่บอกว่าผมเองก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว หัวใจของผมก็มอบให้กับปั้นรักไปแล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องเฝ้าคะนึงหาอะไรถึงเขาอีกแม้ว่าในใจอยากจะบอกกับเขาเหมือนกันว่าผมเคยรู้สึกกับเขายังไง เพราะก่อนหน้านี้นั้นไม่มีโอกาสได้บอกว่าชอบหรืออะไรแบบจริงจังสักที

เท่านั้นผมก็กดเข้าไปในรายชื่อในโทรศัพท์ เลื่อนไปที่ชื่อแสงเหนือ ตั้งใจจะลบมันออกจากเครื่อง ทว่าปั้นรักที่เข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเที่ยวเมื่อครู่ก็โผล่ออกมาก่อน ซ้ำยังเดินตรงมาหาผม ชะโงกหน้าถามเสียใกล้โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

“เมื่อกี้คุยกับใคร”
ผมสะดุ้ง หันไปมองก็เห็นว่าหน้าของปั้นรักอยู่ห่างแค่คืบ
“กับไอ้แสบไอ้แก่นน่ะ” ผมบอก ไม่ต้องอธิบายแล้วว่าสองคนนั้นเป็นใครเพราะปั้นรักรู้แล้ว

แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด นอกจากมองมาที่หน้าจอโทรศัพท์แล้วพูดออกมา
“แล้วในมือนั่นเบอร์ใคร”
“อ๋อ ไม่มีอะไร”
ผมบ่ายเบี่ยงด้วยการจะเก็บโทรศัพท์ลงไป ทว่าปั้นรักไวกว่า แย่งโทรศัพท์ไปถือเสียก่อน

“แสงเหนือ...” แล้วก็อ่านชื่อออกมา “แฟนเก่ายูนี่”

ผมยิ้มแห้งๆ ไม่อยากจะปิดบังหรอกนะ แต่ไม่อยากให้เป็นปัญหาหึงหวงอะไรประมาณนั้นก็เลยไม่กล้าบอกมันไปตามตรง
“ไม่ใช่แฟนเก่าสักหน่อย แค่คนที่เคยชอบ” ผมแก้ต่าง

ปั้นรักนิ่ง ฟังหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก่อนที่จะถามผม
“คิดถึงหรือไงถึงได้จะโทรหา”
ไม่รู้ว่าถามอย่างนั้นเพราะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ที่รู้ๆ คือผมรีบแก้ตัวไปแล้ว
“เปล่า พี่แค่จะลบเบอร์เหนือออกจากเครื่อง”

อันนี้ไม่ได้โกหก บอกเรื่องจริง ในใจก็ลุ้นว่าปั้นรักจะหงุดหงิดไหม ทว่าผิดคาด นอกจากจะไม่หงุดหงิดแล้ว ยังส่งโทรศัพท์คืนให้ผมพร้อมกับบอกว่า...
“จะลบทำไม ถ้ายูอยากโทรหาก็โทรสิ”

“หืม?” ผมเลิกคิ้วสูง ขณะที่ปั้นรักเองก็ร้องเสียงสูงเช่นกัน
“เอ้า มาหงมาหืมอะไร ถ้ายูมีอะไรติดค้างอยู่ในใจก็โทรไปเคลียร์สิ จะปล่อยให้มันคาราคาซังทำไมเล่า”
พูดราวกับอ่านใจผมออกอย่างนั้นน่ะ แต่ผมไม่คิดจะทำหรอก ตอนนี้ข้องใจเรื่องความคิดของปั้นรักมากกว่า
“ปั้นอยากให้พี่โทรไปบอกเหนือเหรอว่าเคยชอบเขามากแค่ไหน”
“ถ้ายูอยากบอกก็บอกไปสิ”
“แล้วไม่หึง?”
“จะหึงทำไมในเมื่อหัวใจของยูอยู่กับไอแล้ว”

โอ้โห มั่นใจมาก ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดน้ำเน่าที่มันบอก ทำเอาปั้นรักหน้าม้านทันตาเห็น ตรงมาต่อยไหล่ผมดังตุ้บ

“หัวเราะอะไรวะ ก็แค่พูดเรื่องจริง”
“ก็ใครจะไปคิดว่าปั้นจะพูดแบบนี้” ผมยังคงหัวเราะไม่เลิก

ปั้นรักจะมาหัวเสียเอาตอนนี้นี่แหละ ก่อนที่มันจะเดินไปหาเสื้อผ้าใส่หลังจากนุ่งผ้าเช็ดตัวมาพักหนึ่ง ปากก็บ่นไปด้วย
“อุตส่าห์จะพูดดีๆ ด้วย แม่งก็มาขัดอารมณ์ซะงั้น วันหลังไม่พูดแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น ผมก็รีบกุลีกุจอเข้าไปหาทันที
“พี่ขอโทษนะ พูดอีกนะครับ”

อ้อนแม่งเลย กอดเอว เอาหน้าซุกซอกคอ หอมแก้มหอมคอไปเรื่อย ซึ่งก็ดูท่าทางจะได้ผลเพราะปั้นรักบ่นพึมพำมาอีกนิดหน่อยแล้วก็เงียบไป ปล่อยให้ผมเป็นฝ่ายถามแทน

“แล้วปั้นไม่หึงพี่จริงๆ เหรอถ้าพี่โทรหาเหนือแล้วบอกว่าเคยรู้สึกยังไงน่ะ”

ปั้นรักหันมามองหน้าผมเล็กน้อย “จะหึงทำไม ก็ยูอยู่กับไอไม่ใช่เหรอตอนนี้ อยากบอกก็บอกไปสิ มันเป็นเรื่องระหว่างยูกับแฟนเก่า ไม่ใช่เรื่องของไอสักหน่อย การเป็นแฟนกันมันไม่ได้หมายความว่าไอจะต้องตามหึงหวงเวลายูไปคุยกับคนที่เคยรักเคยชอบนี่ เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นก่อนที่ไอจะรู้จักยูอีก อดีตก็คืออดีต”

ผมถึงกับนิ่งงันในความคิดของปั้นรัก โห ความคิดมันนี่...เด็ดเดี่ยวอะ ถ้าเป็นผมนะ ผมคงตามหึงทุกคนยันอดีตชาติ
“แฟนพี่ใจกว้างจัง” ผมแกล้งหยอก
ปั้นรักมุ่ยหน้า สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนผมอย่างรำคาญ
“ไม่ได้ใจกว้าง เรียกว่ามีเหตุผลเว้ย ถ้าไม่ได้ข้ามเส้นกลับไปคบกันหรืออะไรแบบนั้นก็ถือว่าโอเค”
“แต่ปั้นไม่ต้องห่วง พี่ไม่ไปยุ่งกับแฟนเก่าหรอก แล้วก็นะ จะต้องให้พี่ย้ำอีกกี่ครั้งว่าเหนือไม่ใช่แฟนเก่าพี่ เป็นแค่คนที่พี่เคยจีบ”
“เป็นอะไรก็ช่างเถอะ แต่ยูไม่ต้องลบเบอร์ออกหรอก เอาไว้อย่างนั้นแหละ เผื่อวันไหนคิดถึงจะได้โทรหา”

พูดจบ มันก็เดินไปแต่งตัว ปล่อยให้ผมมองตามพลางอมยิ้ม

ถึงมันจะดูเป็นคนมีปัญหา แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีมุมที่เป็นคนมีเหตุผลขนาดนี้ ทว่าถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่เก็บเบอร์แสงเหนือเอาไว้ พอปั้นรักไม่ได้สนใจอะไรผม ผมก็จัดการลบเบอร์และช่องทางการติดต่อทุกอย่างของแสงเหนือออกจากโทรศัพท์

พอแล้วล่ะ...ผมพอแล้ว ต่อจากนี้ผมจะมีสายตาไว้มองแค่ปั้นรักคนเดียวเท่านั้น



 
หลังจากแต่งตัวแล้วพากันไปกินข้าวเรียบร้อย พวกเราก็ไปเที่ยวตามแพลนที่วางเอาไว้ เริ่มจากการไปเดินเที่ยวตลาดเช้า ชมบรรยากาศเมืองมรดกโลก ก่อนจะแวะไปจิบกาแฟลาวต้นตำรับที่ร้านแถวริมแม่น้ำโขง เสร็จสิ้นแล้วถึงได้ออกไปเที่ยวนอกเมือง ส่วนใหญ่สถานที่เที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันก็เป็นพวกวัดโพนเพา บ้านผานม บ้านช่างไห ปิดท้ายด้วยการไปแวะเดินเที่ยวที่ถ้ำติ่งและน้ำตกตาดกวางชี

คราวนี้ไม่ได้เล่นน้ำเพราะผมอยากจะเดินเที่ยวแบบสบายๆ มากกว่า พอกลับมาถึงที่พักในตอนเย็น พวกเราก็ออกไปเดินเล่นช็อปปิงเรื่อยเปื่อย บอกตามตรงว่าผมแทบไม่ได้สนใจเลยว่าการไปเที่ยววันนี้มันเป็นยังไงบ้าง เพราะความสนใจทั้งหมดของผมจดจ่ออยู่ที่ปั้นรักเท่านั้น

ปั้นรักพูดเจื้อยแจ้ว อธิบายเกี่ยวกับข้อมูลสถานที่ที่ตัวเองพอจะรู้ไปเรื่อย นั่นก็ไม่ได้เข้าหูผมเหมือนกันด้วยผมเอาแต่มองหน้ามันแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กระทั่งเดินมาถึงร้านขายเสื้อร้านหนึ่ง ผมถึงได้เบนความสนใจไปยังสิ่งอื่นนอกเหนือจากผู้ชายข้างๆ อีกครั้ง

“ยูจะซื้อของฝากกลับไปให้พี่น้องของยูไหม ถ้าซื้อก็ไปดู”

ผมมองไปยังร้านที่ปั้นรักชี้ให้ดูถึงได้รู้ว่ามันเป็นร้านขายเสื้อยืดสกรีน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าผมจะต้องซื้อของพวกนี้ไปให้พี่กับน้องด้วย แต่ไม่ได้บอกปั้นรักนะว่าจะซื้ออะไร นี่เหมือนมันเป็นคนเลือกให้ผมเลย

“เสื้อยืดก็ดีนะ คอมมอนดี”

ผมว่า ก่อนจะเดินไปเลือกดูเสื้อยืดที่สกรีนภาษาลาวว่าหลวงพระบางบ้าง ประเทศลาวบ้าง เลือกซื้อให้พี่กับน้องเสร็จ ก็เลือกเสื้อกล้ามที่สกรีนว่า I รูปหัวใจ Laos มาตัวหนึ่ง อันนี้ผมจะซื้อมาใส่เอง ทว่าก่อนจะจ่ายเงิน หูก็ได้ยินเสียงของปั้นรักเสียก่อน

“มีสกรีนเสื้อด้วยนะ ยูไม่เอาเหรอ”

ผมเหลือบมองไปยังป้ายก็เห็นว่ามีภาษาลาวเขียนเอาไว้ พอจะเดาได้รางๆ ว่ารับสกรีนเสื้อที่ระลึกด้วย แต่ผมได้ของที่ต้องการหมดแล้วไง ก็เลยได้แต่บอกปั้นรักไป

“ถ้าปั้นอยากได้ พี่จะจ่ายให้ ไปสั่งสิ”
“ใครบอกว่าไออยากได้” ปั้นรักขมวดคิ้วทันที

ผมรู้ว่ามันคงไม่ได้อยากได้อะไรหรอก แต่ผมอยากซื้อให้น่ะ

“สั่งเถอะ พี่อยากซื้อให้ หรือจะเอาลายเดียวกับพี่ จะได้ใส่คู่กัน”
กลายเป็นว่าผมจะให้มันซื้อเสื้อมาใส่คู่ผมเสียแล้ว ปั้นรักทำหน้าเหยเกทันที
“ไอไม่ใส่ลายเดียวกับยูหรอก มันไม่ swag”

แปลว่าอะไรวะ?

แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ปั้นรักเดินเข้าไปหลังร้านกับพ่อค้าเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักก็กลับออกมา
“เขาบอกให้ไปเดินเล่นก่อน อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยกลับมาเอาของ”
“ปั้นสั่งให้เขาสกรีนอะไรไป”

ผมไม่ได้สนใจเลยว่าจะได้ของเมื่อไหร่ อยากจะรู้ว่าปั้นรักมันสั่งอะไรไปมากกว่า ทว่าผมไม่ได้รับคำตอบเมื่อปั้นรักตวัดดวงตามองหน้าผมแล้วว่าเสียงระรื่น
“เซอร์ไพรส์”
พูดจบก็เดินนำไปทันที ปล่อยให้ผมมองตามอย่างขัดใจที่ไม่ได้รับคำตอบ



 
ผมไม่เคยคิดว่าเวลาครึ่งชั่วโมงมันยาวนานเลยกระทั่งถึงตอนนี้...ตอนที่ผมอยากรู้ใจจะขาดว่าปั้นรักมันสั่งสกรีนเสื้อว่าอะไรนี่แหละ!

พอมันบอกว่าเซอร์ไพรส์ ผมก็คิดไปเองว่ามันจะต้องสกรีนว่า ‘ปั้นรักดื้อ’ หรืออะไรสักอย่างทำนองนี้แน่ๆ แต่ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่อย่างนั้น อีกอย่าง ปั้นรักมันดูไม่น่าจะเป็นคนที่จะทำอะไรอย่างนั้นด้วย ผมเลยได้แต่สงบสติอารมณ์แล้วยืนรอมันอยู่หน้าร้าน ขณะที่มันหายเข้าไปหลังร้านกับพ่อค้าอีกครั้ง และเดินกลับออกมาในอีกไม่กี่นาทีให้หลัง

“ไหน เอามาดูหน่อยว่าไปสกรีนคำว่าอะไรมา”

ผมร้องถามทันทีที่เห็นหน้า ยื่นมือไปกระดิกตรงหน้ามันยิกๆ ด้วย อยากจะรู้เต็มแก่แล้วว่ามันมีลับลมคมในอะไรนักหนาถึงไม่ยอมให้ผมรู้ตั้งแต่แรก

ปั้นรักหันมองผมขวับ ตอบเร็วๆ “ใส่ไปแล้ว”
ผมเลิกคิ้วสูง “เสื้อน่ะนะ”
“เออ ใส่อยู่”

ผมเหลือบมองไปที่ลำตัวปั้นรักทันที ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าในตอนนี้มันใส่เสื้อแจ็กเก็ตแบบรูดซิปปิด เท่านั้นผมก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม

“งั้นขอพี่ดูหน่อยนะ”
“อือ”

ปั้นรักตอบรับเสียงเบา ผมเลยไม่รอช้าที่จะยื่นมือไปรูดซิปเสื้อมันลง เสื้อยืดสีดำด้านในโผล่มาให้เห็นทีละน้อย ก่อนที่ผมจะต้องหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นตัวหนังสือภาษาลาวสีขาวบนหน้าอกมันเต็มสองตา

“อะไรเนี่ย”

ที่ถามอย่างนี้ไม่ใช่เพราะว่าผมอ่านไม่ออกนะ ถึงจะเป็นภาษาลาวแต่ผมก็พอจะเดาได้ว่ามันเขียนว่าอะไร แต่ที่อยากรู้คือทำไมมันถึงเลือกที่จะสกรีนชื่อผมลงไปบนเสื้อต่างหาก

“อะไรคืออะไร” ปั้นรักแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ขมวดคิ้วถามผมกลับ
“ก็นี่ไง ปั้นสกรีนชื่อพี่ลงเสื้อทำไม”
“ใครว่าชื่อยู มันเป็นคำที่ยูใช้เรียกไอต่างหาก ไอ้ดื้ออะไรงี้”

‘จอมดื้อ’ ที่เห็นอยู่บนนั้น ผมมั่นใจว่าเป็นชื่อผมนะ ไม่ใช่สรรพนามที่ผมให้เรียกปั้นรักอะไรสักหน่อย ถึงว่าจะผิดจากที่ผมคาดการณ์ไปเยอะ แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้นะ ก่อนที่จะยื่นมือไปดึงแก้มอย่างมันเขี้ยว

“แถเหรอฮะไอ้ตัวน่ารัก”
ปั้นรักสะบัดหน้าหนี ปากพึมพำขมุบขมิบ
“หลงตัวเองฉิบ”
“ปั้นก็หลงแฟนฉิบ ถึงขนาดสกรีนชื่อพี่มาใส่ ถือว่าไม่ธรรมดา”

แกล้งพูดไปอย่างนั้น ปั้นรักก็ทำหน้าเหยเกทันที

“ยูหลงไอมากกว่าอีก รักปานจะแหกดากดม”

รักอย่างเดียวก็พอ แหกอะไรดมนี่ไม่ต้อง ทุเรศเกิ๊น!

แต่อันนี้ผมก็ไม่เถียงหรอกนะ ก็ปั้นรักน่ารักขนาดนี้ จะไม่ให้หลงได้ยังไง ยิ่งตอนมันเขินแล้วหน้าแดงๆ ด้วยนะ โห เป็นอะไรที่ทำใจผมละลายมาก

“ไม่ปฏิเสธครับ”
ผมว่าพลางคว้ามันมากอดคอ แล้วฝังจมูกลงไปบนแก้มเบาๆ สัมผัสได้เลยว่าหน้าของมันในตอนนี้ร้อนผะผ่าวกว่าเดิมขึ้นมาก ก่อนที่ผมจะกระซิบเพื่อจะให้มันเขินอายมากขึ้นไปอีก
“พี่รักปั้นนะ”

ทว่าปฏิกิริยาของปั้นรักกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคาดหวังเท่าไหร่นัก เพราะแทนที่มันจะอาย มันดันหันมามองหน้าผมพร้อมกับบอกว่า...

“ไปเยกัน”

เฮ้ย เดี๋ยวสิมึง จะมาทำลายบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย

“เอ้ามองๆ ตกลงจะเยหรือไม่เย”
เห็นผมไม่ตอบ มันก็ถามมาอีก ทำเอาผมรีบตอบรับมันทันควัน
“เย แต่ใจเย็นๆ ไปซื้อถุงยางกับเจลก่อน”

ผมก็ดันบ้าจี้ไปตามมันอีก ความจริงตั้งใจจะพูดเล่นๆ นะเพราะนึกว่ามันพูดขำๆ แต่ไม่เลย ปั้นรักมันเอาจริงล้วนๆ พอผมว่าไปอย่างนั้น มันก็ลากผมไปที่ร้านสะดวกซื้อ เร่งเร้าให้ผมรีบเลือกของทันที



 
แล้วก็ไม่รู้เป็นมายังไง รู้ตัวอีกที ผมก็มานั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เกสต์เฮ้าส์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อะไรไม่ว่า...เสื้อก็ถอด เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์ ปั้นรักก็เช่นกัน มิหนำซ้ำ ตอนนี้ผมกำลังถูกปั้นรักหยอกเย้ากับร่างกายอีกต่างหาก

สถานการณ์แบบนี้นี่มันอะไรวะ?

เสียววูบวาบที่สันหลังขึ้นมาอย่างประหลาด ผมพยายามจะไม่คิดอะไรมากนะ กระทั่งเสื้อผ้าบนตัวเราทั้งคู่อันตรธานหายไป แต่ผมยังคงถูกปั้นรักคร่อมร่างเอาไว้อยู่ อะไรไม่ว่า ตอนนี้สายตาเหลือบไปเห็นมันคว้าเอาถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นมาแล้ว

เดี๋ยวๆๆ กูว่าผิดแล้ว!

ผมรีบลุกพรวด คว้ามือมันไว้ทันที ก่อนจะรีบบอกเร็วๆ

“ปั้น... พี่ว่าเรามีเรื่องต้องตกลงกันแล้วล่ะ”
ปั้นรักที่ทำท่าจะแกะกล่องถุงยางเมื่อครู่ขมวดคิ้ว มือยังไม่ปล่อยจากของทั้งสองสิ่งที่ถืออยู่เลยแม้แต่น้อย
“ตกลงเรื่องอะไร”
“โพสิชัน เราจะตกลงกันเรื่องโพสิชัน”

ผมบอก ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะต้องมาคุยเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ปกติแล้วผมเลยต้องมาคุยกับแฟนเรื่องนี้เสียที่ไหนกันล่ะ แต่สำหรับปั้นรักแล้วคงต้องคุย ไม่อย่างนั้นผมได้กลายเป็นเมียมันแน่

“ว่ามา” ปั้นรักทำท่ารำคาญแต่ก็ยอมฟังโดยดี
“คืองี้นะปั้น พี่ไม่อยากจะบังคับหรือบอกให้ปั้นทำตามหรอก แต่ว่า...พี่เป็นรุก”
“แล้ว?”
“คนที่ใช้ของพวกนั้นคือพี่ ไม่ใช่ปั้น” ผมพยักพเยิดไปทางของที่มันถืออยู่ในมือ

ปั้นรักมันเข้าใจแหละ เพราะมันถามกลับมา
“ยูกลัวว่าจะโดนไอเสียบ?”
“ก็...เปล่าหรอก แต่พี่ไม่เคย”

เท่านั้นมันก็หัวเราะออกมา ล้อเลียนผมทันที
“โถ พ่อเวอร์จิ้น”

แหม แล้วมึงไม่เวอร์จิ้นเลยเนอะ มึงเคยโดนใครตีค่ายทัพหลังมาก่อนไหมล่ะ

และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร มันก็ถามออกมาแล้ว

“แล้วถ้าไอไม่อยากเป็นรับ ยูจะยอมให้ไอทำไหมล่ะ”
บอกตามตรงว่าคิดหนักเลย แถมยังกลายเป็นว่าผมตกเป็นฝ่ายรองเสียอย่างนั้น พอเห็นผมไม่ตอบในทันใด ปั้นรักก็ถามย้ำมาอีก
“ว่าไง จะยอมไหม”
“ถ้าปั้นอยากทำ...พี่ก็คงต้องยอม”

จำใจสุดๆ แต่เอาเถอะ มันคงไม่ต่างอะไรจากการเป็นรุกมากนักหรอก

ทว่าพอผมพูดไปอย่างนั้น ปั้นรักก็ยังคงไม่พอใจ ถามออกมาอีก
“ทำไมถึงยอม”
“ก็พี่รักปั้นนี่นา”

สิ้นเสียง ใบหน้าของปั้นรักก็มีรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่มันจะฉกจูบผมแบบไม่ทันตั้งตัว แป๊บนึงก็ผละออกไป ผมมองตามมันอย่างงุนงงในขณะที่มันว่าพลางกลั้วหัวเราะ

“ไม่ต้องทำหน้าหงอยอย่างนั้นก็ได้ ไอก็แค่อยากรู้เฉยๆ ว่ายูจะยอมไหม แล้วก็ไม่ต้องกลัว เรื่องแค่นี้ ไอจะยอมยูก็ได้”
ฟังแล้วก็หูผึ่ง
“สรุปว่าปั้นจะรับ?”
“อือ”

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างลืมตัวจนปั้นรักต้องหัวเราะร่วน

“อะไรวะ เรื่องแค่นี้จะเป็นจะตายเลยหรือไง”
“ก็พี่ไม่เคย”
“แล้วไอเคยหรือไง”

พูดมาถึงประโยคนี้ ผมก็มองหน้ามัน เห็นมันจ้องหน้าผมนิ่ง ผมก็เอ็นดูอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างประหลาด

“แล้วทำไมปั้นถึงยอมพี่” อันนี้อยากรู้เหมือนกัน เพราะลักษณะของปั้นรักดูท่าทางจะไม่ได้เป็นคนยอมใครง่ายๆ
ทว่าคำตอบของมันกลับทำให้ผมต้องยิ้มกว้างออกมา
“เหตุผลเดียวกับยูนั่นแหละ”
“หมายถึง?”
“I love you too”

ไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว ตอนนี้หัวใจผมพองโตจนแทบจะปริแตก อดใจไม่ไหวที่จะคว้ามันมากอด ก่อนประทับจูบลงบนริมฝีปาก ดูดกลืนความหอมหวาน ซึมซับทุกความรู้สึกที่มีราวกับกลัวว่ามันจะจางหายไป ผละออกมาได้ก็กระซิบเสียงพร่าให้ปั้นรักได้จดจำอีกครั้ง

“พี่รักปั้นมากเลยนะ”
“เหมือนกัน”

ยิ่งฟังก็ยิ่งอยากจะสัมผัสร่างกายของคนตรงหน้าให้มากขึ้น ผมเลยไม่รอช้าที่จะเป็นฝ่ายดันร่างของปั้นรักให้ลงนอนและตั้งท่าจะคร่อมร่างของมันบ้าง ทว่าปั้นรักก็ดันรีบแกะของในมือออกจากกล่อง พลันฉีกซอง หยิบเอาถุงยางอนามัยออกมา

แวบแรกผมคิดว่ามันจะเอาให้ผมนะ แต่ไม่...มัน-ใส่-เอง

อะไรไม่ว่า ทำท่าจะเทเจลออกจากหลอดด้วย ทำเอาผมรีบคว้าไว้แทบไม่ทัน

“ปั้นๆๆ เดี๋ยวๆๆ”
แย่งมาถือเองทันใด ขณะที่ปั้นรักมองหน้าผม
“What?”
“ฝ่ายรับไม่ต้องใส่ถุงยาง”
“แล้ว?”
“เจลก็ไม่ต้องบีบออกมาด้วย เดี๋ยวพี่จัดการเอง” พูดไปก็ละเหี่ยใจไป

ไหนมึงบอกว่าจะยอมเป็นรับไง จะทำให้กูเสียวสันหลังทำไมอีกเนี่ย!

แต่เหมือนปั้นรักจะรู้นะว่าผมกังวลอะไร มันหัวเราะร่า ตบบ่าผมเป็นการใหญ่
“แกล้งนิดเดียว ไม่ต้องตกใจหรอกน่า”

ได้ยินอย่างนั้น พร้อมกับเห็นมันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ผมก็มันเขี้ยวขึ้นมา จับมันกดลงนอนราบไปบนฟูก รวบแขนทั้งสองข้างขึ้นมาไว้เหนือหัวแล้วว่าเสียงขุ่นแบบไม่จริงจังนัก

“กล้าแกล้งพี่เหรอ”
ปั้นรักยิ้มทะเล้นอย่างท้าทายแต่ไม่ตอบคำถาม ท่าทางแบบนี้โคตรน่ารักเลย ทำเอาผมต้องคาดโทษออกมา
“เดี๋ยวโดนพี่แกล้งบ้างจะรู้สึก จะเอาให้ลุกไม่ขึ้น”
แต่มันไม่สะทกสะท้านสักนิด บอกผมเสียงระรื่น
“จะรอดู” แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน อ้าแขนออกกว้างพลางร้องเรียก “มากอดไอสิ”

ยั่วกันขนาดนี้...แล้วผมจะอดใจไหวได้ยังไงล่ะ

ผมขยับตัวเข้าหา ประทับจูบบนเรียวปากของปั้นรักอีกครั้ง แทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นของอีกฝ่ายจนเป็นที่พอใจถึงได้ผละออกมา จูบไล่ต่ำลงไปบนซอกคอและแผงหน้าอก ก่อนหยุดอยู่ที่ตุ่มไตเม็ดเล็ก รังแกด้วยปลายลิ้นและนิ้วมือทั้งสองข้างจนกระทั่งชูชัน

เสียงครางต่ำในลำคอของปั้นรักดังมาให้ได้ยิน และทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อผมยื่นมือข้างหนึ่งไปกอบกุมแก่นกายกลางลำตัวก่อนจะเคลื่อนไหวทีละน้อย กระทั่งปั้นรักถึงจุดที่ทนไม่ไหว ถึงได้ร้องบอกออกมา
“ทำสักที”

ผมก็ทำตามสั่งแหละ แต่ทุกอย่างเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเชื่องช้า

จนกว่าปั้นรักจะพร้อมเต็มที่ ผมจะไม่ทำอะไรให้เขาต้องเจ็บปวดเด็ดขาด...

ปลายนิ้วชำแรกเข้าไปในช่องทางด้านหลัง ขยับเบาๆ เพื่อให้เกิดความเคยชิน ผ่านไปได้ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงครางกระเส่าจากคนใต้ร่างออกมา ตอนนี้เองที่ผมถอยออกมาแล้วค่อยๆ ดุนดันความเป็นชายเข้าไปแทนที่ ผสานร่างของตัวเองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่ผมรัก

สีหน้าเหยเกปรากฏให้เห็น ผมจูบลงบนหน้าผากเป็นการปลอบใจ ก่อนจะเอ่ยถาม
“เจ็บไหม”
ปั้นรักส่ายหน้าเป็นคำตอบ พลันโน้มใบหน้าผมให้เข้าใกล้แล้วกระซิบเสียงเบา
“จะเจ็บกว่าถ้ายูไม่บอกว่ารักไอมากแค่ไหน”

ประโยคนั้นทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะจูบปั้นรักไปอีกครั้ง เอ่ยบอกตามที่ปั้นรักต้องการ
“พี่รักปั้นนะ...”

แต่แทนที่มันจะบอกรักผมกลับ มันกลับพูดว่า...
“ถ้านอกใจ...จู๋ขาด”

เอาเถอะ อย่าไปหวังอะไรจากมันมากนัก แค่นี้ถือว่าดีแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น...ตลอดทั้งคืน
-----------------------------
โอเค ได้เยกันละ 55555 ฉากเลิฟซีน หนูแดงไม่ได้เขียนละเอียดนะคะ เพราะแนวเรื่องมันไม่ให้ ก็ตามนี้แหละ ฝากฟีดแบ็กเอาไว้ล่วย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้ค่ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ฟินตัวแตกกับตอนนี้

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขำนังหนูปั้น
นางจะเอาต้องได้เอา555
พี่ดื้อหลงเมียมากเลยอะนี่สิเจอตัวจริงแล้วจะลืมทุกคนที่เคยชอบเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อิพี่ก็พาโรแมนติกตลอด แต่พังเพราะอิน้องตลอด  :m20:
น่ารักอะ  แหมะมีการสกรีนชื่อแบบนี้เอาใจไปเลยใช่ป่าวคะพี่ดื้อ  :katai2-1:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ปั้นรักตอนแรกๆหายไปไหนนนนน ตอนนี้มีแต่ปั้นรักดาวยั่ว :hao6:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ไม่น่าเชืีอจะมีวันนี้
แต่... รักกันเร็ว กลัวมีมาม่าจังเลย

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
น้องปั้นหลุดความคาดหมายพี่ไปเยอะเลย  :m20:

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ดีใจกับจอมดื้อจริงๆ ครับ

 :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ในที่สุด... ในที่สุด.... 5555555

ปั้นจ๋าบอกความต้องการตัวเองตรงไปไหม นี่ตั้งตัวไม่ทันเลยนะ

พึ่งมาตามอ่าน อ่านรวดเดียวเลย อย่างสนุกอ่ะ ชอบๆๆๆ
คือหัวเราะให้กับคำพูดปั้นหลายรอบมากอ่ะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 14: โลกหยุดหมุน

ผมรู้สึกตัวตื่นในตอนเช้ามืด ร่างกายค่อนข้างอ่อนเพลียมากเลยทีเดียว ก็อย่างว่าแหละ เมื่อคืนนี้จัดหนักจัดเต็มไปหน่อย จะโทษว่าผมมักมากอะไรแบบนั้นก็ไม่ถูกด้วยเพราะไม่ใช่ผมคนเดียวที่ต้องการครั้งแล้วครั้งเล่า ไอ้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมก็ชวนผมต่ออีกหลายต่อหลายครั้งยิกๆ นั่นก็ตัวดีเลย จนสุดท้ายก็เป็นปั้นรักที่บอกว่าให้พอเถอะเพราะร่างกายรับไม่ไหวแล้ว

ถึงไม่บอก ผมก็พออยู่แล้ว นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ผมก็นึกขำกับความบ้าพลังของมันขึ้นมา ก่อนจะเอื้อมมือไปปัดปอยผมของคนที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างกาย ก่อนจะหยิกแก้มอีกฝ่ายเล่นอย่างมันเขี้ยว ปั้นรักย่นคิ้วเล็กน้อยคล้ายกับว่ารำคาญ ผมกลัวว่าจะทำมันตื่นเลยรีบดึงมือออก แล้วตัดสินใจทิ้งตัวลงจากเตียง กะว่าจะไปหาซื้ออะไรจากมินิมาร์ทมาทิ้งเอาไว้สักหน่อย เพราะคาดว่าถ้าปั้นรักตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ คงได้หิวไส้กิ่วแน่ จะดีกว่าถ้าตื่นมาแล้วก็มีของกินเตรียมไว้รอเลย

เพราะอย่างนั้นผมเลยทิ้งตัวลงจากเตียงไปแต่งตัว หากแต่แค่ใส่เสื้อได้อย่างเดียวเท่านั้น คนบนเตียงก็ขยับพร้อมกับปรือตาขึ้นมอง

“Where are you going, babe? (จะไปไหนน่ะที่รัก)”
เออ อันนี้ผมแปลได้ จั๊กจี้ในใจนิดหน่อยที่ได้ยินมันเรียกผมแบบนั้น

“พี่จะไปหาซื้ออะไรมาไว้ให้ปั้นกินน่ะ” ผมตอบพลางหันไปยิ้มให้มัน
ทว่าปั้นรักไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมพูดเลย นอกจากยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วพยักหน้าหงึกหงัก
“Come here (มานี่)”

คงยังไม่ตื่นเต็มตาดีเลยพ่นภาษาอังกฤษออกมาใหญ่เลย ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ เดินเข้าไปหามัน พอเดินมาถึงปลายเตียง ปั้นรักก็อ้าแขนทั้งสองข้างออก
“Come on (มาเร็ว)”

เห็นท่าทางแบบนั้นแล้ว ผมก็ไม่หยุดยืนอยู่แค่ปลายเตียงละ กระโจนเข้าใส่มันอย่างว่าง่าย ก่อนจะคว้ามันไปกอด ขณะที่ปั้นรักเองก็กอดผมแน่นเช่นกัน

น่ารักอะไรอย่างนี้นะ...

กอดกันได้พักหนึ่ง ผมก็จับให้ปั้นรักนอนหนุนแขนตัวเอง ก่อนจะชวนคุย

“เรียกพี่มาอย่างนี้ จะชวนพี่ทำเรื่องทะลึ่งอีกเหรอ” ไม่เชิงชวนคุยหรอก หยอกมันเล่นมากกว่า
ปั้นรักขยี้ตาสองสามครั้ง มองผมด้วยสายตางัวเงียพลางยิ้ม
“หื่นแต่เช้าเลยวะยูเนี่ย”
“ใครกันแน่ที่หื่น ต้องให้พี่เล่าไหมว่าเมื่อคืนชวนพี่ยังไงบ้าง” ผมหัวเราะเมื่อเห็นซีกหน้าทั้งสองข้างของปั้นรักแดงเรื่อขึ้นมา แต่มันคงไม่ได้เขินอะไรผมมากนักหรอก แค่หน้าแดง แต่สายตากลับจ้องผมเขม็ง
“เป็นเรื่องธรรมชาติน่า เป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่เห็นเป็นไร”

ทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกเฉยเลย ผมก็ไม่อะไรหรอก ออกจะชอบด้วยซ้ำที่ได้ทำอะไรต่อมิอะไรกับมันอย่างนั้น เป็นห่วงก็แค่เรื่องสุขภาพของมันอย่างเดียว เพราะปั้นรักไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน เพิ่งเคยกับผมเป็นคนแรก ที่สำคัญ...มันเป็นฝ่ายรับ ทำเอาผมอดเป็นห่วง เอื้อมมือไปจับๆ คลึงๆ ที่สะโพกมันไม่ได้

“เป็นผู้ชายเหมือนกันก็จริง แต่ปั้นก็ต้องเป็นห่วงตัวเองด้วย ไม่ใช่เอาแต่สนุก แล้วตรงนี้เป็นไงบ้าง เจ็บไหม”
ปั้นรักเหลือบมองหน้าผม ไม่ตอบคำถาม ก่อนที่ผมจะถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าไง เจ็บหรือเปล่า”
“ถ้าไอบอกว่าเจ็บ ยูจะทำไง”
“ก็คงต้องพักทำเรื่องลามกไปก่อน”
“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บล่ะ”
“ก็ต้องให้ปั้นนอนพักก่อนอยู่ดี”
ตอบไปอย่างนั้น ปั้นรักก็ชักสีหน้า

“โว้ย จะเจ็บหรือไม่เจ็บก็ไม่ทำใช่ไหมล่ะ แล้วจะถามทำไม”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็รู้เลยว่าปั้นรักน่ะ...
“อยากทำอีกเหรอ ลีลาพี่เด็ดล่ะสิ”

อันนี้แหละที่ผมเดาได้ เลยหยอกล้อมันไปอีกที

ปั้นรักเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะตบเข้ามาที่หน้าผมไม่แรงนักทีหนึ่งแล้วว่าเสียงเขียว
“ลีลาเด็ดบ้าบออะไร ไอเก่งกว่ายูตั้งเยอะ”
จ้า แล้วเมื่อคืนใครนะที่ครางออกมาไม่เป็นภาษา

“ถ้าไอได้เป็นท็อปนะ ยูจะติดใจไอมากกว่าอีก”
แต่พี่ว่าปั้นคงจะติดใจพี่แล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่แอ่นสะโพกรับอย่างนั้นหรอก

คิดทะลึ่งไปสุดกู่ เถียงในใจทุกคำพูด แต่ผมไม่พูดออกมาหรอกเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนในอ้อมแขนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“แล้วปั้นยอมพี่ทำไมล่ะหืม?”
ถามไปอย่างนี้ก็ถูกปั้นรักย่นคิ้วมองทันควัน
“ถ้าไอไม่รัก ก็ไม่ยอมหรอกเว้ย” น้ำเสียงค่อนข้างกรรโชกโฮกฮาก แต่ดันแผ่วเบาราวกับกระซิบ
ผมมองก็รู้เลยว่ามันกำลังเขินแน่ๆ จึงไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงหัวเราะให้กับคำพูดนั้นเล็กน้อย
“ปั้นพักต่อเถอะ เดี๋ยวพี่ไปหาซื้ออะไรมาให้” ผมว่าพลางทำท่าจะลุกไปอีก แต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกปั้นรักดึงเอาไว้
“ไม่ต้องหรอก ไอไม่หิว อยากอยู่กับยูมากกว่า”
ได้ยินแค่นั้น ผมก็หยุดเคลื่อนไหวเลย ความคิดที่จะออกไปซื้ออะไรนั่นก็มลายหายไปสิ้น ยอมนอนอยู่แบบเดิมให้ปั้นรักหนุนแขนอย่างว่าง่าย
“ติดพี่เป็นตังเมเลยนะ สงสัยจะรักพี่มาก” ผมว่าเย้า

ปั้นรักยู่ปากเล็กน้อย แทนที่จะยอกย้อนผมหรือตอบรับ แต่ดันถามกลับ
“ยูเคยรักใครมากกว่าตัวเองไหม”
ผมเลิกคิ้วสูงด้วยประหลาดที่จู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา “ถามทำไมเหรอ”
“อยากรู้”
ตอบมาอย่างนั้น พร้อมกับมองหน้าผมนิ่ง ผมก็ไม่เซ้าซี้ต่อ นอกจากจะตอบรับ
“เคยสิ”

ปั้นรักก็จ้องหน้าผมเขม็งยิ่งกว่าเดิมอีก ผมไม่รู้หรอกว่ามันคิดอะไรอยู่ การที่จู่ๆ มาถามอะไรแบบนี้มันเป็นเรื่องผิดปกติอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะถามถึงสาเหตุมัน ผมต้องแก้ความเข้าใจผิดก่อนเพราะเดี๋ยวมันจะคิดว่าผมยังสนใจบรรดาคนเก่าๆ ที่เคยคบหามาอยู่ แล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแทน ผมไม่รู้หรอกนะว่าปั้นรักเป็นยังไง แต่แฟนเก่าส่วนใหญ่ที่ผมคบมา พอมีโมเมนต์แบบนี้ทีไรเป็นอันต้องปิดท้ายด้วยการทะเลาะกันทุกที

“แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว คนที่พี่รักมากที่สุดก็คือตัวเองนะ” ผมขยายความให้
“ตกลงยูรักคนอื่นมากกว่าตัวเองหรือรักตัวเองมากกว่ากันแน่”
ผมหัวเราะกับสีหน้าหาเรื่องของมันที่พร่างพรายขึ้นมา ก่อนจะอธิบาย
“เวลาที่เรามีความรัก บางครั้งมันก็จะมีโมเมนต์นึงที่เรารู้สึกว่ารักเขาคนนั้นมาก รักมากกว่าตัวเอง แต่พอทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่หวัง เราก็จะตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างนี้ใช่ไหมล่ะ นั่นแหละ พี่ถึงบอกว่าพี่รักตัวเองมากกว่า”
“แบบนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัวปะ”

“ใช่” ผมยอมรับ “แต่ถ้าสิ่งที่เราคาดหวังมันทำให้เราเจ็บปวด แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่กลับมารักตัวเองให้มากขึ้นกันล่ะ”
ถามไปอย่างนี้ ปั้นรักก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนยื่นนิ้วชี้มาแตะที่ปลายจมูกผม

“มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ยูมาพักใจที่ลาวใช่ไหม”
ผมพยักหน้ารับ พลันปั้นรักก็คว้าปลายจมูกผมไปออกแรงบีบเบาๆ แต่มันทำให้ผมหายใจไม่ออกได้เลยล่ะ
“แล้วระหว่างตัวยูกับไอ ยูรักใครมากกว่ากัน”

ผมหัวเราะกับคำถามนั้น...

อะไรกัน นี่จะสร้างบรรยากาศโรแมนติกเหรอ

“เอ้า ตอบมาได้แล้ว มัวแต่หัวเราะอยู่นั่น ไม่ตอบนี่ตายนะ”
พอเห็นผมหัวเราะไม่เลิก มันก็ออกแรงบีบที่จมูกผมมากขึ้น ผมเลยรีบตอบคำที่มันอยากได้ยินออกไป
“ปั้น... พี่รักปั้นมากกว่า”

ปั้นรักยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดึงมือกลับไป พลันพยายามจะเม้มปากเพื่อเก็บรอยยิ้ม แต่เหมือนจะทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยเพราะมันยังเอาแต่ยิ้มไม่หุบอยู่อย่างนั้น มิหนำซ้ำหน้าก็ยังจะแดงเรื่อขึ้นมาอีกด้วย จนมันต้องซุกหน้าลงกับหน้าอกผมเพื่อเก็บซ่อนอาการนั้นไม่ให้ผมเห็นแทน

ผมเห็นแล้วก็มันเขี้ยว กอดมันแน่นขึ้นขณะที่ปั้นรักโวยวาย
“อะไรเนี่ย”
“แสดงความรัก” ผมว่า จากนั้นก็ฝังจมูกลงบนซีกแก้มคร้าม

ปั้นรักหันมามอง แล้วก็กลายเป็นมันที่เลื่อนใบหน้ามาฉกจูบริมฝีปากผม พร้อมกับคำพูดที่ผมไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากมัน
“ไอก็จะรักยูมากกว่าตัวเองเหมือนกัน”

ปั้น...
หึย อยากจับบีบให้แหลกคามือ ทำไมมันน่ารักได้ขนาดนี้!

“ได้แค่เศษเสี้ยวความรักจากปั้น พี่ก็พอใจแล้ว”
ผมแกล้งว่าขำๆ ทำเอาปั้นรักทำหน้าหมั่นไส้ใส่ทันที
“แหม มักน้อย”
“มักน้อยแต่ได้บ่อยๆ จะดีกว่า”

ผมเล่นลิ้นไปอย่างนั้น ปั้นรักก็ยิ่งทำหน้าหมั่นไส้ผมมากขึ้นไปใหญ่ อะไรไม่ว่า ตอนนี้ทำหน้าตาพะอืดพะอมออกมาอีกด้วย
“ยูแม่งเลี่ยนว่ะ พูดแบบนี้กับคนอื่นบ่อยล่ะสิ”
ผมส่ายหน้าทันควัน “แค่กับปั้น”
“โว้ย ขี้ตั๋วแท้ (โกหก)”

ทำหน้าไม่เชื่อออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ผมไม่แน่ใจว่ามันไม่เชื่อจริงๆ หรือแค่แกล้งเล่น แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้ผมกอดมันแน่นมากกว่าเดิม ก่อนจะซุกใบหน้าลงบนเส้นผมนุ่ม กระซิบแผ่วเบาออกมา

“เวลาอยู่กับคนที่ทำให้พี่รู้สึกอยากให้โลกหยุดหมุน พี่ก็จะเป็นแบบนี้แหละ และคนคนนั้นมันคือปั้น... ปั้นทำให้พี่อยากหยุดเวลาที่เราทั้งคู่มีความสุขกันแบบนี้เอาไว้”

ปั้นรักไม่ตอบอะไรกลับมา นอนนิ่งๆ ปล่อยให้ผมได้พูดขึ้นมาอีก
“ตอนนี้พี่ขาดปั้นไม่ได้แล้วนะรู้ไหม ขาดไม่ได้แล้ว...”

ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมาอีก มีแต่อ้อมแขนของปั้นรักที่ตวัดมาพาดลำตัวผมและโอบกอดตอบแน่น
แค่การแสดงออกเท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะสำหรับการตอบรับความรู้สึกของผม

แค่ได้โอบกอดคนที่ผมรักและถูกโอบกอด... มันเพียงพอแล้วจริงๆ กับการเยียวยาความเจ็บปวดของผมทั้งหมดที่ผ่านมา
ต่อจากวินาทีนี้ ผมคงอยู่แบบไม่มีเขาไม่ได้อีกแล้ว...

ผมบอกกับตัวเองไว้แบบนั้น ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ ผมก็จะต้องกลับไปแล้ว หนึ่งเพราะวีซ่านักท่องเที่ยวใกล้ครบกำหนด และสอง...ถึงจะมาพักใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวเล่นได้นานนักเพราะผมมีหน้าที่ที่ต้องกลับไปรับผิดชอบ การทิ้งงานไว้แล้วให้คนอื่นมาดูแลต่อแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีสักนิด ผมจึงเอ่ยปากขึ้นมา

“เออปั้น พี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่า?”
“ถ้าพี่กลับไทย ปั้นจะไปกับพี่ไหม”
ถามตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมใดๆ ทั้งสิ้น ปั้นรักมองหน้าผมอย่างงุนงง ถามกลับทันควัน
“ยูจะกลับไทยเหรอ”
“อือ มาเที่ยวนานแล้วนี่ ถึงเวลาแล้วคงต้องกลับ” ผมว่า “แต่พี่ไม่อยากแยกจากปั้นก็เลยชวนไปด้วยนี่ไง อยากไปเที่ยวบ้านพี่ไหม ปั้นก็สัญชาติไทยเหมือนกัน คงอยู่ได้นาน ไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่าหรอกมั้ง”

เรื่องสัญชาติมันนี่ผมไม่แน่ใจหรอก แต่คิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้นเพราะพ่อของปั้นเป็นคนไทย เคยอยู่ที่ไทยมาก่อน จากนั้นถึงย้ายไปอยู่กับพ่อที่อเมริกาตอนพ่อแม่เลิกกัน ต่อให้มีวีซ่านักเรียนหรือกลายเป็นพลเมืองอเมริกันไปแล้ว ยังไงสัญชาติเดิมก็คือไทย คงไม่มีปัญหาอะไรหากจะอยู่กับผมนานๆ

ปั้นรักทำท่าคิดไปครู่ ก่อนจะถามผมกลับ
“แล้วทำไมไอต้องไปเที่ยวบ้านยูด้วย”

ถามอย่างกับว่าไม่รู้อย่างนั้นแหละ ผมว่ามันรู้ว่าทำไมผมถึงอยากให้ไปไทย แต่แกล้งยอกย้อนผมมากกว่า แต่ถ้าอยากจะให้ผมตอบล่ะก็ไม่มีปัญหา ตอบให้ก็ได้

“ปั้นจะได้รู้ไงว่าพี่อยู่บ้านแบบไหน พี่น้องหน้าตาเป็นยังไง ใช้ชีวิตยังไง ถือซะว่าเรียนรู้กันและกันก็ได้ ตั้งแต่ที่เราตัดสินใจคบกัน ปั้นยังไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่เลยนี่ พี่อายุเท่าไหร่ เรียนจบที่ไหนอะไรยังไงมา หรือชอบกินอะไร ปั้นยังไม่รู้เลยนี่นา”

ปั้นรักพยักหน้า ผมคงจะพูดถูก เพราะขนาดผมเองยังไม่รู้เลยว่าปูมหลังของปั้นรักเป็นยังไงบ้าง บอกตามตรงว่าตั้งแต่มีแฟนมา ปั้นรักเป็นแฟนคนแรกเลยที่ผมรู้ข้อมูลน้อยที่สุด อาจเป็นเพราะเราตัดสินใจคบกันแบบปุบปับก็เป็นได้ ผมถึงมีข้อมูลมันน้อยขนาดนี้ จะมีแต่บางข้อมูลเท่านั้นแหละที่ผมพอจะเดาได้ อย่างเช่นเรื่องอายุเป็นต้น

“ก็ได้ ไปก็ได้ แต่ถ้าไอไปแล้ว ยูต้องเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีเลยนะ”
นี่ก็ตอบรับแบบไม่คิดอะไรมากเช่นกัน ผมเลยพยักหน้ารับทันที
“จะดูแลประหนึ่งเจ้าหญิงเลยล่ะ” พูดจบก็จูบลงไปบนริมฝีปาก ก่อนจะโดนปั้นรักตีเข้าที่หน้าอีกครั้ง ทำเอาผมรีบผละออกจากมันอย่างรวดเร็ว

พอผละออกมาแล้ว ปั้นรักก็แหวใส่

“เจ้าหญิงบ้าบอคอแตกอะไร จู๋โด่เด่ขนาดนี้ เรียกเจ้าหญิงอีกที จะเอาฟาดปากให้”

ไม่แหวธรรมดา ชี้ไปที่เป้ากางเกงตัวเองที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยด้วย มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายตอนตื่นนอนนั่นแหละนะ แต่ไอ้ที่บอกว่าฟาดปากเนี่ย ไม่ต้องพูดก็ได้มั้ง

ทว่านั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับใจความสำคัญของบทสนทนานี้
“สรุปว่าไปบ้านพี่เนอะ”
“ไป เอาที่อยู่มาด้วย เดี๋ยวหลง” ปั้นรักหันไปคว้าโทรศัพท์มายื่นใส่มือผม ให้ผมพิมพ์ข้อความลงไปบนโน้ตในโทรศัพท์เสียอย่างนั้น

ผมอยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าไปด้วยกัน จะไปกลัวหลงอะไร แต่พอเห็นปั้นรักมอง รอให้ผมพิมพ์แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้มันอย่างใจจดใจจ่อ ผมก็จำต้องทำตามอย่างว่าง่าย พิมพ์ไปก็หัวเราะไป ส่งโทรศัพท์กลับให้แล้วก็กอดอีกฝ่ายแน่นๆ อีกครั้ง

“พี่ไม่ปล่อยให้หลงหรอกน่า กังวลไปได้ ขืนทำแฟนหายไป พี่ได้ขาดใจตายแน่เลย”
อันนี้ผมพูดจริง ปั้นรักหัวเราะออกมาเล็กน้อย กอดผมตอบ
“งั้นก็รักษาดีๆ แล้วกัน”
“ครับ”

ตอบรับแล้วกระชับอ้อมกอดมากขึ้นกว่าเดิม ซึมซับความสุขนี้ไว้อย่างเต็มที่

มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากๆ มีความสุขจนอยากจะให้โลกหยุดหมุนแล้วปล่อยให้เวลาแห่งความสุขนี้ดำเนินไปตราบนานเท่านาน

ขอแค่มีปั้นรัก... แค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น ชีวิตผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอแค่เขามั่นคงกับผม มือที่จับมือเขาเอาไว้ก็จะไม่มีวันปล่อยอีกเลย...ไม่มีวัน



 
ผ่านไปสองสามวัน เราเที่ยวจนไม่มีอะไรจะให้เที่ยวแล้ว ผมจึงชวนปั้นรักกลับไปเวียงจันทน์ก่อนกำหนดการเดิมที่วางไว้ เพราะตั้งใจว่าจะให้ปั้นรักได้ไปเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็น รวมถึงจองตั๋วเครื่องบินสำหรับบินไปไทยด้วย ปั้นรักก็เห็นตรงกัน วันนี้พวกเราจึงเก็บข้าวของเตรียมตัวขึ้นรถทัวร์กลับเวียงจันทน์กันตั้งแต่เช้า

ระหว่างรอรถรอบเช้ามาถึง ผมแวะไปซื้อพวกน้ำกับขนมจากร้านค้าใกล้ๆ มาติดกระเป๋าเอาไว้ ด้วยกลัวว่าปั้นรักจะหิวระหว่างทาง เพราะกว่ารถจะแวะพักให้เข้าห้องน้ำหรือกินอะไรก็อีกหลายชั่วโมง ของส่วนใหญ่ที่ผมซื้อมาจะเป็นจำพวกขนมปังแซนด์วิซมากกว่าพวกขนมกรอบแกรบ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบกินขนมพวกนั้นหรอกนะ มันก็อร่อยดีอยู่หรอก แต่มันไม่อิ่มท้อง ผมห่วงเรื่องอิ่มหรือไม่อิ่มมากกว่า เพราะไม่อย่างนั้น ปั้นรักอาจจะต้องทนหิวท้องกิ่วจนกว่าจะรถจะแวะจอดพักตามกำหนดการก็เป็นได้

ซื้อของเสร็จก็กลับมายังบริเวณจุดรอรถ ก่อนจะเห็นว่าปั้นรักก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อยู่ ผมจะไม่สนใจเลยเพราะคิดว่าปั้นรักคงจะคุยกับแม่หรือไม่ก็เพื่อนอะไรแบบนั้น แต่เพราะเห็นว่าสีหน้าของมันดูตึงเครียด แล้วก็ดูไม่ดีเอาเสียเลย คล้ายกับว่าโมโหอะไรบางอย่าง ผมจึงไม่เรียกในทันที เดินอ้อมไปทางด้านหลัง กะว่าจะรอให้มันคุยเสร็จก่อนแล้วค่อยเรียก พลางเหลือบมองพอให้เห็นแวบๆ ว่ามันพิมพ์คุยกับใครบางคนเป็นภาษาอังกฤษ และเพราะภาษาอังกฤษของผมห่วยแตกเข้าขั้นโง่ ผมจึงแปลไม่ได้ แปลไม่ได้ไม่พอ อ่านไม่ทันด้วย จึงยืนรออย่างนั้นจนกระทั่งมันคุยเสร็จ ผมถึงได้ทัก

“ขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นโบอยู่แล้ว คุยกับใครเหรอถึงได้ทำหน้าเหมือนแมวอึไม่ออกแบบนี้” แกล้งว่าหยอกด้วยกะจะให้มันอารมณ์ดีขึ้น

ทว่าไม่ได้ช่วยเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่ได้ยินเสียงผม ปั้นรักสะดุ้งโหยง หันมามองผมด้วยสายตาตื่นๆ แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น มันก็รีบปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ

“ไม่มีอะไรหรอก พวกแอดมั่วน่ะ”
“แน่ใจนะ?” ผมถาม

ปั้นรักพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง “ไม่ใช่เรื่องที่จะมาใส่ใจสักหน่อย ก็แค่คนทักผิดน่ะ ไปเร็ว รถมาแล้วนั่น”
บ่ายเบี่ยงอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก ผมก็ตงิดในใจอยู่เล็กน้อยว่ามันแปลกๆ แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก เพราะตั้งแต่ที่คบกันมา ผมไม่เคยเห็นปั้นรักใช้โปรแกรมแชทคุยกับใครที่ไหนนอกจากแม่ อีกอย่าง มันก็ไม่ใช่คนติดโทรศัพท์อะไรด้วย ผมจึงไม่ได้ใส่ใจเมื่อได้ยินมันร้องเรียกมาอีก

“เอ้า จะกลับไหมเวียงจันทน์น่ะ มาเร็วเข้า ให้ว่องๆ”
ผมเลยก้าวตามขึ้นรถไป ขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตปั้นรักไปด้วย มันทำตัวปกติทุกประการ ผมเลยเลิกคิดเล็กคิดน้อยกับท่าทางของมันเมื่อกี้ไป

คงจะเป็นคนทักผิดมาอย่างที่มันบอกจริงๆ นั่นแหละนะ คงไม่มีอะไรอย่างที่ปันรักว่าจริงๆ...
--------------------------
มาแล้ววว หลังจากดองมานาน
ปิดจองไปแล้วนะคะ หลายวันแล้วด้วย ใครพลาดรอบจองไป รอรอบปกติเน้อ ให้ทาง สนพ.รักคุณ แจ้งอีกที ส่วน Ebook มาหลังหนังสือจัดส่งค่ะ

ส่วนตอนนี้... อีปั้น! หล่อนคุยกับใครรรร!
จะมีดราม่านิดๆ พอให้ปวดปอดนิดหน่อยนะ กุมใจไว้ดีๆ พรุ่งนี้มาต่อให้ค่ะ
ฝากฟีดแบ็กเอาไว้ให้ล่วย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เดี๋ยวๆเหมือนจะพบเด็กหนีตามผู้ชายหนึ่งอัตรา   หวานมากโอ้ยยน่อ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด