[END]ສະບາຍດີຈອມດື້-สะบายดี ครั้งสุดท้าย[19/8/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]ສະບາຍດີຈອມດື້-สะบายดี ครั้งสุดท้าย[19/8/60]  (อ่าน 35262 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น่าดีดปากแล้วขยี้ด้วยลิ้้นจริงๆ. จากกันแล้วจะยังไงต่อล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
นี่จะคิดว่าปั้นรักกำลังเรียกร้องความสนใจจากดื้ออยู่นะ  :hao3:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 6: ไหนลองเรียก ‘อ้าย’ ซิ

พอเกิดเรื่องนั้น ผมกลับมาถึงเกสต์เฮ้าส์ได้ก็แจ้งกับพนักงานทันทีว่าพรุ่งนี้ผมจะเช็กเอาท์ออก แล้วก็ขอยุติการจ้างไกด์นำเที่ยวด้วย ตอนแรกก็กะจะไม่บอกเหตุผลเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญหรอก แต่เพราะตอนที่ผมไปแจ้งเรื่อง คุณแอนก็อยู่ที่นั่นพอดี เธอจึงมาเค้นถามผม สุดท้ายผมก็ต้องยอมเปิดปากบอก

สาเหตุที่ผมยกเลิกทุกอย่าง...ก็เพราะไอ้ปั้นรักนั่นแหละ

ทว่าปากดันบอกไปไม่หมด
“ผมจะไปเที่ยวที่จังหวัดอื่นน่ะครับ”
“บอกมาตามตรงเถอะค่ะว่าเพราะปั้นรัก ไม่อย่างนั้นคุณดื้อคงไม่เปลี่ยนใจไม่เอาไกด์หรอกค่ะ” คุณแอนว่าอย่างรู้ทัน สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ผมไม่อยากจะใส่ไฟหรอกนะ แต่ในเมื่อเธอพูดมาอย่างนี้ ผมก็พยักหน้า
“มันก็มีเหตุผลส่วนนั้นนิดหน่อยน่ะครับ”
“ปั้นรักไปทำอะไรคุณเหรอคะ” เค้นถามมาอีกละ

ผมลังเลครู่หนึ่งว่าจะบอกหรือไม่บอกดี สุดท้ายก็...
“ปั้นรักไม่ได้ทำอะไรผมหรอก ผมแค่คิดว่าผมกับเขาเข้ากันไม่ค่อยได้น่ะครับ คุยกันไม่ค่อยถูกคอ”

บอกกลายๆ เอาก็แล้วกัน

คุณแอนก็รู้ว่าผมจงใจไม่บอกตามตรง ทว่าเธอก็ไม่ได้เค้นถามอะไร นอกจากจะระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

“ฉันต้องขอโทษคุณดื้อมากๆ เลยนะคะที่ปั้นรักสร้างปัญหาให้ เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกค่ะ แต่ตั้งแต่ที่...”
“ครับ?” เห็นคุณแอนเงียบไปพักหนึ่ง ผมก็เลิกคิ้วถาม

คุณแอนมองหน้าผม ถอนหายใจอีกครั้งแล้ว
“ตั้งแต่ที่ฉันให้เขาไปอยู่กับพ่อ ปั้นรักกับฉันก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ เวลาฉันบอกให้เขาทำอะไร เขาก็จะทำตรงกันข้ามแทบทุกเรื่องค่ะ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน”

ผมจับประเด็นได้ทันทีว่าปั้นรักมันคงมีปัญหาครอบครัวตามประสาเด็กบ้านแตก แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่ยุ่งเรื่องของใครไง ครอบครัวมันจะเป็นยังไงก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาทำกิริยามารยาทแย่ๆ ใส่ลูกค้าอย่างผม ผมเลยได้แต่พยักหน้ารับส่งเดชไป

“ฉันก็แค่อยากให้เขามีการมีงานทำจะได้มีแนวทางในชีวิตว่าจะไปต่อทางไหน แค่นี้ฉันก็ห่วงจนไม่รู้จะห่วงยังไงแล้ว ยิ่งช่วงนี้ยิ่งน่าเป็นห่วง”
“ผมเข้าใจครับ”

กลายเป็นว่าการที่ผมมาเช็กเอาท์ออกเป็นการเปิดโอกาสให้คนเป็นแม่ระบายความอัดอั้นตันใจเกี่ยวกับลูกชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดูท่าทางแล้ว ก่อนที่ปั้นรักจะมาหาแม่ที่ลาว มันคงไปทำเรื่องอะไรชวนให้แม่ต้องหนักใจมา ทว่าคุณแอนก็ไม่ได้บ่นต่อเมื่อสายตาเหลือบเห็นปั้นรักเดินเข้ามาที่เกสต์เฮ้าส์พอดี เท่านั้นสีหน้ากลัดกลุ้มของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธ พลันบอกผมเร็วๆ

“ขอตัวไปจัดการไอ้ตัวดีก่อนนะคะคุณดื้อ แล้วก็ต้องขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกครั้งด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”

บอกไปอย่างนั้นเพื่อให้คุณแอนสบายใจ พลันมองตามคนรุ่นราวคราวแม่ที่เดินเข้าไปหาปั้นรัก ก่อนที่เธอจะฟาดฝ่ามือลงบนกบาลของลูกชาย พร้อมกับดึงหูไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆ แล้วเริ่มบ่นออกมาเสียงดังเป็นภาษาลาว ดีนะที่ช่วงนี้ไม่มีแขกเพราะดึกมากแล้ว ไม่อย่างนั้นปั้นรักต้องขายขี้หน้าแน่ๆ

แต่มันจะขายขี้หน้าหรืออะไร ผมก็ไม่สนใจอยู่ดี ได้แต่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นมันมองผมกลับอย่างโกรธๆ ประหนึ่งรู้ว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันถูกแม่เล่นงาน ผมก็ยักคิ้วให้ทีหนึ่งก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบน ทิ้งให้มันถูกเช็กบิลตามลำพัง



 
ผมใช้เวลาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเป้ใบเขื่องไม่นานนัก ลงมาเช็กเอาท์ออกตั้งแต่เช้ามืดเพราะผมตั้งใจจะไปขึ้นรถบัสเที่ยวแรกไปวังเวียง อาหารเช้าของผมในวันนี้จึงต้องไปฝากท้องที่ร้านอาหารแถวๆ คิวรถที่หน้าสนามกีฬาเจ้าอนุวงศ์ เปิดในหนังสือแนะนำท่องเที่ยวดู เขาแนะนำให้ผมสั่งข้าวเปียกมากิน ผมก็เลยลองเพื่อให้รู้ว่ามันเป็นยังไง มันคล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวน้ำใสของบ้านเราครับ แต่รสชาติของน้ำซุปก็จะต่างกันพอสมควร ส่วนข้าวเปียกก็เป็นแป้งเส้นกลมๆ ค่อนไปทางเหนียวและลื่นๆ มองเผินๆ มันดูคล้ายกับเส้นอุด้ง กินกับเนื้อสัตว์ซึ่งก็แล้วแต่ว่าแต่ละร้านจะใส่อะไร บนโต๊ะมีเครื่องปรุงสำหรับให้ปรุงรสเพิ่ม ผมไปนั่งงงๆ อยู่นิดหน่อยที่แม่ค้าบอกว่าให้เติมแป้งนัวเพิ่มได้ ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าแป้งนัวมันคือผงชูรสเมื่อสังเกตสีและรูปร่างลักษณะของมันที่อยู่ในกระปุก

ผมไม่ได้เติมอะไรเพิ่มหรอก รสชาติดั้งเดิมของมันก็อร่อยอยู่แล้ว หลังจากจัดการกับมื้อเช้าเสร็จก็ไปนั่งรอรถตามเวลาที่ระบุในตั๋ว พอรถบัสมาแล้วก็ขึ้นไปนั่ง เตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง บอกตามตรงเลยนะว่าพอคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าปั้นรักอีกแล้ว ผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างประหลาด

สดชื่นมากที่ตัวน่ารำคาญออกไปจากชีวิตผมสักที จากนี้ต่อให้หลงหรือถูกโกงก็ช่างมันเถอะ เที่ยวๆ ไป พอเบื่อแล้วก็ค่อยกลับไทยแล้วกัน



 
ทำตามที่หนังสือท่องเที่ยวแนะนำมันก็ไม่ได้แย่ เขาบอกให้ผมมาขึ้นรถเที่ยวแรกสุด ผมเลยมาถึงที่วังเวียงในช่วงบ่าย แต่เพราะความที่นั่งรถมานานติดกันหลายชั่วโมง ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะยังไม่ไปเที่ยวที่ไหน นอนพักและเดินเล่นในละแวกเกสต์เฮ้าส์ที่ไปเช่าอยู่ก่อน ไปลุยเที่ยวอีกทีในวันพรุ่งนี้

วันใหม่มาถึง ผมก็เที่ยวตามที่หนังสือแนะนำการเที่ยวเขียนไว้อีกเช่นเคย เริ่มจากออกมาหาข้าวกินแถวริมแม่น้ำซอง นั่งชมบรรยากาศร่มรื่นเสียเพลิน พอตกบ่ายถึงได้ออกไปเช่าจักรยานแล้วปั่นไปเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ ที่ไม่ไกลจากเมือง เช่น ถ้ำพจัง ถ้ำพูคำ ถ้ำผาปวก ถ้ำฤาษี บลูลากูน ฯลฯ

จากการเที่ยววันนี้ ผมค่อยข้างจะชอบและธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์ของวังเวียงทำให้ผมหายฟุ้งซ่านได้มากเลยทีเดียว และแน่นอนว่าพอผมได้พัก ก็ไม่ลืมที่จะส่งรูปที่ไปเที่ยวมาวันนี้ให้กลุ่มแชตพี่กับน้องชายของผม พวกนั้นเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดกลับมา
 
จอมแสบ เจ้าของร้านเหล้าที่หล่อน้อยกว่าเจ้าของร้านนม: เที่ยวเพลินเลยนะมึง เดี๋ยวกูหมั่นไส้จะแกล้งทำร้านมึงเจ๊ง
จอมแก่น น้องที่ทำตัวเหมือนแม่คนที่สอง: ถ้าคนไม่รู้จักมาชวนไปไหนก็อย่าไปกับเขานะพี่ดื้อ เผื่อเป็นพวกมิจฉาชีพ
 
แต่ละคนพิมพ์ตอบมาคนละอย่าง ส่วนชื่อในแชตที่ดูแปลกๆ นั่น ผมตั้งให้พวกมันตามลักษณะนิสัยเองแหละ 
 
จอมดื้อ: พวกมึงอย่าพล่ามเยอะว่ะ เดี๋ยวขากลับ กูเอาของฝากไปเซ่น
 
พิมพ์ตอบไปอย่างนี้ ทั้งสองคนก็ส่งสติ๊กเกอร์โอเคมาแทบจะพร้อมกับ อ่านข้อความของพี่กับน้องแล้วก็ขำอยู่คนเดียว

ไอ้พวกนี้...พอมีของฝากเข้าล่อหน่อยก็เงียบกันเลยเชียว

ผมก็กะจะยุติการคุยกับมันสองคนแค่นั้นแล้วเพราะกะว่าจะรีบไปซื้อทัวร์ล่องแม่น้ำซองกับพายเรือคายักวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะมืด ทว่าจู่ๆ จอมแก่นก็ดันพิมพ์ข้อความบางอย่างมา
 
จอมแก่น น้องที่ทำตัวเหมือนแม่คนที่สอง: พี่ดื้อได้คุยกับไอ้ธารบ้างไหม
จอมดื้อ: ไม่ได้คุยเลย มีอะไรวะ
 
ในใจตงิดแปลกๆ ว่ามันถามมาอย่างนี้คงต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง ซึ่งก็จริงเสียด้วยเมื่อจอมแก่นตอบกลับมา
 
จอมแก่น น้องที่ทำตัวเหมือนแม่คนที่สอง: เหมือนช่วงนี้มันจะมีปัญหากับพี่เหนืออะ
 
ผมก็อยากจะถามนะว่ามีปัญหาอะไร แต่พอเห็นชื่อแสงเหนือเท่านั้น ผมก็นิ่งไปทันควัน เป็นห่วงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้
 
จอมดื้อ: แล้วทะเลาะกันแรงมากไหม
จอมแสบ เจ้าของร้านเหล้าที่หล่อน้อยกว่าเจ้าของร้านนม: ไอ้แก่น มึงลงมาข้างล่างได้แล้ว กูจะไปที่ร้านแล้ว เร็วเข้า
 
กำลังรอคำตอบจากจอมแก่น ไอ้แสบก็ดันพิมพ์แทรกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมรู้ว่ามันคงไม่อยากให้จอมแก่นพูดถึงคนที่ทำให้ผมอกหักสักเท่าไหร่ และเหมือนว่าจอมแก่นจะรู้ตัวในตอนนี้ว่าหลุดพิมพ์อะไรออกมา มันเลยรีบส่งสติ๊กเกอร์ว่าโอเคมาอีกครั้ง แล้วบอกผมสั้นๆ
 
จอมแก่น น้องที่ทำตัวเหมือนแม่คนที่สอง: ไว้คุยกันใหม่นะพี่ดื้อ
 
แล้วบทสนทนาของพวกเราก็จบลงแค่นั้น ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะติดต่อไปหาแสงเหนือดีไหมเพราะเป็นห่วงจนวุ่นวายใจขึ้นมา ทว่าพอคิดดูดีๆ แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องของผม ถ้าผมยื่นมือเข้าไปยุ่ง จากที่จะตัดใจได้มันจะกลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บมากกว่าเดิมอีก

คิดดังนั้นผมจึงเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม นั่งนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกจาตรงนั้นเพื่อไปต่อ
ชีวิตของผม...มันต้องเดินหน้าต่อไปต่างหาก
 
กลับเข้าเมืองมาซื้อทัวร์ล่องน้ำซองกับพายเรือคายักของวันพรุ่งนี้ในช่วงเย็นของวันตามที่ตั้งใจไว้เรียบร้อย ผมก็ไปเดินเล่นก่อนจะไปจบที่ร้านอาหารแถวริมน้ำซองเช่นเคย ได้เจอกับกรุ๊ปนักท่องเที่ยวชาวไทยระหว่างที่นั่งกินข้าวอยู่พอดี พวกเขาก็เลยชวนผมไปต่อที่บาร์ในละแวกนั้น ความจริงแล้วแผนของผมคือกลับไปนอนพักผ่อนหลังกินข้าวเสร็จ ทว่าดูจากการที่ผมเอาแต่คิดถึงแสงเหนือไม่หยุด ผมเลยคิดเอาว่าถ้ากลับห้องไป ผมคงจะต้องฟุ้งซ่านจนหัวแตกตายก่อนได้ไปเที่ยววันพรุ่งนี้แน่ๆ

การไปนั่งดื่มกับคนไทยกรุ๊ปนี้ก็สนุกดี อย่างน้อยก็ทำให้ผมไม่ต้องเหงาเป็นพระเอกในมิวสิควิดีโอที่ห้องพักอยู่คนเดียว พวกเขาค่อนข้างจะเฮฮาปาร์ตี้กันมาก เกือบจะทำผมลืมเรื่องแสงเหนือไปแล้วเมื่อผมเริ่มดื่มเยอะขึ้น พร้อมพูดคุยอย่างสนุกสนาน ทว่าสิ่งที่ทำให้ผมลืมเรื่องแสงเหนือได้เป็นปลิดทิ้งกลับเป็นการปรากฏตัวของใครบางคน

มองไปแวบแรก ผมก็นึกว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นผู้ชายในแจ็กเก็ตหนัง แต่งตัวประหนึ่งหลุดออกมาจากนิตยสารแต่สะพายกระเป๋าสายรุ้งสำเพ็งเดินผ่านหน้ามาให้เห็น ขยี้ตาไปที สะบัดหัวไปอีกหน่อยเผื่อว่าจะเมาแล้วมองไปยังผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง พอเห็นเข้าเดินเข้ามาในบาร์ ตรงไปคุยอะไรสักอย่างกับพนักงาน ผมก็ต้องอ้าปากค้าง

เฮ้ยเดี๋ยว...นั่นมันไอ้ปั้นรักนี่หว่า!?

ไม่แน่ใจเลยสะกิดถามคนข้างๆ ว่าเขาเห็นเหมือนกับผมหรือเปล่าอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ...ตรงนั้นมีผู้ชายใส่ชุดหนังกับสะพายกระเป๋าสายรุ้งใช่ไหมครับ”

คนถูกสะกิดมองไปยังจุดที่ผมชี้ ก่อนจะพยักหน้า
“ใช่ครับ”

เท่านั้นผมก็อ้าปากค้าง

ไอ้ปั้นรักจริงๆ ด้วย มันมาได้ยังไงวะเนี่ย!

ไม่ต้องถามก็น่าจะเดาได้ว่าผมต้องแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันอยู่แล้ว พอมันหันซ้ายหันขวามองหาที่นั่งปุ๊บ ผมก็เบนสายตาหนีปั๊บ ทำเป็นนั่งดื่มไม่สนใจมันไปเรื่อยๆ ดีที่วันนี้คนเยอะพอสมควร ปั้นรักเลยไม่ทันจะได้สังเกตว่าผมก็นั่งอยู่ในบาร์ร้านเดียวกับมันด้วย ดื่มไปสักพัก ผมก็รู้สึกตัวว่าควรกลับก่อนที่มันจะเห็น ไม่ใช่ว่ากลัวมันหรอกนะ แต่ไม่อยากจะเจอเรื่องยุ่งยากใจมากกว่า แค่เห็นหน้ามันก็เบื่อแล้ว ขนาดหนีมาถึงวังเวียงแล้ว มันยังตามมาได้อะคิดดู

ทว่าพอกำลังจะขอตัวกลับไปยังที่พัก ปั้นรักมันก็ลุกขึ้นกวักมือเรียกพนักงานพอดี ดูท่าทางมันก็กำลังจะไปเหมือนกัน ผมเลยรอให้มันไปก่อนจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน หากแต่พอพนักงานเดินมาเก็บเงินปุ๊บ ปั้นรักที่กำลังล้วงกระเป๋าเงินจากกระเป๋ากางเกงก็มีสีหน้าตระหนกขึ้นมา ก่อนที่มันจะมีสีหน้าวิตก พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างกับพนักงานนั้นหน้าเครียด ไม่นานพนักงานก็มีสีหน้าตรึงเครียดเช่นกัน พลันเดินไปเรียกผู้ชายอีกคนซึ่งน่าจะเป็นผู้จัดการมาคุย จากนั้นก็พากันทำหน้าเครียดทั้งหมด

ผมมองแล้วก็ย่นคิ้ว

ไอ้ปั้น... มึงจะดื่มเบียร์แล้วชักดาบเหรอ

ไม่น่าชักดาบหรอก แต่น่าจะกระเป๋าเงินหาย ดูจากลักษณะแล้วถ้าไม่หล่นหายแบบไม่รู้ตัวก็คงจะถูกล้วงน่ะ แถวนี้มีพวกมิจฉาชีพขโมยของนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร พนักงานในเกสต์เฮ้าส์ก็เตือนผมให้ระวังมาเหมือนกัน

แต่ว่า...มึงเป็นคนลาวไม่ใช่เหรอไอ้ปั้นรัก มาเสียท่าให้คนลาวด้วยกันนี่มันใช่เรื่องเหรอ

เออ เกือบลืมไปว่ามันไม่ใช่คนลาว แค่ลูกครึ่งลาว แต่สัญชาติไทย และความจริงแล้วผมจะทำเฉยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ได้ ทว่าพอเห็นเหมือนกับว่าเรื่องราวจะใหญ่โตถึงขั้นเรียกตำรวจ ผมก็อดนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้

แค่เบียร์ขวดเดียวถึงขั้นจะเรียกตำรวจมันก็เกิดไปใช่ไหมล่ะ ไปจ่ายให้มันก็แล้วกัน
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเขาเอง” ผมที่ลุกขึ้นไปแทรกกลางวงโพล่งขึ้น

พวกพนักงานกับผู้จัดการที่ทำท่าเหมือนจะมีปัญหา พอผมยื่นเงินให้ ทุกอย่างก็จบทันที ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ก่อนจะกลับไปทำงานตามเดิม ปล่อยให้ผมกับปั้นรักเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“ยูตามไอมาทำไม”
แทนที่มันจะขอโทษ มันดันขมวดคิ้วมองหน้าผมด้วยสายตาหงุดหงิด ผมเห็นแล้วก็ลอบถอนหายใจ
“ผมว่าคำถามนี้ผมควรเป็นฝ่ายถามมากกว่า ผมมาที่นี่ก่อนคุณมั้ง ไม่งั้นไม่เห็นคุณดื่มเบียร์แล้วไม่มีเงินจ่ายหรอก”
ผมย้อนไปแบบนี้ ปั้นรักก็เงียบ
“ไม่ได้ขอให้ยูมาช่วยสักหน่อย”

ทำเป็นปากดี เมื่อกี้ยังเห็นหน้าดำคร่ำเครียดอยู่เลยเถอะ

ผมไม่อยากจะถือสาหรอก คิดว่าแค่ช่วยก็จบไปเท่านั้น ไม่คิดจะถามมันด้วยว่ามาที่นี่ทำไม หากแต่หูดันได้ยินมันพึมพำขึ้นมาเสียก่อน

“ทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ด้วยวะ”
อันนี้กูก็อยากรู้เหมือนกัน ประเด็นคือกูมาที่นี่ก่อนด้วยไง!
“ผมก็อยากรู้” ผมว่า
ปั้นรักทำหน้ารำคาญ “ก็ยูตามไอมา”
“ตลก ถ้าบอกว่าคุณตามผมมายังจะน่าเชื่อกว่าอีก แม่คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมจะมาเที่ยววังเวียง”

พูดมาอย่างนี้ ปั้นรักก็เถียงต่อไม่ออก ทำปากขมุบขมิบพึมพำอีกครั้ง เห็นท่าทางอย่างนั้น ผมก็จับทางได้เลย

มันโดนแม่มันบังคับให้มาตามหาผมแล้วนำเที่ยวเป็นการชดเชยที่มันทำไม่ดีกับผมไว้แน่

ที่คิดอย่างนี้ก็เพราะพอจะอ่านนิสัยคุณแอนออกน่ะ เธอคงอยากจะให้ลูกชายคนเดียวที่ได้ชื่อว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อทำงานจนสำเร็จลุล่วงล่ะมั้งถึงได้ตัดสินใจอย่างนี้ ทว่าจู่ๆ ความโลกสวยของผมก็อันตรธานหายไปเมื่อนึกขึ้นมาได้

คุณแอนน่าจะกลัวว่าผมจะไปวิจารณ์แล้วให้คะแนนติดลบในหน้ารีวิวบนเว็บไซต์จองห้องพักมากกว่า...

หัวเราะในลำคอไปอีกที ทำเอาปั้นรักที่มองหน้าผมอยู่ถามเสียงขุ่น

“หัวเราะอะไร”
“เปล่า”
“เป็นบ้าปะเนี่ย”

ไม่รู้มันไปกินรังแตนที่ไหนมา ทั้งๆ ที่ผมช่วยมันแท้ๆ มันไม่ขอบคุณไม่พอ ยังจะค่อนขอดผมไปเรื่อย ทำเอาผมต้องว่าออกมาอย่างจริงจัง

“นี่คุณ ผมอุตส่าห์ช่วยคุณขนาดนี้ยังไม่ขอบคุณอีก ไม่ขอบคุณแล้วยังจะมาพูดโน่นพูดนี่ว่าผมไปเรื่อยด้วย คุณนี่โตมายังไงเนี่ย”
คล้ายกับว่าผมด่ามันนะ แต่ไม่ได้ด่าหรอก ผมแค่พูดตรงเลยดูเหมือนพูดแรง ก็อย่างว่า นิสัยผมออกจะห่ามๆ ถึงจะไม่ค่อยวุ่นวายอะไรกับใครและใจเย็นในสายตาของคนอื่น แต่ถ้าเอาจริงแล้ว ผมก็เลือดร้อนไม่แพ้ใครเหมือนกัน

พอพูดไปอย่างนั้น ปั้นรักก็สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ว่าออกมาเร็วๆ
“ขอบคุณ”
เป็นการขอบคุณที่ไร้ซึ่งความจริงใจมาก ผมไม่ถือสา แต่อยากจะสั่งสอนสักหน่อย เห็นคนตรงหน้าทำให้แม่หนักใจถึงขนาดมาบ่นกับลูกค้าอย่างผมแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงน้องชายตัวเองขึ้นมาบ้าง

ถ้าไอ้จอมแก่นโตขึ้นมาเป็นเหมือนปั้นรักล่ะก็ ผมคงจะตบกะโหลกมันแยกอย่างแน่นอน

เท่านั้นผมก็เลยพูดไปอีกที
“แบบนี้เรียกว่าขอบคุณเหรอ ไหนหางเสียง?”
ปั้นรักกลอกตา ดูท่าจะรำคาญผมสุดฤทธิ์ และเพื่อให้เรื่องมันจบๆ ไป มันเลยยอมพูดออกมาแต่โดยดี
“ขอบคุณครับ”

เป็นครั้งแรกที่มันยอมผมเลย สงสัยจะโดนแม่เล่นงานมาเยอะถึงได้อ่อนลงขนาดนี้

“โอเค แล้วนี่ยังไง ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่” ผมพอใจกับการขอบคุณของมันละ เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ไอก็มาเที่ยวสิ” ปั้นรักตอบเสียงเขียว
ผมหัวเราะในลำคออีกที ว่าทีเล่นทีจริง “โดนแม่บังคับให้มาล่ะสิ”

เท่านั้นริมฝีปากหนาก็เม้มเข้าหากัน ดูก็รู้เลยว่าผมพูดถูก

คุณแอนใช้ให้มาจริงๆ ด้วย...

“จะมาเป็นไกด์ให้เหรอ”
“เออ” ปั้นรักตอบรับเสียงห้วน
“ถ้าจะมาเป็นไกด์อะไรเพราะกลัวว่าผมจะไปคอมเพลนดิสเครดิตอะไรล่ะก็ ไม่ต้องหรอก ผมไม่เสียเวลาทำเรื่องอย่างนั้น อีกอย่าง ตอนนี้ผมไม่อยากได้ไกด์แล้ว มีหนังสือนำเที่ยวอยู่ คนไทยที่นี่ก็มี เดี๋ยวผมไปเที่ยวกับเขา” ผมว่า
ปั้นรักได้ยินแล้วก็บ่นออกมาซึ่งๆ หน้า “เสียเวลานั่งรถมาฉิบ”

ก็ใครใช้ให้มึงมาล่ะ บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าไม่เอาไกด์แล้ว ตอนอยู่ในเวียงจันทน์ก็น่าจะพูดชัดเจนแล้วนะ

“อยากกลับไหมล่ะ” ผมถามอีกครั้ง

ปั้นรักไม่ตอบ แต่ผมรู้ว่ามันคงอยากกลับจะแย่ ก็เลยล้วงกระเป๋าเงินจากกระเป๋าที่คาดอยู่บนหน้าอก นับเงินไทยออกมาจำนวนหนึ่งแล้วส่งให้มัน ปั้นรักรับไปอย่างงุนงงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ผมก็ไม่ปล่อยให้มันได้พูดอะไรด้วยเมื่อเห็นว่ามันทำท่าจะถามว่าผมทำอะไร

“เงินนี่เอาไว้ขึ้นรถกลับแล้วกัน แล้วผมก็มีอะไรจะบอกอย่างนึง”

ปั้นรักทำหน้าตาไม่พอใจออกมาให้เห็นอย่างไม่ปกปิดหากแต่ไม่พูดอะไร เปิดโอกาสให้ผมได้พูดต่อ
“ผมอายุมากกว่าคุณ”

ความจริงก็ไม่รู้หรอกว่ามันอายุเท่าไหร่แน่ แต่เดาจากที่แม่มันบอกว่ามันเพิ่งเรียนจบ มันก็น่าจะอายุยี่สิบสอง ส่วนผมเรียนจบมาสักพักแล้ว ตอนนี้อายุยี่สิบสี่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ยังไงผมก็อายุมากกว่ามันแน่นอน

และการที่จู่ๆ ผมก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ปั้นรักเลยเอ่ยเสียงเบา “อะไรวะเนี่ย” ตามมาด้วยการเลิกคิ้วสูงอย่างยียวน “ยูจะบอกว่าภูมิใจที่แก่ตัวขึ้นว่างั้น เหอะ พวกคลั่งระบบอาวุโส”

ตบท้ายด้วยการเบ้ปากจนผมอยากจะยื่นมือไปตีให้เลือดกบปากนัก ทว่าเลือกที่จะยืนนิ่งๆ แล้วอธิบายเสียงเรียบแทน

“มันไม่ได้เกี่ยวกับคลั่งหรือไม่คลั่งระบบอาวุโส ผมแค่กำลังจะบอกให้คุณรู้จักเคารพคนอื่นบ้างก็เท่านั้น ผมไม่รู้หรอกนะว่าก่อนหน้านี้คุณไปเจออะไรมาบ้าง แต่การที่คุณต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคม คุณจะต้องรู้จักเคารพคนอื่น เริ่มจากผมเลยเพราะคุณทำเสียมารยาทกับผมหลายครั้งมาก ขนาดเมื่อกี้ผมเพิ่งช่วยคุณแท้ๆ คุณยังดูไม่สำนึก” ผมให้เหตุผล ว่ามันไปด้วยอีกหน่อย
ปั้นรักทำท่าจะเถียง ทว่าผมก็สวนขึ้นก่อน

“คนมีการศึกษาสูงคงเข้าใจนะว่าผม...ไม่สิ พี่หมายความว่าอะไร ปั้นก็เพิ่งจะเรียนจบมาหมาดๆ ใช่ไหม” เรียกแทนตัวเองว่าพี่เลย เป็นการตอกย้ำเป็นนัยๆ ว่ามันควรจะเคารพผมและเรียกผมว่าอะไร

ปั้นรักไม่แสดงออกง่ายๆ หรอก ทำเสียงจึ๊จ๊ะในลำคอ เบ้หน้าขึ้นมาอีกระลอกแล้ว แต่ก่อนที่มันจะได้พูดอะไร ผมก็สวนขึ้นอีกครั้ง
“แถมตอนนี้ไม่ใช่แค่อายุเยอะกว่าแล้วด้วย แต่พี่ยังเป็นผู้มีพระคุณอีก ถ้าเมื่อกี้ไม่ได้พี่ช่วย ปั้นจะทำยังไง ไปโรงพักเพราะกินเบียร์ขวดเดียวแล้วไม่มีเงินจ่ายเลยจะชักดาบงี้เหรอ”

ทวงบุญคุณเรื่องเมื่อกี้แม่งเลย ปั้นรักทำหน้าเหม็นบูดออกมา คล้ายกับว่าพลาดไปแล้วที่เปิดโอกาสให้ผมเข้าไปยุ่มย่ามปัญหาของมันโดยไม่เต็มใจ ก่อนจะเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“แต่เมื่อกี้ไอก็ขอบคุณไปแล้วไง”
“แค่ขอบคุณมันไม่พอหรอกนะ”
“แล้วยูจะเอาอะไร” เอียงคอ ทำท่าหาเรื่องผมชัดเจน บ่งบอกชัดเจนเลยว่ามันรำคาญเต็มทน แต่มันก็พยายามที่จะอดทนนะ ถ้าไม่อดทน ป่านนี้มันคงกวนโมโหผมกลับแล้ว

ทว่าตอนนี้ผมถือไพ่เหนือกว่า พลันว่าออกมานิ่งๆ
“ไหนลองเรียก ‘อ้าย’ ซิ”

พูดไปเท่านั้น ปั้นรักก็ทำหน้าแหยง
“ทำไมต้องเรียก”
“อายุมากกว่าก็ชัดเจนแล้ว เป็นผู้มีพระคุณอีก ถ้าไม่อยากมีอะไรติดค้างก็เรียกสิ”

ดูก็รู้ว่าปั้นรักไม่อยากเรียก แต่มันก็หยิ่งในศักดิ์ศรีพอที่จะไม่หนีสถานการณ์ที่ผมบีบคั้นมันตรงหน้า สิ้นเสียงผม มันก็ทำท่าฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา

“เรื่องเหอะ แขยงปาก”

สิ้นเสียง มันก็เดินเข้ามากระแทกไหล่ผมอย่างแรง ทำท่าจะออกไปนอกร้าน ผมเห็นท่าทางมันแล้วก็ได้แต่ยักไหล่ไม่ยี่หระ
ไม่อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก คงจะใช้อธิบายเรื่องนิสัยของมันได้

หากแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปไหน จู่ๆ ปั้นรักก็เดินกลับมาในบาร์ เข้ามาหยุดยืนตรงหน้าผมด้วยสีหน้าหงุดหงิดกว่าเดิม
“มีอะไร” เห็นมันไม่พูดสักที ผมเลยถาม

ปั้นรักทำท่าอึกอัก แล้วก็พูด
“จะเรียกว่าอ้ายก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”
“รถกลับเวียงจันทน์หมดเที่ยวแล้ว”

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ยกมือขึ้นกอดอก เดาอะไรออกขึ้นมารางๆ

อย่าบอกนะว่ามัน...ไม่ได้จองห้องพักเอาไว้?

ใช่อย่างที่ผมคิดนั่นแหละเพราะหลังจากประโยคนั้น มันก็พูดออกมาอีก

“เงินก็มีแค่ค่ารถกลับ”
“แล้ว?”
“ก็ไม่อยากไปนอนที่ขนส่ง”

นั่นไง ผิดจากที่ผมคิดที่ไหน

ผมยกยิ้มมุมปากขึ้นข้างหนึ่งอย่างผู้มีชัยทันที
“สรุปคือจะขอค้างกับพี่คืนนึงว่างั้น”

ปั้นรักไม่อยากจะพยักหน้ารับหรอก เบือนหน้าไปด้านข้าง ว่ามุบมิบ
“เออ”
“งั้นก็เรียกอ้ายสิ ไหนพูด...อ้าย...”

ผมได้ทีก็ขี่ช้างไล่ใหญ่ ปั้นรักชำเลืองมองหน้าผมแล้วก็ค่อยๆ ขยับปากในขณะที่ผมรอฟังอย่างตั้งใจ
“อะ...อ้าย...”
“อีกทีซิ ได้ยินไม่ชัด”
“อ้าย...” พูดไปก็ทำหน้าหงุดหงิดไป
“อ้ายดื้อ...” ผมพูดขึ้นมา พยักพเยิดเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้มันพูดตาม

ปั้นรักสบถอะไรสักอย่างออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ทำท่าเหมือนจะไม่พูด แต่สุดท้ายก็...
“อ้ายดื้อ...โว้ย!” ก่อนที่มันจะทำท่าขนลุก แล้วเอามือมาเกาคอตัวเองรัวๆ “โอ๊ย! คัน!”

แสลงปาก แสลงคอสินะ กูก็แสลงหูเหมือนกัน

ขนลุกเกรียวเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็ทำให้ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมา หยุดหัวเราะได้ก็ออกปากชวนมัน
“ดึกแล้ว กลับกันเถอะ พรุ่งนี้ปั้นจะได้กลับแต่เช้า”

พูดจบก็เดินนำมันออกมานอกบาร์ ขณะที่ปั้นรักลูบแขนลูบคอตัวเองเป็นพัลวัน
“ขี้เดียดเด้! (ขยะแขยง!)”

ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางนั้นอีกครั้ง

เด็กน้อยเอ๊ย คิดจะเล่นกับพี่มันเร็วหลายปีแล้ว
---------------------------
อัปเต็มตอนแล้วค่ะ พี่ดื้อตีตื้นมาแล้ว ได้ทีแกล้งน้องใหญ่เลยนะ บอกตรงๆ ตอนน้องเรียกอ้ายนี่แบบขนลุกแทนพี่ดื้อ 555
ฝากฟีดแบ็กด้วยค่า เดี๋ยวเย็นๆ จะเอาตัวอย่างตอนต่อไปมาแปะให้นะคะ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
อ้ายดื้อ พรุ่งนี้จะปล่อยน้องกลับบ้านไปเหรอ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไม่อย่กได้แค่ตัวอย่างอ่ะครับ 55555

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ปั้นรักดูเป็นเด็กมีปัญหานะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 7: อย่ายุ่งกับดากเด้อ

พากลับมาที่ห้อง จัดการวางข้าววางของเสร็จ ผมก็ตั้งท่าจะหันไปบอกมันให้ทำตัวตามสบายเพราะเห็นมันเดินเกร็งๆ มาตั้งแต่เมื้อกี้แล้ว ทั้งที่ปกติมันน่าจะไร้ซึ่งความเกรงอกเกรงใจเหมือนที่เคยทำ ถ้าให้ผมเดานะ ผมว่าเป็นเพราะก่อนจะแยกกันรอบที่แล้ว ผมต่อว่ามันไปน่ะ ครั้งนี้มันก็เลยไม่ค่อยกล้าอะไรกับผมเท่าไหร่

“ไม่ต้องเกร็ง ถือซะว่าเป็นห้องตัวเองก็ได้ ทำตัวตามสบายเถอะ พี่เห็นแล้วอึดอัดแทน”

เรียกแทนตัวเองว่าพี่ไปเรียบร้อย ปั้นรักสบตาผม ผมก็ยิ้มให้ แต่มันไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้นนอกจากวางกระเป๋าบาเลนเซียก้าอะไรของมันลงบนโต๊ะใกล้ๆ กับเตียง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้น แทนที่จะนั่งบนเตียง

เห็นแล้วผมก็เลิกคิ้วสูงเล็กน้อยประมาณว่า ‘แล้วแต่นะ’ เพราะตอนแรกผมกะว่าจะชวนมันนอนบนเตียงด้วย บังเอิญห้องที่ผมเช่ามันเป็นห้องที่มีเตียงเดี่ยวไซส์ควีนเบด ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่ผู้ชายตัวขนาดผมกับมันก็นอนข้างกันได้สบายๆ โดยไม่ต้องเบียด
พอทำทีเป็นไม่สนใจ เดินไปเปิดตู้เย็น คว้าน้ำดื่มมารินใส่แก้ว ปั้นรักก็ถามขึ้น

“มีผ้าห่มอีกไหม”
หมอนนี่ไม่ถามแล้วเพราะมันเห็นเต็มสองตาว่าบนเตียงมีหมอนอีกใบ ผมพยักพเยิดปลายคางไปยังตู้เสื้อผ้า
“ในตู้น่าจะมีนะ”

สิ้นเสียง ปั้นรักก็ลุกขึ้นไปเปิดตู้ คว้าผ้าห่มสีเขียวที่ลักษณะคล้ายๆ ผ้าขนหนูออกมา จากนั้นก็จัดการเอาปูบนพื้น เห็นก็รู้เลยว่าคืนนี้มันคงจะนอนบนพื้นแน่ๆ ผมไม่ติดใจหรอก รู้ว่ามันคงจะเกรงใจ หรือไม่ก็เกร็งๆ ที่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกับผม แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ดันออกปากถาม

“แล้วไม่นอนเตียงกับพี่เหรอ”
ถามเพราะอยากรู้น่ะ ไม่ได้อยากจะให้มันมานอนข้างๆ หรืออะไร และตอนนั้นเองผมถึงได้รู้ว่าผมคิดผิดที่ไปหลงคิดว่ามันเกรงใจ ความจริงแล้วมันน่ะ...

“ไม่เอาอะ เดี๋ยวตื่นมาแล้วไอตกเป็นของยูขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ”

...มันกลัวผมจะทำมิดีมิร้าย

โถ ไอ้ปั้น! มึงนี่น่าปล้ำมากเลยนะ!

ถึงกับต้องประชดประชันมันในใจ เห็นมันทำหน้าแหยงๆ ใส่ผมด้วยแล้ว ผมก็แทบอยากจะไสหัวมันออกไปจากห้อง แต่เป็นคนอนุญาตให้มันมานอนไงเลยพูดออกไปไม่ได้ จึงทำได้แค่บอกเร็วๆ เท่านั้น

“ไม่ทำหรอกน่า เห็นพี่เป็นคนยังไง”
“หื่น” มันตอบหน้าตาเฉย
ผมเลยว่าเสียงเข้มใส่ “ถึงจะเป็นเกย์ แต่พี่ก็เลือกนะ”

ตอกกลับไปอย่างนั้น ปั้นรักก็ไม่พูดอะไร เพราะนัยยะที่ผมแฝงออกมามันหมายถึง...’ต่อให้มึงมายืนแก้ผ้าตรงหน้ากู กูก็ไม่เอามึงหรอก!’ อะไรประมาณนั้น

และดูเหมือนว่าคำพูดนั้นจะทำให้ปั้นรักผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนที่มันจะเริ่มเกาตามเนื้อตามตัว เป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่ามันคงจะเหนียวตัวเพราะเดินทางทั้งวัน แต่ผมไม่พูดอะไร นอกจากเข้าไปอาบน้ำก่อน พอกลับออกมาถึงได้เอ่ยปาก

“ถ้าเหนียวตัวก็ไปอาบน้ำเถอะ ผ้าเช็ดตัวมีในตู้อีกผืน”
ได้รับอนุญาต ปั้นรักก็พยักหน้ารับอือออ ลุกขึ้นยืน ตรงไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าพลันถอดกางเกงยีนของตัวเองลง เหลือเพียงกางเกงบ็อกเซอร์เท่านั้น

ผมมองตามขณะใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดปลายผมของตัวเองที่เปียกน้ำจนชื้น มองตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แค่มองธรรมดา แต่พอมองไปมองมา สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปจับจ้องอยู่แต่ลวดลายกางเกงบ็อกเซอร์ของมัน

สีสันฉูดฉาดขนาดนี้ มันกล้าซื้อมาใส่ได้ยังไง...

เป็นสิ่งที่ผมสงสัย และดูท่าสายตาผมจะทำให้ปั้นรักรำคาญใจไม่น้อย ก่อนที่มันซึ่งอยู่ในสภาพมีบ็อกเซอร์ตัวเดียวปกปิดของสงวนจะหันมาสบตาผมพลางว่าเสียงขุ่น

“เอ้า มองๆ”
ผมแสร้งทำเฉยๆ แต่การที่เฉยนั้นทำให้ปั้นรักทำหน้าหาเรื่องใส่
“ยังๆ ยังจะมองอีก”
ผมเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย “ทำไม มองไม่ได้เหรอ”
“ถ้ามองหน้าก็ไม่ว่า” มันบอก “แต่มองดากนี่เสียวคัก”

โว้ย! กูไม่ได้มองดากมึงสักหน่อย แค่มองลายกางเกงบ็อกเซอร์มึงเฉยๆ!

ลายกางเกงแม่งก็น่าให้มองจริงๆ นั่นแหละ เด่นสะดุดตา เป็นลายดาวสีเหลือง พื้นสีแดงแจ๋อย่างกับเอาแม่สีมาสาดขนาดนี้ อยากจะถามมันมาก... มึงกลัวควายไม่วิ่งมาขวิดหรือไง

โดยปกติผมจะทำเป็นไม่สนใจนะ กะว่าแค่มองแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เพราะมันพูดมาอย่างนี้ ผมก็เลยแกล้งทำเป็นจ้องเขม็งเลย

ปั้นรักมองหน้าผมอย่างไม่ไว้ใจ เอามือทั้งสองข้างมากุมแก้มก้นไว้ทันควัน

“แน่ะๆ มองอีก คิดอะไรลามกอยู่อะดิ”
บอกตรงๆ ว่าไม่ได้คิดสักนิด ตอนแรกกะแค่แกล้งมองเขม็งแล้วก็หยุด แต่เห็นท่าทางหวาดระแวงของมันแบบประดิษฐ์ๆ ผมก็อดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้

จ้องแม่งเลย จ้องให้มากกว่าเดิม จ้องเขม็ง จ้องตาเป็นมัน จ้องหื่นๆ แกล้งแลบลิ้นเลียริมฝีปากยั่วมันด้วย ปั้นรักออกอาการเลิ่กลั่กเป็นการใหญ่ เห็นท่าทางของมันแล้ว ผมก็รู้สึกสนุกขึ้นมา ยิ่งพอมันหันดาก...เอ้ย ก้นหนี ผมก็จ้องอย่างกับว่าจะสิงเข้าไปในกางเกงบ็อกเซอร์ของมัน

“เลิกมองได้แล้ว เสียว!”

เสียวที่โดนมองหรือเสียวเพราะกลัวว่าผมจะทำมิดีมิร้ายมันก็ไม่รู้ ผมมองอยู่อย่างนั้นอีกครู่หนึ่งแล้วก็แสร้งไม่สนใจเพราะคิดว่าควรยุติการแกล้งแต่เพียงเท่านี้ คราวนี้ปั้นรักถึงได้เริ่มวางท่าทางปกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือบมองผมอย่างไม่ไว้ใจมาเป็นระยะ

“พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า”
พูดไปอย่างนั้นเพราะหนึ่งรำคาญที่มันมองผมในทางไม่ดีไม่ยอมหยุด และสอง...ผมไม่คิดจะทำอะไรมันจริงๆ

ปั้นรักสูดลมหายใจเข้าปอด ส่งสายตาประหนึ่งไม่เชื่อมา ทว่าก็ยอมที่จะเดินผ่านหน้าผมเพื่อไปเข้าห้องน้ำแล้ว ผมก็ว่าจะเลิกแกล้งมันอยู่แล้วนะ แต่พอมันเดินผ่านแล้วพูดใส่ผมว่า...

“ขนดากลุกซู่”

...ผมก็ดันหมั่นไส้มันขึ้นมาอีก

ขนลุกนักใช่ไหม ได้! จกดากมันแม่ง!

ไม่ได้คิดอย่างเดียว ยื่นมือไปจับตูดมันเข้าให้หมับหนึ่ง ปั้นรักสะดุ้งโหยง ร้องเสียงดัง
“เฮ้ย!”

แค่นั้นยังไม่พอ สบโอกาส ผมก็ฟาดไปไม่แรงนักอีกทีดังเพียะ

ผิวเนื้อที่เด้งรับมือนี่มันแบบ... แหม เด้งดีดึ๋งดั๋ง

แน่นอนว่าปั้นรักร้องโวยวายกับการกระทำนั้นของผมสุดเสียง
“ยูทำบ้าอะไรเนี่ย!”

ผมกำลังจะแกล้งบอกมันว่าทำให้เสียวดากมากขึ้นไง ทว่ายังไม่ทันจะได้พูด หมัดหลุนๆ ของมันก็พุ่งมาปะทะที่ซีกหน้าผมแล้ว
ต่อยดังผัวะ ผมถึงกับเสียหลักไปเลย ถึงจะไม่แรงมากแต่รู้สึกทันทีเลยว่าปากแตกเพราะรสเค็มปร่าที่อบอวลในปาก ปั้นรักก็ดูตกใจเหมือนกันที่พลั้งมืออย่างนี้ ทว่าครู่เดียวก็รีบเก็บอาการ รีบพูดเร็วๆ

“เป็นเกย์หื่นบ่นิ เว้าแล้วเว้าอีกว่านอนนำได้อยู่ แต่อย่ายุ่งกับดาก ฮ่วย!”

หลุดภาษาลาวออกมาเฉยเลย จากนั้นก็ตามมาด้วยบ่นเป็นภาษาอังกฤษที่ผมฟังไม่เข้าใจ จากนั้นก็หายเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผมยืนสูดปากตัวเองด้วยความเจ็บปวดตามลำพัง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดบ่น ยังมีเสียงบ่นพึมพำกับการกระทำของผมเมื่อครู่ดังออกมาให้ได้ยินอีกเป็นระยะตลอดการอาบน้ำของมัน จนผมอยากจะพุ่งไปถีบประตูแล้วจกดากมันให้สาแก่ใจ อุตส่าห์ทำเงียบๆ ไม่ตอบโต้แล้วนะ มันยังจะตะโกนมาอีก

“โว้ย! หื่นคัก! บักหื่น!”

“ถ้าไม่หยุดบ่น พี่จะตามจกดากทั้งคืนนะจะบอกให้”

ผมสวนกลับไป เท่านั้นแหละ เสียงเงียบไปเลย พักใหญ่ๆ ปั้นรักถึงออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับสีหน้าปั้นปึ่ง
“มาจกดากไอ ไอจะขมิบมือยูให้ขาด”

ผมถึงกับหลุดหัวเราะ

มึงจะโหดยันดากไม่ได้นะไอ้ปั้น!

ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยืนมองมันแต่งตัวเร็วๆ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนแล้วออกคำสั่งผมหน้าตาเฉย
“ปิดไฟได้แล้ว แล้วตอนไอนอน อย่ามาแอบจับอะไรของไอด้วย ไม่งั้นแจ้งตำรวจนะเว้ย”
“คร้าบๆ”

ผมตอบรับขณะยังหัวเราะอยู่ เดินไปปิดไฟให้มันตามสั่งแต่โดยดี



 
เพราะตะลอนเที่ยวทั้งวัน พอหัวถึงหมอน ผมก็หลับคร่อกเหมือนชัตดาวน์ตัวเองไปเลย ปั้นรักเองก็เช่นกัน หลังจากที่มันโทรอายัดพวกบัตรสำคัญๆ ที่หายไปกับกระเป๋าเงินเป็นที่เรียรร้อย มันก็ปิดสวิตซ์ตัวเองทันที เหมือนจะหลับไปก่อนผมอีกมั้ง ผมก็ไม่ได้ไปรบกวนอะไรมันหรอกถ้าหากว่าพอตกดึก หูผมไม่ได้ยินเสียงดังกึ้กๆ มาจากมันน่ะนะ

ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไร รู้แต่ว่าเสียงนั้นมันทำให้ผมหลับต่อไม่ลง ผมเป็นพวกที่ถ้ามีเสียงอะไรรบกวนแม้แต่หน่อยเดียวก็จะตื่นขึ้นมาทันที ยังไม่ทันที่จะได้รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงอะไร ผมก็ได้ยินเสียงของปั้นรักดังขึ้นมาเสียก่อน

“cold… (หนาว...)”

งึมงึมๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ รู้แต่ว่ามันพูดภาษาอังกฤษ ผมก็เลยดันตัวลุกขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์ไปส่องมันก็เห็นว่าปั้นรักนอนขดเป็นกุ้งอยู่

อ๋อ หนาวล่ะสินะ

กอดกระเป๋าบาเลนเซียก้า ตัวงออย่างกับกิ้งกือ ฟันกระทบกันดังกึ้กๆ พึมพำๆ ไม่หยุด ตอนนี้ผมเลยรู้ว่าเสียงที่ดังมาให้ได้ยินอยู่นานสองนานคือเสียงฟันมันนั่นเอง เห็นแล้วก็สมเพชปนเวทนา จะว่าขำก็ขำอยู่เหมือนกัน

แหม ทำเป็นปากดีอย่างโน้นอย่างนี้ สุดท้ายก็ไม่พ้นกูจนได้

เพราะมันเอาผ้าห่มที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าไปปูนอนแล้ว ผ้าเช็ดตัวก็ใช้ซับน้ำตอนอาบน้ำ ยังเปียกชื้นๆ อยู่ จะเอามาห่มให้มันก็เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ถ้าปิดแอร์ก็จะร้อนอีก ดังนั้นผมจึงเอาผ้าห่มตัวเองที่เหลืออยู่ผืนเดียวไปห่มให้มัน แต่ถ้าจะห่มให้มันคนเดียว ก็เท่ากับว่าผมจะไม่มีผ้าห่มใช้ใช่ไหมล่ะ ผมก็เลยทิ้งตัวลงไปนั่งบนพื้นก่อนล้มตัวนอนข้างๆ มัน ตลบผ้าห่มคลุมกายให้ปั้นรักด้วย
ทันทีที่ผ้าห่มคลุมตัว ความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมา ปั้นรักก็กระชับผ้าห่มแน่นทันที มิหนำซ้ำยังออกแรงดึงจนผ้าห่มบนตัวผมถูกดึงไปทางมันทั้งหมด

เฮ้ยๆ ตลกละมึง ไม่ได้ยกให้มึงนะ

ผมเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มกลับมา ปั้นรักที่ยังอยู่ในห้วงนิทราส่งเสียงรำคาญใส่

“อื้อ...F*ck”

ผมถึงกับชะงัก

ไอ้นี่... ขนาดหลับ มันยังจะกวน...

พอปล่อยมือ ปั้นรักก็ดึงผ้าห่มไปทั้งหมด ซ้ำยังพลิกตัวตะแคงหนีไปอีกข้างด้วย ทำเอาผมที่นอนอยู่ข้างๆ ถอนหายใจออกมา
ลงมานอนข้างมันนี่ตัดสินใจพลาดแท้ๆ

แต่พอเห็นมันกรนดังคร่อกๆ เพราะหลับสบายกว่าเดิม ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะยิ้มทำไม พลันความหมั่นไส้ก็ประดังประเดเข้ามา เลยฟาดก้นมันไปไม่แรงนักทีหนึ่ง

ฝ่ามือกระทบแก้มก้นดังเพียะ เท่านั้นเสียงของปั้นรักก็ดังตามมา
“อือ...อย่ายุ่งกับดากเฮาเด้”

คราวนี้ผมถึงกับหลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่

ถึงมันจะกวน แต่มันก็ตลกดีเหมือนกัน ทำผมหัวเราะได้ขนาดนี้ งั้นเรื่องผ้าห่มก็ช่างมันเถอะ
ผมนอนมองเงาของปั้นรักตรงหน้าอีกครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงบ้าง ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว



 
ตอนนอนมันไม่เท่าไหร่ ตอนตื่นมานี่สิหายนะ เพราะผมตื่นมาในสภาพถูกปั้นรักกอดก่ายประหนึ่งหมอนข้าง ใช้หน้าอกผมต่างหมอนอีก อะไรไม่ว่า น้ำลายมันก็มาหยดลงบนคอเสื้อผมด้วยเถอะ จะว่าขยะแขยงก็พูดได้ไม่เต็มปาก ถ้ามันไม่หล่อ ไม่น่ารักล่ะก็ ป่านนี้ผมถีบติดประตูไปแล้ว

“ปั้นรัก ตื่นได้แล้ว ปั้น...”

เรียกไปเขย่าไป ปั้นรักก็ส่งเสียงอือออไม่หยุด หนำซ้ำยังจะกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วย

มึงเป็นตุ๊กแกหรือไง!

แทบจะสิงผมอยู่แล้วเถอะ ผมเลยตัดสินใจลุกขึ้นนั่งพรวดทันที ทำเอาปั้นรักที่หลับอยู่เทกระจาดไม่เป็นท่า พอตั้งหลักได้ก็โวยวายลั่น

“อะไรเนี่ย!”

ยังจะถามอีกเหรอว่าอะไร น้ำลายมึงหกรดหน้าอกกูจนจะกลายเป็นแอ่งน้ำขังอยู่แล้ว!

ผมมองสภาพมันที่ยังเมาขี้ตาอยู่อย่างระอา พอมันเริ่มหายงัวเงียก็ตวัดมองผมพลางย่นคิ้วยู่
“แล้วปลุกไอขึ้นมาทำไมเนี่ย”

ถ้าไม่ปลุก แล้วมึงจะทันรถกลับเวียงจันท์รอบแรกไหมล่ะ มันคงลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าเมื่อคืนนี้มานอนที่ห้องผมทำไม แต่ยังไม่ทันจะได้บอกอะไร ปั้นรักก็เอะใจอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง

“เดี๋ยวนะ เมื่อคืนนี้ยู...นอนกับไอ?”
ผมพยักหน้า เท่านั้นแหละ มันก็รีบกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน ดึงกางเกงบ็อกเซอร์ลงแล้วหันมองก้นตัวเองทันที
“Didn’t I lost my butt’s virgin!? (เสียซิงตูดไปหรือยังวะเนี่ย!)”

ผมแปลได้นะประโยคนี้ มันกำลังถามว่ามันโดนผมทำอะไรไปหรือยัง แต่เดี๋ยวนะไอ้ปั้น มึงไม่ต้องพิสูจน์ด้วยการถอดกางเกงโชว์ต่อหน้ากูก็ได้ไหม!

ผมทำหน้าไม่ถูกเลยตอนเห็นกล้วยหอมของคนตรงหน้า ถ้าเป็นกล้วยเหี่ยวๆ จะไม่ว่า นี่เพิ่งตื่นนอนไง โอ้โห ชี้หน้ากูเลย
เหมือนมันจะมาสำนึกขึ้นได้ในตอนนี้ว่ากำลังยืนโชว์อะไรต่อมิอะไรให้ผมดูอยู่ มันก็เลยรีบพุ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อช่วงล่างตัวเองไว้ ก่อนจะโวยวายตามมาอีก

“เอ้าแนมๆ เดี๋ยวปั๊ด!”

ทำท่าเหมือนแม่เวลาขู่จะตีลูกอะ

“อยู่กับยูแล้วอันตรายโคตรๆ”

พอมันพูดมาอีก ผมก็รู้สึกปวดหนึบที่ขมับขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุทันที

กูไม่ได้คิดจะทำอะไรมึงเลย มีแต่มึงที่ปู้ยี่ปู้ยำกูเนี่ย!

ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปเป็นยังไง ผมสำนึกได้ในตอนนี้

“รีบไปล้างหน้าล้างตาไป เดี๋ยวไปขึ้นรถไม่ทันหรอก”
แล้วผมก็ตัดบทก่อนที่จะปวดหัวไปมากกว่านี้ ปั้นรักทำท่าจะสวนอะไรคืนมาสักอย่าง ทว่าพอจะอ้าปากเท่านั้น เสียงโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้นมาก่อน ผมบุ้ยปากให้มันเป็นเชิงบอกให้รีบรับโทรศัพท์ ปั้นรักเดินไปรับแต่โดยดีขณะที่ผมนับหนึ่งถึงสิบและท่องไว้ในใจว่าอีกไม่นาน มันก็จะหายหัวไปจากชีวิตผมแล้ว

หากแต่การให้มันเดินไปรับโทรศัพท์นั้นเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะคนที่โทรมาก็คือแม่มัน ก่อนที่ผมจะได้ยินมันเถียงกับบุพการีครู่หนึ่งที่ผมพอจะจับใจความได้ว่า...คุณแอนไม่อยากให้มันกลับ

ไม่อยากให้มันกลับ!?

โอ๊ย จะมาห้ามลูกตัวเองทำไม มันอยากกลับก็ให้มันกลับๆ ไปเลย!

แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ พอปั้นรักเถียงแม่ตัวเองไม่ชนะ มันก็วางสายแล้วหันมาบอกผม
“สงสัยไอคงต้องอยู่กับยูสักระยะ”
“ทำไม”
“โดนแม่ไล่ออกจากบ้าน” มันว่าพลางทำหน้าเนือยๆ

ไม่รู้ว่าผมจะสงสารหรือขำมันดี แต่พอมันบอกว่า...

“แม่บอกว่าไอจะกลับบ้านไม่ได้จนกว่ายูจะกลับไทย”

เท่านั้นแหละผมก็รู้ทันทีว่ามันเป้นแผนของคุณแอนที่ต้องการให้ปั้นรักนำเที่ยวผมจนจบตามที่ได้ตกลงกันในตอนแรกเพื่อเป็นการบังคับให้มันรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองพูดไว้กลายๆ เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาหรอกถ้าหากว่ามันไม่กวนอารมณ์ผมตลอดเวลาน่ะนะ เพราะตอนนี้ดูท่าทางมันจะมีปัญหาใหญ่แล้วด้วยเพราะมันพึมพำบ่นออกมา

“แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้วะเนี่ย”

ก็ว่าแล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ มันทำกระเป๋าเงินหายนี่นา บัตรอะไรก็หายไปหมด ต่อให้คุณแอนโอนเงินมาก็เท่านั้น เพราะยังไงมันก็ไปกดเงินไม่ได้อยู่ดี ที่ติดตัวมันอยู่ก็คือเงินที่ผมให้เฉพาะค่ารถเท่านั้น ผมเลยอดที่จะยื่นข้อเสนอไปไม่ได้

“งั้นเอางี้ ปั้นก็อยู่กับพี่จนกว่าพี่จะกลับไทยก็ได้ พี่จะออกเงินค่ากินอยู่ให้เอง ถือซะว่าเป็นค่าจ้างไกด์”
“นี่ยูยังคิดจะจ้างไออยู่อีกเหรอ” ปั้นรักถามพลางทำหน้าแหย
“บอกตรงๆ ...ไม่” ผมก็ว่าไปตามตรง

อย่างที่รู้กันว่าผมกับมันเข้ากันไม่ได้สักเท่าไหร่ การต้องมาอยู่กับมัน เป็นอะไรที่ไม่น่าพิสมัยสักนิด
“เนี่ย แล้วจะให้อยู่ทำไมวะ” มันว่า
“แล้วมีทางไปเหรอ”
พอผมสวน ปั้นรักก็ฮึดฮัด ทำท่าหัวเสีย ถึงไม่พูด คำตอบก็ชัดเจนเลยว่าไม่
“ถ้าไม่มีทางไปก็อยู่กับพี่นี่แหละ วันนี้พี่จะออกไปเที่ยว ไปด้วยกันเลยแล้วกัน”
“ไม่...” ปั้นรักทำท่าจะปฏิเสธ

ผมมองมันนิ่งก่อนจะว่าชัดๆ “ถ้างั้นก็นอนข้างถนน ไม่ไปเที่ยวด้วยก็แสดงว่าไม่ได้เป็นไกด์สิ”

สิ้นเสียง ปั้นรักก็เงียบ กลายเป็นบ่นพึมพำแทน

“เผด็จการฉิบ”
“เออ เลิกบ่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาได้แล้ว จะได้ไปกินข้าว”
“ให้ไออยู่ด้วยนี่ คิดจะทำอะไรไอหรือเปล่า” ยังจะมีหน้ามาจับผิดผมอีก
“ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังจะกล้ามาคิดแบบนี้กับพี่อีกนะ ถ้าจะทำก็ทำไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ผมตอกกลับ

ปั้นรักทำหน้าแหยง “คิดไม่ซื่อจริงๆ ด้วย ยูนี่แม่งตัวอันตราย”
“ยังอยากเก็บไว้ไหมสวัสดิภาพดากน่ะ ถ้ายังอยากอยู่รอดปลอดภัยก็รีบไปล้างหน้าไป มัวชวนคุยอะไรไร้สาระอยู่ได้ พี่หิวแล้ว”
มันก็ยังไม่เลิกบ่นผมอยู่ดี แต่ตอนนี้ยอมเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว สงสัยจะห่วงสวัสดิภาพของตัวเองขึ้นมาเพราะเห็นผมทำหน้าตาจริงจังตอนพูดประโยคเมื่อกี้ ไม่ใช่อะไรหรอก ผมรำคาญน่ะเลยทำหน้าเครียดใส่

ผมมองตามพลางส่ายหน้าน้อยๆ พลางอมยิ้มออกมาทั้งที่ก่อนหน้ายังปั้นหน้าดุใส่มัน

ไอ้นี่มันโตมาแบบไหนกันวะเนี่ย นิสัยแปลกคนฉิบ...
-------------------------------
ไม่เจอกันนาน คิดถึงกันมั้ย 555
กลับมาแล้วนะคะ คงจะมาอัปถี่ๆ ละ ตอนนี้เริ่มเคลียร์งานได้แล้ว ถึงคิวสักที
เป็นฉบับก่อนรีไรท์เหมือนเดิมค่ะ ฉบับสมบูรณ์ไปตามอ่านในแบบรูปเล่มเอาเน้อ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
นิยายเรื่องนี้ทำให้เราอยากแบกเป้ไปเที่ยวลาวคนเดียวเลยนะจะบอกให้ 5555

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
นับถือในความอดทนของพี่ดื้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 8: จอมดื้อมีคนเดียวก็พอแล้ว

แผนที่วางไว้ในตอนแรกว่าจะให้ปั้นรักกลับเวียงจันทน์รถรอบแรกของวันเป็นอันล้มเหลว ผมเลยต้องกระเตงมันไปเที่ยวด้วย ซื้อทัวร์ไว้หนึ่งที่เมื่อวาน วันนี้ก็ต้องไปซื้อเพิ่มอีกที่ ซ้ำยังเป็นเงินผมที่ต้องจ่ายให้มันอีก ถึงมันจะบอกก็เถอะว่าเดี๋ยวแม่ให้เข้าบ้านเมื่อไหร่ มันจะใช้คืน แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะทวงอะไรมันหรอก ได้แต่บอกว่าถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่มันมาเป็นไกด์ให้ผมต่อก็แล้วกัน แม้ว่าอันที่จริงแล้วทัวร์นี้จะมีไกด์คนอื่นนำทางไปก็เถอะ

ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นนะ ปั้นรักดูฟังผมมากขึ้นเพราะต้องพึ่งพาผม แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ถึงจะไม่พูดมากอย่างเคย ทว่าความยียวนกลับไม่ได้น้อยลงไปสักนิด

ยียวนยังไงน่ะเหรอ? อันดับแรกเลย...การแต่งตัว

ผมจะไปพายเรือคายัคล่องแม่น้ำซอง หมายความว่าตัวต้องเปียกน้ำ ผมเลยใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสามส่วนเตรียมเปียกเต็มที่ แต่ไอ้ปั้นรัก...กางเกงยีนขาเดฟ เสื้อยืด แถมสวมแจ็กเก็ตหนังทับ

นี่มึงคิดว่าเป็นชาวนิวยอร์กเกอร์หรือไง?

ยังดีที่มันไม่เอากระเป๋ากระสอบอะไรของมันไปด้วย แต่แน่นอนว่าผมไล่มันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สภาพอย่างนี้จะไปเล่นน้ำยังไง ทว่าพอมันตอบมาว่า...

“ไอมีเสื้อผ้าชุดเดียวปะ?”

เอ้า แล้วในกระเป๋าสายรุ้งมึงไม่ได้พกเสื้อผ้ามาเลยหรือไง
คำตอบคือใช่...

ผมล่ะอยากจะกุมขมับเหลือเกิน หากแต่ก็ได้แค่บอกมันว่าให้ยืมเสื้อผ้าผมไปใส่ก่อน มันปฏิเสธเสียงแข็งเลย สุดท้ายเลยมาด้วยชุดนั้น เดชะบุญที่หัวสมองอันน้อยนิดของมันคงบอกกับมันว่าอย่าใส่เสื้อแจ็กเก็ตหนังไปเลย มันเลยถอดทิ้งไว้ที่ห้อง แล้วไปเที่ยวในมาดหนุ่มร็อกแบบไม่ครบเครื่องแทน

ผมเหลือบมองมันตลอดการนั่งรถไปยังถ้ำน้ำ มองมันแล้วเปรียบเทียบกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ

...มึงแม่งโคตรเหมือนไม่ได้อ่านแชทกลุ่มอะ ชาวบ้านเขาเตรี๊ยมกันมาแบบนี้ มึงไปอีกแบบนึง หาความเข้ากันได้จากที่ไหนบ้างเนี่ย

มองไปนานๆ เห็นมันไม่สะทกสะท้านต่อสายตาของคนรอบข้าง ผมก็เลิกสนใจ กระทั่งเรามาถึงยังที่หมาย ไกด์ทัวร์แนะนำให้เรารู้จักกับน้ำถ้ำซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติซึ่งเป็นที่นิยมแห่งหนึ่งในวังเวียง ก่อนจะอธิบายถึงวิธีการเข้าไปผจญภัยในนั้นด้วยการให้นักท่องเที่ยวนั่งลงบนห่วงยางที่ทางไกด์เตรียมมาแล้วล่องเข้าไปข้างในถ้ำ โดยมีไฟฉายติดที่หัวให้ความสว่างแค่นั้น หลังจากนั้นก็นัดแนะมากินมื้อเที่ยงหลังจากออกจากถ้ำน้ำเป็นที่เรียบร้อย

ผมค่อนข้างจะตื่นเต้นกับอะไรแบบนี้นะ ยกเว้นปั้นรักที่ยืนกอดอกฟังพลางทำหน้าเหม็นเบื่อ ผมไม่อยากจะทักมันหรอก เดี๋ยวเสียอารมณ์เที่ยวเพราะรู้ว่าถ้าผมพูดอะไรออกไป มันจะต้องพูดอะไรก็ตามแต่ให้บรรยากาศกร่อยอย่างแน่นอน

เพราะคิดอย่างนั้น ผมก็ปลีกตัวจากมัน เดินไปรับห่วงยางมา พร้อมกับฝากกระเป๋าคาดอกให้กับไกด์ดูแล เดินกลับมาพร้อมกับห่วงยาง เตรียมตัวลงน้ำ ปั้นรักที่ยืนมองอยู่ก็โพล่งขึ้น

“แค่ล่องห่วงยาง ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
ผมหันไปมอง เห็นมันยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ไปเอาห่วงยางกับชาวบ้านเขา ผมเลยถามกลับ
“แล้วปั้นไม่ล่อง?”
“หึ”
“แต่จ่ายเงินไปแล้วนะ มันรวมอยู่ในทัวร์”
“ไอยืมเงินยูจ่ายก่อนนี่ เดี๋ยวก็คืน เท่ากับว่าเป็นเงินไอ ไอจะเล่นหรือไม่เล่นก็ไม่เห็นเป็นไร อีกอย่าง ไอไม่ใช่เด็กด้วยที่จะมาเล่นอะไรแบบนี้”

ปากบอกไม่ใช่เด็ก แต่นิสัยมึงโคตรจะเด็กเลยเถอะ

ผมยักไหล่ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง หย่อนตัวลงน้ำตามการแนะนำของผู้ดูแล แล้วล่องห่วงยางเข้าไปในถ้ำโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้ปั้นรักเดินตามไกด์ไปรอยังร้านอาหารสำหรับทานมื้อเที่ยง

หลังจากล่องห่วงยางลอดถ้ำน้ำเสร็จ ผมก็ขึ้นมากินข้าว หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำช้าง แค่แวะชมแวะดูแบบทัวร์ชะโงกเสร็จเรียบร้อย คราวนี้เป็นคิวไฮไลท์ของวันนี้ เราตรงไปยังน้ำซองเพื่อพายเรือคายัคเล่น พอมาถึง ไกด์ก็สาธิตขั้นตอนการพายเรือพร้อมกฎต่างๆ โดยระหว่างที่พายเรือเล่นนั้น เราสามารถลงเล่นน้ำหรือแวะร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมน้ำได้ จากนั้นก็ทยอยเอาเรือลงน้ำ

นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เดียวกับผมต่างพากันลงเรือเป็นคู่ ส่วนผม...ฉายเดี่ยว

ปั้นรักยังคงไม่หือไม่อือเช่นเคย ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจด้วย ผมเลยไม่ได้ถามมันว่าจะเล่นไหม ได้แต่สวมเสื้อชูชีพ แล้วเตรียมตัวจะลงเรือ ทว่าปั้นรักก็ขัดขึ้นอีก

“แค่นี้ต้องใส่เสื้อชูชีพ”
“เอ้า ก็เพื่อความปลอดภัย” ผมหันไปตอบ
“แล้วคนอื่นเขาใส่กันที่ไหน เห็นแต่ยูใส่เนี่ย”
หันไปมองนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่เป็นฝรั่ง พวกนั้นมาถึงได้ก็ถอดเสื้อ ลงเรือพายกันอย่างคล่องแคล่ว ไม่สนใจจะใส่เสื้อชูชีพแม้แต่คนเดียว ผมมองแล้วก็หันไปตอบปั้นรัก
“พวกนั้นเขาคล่องแล้ว พี่เพิ่งเคยพายครั้งแรก มันก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยกันหน่อย”
พอให้เหตุผลไปแบบนี้ ปั้นรักก็เบ้หน้าขึ้นมานิดนึง
“ป๊อดว่ะ”

คราวนี้คิ้วผมกระตุกเลย
“คนที่เอาแต่ยืนเต๊ะท่าหล่ออยู่ริมฝั่ง ไม่ยอมลงน้ำ ไม่มีสิทธิ์มาพูดหรอกนะ”
แขวะคืนไปบ้าง ปั้นรักก็ชักสีหน้า จ้องผมตาเขม็งอยู่ครู่ ก่อนโพล่งเสียงสูง
“ได้! ไอจะไปพายกับยูด้วย”

อยากจะบอกมันเหลือเกินว่ามึงไม่ต้องมา แต่มันเดินอาดๆ ไปลงเรือเป็นที่เรียบร้อย นั่งตรงหัวเรือด้วย จากนั้นก็หันมาบอกผมเร็วๆ
“เอ้าขึ้นมา ไอจะสอน”
“เคยพาย?” ผมเลิกคิ้ว
“เออ ตอนอยู่ที่โน่น สมัยเด็กๆ พ่อพาไปพายบ่อยๆ มัวถามจุ๊กจิ๊กอยู่ได้ ขึ้นมาเร็วๆ”

ผมเออออกับมัน ยอมขึ้นเรือโดยดี พอนั่งเป็นที่เรียบร้อย ปั้นรักก็จัดการพายเรือ ท่าทางกระฉับกระเฉงนั่นทำให้ผมพอจะเชื่อใจได้บ้างว่ามันอาจจะเคยพายมาก่อนอย่างที่บอกไว้จริงๆ

การพายเรือของผมกับปั้นรักก็ไม่ได้มีอะไรพิสดารหรอก ออกแนวเอื่อยๆ เรื่อยๆ กินลมชมวิวข้างทางมากกว่า พายไปได้สักพัก สายตาผมก็เหลือบเห็นร้านค้าอะไรบางอย่างบนฝั่ง ผมเลยรีบร้องบอก

“ปั้น เดี๋ยวแวะตรงนี้ให้พี่ก่อน”
“จะซื้ออะไร” มันถามกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญทั้งที่ไม่มองหน้าผม
“แค่จะขึ้นไปดู”
พอผมบอกไปอย่างนั้น มันก็ทำเสียงฮึดฮัด
“เรื่องเยอะสุด”

แหม ก็กูมาเที่ยวไหม ให้กูได้ดูอะไรที่ไม่เคยดูหน่อยเถอะ

ถึงอย่างนั้นปั้นรักก็ยอมบังคับหัวเรือมาเทียบฝั่งแต่โดยดี ขึ้นท่าเรือได้ ผมก็เดินตรงไปยังจุดขายของ มองดูคล้ายๆ ตลาด แต่ไม่ใช่ เป็นจุดขายของที่ระลึก มีร้านอาหารและน้ำตั้งเรียงรายกันประปราย ผมไม่ได้หิว แต่จะมาเดินดูอะไรเพลินๆ น่ะ

ผมพุ่งตรงไปยังร้านขายของที่ระลึก กะว่าจะหาอะไรเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือกลับไปฝากพี่ชายน้องชายบ้าง ก่อนจะหยุดยืนดูร้านเครื่องประดับแฮนด์เมด หยิบอันนั้นจับอันนี้มาดูไปเรื่อย พลันสะดุดตาเข้ากับเครื่องประดับบางอย่างเข้าให้อย่างจัง

เพราะใช้เวลายืนดูนานไปหน่อย ปั้นรักที่ยืนรออยู่ยังท่าเรือจึงเดินมาตาม ...คาดว่าน่ะนะ ตอนแรกคงคิดจะมาตาม แต่พอเห็นผมยืนดูเครื่องประดับอันนั้นอย่างสนอกสนใจ มันก็ร้องถาม พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“ดูไรน่ะ”
ผมหันไปมองมันเล็กน้อยก่อนจะยื่นของในมือให้ดู
“สร้อยข้อเท้า”
มันมองแล้วย่นคิ้ว “สร้อยอะไร เชือกชัดๆ”
เออๆ เชือกก็เชือก ก็ถูกของมันแหละ เป็นเชือกรัดข้อเท้าแบบสานน่ะ
แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมัน นอกจากจะหยิบเชือกสานพวกนั้นขึ้นมาดูหลายต่อหลายอันเพื่อเลือกลาย พลันสะดุดตาเข้ากับเชือกรัดข้อเท้าคู่หนึ่งที่เป็นเชือกถักสีดำและมีจี้เงินเล็กๆ ห้อย ผมหยิบขึ้นมาดู ปั้นรักก็ชะโงกหน้าเข้ามาทันใด
“ตัวอะไรห้อยอยู่น่ะ”
ผมพินิจอยู่ครู่ก่อนจะตอบ “นกเพนกวินมั้ง มีเป็นคู่ด้วย” หันไปเหลือบเห็นเชือกรัดข้อเท้าอีกอันที่มีลักษณะคล้ายกัน ผมก็หยิบขึ้นมา พลันหันไปถามปั้นรัก “น่ารักไหม”
เท่านั้นปั้นรักที่ชะเง้อชะแง้มองอยู่ก็ทำหน้าแหย ไม่พูดอะไรออกมา ปล่อยให้แม่ค้าเสนอขายสินค้าให้กับผมแทน
“ลายนี้มีคู่เดียว ใส่คู่กับแฟนน่ารักนะ นกเพนกวินเป็นสัตว์ที่มีคู่ครองตัวเดียวตลอดชีวิตด้วย เอาไปใส่กับแฟน จะได้รักกันตลอดไป”

พูดไทยชัดแจ๋วเลย ถึงจะห้วนๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ผมไม่แปลกใจหรอกที่แม่ค้าพูดไทยกับผม เพราะนักท่องเที่ยวคนไทยที่มาเที่ยววังเวียงก็เยอะมากทีเดียว ไม่แปลกถ้าแม่ค้าพ่อค้าที่นี่จะพูดไทยเพื่อเอาใจลูกค้า แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ผมได้ยินแล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้

ซื้ออันนี้ไปฝากแสงเหนือกับไอ้ธารใจดีไหมนะ เป็นของฝากจากลาว สองคนนั้นจะได้รักกันตลอดไป
คิดแล้วก็เจ็บจี๊ดในใจขึ้นมา จากตอนแรกที่หวังดีจะซื้อให้สองคนนั้น ผมก็พลันไม่เข้าใจตัวเอง

ทำไมผมจะต้องทำตัวเป็นพระเอก ยินดีกับความรักของสองคนนั้นด้วยนะ?

ทว่าก็ได้คำตอบในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง

ก็คนหนึ่งเป็นคนที่ผมรัก ส่วนอีกคนก็เป็นเสมือนน้องชายแท้ๆ นี่ แต่จะให้ซื้อเพื่อไปแสดงความยินดีกับความสัมพันธ์ของสองคนนั้นมันก็ดูจะมากไปหน่อย ผมเลยทำท่าจะวางมันลงที่เดิม หากแต่ปั้นรักที่ยืนมองอยู่นานก็โพล่งขึ้นมา

“โอ๊ย รักกันตลอดไปอะไรล่ะ สัญลักษณ์ของรักร่วมเพศล่ะสิไม่ว่า”
ผมหันขวับไปอย่างรวดเร็ว “ยังไง”
“เอ้า ก็นกเพนกวินมันเป็นสัตว์ที่มีการรักร่วมเพศนะ ยูไม่เคยดูสารคดีเหรอที่เขาค้นพบว่านกเพนกวินตัวผู้ครองคู่กับตัวผู้ด้วยกันอะ ยูจะซื้อก็เพราะอย่างนี้ใช่ไหมล่ะ”

มันว่ารัวๆ มา ผมนี่อยากจะยกมือขึ้นฟาดปากมันเลย ยิ่งเห็นแม่ค้ายิ้มแหยๆ ผมก็อยากจะดุไอ้ปั้นรักที่พูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา แต่ผมกลับไม่พูดอะไร นอกจากยื่นเชือกรัดข้อเท้าสองอันนั้นให้กับแม่ค้า

“เอาสองอันนี้ครับ”
จ่ายเงินเสร็จก็รีบผลุบออกมาจากร้านนั้นทันที ขณะที่ปั้นรักซึ่งเดินตามมายังพูดไม่หยุด
“ซื้อสองอันแบบนี้ แสดงว่าอีกอันจะเอาไปให้คู่ขาล่ะสิ”
ผมชะงักฝีเท้า หยิบเชือกรัดข้อเท้าออกจากถุงพลาสติกแล้วส่งให้มันอันหนึ่ง มันทำหน้างุนงงฉับพลัน
“อะไร”
“เอาไปสิ”
“เอาไปทำไม”
“ก็อีกอันนึง พี่ซื้อให้คู่ขาไง”
พูดไปอย่างนั้น ความเงียบก็เข้าครอบงำเราทั้งคู่ทันที ก่อนที่ปั้นรักมันจะได้สติแล้วโวยวายขึ้นมา
“โว้ย! ไม่เอา ขนลุก!”
“อ๊ะๆ เล่นตัว” ผมว่าเย้า
ปั้นรักหน้าตึง รีบสวนมาอย่างรวดเร็ว
“เล่นตัวบ้าอะไร ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“เมื่อคืนเราก็นอนด้วยกันขนาดนั้นแล้ว ยังจะปฏิเสธอีกหรือไง”

ผมแกล้งว่าไปอีก คราวนี้แกล้งพูดดังๆ ให้คนอื่นได้ยินด้วย แต่ความหมายของคำว่า ‘นอน’ ของผม คือนอนจริงๆ ไม่ใช่ทำเรื่องอย่างว่า ทว่ากับคนอื่น พวกเขาไม่คิดอย่างนั้น ก่อนที่สายตาของคนรอบข้างจะมองมาทางพวกเรา บ้างก็ซุบซิบหัวเราะกัน ขณะที่ใบหน้าของปั้นรักย่นยู่มากกว่าเดิม

“เงียบไปเลยยูน่ะ พูดอย่างนั้น คนอื่นก็เข้าใจผิดกันพอดี!”

ก็ตั้งใจให้เข้าใจผิดนั่นแหละ เอาคืนที่มันปากมาก แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร ปั้นรักก็รีบก้าวหนีไปแล้ว ทิ้งให้ผมมองมันตามหลัง ก่อนจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างจากร่างกายของคนตรงหน้า

หู...

หูของปั้นรักแดงแจ๋เลย...

ไอ้นี่... มันกำลังอายนี่หว่า

ผมหัวเราะในลำคอ คงดังพอให้มันได้ยิน ก่อนมันจะหันมามองผมตาขวาง
“หัวเราะบ้าอะไร”
“ไม่รู้สิ” ผมตอบยิ้มๆ

เดาได้เลยว่ามันคงจะดูกวนประสาทน่าดู เพราะทำให้ปั้นรักสบถศัพท์ภาษาอังกฤษอะไรออกมาสักอย่างซึ่งผมก็แปลไม่ได้ ก่อนจะรีบเดินอาดๆ ไปยังเรือคายัคที่จอดทิ้งไว้ ทว่าในจังหวะที่มันกำลังจะก้าวขึ้นเรือนั้นคงจะรีบร้อนไปหน่อย เพราะทันทีที่ก้าวขาข้างหนึ่งขึ้นเรือ เรือก็ถอยห่างออกไป ปั้นรักร้องเสียงดังทันควัน

“เหวอ!”
ขายาวๆ ทั้งสองข้างกางออกจากกัน ข้างหนึ่งพยายามเกี่ยวเรือให้เข้าฝั่ง อีกข้างพยายามรั้งตัวเองไว้บนฝั่ง ไม่ให้ตกลงไปในน้ำ

ท่าอุบาทว์มาก...

ถึงตอนนี้ ผมถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง ไม่ไปช่วยมันด้วย เอาแต่ยืนกุมท้องเพราะหัวเราะจนปวดไปหมด
“โว้ย! มัวแต่หัวเราะอะไรเนี่ย รีบมาช่วยเร็ว เป้ากางเกงจะแตกแล้ว!”

เป้ากางเกงจะแตกมันไม่เท่าไหร่ แต่ขามันสั่นพั่บๆ ขนาดนี้ ผมว่ามันไม่กล้ามเนื้อขาฉีกก่อนก็ร่วงตกน้ำแน่นอน ส่วนผม พอถูกร้องขออย่างนั้นก็ได้ทีแกล้งมันเลย

“พูดเพราะๆ ก่อน”
“มันใช่เรื่องไหมวะ มาเร็วๆ เข้า!”
“ไม่พูดเพราะๆ ก็อยู่อย่างนั้นไปแหละ”
ผมว่าอย่างไม่ยี่หระ ถึงตอนนี้ก็คว้าเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปมันไว้ด้วย
“ยิ้มหน่อยปั้น”
“อย่าถ่าย!”

ไม่สนอะ กดถ่ายแม่งรัวๆ เลย ปั้นรักก็โวยวายไม่หยุด ขณะที่ผมไม่สนใจสักนิด นอกจากรู้สึกว่าถ่ายรูปอย่างเดียวไม่สะใจ ถ่ายวิดีโอด้วยแล้วกัน

กดถ่ายเป็นที่เรียบร้อย ปั้นรักถึงกับโวยวายออกมา
“เลิกถ่ายแล้วมาช่วยสักที เกร็งจนไข่หดแล้วเนี่ย!”
ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอีกระลอก ยิ่งมองขาสั่นๆ ของมัน กับท่าทางที่พยายามจะทรงตัวไว้ให้มั่นแล้วก็หัวเราะจนน้ำตาไหล แต่ก็ยอมเดินมาหาเพื่อจะช่วย

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะช่วยง่ายๆ หรอกนะ มาหยุดยืนตรงหน้ามันได้ ก็บอกเสียงเรียบ
“พูดเพราะๆ ก่อน”
“โว้ย!” ปั้นรักร้องใส่ผม หน้าแดงไปหมด ดูท่าคงจะเหนื่อยจากการยืนเกร็งด้วยท่านั้น
“เอ้าเร็วๆ ไม่พูดก็ไม่ช่วยนะ” ผมก็ยังเล่นแง่
“ยูแม่ง! ขึ้นฝั่งไปได้เมื่อไหร่ โดนแน่!”
“ยูจะทำอะไรไอเหรอ” ผมแกล้งเรียกแทนตัวเองกับมันด้วยสรรพนามที่มันพูดประจำบ้าง ยื่นหน้าล้อเลียนไป
ปั้นรักคงจะรู้แหละว่าทำอะไรผมไม่ได้ เพราะมันไม่มีที่ไป แถมยังต้องให้ผมดูแล ก่อนมันจะยอมจำนน เพราะมันทำท่าฮึดฮัดได้ครู่หนึ่งก็ยอมเปิดปากแต่โดยดี
“ช่วยไอหน่อย”

แต่ผมไม่พอใจไง...

“หางเสียงล่ะ”
“ช่วยหน่อยครับ”
“คำว่าพี่ดื้อครับไปไหน”

ปั้นรักกลอกตา สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงแล้วพูดเร็วๆ
“พี่ดื้อครับ ช่วยด้วยครับ!”

เร็วไม่พอ กระแทกกระทั้นอีกต่างหาก แต่ผมแกล้งมันแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ขามันจะกางถึงร้อยแปดสิบองศาอยู่แล้ว

“กว่าจะพูดได้ ดื้อนักนะเรา จอมดื้อน่ะ มีคนเดียวก็พอแล้ว” ผมว่า
ปั้นรักทำปากขมุบขมิบก่นด่าแบบไม่มีเสียงใส่ ผมไม่สนใจ ชูโทรศัพท์ในมือขึ้น
“เดี๋ยวเก็บโทรศัพท์แป๊บ”

อันนี้ไม่ได้เล่นแง่ แต่จะเก็บจริงๆ กดปิดการอัดวิดีโอ เก็บใส่กระเป๋าคาดหน้าอก ก่อนจะช่วยมัน ทว่าในจังหวะที่ผมกำลังเก็บโทรศัพท์อยู่นั้น ขาทั้งสองข้างของปั้นรักก็เริ่มห่างจากกันมากขึ้น

“เร็วๆ! เก็บโทรศัพท์แค่นี้อย่าลีลา! เกร็งจนกล้ามตูดขึ้นแล้ว!”
ผมเหลือบมอง เห็นสภาพอุบาทว์ของมันแล้วก็รีบทำอย่างที่มันบอก หากแต่พอยื่นมือจะไปช่วยมันปุ๊บ หูทั้งสองข้างก็ได้ยืนเสียงประหลาด

แคว่ก!

ผมกับปั้นรักมองหน้ากันชั่ววินาทีหนึ่ง ก่อนสายตาของพวกเราจะมองต่ำลงไปแทบจะพร้อมกัน

เป้ากางเกงไอ้ปั้นรักแตก!

กางเกงบ็อกเซอร์สีชวนให้ควายวิ่งขวิดออกมาปะทะสายตา ผมแทบจะลงไปดิ้นกับพื้น หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลอีกรอบ ขณะที่ใบหน้าของปั้นรักค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมา
“หยุดได้แล้ว ช่วยสักที!”

เสียงดังมาอีก อันนี้ไม่รู้ว่าเพราะอายหรือโกรธ แต่ผมว่าทั้งสองอย่าง สุดท้ายผมก็ยอมเอื้อมมือไปคว้ามันแล้วออกแรงดึงให้ขึ้นมาบนฝั่ง ปั้นรักเดินขาถ่างๆ ไปหลบมุม เพราะยืนถ่างขาแล้วเกร็งนานไปหน่อย กล้ามเนื้อเลยตึง ผมหัวเราะไล่หลัง แล้วก็แทบจะตายเพราะหัวเราะอีกทีพอเห็นแนวตะเข็บกางเกงทางด้านหลังของมัน

แม่งแตกขึ้นไปยันก้นอะ!

ปั้นรักก็รู้ตัวในตอนนี้ เอี้ยวตัวมองบั้นท้ายตัวเองแล้วสบถอย่างหัวเสีย
“Damn it! (แม่งเอ๊ย!)” จากนั้นก็หันมาตะคอกผม “หยุดหัวเราะได้แล้ว เพราะยูนั่นแหละ!”

อะไร กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

“ถ้ายูไม่มัวแต่ถ่ายวิดีโอ ไอก็ไม่ต้องมาเปิดดากโชว์อย่างนี้หรอก!”

โอเค ชัดแล้วว่ามันโบ้ยความผิดให้ผม

ผมไม่เถียงอะไรหรอกนะ ตอนนี้ในหัวคิดว่าจะทำยังไงกับมันต่อไปมากกว่า ถ้ามันเอาเสื้อแจ็กเก็ตมาก็ยังจะพอเอามาผูกเอวบังได้เพราะเสื้อที่มันใส่ดันปิดไม่หมด ก่อนที่ผมจะนึกอะไรขึ้นมาได้ขณะที่มันบ่นพึมพำ

“เห็นแถวนั้นมีร้านค้า เดี๋ยวพี่มานะ”
ผมชี้ไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ก่อนกลับมาพร้อมกับ...

“อะนี่ เข็มกับด้าย”

ใช่ ผมจะให้มันเย็บกางเกง

ปั้นรักมองหน้าผมแล้วทำหน้าเหยเก
“เย็บไม่เป็น”

ความเงียบเข้าครอบงำเราอยู่ชั่วขณะหนึ่ง อย่าบอกนะว่ากูจะต้อง...

“เย็บให้ไอหน่อย”

นั่นไง! กูต้องรับผิดชอบจริงๆ ด้วย!

แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่เป็นไร ผมพยักหน้ารับ กำลังจะบอกให้มันถอดกางเกงแล้วส่งมา แต่ดันนึกขึ้นได้ว่าสีกางเกงบ็อกเซอร์มันล่อตาเกินไป ขืนมันถอด มีหวังได้เป็นที่สนใจจากคนที่พายเรือผ่านไปผ่านมาแถวนี้แน่ๆ ผมเลยบอกมันเร็วๆ

“ไม่ต้องถอด เดี๋ยวพี่เย็บให้เลย”
“เย็บยังไง”
“ยืนอยู่เฉยๆ แล้วกัน”

จากนั้นผมก็ร้อยเข็มกับด้าย เริ่มเย็บจากด้านหลังไปยังจุดสุดท้ายซึ่งอยู่...ใต้ไข่

ถึงจุดนี้แล้ว ต้องตัดด้ายแล้วล่ะ แต่ไอ้บ้าเอ๊ย! ไม่มีกรรไกร!

ผมที่นั่งคุกเข่ามองปั้นรักที่ยืนดูการกระทำของผมอยู่อย่างรู้กันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ขณะที่ปั้นรักส่ายหน้า
“ไม่... เลิกคิดไปเลย”
แต่มึงจะปล่อยให้ด้ายห้อยต่องแต่งอย่างนี้ไม่ได้
“รีบๆ ทำแล้วรีบไปต่อเถอะ”

ผมเลยไม่ฟังมัน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วอ้าปากจะใช้ฟันกัดด้ายให้ขาด ทุกอย่างต้องรีบทำก่อนที่จะมีใครมาเห็น เพราะไม่อย่างนั้นจะถูกเข้าใจผิดได้ว่าเราทั้งคู่ทำเรื่องอย่างว่ากัน

ทว่าโชคไม่เข้าข้างผมเพราะทันทีที่ผมงับเส้นด้าย ฝรั่งผู้หญิงสองคนก็ดันพายเรือคายักมาใกล้ จะเทียบท่าพอดี พอเห็นผมกับปั้นรักอยู่ในท่านั้นก็พากันร้องอย่างตกใจ

“Oh my God!”

ผมหันไปมอง ฝรั่งสองคนนั้นรีบขอโทษขอโพยแล้วแจวเรือหนีอย่างรวดเร็ว ส่วนปั้นรักก็ร้องเรียกเสียงดัง

“No no! It’s not what you think. Hey! Wait! (ไม่ ไม่! มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เฮ้ย เดี๋ยว!)”

ไม่ทันแล้ว แจวไปโน่นแล้ว ปั้นรักเลยมามองหน้าผมอย่างเอาเรื่องแทน ขณะที่ผมใช้ปากกัดด้ายเรียบร้อย มัดปมให้มันเงียบๆ อย่างสำนึกผิด

“ยูนี่แม่ง! ถูกเข้าใจว่าเป็นพวกวิตถารแล้วเนี่ย!”

สำนึกผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดันหัวเราะออกมาเพราะคำพูดของปั้นรักอีกแล้ว

อยู่กับไอ้นี่แล้วก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ
-----------------------------------
หายไปพักใหญ่ๆ คิดถึงกันล่ะซี่ 555
เรื่องนี้ปิดจองสิ้นเดือนนี้แล้วนะคะ ติดต่อไปที่เพจรักคุณเพื่อจองได้เลย
เดี๋ยวหนูแดงมาอัปเรื่อยๆ ค่ะ เริ่มว่างละ
ส่วนตอนนี้...พี่ดื้อคะ 5555555 หลอกทำอะไรน้องปะเนี่ย
มีหลายคนยังสับสนว่าพี่ดื้อคนไหน ปั้นรักคนไหน ใครเป็นเคะเป็นเมะ
พี่ดื้อเป็นเมะ มีหนวด ปั้นรักเป็นเคะนะคะ คนใส่เสื้อดำ
ฝากฟีดแบ็กไว้ด้วยค่า พรุ่งนี้มาต่อนะ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
น่าสงสารผู้บ่าวน้อยอยู่เหมือนกันนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูย..ยอมรับในความกวนของปั้นรัก
แต่เย็บกางเกงถอดออกก่อนก็ได้
ไม่มีใครว่าหรอก แต่ไม่ถอดก็ดูสนุกดี
 :laugh:

ออฟไลน์ windwrite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ปั้นรักเป็นเคะทีฉีกทุกกฎจริงๆ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 9: ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไรนะที่ผู้หญิงฝรั่งสองคนนั้นเข้าใจผิดว่าผมทำเรื่องอย่างว่ากับปั้นรักในที่โล่ง แถมยังเป็นกลางวันแสกๆ ก็รู้สึกแหละ รู้สึกชัดเจนเลย แต่ไม่อยากจะพูดอะไรออกไปให้คิดมากไง แค่นี้ก็โดนปั้นรักบ่น...ไม่สิ เรียกว่าด่าดีกว่า มันด่าไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว

ด่ามากกว่าเดิมอีกเมื่อผมกับมันมารู้ทีหลังว่าร้านขายของฝากแถวๆ นั้นมีร้านขายพวกเสื้อผ้า กางเกงขาสั้นอะไรแบบนี้อยู่ด้วย
“ทำไมยูไม่ซื้อกางเกงมาให้ไอตั้งแต่แรกวะ แม่ง!”

เอ้า ถ้ากูเห็น กูจะปล่อยเบลอเหรอ นี่ไม่เห็นไง ถึงได้วิ่งไปซื้อเข็มกับด้ายน่ะ!

เอาเป็นว่าจุดนี้ผมไม่เถียงก็แล้วกันว่าไม่รอบคอบ แต่ใครใช้ให้เป้ากางเกงมันแตกล่ะ กางเกงที่ใส่นั่นก็เป็นกางเกงยีนไม่ใช่หรือไง เป้าแตกตามแนวตะเข็บแบบนี้มันหมายความว่ายังไงวะ

“แต่พี่ว่ากางเกงยีนมันไม่น่าจะขาดง่ายอย่างนี้นะ”
คิดแล้วก็พูดออกไป ทำเอาปั้นรักที่จ้ำพายเรืออยู่หันขวับมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ใส่มานานแล้ว มันก็เปื่อยปะ”
“นานแล้วนี่กี่ปี”
“ตั้งแต่ไฮสกูลปีสุดท้าย”

มึงก็ซื้อตัวใหม่มาใส่บ้างดีไหมล่ะ จะใส่ตัวเดียวตั้งแต่อายุสิบแปดไม่ได้นะเว้ยถึงจะเป็นกางเกงตัวเก่งก็เถอะ!

“กลับไปก็เอาไปทิ้งซะนะ ไม่ต้องคิดจะเอาไปเย็บแล้วใส่ต่อล่ะ หมดอายุการใช้งานแล้ว”
“กางเกงมันมีวันหมดอายุด้วยหรือไง” ปั้นรักยังคงเถียงอยู่
ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย ว่าอย่างไม่ยี่หระ “อยากตัดทิ้งทั้งพวงเพราะเน่าก็ตามใจ”
“ก็ซักทุกอาทิตย์หรือเปล่าวะ”

พอได้ยินมันเถียงกลับมาอย่างนั้น ผมก็หัวเราะเบาๆ บอกตามตรงว่าตอนนี้ไม่ได้รู้สึกว่ามันกวนอวัยวะเบื้องล่างของผมน้อยลงเลยสักนิด แต่การได้อยู่กับมันในเวอร์ชันที่ยอมอ่อนข้อให้ผมเพราะมันต้องพึ่งพาผมอย่างนี้ มันก็สนุกดีเหมือนกัน กลายเป็นว่าผมชอบหยอกให้มันหัวเสียด้วยอีก

กลายเป็นคนขี้แกล้งโดยไม่รู้ตัวแล้วแฮะ

จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกัน มีแต่ปั้นรักเท่านั้นที่สบถออกมาเมื่อขึ้นมาถึงฝั่งแล้วประจักษ์ได้ว่าผู้หญิงฝรั่งสองคนนั้นคือนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เดียวกับเรา แน่นอนว่ามันรีบกระซิบกระซาบบอกผมว่าตัวเองจะไปอธิบายให้สองคนนั้นเข้าใจว่าสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่คิด ผมไม่ได้ห้าม ปั้นรักก็เลยไปอธิบาย หากแต่ผู้หญิงสองคนนั้นดูท่าทางจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่เพราะยังมองมาที่ผมกับปั้นรักด้วยสายตาแปลกๆ ผมเลยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่ปั้นรักก็น่าจะรู้ตัวเหมือนกันว่าการไปอธิบายอะไรนั่นเป็นการเสียเวลาเปล่า มันเลยพึมพำออกมา

“ซวยฉิบ”
ผมเหล่มอง
“ไม่ได้ทำจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ก็ไม่เห็นจะต้องสนใจสักหน่อย”
“ยังมีหน้ามาพูดดีอีก ก็เพราะยูไหมล่ะ ไอถึงโดนเข้าใจว่าเป็นพาร์ทเนอร์ของยูเนี่ย”

หน้าตามันดูหงุดหงิดเต็มทนมาก ถ้ามันต่อยผมได้ มันคงทำไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม แวบหนึ่งผมถึงได้รู้สึกว่ามันก็น่ารักดี ก่อนจะหัวเราะออกมา

“ยังๆ ยังจะหัวเราะอีก ยูนี่มัน...”
“ถ้าคิดว่าซวย พรุ่งนี้ไปทำบุญกันไหมล่ะ”
ผมว่า ก่อนที่มันจะได้พูดจบ ปั้นรักชะงักไปเล็กน้อย
“ที่วัด?”
“อืม อย่าบอกนะว่านับถือศาสนาอื่น ทำบุญไม่ได้”
ผมเดาน่ะ เห็นมันไปโตที่อเมริกาเลยเดาๆ เอาว่ามันอาจจะนับถือศาสนาอื่นที่ไม่ใช่พุทธก็ได้

“แสดงว่าพรุ่งนี้จะไปทัวร์วัด?”
“ใช่ กะว่าจะเช่าจักรยานแล้วปั่นตระเวนไป”
ผมบอกแพลนตัวเองคร่าวๆ ขณะที่ปั้นรักทำหน้าเหยเกขึ้นมา
“ใส่บ็อกเซอร์เข้าวัดได้ไหม”
ผมหัวเราะ “เดี๋ยวกลับไปแล้วจะซื้อกางเกงให้”

พอบอกไปอย่างนี้ ปั้นรักก็พยักหน้า

แหม จะให้กูซื้อเสื้อผ้าให้ก็บอกมาตรงๆ ทำเป็นถามอ้อมค้อมไปได้

“งั้นก็ดีล แต่บอกไว้ก่อนว่าไอไม่ค่อยได้เข้าวัดนะ ไม่รู้เท่าไหร่ว่ามีพิธีรีตองยังไง บอกก็แล้วกัน”
พูดจบ มันก็เดินไปขึ้นเรือ เตรียมกลับไปยังโรงแรม ปล่อยให้ผมยืนยิ้มให้กับการตกลงปลงใจของมันเมื่อครู่

ค่าจ้างไกด์ทัวร์รอบหน้าคือกางเกงหนึ่งตัว มันก็คุ้มดีเหมือนกันนะ



 
กลับมาถึงโรงแรมได้ เราทั้งคู่ก็พากันสลบไสลแทบจะภายในไม่กี่ชั่วโมง วันนี้ผมให้ปั้นรักยืมเสื้อผ้าผมใส่ ตอนแรกมันก็ไม่เอาหรอก ปฏิเสธเสียงแข็งเลย แต่พอผมแกล้งพูดว่า
“จะแก้ผ้านอนกับพี่ก็ตามใจ”

เน้นคำว่า ‘นอนกับพี่’ ชัดๆ

เท่านั้นมันก็ยอมใส่เสื้อผ้าผมแต่โดยดี ตอนนี้เองที่ผมสังเกตเห็นว่าผมก็ตัวใหญ่กว่ามันพอสมควรเหมือนกัน ถึงขนาดตัวจะไม่ได้ต่างกันเยอะ แต่พอสวมเสื้อยืดของผมแล้ว มันก็ดูโคร่งไปนิดหน่อย มุมนี้เองที่ทำให้ผมมองมันแปลกๆ ขึ้นมา

...น่ารัก

เออ รู้ว่าบ้า รีบสลัดไล่ความคิดนั้นแทบไม่ทันเลยล่ะ เคราะห์ดีที่พอมันเปิดปากปล่อยฝูงหมาให้ออกมาวิ่งพล่าน ผมก็เรียกสติกลับคืนมาได้ทันใด ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าหน้าตาหล่อๆ ของมันไม่ได้ช่วยให้มันดูน่าพิศวาสขึ้นมาเลยสักนิด ไอ้ความรู้สึกเมื่อกี้นี้น่ะมันอารมณ์ชั่ววูบชัดๆ

แต่เหมือนตอนนี้ผมเริ่มจะชินกับการกระทำของมันเสียแล้ว เพราะพอวันใหม่มาถึง มันก็บ่นเรื่องผมนอนเบียด แย่งผ้าห่ม นอนกรน น้ำลายไหล บลาๆๆ อะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้อีกเยอะแยะไปหมด ส่วนใหญ่ผมก็ฟังแบบหูทวนลมแหละนะ ล่าสุดมันบ่นเรื่อง...

“ยูจะให้ไอใส่กางเกงนี่จริงดิ”

ใช่ กางเกง เป็นกางเกงที่ผมออกไปซื้อให้มันมาเมื่อเช้าก่อนมันตื่นน่ะ

พอผมพยักหน้า ปั้นรักก็ส่งเสียงสูง

“โอ๊ย เซ้นส์แฟชันเนี่ยเนอะ! เต่าถุยมาก!”

ว่าพลางยกกางเกงเอวยางยืดที่เป็นลายดอกสีเหลืองแซมเขียวขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าเหยเก

แหม แล้วเซ้นส์แฟชันมึงดีตายเลยเนอะ ไอ้เสื้อผ้าสไตล์ร็อกกับถุงสำเพ็งของมึงเนี่ย!

“ก็มันมีแต่แบบนี้” ผมบอกrพลางพยายามปั้นหน้านิ่งๆ
“ยูก็เลือกสีที่มันพื้นๆ หน่อยไม่ได้เหรอวะ วิ่งออกไปกลางถนน ไม่โดนโบกเรียกหรือไง อย่างกับแท็กซี่เขียวเหลือง”
ผมถึงกับหลุดหัวเราะกับคำเปรียบเปรยนั่น

เลือกสีพื้นๆ มาก็ไม่สนุกดิ

แต่ไม่บอกมันหรอกว่าผมจงใจเลือกสีนี้มา อยากดูปฏิกิริยาของมันไงว่าจะเป็นแบบไหน ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ผมคาดเดาไว้สักเท่าไหร่ ก่อนที่ผมจะรีบบอกมันพอเห็นว่ามันเริ่มบ่นไม่หยุด

“ใส่ไปก่อน เมื่อเช้าร้านกางเกงยีนในตลาดยังไม่เปิด พี่ไม่รู้ไซส์กางเกงเราด้วย ที่ตัวเก่าไม่เห็นมีป้ายบอก ไว้ไปซื้อด้วยกัน”
บอกไปอย่างนั้น ปั้นรักก็ยอมเงียบเสียงลงได้

พอจัดการพามันไปซื้อกางเกงยีนตัวใหม่ พร้อมกับเสื้อยืดอีกสองสามตัวไว้เปลี่ยน พวกเราก็กลับมาเช่ารถจักรยานแล้วออกไปปั่นเล่นรอบเมืองตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน ปั้นรักดูไม่ค่อยอยากจะเที่ยวสักเท่าไหร่ ตลอดทางที่ปั่นจักรยานไป มันก็บ่นร้อนบ้าง เหนื่อยบ้าง เหงื่อออก ตัวเหนียว และอะไรอีกก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด

ถามว่าผมรำคาญไหม? ก็รำคาญนะ แต่วันนี้ตั้งใจว่าจะมาเที่ยวแบบชิลล์ๆ ไง เลยปั่นไป แวะพักไปตลอดทาง เพราะที่เที่ยวในละแวกนี้ ผมแวะไปเยือนมาหมดตั้งแต่วันแรกที่เหยียบวังเวียงแล้ว

“จะทำบุญเลยไหม วัดอยู่ตรงนั้นพอดี”
ผมถามเมื่อเราจอดแวะพักซื้อน้ำนั่งดื่มได้สักพัก ปั้นรักในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนขาเดฟตามสไตล์ตัวเองเหลือบมองวัดที่ผมพยักพเยิดให้ดูเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า

“ก็แล้วแต่ ทำเลยก็ดี จะได้ล้างซวยสักที”

ความซวยของมึงคงจะรวมกูเข้าไปด้วยล่ะสินะ

ผมเม้มปาก พยักหน้ารับเออออ พลันคว้าจักรยานมาปั่นเข้าไปในวัดโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

วัดที่พวกเราแวะเข้าไปนั้นเป็นวัดเล็กๆ ที่ไม่ได้มีในโปรแกรมเที่ยวหรือเป็นจุดน่าสนใจสักเท่าไหร่ อีกทั้งการมาทำบุญอะไรที่ว่าก็อาจจะไม่ได้เรียกว่าทำบุญได้เต็มปากเต็มคำด้วย เรียกว่ามาไหว้พระขอพรจะดีกว่า เพราะตอนที่เรามาก็เลยเวลาเพลของพระไปเยอะแล้ว จึงทำได้แค่บริจาคปัจจัยให้วัดเล็กน้อย แล้วก็บูชาดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้พระกัน

ใช้เวลาไม่นาน ผมก็ไหว้ขอพรเสร็จ เอาธูปไปปักแล้วกลับมานั่งข้างๆ รอปั้นรักเพื่อที่จะเอาดอกบัวไปวางบนพานทองที่ทางวัดจัดไว้ให้พร้อมกัน

ปั้นรักยกมือไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ ดูก็รู้เลยว่าไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญสักเท่าไหรนัก ผมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าให้เอาธูปไปปักที่กระถาง พอปั้นรักจัดการเรียบร้อยดี ผมก็พามันเอาดอกบัวไปวาง ก่อนกลับมานั่งเพื่อกราบพระอีกครั้ง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี

“เป็นไง รู้สึกดีขึ้นไหม” พอเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นได้ ผมก็เอ่ยปากถาม
ปั้นรักหันมามองผม หัวคิ้วย่นยู่ “ก็พอได้ แต่ตัวซวยก็ยังอยู่”

นั่นไง ผมบอกแล้วว่ามันมองว่าผมเป็นตัวซวยอย่างแน่นอน คิดผิดไปเสียที่ไหน

“ถ้าพี่เป็นตัวซวย ปั้นก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของพี่อะ” ผมสวนคืน
ปั้นรักถึงกับนิ่วหน้า ว่าเสียงสูง
“แน่ะๆๆ ปากคอเราะร้าย”

มึงปากร้ายยิ่งกว่ากูอีกเถอะ แต่ละคำที่สำรอกออกมานี่ฟังได้เสียที่ไหน

ทว่าผมไม่ได้เถียงอะไรนะ นอกจากจะหัวเราะออกมา ดูเหมือนช่วงนี้ผมจะหัวเราะบ่อยพิกล ขณะที่ปั้นรักยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิก
“หัวเราะอะไรของยูนักหนา โดนตัวไหนมา ไหนพูด”

มันก็คงจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของผมเหมือนกันถึงได้พูดแบบนี้
ผมก็ไม่ตอบหรอก ทำเพียงแค่พูดลอยๆ เท่านั้น
“ปั้นเคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่าถ้าทำบุญด้วยกัน ชาติหน้าจะได้มาเจอกันอีก”
พูดไปเท่านั้น ปั้นรักก็ทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนที่มันจะเบ้ปากใส่
“เหย ใครอยากจะเจอกับยูอีกวะ”

ผมยิ้มให้ ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่ามันต้องพูดแบบนี้ แต่ที่ผมเอ่ยปากไปอย่างนั้นก็ไม่ใช่เพราะว่าอยากจะเจอมันในชาติหน้าหรอกนะ แค่อยากจะแกล้งมันเฉยๆ เวลามันทำสีหน้าเหมือนขยะแขยงผมอะไรแบบนั้นมันดูตลกดี
“มาทำบุญไหว้พระด้วยกันขนาดนี้แล้ว ยังจะไม่อยากเกิดมาเจอพี่ชาติหน้าอีก ดื้อจริงๆ” ผมแสร้งว่า
ปั้นรักสวนคืน “ดื้อน่ะมันคือยูต่างหาก”

เออ ใช่สิ ก็ชื่อกูนี่

“แสดงว่าตอนเด็กๆ ยูแม่งโคตรดื้ออะถึงได้ชื่อนี้มา”

จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ใช่อีก ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดสามคน ผมเป็นคนที่ดื้อที่สุด ถึงจะดูไม่ค่อยหือค่อยอือกับใครเท่าไหร่นัก แต่พ่อแม่บอกอะไรก็จะไม่ค่อยฟังและทำตาม ในขณะที่ไอ้แสบมันชอบแกล้งคนอื่นกับเล่นแผลงๆ ส่วนจอมแก่นจะซนเป็นลิงทโมนแม้ว่าตอนนี้มันจะเรียบร้อยประหนึ่งผ้าขี้ริ้วหมกซอกตู้ก็ตาม

“ก็ดื้อนะ” ผมยอมรับ “แล้วเราล่ะ ทำไมถึงชื่อปั้นรัก”
ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วบ้างเหมือนกัน
“ตามตัวไหมล่ะ ปั้นรัก เกิดจากการที่พ่อแม่ปั้นขึ้นมาด้วยรัก” จากนั้นปั้นรักก็ทำหน้าเนือยๆ “ถึงหลังจากนั้น พ่อกับแม่จะหย่ากันเพราะไม่ได้รักกันแล้วก็เถอะ”

พอมาในทำนองนี้ ผมก็เลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องครอบครัวของมันต่อทันที เพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นปมด้อยของปั้นรักอะไรประมาณนั้น ก่อนจะเบนความสนใจไปเรื่องอื่นแทน
“จะไปกันเลยไหม หิวหรือยัง”
“จะไปก็ไป ไม่ต้องมาถาม นี่มันแพลนเที่ยวของยู” ปั้นรักเปลี่ยนเรื่องตามผมจนได้ ถึงมันจะกวนไปหน่อยก็เถอะ
ผมก็ยักไหล่ไม่ยี่หระ ดันตัวลุกขึ้น เดินออกจากโบสถ์ไปนั่งใส่รองเท้าผ้าใบที่ด้านหน้า ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อปั้นรักเดินตามมาทรุดตัวนั่งใส่รองเท้าข้างๆ

“แต่ยูควรรู้ไว้ว่าไอไม่ได้อยากจะเกิดมาเจออยู่อีกชาติหรอกนะ ไม่อยากมาไหว้พระทำบุญกับยูด้วย ที่มาก็เพราะมันเลี่ยงไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม”

ผมรู้ เลี่ยงไม่ได้จริงๆ แหละ เพราะมันจำเป็นต้องพึ่งผมให้เปย์ให้ก่อนไง

“พี่ก็ไม่ได้อยากจะเกิดมาเจอกับปั้นเหมือนกัน” ผมแกล้งสวนคืนบ้าง ตามด้วยอีกประโยค “แล้วอันที่จริง พี่ก็ไม่ได้อยากมาไหว้พระทำบุญกับปั้นหรอก อยากมากับคนอื่นมากกว่า”
ปั้นรักทำหน้ายู่ หัวคิ้วขมวดมุ่น “แฟนเก่า?”

ผมเงียบ เพิ่งรู้ตัวในตอนนี้ว่าเผลอพูดอะไรออกไปเลยยิ้มให้เป็นคำตอบแทนเพราะไม่อยากจะพูดถึงสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับ
ตามตรงเลยว่าผมยังคงคิดถึงเขาแม้ว่าเขาจะรักกับคนอื่นไปแล้วก็ตาม

คิดถึงตลอด... คิดถึงทุกนาที...

แสงเหนือ... พี่จะมีโอกาสได้ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกับเราไหม เผื่อชาติหน้าจะได้เกิดมารักพี่ ไม่ใช่เป็นรักไอ้ธารใจอย่างนั้น

คิดแล้วก็เงียบไปสักพัก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ปั้นรักกระเถิบเข้ามาใกล้พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามา
“ไหน เอารูปมาดูหน่อยดิ”
ผมขมวดคิ้วใส่มัน “ก็เห็นไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

จำได้ว่าที่ร้านกาแฟ มันเคยเห็นรูปของแสงเหนือจากโทรศัพท์ผมไปแล้ว

“เห็นไม่ชัด เอามาดูอีกที” มันว่า
ผมนิ่ง มันเลยยื่นมือมาตรงหน้า กระดิกปลายนิ้วยิกๆ
“เร็วน่า แค่ขอดู ทำเป็นหวงไปได้”

ที่ไม่อยากให้ดูเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผมไง แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมถึงได้ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าคาดอก แล้วหารูปแสงเหนือส่งให้มันดูเสียอย่างนั้น

ปั้นรักรับโทรศัพท์ไปถือ ดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำหน้าเครียด

“เป็นไง น่ารักไหม” เห็นมันเงียบไปนาน ผมเลยถาม

มันหันมามองหน้าผม
“นี่มัน...เกย์สาว?”

ผมถึงกับสำลักน้ำลาย ตั้งหลักได้ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“เฮ้ย ไม่ใช่ เหนือไม่ใช่เกย์สาว... น่าจะนะ”

ผมเองก็พูดไม่เต็มปากเหมือนกัน ก็แสงเหนือน่ะค่อนข้างจะ...เอ่อ...แรด ไม่รู้สิ หาคำนิยามที่ดีกว่านี้ให้ไม่ได้น่ะ อาจจะเรียกว่าเป็นพวกลั้นลารักสนุกก็ได้

หากแต่พอผมแก้ตัวให้ ปั้นรักก็เปรยออกมา
“ดูแบบ...Bitchy มาก”
“แปลว่า?”
“แปลเป็นไทยก็น่าจะแรด”

คราวนี้ผมหัวเราะดังกว่าเดิมอีก

มึงก็ตรงไปไหมไอ้ปั้น!

ไม่เถียง... ผมไม่เถียงเลย แค่ท่าทางของแสงเหนือที่ถ่ายรูปคู่ไอ้ธารใจแล้วทำท่าทำทางภูมิใจที่มีแฟนเกินเหตุ แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นคนยังไง

“สเปกยูชอบแบบนี้?”
ปั้นรักถามออกมาอีก ผมเลยต้องหยุดหัวเราะ
“พี่มองข้ามเรื่องภาพลักษณ์นะ ถ้านิสัยถูกใจ พี่ก็อยากจะเรียนรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง ถ้าเข้ากันได้ พี่ก็พร้อมจะจริงจังด้วย”
พอตอบไปอย่างนี้ ปั้นรักมันก็ทำหน้าเหลือเชื่อ จากนั้นก็ครางออกมา
“อูยยย ตอบหล่อเลย”
“ก็หล่ออยู่แล้วไหม”
“เอ้าๆ หลงตัวเองไปอีก รอบนี้โดนตัวไหนมา”

มึงนี่ก็ดักกูทุกทางเลยนะไอ้ปั้น!

ไปๆ มาๆ ก็สนุกกับการถูกมันแกล้งอีก แต่มันไม่ได้แกล้งผมนาน เพราะจู่ๆ มันก็ดันถามเรื่องแสงเหนือขึ้นมา
“แล้วตกลงผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไง ถึงได้ทำให้ยูชอกช้ำระกำทรวงขนาดนี้”
“บอกตรงๆ นะว่าพี่ไม่อยากพูดถึง” ผมว่า
“เอาน่ะ นิดนึง อยากรู้” ปั้นรักคะยั้นคะยอ

ปกติมันไม่สนใจเรื่องของผมนะ แต่รอบนี้มาแปลก แถมเร้าหรืออีกต่างหาก ผมเลยอดไม่ได้ที่จะเล่าขึ้นมา

“ก็...เป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี จิตใจดี แล้วก็...”
พูดยังไม่ทันจบ ปั้นรักก็สวนขึ้นมา
“แรด”

นี่ก็ย้ำจริง!

“ถ้าให้สุภาพหน่อยก็ใช้คำว่ารักสนุกจะดีกว่านะ” ผมบอก
“ว่าแต่...ผู้ชายคนนั้นเคยชวนยูไปนอนด้วยปะ”
เหมือนมันไม่ได้ฟังที่ผมพูดไปก่อนหน้าเลย ถามแต่เรื่องที่อยากจะรู้เท่านั้น
“ก็เคย” ผมตอบตามตรงไปอีก

ปั้นรักเบ้ปากขึ้นมาเล็กน้อย
“เป็นคนทั่วถึงว่างั้น”
“เปล่าหรอก เพราะพี่หล่อต่างหาก” ไม่รู้นึกยังไง ผมถึงได้หยอกไปแบบนั้น

แน่นอนว่าปฏิกิริยาจากปั้นรักไม่ได้เป็นไปในแง่บวกเลยแม้แต่น้อย
“ดีนะที่ไอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ไม่งั้นได้เสียของแน่”

มึงจะอ้วกว่างั้นเถอะ!

ผมก็ขำกับคำพูดมันนะ พอตั้งหลักได้ถึงแก้ตัวให้แสงเหนือ

“แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ เพราะเหนือมีแฟนที่จริงจังด้วยแล้ว นิสัยเดิมๆ หยุดไปแล้ว”
“ในเมื่อหมอนั่นหยุดนิสัยเดิมๆ แล้ว ทำไมยูไม่หยุดบ้างล่ะ”

ปั้นรักมันชอบพูดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พอพูดมาอย่างนั้น ผมก็เลิกคิ้ว

“หยุดเรื่อง?”
“หยุดคิดถึงผู้ชายคนนั้นไง ยูมาที่นี่เพื่อมาพักใจไม่ใช่เหรอ เอาแต่คิดถึงอย่างนั้นจะพักใจได้หรือไง”

เอ้า ก็เมื่อกี้มึงเป็นคนถามเองไม่ใช่หรือไง!

ไม่ใช่หรอก มาคิดๆ ดูแล้ว ผมเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นพูดถึงแสงเหนือขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นไอ้ปั้นรักมันก็ขุด ขุดแล้วก็กินเผือก จากนั้นก็ขยี้ๆ ก่อนจะตามมาด้วยการลูบหลัง

“ก็คนมันรักน่ะ จะให้ทำยังไงได้ การตัดใจไม่ได้ทำง่ายๆ สักหน่อย” ผมว่าไปตามประสา กะว่าจะไม่พูดอะไรแล้ว จะยุติหัวข้อสนทนาเรื่องแสงเหนือแต่เพียงเท่านี้

ทว่าพอกลับมาสนใจการใส่รองเท้าอีกครั้ง ปั้นรักก็ว่าขึ้นมาลอยๆ

“ใช่ ตัดใจมันทำยาก แต่ตัดใครสักคนที่ทำให้เราเจ็บปวดออกจากชีวิตมันก็คงจะไม่ยากสักเท่าไหร่มั้ง ถึงเวลาที่ยูต้องจัดการพื้นที่ในใจได้แล้ว คนที่ไม่ใช่ก็เก็บไว้ห่างๆ ใจซะ”

พูดจบ มันก็ตบบ่าผมปุๆ ตามด้วยว่ามาอีกประโยค

“กลับห้องเมื่อไหร่ ไปซื้อเบียร์มาดื่มกัน ไอจะอยู่เป็นเพื่อนคนอกหักอย่างยูเอง”

สิ้นเสียงก็เดินไปยังลานกว้างที่ใช้จอดรถจักรยาน ปล่อยให้ผมมองตามก่อนจะหลุดยิ้มออกมา

พูดอะไรดีๆ ก็เป็นเหมือนกันนี่หว่า...




 
การตกปากรับคำปั้นรักเรื่องซื้อเบียร์มาดื่มอะไรนี่ ผมว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดโคตรๆ เพราะพอดื่มไปได้สักพัก จากความตั้งใจที่จะให้ผมได้ผ่อนคลายระบายความทุกข์อะไรนั่น ก็กลายเป็นว่าไอ้ปั้นรักต่างหากที่ได้ระบายน่ะ

“แม่นะแม่! มีลูกคนเดียวแท้ๆ ไล่ออกจากบ้านได้ลงคอ!”

เมาแล้วโวยวาย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่แม่มันเฉดหัวออกจากบ้านเพื่อให้มาตามติดผมต้อยๆ แบบนี้จนกว่าผมจะกลับไทย

“แล้วดูพ่อนะ พอมีเมีย มีลูกใหม่ ก็ไม่สนใจไอเลย ระยะหลังนี่หนัก ถึงขั้นพยายามบีบให้ย้ายออกไปอยู่กับคนอื่น แย่จริงๆ!”
พูดจบก็กระดกเบียร์เข้าปากอีก ทำเอาผมที่ฟังมันพล่ามเรื่องครอบครัวมันซ้ำไปซ้ำมาคว้าเบียร์ออกจากมือมันแทบไม่ทัน

“พี่ว่าดื่มพอได้แล้วมั้งปั้น เมามากแล้วนั่นน่ะ”
“ไหน ใครเมา โว้ย ไม่เมา!”

ปั้นรักโวยวาย เอี้ยวตัวหลบ ไม่ยอมให้ผมแย่งเบียร์ไปจากมือง่ายๆ เบียร์ในขวดเลยกระฉอกหกรดตัวเอง มันก็เป็นปกติของคนเมาแหละที่จะปฏิเสธว่าตัวเองไม่เมา ผมก็อยากจะปล่อยให้มันดื่มต่อหรอกนะถ้ามันไม่ส่งเสียงดังจนผมกลัวว่าจะไปรบกวนห้องอื่นอย่างนี้น่ะ

“เออ ไม่เมาก็ไม่เมา แต่เลิกดื่มได้แล้ว หกใส่ตัวหมดแล้วเนี่ย”
แย่งขวดเบียร์มาได้เรียบร้อย ผมก็เอาวางลงบนพื้น พลางชี้ไปที่ตัวมัน ปั้นรักมองเสื้อยืดเปียกไปด้วยเบียร์ของตัวเอง ก่อนจะยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
“อยากซดเบียร์จากตัวไอไหมล่ะ”

ถ้าเป็นคนอื่นพูด ผมจะคิดว่ายั่ว แต่พอเป็นปั้นรักพูด ผมล่ะอยากจะเอาขวดเบียร์ฟาดหัวมันให้สลบ

แต่พอผมไม่ตอบอะไร ปั้นรักมันก็ทำเสียง
“อ๊ะๆ หื่น”
แล้วก็ถลกเสื้อตัวเองขึ้น ใช้นิ้วข้างนึงบิดหัวนมตัวเองไปมา พร้อมกับทำหน้าคล้ายกับว่าเสียว
“อ๊าง อ้ายดื้อ...”

อยากจะถีบสักที อุบาทว์ลูกตาฉิบ!

ถึงมันจะหน้าตาดี แต่มาทำท่าทางแบบนี้ ผมก็อดหมั่นไส้มันไม่ได้เลยแกล้งหยิกหัวนมข้างที่มันใช้นิ้วบิดไปบิดมาไปทีหนึ่ง พอมันร้องโวยวายเพราะเจ็บ ผมก็พูดขึ้นมา

“เลิกเล่นแล้วนอนลงไปเลย เดี๋ยวได้โดนพี่ไล่ออกจากห้อง”
“ยูแม่ง...” มันพึมพำอะไรสักอย่าง แต่ก็ยอมนอนโดยดี

ผมจัดการไปเอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำมาเช็ดทำความสะอาดตัวให้มัน ไม่ได้ทำอย่างพิถีพิถันอะไรนักหรอก ทำลวกๆ ให้เสร็จเร็วๆ แล้วจะได้เก็บข้าวของ จากนั้นก็นอนบ้าง

หากแต่ระหว่างที่เช็ดตัวให้ปั้นรักอยู่นั้น จู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา
“ยู...”
“หืม?”
“ไอหวังว่าการมาลาวของยู จะทำให้ยูรู้สึกดีขึ้นนะ”

ผมชะงัก หันไปมองหน้ามันด้วยงุนงงว่าทำไมมันถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมา จังหวะเดียวกับที่มันสบตาผมพอดี ก่อนที่มันจะพูดออกมาอีก

“เพราะไอเองก็หวังว่าจะรู้สึกดีขึ้นเหมือนกัน”

รู้สึกดีขึ้นเหรอ... เรื่องอะไร

ต่อมความอยากรู้ทำงานทันใด อยากจะถามเสียเดี๋ยวนั้นเลย ทว่าดูปั้นรักจะไม่พร้อมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากประโยคนั้นมันก็หลับตาลง พึมพำมาให้ได้ยิน

“ความจริงแล้วที่ไอโผล่มาที่นี่น่ะ ไม่ใช่เพราะแม่ไอให้มาหรอกนะ ไอตามมาเอง”
“ทำไมล่ะ” ผมรีบถามออกไปทันควัน
“สำนึกผิดที่พูดไม่ดีเลยตามมารับผิดชอบ”
“พูดไม่ดีเรื่องเหนือน่ะเหรอ”

ทว่าปั้นรักไม่ตอบแล้ว หลับคร่อกไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้ผมค้างคาใจอยู่อย่างนั้น ก่อนจะต้องหัวเราะออกมาเมื่อพอจะสรุปเองได้
เรื่องแสงเหนือนั่นแหละ ก็วันนั้นก่อนที่ผมจะเดินทางมาที่นี่ ผมทะเลาะกับมันเพราะปั้นรักพูดถึงแสงเหนือในทางไม่ค่อยดีไง

ใครว่ามันไม่มีความรับผิดชอบกัน รับผิดชอบดีเลยนี่หว่า

ผมยิ้มให้กับปั้นรักที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่พักหนึ่ง เห็นใบหน้าของมันที่ปราศจากความดื้อดึงในยามหลับแล้วก็อดใจไม่ไหว ยื่นมือไปดึงแก้มมันเบาๆ ไม่ได้

“ไอ้ดื้อเอ๊ย”

รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่เรียกชื่อตัวเองกับคนอื่น แต่ปั้นรักมันดื้อด้านจริงๆ ดื้อไม่พอ กวนบาทาทุกเวลาอีก แต่นิสัยแบบนี้มันก็...น่ารักดี

ผมชักจะอยากรู้จักมันมากกว่านี้เสียแล้วสิ...
------------------------------------
มาเต็มตอนแล้วค่ะ ขออภัยที่้มาช้า เดี๋ยวตอนเย็นจะมาอัปตัวอย่างตอนถัดไปให้นะคะ
ตอนนี้พี่ดื้อเริ่มสนใจบักปั้นแหล่ว ส่วนตอนหน้า บอกเลยมีจิกหมอน อิอิ
ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ด้วยน้า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาหมอนมาเตรียมเลยเด้อ อิอิ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
อุ๊ย! คู่นี้มันยังไงๆอยู่น้าา :hao3:

ออฟไลน์ windwrite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 10: Shut up and…

ความจริงแล้ว แพลนเที่ยวของผมต่อไปคือการไปทัวร์หลวงพระบาง แต่เพราะปั้นรักมันเมาแอ๋ ตื่นมาก็บ่นปวดหัวไม่เลิก ผมเลยต้องเปลี่ยนแผนด้วยการอยู่วังเวียงอีกวันเพื่อให้มันได้นอนพักก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันว่าจะไปไหน

พอบอกให้มันนอน มันก็นอนจริงๆ นอนทั้งวัน ที่เหลือก็ชี้นิ้วสั่งผมประหนึ่งผมเป็นขี้ข้ามัน

“ยูไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้หน่อย” มันพูดขณะนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง

เออ ตอนนี้มันขึ้นมานอนบนเตียงกับผมละ ต้นเหตุมาจากการที่ผมเอามันมานอนบนเตียงตอนเมาเมื่อคืนนี้ มันเลยยึดเตียงไปเป็นที่เรียบร้อย

“เอาไปทำไม” ผมที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันไปถาม
มันเลิกคิ้วสูงทันที “เอ้า ก็จะได้ไปอาบน้ำ”
“ผ้าเช็ดตัวก็แขวนอยู่ที่ราวหน้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ เดินไปหยิบก็เข้าห้องน้ำไปเลยก็ได้นี่”
“ขี้เกียจ” คราวนี้มันว่าสั้นๆ ทำสีหน้ากวนโอ๊ยส่งมาให้ผม

ผมล่ะอยากจะด่ามันเหลือเกินว่ามึงก็ขี้เกียจเกิ๊น!

แต่พอมันพูดตามมาอีกประโยค...
“อยากให้ยูหยิบมาให้”

โห เหมือนอ้อนอะ แต่หน้าตาโคตรกวน แล้วแทนที่ผมจะปฏิเสธหรือแกล้งทำเฉยไป ดันลุกขึ้นไปหยิบมาให้มันโดยดีด้วยนะ
โยนผ้าเช็ดตัวในมือให้มันรับ ก่อนจะว่า

“ขี้เกียจขนาดนี้ ต้องให้พี่อุ้มไปอาบน้ำด้วยไหม”
“อยากทำ?”
พอมันถามมาอย่างนี้ ผมก็ยกยิ้มน้อยๆ หัวเราะในลำคอเบาๆ แถมยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปั้นรักก็สวนคืนมา
“เอ้า หื่นไปอีก ดูๆ”

แค่ยิ้ม! สาบานว่าแค่ยิ้มจริงๆ ไม่ได้คิดอะไรหื่นอย่างที่ปั้นรักว่าเลยแม้แต่นิดเดียว!

ผมหุบยิ้มเลย แต่เป็นการเกร็งหน้าที่เมื่อยมากเพราะสุดท้ายก็ต้องหลุดหัวเราะอยู่ดีเมื่อปั้นรักพูดลอยๆ
“ไม่ได้แอ้มไอร้อก! ขาอ่อนก็ไม่ได้เห็น”

พูดออกมานี่คงลืมไปแล้วสินะว่าก่อนหน้านั้นมันเคยดึงกางเกงตัวเองลงจนผมเห็นอะไรต่อมิอะไรไปหมดแล้วน่ะ
ผมไม่พูดอะไร ได้แต่โบกมือไล่ให้มัน

“ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ออกไปเดินเล่นบ้าง อยู่แต่ในห้องมันอุดอู้”
ปั้นรักบ่นอะไรออกมาอีกสองสามประโยค แต่ผมไม่ได้สนใจแล้วเพราะจู่ๆ เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น พอหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นจอมแก่นที่ส่งข้อความมา
 
จอมแก่น น้องที่ทำตัวเหมือนแม่คนที่สอง: พี่ดื้อว่างไหม โทรคุยได้หรือเปล่า
 
จู่ๆ ผมก็สังหรณ์ใจอะไรแปลกๆ ขึ้นมา ถ้าไม่มีเรื่องด่วนหรือเรื่องร้าย จอมแก่นจะไม่ค่อยโทรหาผมสักเท่าไหร่นัก แต่นี่มัน...
ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่ามีเรื่องอะไร ผมก็กดโทรกลับหาจอมแก่นแล้ว ไม่นานนัก จอมแก่นก็รับสาย ผมกรอกเสียงลงไปทันที

“ว่าไง”

ในใจขอให้ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับพ่อแม่หรือคนในครอบครัว ซึ่งก็ใช่จริงๆ เมื่อจอมแก่นสวนกลับมา

‘พี่เหนือกับธารทะเลาะกันน่ะ’

ผมระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้โล่งใจอย่างเต็มที่เมื่อได้ยินชื่อผู้ชายอีกคนที่ผม...ยังคงรัก

“คนเป็นแฟนกัน มันก็ต้องทะเลาะกันเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่” ผมบอก แม้ว่าในใจจะไม่ค่อยชอบใจไอ้ธารใจสักเท่าไหร่ที่มันทะเลาะกับแสงเหนือ เดาได้เลยว่าต้องเป็นเพราะความเอาแต่ใจของมันแน่ที่เป็นต้นเหตุ

‘มันก็ใช่แหละพี่ดื้อ แต่ครั้งนี้มันแบบ...แรงน่ะ’ จอมแก่นว่าด้วยน้ำเสียงลำบากใจ

ผมสัมผัสได้นะว่ามันก็ไม่อยากจะบอกผมเรื่องนี้หรอก อย่างน้อยถ้าไอ้แสบรู้ มันต้องสั่งน้องให้ห้ามพูดเรื่องแสงเหนือกับผมอย่างแน่นอนเพราะมันรู้ดีว่าผมกำลังจะตัดใจ

ทว่ามันคงจะเป็นเรื่องรุนแรงจริงๆ จอมแก่นถึงได้ตัดสินใจมาบอกอย่างนี้

‘ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดไหมเพราะมันไม่เกี่ยวกับพี่ดื้อ แต่ผมว่าพี่ดื้อควรจะรู้ไว้’
“ตกลงแล้วสองคนนั้นทะเลาะกันเรื่อง?” ผมถามตรงประเด็น

จอมแก่นเงียบไปครู่ มีเสียงพ่นลมหายใจออกมาให้ได้ยินเล็กน้อยก่อนที่มันจะยอมเปิดปาก
‘พี่เหนือ...จะไม่อยู่แล้วนะพี่’

ฟังดูไม่ดีเลย เหมือนกับว่าเหนือจะเป็นอะไรไปอย่างนั้นแหละ

“ไปไหน”
แต่เอาจริงๆ ในใจผมคิดว่าเขาอาจจะเลิกกับไอ้ธารใจนะ แต่ทว่า...

‘พี่เหนือกำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกา’

ฟังแล้วผมก็นิ่งไป

เพราะเหตุผลนี้เลยทำให้ไอ้ธารใจมันชวนทะเลาะใหญ่โตล่ะสินะ ก็ไม่แปลกใจหรอก คนรักจะไปอยู่ไกลๆ ทั้งที มันก็ต้องเป็นห่วงกันบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาทะเลาะกันหนักจนจอมแก่นต้องโทรมาบอกผมนี่นา

“เรื่องแค่นี้เองเหรอ” ได้สติ ผมก็พูดออกมาอีกที
‘อือ ธารไม่อยากให้พี่เหนือไป’ จอมแก่นว่า

ผมรู้ ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่อยากให้ไป แต่ผมก็โตพอที่จะแยกแยะอะไรได้ ทว่ากับธารใจมันไม่ใช่ เด็กนั่นมันคงกลัวจะสูญเสีย บวกกับนิสัยเอาแต่ใจของตัวเองเป็นทุนเดิม ผมเดาได้เลยว่ามันต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้แสงเหนือไปจากมันแน่

‘ตอนนี้พี่เหนือกับธารทะเลาะกันหนักเลย พี่เหนือหนีออกจากบ้านของธารไปไหนก็ไม่รู้ ยังหาตัวไม่เจอ ธารเพิ่งโทรมาถามหาพี่เหนือกับผมเมื่อกี้เพราะคิดว่าพี่เหนือมาบ้านเรา ตอนนี้กำลังโทรถามเพื่อนคนอื่นๆ อยู่’ จอมแก่นว่ามาอีก

ผมพอจะเดาออกเลยว่าแสงเหนือหนักใจขนาดไหนถึงขนาดต้องหนีไปตั้งหลักก่อน ฟังแล้วก็หงุดหงิดไอ้ธารขึ้นมา ถ้าแสงเหนือคบกับผม ผมรับรองเลยว่าจะไม่มีวันทำให้เขาต้องลำบากใจอย่างนี้แน่

...ไม่มีวันเลย

‘ผมก็โทรมาบอกแค่นี้แหละ เผื่อพี่ดื้อกลับมาไทยแล้วอยากจะรู้ว่าพี่เหนือหายไปไหน’

จอมแก่นทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ประเด็นของมันคือไม่ได้จะบอกผมว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่จะบอกว่าแสงเหนือจะไปจากผมต่างหาก
ไปจากผมมากขึ้นทุกที... ไกลจนเอื้อมมือไปคว้าไว้ไม่ได้

ผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะรั้งเขาไว้ เป็นเสมือนดาวเคราะห์นอกวงโคจรของเขา เรียกว่าเป็นเพื่อนยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมก็เป็นแค่... พี่ชายของนักเรียนที่เขามาฝึกสอน

ผมกดวางสาย ถอนหายใจออกมาแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงโดยลืมไปสนิทว่าระหว่างการคุยกับจอมแก่นนั้น มีสายตาของปั้นรักจับจ้องอยู่ตลอด

“แฟนเก่ายูโทรมาเหรอ” แล้วมันก็ถามออกมา
ผมหันไปหาพลางส่ายหน้า “น้องชายน่ะ”
“มีพี่น้องด้วย?” ปั้นรักทำหน้าตกใจ
ผมยิ้มออกมาน้อยๆ “อือ”
“ไม่น่าเชื่อว่ามีคนอยากเป็นพี่น้องกับยูด้วย”

มันเลือกไม่ได้หรือเปล่าวะว่าอยากหรือไม่อยากน่ะ

“ไหนเอารูปมาดูดิ๊”
พูดจบก็กระตือรือร้นขึ้นมาเฉยเลย แถมยังขอดูรูปจอมแก่นอีกต่างหาก ผมก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไร เปิดรูปของจอมแก่นให้ดูเสียอย่างนั้น
“หมอนี่ชื่อจอมแก่น เป็นน้องชายคนเล็ก”
“หน้าตาไม่เห็นเหมือนยู” ปั้นรักมองแล้วก็ว่า

ก็แน่สิ ไอ้จอมแก่นมันน่ารักนี่ ใครจะมาดูเถื่อนๆ เหมือนผม

“จริงๆ มีพี่ชายอีกคนนะ ชื่อจอมแสบ ไอ้นี่น่าจะหน้าตาคล้ายกันหน่อย เถื่อนเหมือนกัน”
ว่าแล้วผมก็เปิดรูปของไอ้แสบให้ดู ปั้นรักมองแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“เถื่อนแท้หลาว”

มันทั้งสัก ทั้งเจาะเต็มตัวไปหมดเลยนี่ พอถามว่ามันทำบ้าอะไรกับตัวเองเยอะแยะ มันก็บอกว่า...

“แฟชันน่ะ” อันนี้ผมตอบปั้นรัก
“แต่ก็ไม่เหมือนยูอยู่ดี”

ปั้นรักว่า ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง
“จริงอะ ใครๆ ก็บอกว่าพี่หน้าตาคล้ายมันนะ”
“พี่ชายยูหล่อกว่า” มันพูดเนิบๆ ก่อนจ้องหน้าผม “หน้าตายูเหมือนแพะภูเขา”

คราวนี้ผมถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง

คงเพราะไว้เคราล่ะสินะ

ซึ่งก็จริงเสียด้วยเมื่อมันเอามีมาดึงเคราอ่อนๆ ที่ปลายคางผมอย่างถือวิสาสะ
“นึกว่าตัวเองเป็นอนันดาแม่นบ่ โว้ย อนันดาอีหยัง แพะภูเขาชัดๆ”

ผมคว้ามือมันออก ว่าอย่างรวดเร็ว
“ถ้าปั้นไม่ชอบ อยากให้พี่โกนไหมล่ะ”
“เออ โกนดิ ไว้ทำบ้าอะไร ถ้าจะไว้ก็ตัดแต่งให้เข้าทรงหน่อยเถอะ อันนี้เหมือนขี้เกียจโกน”

มันพูดถูก ปล่อยยาวนี่ไม่ใช่อะไรอะ ขี้เกียจล้วนๆ แต่ถ้ายอมรับไปตามตรงก็ไม่สนุกสิ ผมเลยแกล้งบอกมันไป

“ถ้าอยากให้พี่โกน ก็...ทีนึง”
“ทีนึงอะไร” ปั้นรักมองผมอย่างไม่ไว้ใจทันที
ได้ที ผมก็หันแก้มข้างหนึ่งให้
“หอมแก้มพี่ทีนึง”

เพียะ!

มันฟาดฝ่ามือใส่หน้าผมทันทีอย่างไม่แรงนัก ผมหันไป กำลังจะโวยวาย มันก็ดึงผ้าห่มมาครอบหัวผมเอาไว้ ตามด้วยคว้าหมอนมาฟาดอีกหลายที ก่อนที่มันจะรีบทิ้งตัวลงจากเตียง

“ทะลึ่งบ้อง”

ผมดึงผ้าห่มออก และก่อนที่มันจะวิ่งปรู๊ดหนีเข้าห้องน้ำ ผมก็แอบเห็นสีหน้าของมันตอนพูดประโยคนั้นก่อน
สีหน้าแบบนั้น... หูกับคอแดงอย่างนั้น... เขินล่ะสินะ

เสียงประตูปิดดังปังตามมาให้ได้ยิน พร้อมกับร่างของปั้นรักที่หายเข้าไป ผมมองตามแล้วก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง หลายวันมานี่ ผมหัวเราะเพราะปั้นรักหลายครั้งแล้วนะ แถมครั้งนี้มันยังทำให้ผมเผลอลืมเรื่องของแสงเหนือไปหมดอีกต่างหาก

ปั้นรักนี่มัน...น่ารักจริงๆ นะ



 
ถึงจะบอกว่าผมลืมเรื่องของแสงเหนือไปสนิท แต่มันก็แค่ช่วงนั้นเท่านั้นแหละ เพราะหลังจากที่ไปตระเวนเดินเล่น หาอะไรกินและกลับมายังห้องพัก ผมก็อดคิดถึงเรื่องเขาอีกไม่ได้ ความรู้สึกของผมอย่างเดียวในตอนนี้คือเป็นห่วงความรู้สึกของแสงเหนือมากกว่าสิ่งอื่นใด ไม่ได้มีความรู้สึกอยากให้แสงเหนือกับไอ้ธารใจเลิกกันเลยสักนิด เพราะผมรู้ว่าถ้ามันลงเอยอย่างนั้น คนที่จะต้องเจ็บปวดก็จะคือแสงเหนือ ซึ่งผมไม่ต้องการให้เขาตกอยู่ในสภาพนั้น

แต่อย่างที่บอกว่าเพื่อนก็ไม่ได้เป็น ผมเป็นแค่ใครบางคนสำหรับเขาจึงทำอะไรไม่ได้ ต่อให้อยากปลอบแค่ไหนก็ทำได้เพียงนั่งมองเบอร์โทรศัพท์ของเขาที่บันทึกไว้ในเครื่อง คิดกับตัวเองอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าควรจะโทรไปดีไหม จนเดินออกจากห้องมานั่งเล่นในสวนเล็กๆ ของทางเกสต์เฮ้าส์

ทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งได้ก็จ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย

เป็นห่วงจริงๆ นะ ป่านนี้ไอ้ธารใจจะเจอตัวแสงเหนือหรือยังก็ไม่รู้...

ชั่วขณะหนึ่ง จู่ๆ ผมก็หน้ามืดขึ้นมา เกือบจะกดโทรออกหาเขาไปแล้ว ถ้าเกิดว่าหูไม่ได้ยินเสียงใครบางคนเดินมาทางนี้ ผมก็คงกดโทรออกไปเรียบร้อย

ผมมองไปตามเสียงฝีเท้าที่ย้ำลงบนก้อนหิน พอเห็นว่าเป็นใครก็เหยียดตัวนั่งหลังตรง
“มานั่งทำตัวเป็นพระเอก MV อยู่ได้ พรุ่งนี้ต้องออกเช้าไม่ใช่หรือไง” เดินมาถึงก็พูดเลย

แน่นอนว่าปั้นรักหมายถึงพรุ่งนี้ต้องขึ้นรถรอบเช้าไปหลวงพระบางน่ะ ผมไม่ได้ตอบอะไร ขยับที่ให้ปั้นรักนั่งข้างๆ ก่อนที่มันจะพูดขึ้นมาอีก

“อย่าบอกนะว่ามานั่งบริจาคเลือดให้ยุงแบบนี้เพราะคิดจะโทรหาแฟนเก่ายู?”
มันคงเห็นผมถือโทรศัพท์ไว้ในมือน่ะ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เลยได้แต่พยักหน้ารับ
“แต่เหนือไม่ใช่แฟนเก่าพี่หรอกนะ แค่คนที่พี่จีบแล้วจีบไม่ติด” แก้ตัวให้แสงเหนือหน่อย ไม่อยากให้ปั้นรักเรียกเขาว่าแฟนเก่าผมอย่างโน้นอย่างนี้
“จะอะไรก็เอาเถอะ ไม่ได้เกี่ยวกับไอ”

ผมยิ้มให้มัน ไม่พูดอะไรออกมาอีก ปล่อยให้มันพูดอยู่คนเดียว

“แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับยูด้วย”
คราวนี้ผมมองหน้ามันเป็นเชิงถามว่ามันหมายความว่ายังไง ปั้นรักเองก็มองหน้าผมอยู่เช่นกัน
“คนที่หักอกยูน่ะ ก็เหมือนก้อนหินนั่นแหละ”

มันว่า ก่อนจะยื่นมือไปคว้าก้อนหินเล็กๆ บนพื้นมาใส่มือผมเอาไว้ จากนั้นก็บีบมือผมเล็กน้อยให้กำก้อนหินนั้น
“ถ้ายูยังเข้าไปยุ่ง มันก็เหมือนกำก้อนหินเอาไว้ ยิ่งยุ่งมากเท่าไหร่ก็จะต้องกำมากขึ้น คนเจ็บก็จะมีแต่อยู่ แต่ก้อนหินมันไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ถ้ายูปล่อย...”

จากนั้นก็แกะนิ้วผมออก ปล่อยให้ก้อนหินก้อนนั้นร่วงหล่นจากฝ่ามือ
“ยูก็จะไม่เจ็บ” มันว่าต่อ

ผมมองหน้าปั้นรัก เข้าใจความหมายที่มันจะสื่อ ซึ่งก็จริงอย่างที่มันว่า ถ้าผมยังเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับแสงเหนือ คนที่จะเจ็บก็มีแค่ผมเท่านั้น ส่วนแสงเหนือจะไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะเขาเลือกไปแล้วว่าจะรักใคร ต่อให้ผมทำดีด้วยแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถึงสุดท้ายแสงเหนือกับไอ้ธารใจจะเลิกกัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหันมารักผม อันนั้นผมรู้ดี แต่ที่มานั่งซึมกะทือคิดไม่ตกอยู่อย่างนี้ก็อย่างที่บอก... ผมแค่เป็นห่วงเขา

“ยูก็เลือกเอาแล้วกันว่าอยากจะกำหรือจะปล่อย”
พอมันพูดมาอย่างนี้อีก ผมที่เงียบอยู่นานเลยได้โอกาสปริปากพูดบ้าง

“จริงๆ แล้วพี่อยากจะกำเอาไว้ พี่อยากรั้งเหนือไว้กับพี่ให้นานที่สุด”

ปั้นรักย่นคิ้วทันที
“วุ้ย อุตส่าห์ออกมาปลอบใจแล้วยังจะรั้นอีก ยูนี่มัน...”

“แต่ดูเหมือนว่าถ้าปล่อยไปจะดีกว่า ไม่งั้นการมาลาวจะเสียเปล่า”
ผมไม่ปล่อยให้มันพูดจบก็สวนขึ้นมาก่อน ปั้นรักชะงัก ไอ้ที่ทำท่าเหมือนจะด่าผมเหมือนกี้ก็เงียบไป ปั้นหน้าให้เป็นสีหน้าปกติแทน
“เออ คิดได้ก็ดี”

แถมยังเอามือมาตบบ่าผมปุๆ เหมือนเป็นการปลอบใจ ผมมองมันแล้วหัวเราะน้อยๆ

“เปลี่ยนจากตบไหล่ปลอบเป็นกอดปลอบได้ไหม เผื่อจะรู้สึกดีกว่า”
แกล้งถามไปแบบไม่ได้คาดหวัง กะว่าจะแกล้งให้มันหงุดหงิดเพื่อให้ตัวเองอารมณ์ดีขึ้นเฉยๆ ทว่าผิดคาดมากๆ เพราะปั้นรักเม้มปาก พยักหน้ารัวๆ
“ได้ มาสิ แต่แค่ครั้งเดียวนะ”

มาสิบ้าอะไร ผมไม่ได้ขยับเลยสักนิด มีแต่มันที่โผเข้ากอดผม พลันลูบหัวลูบหลังมั่วไปหมด

“it’s ok. Everything will be alright. (ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง)”

ผมแปลได้ ประโยคนี้มันกำลังปลอบใจผม แต่ว่านะไอ้ปั้น ท่าทางของมึงเหมือนกอดหมามากอะ ยีหัวผม ตบหลังเป็นพัลวัน ผมหัวเราะกับท่าทางนั้น ก่อนจะจับไหล่มันแล้วผละออกมาเล็กน้อย
“ปั้น...”

ผละออกมาได้ก็เรียก ปั้นรักมองหน้าผม เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

ไม่รู้ทำไมพอผมเห็นสีหน้านั้นแล้วก็รู้สึกว่ามันน่ารักโคตรๆ เลย มันน่ารักในความคิดของผมตั้งแต่ที่ผมแกล้งมันจนเขินหนีเข้าห้องน้ำไปเมื่อบ่ายแล้ว ก่อนจะอดใจไม่ไหว ถลาเข้าไปหาและ...

จุ๊บ...

จูบไปที่ริมฝีปากทีหนึ่งเต็มๆ

ถอยออกมาได้ก็ยิ้มให้ เขินนิดหน่อยกับการกระทำของตัวเอง ในขณะที่ปั้นรักนิ่งค้าง ตัวแข็งเป็นหิน มองผมด้วยดวงตาเบิกโตอยู่ครู่หนึ่งจนผมต้องโบกมือไหวๆ ตรงหน้ามันพร้อมเรียก
“ปั้น... โอเคไหม”

ตอนนี้เองที่มันได้สติ ส่ายหน้าช้าๆ

เดี๋ยวๆ มึงจะมาช็อกเพราะถูกกูจูบแค่นิดเดียวแบบนี้ไม่ได้นะ

ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำท่าปกติได้หรอกนะ เพราะปั้นรักมันไม่ได้เป็นเกย์ การถูกเกย์อย่างผมจูบแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ มันคงจะเหวอหนักพอตัว ยิ่งมันแสดงออกชัดเจนหลายต่อหลายครั้งว่าขนลุกกับผมด้วยแล้ว ผมก็รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดขึ้นมา

“คือ...เมื่อกี้นี้น่ะ พี่ขอ...”
ทว่าพอผมจะขอโทษ มันก็ดันพูดสวนขึ้นมา
“อีก”
ผมชะงัก เลิกคิ้วสูง
“หืม?”
“อีกทีซิ”

เอ้าไอ้ปั้น ที่มึงเงียบไปนี่คือติดใจเหรอ

“เอาจริง?” ผมแกล้งถาม

ปั้นรักเม้มริมฝีปาก มองหน้าผมแล้วพยักหน้ารับ

ยอมรับว่าผมก็ลังเลนะ กลัวจูบไปแล้วโดนมันกัด แต่พอมองไปที่ริมฝีปากสีสวยตรงหน้า ผมก็อดใจไม่ไหวขึ้นมา ขยับตัวเข้าไปใกล้มันจนหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันเพียงคืบ

“อย่ากัดนะ” กระซิบบอกมันไว้ก่อน เผื่อมันเล่นแง่ ก่อนที่จะทาบทับริมฝีปากของตัวเองลงไป

ลมหายใจของเขาสัมผัสกันชั่วขณะหนึ่ง ผมแค่จูบเบาๆ แล้วก็ผละออกมาโดยไม่คิดจะทำอะไรเกินเลย หากแต่พอผละออกมาปุ๊บ ปั้นรักที่ยังคงนิ่งค้างอยู่ก็มีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา ผมกำลังจะถามเลยว่าเป็นอะไร แต่มันก็ดันพูดขึ้นมาก่อน
“Again (อีกที)”

ยังไม่ทันจะได้ตอบรับใดๆ มันทั้งสิ้น มันก็โผเข้ามาหาผมแล้ว โผอย่างเดียวไม่ว่า จูบผมเป็นทีเรียบร้อย กลายเป็นว่าผมนี่แหละที่ตกใจกับการกระทำของมันจนต้องรีบดันตัวมันออก

“เดี๋ยวปั้น เดี๋ยวๆ พี่ว่าเรา...”
“Just shut up and kiss me (หุบปากแล้วจูบไอเถอะน่า)”

พูดยังไม่ทันจบ มันก็ส่งเสียงจึ๊จ๊ะในลำคอมาให้ได้ยิน พร้อมกับประโยคภาษาอังกฤษที่ผมดันฉลาดแปลได้ทุกคำขึ้นมาในตอนนี้
พอมันว่ามาอย่างนี้ ผมก็เลยนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้มันจูบไป มันคงอยากจะลองของใหม่ แต่ครั้งนี้ผมไม่ปล่อยให้มันจูบแค่เอาริมฝีปากสัมผัสกันหรอก พอมันประทับริมฝีปากลงมา ผมก็คว้าหัวมันไว้หมับ จากนั้นก็ดูดกลืนกลีบปากนุ่มเป็นเชิงบังคับให้แยกออกจากกัน ก่อนจะแทรกปลายลิ้นเข้าไปตักตวงความหอมหวานอยู่ครู่หนึ่ง

ที่น่าตกใจก็คือ... ปั้นรักก็ตอบสนองการรุกล้ำของผมเช่นกัน

ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่ามันเริ่มรุกผมละ ดันปลายลิ้นตัวเองเข้ามาในปากผมเสียอย่างนั้น อะไรไม่ว่า...มือ

มือมึงจะล้วงเข้ามาในเสื้อกูทำไม!

รู้สึกตัวอีกที มือของไอ้บ้าตรงหน้าก็วางแหมะอยู่บนหน้าท้องใต้เสื้อผมละ พอกำลังจะหาจังหวะถอนจูบออกมาเตือนมัน นิ้วแม่งก็ไต่ไปสะกิดหัวนม

ไอ้ปั้น! มึงจะรุกกูไม่ได้นะ!

ผมดันมันออกห่างทันที ก่อนจะรีบร้องเรียกสติ
“ปั้น เดี๋ยว...”

ปั้นรักทำหน้าหงุดหงิด มองผมคล้ายกับว่าจะโวยวาย ผมไม่ปล่อยให้มันพูด รีบโพล่งออกไปก่อน

“พี่ว่าที่นี่ยุงเยอะ กลับขึ้นห้องดีกว่า”

ไม่บอกมันหรอกว่าที่ผมรีบดันมันออกเพราะกลัวมันรุกเลยเถิด ขณะที่ปั้นรักเองก็เริ่มตั้งสติได้ในตอนนี้ว่าเมื่อกี้ทำอะไรลงไป เท่านั้นหน้ามันก็แดงแปร๊ดขึ้นมา แดงแบบแดงอะ เห็นชัดเจนมาก

กลายเป็นว่าจากที่ผมตกใจ ตอนนี้สนุกขึ้นมาเฉยเลย อยากจะแกล้งมันก็เลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบบอกข้างหู

“ที่ห้องมีเตียงด้วย ไปนอนสบายๆ ให้พี่จัดการดีกว่าเนอะ”

เท่านั้นแหละ ปั้นรักก็ดันหน้าผมออกเต็มแรง แล้วลุกพรวด
“พูดบ้าอะไร ใครมันจะไปทำอะไรกับยูวะ!”

แล้วก็จ้ำอ้าวหนีอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนั่งมองตาม แต่มันเดินไปไม่กี่ก้าว มันก็หันมาตะโกนใส่อีก
“แล้วก็โกนหนวดด้วย กินเข้าไปหลายเส้นแล้วเนี่ย!”

สิ้นเสียงก็วิ่งกลับห้องไปทันที ปล่อยให้ผมนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวขณะที่ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เริ่มมีปฏิกิริยาแปลกๆ กับการกระทำของปั้นรักเมื่อครู่นี้ขึ้นมา

ใจเต้นแรง...

ไอ้ปั้นรักมันเล่นซนจนหัวใจผมเต้นไม่เป็นปกติเลยเนี่ย
--------------------------
ช้าไปหน่อยแต่ก็มานะ ตอนนี้พี่ดื้อน่ารัก ได้ทีหยอกบักปั้นใหญ่เลยนะ 555
ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ด้วยนะคะ เดี๋ยวมาต่อค่ะ
ใครยังไม่ได้จอง ยังเปิดจองอยู่นะคะ ปิดจองสิ้นเดือนนี้ ไปจองได้ที่นี่เน้อ http://rakkunpublishing.lnwshop.com/p/6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หวั่นไหวเลยเรอะอ้ายดื้อ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เอาแล้วไง เจอกับนักเรียนนอกเข้าไปแล้วไหมละนั่น  :hao6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขอ...อีก   คิคิ

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น่ารักอ่ะ

 :z3: :z3:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เหวยยย ปั้นรักก็มีมุมนี้กับเขาด้วยหรอ :o8:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
เด็กดื้อกับพี่ดื้อ ใครจะรุกก่อนนะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เหอๆๆ 2ตอนหลังนี้ปั้นรักดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นนะ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด