ตอนที่ 39 : จนได้ “ง่วงไหมครับ จะนอนก่อนก็ได้นะ” พี่คินหันมามองผม คงเห็นว่าเงียบไป เรากำลังกลับจากงานเลี้ยงวันเกิดของมีน
“ไม่ง่วงคับ”
“ถ้าไม่ง่วง ทำไมวันนี้ตัวเล็กเงียบๆ ”
“คิดอะไรอยู่นิดหน่อยครับ”
“ตัวเล็กซึมเพราะเห็นแม่ของธามหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ๆ พี่คินอย่าคิดมากสิครับ ปีก็มีอิจฉาบ้างแหละแต่ไม่ได้กลุ้มใจ” บอกว่าไม่อิจฉาพี่คินก็คงไม่เชื่อผมหรอกครับ สู้รับไปตรงๆ
ดีกว่า
“งั้นคิดเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องพี่คิน”
“เรื่องพี่? “
“ใช่แล้วครับ” หึๆ คนบางคนเริ่มกระสับกระส่าย กลัวล่ะสิ
“ไหนคิดว่ายังไงบอกกันบ้าง คิดว่าโชคดีจังได้เป็นแฟนพี่ หรือคิดว่าใครนี่หล่อชะมัด”
“ไม่เข้าข้างตัวเองไปหน่อยเหรอครับ อีกอย่างปีเป็นภรรยาพี่คินไม่ใช่แฟนสักหน่อย” ผมอายจนหน้าร้อนเห่อ แต่ต้องพูดเพื่อให้พี่
คินหลงประเด็น ไม่อยากให้เอาแต่คิดมากเพราะผมไม่ได้คิดอะไร
“อยากให้พี่เปิดตัวปีเหมือมีนหรือเปล่า” ผมว่าพี่คินชักคิดเรื่องนี้มากไปแล้ว กลายเป็นผมที่สบายๆ มากกว่า พี่คิน เอาแต่ห่วงว่า
ผมจะน้อยใจ กลายเป็นกังวลโน่นนี่ไปหมด ผมพูดหรือทำอะไรนิดไม่ได้พี่คินคิดไปไกลเลย
“ไม่เอาครับแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เราก็ไม่ได้ปิดอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นปิดภาคคราวหน้าปีพาพี่ไปที่บ้านบ้างนะ พี่อยากไป”
“ครับ”
“ปีเรื่องทำงานเลิกได้ไหม พี่คิดว่าจากวันนี้ไปธามคงไม่ให้มีนไปทำแล้ว พี่เองก็ไม่อยากให้ปีไปทำเหมือนกัน”
“ทำไมล่ะครับ สนุกออกได้เงินด้วย”
“เงินพี่กับเงินปีถือเป็นเงินเดียวกันลืมหรือเปล่า ปีอยากได้อะไรก็บอก ไม่รู้หรือว่าทุกวันนี้เงินค่าอาหารค่าเหล้าที่พี่จ่ายให้ไอ้ภัทร
เวลาไปเฝ้าปีแพงกว่าค่าจ้างปีอีก”
“พี่คิน! งั้นก็ไม่ต้องไปเฝ้าสิครับ ไปนั่งก็ไม่มีอะไรทำ เบื่อเปล่าๆ”
“ถ้าปีไม่เลิกพี่จะเลิกไปได้ยังไง ขนาดตามไปเฝ้าพวกมดไรมันยังไม่สนใจ”
“เหอะเดี๋ยวนี้ทำขยันหวง ทีแต่ก่อนควงสาวไม่สนใจเลยว่าเราเจ็บแค่ไหน” ผมขอลำเลิกนิดครับ คิดทีไรก็ยังจี๊ดอยู่
“ปี” พี่คินลากเสียงยาวโอดครวญ
“ตอนนั้นพี่ไม่รู้นี่ครับว่าปีชอบพี่”
“ตอนนั้นพี่คินยังไม่ชอบปีด้วยใช่ไหมล่ะ” ผมเผลอตัวกระแทกเสียง ใส่อารมณ์ไปหน่อย
“ไม่เอาไม่พูดแล้ว ห้ามหาเรื่องมาทะเลาะกับพี่ เบี่ยงประเด็นเหรอครับ เราคุยกันเรื่องงานพิเศษของปีอยู่นะ”
“ไม่ได้เบี่ยง ปีว่าจะถามหลายหนแล้วไหนๆ ก็พูดถึงขอถามหน่อยเถอะ”
“ถามว่า?” น้ำเสียงพี่คินเจือปนความหวาดระแวง
“ทำไมตอนนั้นพี่คินถึงอยากได้ปีเป็นน้องครับ”
“ก็อย่างที่พี่เคยบอกปี พี่ไม่มีน้องแล้วปีก็น่ารักดี”
“โหเซ็งนึกว่าจะรู้สึกนิดๆ แต่ยังไม่แน่ใจอะไรแบบนั้น”
“ไม่ดีเหรอครับ พี่ปากกับใจตรงกัน พูดจริงตอบตรง ปีจะได้ไม่ต้องกังวล ไว้ใจพี่ได้” ก็จริงครับ ขนาดไอ้มีนไม่ใช่แฟนมันยังเชื่อ
ทุกอย่างที่พี่คินพูด มีนบอกถ้าเป็นพี่ธามมันต้องขอคิดดูก่อน
“พี่สัมภาษณ์ปีบ้างดีกว่า ทำไมปีถึงชอบพี่ ไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนไม่ใช่เหรอ” ผมคิดย้อนไปช่วงที่เริ่มชอบพี่คิน
“ตอนแรกปีก็มองเฉยๆ พี่คินเด่นไง อยู่ตรงไหนถึงไม่สังเกตตามันก็เห็นเอง มองไปเรื่อยๆ วันไหนไม่เห็นก็เริ่มกระวนกระวายใจ
อยากเห็นสักนิดก็ยังดี นานวันเข้าพอเห็นอยู่กับผู้หญิงมันก็แปลบๆ ตรงนี้” ผมเอามือแตะตรงหัวใจ
“ปีรู้ตัวเร็วเพราะมีกูรูดี ไอ้มีนมันช่วยเฉลย ว่าปีกลายพันธุ์ไปเป็นอย่างมันเข้าให้แล้ว ตอนแรกตกใจแต่สักพักก็ยอมรับได้”
“โชคดีของพี่” เห็นไหมครับใครๆ ก็บอกว่าผมทำตัวสาวขึ้น ไม่สาวได้อย่างไรดูพี่คินผู้สุขุมท่านพูดแต่ละคำ หวานจนผมยังยอมแพ้
“ไม่ไปทำงานแล้วนะ” สงสัยเรื่องนี้พี่คินจะไม่ปล่อย หวานอยู่ดีๆ เข้าเรื่องฉย
“แลกกับอะไรครับ” ผมเริ่มหัวหมอ
“อยากได้อะไรครับ ถ้ายอมเลิกทำงานพี่ให้ได้หมดทุกอย่าง”
“งั้นปีขอมีแฟนอีกคนได้ไหม”
“เอี๊ยดดด” พี่คินเบรกรถจนผมหัวทิ่ม รีบหันไปมองข้างหลัง ยังดีว่าไม่มีรถตามมา
“พี่คิน! เดี๋ยวรถชน” ผมสะกิดแขนพี่คินให้รีบออกรถ
พี่คินขับต่อแต่ไม่ยอมพูดกับผม ตายล่ะ ผมแซวเล่นเอาขำทำไมพี่คินไม่เข้าใจ ตัวติดกันขนาดนี้จะไปหาแฟนใหม่มาจากที่ไหน
พี่คินขับต่อมาเกือบสิบห้านาที ระหว่างนั้นผมพยายามบอกว่าผมแซวเล่น แต่คนหน้าเรียบไม่ยอมตอบรับ พิ่คินเลี้ยวเข้าซอย จอดรถ
ก่อนหันมาดึงผมข้ามเบาะไปนั่งบนตัก
“คิดจะนอกใจพี่เหรอครับ”
“ปีเปล่าสักหน่อย บอกแล้วว่าพูดเล่นกะจะให้ขำ”
“อื้อ” ปากที่ประกบลงมาดูดเสียงผมหายไป ลิ้นร้อนถูกสอดเข้ามาคลุกเคล้าในริมฝีปาก พี่คินจับผมให้เปลี่ยนมานั่งคร่อมลำตัวพี่
คินเอาไว้ ริมฝีปากหนาซุกไซ้ดูดเม้มที่ซอกคอ มือซุกซนล้วงเข้ามาในเสื้อลูบไล้ไปทั่วแผ่นอก
พี่คินดึงเสื้อผมขึ้น ลดปากลงมาแตะจูบบนยอดอกช้าๆ แล้วเปลี่ยนเป็นหยอกเย้าด้วยปลายลิ้น ใช้ฟันขบกัดเบาๆ ผมหายใจหอบถี่
อะไรบางอย่างทักทายผมมาจากข้างใต้
ผมชักสงสัย ตกลงพี่คินกำลังโกรธหรือกำลังหื่นกันแน่ สมองน้อยๆ ผมพยามประมวลผล มือไม้อ่อน อยากจะห้ามก็ห้ามไม่ไหว
ในหัวผมเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่เบลอจนโฟกัสไม่ติด ผมคิดอะไรได้นะ อื้อ... อยากจำให้ได้
กว่าสมองผมจะโล่ง ก้นก็ระบมไปเรียบร้อย คนนั่งกอดอยู่สบายตัวไป แล้วไอ้เบาะที่พี่คินนั่งอยู่มันถอยไปจนสุดตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วอุปกรณ์นิรภัยพกมาด้วยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ
อ๊ะ! ผมนึกออกแล้ว ว่าไอ้ที่มันแว่บเข้ามาในหัวผมคืออะไร ผมกระหน่ำตีคนที่กอดผมอยู่ไม่ยั้ง ขอเป็นไอ้มีนสักวันเถอะ
“ปีตีพี่ทำไมเขินเหรอ” มันน่าจะโดนหนักกว่านี้ไหม ดูพูดเข้า
“ปีไม่ได้โกรธจริงใช่ไหม” ขึ้นครับขึ้น ใครล่ะที่คราวก่อนพูดประโยคนี้เอาไว้
“ไม่เป็นไร เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน ต้องลองให้ได้สักวันล่ะน่า” ใครกันที่พูดว่าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ ไอ้พี่ลามก ผมรีบดึงกางเกงขึ้นมาสวม ข้ามไปนั่งเบาะหลัง เจ็บก็เจ็บครับแต่ต้องทำเพราะหมั่นไส้คน
“ปีอยากต่ออีกเหรอครับ ก็ดีนะข้างหลังน่าจะสบายกว่า” หน้ายิ้มๆ กับท่าทางที่ทำเหมือนจะข้ามตามมาด้วย ทำเอาผมรีบข้ามกลับมาแทบไม่ทัน โอ๊ยรีบไปหน่อยเจ็บครับเจ็บ งอนแล้วเฟ้ย
“กลับบ้าน ถ้ายังไม่กลับปีจะเดินกลับเอง”
“เดินไหวเหรอครับ มีแรงแบบนี้สงสัยจะยังต่อไหว” ไม่ใช่แค่ผมแล้วครับที่ติดเชื้อไอ้มีนมา พี่คินก็ติดเชื้อพี่ธามมาด้วยแน่ๆ
หรือ....ผมทำตาโต หรือพี่คินเป็นแบบนี้อยู่แล้ววะ อ๊าก! ผมโดนล่อลวงจากมาดนิ่งๆ สุขุม นุ่มลึกใช่ไหม
“กลับบ้านกันนะ เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำทำความสะอาดให้” ผมหมดเรื่องพูด พี่คินทำความสะอาดให้ที่ไรผมเจ็บกว่าเดิมทุกที
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
ตอนที่ 40 : ของขวัญจากความตั้งใจ “เมื่อยฉิบ” เสียงน้องนายบ่นเป็นรอบที่ร้อยของวันนี้
“พักก่อนเถอะกูเดินจนขาลากแล้ว” ทุกคนพยักหน้าเป็นเสียงเดียวกัน ผมไม่อยากพักแต่เกรงใจคนอื่น
“มึงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอวะ” ไอ้มีนบ่นเบาๆ มันอยากช่วยให้ฝันผมเป็นจริง แต่มันคงเริ่มท้อ
“พวกมึงกลับก่อนก็ได้นะแค่นี้กูก็ซึ้งใจ” ผมตัดสินใจบอกทุกคน ลากมันมาเดินครึ่งค่อนวัน เดินไปสามห้างแล้ว
“เอาอย่างนี้เราแยกกันหา ใครเจอที่ไหนก็โทรบอกไอ้ปี” ไอ้บาสออกความคิดเห็น
“แบ่งสองทีมแล้วกันจะได้ไม่เหงา มีนมึงไปกับปี กู น้องนาย รัชตะจะไปด้วยกัน มันต้องเจอสักที่สิน่า” ผมซาบซึ้งในน้ำใจของ
เพื่อน ผมกำลังตามหานาฬิกายี่ห้อหนึ่งอยู่ ในร้านของมันเองไม่มีขายเพราะตกรุ่นไปแล้ว พวกผมเลยต้องช่วยกันตระเวนหาตาม
ร้านขายนาฬิกานำเข้าโซนพลาซ่าแทน ผมส่งรูปรวมทั้งข้อมูลของนาฬิกาไปให้บาส แทบจะร่ายคาถาส่งไปด้วย ขอให้เจอด้วยเถอะ
นาฬิกายี่ห้อนี้รุ่นนี้ ทั้งชีวิตผมคงไม่คิดจะซื้อ แต่มันเป็นของที่พี่คินอยากได้ ผมทำงานเก็บเงินจนสามารถซื้อได้แล้ว วันนี้เลยถือ
โอกาสนัดเพื่อนมาเดินเล่น กะว่าซื้อของเสร็จจะได้แวะทานข้าวดูหนัง
แต่เหมือนพระเจ้าไม่เป็นใจ ร้านที่ผมเล็งไว้ขายนาฬิการุ่นนั้นไปแล้วทั้งสองเรือน มันอยู่มาได้ตั้งหลายเดือน ทำไมมาโบยบินหาย
ไปตอนผมเก็บเงินได้ครบ ไม่เข้าใจชีวิต คราวนี้เลยเป็นเรื่องใหญ่ จากที่คิดจะมาเดินเล่น เปลี่ยนเป็นวิ่งเข้าร้านโน้นออกร้านนี้
ย้ายห้างกันจนเหนื่อยหอบก็ยังหาไม่เจอ ความหวังผมริบหรี่ลงไปทุกที
ผมเซ็งจนนึกอยากจะร้องไห้ เหมือนเราตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่อยู่ๆ มันก็หายไปกับตา ผมแวะมาดูเกือบทุกเดือนเพื่อเช็คว่า
มันยังอยู่ใช่ไหม ล่าสุดที่ผมมาก็ยังอยู่ครบทั้งสองเรือน คิดแล้วน้ำตาจะไหลขึ้นมาจริงๆ
“ไอ้ปีอย่าดราม่า” น้องนายรอ้งห้ามผมเสียงหลง
“ยังไงวันนี้พวกกูจะช่วยมึงหาจนเจอ ต้องไปทุกห้างก็จะทำ ขออย่างเดียวอย่าเสือกเล่นน้ำตา”
“ใช่ครับ เดี๋ยวผมจะเสิร์ชหาร้านนาฬิกาแล้วโทรถามไปด้วย ต้องหาเจอแน่ๆ” คุณรัชตะพยายามให้กำลังใจผม
“ขอบใจพวกมึงมาก กูฝากด้วย” อยากบอกเพื่อนเหมือนกันครับว่าไม่เป็นไรเกรงใจ แต่วินาทีนี้ถ้าไม่มีพวกมันช่วยผมหาคนเดียว
คงแย่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกินน้ำเสร็จนั่งให้หายเมื่อยแล้วแยกย้าย” ผมรีบกุลีกุจอลุกไปซื้อน้ำมาให้เพื่อนๆ วันนี้ซื้อน้ำแพงเลี้ยงครับ รู้สึก
ผิดกับพวกมัน เดี๋ยวต้องเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ๆ สักมื้อ ผมคิดในใจแต่ขอให้ผ่านวันนี้ไปก่อน
“ทำไมต้องเป็นรุ่นนี้วะ กูรู้ว่าพี่คินชอบแต่คนเราไม่ได้ชอบของอย่างเดียวแน่ๆ” ไอ้มีนชวนผมคุยบนแท็กซี่ ผมใจร้อนไม่อยากมา
รถเมล์มันช้าเกินไป
“เพราะมันเป็นของพี่คินมันอยากได้แต่ไม่ได้ กูเลยอยากซื้อให้ มันคงมีอย่างอื่นอีกแต่กูรู้แค่อย่างเดียว”
“อยากได้แต่ไม่ได้? มึงยังหาเงินมาซื้อไหวอย่างพี่คินทำไมจะซื้อไม่ได้วะ”
“พี่คินเห็นเพื่อนใส่บอกว่าสวยดีเลยอยากได้ แต่ในร้านมันตกรุ่นไปแล้ว เวลาไปห้างกับกูชอบแวะไปถามตามร้านนาฬิกา เพียง
แต่พี่มันไม่ได้ทำขนาดกูไง กว่ากูจะเจอร้านนี้กูตามหามาเป็นเดือน”
“มึงก็ซื่อบื้อ แทนที่จะยืมเงินกูไปผสมซื้อเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยทำงานใช้กู กูพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง”
“กูเกรงใจ อีกอย่างครั้งสุดท้ายที่กูมามันยังอยู่ครบทั้งสองเรือน กูคำนวณแล้วทำงานอีกไม่กี่วันก็ซื้อได้ เลยคิดว่ามันต้องรอกูอยู่
สักเรือนสิน่า”
“พี่คินต้องดีใจมากแน่มึงตั้งใจขนาดนี้ พยายามทำงานเก็บเงิน เที่ยวตระเวนหาให้พี่มันจนเจอ”
“ขอให้เจอจริงเถอะมึง ตอนนี้กำลังใจกูลดน้อยจนแทบไม่เหลือ"
“เอาน่า ลองพยายามหากันก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ มึงค่อยนั่งคิดว่าจะให้อะไรแทน อย่าเพิ่งดราม่าอย่างน้องนายมันว่า” ผมพยักหน้า
ให้มีน มีแรงฮึดขึ้นมาอีกหน่อย ต้องเจอสิ ยังไงก็ต้องหาให้เจอ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ตัวเล็ก” เสียงเรียกเบาๆ ดังที่ข้างหู ผมงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง ข้างนอกมืดแล้ว ดูท่าผมจะหลับไปหลายชั่วโมง เพลียสุดๆ
“ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมมานอนตรงนี้” พี่คินลงนั่งข้างผม ผมจำได้ว่ากลับมาถึงคอนโด ก็ล้มลงนอนที่โซฟาทันที กะว่าจะพัก
ให้หายเหนื่อยแป๊บๆ ดันหลับยาว
“มีไข้หรือเปล่า” มือเย็นแตะลงมาบนหน้าผาก
“ไม่ร้อนเท่าไหร่แต่หน้าตัวเล็กดูเหนื่อยๆ” ผมเอนตัวไปซบพี่คิน เอาหัวซุกไปตรงซอกคอ ยกมือขึ้นกอดเอวหลวมๆ
“อ้อนเชียว ได้ทานอะไรหรือยัง หิวไหม” ผมส่ายหน้า มันเหนื่อยจนลืมหิว
“ปีนั่งรอก่อนเดี๋ยวพี่ทำอะไรง่ายๆ ให้ทาน”
“ปีทำเอง”ตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่กับพี่คิน ผมเป็นคนทำอาหารทุกครั้ง อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้างแต่พี่คินก็กิน
“อย่าดื้อ หน้าเราไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวพี่จัดการให้ จะหลับไปก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่ปลุกอีกที”
“ขอบคุณครับ” แล้วผมก็เผลอหลับไปจริงๆ มันเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว แขนขาล้าไปหมด
“ปีตื่นครับ ทานข้าวได้แล้ว”
“ปี” ผมได้ยินเสียงพี่คินแล้ว แต่ตามันลืมไม่ขึ้น
“ปีครับ” เสียงเรียกซ้ำอีกครั้ง ผมพยายามต่อสู้กับความง่วงงุน แต่เสียงเรียกเหมือนไกลออกไปทุกที จนทุกอย่างมืดสนิทและผม
ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ทำไมมันหนาว ผมขดตัวมากขึ้น มือพยายามความหาผ้าห่ม
“ทนนิดนะครับ ปีไข้ขึ้นพี่ต้องเช็ดตัวให้” ไม่เอา ผมพยายามปัดมือที่เอาอะไรเย็นๆ มาถูกตัวผม
“ทานยาครับ” มือนั้นเปลี่ยนมาช้อนคอผมขึ้น มีอะไรบางอย่างแตะลงมาที่ปาก ผมพยายามเบือนหน้าหนี แต่หลบอย่างไรก็หลบ
ไม่พ้น เลยจำใจอ้าปากกลืนเข้าไป
“ดื่มน้ำก่อนครับ เด็กดี อีกนิดครับคอจะได้ไม่แห้ง” ผมกลืนน้ำเข้าไปตามคำสั่ง ก่อนส่ายหน้าให้รู้ว่าผมพอแล้ว
“หนาว”
“ดีขึ้นไหมครับ” ผมถูกดึงเข้าไปกอดซุกอก ผ้าห่มถูกห่มให้จนถึงคอ อืม..แบบนี้แหละอุ่นสบาย ผมพร้อมที่จะหลับอีกครั้ง แต่
จิตใต้สำนึกเตือนว่าผมลืมอะไรบางอย่าง
ของ?...ของขวัญ ใช่แล้ว! ของขวัญ อาหารดีๆ เครื่องดื่มที่พี่คินโปรดปราน จูบจากผมและเซอร์ไพรส์ด้วยของที่เตรียมไว้ให้
“พี่...คิน” ผมเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา
“ชู่ว“ มือพี่คินลูบหัวให้ผมเบาๆ ทำเอาผมยอมแพ้ต่อความง่วงที่จู่โจมเข้ามา พรุ่งนี้แล้วกันนะ พรุ่งนี้ผมจะแสดงให้พี่คินเห็นว่าผม
รักพี่คินมากแค่ไหน
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
เสียงกุกกักทำให้ผมลืมตาตื่น เห็นพี่คินถือถาดอาหารเดินเข้ามา
“breakfast in bed ครับ” พี่คินวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะข้างเตียง หยิบหมอนขึ้นมาแล้วประคองผมให้นั่งพิง
“ขอบคุณครับ แต่ปียังไม่ได้แปรงฟัน”
“ไม่เป็นไร คนป่วยพี่อนุโลม”
“ไม่เอาครับ” ไม่ได้เลยครับเรื่องนี้ ยิ่งพี่คินอยู่ด้วยยิ่งไม่ได้
“ดื้อจริงเรา มาครับพี่พาไป” พี่คินลุกขึ้นก่อนช้อนตัวผมขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว พาเดินไปเข้าห้องน้ำ
พี่คินวางผมลง บีบยาสีฟันใส่แปรงแล้วยื่นให้ ผมรับมาแปรงจนเสร็จ บ้วนปาก ล้างหน้าจนแน่ใจว่าสะอาดจึงเงยหน้าขึ้น คนที่ยืน
รออยู่หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาบรรจงเช็ดหน้าให้ผม สำหรับผมพี่คินน่ารักและใจดีที่สุด
“พี่คินออกไปก่อนครับ”
“ทำไมครับ พี่จะรออุ้มกลับ ปีเป็นไข้รู้ตัวหรือเปล่า เมื่อคืนตัวร้อนมาก ดีว่าเช้านี้ไข้ลดลงบ้างแล้ว
“จะอาบน้ำ”
“ไม่ได้ครับเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้ ปียังไม่หายไข้ดี”
“ปีจะเช็ดเอง พี่คินออกไปก่อนครับ”
“เป็นอะไรครับเด็กน้อย มาอายอะไรพี่เอาป่านนี้ เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ใครจะเหมือนพี่คินครับ เดี๋ยวนี้ เปลี่ยนไปเยอะมากไม่เหมือนเดิมสักนิด” ผมปรายตามอง ให้รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไร
“มันต้องไม่เหมือนเดิมอยู่แล้ว พี่ตอนที่ยังไม่รู้จักตัวเล็กกับพี่ที่มีตัวเล็กอยู่ข้างๆ ความสุขมันต่างกันมาก ถ้าพี่เปลี่ยนไปก็เพราะ
มีตัวเล็กเข้ามาในชีวิต” ละลายสิครับ ยอมให้พี่คินเช็ดตัวให้แต่โดยดี แต่คราวนี้พี่คินน่ารักมาก เช็ดตัวอย่างเดียวจริงๆ เช็ดตัว
เสร็จจับผมทาแป้ง ใส่เสื้อผ้าให้ราวกับผมเป็นเด็กๆ
“เสร็จแล้ว” ผมกางแขนให้พี่คินอุ้มกลับมาที่เตียงเหมือนเดิม
พี่คินจัดหมอนให้ผมนั่งพิงสบายๆ หยิบถ้วยโจ๊กมาตักป้อนให้ ผมพยายามแย่งมาทานเองกลับโดนดุ
“อย่ายุ่งครับ ตัวเล็กทานดีๆ เดี๋ยวจะได้ทานยา” ป่วยแบบนี้ก็ดีครับทำให้รู้ว่าคนที่เรารักๆ เรามากแค่ไหน เขาถึงว่าการกระทำ
สำคัญกว่าคำพูด จนป่านนี้พี่คินยังไม่เคยบอกผมว่าพี่รักปีเลยสักครั้ง แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าผมได้ยินพี่คินบอกรักผมเแทบทุกวัน
“เมื่อวานปีบอกจะไปดูหนังกับพวกมีนไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับมาป่วยแบบนี้ ” ไม่รู้เพื่อนผมเป็นอย่างไรกันบ้าง ผมชักเป็นห่วง
เดี๋ยวต้องโทรถาม
“ว่าไงครับแอบไปทำอะไรมา มีพิรุธนะถามไม่ยอมตอบ”
“ใครจะไปทำอะไรครับ ปีแค่ไม่ค่อยได้นอน ออกไปทั้งวันเลยเหนื่อยเกิน ใครล่ะที่รุ่มร่ามบอกแล้วว่าครั้งเดียวพอ”
“ฮ่าๆ” ไม่มีสำนึกผิดครับ พี่คินเวอร์ชั่นหื่น มีอินเนอร์ความภูมิใจในพลังหื่นตัวเองสูงมาก
“โอ๋ๆ ครับ” พี่คินวางถ้วยโจ๊ก ดึงผมเข้าไปกอด โยกตัวไปมา
“ใครใช้ให้ปีน่ารักพี่เลยอดใจไม่ไหว ความผิดปีพี่เสียลุคหมด อยู่ใกล้ปีมันอยากจะนัวเนียอย่างเดียว”
“อย่ารังแกคนป่วยครับ” ผมต้องเบรกไว้ก่อนเพราะพี่คินทำท่าจะสาธิตสิ่งที่พูด
“ฮ่าๆ ไม่ทำหรอกครับ สงสาร สัญญาว่าต่อไปจะถนอมปีให้มากกว่านี้”
“พูดจริงนะ ต่อไปห้ามทำเกินสามครั้ง” ผมยกนิ้วประกอบ นี่ถือว่าใจดีแล้วนะ
“รับทราบครับผม สามครั้งพักสามครั้งพัก ไม่ทำติดต่อกัน” โอ๊ยพ่อหล่อวายร้าย ทำหน้าซื่อตาใสแต่ดูพูดเข้า
“อย่าเพิ่งค้อนพี่ ทานยาก่อน” พี่คินส่งยาพร้อมแก้วน้ำมาให้ ผมรับมาจัดการเสร็จก็ส่งคืน
“พี่คินครับหยิบกระเป๋าให้หน่อย สงสัยจะวางอยู่ข้างนอก”
“ได้ครับ” พี่คินลุกออกจากห้องไป ผมว่าให้ไปเลยดีกว่า ไม่ต้องทำเซอร์ไพรส์แล้วไม่มีแรง กว่าจะหายไข้อาจจะพรุ่งนี้ ผมอยาก
ให้พี่คินเห็นเร็วๆ
"นี่ครับ” พี่คินส่งกระเป๋าให้ผม
“มานั่งตรงนี้ครับ” ผมตบมือลงข้างตัว
“หลับตาก่อน”
“จะทำอะไรครับปีป่วยอยู่นะอย่าออกแรง” มันน่าไหมครับ พี่คินที่คนอื่นเห็นกับพี่คินเวลาอยู่กับผมสองคน คนละเรื่องเลย เดี๋ยวนี้
ทั้งพูดมาก ยิ้มเก่ง หื่น มาครบ แต่ผมภูมิใจนะครับที่ผมทำให้พี่คินเป็นได้ถึงขนาดนี้
“จะหลับไม่หลับ พูดมากปีจะงอนแล้วนะ”
“หลับแล้วครับ” พี่คินหลับตายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ผมหยิบกล่องนาฬิกาจากในกระเป๋า เอาไปวางไว้ด้านหลัง พยายามให้เกิด
เสียงน้อยที่สุด
“ลืมตาได้แล้วครับ” พี่คินลืมตาขึ้นมาเจอผมส่งยิ้มให้
“แค่นี้” พี่คินทำเสียงสูง ไม่รู้คาดหวังอะไรอยู่
“ใช่ครับ ปีจะขยับกางเกงเฉยๆ”
“อะไรกันปีหลอกให้พี่ตื่นเต้น นึกว่าจะให้รางวัลพิเศษสามีดีเด่นเสียอีก”
“ เป็นจริงหรือเปล่า พักนี้ขยันรังแกปีจะตาย”
“เป็นสิครับ ดีที่หนึ่งเลย” พี่คินชมตัวเองเสร็จสรรพ
ผมจับมือพี่คินขึ้นมา กดจูบลงกลางฝ่ามือ ใช้มืออีกข้างดึงพี่คินเข้ามากอด ส่วนมือที่จับมือพี่คินอยู่ผมดึงไปข้างหลัง ให้มือพี่คิน
แตะลงไปบนกล่องของขวัญ
“ขอบคุณนะครับสำหรับทุกๆ อย่าง ผมดีใจที่วันนั้นผมมองแต่พี่คิน มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดของผม” พี่คินโอบแขนมารอบ
ตัวผม กอดแน่นๆ ทีหนึ่ง ก่อนถอยออกไปนั่งตัวตรง ยกกล่องในมือขึ้นดู
“อะไรครับ” ผมห่อกระดาษสีสวยเอาไว้ พี่คินเลยไม่เห็นข้างใน
“เปิดสิครับ”พี่คินดึงโบว์แกะกระดาษห่อของขวัญออก พอเห็นกล่องข้างในก็เลิกคิ้วขึ้นมองหน้าผม
“นาฬิกา”
“ครับ”
“อย่าบอกนะว่าที่ปีดื้อทำงานเพราะเจ้านี่” คนฉลาดก็คือคนฉลาดอยู่วันยังค่ำ ไม่มีหรอกจะถามว่าเอาเงินมาจากไหน
“ใช่ครับ ไม่อย่างนั้นปีจะเอาปัญญาที่ไหนมาซื้อ” ผมพูดเสียงงอน คนยอมเหนื่อยก็เพราะรัก ยังคอยบ่นคอยว่า พี่คินเหมือนรู้ตัว
รีบเข้ามาจุ๊บแก้มผม แถมด้วยจูบปากอีกสองสามทีติด
“เปิดก่อนครับ” ผมเร่งอยากให้พี่คินเห็นเร็วๆ
“รสนิยมดีหรือเปล่าเรา ถ้าไม่ชอบพี่เปลี่ยนรุ่นได้ไหม” เสียงแซวก่อกวนผม
“เปิดสักทีสิครับ ท่ามากจริงเดี๋ยวไม่ให้เสียเลยจะเก็บไว้ใส่เอง” ไม่รู้กลัวผมโกรธหรือกลัวผมจะยึดของคืน พี่คินรีบเปิดฝากล่อง
ออก แล้วพี่คินก็เงียบไปเลยครับ เงียบ..เงียบมาก...
“พี่คิน” ผมสะกิดแขนตัวโตเบาๆ ความมั่นใจลดเหลือศูนย์ มันนานหลายเดือนแล้วหรือพี่คินจะเลิกชอบไปแล้ววะ ไม่น่า วันนั้นยัง
แวะไปถามหาอยู่เลย ในหัวผมตอนนี้ความคิดตีกันมั่ว ยิ่งพี่คินเงียบนานเท่าไหร่ผมก็ยิ่งแตกแขนงความคิดออกไปไม่รู้จบ
พี่คินยื่นกล่องนาฬิกาคืนให้ผม ไม่หยิบออกมาดูด้วยซ้ำ เงิบสิครับผมรับกลับมาแบบงงๆ นี่คือไม่เอาใช่ไหม ไม่อยากได้หรือ
อะไร พูดสิเว้ย
“ใส่ให้หน่อยครับ” พี่คินยืนแขนมาให้ผม ไอ้บ้าพี่คินทำเอาผมหัวใจตกไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม จะหยุดนานทำไมวะ ใจหายหมด ผม
หยิบนาฬิกาออกจากกล่อง จัดการใส่ให้กับพี่คิน
“ชอบไหมครับ”
“มาก..ชอบปีมากที่สุดแล้ว”
“พี่คิน! ผมถามถึงนาฬิกา” เขินครับเขิน ได้ยินกี่ทีก็ยังเขิน
“นาฬิกาก็ชอบครับ เดิมพี่ชอบอยู่แล้วถึงอยากได้ แต่ตอนนี้ชอบมากขึ้นไปอีกเพราะปีทำงานเก็บเงินซื้อให้ ต่อไปจะหวงเรือนนี้
ที่สุดเพราะมันมาจากความใส่ใจของปี ที่รู้ว่าพี่ชอบถึงกับไปตามหาซื้อมาให้”
ผมเข้าไปกอดพี่คิน ขอหน่อยเถอะครับ ฟังพี่คินพูดแล้วรู้สึกดีชะมัด ความเหนื่อยทั้งหมดที่ทำมาหายเกลี้ยง
“ขอบคุณครับตัวเล็ก ขอบคุณมาก พี่จะรักษามันอย่างดี” พี่คินเอาหน้ามาคลอเคลียกับหน้าผม ไล้ริมฝีปากไปเรื่อยๆ ก่อนมาหยุด
ที่ข้างหู
“ขอโทษที่พี่ไม่รู้ เอาแต่โมโห ความจริงน่าจะคิดได้ แต่พอหึงมันคิดอะไรไม่ออกเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ปีชอบให้พี่คินหึงเพราะแปลว่าพี่คินรัก”
“พี่รักปีครับ”
“พี่คิน!!” ผมตกตะลึงตัวแข็ง คนพูดคงกลัวผมคิดว่าตัวเองหูฝาด เลยพูดซ้ำๆ
“พี่รักปี พี่รักปีครับ รักปีที่สุด”
“ปีก็รักพี่คินครับ” น้ำหูน้ำตาไม่รู้มาจากไหน ไหลเปรอะไปหมด พี่คินต้องใช้มือเช็ดออกให้
“ไม่ร้องครับ โอ๋ๆ “ ผมยิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่ คนตัวโตหัวเราะชอบใจ เอาหน้าผมซุกอก โยกตัวไปมา
“เด็กขึ้แย” ผมเอาหน้าถูกับเสื้อพี่คิน ว่าผมดีนักเอาให้เละ ว่าแต่....
“พี่คินไม่กลัวแล้วเหรอครับ บอกผมแบบนี้”
“บอกแล้วปีจะหนีพี่ไปไหมครับ”
“ม่ายยย เอาช้างมาฉุดก็ไม่ไป ปีจะเกาะเป็นปลิง เป็นตุ๊แกเลย”
“ฮ่าๆ ถ้ากลัวขนาดนั้น เอาอย่างอื่นติดกันไว้ไหมครับจะได้ไปไหนไม่ได้” ไอ้ พี่คิน!! เผลอเป็นไม่ได้เดี๋ยวนี้ ซึ้งๆอยู่ วกเข้าเรื่องตลอด
ผมถอยตัวออกห่าง ไม่สบายอยู่นะเว้ยอย่าเชียวนะ คนตัวโตหัวเราะชอบใจ ผมก็มองเพลินไป พี่คินที่เป็นแบบนี้โคตรน่ารัก
“พรุ่งนี้ไปเลี้ยงพวกไอ้มีนด้วย” ผมออกคำสั่ง ก่อนจะเล่าเรื่องความเหนื่อยยากของการตามหานาฬิกาเรือนนี้ให้พี่คินฟัง เล่าว่า
ผมท้อแค่ไหนที่ไม่ว่าจะตามหาที่ไหนก็ไม่มี แต่สุดท้ายผมก็เจอจนได้ ตอนเห็นมันวางอยู่ตรงหน้า มือผมสั่นจนรู้สึกได้ ความ
เหนื่อย ความเครียด เล่นเอาเกือบหมดแรง พี่คินที่กอดผมแนบชิดอยู่แล้วยิ่งกอดแน่นเข้าไปอีก
“พี่เลี้ยงให้ห้าครั้งติด ครบตามจำนวนคน เลือกกันมาว่าอยากทานอะไร”
“จริงนะพี่คินใจดีที่สุด” ผมเงยหน้าขึ้นไปจุ๊บคางที่เริ่มมีไรหนวดขึ้น
“ทำไมไม่โกนหนวดครับ” ผมยกมือขึ้นลูบเบาๆ จั๊กจี๋มือดีครับ มันสากๆ
“ตัวเล็กป่วยพี่จะมีแก่ใจไปโกนหนวดได้ยังไงครับ” พี่คินเอาคางมาถูๆ แก้มผม ชอบแกล้ง
“เว่อร์ไปแล้วผมไข้ขึ้นนิดเดียวเอง”
“แค่นี้ก็ห่วงแล้ว” พี่คินเลื่อนตัวลงนอน ดึงผมตามลงมานอนหนุนแขน
“นอนพักกัน ปีต้องนอนมากๆ จะได้หายเร็วๆ พรุ่งนี้จะได้พาเพื่อนไปเลี้ยงข้าว” เหมือนหลอกเด็กเลยครับ แต่ผมก็เชื่อ
ผมเกือบจะหลับไปแล้ว ตอนที่ได้ยินเสียงพี่คินบ่นเบาๆ “มาทำตัวน่ารักขนาดนี้วันที่ป่วย ใจร้ายนะเรา”
ไอ้พี่บ้า >< รักนะครับ
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
[