76
ลตาที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนแท่นพิธี ได้ยินแม่ของเธอสั่งคนปิดประตูทางเข้าห้องลับ โดยให้คนเฝ้าเธอไว้ส่วนหนึ่ง คนที่เหลือแม่ของเธอให้เข้าไปเฝ้าโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้ที่สุสานนี้
ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากจะรอให้การชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นลง เธอมองไปยังหยกที่วางอยู่บนแท่น หยกที่ได้รับเหงื่อของเธอมองดูราวกับช็อกโกแลตที่โดยความร้อน เหมือนหยกชิ้นนั้นจะละลายได้เลย หยกของโบตั๋นสีขาวอมชมพูซึ่งตอนนี้ดูยังไงก็ยังเป็นสีเดิม ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตได้ จนเธอห่วงว่า ต้องใช้เวลาเท่าไรกัน ถึงจะเปลี่ยนให้หยกกลับสู่สีเดิมของมัน
“ด้านนอกเป็นยังไงบ้าง?”
“ในห้องลับนี้วิทยุสื่อสารไม่สามารถรับสัญญาณได้ครับคุณหนู”
ลตาได้ยินดังนั้นก็ยิ่งทำให้กังวล เธอยอมรับว่าเธอเองก็ยังไม่ค่อยไว้ใจจุ้ยเถิงสักเท่าไร ถึงหงส์จะยืนยันแล้วก็ตาม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่จุ้ยอั้ยเต๋อตามมาได้ถึงที่นี่ อาจจะเป็นเพราะจุ้ยเถิง
........................................................................
พยัคฆ์เดินสำรวจรอบ ๆ แคมป์จนมาพบชายสองคน ซึ่งอาจจะแยกตัวมาจากกลุ่มคนที่โบตั๋นเห็น เขาจึงดึงรั้งข้อมือหยกเขามาหาตัว หยกเองก็ไม่ได้ขืนตัวแต่อย่างใด หลบเข้ามาในอ้อมกอดเขา
“พี่เสือ”
“พวกนั้นน่าจะแยกกันมา”
“หยกไม่เห็นพวกที่เหลือ”
“หยกหลบอยู่ตรงนี้ก่อน คอยระวังหลังให้พี่ สองคนนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
เมื่อหยกพยักหน้ารับ เขาจึงก้าวออกจากที่ซ่อนหลังกระโจมหลังหนึ่ง เพื่ออ้อมไปจัดการคนพวกนั้น เมื่อเข้ามาใกล้ ๆ เขาจึงเห็นพวกนั้นซ่อนปืน UMP ไว้ด้านหลัง ยิ่งทำให้เขาระวังตัวให้มากขึ้น พยัคฆ์มองหาเครื่องทุ่นแรงและไปได้ไม้ท่อนหนึ่งที่ขนาดเหมาะมือ จากนั้นเขาจึงโยนเศษไม้อีกชิ้นไปทางอื่น จนพวกนั้นหันไปมองตามเสียง
เมื่อได้จังหวะ เขาจึงเข้าไปจัดการคนทั้งสอง เมื่อเรียบร้อยก็ส่งสัญญาณให้หยกออกมาจากที่ซ่อนตัว เขาและหยกช่วยกันจับชายสองคนนั้นมัดเอาไว้ แล้วลากเข้าไปในกระโจมหลังหนึ่ง
“ดูแล้วมันคงจะแยกกันเป็นคู่ ๆ”
“แล้วเราจะตามจัดการมันหมดได้ยังไง ในเมื่อเราไม่รู้ว่าพวกนั้นกระจายตัวกันไปทางไหนบ้าง”
“แคมป์นี้ไม่กว้างมากนัก พี่คิดว่าพวกนั้นน่าจะมุ่งตรงไปที่สุสานมากกว่า”
“หรือว่าเราจะไปดักรอที่ทางเข้าสุสาน”
“กำลังของเราน้อยกว่า น่าจะเสียเปรียบ อีกอย่าง พวกนั้นพกปืนกันทุกคน”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่หยก เขาคงจะบอกให้แยกกันไปจัดการคนของพวกนั้นให้ได้มากที่สุด แต่หยก เขาทั้งห่วงและหวง ไม่อยากให้ไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น
“เราแยกกันไปจัดการ...”
“ไม่ได้!! ” เขารึบแทรกขึ้นมาทันทีที่รู้ความคิดของหยก
“หยกรู้ว่พี่เสือเป็นห่วง แต่หยกก็รู้วว่าแยกกันไปจัดการน่าจะเร็วที่สุด”
“พี่ไม่อยากให้หยกเสี่ยง ครั้งนี้จุ้ยอั้ยเต๋อมันเอาจริง ไม่ได้เหมือนคราวที่อาเถิงมาจับตัวหยกนะ”
“เราเพิ่งจับพวกนั้นได้แค่ 2 คน ข้างนอกนั่นยังมีอีกเป็นสิบ ถ้าเราไม่แยกกันไป พวกนั้นต้องไปออกันที่หน้าทางเข้าสุสานแน่ ๆ”
“พี่ให้คนไปเฝ้าด้านหน้าไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง เราไปด้วยกันนี่แหละ ถ้าพี่ต้องแยกจากหยกไป พี่คงเป็นกังวลจนเสียสมาธิ หรือว่าหยกอยากให้พี่เป็นอันตราย”
“พี่เสืออย่าพูดแบบนี้สิ”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปด้วยกันนะ”
“เฮ้อ...ก็ได้ครับ”
เมื่อเขากับหยกตกลงกันได้แล้ว ทั้งสองจึงเดินสำรวจรอบ ๆ แคมป์อีกครั้งอย่างระมัดระวัง ซึ่งเดินมาได้ไม่นาน เหมือนหยกจะได้ยินเสียงอะไรจึงรั้งข้อมือเขาไว้
“พี่เสือมีคนกำลังมาทางนี้” ทั้งสองจึงหลบไปหลังกระโจมหลังหนึ่ง เมื่อเห็นเงาคนเดินผ่านไปแล้ว หยกจึงอ้อมไปอีกด้าน เขาก็ทำตามเช่นกัน
หยกพุ่งใส่คนคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นใครหยกจึงหยุด แต่อีกคนไม่เป็นอย่างนั้น กลับหันปืนเล็งมาที่หยก ดีที่โบตั๋นที่ยืนข้าง ๆ ไวกว่า จึงเตะเข้าที่ข้อมือของจุ้ยเถิง
“นี่นาย ไม่เห็นรึไงว่าเป็นหยก”
“อาหยง เฮียขอโทษ เฮียไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าเป็นคนพวกนั้น”
“นายนี่มัน เอะอะอะไรก็จะยิงอยู่เรื่อย ถ้าหยกเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
“พอเถอะตั๋น เฮียไม่ดีเองแหละที่เข้ามาทางด้านหลัง”
“ตั๋นยังรู้เลยว่าเป็นหยกกับพี่เสือ”
“เอาน่า อย่ามัวทะเลาะกันเลย เดี๋ยวพวกนั้นก็แห่กันมาเพราะเสียงตั๋นหรอก”
“ใครว่า พวกนั้นแห่มาเพราะเสียงปืนของตาฝรั่งนี่ต่างหาก”
“ตอนนี้พวกนั้นน่าจะเหลืออยู่ไม่ถึง 10 คนแล้ว ผมกับเสี่ยวฝู่จัดการไป 5 คน”
“5 แล้วเหรอ?”
“ก็บอกแล้วว่าเพราะเสียงปืนตาฝรั่งนี่”
“พี่เสือจัดการไป 2”
“พวกนั้นมี 12 คน ไม่รวมกู๋อั้ยเต๋อกับกู๋เซียง”
“เจ้าสัวเซียงมาด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“คงมาจัดการผม ที่ไม่พาลูกชายเขาไปมาเก๊าคราวนั้น เลยทำให้ลูกชายของเขาตาย”
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ก็เหลืออีก 5 คนสินะ” หยกสรุป
“ไม่ใช่ เหลือแค่ 3 เพราะอีก 2 ถูกจับรวมอยู่กับจุ้ยอั้ยเต๋อ” โบตั๋นว่า
“ถ้าอย่างนั้นเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่มก็แล้วกัน ตั๋นกับจุ้ยเถิง” เขายังไม่ทันจะพูดจบก็โดนคนหนึ่งแทรกขึ้น
“@%$@%^*^#$@^&*$@@%^&$#” พวกเขาหันไปมองตามเสียง
“คุณลินทร์!!! ” เมื่อหันไปก็พบว่า ชาย 3 คนที่เขาตามหา คนหนึ่งจับตัวคุณลินทร์ไว้เป็นตัวประกัน
........................................................................
จุ้ยเถิงหันไปตามเสียงประกาศของทหารรับจ้าง เขารู้ว่าทั้งสามคนข้าง ๆ เขาไม่ได้ตกใจกับคำประกาศกร้าวของคนพวกนั้น แต่ตกใจที่เห็นตัวประกันในมือชายคนหนึ่งมากกว่า
“อาเถิง”
“มันบอกให้พวกเราส่งอาหยง กับเสี่ยวฝู่ให้มัน ไม่อย่างนั้นคุณลินทร์ตาย” เขาแปลให้กับทุกคนฟัง
“ทำไมมันถึงต้องการตัวพวกเราอีกละ” เสี่ยวฝู่ถามอย่างสงสัย
“ตอนที่พวกนั้นจับเฮียไป เฮียบอกมันไปว่า หยกศักดิ์สิทธิ์อยู่กับหงส์ พวกเธอแค่มาเที่ยวที่นี่ตามคำชวนของลิลลี่” เขาเห็นสายตาไม่พอใจจากเสี่ยวฝู่
“มันเลยจะเอาพวกเราไปต่อรองกับเจ่เจ้สินะครับ”
“เร็ว!! หรืออยากให้นังนี่ตาย” หนึ่งในนั้นตะคอกออกมาเมื่อเห็นพวกเขากระซิบกระซาบกัน
“มันว่าอะไรครับเฮียเถิง”
“มันเร่งพวกเรา”
“งั้นก็ไปกับมันสิ” สายตาของเสี่ยวฝู่ดูเป็นประกายแปลก ๆ จนเขานึกหวั่นใจ แต่เมื่อมองไปทางอาหยง ทางนี้ก็ไม่เห็นจะห้ามปรามน้องเลยสักนิด
“หยก” พยัคฆ์เหมือนจะต้องการรั้งอาหยงไว้ แต่เจอรอยยิ้มของอาหยงเขาไป พยัคฆ์ก็ได้แต่เงียบไปพูดอะไรต่อจากนั้น
“ได้ พวกแกปล่อยตัวผู้หญิงคนนั้นมาก่อนสิ” ในเมื่อห้ามกันไม่ได้ เขาก็ยอมที่จะร่วมมือด้วย
“ไม่ มาแลกกัน” ชายคนที่จับคุณลินทร์ไว้พูดขึ้น เขาแปลให้คนอื่นฟัง และได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวฝู่บ่นว่าต้องเรียนภาษากับฝู่ไฉ่ซะแล้ว
ชายสองคนเดินออกมาด้านหน้า อาหยงกับเสี่ยวฝู่เดินเข้าไปหาพวกมัน พยัคฆ์เดินเข้าไปหาคุณลินทร์ ชายคนที่จับเธอไว้คลายเมื่อออก เขาเห็นเสี่ยวฝู่ส่งสัญญาณบางอย่างให้อาหยง จากนั้นสองพี่น้องก็จัดการกับคนที่กำลังจะจับพวกเขาในระยะประชิด
อาหยงเมื่อถึงตัวก็กระชากปืนในมือคนตรงหน้าออกมาก่อน ตามด้วยเสยด้ามปืนเข้าไปที่ปลายคางของเจ้าของปืนอย่างแรง แล้วใช้ปืนในมือแทนพลองในการต่อสู้
เสี่ยวฝู่อาศัยจังหวะที่ชายตรงหน้าจับแขนเธอ พลิกตัว หักแขนไพล่หลัง แล้วใช้ที่ช๊อตไฟฟ้าช๊อตที่ท้ายทอย จากนั้นก็เข้าไปช่วยอาหยง
พยัคฆ์ดึงตัวคุณลินทร์เข้ามาหลบในอ้อมแขนก่อนเตะฝุ่นทรายเข้าหน้าชายคนที่จับคุณลินทร์ไว้ เขาที่เห็นทหารรับจ้างตั้งตัวได้ เตรียมจะยิงไปที่พยัคฆ์ เขาจึงรีบเข้าไปขัดขวางและเอาปืนจี้ในระยะประชิด ยังไม่ได้ทันถามอะไรก็โดนเสี่ยวฝู่ใช้ที่ช๊อตไฟฟ้าจัดการไปอีกคน
“โบตั๋นพกของแบบนี้ด้วยเหรอ?” พยัคฆ์ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“ก็ต้องพกสิ ตั๋นเป็นผู้หญิงนะ ก็ต้องมีไว้ป้องกันตัวบ้าง”
“ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างโบตั๋นจะต้องใช้นะ” คุณลินทร์ดูจะแปลกใจไม่แพ้กัน
“คนฉลาดมักใช้เครื่องทุ่นแรงค่ะ” เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้คุณลินทร์
“ทำไมคุณลินทร์ถึงถูกคนพวกนี้จับได้ละครับ” พยัคฆ์ถามขณะที่ช่วยกันจับทั้งสามคนมัดเอาไว้
“พวกนี้บุกเข้าไปที่สุสาน ทำร้ายคนของฉันบาดเจ็บไปหลายคน และดูเหมือนว่ามันจะรู้ว่าฉันเป็นใคร เลยจับฉันมา แต่ยังไปไม่ถึงไหนก็เจอพวกเธอเข้าซะก่อน”
“มีคนเจ็บด้วยเหรอครับ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า” อาหยงดูจะเป็นกังวลกับคนเจ็บไม่น้อย
“ฉันเองไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“คุณลินทร์ช่วยเรียกตำรวจหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปช่วยดูคนเจ็บก่อน ตั๋นอยู่กับเฮียเถิงที่นี่ก่อนนะ เฮียจะไปกับพี่เสือ”
“แล้วเจ้าสัวเซียงกับอั้ยเต๋อละ ยังอยู่นอกแคมป์นั่นนะ” คุณพยัคฆ์ท้วงถึงคนที่เหลือ
“เอาแบบนี้ เฮียกับคุณเสือจะไปเอาตัวพวกนั้นมาก่อนแล้วกัน อาหยงก็รออยู่นี่กับเสี่ยวฝู่ก่อน”
“อย่างนั้นก็ได้ครับ”
เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เขากับพยัคฆ์ก็พากันเดินออกนอกแคมป์ไป จากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่เขาโดนโบตั้นจับได้ที่อาคารจอดรถมาจนถึงครั้งนี้ ทำให้เข้ารู้ว่า ไม่ใช่อาหยงเท่านั้นที่เก่งในเรื่องศิลปะป้องกันตัว เสี่ยวฝู่ก็เก่งไม่แพ้กัน และเมื่อสองพี่น้องอยู่ด้วย เข้าขากันขนาดนี้ เขาคงไม่ต้องห่วงอะไร เขากับพยัคฆ์เสียอีกที่น่าเป็นห่วง
........................................................................
พี่เสือกับเฮียเถิงกลับมาพร้อมกับทหารรับจ้างสองคน ส่วนจุ้ยอั้ยเต๋อกับเจ้าสัวเซียงหนีไปได้ คุณลินทร์ให้คนออกตามหา ก็ไปเจอรถจี๊ปของทั้งสองจอดทิ้งไว้เพราะน้ำมันหมด แต่ตามหาทั้งสองคนไม่เจอ คาดว่าอาจจะหลงอยู่ในทะเลทราย ส่วนตำรวจกว่าจะมาถึงก็ค่ำแล้ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พี่ตาออกจากห้องลับในสุสาน
พวกเราตามไปรอลุ้นดูน้ำตาหยกที่กลั่นออกมาได้ เมื่อคนงานช่วยกันยกแผ่นหยกพันปีขึ้น ในแท่นที่คุณลินทร์วางขวดสำริดไว้ ปรากฏว่าด้านในนั้นว่างเปล่า ไม่มีของเหลวอะไรอยู่ภายในเลย ส่วนเมฆาขาวของโบตั๋นนั้นกลับมาเป็นสีเขียวมรกตดังเดิมแล้ว
“ขอหนูลองจับมันดูหน่อยได้ไหมคะ?”
คุณลินทร์ยื่นเมฆาขาวให้โบตั๋นตามคำของ โบตั๋นรับไว้ เธอมองและสัมผัสมันอยู่นาน จากนั้นก็ส่งคืนให้กับคุณลินทร์ไป
“โบตั๋นคงจะอยากรู้ละสินะ ว่ายังสัมผัสจิตใครได้อีกรึเปล่า”
“ใช่ค่ะพี่ตา แต่มันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว”
“เรื่องน้ำตาหยก คงไม่ได้เกิดขึ้นกันได้ง่าย ๆ” คุณลินทร์เปรยขึ้นมาอย่างเสียดาย ผมจับความรู้สึกในน้ำเสียงของเธอได้
“อาจจะเป็นเพราะระยะเวลากับอุณหภูมิมันไม่ได้” อยู่ ๆ เฮียเถิงก็พูดขึ้นมา
“นายไปรู้อะไรมา?” โบตั๋นหันไปถามเฮียเถิง
“เฮียยังไม่มั่นใจ ว่าจะถามคุณลินทร์อยู่เหมือนกัน แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน”
“ชิ” โบตั๋นจิ๊ปากไม่พอใจ ผมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เฮียเถิงไม่ตอบคำถามเธอ แต่น่าจะเป็นเรื่องที่การใช้สรรพนามแทนตัวเองมากกว่า
“คุณไปเจออะไรมาอย่างนั้นเหรอ” คุณลินทร์ถามขึ้นมา เพราะพอรู้ว่าโบตั๋นไม่ค่อยพอใจเฮียเถิง
“ทางเดินที่ออกมา มีบางจุดเป็นภาพสลักที่ไม่ต่อเนื่องกัน และมีดูจากน้ำหนักการลงมือ น่าจะเป็นช่างฝึกหัด”
“ฉันก็เจอที่ไม่ต่อเนื่องเหมือนกัน แต่เรื่องน้ำหนักการลงสิ่วนี่ ฉันไม่ทันสังเกต”
“ระหว่างที่ผมเดินออกมา ผมเจออยู่หลายจุด พอจะเดาเรื่องราวที่คน คนนี้แกะสลักได้ แต่มันไม่ต่อเนื่อง”
“ในทางที่แม่ไม่ให้พวกเราเข้าไป มันมีภาพแกะสลักแบบนี้ไหม?” พี่ตาถามถึงทางที่คุณลินทร์ปิดเอาไว้
“มีอยู่ 2-3 จุด แต่แม่เห็นว่ามันแกะไม่เสร็จบ้าง เรื่องราวไม่ต่อเนื่องบ้าง และอีกภาพคือ อยู่ ๆ ก็แกะขึ้นมาทั้ง ๆ ที่โดยรอบไม่มีอะไรเลย”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอไปดูหน่อยได้ไหมครับ”
“ทางตรงนั้นฉันไม่ได้ให้คนเดินไฟไว้ อีกอย่าง คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันนะคะ”
“แล้วเรื่องการชำระล้างเมฆาขาวของผมกับอาเถิงละครับ” พี่เสือถามขึ้นมา ดูจากอาการเหมือนพี่เสือมีอะไรอยู่ในใจ
“ถ้าคุณไม่รีบ รอให้ผมสำรวจถ้ำก่อนได้ไหม อย่างน้อยอาจจะได้รู้วิธีกลั่นน้ำตาหยก”
“หยกว่ายังไงครับ” พี่เสือหันมาถามผม
“เอาตามที่เฮียเถิงว่าก็ได้ครับพี่เสือ กลับไทยช้าไปวันหนึ่งก็ไม่น่าจะเป็นอะไร”
“ใช่ค่ะ ตั๋นก็อยากเห็นน้ำตาหยก”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตาส่งข่าวบอกหงส์สักหน่อย”
“ไม่เป็นไรลิลลี่ เธอไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเรื่องการเลื่อนกลับไทย ฉันจะบอกหงส์เอง”
“นายก็ไม่ต้อง พี่สาวฉัน ฉันรายงานเองได้” โบตั๋นพูดเสร็จก็สะบัดหน้า เดินหนีออกจากกระโจมไปเลย ทั้งที่กระโจมที่เรารวมตัวกันอยู่ เป็นกระโจมของผมกับเธอ
“เฮียว่าเฮียกลับกระโจมก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นเสี่ยวฝู่คงจะไม่ยอมกลับเข้ามาในกระโจมแน่ๆ อ่อ แล้วอาหยง เสี่ยวฝู่ดูเหมือนจะเป็นหวัด หาอะไรอุ่น ๆ ให้น้องดื่ม แล้วทานยากันไว้หน่อยนะ” เฮียเถิงพูดจบก็เดินออกไป
“อาเถิงก็ดูเป็นพี่ชายที่ดีนะ” พี่ตาแซวยิ้ม ๆ กับคุณลินทร์
“โบตั๋นก็เป็นน้องที่แสบไม่ใช่เล่น” พี่เสือก็เป็นไปกับเขาอีกคน
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ วันนี้พวกเราก็เหนื่อยกันมาทั้งวัน” คุณลินทร์สรุปก่อนพากันเดินออกจากกระโจมไปพร้อมพี่ตา
“หยกไม่เป็นอะไรใช่ไหม ตอนนั้น”
“พี่เสือก็อยู่ด้วยนี่ พี่เสือนั่นแหละ เอาตัวเข้าบังคุณลินทร์ ถ้าเฮียเถิงกับโบตั๋นเข้ามาไม่ทัน พี่เสืออาจจะโดนยิงก็ได้”
“ห่วงพี่เหรอครับ” พี่เสือถามผมแต่เจ้าตัวกลับยิ้มแก้มแทบปริ
“ห่วงสิ หยกกลัวแทบแย่”
“แล้วตอนที่ไปกระชากปืนจากเขานี่ไม่กลัวเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็กลัวครับ แต่พอเห็นพี่เสือตอนนั้น หยกกลับกลัวมากกว่า”
“เอาเป็นว่าพี่ไม่เป็นอะไรนะครับ หยกเองก็ทำพี่ใจหายใจคว่ำไปหลายหน ครั้งนี้ถือว่าเราหายกันนะ”
“งานที่พี่เสือทำ เสี่ยงแบบนี้ตลอดเลยไหมครับ” ผมถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่างานพี่เสือมักจะเป็นงานคุ้มกัน จึงไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพี่เสือถึงใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังให้คุณลินทร์
“ไม่หรอก แล้วก็อีกหน่อยพี่ต้องดูแลงานทั้งหมดแทนอากร พี่คงเหนื่อยจนไม่มีเวลาได้ออกภาคสนามหรอก”
“ค่อยยังชั่วหน่อย” ผมค่อนข้างโล่งใจที่ได้ยินอย่างนั้น
“พี่กลัวแค่อย่างเดียว”
“อะไรครับ”
“กลัวว่าพอพี่เหนื่อยจะไม่มีคนมาดูแลพี่”
“ก็คุณวรรณยังไงละครับ”
“อ่าว แล้วหยกจะไม่มาดูแลพี่ ทำเค้กให้พี่ทานแล้วเหรอครับ”
“ค่าตัวหยกแพงนะ พี่เสือจ้างไหวรึเปล่า”
“พี่ไม่มีค่าจ้างให้หรอกครับ พี่ตั้งใจว่าจะฉุดแล้วเอาไปขังไว้ที่บ้านเลย”
“น้อย ๆ หน่อยค่ะพี่เสือ ข้ามศพตั๋นไปก่อนเลย ถ้าจะทำอย่างนั้นน่ะ” โบตั๋นที่เข้ามาได้ยินพอดี โวยวายใส่พี่เสือทันที
“ตั๋นเอาเวลาไปจัดการอาเถิงเถอะ” และดูว่าพี่เสือจะไม่ยอมลงให้แล้วคราวนี้
“ตั๋นจัดการได้ทั้งคู่ก็แล้วกัน”
ผมที่ฟังทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างไม่จริงจังนักอีกพักใหญ่ ถ้าโบตั๋นยอมรับเฮียเถิงได้เมื่อไร เธอคงจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มอีกคนเป็นแน่
To Be Continue