มนุษย์แฟนเด็ก
1
มีความคนนิสัยไม่ดีที่ใจดี
ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะโดนไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ แฮ่ก..
คนตัวขาวหอบหายใจแฮ่กขณะยกหลังมือปากเหงื่อที่ขมับไม่ให้ไหลเข้าตาและเต้นไก่ย่างถูกเผาตามพี่สันทนาการประมาณรอบที่สามแสนได้
โอ๊ย! เมื่อไหร่จะจบเนี่ย ย่างจนไหม้เกรียมแล้ว เหนื่อย หิวด้วย!!!
ถูกสั่งให้เต้นจนไม่มีแรงแล้ว แค่เต้นก็โอเคอยู่หรอก แต่นี่ให้แหกปากร้องเพลงด้วย แล้วยังต้องตากแดดอีก ฮึ่ย!!!! จะฟ้องหม้ามะ!!
“หน้าบึ้งๆ”
“แง้ง!”
จันทร์เจ้าแยกเขี้ยวใส่คนที่เข้ามาใกล้ เธอคนนี้ชื่อว่าฟินน์ เป็นเพื่อนของเราเอง เราได้เพื่อนใหม่มาสองคนชื่อฟินน์ กับอีกคนชื่อว่าเบสท์ ตอนนี้ก็ได้เวลาพักแล้วหลังจากที่รอมานาน เราสามคนเลยตกลงกันว่าจะไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร เพราะว่าหิวมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“เดี๋ยวเรามานะ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง” ฟินน์กับเบสท์พยักหน้าหงึก ๆ วางหนังสือไว้เพื่อจองโต๊ะ ส่วนจันทร์เจ้าก็วิ่งไปห้องน้ำ
หู้วววว ทำไมเราหน้าแดงหยั่งงี้! ตากแดดนานเกินหรือเปล่า... แสบ ๆ ด้วยนิดหน่อยแต่คงไม่เป็นอะไรหรอก.. ยิ้มให้ตัวเองในกระจก เมื่อล้างมือเสร็จก็ออกไปจากห้องน้ำ
“ซี้ดดดดด เห็นพี่กาลแล้วน้ำเดิน” อยู่ ๆ เบสท์ก็พูดขึ้นมา ลืมบอกไปใช่เปล่าว่าเบสท์เป็นผู้ชาย... ที่ชอบผู้ชาย ;_;
“เอออออ หล่อฉิบหาย! หล่อวัวตายควายล้ม หล่ออะไรเบอร์นั้น” ฟินน์พูดอย่างเห็นด้วย
ลูกหมูมองเพื่อนทั้งสองงุนงง เพราะไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไรกัน พี่กาลคือใครงะ...
“คุยอะไรกันน่ะ?”
“คุยเรื่องผู้ไงยะ!” เบสท์จีบปากจีบคอ แล้วก็หันไปเมาท์กับฟินต่อ สนใจเราหน่อยยยยยยยยยยยย ลูกหมูคอตก ต่อให้เรียกร้องความสนใจยังไงก็ยังโดนเมิน แม้จะบอกว่าจะไปซื้อน้ำยังโดนสะบัดมือไล่เลย เศร้าจัง...
“นมสดปั่นเพิ่มวิปครีมหนึ่งแก้วฮะ..”
“พี่ตา ผมเอาเหมือนเดิม!"”
“รอแป๊บหนึ่งนะจ๊ะ ตามคิว ๆ”
ปึก! “โอ๊ะ!” คนตัวเล็กร้องขึ้น เพราะถูกชนทำให้เซไปชนกับส่วนที่ยื่นออกมาของร้านน้ำปั่น จันทร์เจ้าเบ้หน้า ลูบไหล่ของตัวเอง ตากลมตวัดมองอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ปล่อยหมัดใส่อกของคนนิสัยไม่ดี
“นิสัยไม่ดี”
“เจ็บนะเว้ย!” คนถูกชกโวยวาย จันทร์เจ้าเลยถลึงตาใส่แล้วชกไปอีกครั้ง
“เราก็เจ็บ!”
“อะไรวะเตี้ยเองหนิ มองไม่เห็น”
“นายตาบอดหรอ?” อ๊ะ! คนนิสัยไม่ดีดหน้าผากของเราจนดังเป๊าะ
“ปากดี”
“ฮึ!!! ไปไกล ๆ เราเลย”
“ที่นี่มหาลัยมึงหรอ?”
“จิ๊!!” ลูกหมูจิปาก ขยับหนีไปยืนอีกด้าน คนตัวสูงยกยิ้มพอใจก่อนจะเดินตามไปยืนข้างๆ จันทร์เจ้า
"โกรธหรอวะ?" เขากระแทกไหล่กระเซ้าคนตัวเล็กกว่า จันทร์เจ้ากอดอก หันหน้าไปทางอีก ไม่สนใจคนที่เขามาเกาะแกะ ยังจะตามมาอีก คนก็มองทำไมเยอะแยะไม่รู้!!
“อย่ามายุ่งกับเรา” ปัดมือของคนด้านหลังที่ยื่นมาเขี่ยแก้มออก
คนถูกไล่เบะปาก ดึงแก้มขาวอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้และหมั่นเขี้ยว ไอ้เด็กแก้มแดงนี่กล้าดียังไงมาไล่เขา คนส่วนใหญ่ก็อยากอยู่ใกล้เขาทั้งนั้น
“เฮ้ย โกรธจริงหรอวะ ขอโทษ ๆ เลี้ยงน้ำเลยอ่ะ” เมื่อร่างสูงพูดจบก็ตะโกนบอกแม้ค้าให้ทำของเขาและของเด็กแก้มย้วยพร้อมกันเลย
“เราไม่ได้โกรธ”
“ไม่โกรธแล้วไล่ทำไม?”
“ทำไมจะไล่ไม่ได้ เรารู้จักกันหรือไง?”
“รู้จักดิ ชื่อจันทร์เจ้าไม่ใช่ไง?” มือเล็กยกปิดป้ายชื่อตัวเอง ทำให้อีกคนหัวเราะขำ จิ๊! มีอะไรตลก แล้วเมื่อไหร่น้ำจะได้สักทีเนี่ย!
“เราไม่รู้จักนาย”
“อ้าว เมื่อวานก่อนยังให้พามาคณะบริหารอยู่เลย”
“อ๋อเหรอ จำไม่ได้เลย”
“กวนหรอเตี้ย”
“เปล่าสักหน่อย เราไม่รู้จักคุณคนแปลกหน้าจริง ๆ นี่” บอกว่าเปล่าแต่ก็แลบลิ้นใส่อีกคน และจากนั้นก็ถูกเจ้าคนนิสัยไม่ดีบีบจมูก จะยื่นมือไปบีบคืนบ้างเจ้าบ้านั่นก็สูงเกินไป ฮึ่ย!
“ฝากถือหน่อยดิ” เขาส่งชีทและสมุดจดให้กับคนตัวเล็กกว่าถือ เพื่อที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายค่าน้ำปั่นทั้งสองแก้ว จันทร์เจ้ารับไว้ สายตาก็กวาดมองไปบนปก ก่อนจะสะดุดที่ตัวอักษรเล็ก ๆ ที่มุมขวาล่างของแผ่นชีท
ทิวา “ทิวา... ชื่อนายเหรอ?” ลูกหมูเอ่ยถามเบา ๆ พร้อมเงยหน้ามอง เจ้าของชื่อทิวาพยักหน้า ส่งแก้วนมปั่นให้แล้วรับชีทและสมุดคืน ก้านนิ้วยาวเขี่ยมุมกระดาษที่พับอยู่ให้คลี่ออก จนทำให้เห็นตัวอักษรทั้งหมด มันเขียนว่า
ทิวากาล ต่างหากล่ะ
“ชื่อเพราะอ่ะ”
“หึ ขอบคุณ”
“ขอบคุณสำหรับน้ำด้วย ทีแรกเราจะจ่ายเองนะ แต่ทิวาบอกว่าจะเลี้ยงเราก็เลยไม่ขัด กลัวว่าจะเสียน้ำใจ” พูดจบก็ยิ้มแฉ่งแล้วดูดนมปั่นเข้าไปอึกใหญ่
“ทิวา?”
“เรียกไม่ได้เหรอ? ถ้าเรารู้ชื่อทิวาแล้ว ก็แปลว่าเราสองคนรู้จักกันแล้วนะ”
; _ ;
“หึหึ อยากเรียกก็เรียกเถอะ ไปล่ะ ตั้งใจเรียนด้วย”
“งืม ๆ” โบกมือหยอย ๆ ให้คนตัวโตกว่า แล้วจึงกลับไปที่โต๊ะ
ถึงทิวาจะนิสัยไม่ดี กวนตีนและชอบแกล้งไปหน่อยแต่ก็ใจดีนะ เลี้ยงน้ำเราด้วย... เอาไปเลยหนึ่งแต้ม!
“มึงซื้อน้ำมาแล้วไปซื้ออีกทำไมวะ” เขาไม่ตอบ เพียงแค่แสยะยิ้มเท่านั้น ปล่อยให้เพื่อนอยากรู้อยู่อย่างนั้น หึหึ
“ห่า ถามไม่ตอบอีก”
“พวกมึงจะอยากรู้ทำไม”
“ใครจะไม่อยากรู้ล่ะวะ ก่อนหน้านั้นแม่งหน้าเน่าเป็นตูด พอกลับจากร้านน้ำปั่นพี่ตาละเสือกยิ้ม มีอะไรเด็ด ๆ หรอวะ?” ต้นกระเซ้า และมีมิคกับรถถังก็พยักหน้าเสริมอย่างเห็นด้วย ทิวากาลไหวไหล่ ไม่สนใจ ไอ้พวกนี้มันเพื่อนเขาเอง
“ก็ไม่มีอะไร” แค่มีเด็กน้อยมาให้แหย่แค่นั้นเอง หึหึ
“อย่าให้พวกกูรู้นะไอ้กาล!”
กาล นั่นคือชื่อของเขาเอง
ชื่อจริงคือ ทิวากาล คนส่วนใหญ่จะเรียกว่ากาล เพราะเขาบอกเองว่าไม่ชอบให้เรียกทิวา ทั้งที่ความจริงทิวาคือชื่อเล่นจริง ๆ แต่สำหรับ ‘ทิวา’ มีแค่ครอบครัวเขาเท่านั้นแหละที่เรียกแบบนั้น ทว่าตอนนี้กลับมีคนหนึ่งมาเรียกเขาว่า ทิวา ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวซะอย่างงั้น
“อีกาล! รับน้องช่วงบ่ายเข้าด้วยนะคะ!”
“ไม่” ทิวากาลบอกกลับไปทันที ส่งผลให้อีกคนจิปากขัดใจ คนพูดคือชมพู่ เพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงคนเดียวของทิวากาล
“แต่มึงต้องไป วันนี้จะรับน้องนะเว้ย”
“แล้วไงวะ กูไม่ไปพวกมึงก็รับกันได้ป่ะ?” ร่างสูงว่าเสียงขุ่น เริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย เขาวางปากกาในมือลง กอดอกเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ก็รับน้องกันมาตั้งหลายวันแล้ว จะมาเดือดร้อนอะไรกับเขาวันนี้กัน
“มันก็ได้ แต่น้องอยากเจอมึงไงไอ้กาล ตั้งแต่ทำกิจกรรมรับน้องมาจะสองอาทิตย์แล้วมึงยังไม่เข้าสักครั้งเลยนะเว้ย!”
“เออ มึงเข้าบ้างเหอะไอ้ห่า” รถถังเอ่ยสมทบกับแพน และมีมิคและต้นพยักหน้าหงึกหงัก ทิวากาลกลอกตาไปมองอย่างเบื่อหน่าย อะไรกับกูนักหนาวะ!
“แต่ไอ้กาลไม่ไปก็ดีนะมึง ไม่มีคนแย่งซีน น้องปีหนึ่งน่ารัก ๆ ทั้งนั้น” คราวนี้ต้นพูดบ้าง และกลายเป็นมิคกับรถถังพยักหน้าเห็นด้วย สามคนนั้นจึงถูกชมพู่ตบกะโหลกไปคนละที
“อย่าเพิ่งหลีไอ้พวกเวร ลากคอมันไปได้เดี๋ยวกูเอาเบอร์น้องที่สวยที่สุดให้เลย” ทั้งสามคนตาวาว หันไปมองร่างสูงเป็นตาเดียว และเขาก็สวนกลับไปโดยที่พวกมันยังไม่ทันได้พูดอะไร
“กู-ไม่-ไป!” “เออ!! แค่นี้ก็ทำไม่ได้ ไอ้กระจอก!!” ชมพู่ตะโกนใส่หน้าเพื่อนสนิทเสียงดัง แล้วเดินกระแทกเท้ากลับไปนั่งที่โต๊ะ และบ่นเสียงดัง...
‘แม่งเอ๊ย! อย่าให้เห็นเสนอหน้าไปนะมึง!’ “พวกมึงสองตัวจะไปดูน้องป่ะ?”
“ไม่รู้ว่ะ มึงจะไปหรอไอ้ต้น?”
“เออ กูจะไปส่องน้องจันทร์เจ้า”
“จันทร์เจ้า? ใครวะ มึงมีรูปป่ะ?”
“มีเว้ยยย”
“เฮ้ย ผู้ชายหรอวะ น่ารักโคตร”
“ใช่ไหมล่ะ? นี่กูส่องน้องเขาตั้งแต่เปิดเทอมละ”
“เอาชื่อมาซิ เดี๋ยวกูส่องบ้าง”
“เดี๋ยวกูไปส่องตัวจริงเลยแม่ง”
“อย่ามาแย่งน้องกูนะไอ้พวกเวร!”
มิค ต้น และรถถังพูดอย่างเพ้อ ๆ ชื่อของคนที่ตกเป็นหัวของสนทนาทำให้คนที่ไม่สนใจอะไรหูผึ่ง
หมายถึงไอ้เด็กมาร์ชเมลโลว์ของเขาหรือเปล่าวะ... “อ๊ะ..” จันทร์เจ้าหน้ามุ่ย ยกมือลูบหัวตัวเองใจจุดที่ถูกผลัก แหงนหน้าขึ้นทองคนทำแล้วชักสีหน้าใส่ แต่อีกคนกลับยักคิ้วกวนประสาท
“มานั่งทำอะไรตรงนี้” เขาคนนั้นพูดพร้อมกับส่งนมพาสเจอร์ไรส์รสช็อกโกแลตมาให้
“ขอบคุณครับ เรานั่งเล่น ทำไมทิวาขอบแกล้งเราจัง แต่ใจดี ซื้อนมให้เราด้วย” พูดไปก็ขยับปากมุบมิบบ่นกับตัวเองต่อ ทิวานั่งลงข้าง ๆ แล้วยื่นมือมาดึงแก้มเราแรง ๆ
เป็นอะไรกับแก้มเรานักหนา!!
“น่าแกล้งทำไมล่ะ”
“นิสัยไม่ดี โป้ง!”
“เด็กน้อยเอ๊ย เมื่อกี้ยังบอกว่าใจดีอยู่เลย แล้วนี่ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว เพื่อนไปไหน?”
“เพื่อนไปแอ๊วผู้ชาย เราไม่อยากไปด้วยเลยมานั่งเล่น ทิวามาทำไมอ่ะ อือ.. แต่ขยับออกไปได้ไหมเราเหม็นกลิ่นบุหรี่” ทิวากาลดมเสื้อตัวเองเมื่อโดนบอกว่าเหม็น ก็มีกลิ่นแค่นิดเดียว ไม่ได้เหม็นอะไรนี่หว่า เสียเซลฟ์เลยกู ร่างสูงขยับออกห่างจากเจ้าลูกหมูเล็กน้อย มองอีกคนที่คุ้ยกระเป๋า สักพักมือเล็กก็ยื่นมาพร้อมกับลูกอมรสสตรอว์เบอร์รี่สองเม็ด
จันทร์เจ้าพับขาขึ้นมากอด(นั่งบนพื้นหญ้า) วางแก้มบนเข่าหันหน้าไปหาคนตัวสูงที่กำลังแกะเปลือกลูกอมด้วยหน้ายุ่ง ๆ คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ตอนนี้เราอยู่ที่สวนของคณะ ตรงนี้ไม่ค่อยมีคน เลยมานั่งเล่นรอเวลารุ่นพี่เรียกเฉย ๆ เพราะเรียนก็เสร็จแล้ว ฟินน์กับเบสท์ก็ไปแอ๊วผู้ชายตามที่บอกไป แต่ว่าจันทร์เจ้าไม่อยากไปด้วยก็เลยมานั่งที่สวนนี้ จนมีทิวามากวนนั่นแหละ... เซ็งเลย
“จะโดดรับน้องหรอเตี้ย?” จันทร์เจ้าย่นจมูก ไม่ใช่เพราะคำถาม แต่เป็นเพราะสรรพนามที่ใช้ต่างหาก... อย่าให้สูงบ้างก็แล้วกัน!
“ไม่โดด เราเป็นเด็กดี” ยักคิ้วให้คนตัวสูง “เราไม่เคยเห็นทิวาเลย” ระหว่างที่พูดก็เก็บขวดนมที่ดื่มหมดแล้วใส่ช่องข้างกระเป๋า ค่อยเอาไปทิ้งตอนเจอถังขยะ... น้าเจ้ากับพี่ฟ้าสอนมาว่าอย่าทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง เราเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสอนผู้ใหญ่ คิคิ
“ขี้เกียจว่ะ โดนบังคับให้เข้าอยู่เนี่ย”
“ใครบังคับ?”
“ปีสี่” คนตัวเล็กเบิกตาโตทันทีเมื่อทิวากาลพูดจบ ไม่ได้นะ! เป็นปีหนึ่งต้องทำตามคำสั่งรุ่นพี่สิ แล้วนี่ทิวาไม่เข้ากิจกรรมจนโดนพี่ปีสี่บอกเลยหรอ จะโดนลงโทษไหมอะ!!
“โห!!! อย่างนี้ทิวาต้องเข้านะ ไม่งั้นจะต้องโดนลงโทษแน่ ๆ เลย”
“ใครจะกล้า... ทำไม มึงอยากให้กูเข้าหรอ”
“อื้อ เราไม่อยากให้ทิวาโดนลงโทษ วันนี้ทิวาต้องเข้านะ”
“ถ้าเข้าก็เห็นเองแหละ” ทิวายิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าพอใจอะไร
“เข้าสิ ต้องเข้า! เราจะรอนะ”
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในบริเวณทำกิจกรรมการรับน้องเสียงกรี๊ดก็วิ่งเข้าหูขนทิวากาลต้องยกมือปิดหู กูไม่อยากมาเพราะเงี้ย น่ารำคาญ
“ไหนบอกไม่มาไงอีดอก!!” ชมพู่ตะโกนผ่านโทรโข่งเข้ามา เขาชักสีหน้าทันที รับน้องก็ให้ปีสองทำไปสิวะ ปีสี่จะมาเสนอหน้าทำซากอะไร!
“น้อง ๆ ปรบมือต้อนรับพี่กาลหน่อยเร้วววววว”
ไอ้สัด! ทิวากาลขยับปากด่าชมพู่แบบไม่มีเสียง สักพักก็โดนต้นกับมิคลากไป แม่งเอ๊ย!
“มึงหนีไม่พ้นหรอก ฮ่า ๆๆ” รถถังหัวเราะ เออ! ไม่น่ามาเลยแม่ง ไม่น่าไปเจอกับไอ้เด็กแก้มยุ้ยนั่นด้วย บอกว่าจะรอทำไมก็ไม่รู้ จะไม่มาก็รู้สึกไม่ดีซะงั้น ใกล้บ้าแล้วแน่ ๆ
ทิวากาลกวาดสายตาไปมองรอบ ๆ มีหลายคนมองมาที่เขาอย่างสนใจ แต่เขาไม่ได้หยุดสายตาไว้ตรงไหน จนกระทั่งปะทะเข้ากับสายตาติดงุนงง ไม่เข้าใจของใครบางคน...
ไอ้เตี้ย... ทิวากาลเห็นเพื่อนของเด็กมาร์ชเมลโลว์(ก็น่าจะเพื่อนนะเพราะนั่งอยู่ข้างกัน)สะกิดแล้วพูดอะไรสักอย่าง เด็กเตี้ยส่ายหน้า แล้วก้มหน้าลง ไม่มองทิวากาลอีก ตาเป็นประกายหม่นเล็กน้อย ถ้าเขาไม่คิดไปเองอะนะ ให้ตาย... ทำไมกูรู้สึกแย่อย่างนี้วะ!
“กลับนะ” บอกไปแค่นั้นแล้วหันหลัง ยังไม่ทันได้เดินออกไปก็ถูกล็อกคอไว้ก่อน เชี่ยชมพู่! จะจองเวรของกรรมกูไปถึงไหนวะ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเพื่อนที่พ่วงตำแหน่งญาติด้วยเขาจะตบให้สักที
“อย่าเพิ่งไปปปปป ไหนๆมาแล้วก็อยู่ให้น้องส่องหน่อย”
ทิวากาลกลอกตาขึ้นฟ้า
“ปีสองรับผิดชอบไม่ใช่หรือไง” เขาพูดกับชมพู่ แต่ตายังจ้องเด็กแก้มกลมอยู่ เงยหน้าขึ้นมาสบตาได้สักทีนะ อีกฝ่ายยิ้มบาง แล้วหันไปหาเพื่อน ทิวากาลแสยะยิ้ม ชี้ไปที่เจ้าเด็กแก้มกลม “เด็กคุยกัน”
“เฮ้ยน้อง มีเรื่องอะไรน่าสนใจออกมาเล่าให้เพื่อนฟังบ้างสิ คุยอะไรกันลูก” ชมพู่บอกปีสองให้พาเด็กทั้งสามคนออกมาด้านหน้า อืม.. แต่คนอื่นเขาก็คุยกันเยอะแยะ ถือว่าเชือดไก่ให้ลิงดูแล้วกัน หึหึ
ทิวากาลถอยไปด้านหลังเพื่อไม่ให้เกะกะ เด็กแก้มกลมมองซ้ายมองขวา ปากสีแดงขยับมุบมิบ มือก็ขยุ้มเส้นผมสีดำสนิทของตน เขายิ้มกวนเมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็นดี เด็กนั่นถลึงตาใส่ น่ากลัวตายล่ะไอ้เตี้ยเอ๊ย
“แสรดดดดด น้องจันทร์เจ้าของกู” ไอ้ห่าต้นเริ่มโอดครวญ ทิวากาลปรายตามองมันเล็กน้อย แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ชมพู่เดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วหัวเราะพอใจ มันคืนหน้าที่ให้ปีสองไปแล้ว
“แนะนำตัวหน่อยชื่ออะไรกันบ้าง” เสียงไอ้โก๋ปีสองดังขึ้น หูทิวากาลก็ฟังชมพู่บ่น ตาก็จ้องแผ่นหลังเล็กของใครบางคน ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนของเด็กนั่นจะชื่ออะไร จนกระทั่งถึงคราวของเด็กตัวขาวนั่นบ้าง
“จันทิมันตุ์ อัศวโยธินทร์ ครับ” ชมพู่ผิวปากแล้วพึมพำว่านามสกุลดัง เขาก็พอรู้จักนามสกุลนี้อยู่บ้าง
“ไม่มีชื่อเล่นหรือไง?” ทิวากาลตะโกนถาม ลูกหมูตัวขาวชักสีหน้า
“ชื่อเล่นจันทร์เจ้าครับ ชื่อจริงชื่อว่าจันทิมันตุ์”
“ไม่มีนามสกุล?”
“นามสกุล อัศวโยธินทร์ ครับ!”
“แล้วชื่อเล่นกับชื่อจริงล่ะ?” หึหึ เห็นหน้ายุ่ง ๆ แบบนั้นมันยิ่งน่าแกล้ง ต้นตบหัวทิวากาลแล้วด่าว่าไปแกล้งน้องจันทร์เจ้าของมัน ชมพู่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
“ชื่อเล่น จันทร์เจ้า ชื่อจริง จันทิมันตุ์ นามสกุล อัศวโยธินทร์ ครับ!!!”
“อาฮะ... ทำไมชื่อถึงเหมือนผู้หญิง?” คนถูกถามสูดหายใจลึก ใบหน้าแดงก่ำไม่รู้เพราะแดดร้อนหรือเพราะโมโห
“ไอ้เหี้ยกาลลลลลลลล” เชี่ยต้นมันด่า แต่ทิวากาลไม่สน แกล้งเด็กสนุกจะตาย หึหึ
“ไม่รู้ แม่ตั้งให้ ทิวาข้องใจอะไรกับชื่อเรานักหนาหรอ?”
เขาเดาะลิ้นพอใจกับปฏิกิริยาตอบกลับนั้นในขณะที่หลาย ๆ คนกำลังอึ้ง อาจเพราะไม่มีใครคิดว่า เด็กแก้มกลมนี่จะพูดแบบนี้ล่ะมั้ง
สนุกดี หึหึ
“หล่อนไปรู้จักกับพี่กาลได้ยังไงนังหมูอ้วน!” เบสท์กับฟินน์ล็อกแขนจันทร์เจ้าไว้คนละข้าง หลังจากที่รุ่นพี่ปล่อยให้กลับบ้านสองคนนี้ก็รีบพุ่งเข้ามาถาม จริง ๆ ก็รุมถามกันตั้งแต่ในแถวแล้วล่ะ แต่ลูกหมูบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ
“เราหลงทางก็เลยไปเจอทิวา” บอกเสียงเนือย ด้วยเพราะเหนื่อยและร้อน จันทร์เจ้าหน้าบึ้งเมื่อนึกถึงไอ้บ้าทิวากาล แกล้งกันอยู่ได้นิสัยไม่ดีเลย อีกทั้งยังไม่บอกอีกว่าตัวเองไม่ได้ชื่อทิวา แต่ชื่อกาล แล้วก็ไม่ได้อยู่ปีหนึ่งอย่างที่เราเข้าใจด้วย โกรธแล้ว!
เสียหน้าชะมัด!
“กรี๊ดดดดด แรงนะหล่อน ไปเรียกเขาทิวาอีก”
“ก็ไม่รู้หนิว่าชื่ออะไร อ๊ะ!” ลูกหมูสะดุ้ง หันไปมองด้นหลัง เจอคนที่กำลังพูดถึงยืนอยู่พร้อมกับนมรสเมล่อนที่ยื่นมาแนบหน้าเมื้อกี้ ขออนุญาตกลอกตา แต่… ฟินน์กับเบสท์แข็งเป็นหินเลย
“ส สวัสดีค่ะ / ครับ พี่กาล” ทั้งสองเอ่ยทัก พอทิวายิ้มให้ทั้งสองก็กรี๊ดเสียงดังคีพลุคกันไม่อยู่
“เอาไปสิ” เขาพยักเพยิดหน้าไปที่นมเมล่อน
“ให้เราทำไม”
“ซื้อมาเกิน กินไม่หมด” จันทร์เจ้าแยกเขี้ยวใส่คนพูด หนังหน้าอย่างทิวาไม่น่าจะดื่มนมแบ๊ว ๆ อย่างนี้เลย รับขวดนมมา เขย่า ๆ ก่อนจะเจาะหลอด กลิ่นหอมหวานของเมล่อนทำให้ลูกหมูอารมณ์ดีขึ้นมา คึคึ อาหย่อยยยย เห็นว่าใจดีซื้อนมมาให้ จะไม่โกรธเรื่องที่แกล้งไปก็ได้ ถึงจะบอกว่าซื้อมาเกินแล้วกินไม่หมดก็เถอะ แต่จันทร์เจ้าฉลาด ทิวากลัวเสียฟอร์มก็เลยบอกแบบนั้นแหง งืม ๆ
“ไอ้กาล!! พวกกูหาอยู่มาทำไรตรงนี้วะ” อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายสามคนกับผู้หญิงอีกคนเข้ามา ปีหนึ่งทั้งสามคนยกมือสวัสดีเพราะรู้ว่าเป็นรุ่นพี่ จันทร์เจ้าจำพี่ชมพู่ได้เพราะพี่เขามากดไลค์รูปให้เราด้วย และพี่ชมพู่ก็สวยมาก ๆ เลย
“เสือก” ทิวาตอบกลับเสียงนิ่งและทำหน้ายุ่ง แล้วก็ถามลูกหมูว่า “กลับยังไง?”
“นั่งรถแงะ หรือมีเครื่องบิน?” ลูกหมูลอยหน้าลอยตาพูด คราวนี้รู้ทัน เอียงหลบก้านนิ้วยาวที่จะยื่นมาดีดหน้าผากหรือดึงแก้มได้ทัน
Rrrr~~ พี่มีนคนดีของจันทร์เจ้าเอง “เฮลโหลพี่มีน!”
(“น้องจิ๋วกลับยัง?”)
“ยัง! เรารอพี่มีนอยู่เนี่ย พี่มีนเลิกยังงะ?”
(“ฮือออ มีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อย รุ่นพี่ยังไม่ปล่อยเลย”)
“อ้าว เวฟกับไต้ฝุ่นก็ยังไม่โทรหาเราเลย”
(“ไต้ฝุ่นไปหาเจนิซแล้ว น้องจิ๋วลองโทรหาเวฟนะ พี่ไม่รู้ว่ารุ่นพี่จะปล่อยกี่โมง”)
“ง่ะ.. ก็ได้”
“เป็นอะไรนังแคระ ทำหน้าเหมือนปวดขี้” เบสท์ถามพร้อมกับดันหน้าผากจนจันทร์เจ้าแทบหน้าหงาย ที่พูดแบบนี้เพราะว่ากลุ่มของทิวาไปแล้วน่ะสิ ไม่งั้นไม่มีทางที่คำพูดไม่ดีจะหลุดออกมาหรอก!
“ฮื่อออ เบสท์น่ะ! เพื่อนเราโทรมาบอกไม่มาหาแล้ว”
“ว้าย น่าสงสาร” บอกว่าน่าสงสารแต่ดันหัวเราะสะใจ เชอะ!
“เดี๋ยวเราโทรหาเพื่อนอีกคนก่อน”
“เออ ไปโทรไกล ๆ รำคาญเสียง”
เชอะ!!
“เวฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ”
(“มีไรไอ้หมู”)
“เวฟอยู่หนายยยยยยย มารับเราโหน่ยยยยย”
(“กูอยู่ข้างนอกแล้วว่ะ ทำไงล่ะ?”)
“โง้ยยยย แล้วเราจะกลับยังไง…”
(“ไอ้ห้อยล่ะ?”)
“พี่มีนบอกว่าไม่รู้รุ่นพี่จะให้เลิกกี่โมง ไต้ฝุ่นก็ไปหาเจนิซแล้วง่ะ”
(“กูออกมาไกลแล้วด้วยดิ รถติดฉิบ”)
“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวให้เพื่อนพาไปส่งก็ได้”
(“แน่ใจนะ กวนเขาป่ะวะ รอได้ไหมล่ะ เดี๋ยวกูกลับรถไปรับ แต่อาจจะนานหน่อย”)
“ไม่เป็นไร ๆ แค่นี้สบายมาก!”
(“แล้วแต่นะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”)
“งืม!”
งานนี้ต้องได้หาทางกลับบ้านเองแหง!! แต่... ในเมื่อมีน้องชายที่น่ารักอยู่ก็ลองส่งข้อความไปหาก่อนแล้วกัน หวังว่าเด็กปีศาจนั่นจะยังไม่กลับบ้านหรอกนะ
น้องจริงใจคนดีมารับพี่จันทร์เจ้าได้ไหมคับ? ณ ร้าน นมปัง “มึงสนใจน้องเขาหรอวะ?”
“น้องเขานี่น้องใคร?” ทิวากาลทำเฉไฉจิ้มขนมปังเข้าปาก ทั้งที่รู้อยู่แล้วแหละว่าที่ชมพู่พูดน่ะ หมายถึงใคร
“จันทร์เจ้าของกูไงไอ้หล่อ!!” คราวนี้เป็นไอ้ต้น ทิวากาลกลอกตา เด็กแก้มกลมนั่นไปเป็นของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้กันผ่านแววตาหรือไง!
“เปล่าหนิ”
“ตอแหลค่ะ ถ้าไม่สนแล้วมึงจะไปตีสนิทน้องทำไม ให้เรียกว่าทิวาด้วยทั้งที่ขนาดพวกกูเป็นเพื่อนสนิทแท้ ๆ ยังไม่ให้เรียก แถมยังซื้อนมไปให้อีก ให้เคลียร์ค่ะ”
“เด็กนั่นไม่รู้ว่ากูชื่อกาล”
“มึงบอกได้แต่ทำไมไม่บอก” ชมพู่
“มึงดูไม่หงุดหงิดอย่างที่ควรจะเป็นเวลาน้องเรียกมึงว่าทิวา” รถถัง
“แล้วมึงก็ดูชอบด้วย” มิค
“นี่มึงชอบน้องจันทร์เจ้าของกูเหรอ?” ไอ้เหี้ยต้น!!!
“เรื่องของกูน่า... จะเสือกอะไรกันขนาดนั้น”
“มีอีกประเด็น” ชมพู่เริ่มอีกครั้ง “มึงไปรู้จักน้องได้ยังไง?”
“เจอหลงทาง”
“แค่นั้น?”
“เออออ ก็แค่นั้น จะแค่ไหนล่ะ?”
“มึงจะไม่สอยน้องใช่ป่ะ?”
ทิวากาลแสยะยิ้ม
“ของแบบนี้มันบอกได้ที่ไหน...”TBC
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค้าาาาา ดีใจมาก ๆ TwT
ในส่วนของตอนที่หนึ่งนั้น... คุณทิวากาลยอมให้ลูกหมูเรียกทิวานี่หมายความว่ายังไงค้าาาาาา
อ้าว ไม่เมนต์นิยายตัวเองสิ55555555555555555
ถ้าหากมีอะไรก็ติชมแนะนำได้นะคับ จะได้เอาไปแก้ไข
แล้วก็ตัวอักษรติดกัน อ่านยากไหมคะ? ถ้าอ่านลำบากเราจะได้แก้ใหม่ ; _ ;
♥