❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤Part : จ้าวหย่งเฝิง (ตอนที่ 1 ความหลังที่ 1ฯ)31-01-2018}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤Part : จ้าวหย่งเฝิง (ตอนที่ 1 ความหลังที่ 1ฯ)31-01-2018}  (อ่าน 32969 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ตาเฒ่าเอี้ยเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะแกนะ ทำไมต้องมาตั้งเงื่อนไขอะไรแบบนี้กับฟางด้วย จะช่วยก็ช่วยไม่สุดแบบนี้เหมือนแกล้งกันชัดๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำไมชีวิตหลานมันบัดซบอย่างนี้นะ  :m31:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Vammas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤

ตอนที่ 32 พบกันอีกครั้ง

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากเดินสวนกันเข้าออกในห้องมืดเหม็นอับ เหม่ยฟางลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องขังมืด ๆ เขาจำได้เพียงว่ามีคนผลักเขาตกน้ำแล้วหลังจากนั้น ก็จำอะไรไม่ได้อีก เขาพยายามนึกย้อนถึงเสียงของคนที่เอ่ยกับเขาก่อนจะผลักเขาตกน้ำ เสียงคุ้นๆนั่น มันช่างเหมือน....

"เจ้าฟื้นแล้วสินะ" ตาเฒ่าเอี๊ยส่งเสียงทักเมื่อเห็นว่าเหม่ยฟางฟื้นคืนสตืแต่ไม่ยอมปรากฎกายต่อหน้าเหม่ยฟาง

'เสียง...เจ้า...เจ้าเป็นผลักข้าตกน้ำ' เหม่ยฟางนึกขึ้นมาได้ว่าเสียงที่บอกให้ตนใจเย็นๆคือเสียงของตาเฒ่าเอี๊ย ทั้งยังผลักตนตกน้ำอีก

"ฮ่าๆ นี่เจ้ารู้ด้วยหรือว่าข้าผลักเจ้าตกน้ำ" ตาเฒ่าเอี๊ยหัวเราะออกเสียงดัง

'เจ้ามัน...แย่ที่สุด ไหนว่าช่วยข้า แต่นี่มันทำร้ายกันชัดๆ' เหม่ยฟางไม่รู้จะหาคำพูดใดมากล่าวต่อว่ากับการกระทำนี้จริงๆ

"ข้าช่วยเจ้าจริงๆนะ เจ้าดูสิเจ้าอยู่ที่ไหน" ตาเฒ่าเอี๊ยกช่ายด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

'คุก...' เหม่ยฟางมองรอบๆก่อนตอบด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด

"ไม่ใช่คุกธรรมดา แต่มันคือคุกหลวงเชียวนะ สุดยอดเลยใช่ไหม" ตาเฒ่าเอี๊ยยังคงรู้สึกภูมืใจกับการที่ส่งเหม่ยฟางเข้าคุกหลวงได้

'มันดีใจตรงไหน ข้าติดคุกนะ' เหม่ยฟางเริ่มบ่นไม่หยุด

"ดีตรงที่เจ้าจะได้พบจ้าวหย่งเจิ้งในเร็ววันน่ะสิ" ตาเฒ่าเอี๊ยตอบเสียงกลั้วหัวเราะ

'ข้าถามจริงๆเถอะ นี่เจ้ากำลังกลั่นแกล้งข้าอยู่สินะ' เหม่ยฟางถามอย่างนึกสงสัย ถึงปากเอ่ยว่าช่วยเขาแต่ไม่เคยช่วยเขาเต็มที่เลยสักครั้ง ช่วยแบบครึ่งๆกลาง จนตนเกือบตาย นี่เขาเรียกกลั่นแกล้งกันเสียมากกว่าช่วยเสียอีก

"เจ้าพูดอะไรอย่างนั้น ข้ามีหน้าที่ช่วยเจ้า จะไปกลั่นแกล้งเจ้าทำไมกัน แม้ข้าจะแอบคิดอยู่บ้าง แต่ข้าไม่เคยทำจริงๆหรอกนะ" ตาเฒ่าเอี๊ยตอบเสียงเรียบไม่มีความรู้สึกสำนึกผิดแม้แต่น้อย แม้เขาคิดอยากกลั่นแกล้งมากแค่ไหน แต่เขาไม่สามารถทำได้ หาก องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จับได้เขาคงถูกลงโทษ และอีกอย่างที่เรื่องมันยุ่งยากเช่นนี้ก็เพราะตนเป็นผู้กระทำผิดเองจึงจำใจต้องลงมาช่วยเช่นนี้

'นั่นไง เจ้าสารภาพแล้วว่ากลั่นแกล้งข้า' เหม่ยฟางกล่าวเสียงดังในใจ

"ไม่ใช่ๆ ข้าบอกแล้วไงว่า ถึงอยากทำแต่ทำไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าเลือกอดีตกันล่ะ ข้าอุตส่าห์ชี้ทางให้เลือกอนาคตอันสดใสให้ก็ไม่เอา หากเจ้าเลือกอนาคตข้าคงไม่ต้องมาลำบากช่วยเจ้าเช่นนี้หรอก" ตาเฒ่าเอี๊ยบ่นพึมพำ

'ก็...ข้าทนเห็นเจิ้งทนทุกข์ไม่ได้' เหม่ยฟางทำหน้าเศร้า หลุบสายตาลงพื้นอย่างเศร้าสร้อย

"เอาเถอะๆ ในเมื่อเลือกไปแล้ว ข้าจะช่วยให้เจ้าสมหวังอีกครั้ง" ตาเฒ่าเอี๊ยทำเสียงอ่อนเมื่อเห็นเหม่ยฟางทำหน้าเศร้า

ในระหว่างนั้นทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาเปิดประคุก เพื่อให้บุรุษผู้มีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลาได้เข้ามา ซึ่งเหม่ยฟางจำได้เป็นอย่างดีว่าคนผู้นั้นคือใคร

"คนผู้นี้หรือ ที่คิดปองร้ายองค์ฮ่องเต้" ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนผู้นั้นเอ่ยถามอย่างใจเย็น จ้องมองใบหน้างดงามของคนตรงหน้า

"ใช่ขอรับ" ทหารนายนั้นตอบรับ

"ไม่น่าเชื่อว่า ข้าจะเป็นคนช่วยนักฆ่าผู้นี้ขึ้นจากน้ำ"บุรุษคนเดิมพูดกับตนเอง ยังคงจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าโดยไม่ละสายตา

'ท่านนักพรตเจินหยวน' เหม่ยฟางร้องเรียกในใจ แม้อยากเปล่งเสียงออกไป ก็ไม่สามารถทำได้

"เจ้ามีนามว่าอะไร" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถาม เขารู้สึกถูกชะตากับคนผู้นี้ยิ่งนัก

'ข้า...' เหม่ยฟางเหมือนบางอย่างแต่จำต้องโบกมือทั้งจับคอเพื่อให้ทราบว่าเขาพูดไม่ได้

"เจ้าพูดไม่ได้?" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถาม มองด้วยสายตาประหลาดใจ

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับ จ้องมองนักพรตเจินหยวนกลับสายตาคล้ายอยากสื่ออะไรบางอย่าง

"น่าแปลกนัก ฮ่องเต้ของเรากล่าวว่า นักฆ่าหมื่นบุปผา พูดอะไรบางอย่างกับพระองค์ แสดงว่าต้องพูดได้ แต่เจ้าพูดไม่ได้ หรือว่าผิดคนกัน เจ้ามีพี่น้องหรือไม่" นักพรตเจินพูดพำพึมกับตนเองก่อนเอ่ยถามกับเหม่ยฟาง เหม่ยฟางได้แต่ส่ายหน้า เขาเองไม่รู้หรอกว่าร่างใหม่ตนมีพี่น้องหรือไม่ "เขียนหนังสือได้ไหม" เมื่อสิ้นคำถาม เหม่ยฟางพยักหน้ารัวๆเพื่อเป็นคำตอบ "ดี ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาพร้อมกระดาษกับพู่กัน" เหม่ยฟางมองตามหลังนักพรตเจินหยวนจนพ้นสายตา

'หากข้าพูดได้คงดีไม่น้อย เฮ้อ~' เหม่ยฟางถอนหายจิอกมาเสียงดัง

"จะกังวลไปใย คืนครบรอบวันตายในวันพรุ่งนี้เจ้าจะได้คืนร่างเดิม เจ้าถือโอกาสนี้ไปหาจ้าวหย่งเจิ้งสิ" ตาเฒ่าเอี๊ยปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเหม่ยฟางเพื่อบอกความ

'ครบรอบวันตาย คืนร่างเดิม' เหม่ยฟางทวนคำ

"ใช่วันพรุ่งนี้ ครบ 1ปี ที่เจ้าจากไป องค์เง็กเซียน จึงโปรดให้เจ้าได้คืนร่างเดิม นี่ข้ายังไม่ได้เจ้าอีกหรือ" ตาเฒ่าเอี๊ยมองอย่างนึกสงสัย

'ไม่ได้บอก' เหม่ยฟางส่ายหน้า กำหมัดแน่น เรื่องสำคัญเช่นนี้ทำไมไม่บอกเขาให้เร็วกว่านี้ อยากจะชกหน้าตาเฒ่าสักหมัดเสียเหลือเกิน เหม่ยฟางได้แต่กัดฟันกรอดข่มความโกรธจ้องมองตาเฒ่าเอี๊ยตาเขม็ง

"ข้าไปนะ ข้าจะไปจัดการเส้นทางให้เจ้า" ว่าจบตาเฒ่าเอี๊ยจึงรีบหายตัวไป เมื่อเห็นสายตาอาฆาตของเหม่ยฟาง

'1ปี แล้วหรือ ทำไมวันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเช่นนี้ ข้าเพิ่งใช้ชีวิตใหม่ในร่างนี้เพียงสองวันเองนะ' เหม่ยฟางได้แต่รำพึงรำพันกับตนเอง

"อ่อใช่ ข้าคงลืมบอกเจ้าไปว่าในระหว่างที่ข้านำเจ้ากลับคืนกายหยาบอีกครั้ง ค่อนข้างใช้เวลานาน ก็เป็นอย่างที่เจ้ารู้นั่นแหละว่ามันนานมาก" ตาเฒ่าเอี๊ยโผล่ออกมาโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง จึงทำให้เหม่ยฟางสะดุ้งตกใจ

'!!!!' เหม่ยฟางได้แต่ถลึงตาใส่ด้วยความไม่ชอบใจ

"ข้าขอโทษ เจ้านอนเถอะ" ตาเฒ่าเอ่ยเสียงเบาก่อนร่างนั้นจะจางหายไป เหม่ยฟางเองเห็นว่าไม่มีใครกวนใจจึงล้มตัวลงนอน

เช้าวันใหม่นักพรตเจินหยวนเดินมางมายังคุกหลวงแต่เช้าตรู่ ทั้งยังเอากระดาษ พู่กัน ติดมือมาอย่างที่กล่าวไว้

"ข้านำกระดาษ พู่กัน มาให้เจ้า จากนี้ข้าถามสิ่งใดเจ้าจงเขียนตอบข้าลงในกระดาษ" นักพรตเจินหยวนกล่าวยิ้มๆ

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับ ทั้งรอยยิ้ม

"เจ้าชื่ออะไร" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถาม เหม่ยฟางจึงเขียนบนกระดาษกระดาษ เพียงคำเดียว คือ 'ฟาง' นักพรตเจินหยวนเงยหน้ามองใบหน้าของคนตรงหน้า "ฟาง เจ้าชื่อฟาง"

'อืม' เหม่ยฟางพนักหน้าตอบ ดวงตาเนียวสวยจ้องมองนักพรตเจินหยวนไม่กระพริบ

"ทำไมเจ้าถึงคิดสังหารองค์ฮ่องเต้" คำถามนร้ทำให้เหม่ยฟางต้องนิ่งเงียบ เขาไม่เคยคิดฆ่าหรือทำร้ายจ้าวหย่งเจิ้งแม้แต่น้อย เหม่ยฟางได้แต่ส่ายศีรษะไปมา ก่อนเขียนลงบนกระดาษอีกครั้ง

'ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ หากข้าบอกว่าข้า ไม่ได้ทำ'

"ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร" นักพรตเจินหยวนเอ่ยด้วยท่าทางลังเล ท่าทางของคนตรงหน้าดูไม่เหมือนคนที่จะทำร้ายใครได้

'ได้โปรด ช่วยข้าออกจากคุกหลวงด้วยเถอะ ได้โปรด' เหม่ยฟางตัดสินใจเขียนข้อความนี่ออกไปหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

"ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น เจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่" นักพรตเจินหลวงไม่แน่ใจแล้วว่าเขาควรช่วยหรือไม่

'ข้ามีเรื่องสำคัญต้องกราบทูลฮ่องเต้ เป็นเรื่องที่ข้าไม่สามารถบอกใครได้นอกจาก ฮ่องเต้เพียงองค์เดียว ได้โปรด มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องบอกภายในคืนนี้เท่านั้น' เหม่ยฟางจรดพู่กันบอกเล่าสิ่งที่ตนต้องการบอกลงบนกระดาษ

"ข้าสามารถเชื่อเจ้าได้หรือ" สิ้นคำถาม เหม่ยฟางนั่งคึกเข่าลงต่อหน้านักพรตเจินหยวน พร้อมชูสามนิ้วเพื่อเป็นการสาบาน "ได้ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง หากเจ้าคิดเล่นงานฮ่องเต้ อีกข้าจะฆ่าเจ้าเสีย"

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเขาก็ได้ออกจากคุกหลวง

"ทหาร ข้าจะนำคนผู้นี้ไปกับข้า เพื่อพิสูจน์ความจริง ในคืนนี้ปล่อยคนผู้นี้เสีย" สิ้นคำพูดทหารจึงยอมปล่อยตัวเหม่ยฟางออกจากคุกหลวงตามคำบัญญาของนักพรตเจินหยวน ก่อนเหม่ยฟางจะออกจากคุกหลวงนักพรตเจินหยวนได้ลงวิชาอะไรบางอย่างไว้ที่หัวใจของเหม่ยฟาง

'ท่านทำอะไร' เหม่ยฟางเขียนข้อความบางอย่างลงไป

"ข้าใช้คาถาคำสัจกับเจ้า นับแต่นี้หากเจ้าคิดคดทรยศพวกข้า หัวใจของเจ้าจะถูกทำลายทันที" นักพรตเจินหยวนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับอีกครั้ง เขายินดีพิสูจน์ความจริงในข้อนี้

"ดี คืนนี้ข้าจะนำเจ้าเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้เป็นการลับๆ" สิ้นคำนักพรตเจินหยวนจึงนำตัวเหม่ยฟางออกจากคุกหลวง และให้อาศัยอยู่ที่อารามหลวงเป็นการชั่วคราว

ค่ำคืนที่แสนรอคอยก็มาถึง ก่อนเข้าตำหนักชั้นใน เหม่ยฟางขอร้องให้นักพรตเจินหยวนหาผ้าคลุมมาให้เขา นักพรตเจินหยวนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ขณะนี้เหม่ยฟางเดินตามหลังนักพรตเจินหยวน ด้วยหัวใจอันตุ่มๆต่อมๆ เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ตำหนัก จิงเหรินกง

เหม่ยฟางมองชื่อตำหนักอย่างนึกชั่งใจ ทำไมจ้าวหย่งเจิ้งถึงมาอยู่ตำหนักเล็กเช่นนี้ ปกติแล้วผู้เป็นฮ่องเต้จะต้องอยู่ตำหนัก เฉียนชิงกง

"เจ้าคงแปลกใจสินะว่าทำไมฮ่องเต้ถึงไม่อยู่ตำหนักใหญ่" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถามอย่างรู้สึกถึงความนึกคิดจองเหม่ยฟางได้

'อืม' เหม่ยฟางยังคงพยักหน้ารับ

"ฮ่องเต้มีความหลังกับตำหนักนี้มากจึงไม่ยอมย้ายไปไหน แม้แต่โอรสเพียงองค์เดียวก็อยู่ที่นี่" นักพรตเจินหยวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

'ฟาหลง' ภายใต้ผ้าคลุมเหม่ยฟางยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่าลูกชายของตนก็อยู่ที่นี่ด้วย

"ไปเถอะเราเสียเวลามากแล้ว" นักพรตเจินหยวนกล่าวก่อนเดินนำเข้าไปด้านใน แต่เมื่อก้าวเข้าไปภายในเหม่ยฟางได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กเล็กดังกังวานก้องเสียจนคนรอบข้างปวดแก้วหู เหม่ยฟางคว้าแขนของนักพรตเจินหยวน เหมือนกำลังจะถามอะไรบางอย่าง "เสียงโอรสของฝ่าบาท สงสัยว่าฝ่าบาทยังไม่กลับจากว่าราชการ ปกติแล้วหากฝ่าบาทไม่อยู่โอรสจะงอแงร้องไห้ไม่เอาผู้ใดเช่นนี้แหละ" นักพรตเจินหยวนเกาศีรษะเขา ไม่รู้จะทำเช่นใด เหม่ยฟางกระตุกแขนของนักพรตเจินหยวนเพื่อขอไปที่ที่โอรสมังกรอยู่ "เจ้าเลี้ยงเด็กได้หรือ" เหม่ยฟางนิ่งชั่วครู่ก่อนพยักหน้า "ตามมา" นักพรตเจินหยวนเดินนำทางไปยังเสียงเด็กร้อง เมื่อว่าถึงจึงเห็นเหล่าพี่เลี้ยงต่างพากันวุ่นวายพยายามหาทางให้โอรสมังกรเงียบเสียง เหม่ยฟางเดินเข้าไปท่ามกลางเสียงร้องของโอรสมังกรที่นั่งร้องไห้จ้าไม่เอาใคร แต่เมื่อเห็นเหม่ยฟางที่คลุมผ้าจนไม่เห็นหน้า เสียงร้องกลับเงียบลงพร้อมกับลุกเดินตรงเข้ามาหาอย่างน่าประหลาดใจ เหม่ยฟางแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อโอรสมังกรเดินเจ้ามาเกาะขาตนเอง

'ฟาหลง...ลูกของเรา' เหม่ยฟางคุกเข่าลงตรงหน้าโอรสมังกร ช้อนร่างเล็กๆขึ้นมานั่งบนตัก

"น่าแปลกจริง ปกติแล้วองค์ชายฟาหลงไม่ยอมให้ใครแตะต้องยกเว้นองค์ฮ่องเต้เพียงองค์เดียว น่าแปลกจริงๆขนาดพวกเราที่เลี้ยงองค์ชายฟาหลงตั้งแต่เล็กยังเอาไม่อยู่" หนึ่งในพี่เลี้ยงเอ่ยด้วยความแปลกใจ

"มะ มะ กอด กอด" เสียงเล็กๆพูดจาไม่ค่อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมยกมือขึ้นกอดคอเหม่ยฟางไว้แน่น ความรู้สึกตื้นตันภายในจิตใจทำให้เหม่ยฟางถึงกับน้ำตาคลอ

"เจ้าองค์ชายฟาหลงนอนได้ไหม" หนึ่งในพี่เลี้ยงเอ่ยถาม เหม่ยฟางจึงพยักหน้ารับ อุ้มองค์ชายน้อยไปนอนที่เตียงเพื่อกล่อมให้หลับ ใช้เวลาเพียงไม่นานองค์ชายน้อยก็เข้าสู่นิทรา

"ดีจริงที่มีเจ้าอยู่ พวกข้าพลอยสบายไปด้วย ขอบใจเจ้ามาก" หนึ่งในพี่เลี้ยงกล่าวขอบคุณ เหม่ยฟางทำได้แต่ก้มหัวรับพร้อมส่งยิ้ม

"เอาล่ะในเมื่อทุกอย่างดีขึ้น เราก็ไปกันเถอะ" นักพรตเจินหยวนเดินนำไปยังห้องทำงานของจ้าวหย่งเจิ้ง เมื่อมาถึง จ้าวหย่งเจิ้งก็นั่งทำงานรออยู่ก่อนแล้ว

"ถวายบังคมฝ่าบาท ข้าน้อย ขออนุญาติฝ่าบาทพาบุคคลหนึ่งมาเข้าเฝ้าขอรับ" นักพรตเจินหยวนเปิดประเด็นที่ตนมาในครั้งนี้

"ใคร" จ้าวหย่งเจิ้งขมวดคิ้วจ้องมองคนที่ซ่อนตนภายใต้ผ้าคลุม

"นักฆ่าหมื่นบุปผา" เมื่อนักพรตเจินหยวนแนะนำเรียบร้อย หม่ยฟางจึงยื่นกระดาษที่เขียนบางอย่างให้กับนักพรตเจินหยวน

'ขอคุยตามลำพัง' นักพรตเจินหยวนมองอย่างลังเล เหม่ยฟางจึงชี้ไปยังหน้าอกของตนเพื่อให้รับรู้ว่าเขายังมีคาถา คำสัจติดกาย เมื่อนักพรตเจินหยวนเบาใจเขาจึงพยักหน้ารับเดินออกจากห้องนั้น

"เจ้ามีธุระอะไรกับข้า" จ้าวหย่งเจิ้งเปิดประเด็น นัยน์ตายังคงมองฎีกาที่กองบนโต๊ะ ไม่สนใจบุรุษคลุมผ้าตรงหน้า

"เจิ้ง" เสียงเรียกแผ่วเบาแสนคุ้นหูทำให้จ้าวหย่งเจิ้งต้องเงยหน้าขึ้นจากฎีกา

"เจ้าเป็นใคร" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามอยากแคลงใจ น้ำเสียงช่างคุ้นเคยอะไรเช่นนี้

"ข้าเอง" เหม่ยฟางดึงผ้าคลุมที่กปิดใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวนวลแสนคุ้นเคย ซึ่งบัดนี้ใบหน้าของ ตนได้กลับคืนดังเดิมอย่างที่ตาเฒ่าเอี๊ยได้กล่าวไว้

"ฟาง" จ้าวหย่งเจิ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้าตน

"เจิ้ง ข้าดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง" เหม่ยฟางวิ่งเดินเข้าไปกอดซบอกจ้าวหย่งเจิ้งด้วยความคนึงหา แต่จ้าวหย่งเจิ้งกับลังเลที่จะกอดตอบ

"ฟาง นั่นเจ้าจริงๆหรือ" จ้าวหย่งเจิ้งยังคงถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง

"ใช่ข้าเอง" เหม่ยฟางกระชับมือกอดให้แน่นยิ่งขึ้น

"ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม" จ้าวหย่งดันร่างบางออกเพื่อมองใบหน้าของผู้เป็นที่รักให้ชัดยิ่งขึ้น

"เจ้าไม่ได้ฝัน เจิ้ง เจ้าไม่ได้ฝัน" น้ำตาแห่งความปลื้มปริ่มของเหม่ยฟางค่อยๆไหลออกมา

"ฟาง" จ้าวหย่งเจิ้งประทับริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากแดงอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกต่างๆเอ่อล้นถ่ายทอดออกมาทางรสจูบ การขับเคลื่อนต่างเป็นไปตามกลไกการสัมผัสทางธรรมชาติ ความคนึง ความโหยหา ต่างพาทั้งสองเข้าสู่อารมณ์ที่ไม่มีใครขัดได้

"เจิ้ง หยุด หยุดก่อน ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า อ๊ะ เจ้าจับที่ใดกัน" มือหนาแสนซุกซนแหวกสาบเสื้อของผู้เป็นที่รักโดยไม่ฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

"ข้าคิดถึงเจ้า ฟาง" เหม่ยฟางพยายามปัดป้องมือหนาที่กำลังลูบไล้ไปทั่วร่างกายตน

"เจิ้ง หยุด อ๊ะ ปล่อยข้า หากเจ้าไม่ฟังข้าจะไปจากเจ้า" สิ้นคำ จ้าวหย่งเจิ้งจึงหยุดการกระทำตามคำขอ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีจากตนไป แล้วเงพวกเขาทั้งสองจะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีก เมื่เหม่ยฟางเห็นว่าอีกฝ่ายยอมหยุดตามคำขอ เขาจึงคิดจะพูดเรื่องที่ตนรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป แต่พอจะเอ่ยกับเปลี่ยนเรื่องคุยเสียอย่างนั้น

"เจิ้ง ข้าอยากให้เจ้ากอดข้า อ๊ะ!!!" เหม่ยฟางปิดปากตนเองโดยเร็ว 'นี่ข้าพูดอะไรออกไป ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดเช่นนี้นะ' เหม่ยฟางมองหน้าจ้าวหย่งเจิ้งด้วยความรู้หวั่นๆ เมื่อเห็นจ้าวหย่งเจิ้งยิ้มรับกับคำพูดของตน

"ข้าก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน" สิ้นคำจ้าวหย่งเจิ้งจึงช้อนร่างบางของเหม่ยฟางไปที่เตียง และเริ่มบรรเลงเพลงรักของเขาทั้งสองคน....


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ความคิดถึงมีมากเสียเหลือเกิน  :กอด1:

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อะไรคืออยากให้กอดห่ะฟางงงงง

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :a5: เดี๋ยวสิเดี๋ยวกลับมาต่อเดี๋ยวเน้!!!
 :katai1:มันค้างนะเจ้าคะ :katai1:
 :call: :call: :call: จงกลับมาชาบูชาบูลาลั้นลาลั่นล่ะ
 :pig4: :pig4:อ่านรวดเดียวเลยสนุกมากเจ้าค่ะ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Vammas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤

ตอนที่ 33 สายสัมพันธ์

เมื่อแสงตะวันสาดส่องกระทบร่าง ร่างกายของเหม่ยฟางกลับแปรเปลี่ยนเป็นนักฆ่าหมื่นบุปผาเช่นเดิม จ้าวหย่งเจิ้งผู้ลืมตาตื่นขึ้นก่อนต้องตกใจ เมื่อผู้ที่นอนข้างกายไม่ใช่คนรักที่เขาพบเมื่อคืน แต่กลับเป็นนักฆ่าที่หมายจะสังหารตนเมื่อหลายเดือนก่อน ด้วยความตกใจเขาซัดฝ่ามือใส่ร่างที่หลับไหลไม่ได้สติ ร่างบางรับรู้ถึงแรงฝ่ามือจึงคว้าผ้าแพรคลุมกายพลิกหลบลงจากเตียง จ้าวหย่งเจิ้งได้โอกาสคว้าดาบประดับผนังเข้าพาดลำคอของเหม่ยฟางที่ยังไม่ทันตั้งตัว เหม่ยฟางมองตามคมขึ้นไปจนเห็นใบหน้าคนผู้นั้น

"เจ้าต้องการอะไร" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามเสียงดัง กดปลายดาบเข้ากับผิวขาว คมดาบบาดผิวทีละน้อยจนเลือดไหลซึมออกมา เหม่ยฟางกัดฟันแน่น มองใบหน้าของคนที่คิดจะสังหารตนด้วยแววตาทุกข์ตรม

'ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้กับข้า' ขอบตาแดงเรื่ออย่างคนอดกลั้น แม้อยากจะเอื้อนเอ่ยคำยังไม่สามารถทำได้ เขาคงต้งถูกคนรักฆ่าเสียแล้วกระมัง

"เจ้าเป็นใคร เข้ามาในห้องของข้าได้อย่างไร" จ้าวหย่งเจิ้งจ้องมองอย่างดุดัน แม้แต่คำพูดก็เช่นกัน

'...' เหม่ยฟางยังคงนิ่ง ดวงตาแดงช้ำอย่างเห็นได้ชัด

"ข้าถามทำไมไม่พูด" ความเกรี้ยวกราดสาวผ่านทั้งน้ำเสียงแววตา แต่เมื่อจ้องมองแววตาของอีกฝ่ายเขาถึงกับชะงัก คมดาบลดต่ำลง "เป็นไปไม่ได้ ทำไมแววตาถึงเหมือนเขาคนนั้นนัก" น้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายคนอยู่ในภวังก์ ทำให้เหม่ยฟางได้โอกาสสลัดตัวเองหลุดจากคมดาบของจ้าวหย่งเจิ้ง ยังไม่ทันได้หนีไปไหน กลับถูกจ้าวหย่งเจิ้งดึงผ้าแพรเข้าหาตัว ด้วยแรงที่เยอะกว่า เหม่ยฟางจึงถูกดึงเข้าอ้อมกอดของจ้าวหย่งเจิ้งพอดิบพอดี

'อ๊ะ!'

"คิดจะหนีไปไหน" แขนแกร่งกอดรัดไม่ให้ร่างบางขยับกายได้

'ปล่อยข้า' เหม่ยฟางพยายามดิ้นรน ใช้สายตาเป็นสื่อกลาง

"อยากให้ปล่อย จงบอกมาว่าเจ้ามาทึ่นี่ได้อย่างไร จะยอมบอกหรือไม่" เมื่อรู้ตัวว่าตนไม่อาจหลุดจากพันธการได้เหม่ยฟางจึงพยักหน้าตอบรับ

'อืม'

"ดี...บอกข้ามาเจ้าเข้ามานอนในห้องข้าได้อย่างไร" จ้าวหย่งเจิ้งยอมปล่อยให้เหม่ยฟางเป็นอิสระ เหม่ยฟางยั"งคงยืนนิ่งไม่ตอบสิ่งใด "เจ้าพูดไม่ได้?" จ้าวหย่งเจิ้งยืนมองอยู่สักพักก่อนเอ่ยถามออกไป

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้าตอบรับพร้อมเงยหน้าเพื่อสบตากับอีกฝ่าย

"แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก" จ้าวหย่งเจิ้งบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนหยิบกระดาษกับพู่กันสางให้เหม่ยฟาง "คงเขียนเป็นนะ"

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้าอีกครั้ง

"ดี....เจ้าชื่ออะไร" คำถามง่ายๆถามออกไปโดยม่ต้องคิดอะไรมาก

'ฟาง' ตัวหนังสือบนกระดาษทำให้จ้าวหย่งเจิ้งต้องชะงัก แววตาอ่อนแสงเพียงชั่วครู่ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นดุดันตามเดิม

"ข้ามาที่นี่ได้อย่างไร"

'นักพรตเจินหยวนพามา' ข้อความที่เขียนออกมาทำให้จ้าวหย่งเจิ้งนึกบางอย่างออก

"นักพรตเจินหยวน...เจ้าใช่คนที่จะคุยเรื่องสำคัญกับข้าใช่หรือไม่"

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับ

"คิดสังหารข้างั้นสิ" คำถามนี้ของจ้าวหย่งเจิ้งทำให้เหม่ยฟางถึงอึ้งไปชั่วขณะ จิ้งถึวกับ 'ข้าเปล่า' เหม่ยฟางรีบส่ายหัวทันที เมื่อเรียกสติกลับมาได้

"ในเมื่อไม่คิดจะฆ่าข้าแล้วมาทำอะไรในห้องนอนข้า" จ้าวหย่งเจิ้งจ้องมองอย่างเอาเรื่อง

พรึ่บ!!!

ผ้าแพรที่คลุมกายเปลือยเปล่าของเหม่ยฟางร่วงลงต่อหน้าจ้าวหย่งเจิ้ง ภาพเบื้องหน้าจ้าวหย่งเจิ้งคือ เรือนกายขาวละเอียดถูกแต่งแต้มไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงนับสิบบนร่างเปลือยเปล่านั้น

'เจ้าข่มเหงข้า เจ้าต้องรับผิดชอบข้า' ข้อความที่ตามมาทำเอาจ้าวหย่งเจิงถึงกับอ้าปากค้างชี้นิ้วเข้าหาตนเอง

"ข้าเนี่ยนะข่มเหงเจ้า" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามอย่างงง ว่าเขาไปข่มเหงบุรุษตรงหน้าเมื่อไหร่กัน

'โอ๊ย...นี่ข้าเขียนอะไรออกไป' เหม่ยฟางถึงกับกุมขมับ เขาไม่รู้จะตอบเช่นไรเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดจ้าวหย่งเจิ้งเขาจึงตอบไปเช่นนั้น

"หลักฐานล่ะ" จ้าวหย่งเจิ้งถามหาเอาหลักฐานจากคนตรงหน้า

'หลักฐานก็คือตัวข้า' เหม่ยฟางเขียนข้อความใส่กระดาษ ทั้งยังจ้องมองจ้าวหย่งเจิ้งอย่างเอาเรื่อง

"ตัวเจ้าเนี่ยนะ" จ้าวหย่งเจิ้งเดินวนรอบกายของคนตัวบาง   แม้รูปร่างหน้าจะงดงามเช่นไร เขาไม่น่าจะล่วงเกินบุรุษผู้นี้ได้ แต่หลักฐานบนกายกลับบ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าเขากระทำไปจริงๆ

'ฟางข้าผิดต่อเจ้า เมื่อคืนข้าคงหน้ามืดตามัวเห็นเขาเป็นเจ้า ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ' จ้าวหย่งเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองไปทางหน้าต่าง ได้แต่ตำหนิตนอยู่ในใจ

'เขาจะเชื่อข้าหรือไม่นะ' เหม่ยฟางยังคงจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความกังวลใจ

"เจ้า ใส่เสื้อผ้าเถอะ ข้าจะออกไปข้างนอก เพื่อดูฟาหลงบุตรชายของข้า" ว่าจบ จ้าวหย่งเตรียมย่างเท้าออกจากห้องแต่มือบางกลับคว้าเขาไว้

'ข้าไปด้วย' เหม่ยฟางรีบเขียนตัวหนังสือลงในกระดาษให้จ้าวหย่งเจิ้งอ่าน

"จะตามข้าไปทำไม" จ้าวหย่งเจิ้งเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย เหม่ยฟางทำได้แต่ยึดแขนอีกฝ่าย แล้วก้มหน้าหลบสายตา อย่างทำอะไรไม่ถูก

'...' เหม่ยฟางยังคงเงียบไม่อาจหาคำตอบที่ดีให้กับตนเองได้

"หรือเจ้ามีแผนร้าย" จ้าวหย่งเจิ้งยกในมือขึ้นดาบขึ้นพาดคอเหม่ยฟางอีกครั้ง เหม่ยฟางรีบยกไม้ยกมือโบกไปมาเป็นการปฏิเสธ "เช่นนั้นจงรอข้าอยู่ที่นี่"

'...' เหม่ยฟางนิ่งไปสักพัก เมื่อเห็นจ้าวหย่งเจิ้งทำท่าจะจากไปจึงคว้าแขนอีกฝ่ายไว้เช่นเดิม

"เจ้าไปให้ได้ใช่ไหม" จ้าวหย่งเจิ้งชะงักอีกครั้ง ก่อนหันมาถามผู้ที่ยึดแขนตนไม่ยอมปล่อย

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้า เขาอยากไปหาลูกชายอีกสักครั้ง

"ได้ข้าจะพาเจ้าไป หากเจ้าคิดทำการร้ายใดๆก็ตาย ข้าฆ่าเจ้าแน่" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยแกมขู่ผู้ที่ขอติดตามเขาไป

'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับ

จ้าวหย่งเจิ้งพาเหม่ยฟางเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องนอนของโอรสน้อยวัยขวบเศษ ซึ่งกำลังส่งเสียงร้องไห้ งอแงไม่หยุด ร้องเรียกหาใครบางคน

'แงๆๆ แม่จ๋า ฮึกๆ แงๆ"

"น่าแปลก ปกติแล้ว ฟาหลงไม่เคยร้องหาแม่ ไฉนจึงร้องหาได้" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยกับตนเองอย่างสงสัย ก่อนเปิดประตูเข้าไปด้านใน

'แงๆๆ แม่จ๋า ฮึกๆ แงๆ" โอรสน้อยยังคงส่งเสียงร้องไห้ไม่หยุด ร้องหาแต่แม่ พี่เลี้ยงทั้งสิงต่างพากันปวดหัวกับอาการงอแงของโอรสน้อย

"ฟาหลง" จ้าวหย่งเจิ้ง เอ่ยเรียกบุตรชายตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อฟาหลงน้อยได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็พ่อจึงหันไปมอง ก่นยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

"ท่านพ่อ" ฟาหลงน้อยเงียบเสียงลง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา ฟาหลงน้อยค่อยๆเดินไปทางผู้เป็นบิดา จ้าวหย่งเจิ้งจึงทรุดตัวชันเข่ารออุ้มบุตรชายที่กำลังเดินมาหา "ฟาหลง อ๊ะ" จ้าวหย่งเจิ้งถึงกับอึ้งเมื่อลูกชายเดินผ่านตนเองไปหา ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังตน

"แม่จ๋า" เสียงดังชัดถ้อยชัดคำของฟาหลงน้อยที่เอ่ยเรียกเหม่ยฟางในร่างของผู้อื่น ยิ่งทำให้ใครๆหลายๆคนต่างมากันแปลกใจ โดยเฉพาะ จ้าวหย่งเจิ้ง

'ฟาหลง' เหม่ยฟางมองมือกับแขนๆเล็กกอดเข้าที่ขาตนด้วยความตื้นตัน

"แม่จ๋า"

'มีเพียงเจ้าสินะที่จำแม่ได้' เหม่ยฟางสะกดกลั้นน้ำตาที่กำลังไหลไว้ เขานั่งลงเพื่อให้ตนได้อุ้มฟาหลงน้อยขึ้นมาแนบอก หยาดน้ำตาที่กลั้นไม่อยู่ค่อยๆไหลออกมา

"แม่จ้า อย่าร้องไห้" ฟาหลงน้อยค่อยๆ ปาดน้ำตาของเหม่ยฟาง

"ฟาหลงมาหาพ่อ" จ้าวหย่งเจิ้งได้สติจึงเอ่ยเรียกลูกชายเสียงเข้ม จะปล่อยให้ลูกชายเข้าใกล้นักฆ่าหมื่นบุปผาไม่ได้หากอีกฝ่ายคิดร้าย กลัวว่าจะป้องกันลำบาก

"ไม่ จะอยู่กับแม่" ฟาหลงน้อยตอบปฏิเสธอย่างดื้อดึง

"นั่นไม่ใช่แม่ของเจ้า ถอยออกมาเถอะ" จ้าวหย่งเจิ้งค่ยๆพูดเกลี้ยกล่อมลูกชาย

"ไม่ นี่คือแม่ แม่ของฟาหลง" ฟาหลงน้อยยังคงดื้อดึงเช่นเดิม ยังคงยืนยันมาเหม่ยฟางในร่างนักฆ่าหมื่นบุปผาคือแม่ของตน

"ฟาหลง!!!" จ้าวหย่วเจิ้งใช้เสียงที่ดังขึ้นเรียกฟาหลงน้อย

"ไม่...ฟาหลงจะอยู่กัยแม่" ฟาหลงน้อยกอดอกสะยัดหน้าไปางอื่นอย่างงอนๆ

"แปลกจริง ปกติฟาหลงไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ง่ายๆ แต่ทำไมถึงยอมให้คนผู้นี้เข้าใกล้..."จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยกับตนเองอย่างนึกสงสัย

"ฝ่าบาทจะทำเช่นไรดี องค์ชายไม่ยอมออกห่างคนผู้นั้นเลย" พี่เลี้ยงคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความลำบากใจ

"ปล่อยไปก่อน ให้ไปตามอวี๋เหวินเต๋อมาพบข้าด่วน"

"เจ้าค่ะ" พี่เลี้ยงฟาหลงน้อยรับคำก่อนถอยออกไปเพื่อไปตามอวี๋เหวินเต๋อตามคำสั่ง . . . "ฝ่าบาทเรียกข้าน้อยหรือขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อผู้ซึ่ถูกตามตัวคุกเข่าทำความเคารพจ้าวหย่งเจิ้ง

"มาแล้วหรือ ข้ามีงานให้เจ้าทำ" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยเสียงเรียบสายตาจับจ้องมองภาพของนักฆ่าหมื่นบุปผาที่กำลังเล่นอยู่กับฟาหลงน้อยบุตรชายของตนอย่างไม่วางตา

"ฝ่าบาทโปรดรับสั่งมีสิ่งใดให้ข้าน้อยต้องกระทำ ข้าน้อยยินดี" อวี๋เหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ดี เจ้ามองไปทางนั้นสิ" จ้าวหย่งเจิ้งชี้ไปทางนักฆ่าหมื่นบุปผากับองค์ชายน้อย

"นั่นมัน นักฆ่าที่ลอบทำร้ายฝ่าบาท ใยถึงอยู่องค์ชายน้อยได้ขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

ทางด้านเหม่นฟางที่กำลังเล่นกับฟาหลงน้อยก็เหลือบไปเห็นอวี๋หวินเต๋อเข้า

'พี่อวี๋' เหม่ยฟางเอ่ยเรียกในใจ จ้องมองอวี๋เหวินเต๋ออย่างไม่ละสายตา เขาอยากจะคุยกัยอวี๋เหวินเต๋อสักครั้ง

"ถ้าเจ้าอยากคุยก็ไปคุยสิ" เสียงคุ้นเคยลอยตามลม ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนนอกจากตาเฒ่าเอี๊ย เหม่ยฟางหันมองตามเสียงเห็นร่างตาเฒ่าเอี๊ยเป็นเงาจางๆยืนอยู่ข้างๆตน

'กว่าจะโผล่มาได้นะ' เหม่ยฟางอดบ่นไม่ได้

"บอกแล้วไงว่าไปปูทางให้เจ้าได้เข้าใกล้เขาผู้นั้น" ตาเฒ่าเอี๊ยตอบเสียงเรียบ

'ชิ ปูทางอะไรกันคอข้าเกือบขาดเชียวนะ' เหม่ยฟางย้อนนึกถึงคมดาบที่บาดผิวตนจนเจ็บแสบของจ้าวหย่งเจิ้ง

"เรื่องเล็กน้อย เจ้าอย่าใส่ใจ" ตาเฒ่าเอี๊ยกล่าวเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรต้องกังวล

'เรื่องเล็กน้อย ใช่สิ แค่เกือบถูกถูกฟันคอขาดแค่นั้น' เหม่ยฟางเอ่ยประชดตาเฒ่าเอี๊ย

"เอาเถอะ ข้ามาบอกเจ้าเรื่องนี้ บุรุษที่ชื่ออวี๋เหวินเต๋อนั้น เจ้า เคยกัด เขาใช่หรือไม่"

'ก็ใช่ ข้ากัดเขาเพื่อให้เขาฟังข้ารู้เรื่องในร่างงู' เหม่ยฟางตอบด้วยความรู้สึกแคลงใจ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกัน

"แล้วเจ้าว่า เขาจะฟังเจ้ารู้เรื่องไหมตอนนี้" ตาเฒ่าเอี๊ยถามด้วยรอยยิ้ม

'พี่อวี๋ฟังข้ารู้เรื่องหรือ' เหม่ยฟางถึงกับตาโตด้วยความตื่นเต้น หากอวี๋เหวินเต๋อฟังเขารู้เรื่องจริงนั่นย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

"ลองพิสูจน์สิ ตะโกนดังๆเรียกเขาสิ" ตาเฒ่าเอี๊ยแนะนำให้พิสูจน์

'ข้าตะโกนออกเสียงไม่ได้' เหม่ยฟางแย้งขึ้น

"ข้ารู้ ข้าหมายถึงว่า เจ้าตะโกนออกไปดังๆในใจ ทำเป็นไหม" ตาเฒ่าเอี๊ยถึงกับกุมขมับเมื่อเหม่ยฟางถามออกมาเช่นนั้น

'อ่อ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก' เหม่ยฟางส่งยิ้มตอบไปอย่างเสียไม่ได้

"ลองดูเถอะ"

'พี่อวี๋!!!!' เหม่ยฟางตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดัง

"หือ" อวี๋เหวินเต๋อมองซ้ายมองขวาเมื่อได้ยินเสียงเรียก

"เจ้าเป็นอะไรอวี๋เหวินเต๋อ" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามเมื่อเห็นท่ทางแปลกไปของอวี๋เหวินเต๋อ

"ข้าน้อยรู้สึกเหมือนมีใครเรียกขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อตอบตามความจริง

"เหลวไหล ข้านั่งอยู่ข้างเจ้ายังไม่ได้ยิน แล้วเจ้าจะได้ยินเช่นไร" จ้าวหย่งเจิ้งขมวดคิ้วมองอย่างนึกขำกับคำตอบของอีกฝ่าย

"ขอรับ ข้าน้อยคงหูแว่วไปเอง" อวี๋เหวินเต๋อยอมรับกับคำพูดของจ้าวหย่งเจิ้งผู้เป็นนาย

'พี่อวี๋ ข้าคือเหม่ยฟาง ท่านได้ยินข้าไหม!!!!' เม่ยฟางตะโกนขึ้นอีกครั้ง และน่าแปลกที่เขาสามารถบอกผู้อื่นนอกจากจ้าวหย่งเจิ้งได้ว่าเขาคือผู้ใด

"เหม่ยฟางงั้นหรือ" อวี๋เหวินเต๋อกล่าวเสียงดังพอที่จ้าวหย่งเจิ้งได้ยินไปด้วย

"เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่" จ้าวหย่งเจิ้งถึงกับขมวดคิ้สเมื่อได้ยินชื่อของคนรักหลุดออกจากปากองครักษ์คนสนิท

"ขออภัยฝ่าบาท แต่ข้าน้อยได้ยินเสียงอีกแล้วขอรับ ได้ยินประมาณว่า ข้าคือเหม่ยฟาง" อวี๋เหวินเต๋อได้แต่ตอบตามในสิ่งที่ตนได้ยิน

ปัง!!!

"เหลวไหล เหม่ยฟางสิ้นไปแล้วจะมีเหม่ยฟางอีกเช่นไร อย่าได้พูดเช่นนี้อีก ไม่มีผู้ใดแทนทีาเหม่ยฟางได้ จำไว้" จ้าวหย่งเจิ้งตบโต๊ะด้วยความไม่ชอบใจก่อนสะบัดชายเสื้อเดินจากไป เมื่อเห็นจ้าวหย่งเจิ้งจากไป อวี๋เหวินเต๋อถึงกัยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

"เฮ้อ~ รอดตัวไป แปลกจริง ใครกันนะที่ตะโกนออกมาเช่นนั้น

'พี่อวี๋ ได้ยินข้าไหม' เหม่ยฟางตรงเข่าประชิดตัวอวี๋เหวินเต๋ออย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าจ้าวหย่งเจิ้งเดินจากไปแล้ว มือบาง สะกิดเข้าที่ด้านหลังจนอวี๋เหวินเต๋อต้องหันไปมอง

"เจ้านักฆ่าหมื่นบุปผา" อวี๋เหวินเต๋อกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นนักฆ่าหมื่นบุปผาเข้าประชิดตน โดยไม่ทันตั้งตัว

'พี่อวี๋ นี่ข้าเอง' เหม่ยฟางส่งยิ้มด้วยความดีใจตื่นเต้นที่ตนสามารถคุยกับใครคนหนึ่งได้

"เจ้า เรียกข้างั้นหรือ" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยถามให้แน่ใจ

'อืม ข้าเรียกท่าน' เหม่ยฟางยังคงส่งยิ้มให้กับอวี๋เหวินเต๋อ

"เจ้าใช้กลอันใดถึงคุยโดยไม่เปิดปากได้" อวี๋เหวินเต๋อยัวคงสักถามต่อ เพื่อไขข้อข้องใจ

'ข้าไม่ได้ใช้กลอันใด แต่ท่านคือ ทาสรับใช้ของข้าถึงได้ยินในสิ่งที่ข้าพูด' เหม่ยฟางยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"ทาสรับใช้ คนอย่างข้าเนี่ยนะจะเป็นทาสรับใช้นักฆ่าอย่างเจ้า ไม่มีทางเสียหรอก" อวี๋เหวินเต๋อกล่าวด้วยความทนงตน แต่เขากับรู้สึกตงิดๆ กับคำว่าทาสรีบใช้เสียเหลือเกิน คล้ายกับมีผู้เคยบอกเขาเช่นนี้เหมือนกัน

'ใช่สิ ตอนนี้ท่านกลายเป็นทาสรักองค์ชายห้าไปแล้ว จะมาเป็นรับใช้ข้าได้อย่างไร' เหม่ยฟางกล่าวด้ยน้ำเสียงน้อยเหลือต่ำใจ

"เจ้าเป็นใครกันแน่" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย ท่าทางคำพูดจามันดูคุ้นตายิ่งนัก

'เหม่ยฟาง' คำตอบสั้นๆทำให้อวี๋เหวินเต๋อถึงกับพูดไม่ออก

"เจ้า...อย่าเอาคนตายมาล้อเล่นเช่นนี้"

'ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าพูดด้วยความจริงจัง' เหม่ยฟางจ้องมองอวี๋เหวินเต๋อด้วยสายตาจริงจัง

"จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรกัน เจ้าผู้มีใบหน้าเป็นนักฆ่าหมื่นบุปผาเช่นนี้" อวี๋เหวินเต๋อกล่าวด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

'เรื่องนั้นมันมีเหตุผล ซึ่งข้าไม่อาจอธิบายได้เช่นกัน' เหม่ยฟางตอบเสียงเบาเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มอํยาจากตรงไหนดี

"เจ้าบอกว่าเจ้าคือเหม่ยฟาง พิสูจน์สิ"

'พิสูจน์อย่างไร'

"บอกเรื่องที่เจ้ากับข้ารู้กันเพียงสองคน"

'ยอดผาถ่าหยุนซาน ท่านขอความรักจากข้า ในตอนที่ข้ากำลังเสียใจ ท่านบอกกับข้าว่าเป็นท่านได้ไหมที่จะแทนที่จ้าวหยางเจิ้ง' เหม่ยฟางเอ่ยขึ้นตามที่ตนคิดได้

"เดี๋ยวนะ...เจ้าไปฟังเรื่องนี้มาจากที่ใดกัน" อวี๋เหวินเต๋อยังไม่ปักใจเชื่อนักจึงเอ่ยถามเพื่อความกระจ่างแก่ตน

'ข้าคือเหม่ยฟาง ตอนเทศกาลตวงโหงว ข้าโดนพิษเหล้าจนกลายร่าง ก็เป็นท่านอีกนั่นแหละที่เห็นตัวตนของข้า แล้วก็...ระหว่างทางกลับจิ้นหยาง ข้ากลายร่างเป็นงูเขียวทั้งยัวกัดท่านเพื่อให้ท่านเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดในร่างงู แต่การกระทำนั้นเป็นการทำให้ท่านเป็นทาสของข้าอีกด้วย' เหม่ยฟางยังคงเล่ารื่องที่ตนประสบมากับอวี๋เหวินเต๋อ จนอีกฝ่ายต้องยกมือเป็นเชิงห้ามปราม

"พอเถอะ ข้าเข้าใจแล้ว นี่คงเป็นกรรมของข้าแน่ๆที่ต้องมาฟังเจ้าเล่าเรื่องน่าอายเช่นนี้" อวี๋เเหวินเต๋อถึงกับกุมขมับ นี่เขาทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นไปด้วยหรือเนี่ย

'พี่อวี๋ต้องช่วยข้านะ' เหม่ยฟางเข้าเกาะแขนอวี๋เหวินเต๋อทั้งยังเอียงศีรษะซบเข้าที่ไหล่ด้วยรอยยื้ม

สายสัมพันธ์ของเหม่ยฟางยังคงเชื่อมโยงหาใครหลายๆคนโดยเฉพาะโอรสมังกรน้อย ที่จดจำผู้เป็นมารดาได้แม้ไม่เคยเห็นหน้า สายสัมพันธ์ระหว่างอวี๋เหวินเต๋อนั้นคือการที่เขาเคยกัดอีกฝ่ายเพื่อให้อีกฝ่ายมาเป็นข้ารับใช้ และสายสัมพันธ์สุดท้ายของเหม่ยฟางจะเชื่อมไปถึงผู้เป็นที่รักมากที่สุดได้ไหมนะ 'จ้าวหย่งเจิ้ง ข้าจะทำให้เจ้าจำข้าให้ได้ ข้าสัญญา'....

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลานฟางได้เจอลูกับสามีแล้ว จะมีอุปสรรคอะไรมาอีกเปล่าเนี่ย  :z3: :z3:

ออฟไลน์ Vammas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤

ตอนที่ 34 เงาที่ซ้อนทับ

จ้าวหย่งเจิ้งนั่งมอง บุรุษผู้งดงามดั่งสตรีเพศ เล่นกับโอรสน้อยอย่างสนุกสนาน น่าแปลกที่จิตใจของเขากับลืมเลือนเรื่องของเหม่ยฟางไปชั่วขณะเมื่อได้อยู่กับบุรุษผู้นี้ ความรักที่เขามีต่อเหม่ยฟางไม่เคยลดลง แต่เมื่อบุรุษผู้นี้เข้ามาไม่นานเขากับลืมผู้เป็นที่รักได้อย่างสนิทใจ ไม่สิจะเรียกว่าลืมคงไม่ได้ มันคล้ายกับได้อยู่ด้วยอีกครั้งเสียมากกว่า เขารู้สึกมีความสุขอีกครั้ง เมื่อบุรุษผู้นี้อยู่ใกล้

จ้าวหย่งเจิ้งนั่งคิดอะไรต่อมิอะไรเพลินๆ สายตาของเขาก็พานไปเห็นอวี๋เหวินเต๋อ ที่เดินเข้ามาพร้อม ถาดขนมนมเนย อวี๋หวินเต๋อวางถาดขนมลงตรงหน้าโอรสน้อย ก่อนส่งบางอย่างให้กับบุรุษรูปงาม ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันจนผิดหูเป็นตาทั้งๆที่พบกันได้ไม่นานทั้งที่บุรุษรูปงามพูดเอ่ยวาจาไม่ได้ แต่ทำไมอวี๋เหวินเต๋อถึงทำเหมือนเข้าใจอีกฝ่าย ว่าต้องการอะไร

"พี่รอง" เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นด้านหลังของจ้าวหย่งเจิ้งที่กำลังสนใจภาพบุรุษสองคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด จ้าวหย่งเจิ้งหันกลับไปตามเสียงเรียก ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัด

"อ้าว น้องห้า มีอะไรถึงมาที่นี่ได้" จ้าวหย่งเจิ้งปรับอารมณ์เพื่อทักน้องชายของตน

"พี่รองใช้งานพี่อวี๋หนักหรือขอรับ ช่วงหลายวันมานี้เขาไม่มาหาน้องที่ตำหนักเลยสักครั้ง" จ้าวหย่งฟงพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดผู้เป็นพี่ชาย

"ข้าหรือจะกล้าใข้งานเขาหนัก กลัวแต่เขาจะอยากทำงานที่นี่จนไม่มีเวลาไปหาเจ้าเสียมากกว่า" จ้าวหย่งเจิ้งกล่าวด้วยความไม่พอใจ สายตาหันไปจับจ้องไปยังอวี๋เหวินเต๋อที่กำลังหยอกล้อกับนักฆ่าหมื่นบุปผา

"พี่รอง หมายความว่าอย่างไร" จ้าวหย่งฟงเอ่ยถาม ด้วยความสงสัย จึงมองตามสายตาของผู้เป็นพี่ชายไปจึงพบบุรุษที่ถามถึงอยู่กับบุรุษรูปงามซึ่งดูสนิทสนมเสียจนเขารู้สึกแย่

"อย่างที่เจ้าเห็น" จ้าวหย่งเจิ้งกล่าวโดยไม่พูดอธิบายสิ่งใดเพิ่มเติม

"บุรุษผู้นั้นเป็นใคร" จ้าวหย่งฟงเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ เมื่อเห็นท่าทีที่อวี๋เหวินเต๋อมีให้บุรุษผู้นั้น ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปลี่ยนใจหรือไม่

"แค่นักฆ่าที่คิดบอบสังหารข้า" จ้าวหย่งเจิ้งตอบอย่างไม่ใส่ใจ ว่าอีกฝ่ายคือบุคคลอันตรายแค่ไหน

"อะไรนะ พะ พี่รอง ท่านปล่อยให้บุตรของท่านอยู่กับนักฆ่าได้อย่างไร" จ้าวหย่งฟงเบิกตากว้าง เมื่อทราบว่าผู้ที่เลี้ยงองค์ชายน้อยเป็นนักฆ่า

"ข้าถึงให้อวี๋เหวินเต๋อมาช่วยดูแลอย่างไรล่ะ" จ้าวหย่งเจิ้งตอบแต่สีหน้ากับตึงเครียดเมื่อมองอวี๋เหวินเต๋อกับบุรุษอีกคน

"เป็นอย่างนี้นี่เอง ว่าแต่พี่รองมีเรื่องอะไรให้ท่านไม่สบายใจหรือไม่" จ้าวหย่งฟงสังเกตุสีหน้าที่ดูตึงเครียดกว่าปกติจึงเอ่ยถามขึ้น

"ไม่มีอะไร เจ้ามาหาอวี๋เหวินเต๋อก็ไปเถอะ" จ้าวหย่งเจิ้งโบกมือไล่น้องชายให้ไปหาอวี๋เหวินเต๋อ

"ขอรับ" จ้าวหย่งฟงถอยห่างก่อนเดินเข้าไปหาอวี๋เหวินเต๋อ "พี่อวี๋" จ้าวหย่งฟงเอ่ยเรียกด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความกังวล

"อ้าว องค์ชายห้าท่านมาที่นี่ได้อย่างไร" อวี๋เหวินเต๋อยังยิ้มให้จ้าวหย่งฟงเช่นเคย เขาดีใจที่ได้เห็นองค์ชายจ้าวหย่งฟง

ปึก!

เสียงกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้างทำให้อวี๋เหวินเต๋อถึงกับขมวดคิ้วหันมองเหม่ยฟาง

'หยุดยิ้มเลยนะ เห็นแล้วหมั่นไส้' เหม่ยฟางที่สามารถคุยกับอวี๋เหวินเต๋อที่ได้ยินเพียงคนเดียวแซวขึ้นด้วยสีหน้าแววตา

"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า" อวี๋เหวินเต๋อผลักศีรษะเหม่ยฟางเบาๆหนึ่ง เป็นภาพที่ทำให้รู้ว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมากแค่ไหน

"พวกท่านดูสนิทสนมกันจัง" จ้าวหย่งฟงกล่าวยิ้มๆ แต่ในใจกับรู้สึกขมขื่นแปลกๆ

"พวกเราเป็นเพื่อนพี่น้องกัน" อวี๋เหวินเต๋อกล่าวยิ้มไม่ทันได้สังเกตุอาการผิดปกติของจ้าวหย่งฟง

"พี่น้อง พวกเจ้าเพิ่งเจอกันไม่นาน ใยเชื่อใจคบกันเป็นพี่น้องไวเช่นนี้" เป็นเสียงของจ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยขึ้น

"ที่ข้าน้อยกล่าวมาล้วนเป็นเรื่องจริง" อวี๋เหวินเต๋อเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อได้ยินคำเสมือนไม่ใจกันจากผู้เป็นนาย

'พี่อวี๋ ข้าว่าพวกเขากำลังเข้าใจเราผิด'  เหม่ยฟางดึงชายเสื้ออีกฝ่ายเพื่อพูดในสิ่งทึ่ตนคิดกับอวี๋เหวินเต๋อ

"ข้าก็คิดเช่นนั้น" อวี๋เหวินเต๋อหันไปพูดกับเหม่ยฟาง

"เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามเมื่อได้ยินสิ่งที่อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยออกมา

"ข้าน้อยเพียงคิดว่า ฝ่าบาทกับองค์ชายห้ากำลังทรงเข้าใจข้าน้อยกับเหม่ยฟางผิด" เพียงอวี๋เหวินเต๋อเอ่ยชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาทำให้จ้าวหย่งเจิ้งกับจ้าวหย่งฟงถึงกับชะงัก

"เมื่อครู่เจ้าเรียกคนผู้นี้ว่าอะไรนะ" จ้าวหย่งเจิ้งเค้นเสียงถามอย่างไม่พอใจ

"เหม่ยฟางขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อตอบตามความจริง หันหน้าไปยังผู้ที่อยู่ข้างๆ

ปึก!

เหม่ยฟางถึงกับกระแทกศอกแรงๆใส่สีข้างอวี๋เหวินเต๋อแรงๆ ทั้งยังถลึงตาใส่ด้วยความไม่ชอบใจ จนอวี๋เหวินเต๋อเกิดอาการงง

'ใครใช้ให้ท่านเรียกข้าว่าเหม่ยฟาง ตอนนี้ข้าชื่อ ฟาง ฟาง เฉยๆ' เหม่ยฟางโวยวาย ใส่อวี๋เหวินเต๋อ

"อ๊ะ! เจ้าไม่ได้บอกไปหรือ" อวี๋เหวินเต๋อหันไปถามเหม่ยฟางให้หายสงสัย

"เจ้าคุยกับใคร ข้าคุยกับเจ้าอยู่นะองครักษ์อวี๋" สรรพนามการถูกเรียกชื่อเปลี่ยนไปทำให้อวี๋เหวินเต๋อรู้สึกถึงบรรยากาศที่ชวนอึดอัด

"เปล่าขอรับฝ่าบาท" อวี๋เหวืนเต๋อก้มหน้าลงยอมรับชะตากรรม

"ทำไมถึงเรียกบุรุษผู้นี้ว่า เหม่ยฟาง" จ้าวหย่งเจิ้งขึ้นเสียงอีกครั้ง

"เพราะ บุรุษผู้นี้มีท่าทางคล้ายฮองเฮาขอรับ ข้าน้อยจึงเผลอเรียก" อวี๋เหวินเต๋อยังคงก้มหน้าตอบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นนาย

"บังอาจ เจ้าดูดีๆสิบุรุษผู้นี้เทียบความงามของเหม่ยฟางไม่ได้เลยสักนิดแล้วจะเหมือนกันได้อย่างไร" จ้าวหย่งเจิ้งคว้าข้อมือเหม่ยฟางให้มาอยู่ใกล้ๆตน ก่อนใช้มือที่ข้อมือเปบี่ยนมาบีบปลายคางอีกฝ่าย

'อ๊ะ!...โอ๊ย!' ความเจ็บแล่นผ่านปลาคางจนเหม่ยฟางถึงกับร้องออกมา แม้ไม่มีเสียงก็ตาม

"ฝ่าบาทอย่าทำรุนแรงกับเหม่ย เอ้ย กับฟางเลยขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อร้องห้ามด้วยความเป็นห่วงเหม่ยฟาง การกระทำของอวี๋เหวินเต๋ออยู่ในสายของของจ้าวหย่งฟงตลอดเวลา โดยไม่มีใครนึกเลยว่าจ้าวหย่งฟงรู่สึกเช่นไรในขณะนี้

"พี่รอง ข้าขอตัวกลับก่อนนะ"  จ้าวหย่งฟงเอ่ยเสียงเบาเดินออกจากตำหนักด้วยอารมณ์หลากหลาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าวี๋เหวินเต๋อนั้นเดินตามหลังมาด้วย

"มีใครอยู่แถวนี้บ้าง เข้ามาพาองค์ชายฟาหลงไปพักผ่อน" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยเสียงดังเรียกคนที่อยู่นอก

"พวกข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ/เจ้าค่ะ" เหล่าพี่เลี้ยงด้านนอกต่างพากันเข้ามาอย่างลนลาน

"พาองค์ชายฟาหลงไปพักผ่อน" จ้าวหย่งเจิ้งกล่าวย้ำอีกครั้ง พวกพี่เลี้ยงรับคำรีบพาฟาหลงน้อยออกไปจากสวนทันที แม้ฟาหลงน้อยจะขัดขืนอยู่อยู่บ้างแต่ก็ม่อาจขัดแรงของผู้ที่โตกว่าได้ เหม่ยฟางทำท่าจะตามไปแต่กับถูกคว้าข้อมือไว้แน่น

"เดี๋ยว....ใครให้เจ้าไป ข้ามีเรื่องคุยกัยเจ้า" จ้าวหย่งเจิ้งกล่าวเสียงเย็น

'มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้' เหม่ยฟางหยิบพู่กันกับกระดาษออกมาจากเสื้อเพื่อเขียนคำถามส่งให้จ้าวหย่งเจิ้ง

"เจ้าเป็นอะไรกับอวี๋เหวินเต๋อ รู้หรือไม่ว่าอวี๋เหวินเต๋อเป็นคนรักของน้องห้า"

'อืม...รู้' เหม่ยหางพยักหน้ารัวๆ เพื่อบอกว่าตนนั้นรู้ดี

"ดี อย่าเข้าใกล้สนิทสนมกับอีกฝ่ายให้มากนัก หากข้ารู้ว่าเจ้าคิดยั่วยวนอวี๋เหวินเต๋ออีก อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" ว่าจบจ้าวหย่งเจิ้งก็สะบัดชายเสื้อแล้วจากไปปล่อยให้เหม่ยฟางงงว่าตนไปยั่วยวนอวี๋เหวินเต๋อเมื่อไหร่กัน

ตกดึก ยามวิกาล อวี๋เหวินเต๋อแอบย่องเข้าหาเหม่ยฟางโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"เหม่ยฟาง เหม่ยฟาง" อวี๋หวินเต๋อเคาะประตูเรียกอีกฝ่ายอยู่หลายรอบ

'นั่นใคร' เสียงด้านในตอบกลับมาด้วยความงัวเงีย

"ข้าเอง อวี๋เหวืนเต๋อ เจ้าออกไปกับข้าที่หนึ่งสิ" อวี๋เหวินเต๋อรอเหม่ยฟางเปิดประตูออกมา

แอ๊ด...

'จะพาข้าไปไหน'

"ไม่ต้องถามตามมาก็พอ" ไม่พูดเปล่าอวี๋เหวินเต๋อก็อุ้มร่างบางของเหม่ยฟางขึ้นแล้วใช้วิชาตัวเบาสะกิดเท้าขึ้นหลังคา ตรงไปยังตำหนักขององค์ชายห้าจ้าวหย่งฟง

'พาข้ามาทำไมที่นี่' เหม่ยฟางเอ่ยถามเมื่อถูกพามายังตำหนักขององค์ชายห้า

"มาเถอะ ข้าแค่อยากให้เจ้ามีคนช่วยอีกแรง"

'คนช่วย?'

"ใช่ ข้าเลยบอกความจริงเรื่องของเจ้ากับองค์ชายห้า" อวี๋เหวินเต๋อยิ้มแหยๆ ก่อนเบนสายตาไปทางอื่น

'มีอะไรบอกข้ามานะ' เหม่ยฟางมองด้วยสายตาจับผิด

"คือ...ตอนที่องค์ชายห้าไปเจอเจ้ากับข้า แล้วเกิดเข้าใจผิด ข้าก็เลย...."

'บอกความจริง'

"อืม ไปเถอะเข้ามาด้านใน องค์ชายห้ารออยู่" อสี๋เหสินเต๋อเร่งให้เหม่ยฟางเข้าไปด้านใน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"องค์ชายข้าน้อยพามาแล้วขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อจับข้อมือของเหม่ยฟางแน่น ก่อนเคาะประตูเพื่อให้คนด้านในมาเปิด

แอ๊ดดด

ประตูเปิดกว้าง ต้อนรับเหม่ยฟางกับอวี๋เหวินเต๋อให้เข้าไปด้านใน

"เข้ามาสิ" ใบหน้าเรียบเฉยของจ้าวหย่งฟงทำให้เหม่ยฟางมองแล้วรู้สึกประหลาด มีบางอย่างที่เขาคิดว่ามันไม่ใช่

'พี่อวี๋เจ้าแน่ใจนะว่าองค์ชายห้าเชื่อที่เจ้าพูด ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้องนะ' เหม่ยฟางเอ่ยถามออกไปตรงๆ เพราะมีอวี๋เหวินเต๋อเท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

"คิดมากไปแล้วไม่มีอะไรหรอก องค์ชายห้าต้องเชื่อใจข้าสิ" อวี๋เหวินเต๋อกระซิบบอกแก่เหม่ยฟาง

"พวกเจ้าดูสนิทสนมกันดีนะ" จ้าวหย่งฟงเอ่ยทักสีหน้าแววตาบ่งบอกความรู้สึกที่ไม่ยินดียินร้ายเสียเท่าไหร่ เหม่ยฟางจึงหยิบกระดาษกับพู่กันบนโต๊ะมาเขียนอย่างถือวิสาสะแล้วส่งให้จ้าวหย่งฟงอ่าน

'เชื่อในสิ่งที่เล่าหรือไม่ หากไม่เชื่อ ข้าขอตัว' เมื่อจ้าวหย่งฟงเงยหน้ามองอย่างนึกสงสัยในข้อความ เหม่ยฟางก็หมุนตัวเตรียมจะกลับ

"คือว่า..." จ้าวหย่งฟง เอ่ยขึ้นแล้วชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเหม่ยฟางหันกลับมา "ข้า...ไม่รู้ว่าจะเชื่อในสิ่งที่บอกเล่าได้ไหม มันอยู่เป็นเรื่องที่ข้าไม่สามารถบอกได้ แต่ หากเจ้ามาเพราะพี่รอง เอ่อ...ไม่เกี่ยวกับพี่อวี๋...ข้า...จะช่วย...แต่พอเห็นพวกท่านสนิทสนมกันแบบนี้ข้าอดรู้สึก...ไม่ได้" จ้าวหย่งฟงก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกว่าตนชั่งทำตนงี่เง่ายิ่งหนัก

"ข้าชอบท่านนะ องค์ชายห้า ไม่สิ น้องฟง จริงอยู่ที่ข้าเคยมีใจให้เหม่ยฟาง แต่ตอนนี้ใจข้ามีแต่ท่านเท่านั้น ข้าอยากให้ท่านเชื่อใจข้า" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยวาจาเพื่อให้จ้าวหย่งฟง เบาใจ

"พี่อวี๋" จ้าวหย่งฟงเดินเข้าไปตรงหน้าอวี๋เหวินเต๋อแล้วสวมกอดอีกฝ่าย

"อย่าคิดมากนะขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อกล่าวเสียงทุ้มนุ่มฟังสบายกอดกระชับอีกฝ่ายไว้เช่นกัน

'บอกรักกันพอแล้วใช่ไหม หรือคิดจะสานต่อ เช่นนั้นข้าขอตัว' เหม่ยฟางเอ่ยทักอวี๋เหวินเต๋อที่กำลังจะก้มหน้าไปจูบจ้าวหย่งฟง

"อ่า...ข้าขออภัยข้าลืมไปว่าเจ้ายังอยู่" อวี๋เหวินเต๋อเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะแห้งกับเหม่ยฟาง

'ตามสบาย ข้าขอตัว' ว่าจบเหม่ยฟางเตรียมหันตัวกลับเดินออกจากประตู

"เดี๋ยวสิ อย่าน้อยใจไป กลับมานั่งคุยเรื่องสำคัญกันเถอะ"   ไม่พูดเปล่าอวี๋เหวินเต๋อยังดึงเหม่ยฟางให้มานั่งที่เก้าอี้ เพื่อคุยเรื่องที่จะทำให้จ้าวหย่งเจิ้งจำเหม่ยฟางให้ได้

"ฟาง ข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าเสียเวลา" จ้าวหย่งฟงเอ่ยขอโทษ ทั้งใบหน้ายังคงแดงเรื่อด้วยความเขินอายที่ทำเรื่องเช่นนั้นต่อหน้าคนอื่น

'ช่างเถอะ' เหม่ยฟางโบกมือไปมาเป็นบอกว่าไม่เป็นไร

"แล้วจะทำเช่นให้ให้ฝ่าบาทจำเจ้าได้" อวี๋เหวินเต๋อเปิดประเด็นขึ้นมา ทั้งเหม่ยฟาง ทั้งจ้าวหย่งฟงต่างนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด

"พวกเจ้าคิดไม่ออกข้าคิดให้ก็ได้นะ" เสียงชายแก่เอ่ยขึ้นกลางความเงียบ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตาเฒ่าเอี๊ย

"เจ้า...เป็นใครเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่" อวี๋เหวินเต๋อจับดาบที่ข้างเอวขึ้นมาจ่อหน้าตาเฒ่าเอี๊ย ตาเฒ่าเอี๊ยจึงได่แต่ดันปลายดาบไปทางอื่น

"อย่าใจร้อนไปสิ นั่งๆ ข้าจะมาบอกความคิดของข้าให้พวกเจ้าฟัง" ชายแก่นั่งลงแทรกกลางระหว่างเหม่ยฟางกับอวี๋เหวินเต๋อ แม้ปลายดาบของอวี๋เหวินเต๋อยังคงจ่ออยู่ที่หน้าก็ตาม

'เจ้ามีอะไรก็พูดมาตาเฒ่า' เหม่ยฟางเอ่นเสียงติดหงุดหงิด คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป ไร้ประโยชน์สิ้นดี

"เจ้าคิดว่าข้าไร้ประโยชน์สินะ แต่ข้ามีข่าวดีมาบอกเจ้านะเหม่ยฟาง" ตาเฒ่าเอี๊ยเอ่ยยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี

"เหม่ยฟางเจ้ารู้จักตาแก่นี่ด้วยหรือ" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยถามเหม่ยฟางให้แน่ใจ เมื่อเห็นเหม่ยฟางพยักหน้าเขาจึงเก็บดาบเข้าที่ตามเดิม

"ที่ท่านบอกว่า มีวิธี จริงหรือไม่" จ้าวหยางฟงเอ่ยถามแทนคนอื่น

"จริงสิ เพียงอาบแสง
จันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น ร่างเก่าเจ้าจะค่อยๆคืนกลับมา เมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์ บรรยากาศดีใช่ไหม ช่วงที่เจ้ากำลังอาบแสงจันทร์ พวกเจ้าต้องหาทางให้คนผู้นั้นมาเห็นให้ได้" ตาเฒ่าเอี๊ยอธิยาย

'ทำไมเพิ่งบอก' เหม่ยฟางเอ่ยถามด้วยความข้องใจ

"ข้าลืม" ตาเฒ่าเอี๊ยเอ่ยยิ้มๆอย่างไม่สำนึกผิด

ปัง!!!

'ลืม...เรื่องสำคัญเช่นนี้ เจ้ากลับลืมเนี่ยนะ' เหม่ยฟางตบโต๊ะด้วยความโมโห

"เถอะน่ายังไงข้าก็บอกเจ้าแล้ว วันมะรืนเป็นคืนที่พระจันทร์ ขอให้เจ้าทำสำเร็จแล้วกัน ข้าไปล่ะ" ว่าจบตาเฒ่าเอี๊ยก็หายตัวไปดั่งสายลม ทำให้อวี๋เหวินเต๋อกับจ้าวหย่งฟงต่างพากันตกใจ

"ฟางอย่าโมโหไปเลยอย่างไรเสียเราก็รู้แล้วว่าต้องทำเช่นไร ให้เจ้าคืนร่างเดิม แม้ข้าจะรู้สึกสับสนอยู่บ้างแต่ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่" จ้าวหย่งฟงเอ่ยปลอบเหม่ยฟางที่กำลังโมโหให้ใจเย็นลง

'พี่อวี๋พาข้ากลับ ข้าอยากพักผ่อน' เหม่ยฟางเอ่ยบอกอสี๋เหวินเต๋อก่อน โบกมือลาให้กับจ้าวหย่งฟงด้วยรอยยิ้มอ่อน

"ข้าไปส่งเหม่ยฟางก่อนนะ แล้วข้าจะกลับมาหาท่าน" อวี๋เหวินเต๋อกบ่าวก่อนอุ้มเหม่ยฟางขึ้นแล้วกระโดดออกจาคกตำหนักเพียงสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย

'พี่อวี๋ ข้ามีบางอย่างจะบอกท่าน' เหม่ยฟางเอ่ยขึ้นขณะอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋เหวินเต๋อ

'ไม่จำเป็นต้องอุ้มข้าในท่าเจ้าหญิงแบบนี้ก็ได้นะ ข้ารู้สึกแปลกๆ อีกอย่างข้าเองก็มีวิชาตัวเบา' เหม่ยฟางเอ่ยก่อนมองใบหน้าอีกฝ่าย

"ห๊ะ! แล้วทำไมไม่บอกข้าแต่แรก" อวี๋เหวินเต๋อชะงักค้างรู้สึกตนเองเหมือนถูกหลอกใช้

'แล้วท่านให้โอกาสข้าได้พูดหรือไม่ เอะอะ ก็อุ้มข้า ไม่ให้ข้าได้พูดอะไรเลย' เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี๋เหวินเต๋อถึงกับยิ้มออกมา

"นั่นสินะ"

'ยังจะยิ้มอีก ปล่อยข้าตรงนี้เถอะ ท่านเองก็กลับไปหาองค์ชายห้าได้แล้ว' เหม่ยฟางบอกอวี๋เหวินเต๋อให้บ่อยตนลงที่สวนเพื่อให้อวี๋เหวินเต๋อไปสานสัมพนธ์กับจ้าวหย่งฟงต่อ

"เดินกลับห้องดีๆ อย่าแวะที่ไหนล่ะ" อวี๋เหวินเต๋อปล่อยเหม่ยฟางลงที่สวน ทั้งยังพูดจาหยอกล้ออีกฝ่ายก่อนกระโดดข้ามกำแพงหายไป

ช่วงกลางดึกจ้าวหย่งเจิ้งได้ยินเสียงเหมือนมีผู้บุกรุกจึงเดินสำรวจรอบๆตำหนัก ก็พบเข้ากับอวี๋เหวินเต๋อกำบังเดินไปยังห้องของบุรุษนักฆ่า เขาจึงแอบตามไป เห็นอวี๋เหวินเต๋ออุ้มร่างบางของบุรุษนักฆ่าหายไปในความมืด ไม่สามารถติดตามไปได้จึงดักรอที่สวนอยู่หลายชั่วยาม อวี๋เหวินเต๋อก็พาบุรุษนักฆ่ากลับมา เขารู้สึกเหมือนเห็นบุรุษนักฆ่ามีเงาของเหม่ยฟางซ่อนทับอีกฝ่ายอย่างน่าแปลก

'ความรู้สึกอึดอัดในอกนี่มันอะไรกัน บุรุษนักฆ่าผู้นั้นไม่มีวันเป็นเหม่ยฟางไปได้หรอก ข้าควรทำเช่นไรดี' ในใจของจ้าวหย่งเจิ้งเกิดอาการต่อต้านกับสิ่งที่ตนคิด เขาควรเชื่อสิ่งไหนกันแน่นะ....

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เจิ้งซื่อบื้อ!!

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เชื่อเถอะ เชื่อไหวก็ไม่เสียหลาย  :m5:

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Vammas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤

ตอนที่ 35 เสียใจ

จ้าวหย่งเจิ้งที่แอบมองนักฆ่าหมื่นบุปผาที่ถูกอวี๋เหวินเต๋อ อุ้มกระโดดลงจากหลังคาด้วยสายตาขุ่นเคือง เขาไม่แน่ใจเลยว่าบุรุษสองคนนี้เป็นอะไรกันแน่ เมื่อเห็นอวี๋เหวินเต๋อจากไป จ้าวหย่งเจิ้งจึงเดินออกจากที่ซ่อน

"ไปไหนมา" เสียงเอ่ยถามด้วยสีหน้าแววตาถมึงทึงของจ้าวหย่งเจิ้งทำให้เหม่ยฟางสะดุ้งตกใจหันไปมองจนเผลอก้าวถอยหลังตามสัญชาตญานเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก่อนส่ายหน้าไปมาไม่ยอมเข้าใกล้ "จะหนีไปไหน" มือหนาคว้าแขนของเหม่ยฟาง กำรอบแขนแน่นจนเกิดรอยแดง

'อ๊ะ!...โอ๊ยยยย' ใบหน้าของเหม่ยฟางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ เพราะมือหนานั้นทั้งดึงรั้งบีบแน่นจนไม่สามารถสลัดให้หลุด

"เจ็บงั้นหรือ นี่คือโทษทัณฑ์ของผู้ที่คิดแย่งของผู้อื่น ตามข้ามาเดี๋ยวนี้" ว่าจบจ้าวหย่งเจิ้งยังฉุดกระชากลากถูเหม่ยฟางให้ตามไปอย่างไม่อาจขัดขืนได้

พลั่ก!!!

จ้าวหย่งผลักร่างผอมบางของอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง ห้องหนึ่งที่ค่อยข้างโปร่งโล่งสว่าง ไม่ใช่ห้องที่ดูน่ากลัวอะไร

"อยู่ในนี้อย่าคิดหนี" จ้าวหย่งเจิ้งชี้หน้าคาดโทษ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามจะลุกหนีออกจากห้อง เหม่ยฟางได้แต่มองใบหน้าของอีกฝ่ายเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ต้อง ก้มหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย อย่างรู้สึกผิดหวัง

'ทำไม ถึงเป็นเช่นนี้' เหม่ยฟางได้แต่บ่นกับตนเองในใจ แม้อยากพูดอะไรมากมายแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้อย่างใจคิด

"หากคิดหนี ข้าจะล่ามเจ้าด้วยสิ่งนี้" จ้าวหย่งเจิ้งชูโซ่ตรวนขึ้น ก่อนโยนมาตรงหน้าอีกฝ่าย

เคร้ง แกรก แกรก เคร้ง เสียงโซ่ตรวนกระทบพื้นจนเกิดเสียงดัง เหม่ยฟางถึงกับหน้าซีด ไม่คิดว่าจ้าวหย่งเจิ้งจะเปลี่ยนไปเช่นนี้ ทำไมถึงมีของพวกนี้อยู่ในห้องได้

'นี่มัน อะไรกัน' สีหน้าแววตาชวนฉงนของเหม่ยฟางทำให้จ้าวหย่งเจิ้งรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร

"เจ้าทำให้ข้าหงุดหงิด ยิ่งมองเจ้า ยิ่งทำให้ข้านึกถึงใครบางคน" จ้าวหย่งเจิ้งระบายความรู้สึกหงุดหงิดออกมาทั้งสีหน้า น้ำเสียง แววตา

'ข้า....' เหม่ยฟางชี้นิ้วเข้าหาตนเอง แม้จะรู้สึกโกรธอีกฝ่ายอยู่บ้างแต่พอได้ยินคำพูดที่ระบายออกมากับทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกบางอย่างกับตน รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหม่ยฟางโดยไม่ได้ตั้งใจ

"เจ้า ยิ้มอะไร หากเจ้าอยู่ที่นี่ข้าคงไม่ต้องปวดหัวเรื่องของเจ้าอีก ข้าคงไม่หงุดหงิด ข้าคงไม่กังวลว่าจะมีใครมายุ่งวุ่นวายกับเจ้า" จ้าวหย่งเจิ้งยังคงระบายความรู้สึกของตนให้เหม่ยฟางฟังเรื่อยๆ เหม่ยฟางได้แต่อมยิ้มกับความรู้สึกของอีกฝ่าย จนได้ยินคำพูดหนึ่งอกมาจากปากจ้าวหย่งเจิ้ง

"หากเจ้าพูดกับข้าได้คงจะดีไม่น้อย" คำพูดเหมือนดั่งคำประกาศิต เกิดความรู้สึกร้อนเย็นวูบวาบในลำคอของเหม่ยฟาง เหม่ยฟางรู้สึกได้ว่าตนสามารถเอ่ยวาจาใดๆออกมาได้ตามต้องการ

'จะ จะ จะ เจิง จะ เจิ่ง เจิ้ง" คำแรกที่อยากพูดคือชื่อของคนที่ตนรัก ซึ่งกว่าจะออกมาได้แต่ละคำ ช่างเหมือนกับเด็กกำลังหัดพูดอย่างไรอย่างนั้น

"เมื่อกี้เจ้าพูดชื่อข้าหรือ เจ้าพูดได้งั้นหรือ" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาเคยให้หมอหลวงมาดูอาการเพื่อรักษาแต่ไม่สำเร็จ แต่นี่...จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น น่าแปลกยิ่งนัก

"ขะ ขะ ข้า พะ พะ พูด ดะ ดะ ได้" เหม่ยฟางถึงกับหลั่งน้ำตา ตนไม่คิดเลยว่าจะพูดได้ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่

"ทำไมเจ้าถึงพูดได้" จ้าวหย่งเจิ้งทั้งตื่นเต้นทั้งตกใจจับไหล่เหม่ยฟางแน่นเพื่อถามความจริง

"ขะ ขะ ข้า มะ มะ ไม่รู้" เหม่ยฟางส่ายศีรษะไปมา ตอบกลับไปในทันทีเพราะตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน

"จะไม่รู้ได้อย่างไร หรือที่เจ้าคือการเสแสร้ง" ไหล่ทั้งสองข้างถูกมือหนาทั้งบีบทั้งเขย่าอย่างไม่ปราณี

"จะ เจ็บ ฮึก ฮึก" ร่างบางๆสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เจาไม่เคยเห็นจ้าวหย่งเจิ้งเป็นเช่นนี้มาก่อน

"เจ็บก็บอกมาสิ ไอ้อาการเป็นใบ้ของเจ้า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง" สีหน้าแววตาของจ้าวหย่งเจิ้งดูข่มขู่คุกคามเหม่ยฟางไม่น้อย

"มะ ไม่ ได้ กะ โก หก" เหม่ยฟางค่ยๆเปล่งเสียงอย่างเด็กหัดพูดออกมาอย่างยากลำบากพยายามชี้แจงให้รู้ว่าเขาไม่ได้หลอกลวงอีกฝ่าย

"เจ้ารู้ไหมข้าเกลียดสิ่งใดที่สุด" จ้าวหย่งเจิ้งที่ยังคงจับไหล่ของอีกฝ่ายเอ่ยถาม

"กะ โกหก" เหม่ยฟางรู้ว่า แต่ไหนแต่ไรจ้าวหย่งเจิ้งเกลียดการโกหกมากที่สุด โดยเฉพาะการโกหกจากคนที่ไว้ใจที่สุด

"ใช่ และเจ้ากำลังทำสิ่งนั้น" ว่าจบก็ผลักร่างของเหม่ยฟางล้มลงไปกับพื้น ศรีษะกระแทกเข้ากับมุมโต๊ะ จนแตก เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผล ในช่วงขณะนั้นเอง ร่างบางที่นั่งนิ่ง มีหยดน้ำตาไหลอาบหน้า เลือดสีแดงสดไหลหยดลงพื้นผสมปนเปรวมกับน้ำตา จนจ้าวหย่งเจิ้งต้องถอยหลัง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้กฝ่ายเจ็บจนเลือดตกยางออก

"จะ เจิ้ง เจ้าไม่รู้อะไรเลย เจ้าจำข้าไม่ได้แม้แต่น้อย เจ้ายังรักข้าอยู่จริงหรือ เจ้า...จะต้องให้ข้าเสียน้ำตาสักกี่ครั้งกัน" ร่างบางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ที่ทำร้ายตน พร้อมกับพูดต่อว่าอีกฝ่าย เพียงครู่หนึ่งใบหน้าของคนร่างบางกลับฉายเงาของคนรักขึ้นมาอย่างชัดเจน

"ฟาง" เสียงเอ่ยแผ่วเบา ดวงตาที่ประกายอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงครู่เดียว แววตานั้นกับแปรเปลี่ยนเป็นดุดันยิ่งกว่าเคย "ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่ฟาง" ว่าจบจ้าวหย่งเจิ้งก็สบัดชายเสื้อออกจากห้องด้วยความโมโห เหม่ยฟางยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน จนเสียงหนึ่งดังขึ้น

"โฮ่ๆ ดีใจกับเจ้าด้วยที่สามารถพูดได้ ในที่สุดบุรุษผู้นั้นก็ยอมเอ่ยปากให้เจ้าพูดได้ออกมา" สีหน้ายิ้มแย้มของตาเฒ่าเอี๊ยยังคงเต็มไปด้วยความดีใจ

"ทะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับข้าแต่แรก" เสียงพูดเศร้าของเหม่ยฟางทำให้ตาเฒ่าเอี๊ยยังนึกแปลกใจ

"ก็ข้าอยากทำให้เจ้าแปลกใจอย่างไรล่ะ อย่างที่โลกเก่าเรียกอะไร เซอ เซอร์ไพรส์ สินะ" ตาเฒ่าเอี๊ยตอบด้วยยิ้ม โดยไม่สังเกตุท่าทีของเหม่ยฟาง

"ออกไป" เหม่ยฟางเอ่ยปากไล่ตาเฒ่าเอี๊ย โดยไม่มองหน้าแม้แต่น้อย

"เจ้า ไล่ข้าหรือ แต่ข้ามาที่นี่เพื่อรักษาบาดแผลให้เจ้านะ"  ตาเฒ่าเอี๊ยเอ่ยทักท้วง

"ได้โปรด ข้าอยากอยู่คนเดียว" เหม่ยฟางยังคงเอ่ยเสียงเบา เขารู้สึกเหมือนพลังชีวิตกำลังถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น

ตะวันคล้อยตัวลงจนลับขอบฟ้า เหม่ยฟางยังคงนั่งนิ่ง ไม่ขยับไปไหน เลือดสีแดงสดแห้งกรังติดกับพื้น อาหารที่ถูกยกมายังคงเท่าเดิม ไม่ลดไม่เพิ่ม แสงจันทร์นวลลอยเด่นขึ้นฉายเข้าที่ร่างบาง ปรากฏภาพทับซ้อนของคนสองคน หากแสงจันทร์ถูกเงาเมฆบดบังเงาทึ่ซ่อนทับนั้นจักหายไป เป็นเช่นนี้อยู่หลายคืน จนไม่มีใครกล้าย่างกายเข้ามาเพื่อสอดรู้สอดเห็น

ฝ่ายจ้าวหย่งเจิ้ง ผู้ที่สั่งกักตัวเหม่ยฟางไว้เริ่มกระวนกระวายใจ จิตใจสับสน อลม่าน จนน่าปวดหัว ใจหนึ่งอยากไปเพื่อแสดงความห่วงใย แต่อีกใจกลับค้านหัวชนฝา ว่าไม่มีใครมาแทนที่เหม่ยฟาง คนที่ตนรักได้อีก แต่จืตใจตอนนี้ของเขาสิ มันช่างขัดแย้งจนเขาทำอะไรไม่ถูก

"ฝ่าบาทเป็นอะไรไปขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยถาม เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินวนไปวนมาอยู่หลายสิบรอบ

"ข้า...." จ้าวหย่งเจิ้งอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบเช่นไรดี

"ห่วง ก็ไปหาสิขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อบอกตามสิ่งที่ตนคิด

"ใคร ข้าหรือที่ห่วง ไม่มีทางเสียหรอก" นายผู้ปากแข็งเอ่ยเสียงตืดหงุดหงิดจนอวี๋เหวินเต๋อต้องส่ายศีรษะให้กับเจ้านายหัวดื้อ

"ขอรับ ขอรับ ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง แต่...ฟางไม่ได้ทานอาหารว่าหลายวันแล้วนะขอรับ ทั้งบาดแผลที่ศีรษะ ก็ไม่รับการรักษา แบบนี้ ต้องอักเสบเป็นแน่" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยกระตุ้นความรู้สึกของจ้าวหย่งเจิ้งก่อนเดินหนีไป

"ช่างสิใครสนกัน คนอย่างข้า ทำไมต้องใส่ใจผู้อื่น" แม้ปากจะพูดเช่นนั้นแต่ภายในใจกับร้อนเหมือนไฟลน "บ้าจริง" สิ้นคำจ้าวหย่งเจิ้งรีบเดินไปยึงห้องที่ตนกักบริเวณคนตัวบางเอาไว้

จ้าวหย่งเจิ้งยืนอยู่หน้าประตูห้องที่เงียบกริบ มีเสียงสะอื้นไห้แผ่วเบา เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ใจเขารู้สึกหล่นวูบเหมือนกำลังถูกดึงลงที่ที่ต่ำที่สุด คนตัวบางยังนั่งนิ่งมีเสียงสะอื้นอยู่ระยะระยะ แม้แผ่วเบาแต่เขาสามารถได้ยินชัดเจน เสียงยังคงก้องสะท้อนในโสตประสาทไม่หายไปไหน

"นี่เจ้า เจ้า..." จ้าวหย่งเจิ้งใช้มือสะกิดคนตัวบางเล็กน้อย แต่ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ ทั้งยังเอนตัวล้มลงจนเขาต้องช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นไปนอนที่เตียง เพียงจับไปที่ตัวเขารู้สึกได้ทันทีว่า ร่างบางกำลังป่วยหนัก ร่างทั้งร่างร้อนดั่งไฟเผา จนน่ากลัว "ใครอยู่ด้านนอกรีบไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้" จ้าวหย่งเจิ้งรีบตะโกนสั่งผู้ที่อยู่ด้านนอก

"ฮึก ฮึก ฮึก" เสียงสะอื้นยังคงดังอยู่แม้จะเบามากก็ตาม

"หยุดเลยนะ นี่เจ้าสลบไปแล้วยัวจะเสียใจอะไรนักหนา หยุดร้องไห้เสียทีเถอะ ข้าขอโทษ ที่ทำร้ายเจ้าข้าไม่ได้ตั้งใจ ได้โปรดอย่าเป็นอะไรนะ" เพียงเห็นคนตัวบางนอนนิ่งไม่ได้สติ ใจของจ้าวหย่งเจิ้งยิ่งร้อนรน เขาไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว

"ฮึก ฮึก ฮึก เจิ้ง เจ้ามันใจร้าย" เสียงละเมอเพราะพิษไข้ทำให้จ้าวหย่งเจิ้งหันไปมองคนที่กำลังละเมอต่อว่าเขา

"ใช่ ข้าใจร้าย แต่ข้าไม่อาจยอมรับได้ว่าข้าระ..." จ้าวหย่งเจิ้งชะงักคำพูดไม่ยอมพูดต่อเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาที่นี่

"ฝ่าบาท หมอหลวงมาแล้วขอรับ" เป็นอวี๋เหวินเต๋อที่เดินนำหมอหลวงเข้ามาด้านใน ทั้งยังยืนดูหมอหลวงดูหมอหลวงตรวจอาการคนตัวบางไม่ไปไหน

"อวี๋เหวินเต๋อ เจ้ากลับไปได้แล้วมายืนเกะกะหมอหลวงอยู่ทำไม" เป็นจ้าวหย่งเจิ้งที่พูดเสียงติดหงุดหงิดออกปากไล่

"ไม่ได้ขอรับ ข้าน้อยเป็นห่วงฟาง" แม้เป็นคำพูดห่วงใยธรรมดาๆไม่ได้พิเศษอะไร แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของจ้าวหย่งเจิ้งกับรู้สึกเหมือนมีใครมาบีบเสียจนเจ็บไปหมด หน้าเขารู้สึกชาๆอย่างบอกไม่ถูก

"กลับไป ที่นี่หมอหลวงดูแลให้แล้ว" จ้าวหย่งเจิ้งพูดเสียงแข็งออกปากไล่อวี๋เหวินเต๋ออีกครั้ง

"หวงขนาดนั้นเลยหรือขอรับ" น้ำเสียงที่ตอบมาด้วยท่าทางล้อเลียนทำให้จ้าวหย่งเจิ้งนิ่งไปครู่ก่อนปรับสีหน้าให้เรียบตึงขึ้นไปอีก

"อยากพูดเช่นไรน่าจะพูดให้ชัดเจนนะขอรับ หากยังวางท่าเช่นนี้ ระวังคนสำคัญจะหลุดลอยไปไม่รู้ตัว" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยเสียงเรียบใบหน้ายังมีรอยยิ้มอ่อนส่งให้ผู้เป็นนาย

"ออกไป" น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยปากไล่อีกครั้ง

"เช่นนั้นข้าน้อยขอตัว" อวี๋เหวินเต๋อยังคงยิ้มให้ผู้เป็นนายแล้วเดินออกจากห้อง

"คนสำคัญ" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยพึมพำกับตนเอง มองอวี๋เหวินเต๋อที่เดินออกจากห้องครุ่นคิด ก่อนหันมองใบหน้าซูบซีดของคนตัวบางอย่างเป็นห่วง

"เจิ้ง คนใจร้าย ใจร้าย ทำไมจำ...ไม่...ได้" เสียงละเมอพึมพำออก ทำให้อวี๋เหวินเต๋อต้องเงี่ยหูฟัง เพื่อให้ได้ยินสิ่งที่คนตัวบางพยายามบอกตาม

"จำ อะไร จำใครไม่ได้ เจ้ากำลังหมายถึงใครกัน ข้าไม่เข้าใจ เจ้ากำลังสื่ออะไรกันแน่" จ้าวหย่งเจิ้งอดบ่นออกมาไม่ได้เมื่อเขาไม่เข้าสิ่งที่คนตัวบางบอกเขาเลยสักอย่าง สุดท้ายจำต้องเลิกสนใจสิ่งที่คนนอนไม่ได้สติต้องการสื่อ เขายังคงยังมือของอีกฝ่ายแน่น ไม่ยอมปล่อยมือไปไหน "ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้า" จ้าวหย่งเจิ้งเฝ้าดูอาการคนไม่ได้สติอยู่หลายวัน ไม่ยอมหลับยอมนอน จนวันนี้ร่างกายทนต่อความอ่อนเพลียไม่ไหว เผลอหลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

เป็นจังหวะที่แสงจันทร์ค่อยๆลอดผ่านช่างหน้าต่างเข้าปะทะร่างที่ไม่ได้สติของเหม่ยฟาง มันปลุกเหม่ยฟางให้ลุกขึ้นในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นเพื่อเดินตามแสงแห่งดวงจันทร์ไปยังกลางสวนที่แสงสามารถอาบย้อมร่างบางได้ทั้งร่าง ร่างกายที่ผอมบอบบางตอบรับแสงจันทร์จนส่องประกายสว่าง แปรเปลี่ยนจากหนึ่งหนึ่งไปยังอีกร่างหนึ่ง ร่างกึ่งหลับกึ่งตื่นของเหม่ยฟางยังคนยืนอยู่กลางสวนไม่ขยับไปไหน คล้ายรอใครบางคน ไม่นานเกินรอเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น

"นี่ ....เจ้า อยู่ไหน นี่ ....เจ้าอยู่ไหน" เป็นเสียงของจ้าวหย่งเจิ้งทึ่เดินออกตามหาคนที่นอนหลับไหลไม่ได้สติมาหลายวัน "หายไปไหนนะ" สายตาส่ายส่องหาคนทึ่จู่ๆก็ฟื้นขึ้นมาแล้วยังจะหายตัวไปอีก "นั่นมันแสงอะไร" จ้าวหย่งเจิ้งสังเกตุเห็นแสงสว่างมาจากในสวนจึงรีบวิ่งไปดู เขาได้พบร่างของคนที่เขาตามหา แต่ร่างนั้นมีบางอย่าผิดแปลกไปจากเดิม ร่างที่ยืนอยู่เหมือนเป็นเงาลางๆ ถึงสามเงา เงาทั้งสามเป็นบุรุษที่เขารู้จักเป็นอย่างดีที่สุด

"ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นขอรับ" อวี๋เหวินเต๋อกับจ้าวหย่งฟง วิ่งเคียงคู่กันมาหน้าตาตื่น พวกเขาถูกตาเฒ่าเอี๊ยปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อช่วยเหม่ยฟางออกจากเงาของแสงจันทร์นั้น

"เลือกสิ เลือก เลือก" เสียงทุ้มต่ำดังกังวานจนหน้าตกใจ บอกให้ผู้ที่พบเห็นเลือกอะไรบางอย่าง

"เลือก? เลือกอะไร" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามด้วยใจอันขุ่นมัว

"เลือก ร่างที่เป็นจริง ของคนผู้นี้ หากเลือกผิด เจ้าจะไม่ได้เห็นพวกเขาอีก" เสียงทุ้มต่ำนั้นพูดเสริม "จงเลือก เลือกสิ! เลือก!! เลือก!!!" เสียงนั้นยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ จนผู้คนทึ่ยืนฟังอยู่ต้องเอามือปิดหู

"พี่รองทำอย่างไรดี" จ้าวหย่งฟงเดินเข้ามาถามพี่ชายด้วยความเป็นห่วง

"ฝ่าบาทจะทำเช่นไรดี" อวี๋เหวินเต๋อถามขึ้นด้วยเช่นกัน

"ทั้งสามร่างที่ฉายทับกันล้วนเป็นคนสำคัญของข้า หากข้าเลือกไม่ได้ข้าคงต้องสูญเสียอีกสินะ" จ้าวหย่งเจิ้งบ่น พึมพำกับตนเองอย่างหาทางออกไม่ได้

"ฝ่าบาท ท่านจะเลือกใคร" อวี๋เหวินเต๋อหันไปถามผู้เป็นนายอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปนาน

"ได้ ไม่ว่าเงาทั้งสามล้วนเป็นฟาง ถ้าเช่นนั้น ข้าจะทำให้ร่าง

ทั่งสามเห็นว่าข้าควรเลือกใคร ใช่เงาร่างทั้งสามล้วนเป็นฟางในแต่ละร่าง ร่างแรก ข้าทำเขาเสียใจจนเกิดอุบัติเหตุ ร่างที่สอง เขาตั้งครรภ์ลูกของข้า พอคลอดได้ไม่กี่วันก็สิ้น ร่างที่สามร่างที่ทนทุกข์ที่สุด ร่างนี้เจ้าช่างน่าสงสารที่สุด ข้าทำร้ายจิตใจเจ้า ข้าขอโทษ ฟาง ข้าทำเจ้าเจ็บช้ำจิตใจนัก ข้า...ไม่สมควรมีชีวิตเพื่อให้เจ้าเจ็บช้ำอีก" สิ้นคำ จ้าวหย่งเจิ้งได้ดึงมีดออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะจ่อเข้าลำคอขอตนเอง เพียงเห็นภาพนั้นเงาทั้งสามร่างก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนองในทันที

"พี่รองท่านอย่าทำอะไรบ้าๆนะ" จ้าวหย่งฟงเอ่ยร้องทักท้วง เช่นเดียวกับอวี๋เหวินเต๋อ ที่คิดจะเข้าไปแย่งมีดสั้น

"อวี๋เหวินเต๋อเจ้าคิดจะแย่งมีดข้า เจ้าคิดผิดเสียแล้ว" สิ้นคำขาของอวี๋เหวินเต๋อก็ไม่ขยับอีก รอดูท่าทีของผู้เป็นนายอย่างใจเย็น

"พี่อวี๋ท่านช่วยพี่รองสิ" จ้าวหย่งฟงร้องขอให้อวี๋เหวินเต๋อช่วยเหลือพี่ชายของตนอย่างน่าสงสาร

"ข้าน้อย ไม่สามารถทำได้ ข้าน้อยขออภัย ฝ่าบาทพกมือไว้หลายเล่มภายใต้เสื้อผ้า หากข้าน้อยแย่งมีดในมือ เกรงว่า ฝ่าบาทจะคว้ามีดอีกเล่มมาทำร้ายตนเองทันที ข้าน้อยขออภัย" อวี๋เหวินเต๋อชี้แจ้งสิ่งที่ตนไม่เข้าไปช่วยไปห้าม

"โธ่...พี่รอง"

"ฟาง ข้าขอมอบเลือดในกายย้าให้กับเจ้า....." สิ้นคำคมมีดถูกเลื่อนมายังข้อมือหนาก่อนกดใยมีดกรีดเข้าผิวเนื้อของจ้าวหย่งเจิ้ง เลือดสีแดงสดค่อยหยดลงพื้น ใบมีดและแขนถูกอาบย้อมไปด้วยเลือด เหม่ยฟางที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น รับรู้ได้ถึงกลิ่นเลือดที่คลุ้งกระจาย ไปทั่วตำหนัก

"เจิ้ง พอทีเถอะพอที หยุดทำเช่นนั้น" ปากที่ขยับขึ้นลงของเหม่ยฟางบอกให้จ้าวหยุดการกระทำที่ทรมานตัวเองลง แต่สิ่งที่ได้ยินตอบกลับมาคือ

"ข้ายอมเลือดหมดตัวเพื่อให้เจ้าไม่ต้องทนทรมาน...ข้า...รัก...เจ้า...ฟาง" รอยยิ้มปรากฏขึ้นก่อนร่างของจ้าวหย่งเจิ้งจะล้มหมดสติจากการเสียเลือดมาก....

"ข้ารักเจ้าเช่นกัน เจ้าเองก็ทนเพื่อข้ามาเยอะเช่นกัน"

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะแยกร่างได้ถูกต้องก่อนจะเสียเลือดมากไปกว่านี้ไหมหนอ เอาใจช่วยนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Mean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :m15:   
รอ. .ฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด
เธอจะมาเธอจะมาเมื่อไร นัดฉันไว้ทำไมไม่มา  :katai1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Vammas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
​❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤

ตอนที่ 36 บทส่งท้าย ในที่สุด

"ฮึก ฮึก ฮือ ฮือ"  เสียงสะท้อนสะอื้นไห้ของเงาร่างใต้แสงจันทร์ดังไปทั่วทิศจนผู้ได้ยินต้องปิดหู เงาสะท้อนรอบกายเกิดการสั่นไหว ก่อนจางหายไป เงาร่างทึ้งสามรวมเป็นหนึ่งปรากฏร่างบุรุษรูปงามเกินใครเปรียบที่ผู้คนต่าวคุ้นหน้าคุ้นตาและเป็นรู้จักกันดีในนาม ฮองเฮาเหม่ยฟาง ผู้สิ้นชีวาไปเมื่อ1ปีก่อน เมื่อแสงจันทร์ล้อมกายหายร่างบางก็ทรุดกายนั่งลงกับพื้นอย่างผู้ไร้เรี่ยวแรง สองมือยกขึ้นปิดหน้าด้วยความเสียใจที่ตนไม่ได้ขยับกายเข้าไปหาผู้เป็นที่รักได้ ไม่คิดเลยว่า จ้าวหย่งเจิ้งจะกระทำการเช่นนี้ จ้าวหย่งฟงที่เห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปประคองตัวเหม่ยฟาง ให้เข้าหาพี่ชายของตนที่สลบไสลไม่ได้สติ เลือดสดๆยังคงไหลออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย

"เจิ้ง เจิ้ง ทำไมเจ้าทำเช่นนี้ ทำไมต้องทำร้ายตนเองเพื่อข้า ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำเพื่อข้าเช่นนี้" เหม่ยฟางเข้ากอดร่างไร้สติ ร่ำไห้ออกมาไม่หยุด

"โฮ่ๆ พวกเจ้าทำให้ข้าเสียเวลาจริงๆ" เจ้าของเสียงทุ้มต่ำปรากฏกายขึ้นท่ามกลางแสงที่หายไป ชายผู้ปรากฏกายขึ้นมาแปรเปลี่ยนเป็นชายแก่ผู้มีใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคย คนผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตาเฒ่าเอี๊ยนั่นเอง

"ตาเฒ่าเอี๊ย" เสียงสามเสียงดังขึ้นพร้อมกัน จ้องใบหน้าของตาเฒ่าเอี๊ยตาเขม็ง

"ใช่ ข้าเอง" ตาเฒ่าเอี๊ยส่งยิ้มไม่ทุกข์ไม่ร้อนให้ทั้งสามคนที่ยืนมองหน้าตน

"ท่านทำอะไรลงไป เห็นไหมว่าฝ่าบาทเป็นเช่นไร" อวี๋เหวินเต๋อกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ

"ข้าทำหรือ นั่นคงไม่ใช่ สิ่งที่ข้าคิดจะทำคือการที่ทำให้โอรสมังกรผู้นี้ยอมรับความรู้สึกของตนเองเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะทำอะไรโง่เขลาเช่นนี้" ตาเฒ่าเอี๊ยยังคงรักษารอยยิ้มไม่ทุกข์ร้อนเอาไว้ดังเช่นคนไม่ได้ทำผิด ทั้งยังเดินวนรอบร่างไร้สติของจ้าวหย่งเจิ้งอีก

"ตาเฒ่าเอี๊ย ทำไมไม่รีบช่วยเขา" เหม่ยฟางเอ่ยเสียงสั่นเรื่องที่ขึ้นเป็นเพราะตาเฒ่าเอี๊ยทุกอย่าง ใยปัดความรับผิดชอบเช่นนี้

"ทำไมข้าต้องช่วยในเมื่อผู้ที่ช่วยได้ดีที่สุดคือเจ้า" ตาเฒ่าเอี๊ยมองสีหน้ายุ่งยากใจของเหม่ยฟาง

"แต่ข้า...ไม่สามารถสร้างไข่มุกได้" เหม่ยฟางทำสีหน้าสลด ในใจรู้สึกเจ็บแปลบ

"ไข่มุกนั่น หาใช่พลังที่แท้จริงของเจ้า" ตาเฒ่าเอี๊ยบอกกล่าวแก่เหม่ยฟางที่รู้สึกสับสนลังเล

"เรื่องนั้น ข้า....ไม่รู้ว่าข้าควรทำเช่นไร"

"พลังแห่งความรู้สึก พลังแห่งการฟื้นคืน คือสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้ ในเมื่อพลังของเจ้าไม่ใช่พลังแห่งการทำลาย เจ้าลองตรองดูเถิดว่าตนเองควรทำเช่นไร เจ้าคือมังกรแห่งการถือกำเนิด มังกรแห่งชีวิต มังกรที่สามารถสร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามใจนึก" สิ้นคำ ใบหน้าของตาเฒ่าเอี๊ยยังควเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งการให้กำลังใจ

"นั่นสินะ เจิ้ง ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้" เมื่อได้ฟังคำพูดของตาเฒ่าเอี๊ย เหม่ยฟางรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น สองมือประคองใบหน้าของจ้าวหย่งเจิ้ง แล้วก้มลงมอบจุมพิตแห่งความรู้สึกของตนลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย เพียงแตะริมฝีปากลงไปเบาๆ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ไปทั่วร่างคนไร้สติ จนปรากฏแสงสีเขียวครอบคลุมร่างทั้งสอง บาดแผลที่แขนถูกแสงสีเขียวอาบย้อม ชะล้างจนหายสนิท จากสีหน้าซีดไร้สีเลือดกลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่นานนักร่างไร้สติของจ้าวหย่งเจิ้งจึงเริ่มรู้สึกตัว เมื่อเหม่ยฟางรับรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว เขาจึงผละออก เพื่อมองหน้าของคนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่จะถอนริมฝีปากออกห่าง มือหนาของคนไม่ได้สติเมื่อครู่กับรั้งใบหน้าของเหม่ยฟางไว้ กดรอมฝีปากทั้งยังเพิ่มแรงบดเบียดในการจูบให้กว่าตอนแรกที่เพียงแตะเบาๆ

"ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาข้า" จ้าวหย่งเจิ้งถอนริมฝีปาก เอ่ยกระซิบข้างหูด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับลืมตามองใบหน้าที่แสนคุ้นเคย "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน"

"อืม ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง" รอยยิ้มแสนหวานส่งให้ผูเป็นที่รัก ช่างเป็นรอยยิ้มที่ชวนติดตรึงใจอะไรเช่นนี้

ปึก!

"เลิกจ้องสักทีเถอะ" จ้าวหย่งฟงกระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องของอวี๋เหวินเต๋อ ที่เอาแต่จ้องมองเหม่ยฟางตาไม่กระพริบอย่างนึกหมั่นไส้

"โอ๊ะ! อย่าเข้าใจผิดสิ ข้าไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะ" อวี๋เหวินเต๋อโบกไม้โบกมือแสดงท่าทางประกอบการพูด จนจ้าวหย่งฟงอดที่จะกลั้นขำไม่ได้

"อุ๊บ!" เสียงกลั้นขำดังออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"นี่....เจ้า..."

"ไปเถอะ ปล่อยเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันเถอะ" จ้าวหย่งฟงเอ่ยยิ้มๆดึงมืออวี๋เหวินเต๋อให้เดินออกจากที่นี่

"ฟาง ข้าขอโทษที่ข้าไม่นึกเอะใจว่าบุรุษใบ้ผู้นั้นเป็นเจ้า" จ้าวหย่งเจิ้งกุมมือบางกระชับแน่นกับอก

"ข้า ไม่ยกโทษให้เจ้า" เหม่ยฟางเอ่ยเสียงดัง จ้องใบหน้าจ้าวหย่งเจิ้งอย่างไม่พอใจ

"ฟาง" จ้าวหยางฟงเอ่ยเสียงอ่อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจสำนึกผิด เขาช่างโง่เขลาเสียจริงที่ไม่สามารถจำคนรักได้แบบนี้

"โธ่...อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ" เหม่ยฟางเอ่ยยิ้ม ลุกขึ้นยืน ก่อนก้าวเดินไปข้างหน้า

"ฟาง...จะไปไหน..." จ้าวหย่งเจิ้งรีบเอ่ยทักเมื่อเห็นตนรักกำลังจะเดินจากตนไป

"กลับห้อง...ข้าง่วง" เหม่ยฟางตอยเพียงสั้นๆแล้วเดินต่อไปข้างหน้า รอยยิ้มกว้างบนใบหน้ามันทำให้เขารู้สึกเหมือนคนบ้าจึงไม่กล้าจะหันไปมองจ้าวหย่งเจิ้งตรงๆ

"รอข้าด้วยสิ" จ้าวหย่งเจิ้งรีบลุกจากที่ เพื่อตามเหม่ยฟางให้ทัน

. . .

"เจ้ากลับไปนอนที่ห้องของเจ้าสิ" เหม่ยฟางออกปากไล่จ้าวหย่งเจิ้งทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในห้อง

"ฟางงงง เจ้าไม่เห็นใจข้าหรือ" จ้าวหย่งเจิ้งใช้สายตาออดอ้อนคนตีวบางเพื่อให้ได้นอนห้องเดียวกัน

"ใยข้าต้องสงสารเจ้า"

"ฟางงง" จ้าวหย่งเอ่ยเรียกเสียงอ่อน ใช้สายจ้องมองเหม่ยฟางอย่างหน้าสงสาร

"นี่ หยุดมองข้าแบบนั้นนะ ไม่อยากเชื่อจริงๆว่าเจ้าจะเป็นฮ่องเต้" เหม่ยฟางอดบ่นไม่ได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำตัวไม่เหมือนฮ่องเต้แม้แต่น้อย

"ด้านนี้ของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้นนะที่เห็น ขอร้องนะ ฟาง ให้ข้านอนที่นี่เถอะนะ" จ้าวหย่งเจิ้งยังคงไม่ละความพยายาม ใช้น้ำเสียงออดอ้อนต่อไป

"เฮ้อ~ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ทำไมถึงเป็นคนดื้อเช่นนี้นะ" เหม่ยฟางส่ายหน้าเล็กน้อย สุดท้ายก็ใจอ่อนตามใจให้จ้าวหย่งเจิ้งนอนที่ห้อง

"ไปอาบน้ำกัน" จู่ๆ จ้าวหย่งเจิ้งก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังอุ้มเหม่ยฟางตัวลอยเดินตรงไปที่สระอาบน้ำร้อนส่วนตัว

"พาข้ามาทำไม ข้าไม่อาบ ข้าง่วงนอน" เหม่ยฟางเริ่มโวยวาย เขาไม่กล้าอาบน้ำกับจ้าวหย่งเจิ้งจริงๆ เขาใจไม่กล้าพอ ที่จะมองร่างกายของอีกฝ่าย แม้อยากจะอาบมากแค่ไหนก็ตาม เพราะตอนนี้ตัวของเหนียวไปหมด ทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งทั่วตัว

"อย่าโวยวายสิ เจ้าก็รู้ว่า หากนอนไปเช่นนั้นเจ้าคงไม่สบายตัว ดูสิกลิ่นเลือดยังคลุ้งทั่วตัวเช่นนี้เจ้าจะหลับลงหรือ" ปากก็เอ่ยบอกเหตุผลส่วนมือนั้นกับค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ของอีกฝ่ายอย่ารวดเร็ว

"รู้ดี" สุดท้ายเหม่ยฟางจำต้องยอมลงแช่น้ำอย่างช่วยไม่ได้

"หึหึ" จ้าวหย่งเจิ้งหัวเราะออกมาอย่างพอใจที่อีกฝ่ายยอมทำตามแต่โดยดี มองดูร่างบางย่างกายลงไปแช่น้ำ ก่อนปลดเสื้อของตนเพื่อลงไปแช่น้ำบ้าง

"ห้ามเข้ามาใกล้" เพียวจ้าวหย่งเจิ้งก้าวลงสระ คนตัวร่างบางรีบร้องห้ามแทบไม่ทันเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ตน

"ทำไม?" จ้าวหย่งเจิ้งหยุดยืน มิงอีกฝ่ายอย่างงงๆ

"คือ...ข้า....ข้ายังไม่ชิน"

"ห๊ะ!"

"ไม่ต้องมาทำเสียงทำหน้าแบบนั้นนะ ข้ายังไม่ชินจริงๆ ถึงแม้จะเคยๆเรื่องแบบนั้นแล้วก็เถอะ" เหม่ยฟางก้มหน้าซ่อนความเขินอาย พ่นคำที่ชวนทำให้จ้าวหย่งเจิ้งยิ่งอยากแกล้งคนตรงหน้า

"หึหึ เจ้านี่มันช่าง...น่ารัก น่า..." สองแขนแกร่งโอบกอดเข้าที่ร่างบาง อย่างรวดเร็ว โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว

"อ๊ะ! เจิ้ง บอกแล้วไง...ว่า...อะ ยะ ย่า.." พูดยังไม่ทันจบริมฝีปากสวยๆกลับถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายครอบครอง จ้าวหย่งเจิ้งไล่งับริมฝีปากของคนตัวบางด้วยกระหาย ไม่ว่าจะจูบอีกฝ่ายอย่างไร ความรู้สึกนั้นยังคงบอกเขาว่าไม่พอ เขาต้องการมากกว่านี้ ทุกครั้ง ทุกครั้งที่ได้สัมผัสกัน ริมฝีปากหนายังคงบดเบียดด้วยความกระหาย ขบเม้นดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายจนบวมแดง ปลายลิ้นสอดเข้าโพรงปากเมื่ออีกฝ่ายพยายามหาช่องทางหายใจ คนตัวโตกับไม่ปบ่อยโอกาสให้หลุดลอย ลิ้นร้อนๆเกี่ยวกระหวัดกันไปมาจนเส้นยวงเงินไหลย้อยออกจากปาก

"อื้อ เจิ้ง พะ พอแล้ว" เหม่ยฟางจำต้องผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง เขารับความร้อนแรงที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ไหวจริงๆ

"หึหึ"

"รีบๆ อาบน้ำไปเลยนะ" เหม่ยฟางรีบชำระร่างกายอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้จ้าวหย่งเจิ้งได้เข้าใกล้อีกครั้ง

"ใจร้ายจังนะ" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยด้วยรอยยิ้มติดมุมปาก

"เงียบไปเลย" เหม่ยฟางถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ แต่การกระทำนี้กลับไม่ได้ดูน่ากลัวแม้แต่น้อย เพราะการที่เหม่ยฟางทำเช่นนี้ยิ่งทำให้จ้าวหย่งเจิ้งยิ่งอยากแกล้งอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

"น่าๆ อย่าโกรธข้าเลยนะ" ไม่พูดเปล่ายังถือวิสาสะเข้ากอดทางด้านหลังของคนตัวบางกว่าอย่างฉวยโอกาส ทั้งมือไม้ยังลูบไล้ร่างกายอีกฝ่ายตามใจชอบ

"เจ้านี่มัน...ฮึ่ย...อ๊ะ จับตรงไหนกันหาาาา"

"ฟาง ข้าเพียงอยากรู้ว่าในอ้อมกอดข้า คือเจ้าจริงๆแค่นั้น ขอให้ข้าได้สำรวจร่างกายเจ้าอีกสักหน่อยเถอะ" จ้าวหย่งเจิ้งซบหน้าลงบนลาดไหล่ขาว ปลายกรีดไล้ไปตามผิวหนังไปทุกส่วน ทำให้คนตัวบางถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

"เจิ้ง..." เหม่ยฟางเอ่ยเสียงเบา หันมาสบตากับจ้าวหย่งเจิ้ง

"ฟาง" จ้าวหย่งเจิ้งก้มหน้าหมายจะมอบจุมพิตให้กับคนตัวบาง

"ขอขึ้นก่อนนะ ข้ารู้สึกหนาวแล้วสิ" เหม่ยฟางถอยห่าง แล้วลุกขึ้นจากน้ำ ปล่อยให้คนที่หมายจะมอบจุมพิตต้องชะงักค้าง มองอีกฝ่ายขึ้นจากน้ำด้วยสายตาเสียดาย

"ฟางงง" เสียงร้องท้วงดังขึ้น มองร่างบางเดินจากไป "นี่ข้าทำให้เจ้าโกรธมากเชียวหรือ" จ้าวหย่งเจิ้งมองออกไปด้วยสายเศร้าหมอง

ในขณะนั้นเองเหม่ยฟางที่เดินหนีมาถึงกับหยุดชะงักเท้าเมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวหย่งเจิ้งที่พูดออกมาด้วยความเสียใจ

"ใครว่าข้าโกรธเจ้ากัน ข้าแค่ยังไม่ชินกับเรื่องที่พวกนี้ต่างหากเล่า ขอโทษนะ ช่วยเข้าใจข้าด้วย" เหม่ยฟางตะโกนบอกผู้ที่อยู่ในสระอาบน้ำ ก่อนที่ตนเองจะรีบสาวเท้าเดินกลับห้องอย่างรวดเร็ว

"ฟาง!!!" จากสีหน้าเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างรีบลุกออกจากสระตามคนตัวบางไปทันที "หากเจ้ายังไม่ชินข้าช่วยเจ้าเอง" จ้าวหย่งเจิ้งรีบตามคนตัวบางมาจนถึงห้องนอนของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

. . .

"ไม่ ข้าไม่ให้เจ้าเข้ามาเป็นแน่" เหม่ยฟางร้องบอกคนด้านนอก ดีที่เขาเข้าห้องได้ก่อนไม่เช่นนั้น เขาคงปวดหัวมากกว่านี้เป็นแน่

"ฟาง ให้ข้าเข้าไปเถอะนะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ข้าคิดถึงเจ้ามากรู้ไหม ฟาง ให้ข้าเข้าไปเถอะนะ ได้โปรดเถอะ อย่าทำเช่นนี้กับข้าเลยนะ" เสียงอ้อนวอนขอให้คนรักเปิดประตูห้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

"เจ้ากลับห้องไปเถอะ มาทำเช่นนี้ไม่สมเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่เลยสักนิด" เหม่ยฟางร้องบอกคนด้านนอกให้นึกถึงตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ของตน เพื่ออีกฝ่ายจะยอมถอยไปง่ายๆ

"ไม่ ผู้ที่ข้าห่วงที่สุดคือเจ้า ไม่ว่าตำแหน่งลาภยศใดก็ไม่สำคัญ เจ้าเปิดประตูให้ข้าเถอะนะ ไม่สงสารข้าหรือ ข้างนอกยุงชุมนัก หากข้าโดนยุงกัดจนล้มป่วยเจ้าไม่ห่วงข้าหรืออย่างไร" จ้าวหย่งเจิ้งกล่าวเสียงอ่อน อ้างสารพัดเหตุผลเพื่อให้ได้เข้าไปด้านใน

"เจ้าก็กลับห้องไปสิ" เหม่ยฟางเองก็ไม่ยอมเช่นกันยังคงออกปากไล่ให้อีกฝ่ายกลับห้องเช่นเดิม

"ข้ายังเป็นคนเจ็บอยู่นะ ตั้งแต่ตอนที่ข้าเสียเลือดไปเยอะ ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย อ๊ะ! ปึง...ฟาง ข้าระ รู้ สึ....ปึง!!!" จ้าวหย่งเจิ้ง ล้มลงไปนั่งกับพื้น เหมือนคนอ่อนแรง นั่งหลับตาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อรอฟังเสียง

"เจิ้ง นั่นเสียงอะไร เจ้าเป็นอะไร เจิ้ง เจิ้ง" เหม่ยฟางยืนนิ่งเขาไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น เขาได้ยินเสียงดังคล้ายคนล้ม หรือว่า...."เจิ้ง!" เหม่ยฟางเสียรู้คนด้านนอกเปิดประตูออกมา เมื่อเห็นจ้าวหย่งเจิ้งนั่งพิงผนังเหมืนคนไม่ได้สติ ตนจึงรีบเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน "เจิ้ง เจิ้ง เจ้าเป็นอะไร เจิ้ง ลืมตาสิ ลืมตา" ขณะที่มือกำลังง่วนกับการสำรวจอีกฝ่ายว่าเป็นอะไรหรือไม่

"ข้า...คิดว่า...ข้าอยากกอดเจ้า" ว่าจบมือหนาจึงรวบเอวบางเข้ากอดไว้แน่น

"อ๊ะ!...เจ้า เจ้าหลอกข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้" เหม่ยฟางร้องโวยวายพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแจขนแกร่งให้จงได้

"ข้าจับเจ้าได้แล้วมีหรือจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ" ว่าจบจ้าวหย่งเจิ้งจึงค่อยๆช้อนตัวเหม่ยฟางแล้วพาเดินเข้าห้องโดยไม่ฟังเสียงร้องประท้วง

"ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้" เหม่ยฟางยังคงดิ้นเพื่อให้ตนได้หลุดจากวงแขนนี้

ผัวะ!!!

จ้าวหย่งเจิ้งฟาดมือลงมาที่ก้นของอีกฝ่ายหนึ่งทีเพื่อเป็นการเตือนให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ

"ข้าจะลงโทษเจ้าให้สมใจ คอยดูเถอะ" สิ้นเสียงเหม่ยฟางถึงกับรูสึกขนลุกจนเสียวสันหลังว่าจนไม่อยากจะนึกเลยว่าตนจะโดนอะไรย้างคืนนี้

"ไม่เอานะ ไม่เอาาาา" นั่นคือเสียงเดียวในค่ำคืนนั้นของเหม่ยฟาง เพราะหลังจากเช้าวันใหม่ เหม่ยฟางก็มีอาการเจ็บคอจนไม่สามารถพูดอะไรได้อีก มีเพียงเสียหน้าที่บอกบุญไม่รับ จ้องมองจ้าวหย่งเจิ้งตาเขม็ง

"ฟางเจ้ายังโกรธข้าอยู่อีกหรือ ข้าขอโทษนะที่ไม่ให้เวลาเจ้าพักผ่อน ข้าขอโทษ" แม้ปากจะพูดเอ่ยคำขอโทษแต่มือไม้กับไบ้ไปตามร่างกายของคนตัวบางอย่างกับไม้เบลื้อย

"เจ้าตั้งใจขอโทษข้าจริงๆใช่ไหม" เหม่ยฟางเอ่ยถามสีหน้าเบื่อหน่ายกับการกระทำของคนรัก ทั้งยังคอยไล่จับมือไม้เลื้อยของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา

"จริงสิ ข้าตั้งใจขอโทษเจ้า จริงๆนะ ดูหน้าข้าสิ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ" พอเงยหน้ามองตามที่อีกฝ่ายบอกก็ไม่วายโดนขโมยจูบไปเสียอย่างนั้น ทั้งอีกฝ่ายยังถือวิสาสะคร่อมล่างตนไว้ แม้จะผลักจะดันอย่างไรกับไม่เป็นผล

"นี่ อย่าบอกนะ ว่าจะทำอีก" เหม่ยฟางเอ่ยถามเสียงหวาดๆ เมื่อได้รับรอยยิ้มเป็นคำตอบเหม่ยฟาง แทบกลืนน้ำลายลงคอเลยทีเดียว ใครก็ได้ช่วยเขาทีเถอะ....

ปึง!

"พี่รองข้ามีเรื่องให้ฟางฟางของท่านช่วย" เสียงสวรรค์หรือเสียงนำปัญหามาให้หรืออย่างไรกันแน่เมื่อ จ้าวหย่งเฝิงเปิดประตูห้องเดินเข้ามาขัดจังหวะจ้าวหย่งเจิ้ง

"น้องสาม" จ้าวหย่งเจิ้งกัดฟันกรอดเมื่อถูกขัดจังหวะ

"อ๊ะ! ขออภัยที่ขัดจังหวะ ข้ามีเรื่องให้ฟางฟางช่วย ขอยืมฮองเฮาของพี่รองหน่อยแล้วกัน" ว่าจบจ้าวหย่งเฝิงก็คว้ามือเหม่ยฟางเกินออกจากห้องไป ทิ้งให้จ้าวหย่งเจิ้งควันออกหูตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง

"จ้าวหย่งเฝิงงงงง!!!!"

                                             THE END

###################

**เรียนท่านผู้อ่าน ยังมีpartพิเศษของจ้าวหย่งเฝิงนะคะ**
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2018 16:00:05 โดย Vammas »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
น่าสงสารเจิ้งนะ เจอมารขัดขวางทางก็แบบนี้ล่ะ 555555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พ่อพระเอกเรา ได้เจอเมียก็หื่นจนลืมลูกเลยนะเนี่ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด