พระลักษณ์
Writer : Tan-Yung0209
File : 26
"ลักษณ์มากินยาก่อนมา" ผมเรียกลักษณ์ที่ยืนอยู่ตรงระเบียง พื้นที่ส่วนนี้ผมได้จัดเป็นสวนเล็กๆเอาไว้และดูเหมือนว่าลักษณ์จะชอบเพราะเวลาว่างลักษณ์จะขลุกตัวอยู่นี่มากกว่าห้องรับแขก
"กินยาเสร็จแล้วนั่งพักด้านในก่อนนะ ข้างนอกอากาศเริ่มหนาวแล้วพี่กลัวลักษณ์เป็นหวัด" ผมพูดกับคนที่กลืนเม็ดยาอยู่ พอกินยาเสร็จลักษณ์ก็ส่งแก้วน้ำให้ผมพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง
"งอนอะไรพี่อีก หืม?" ผมเดินเข้าไปกอดหลวมๆแต่ก็ถูกมือเล็กๆดันตัวผมออก
"ไม่กอดก็ได้แต่บอกพี่มาสิครับว่างอนอะไร?" ผมปล่อยเด็กน้อยให้เป็นอิสระ ลักษณ์ก็ชี้ไปที่ระเบียง ผมก็เข้าใจทันทีว่าลักษณ์ต้องการอะไร
"ก็ได้ครับแต่พี่ให้เวลาแค่15นาทีเท่านั้น ถ้านานกว่านี้อากาศจะหนาวกว่าเดิมลักษณ์จะป่วยอีก" ผมเอ่ย ลักษณ์ยิ้มบางๆแล้วพยักหน้าช้าๆจากนั้นก็เดินตรงไปที่ระเบียง
จากที่ดูแลลักษณ์มาทำให้ผมรู้ว่าลักษณ์มีความเอาแต่ใจ มันไม่ใช่ดูเยอะจนน่ารำคาญ ลักษณ์จะเป็นประเภทตามใจคนอื่นแต่ถ้าลักษณ์อยากได้อะไรก็ต้องได้เช่นกัน นานๆทีผมถึงจะได้เห็นลักษณ์เป็นแบบนี้ งอนผมแบบนี้ อาจเป็นเพราะลักษณ์เป็นน้องคนสุดท้องก็เป็นไปได้เลยได้รับความรัก ความเอ็นดูมามาก ซึ่งไม่แปลกก็เมียผมน่ารักที่สุดโดยเฉพาะเวลายิ้ม เวลางอนก็ยิ่งน่ารักเพราะตากลมสวยจะมองผมแบบจิก คิ้วเข้มขมวด ปากจะเบะคว่ำ รวมๆแล้วเหมือนเด็กสามขวบ
Rt...Rt...
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาทำให้ผมต้องออกจากความคิดที่จมอยู่สู่ความเป็นจริง ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของหมอคีร์
"สวัสดีครับหมอ" ผมกล่าวทักทาย
'สวัสดีทศ น้องลักษณ์เป็นยังไงบ้าง?' หมอคีร์ถาม
"ก็เหมือนเดิมครับยังไม่พูด ดีขึ้นหน่อยที่ดูไม่ซึมเหมือนช่วงแรกแต่ถ้าเขาเจอคนแปลกหน้าหรือเห็นอะไรที่เกี่ยวกับข่มขืนเขาจะเกิดอาการครับ" ผมตอบ
'อืม ทศคงเหนื่อยสินะ'
"ก็นิดหน่อยครับแต่ผมยินดีที่จะดูแลเขา อีกอย่างผมสัญญากับพี่สาวเขาไว้แล้ว" ผมตอบน้ำเสียงจริงจัง
'ถือว่าลักษณ์โชคดีที่ได้ทศดูแล' หมอคีร์พูดชมผม ผมก็คิดว่านี่เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายของลักษณ์กันแน่
'จริงสิ หมอมีความคิดจะนำเสนอทศ' หมอคีร์พูดต่อ
"นำเสนอ?" ผมถาม คิ้วทั้งสองข้างก็ผูกเป็นปม
'ใช่ ทศลองพาลักษณ์ไปเที่ยวสิ สถานที่ที่คิดว่าลักษณ์น่าจะชอบ เผื่อลักษณ์อารมณ์ดีขึ้น อย่างน้อยช่วยจะลดอาการกลัวคนเวลาไปอยู่ข้างนอกได้' หมอคีร์บอกกับผมเสียงเจื้อยแจ้ว
"ขอบคุณมากครับ ผมจะลองดู"
'ไม่เป็นไร..อณะ..ป๋าวินมากัดบ่าคีร์ทำไม...ทศแค่นี้ก่อนนะพอดีคนแก่มาก่อกวน..อย่ามาเลียหูไอ้ป๋าวินบ้า!!!" หมอคีร์บอกลาแล้วตัดสายทิ้ง ผมก็ยิ้มออกมาท่าทางหมอคีร์คงถูกก่อกวนถึงเช้าแน่นอน
ผมนำข้อเสนอของหมอคีร์มาคิด 'สถานที่ที่ลักษณ์ชอบ' ที่ไหนกันนะ? ผมคิดแล้วมองไปที่ร่างโปร่งที่นั่งคุกเข่ากับพื้น มือเรียวก็จับดอกไม้มาสูดดมอย่างทนุถนอม ทำให้ภาพเก่าๆแวบเข้ามาในสมอง
ลักษณ์เจอกับผม ได้พูดคุยจริงจังที่สวนดอกไม้บ้านผม...
วันเกิดแพร ลักษณ์ก็แอบไปเดินชมสวนที่บ้านหลังใหญ่...
และตอนนี้ลักษณ์ก็ชอบอยู่ที่สวนริมระเบียง...
ผมรู้แล้วว่าจะพาลักษณ์ไปที่ไหน
"ลักษณ์เข้ามาได้แล้วครับ" ผมเรียกลักษณ์แล้วนั่งลงที่โซฟา ลักษณ์เองก็เข้ามาในบ้านหน้าบูดบึ้งนิดๆแต่ก็นั่งลงใกล้กับผม
"ไม่ต้องหน้าบูดเลย ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้ว" ผมพูดและยกข้อตกลงขึ้นมา ลักษณ์เหลือบมองผมนิดๆก่อนจะทำหน้ามุ่ย ผมโดนเมียงอนแล้วสิ
"งอนแบบนี้คงอดไปดูต้นไม้ ดอกไม้สวยๆแน่เลย" ผมตั้งใจพูดลอยๆให้อีกคนได้ยินแน่นอนว่าได้ผล ลักษณ์หันมาจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบแถมมือก็จับแขนผมเอาไว้แน่น
"อยากไปไหม?" ผมถามทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้ ซึ่งเป็นไปตามคาดครับลักษณ์พยักหน้าเป็นคำตอบ
"ถ้าอย่างนั้นลักษณ์มาเลือกว่าจะไปที่ไหน? ดีไหม?" ผมถามต่อ ลักษณ์พยักหน้าแววตาเปล่งประกายความสุขออกมา
ผมหยิบโทรศัพท์แล้วเสิร์ทหาสถานที่ที่จะไปโดยลักษณ์เป็นคนเลือก ร่างโปร่งก็เลื่อนดูอย่างตั้งใจ ตัวก็เอนมาพิงผมจนผมยิ้มออกมาเล็กน้อยและนานๆทีจะมีโอกาสแบบนี้ผมก็สอดแขนโอบหลังเนียนกอดเอาไว้ ปากก็จรดพรมจูบที่ผมนุ่มอย่างแผ่วเบา ลักษณ์เองก็ไม่โวยวายหรือแสดงท่าทีขัดขืน ผมก็ตีเนียนคลอเคลียต่อไป
'ปึก'
กำปั้นเล็กๆแต่หนักเอาการทุบตีที่อกผมจนเกิดเสียง กวางน้อยเงยหน้าช้อนตามองมายังผม นิ้วมือก็ชี้ไปยังสถานที่ในโทรศัพท์
"ได้แล้วเหรอ? ไหนดูหน่อยว่าที่ไหน?" ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู สถานที่ที่ลักษณ์เลือกนั้นไม่ไกลจากกรุงเทพ เป็นสวนที่ให้ความร่มรื่นมีทั้งไม้ยืนต้นและไม้ดอก ส่วนที่พักก็เป็นบ้านหลังเล็กๆ
"โอเค พรุ่งนี้เราจะไปที่นี่กัน" ผมเอ่ยกับคนรัก ลักษณ์พยักหน้าเบาๆพร้อมเผยรอยยิ้มที่ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง
☆-☆-☆-☆-☆-☆-☆-☆
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมและลักษณ์ก็ช่วยกันหิ้วกระเป๋าขึ้นรถเตรียมออกเดินทางไปยังสวนสวยๆน่าพักผ่อน โชคดีที่สามวันนี้อาจารย์ไม่ได้นัดสอบเก็บคะแนนอะไรผมเลยลาเพื่อพาเมียเที่ยว
"เฮ้อ...ไม่มีแรงขับรถเลย ขอพลังงานหน่อยวิกวางน้อย" ผมทำเสียงอ่อยหมดแรงพร้อมกับทำแก้มพองลมเพื่อสื่อความให้คนข้างๆรู้ตัว
"นั่งนิ่งอีกแล้ว ถ้าไม่เติมพลังให้พี่เสือ พี่เสือขับรถไม่ไหวนะ" คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงผมส่งสายตาออดอ้อน จากเสือกลายเป็นแมวเชื่องๆตัวหนึ่ง
แล้วมันก็ได้ผลลักษณ์มองหน้าผมแววตาแสดงออกถึงความลังเล คงจะคิดว่าจะทำอย่างไรดี ส่วนผมก็อมลมพองแก้มจนเริ่มเมื่อยหน้า
'จุ๊บ'
ริมฝีปากนิ่มประทับลงบนแก้มของผมเบาๆ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมมีแรง มีกำลังใจขึ้นมา แต่ก่อนที่ใบหน้าของลักษณ์จะออกห่างผมก็ล็อคท้ายทอยขาวแล้วประกบปากทาบทับริมฝีปากสีสดค้างเอาไว้โดยไม่รุกล้ำ
"มีแรงขับรถไปถึงขอนแก่นเลย" ผมพูดหลังจากผละปากออก ตาก็จ้องไปที่แก้มนิ่มเจือสีแดงนิดๆของลักษณ์ ถึงอีกฝ่ายไม่พูดผมก็รู้ว่าเขินหนักขนาดไหน
พอเพิ่มพลังเสร็จแล้วผมก็ขับรถออกจากเมืองหลวงสู่สถานที่เดทไม่สิต้องเรียกว่าฮันีมูนถึงจะถูก ระหว่างทางผมก็เปิดเพลงเคล้าคลอไปเรื่อยส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงรักที่ผมนั้นได้เตรียมมา
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว
หรือจะเป็นในตอนที่คุณต้องนอนเสียใจ
หรือว่าตอนที่เราต้องไกล
มันทำผมได้รู้ว่าคิดถึงแต่คุณ
และในตอนนี้ ในเวลานี้ ล่วงเลยมานานเป็นปี
ให้ดวงดาวนั้นเป็นเหมือนพยานรัก
ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ
ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น
นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ ก็จะรักแค่คุณ
อยากจะมีแค่คุณคนเดียว
คืนวันที่เราเคยมีแต่ความเหงาใจ
เมื่อมีคุณเข้ามาชิดใกล้
ก็อบอุ่นใจดังไฟที่ร้อนตอนเหน็บหนาว
และในตอนนี้ในเวลานี้ ล่วงเลยมานานเป็นปี
ให้ดวงดาวนั้นเป็นเหมือนพยานรัก
ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ
ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น
นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ ก็จะรักแค่คุณ
และจะมีแค่คุณคนเดียว
ลืมเรื่องราวที่ได้เคยบอบช้ำ
ทิ้งมันแล้วโยนมันไปไกล
แล้วในวันพรุ่งนี้ก็จะมีแค่เพียงเรา
ไม่มีใครต้องเหงา และไม่มีใครต้องเศร้า
สองเราเดินเคียงกันไป
ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ
ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น
นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ ก็จะรักแค่คุณ
และจะมีแค่คุณคนเดียว
ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ
ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น
นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ ก็จะรักแค่คุณ
และจะมีแค่คุณคนเดียว
(แค่คุณ : Musketeers)
ผมร้องเพลงนี้ไปพลางมองสลับกับเส้นทางข้างหน้าและลักษณ์ไปพลาง ทุกถ้อยคำในเนื้อเพลงผมต้องการจะสื่อให้รับรู้ว่าผมรักลักษณ์แล้วตอนนี้ก็หยุดอยู่กับลักษณ์เพียงคนเดียว ในขณะที่ร้องเพลงลักษณ์ก็มองผมไม่วางตาเช่นกันลึกๆผมก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าลักษณ์เปิดใจให้ผมบ้างแล้ว
"แวะซื้อขนมหน่อยไหม?" ผมถาม ตอนนี้ผมขับรถแวะมายังปั้มน้ำมันข้างทาง ลักษณ์พยักหน้าทำให้ผมยิ้มออกมามันเป็นสัญญาณที่ดีว่าลักษณ์เริ่มจะเข้าสังคมบ้างแล้ว
ผมเดินโอบร่างโปร่งจากรถไปยังร้านค้า พอเข้ามาในร้านปุ๊บเราสองคนก็เป็นจุดใจไม่ว่าจะเป็นหน้าตาของผมกับลักษณ์รวมกับมือผมที่โอบเอวบางไม่ปล่อยเช่นเดียวกับมือสวยที่จับชายเสื้อผมแน่น ไม่บอกก็รู้ว่าความสัมพันธ์ที่คนภายนอกมองเราสองคนนั้นเป็นอย่างไร
"อยากกินอะไรหยิบเลยนะ" ผมบอกกับอีกคน ลักษณ์เดินหน้าหยิบขนมส่วนใหญ่จะเป็นขนมปังหน้าต่างๆ ส่วนผมก็ไม่ซื้อครับรอแย่งลักษณ์กินอีกที
"เอาอะไรอีกไหม?" ลักษณ์ส่ายหน้าแล้วหอบขนมมาหน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน ผมก็ล้วงกระเป๋าเตรียมจ่าย
"เอ่อ ขอโทษนะคะ พวกพี่เป็นแฟนกันใช่ไหมคะ?" พนักงานถาม ตัวก็บิดไปมาเหมือนจะเขินพวกเราสองคน
"อย่าเรียกว่าแฟนเลยครับ เรียกว่าผัวเมียถึงจะถูก" ผมพูดจบ พนักงานก็กรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนอีกคน ส่วนลักษณ์ก็หยิกเอวผมแก้เขิน (?)
"พี่คะ หนูเป็นสาววาย หนูขอถ่ายรูปพี่ทั้งสองคนนะคะ"
"ได้ครับ" ผมตอบตกลงโดยไม่คิดที่จะถามคนข้างๆ พอหญิงสาวยกโทรศัพท์ถ่ายรูปขึ้นมาผมก็กอดเอวลักษณ์
'ฟอด'
ผมหอมแก้มค้างไว้ รู้สึกว่าจะได้ยินเสียงชัตเตอร์หลายช็อตก่อนจะได้ยินเสียง 'เพี๊ยะ' กระทบที่แขนโดยฝีมือลักษณ์
"ขอบคุณพี่มากๆนะคะ" พนักงานร้านกล่าวคำขอบคุณผมแล้วรีบหยิบขนมมาคิดเงินอย่างรวดเร็วสงสัยจะเพิ่งรู้ตัวว่าทำงานอยู่
พอซื้อขนมเสร็จผมก็ถือถุงกลับขึ้นรถโดยคนหยิบขนมเดินตัวเปล่านำหน้าผมไป รังสีแห่งความงอนแผ่จนผมรู้สึกได้ ยิ่งตอนปิดประตูรถแรงที่ใช้ปิดเกือบทำประตูรถผมพัง
"งอนพี่เหรอ?" ผมเอ่ย ลักษณ์เม้มปากเล็กน้อยตาก็จ้องไปข้างหน้า
"พี่บอกแล้วไงว่าอย่าเม้มปาก" ผมใช้โป้งเกลี่ยริมฝีปากที่ขบเม้มกัน ลักษณ์ก็เบืยนหน้าหนี
"ลักษณ์ ถ้าไม่พอใจก็โวยวายพี่สิ ด่าพี่สิ พูดออกมาสิว่าพี่ใจร้าย" ผมพูดเสียงสั่น ผมไม่อยากให้ลักษณ์เงียบให้ลักษณ์ปิดกั้นตัวเองแบบนี้อีก ที่ผมคอยแกล้งคอยหยอกลึกๆผมก็หวังว่าลักษณ์จะโวยวายผมบ้าง ลักษณ์หันมามองที่ผม มือก็เลื่อนมากุมมือของผมเอาไว้ สายตาเศร้ามองมาที่ผมราวกับรู้สึกผิด จนผมอดไม่ได้ที่จะสวมกอด
"พี่อยากให้ลักษณ์พูดออกมา อยากให้ลักษณ์ตอบพี่ว่ารู้สึกยังไงกับพี่" ผมพูดความในใจออกไปเราทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมกอดลักษณ์อยู่สักพักก็ผละกอด
'จุ๊บ'
ริมฝีปากนิ่มประทับที่ปลายคางของผม ผมหันไปดูคนข้างๆที่ตอนนี้ทำทีมองไปนอกหน้าต่าง ผมส่ายหน้าให้กับความน่ารักของลักษณ์ ถึงเจ้าตัวจะไม่พูดแต่การกระทำหลายอย่างที่แสดงออกมาทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเอง
ผมขับรถต่อไปเรื่อยๆ ลักษณ์เองก็คอยกินขนมให้กำลังใจ ขนมถุงไหนไม่อร่อยลักษณ์จะป้อนให้ผมกินเป็นระยะแต่ถ้าขนมถุงไหนรสชาติดีแน่นอนว่าผมไม่ได้ลิ้มรสมันเลย
ในที่สุดเราทั้งสองคนก็มาถึงจุดหมาย ตลอดข้างทางทั้งสองฝั่งที่รถยนต์เคลื่อนผ่านจะมีต้นไม้ใหญ่ที่โน้มเข้าหากันจนเป็นประตูซุ้มให้เราลอดผ่านเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจ ชนาดปากทางเข้ายังสวยงามขนาดนี้ผมอดใจรอไปดูด้านในไม่ไหวแล้วสิและผมคิดว่าลักษณ์เองก็คงอยากเข้าไปข้างในเช่นเดียวกับผม
"ลักษณ์รอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวพี่ไปเช็คอินกับเอากุญแจห้อง อ่อ ห้ามเดินไปไหนเข้าใจไหม?" ผมเอ่ย ตอนนี้ก็จอดรถเอาไว้ด้านในพร้อมกับยกกระเป๋าออกมา ตอนแรกว่าจะหิ้วกระเป๋าไปแล้วให้ลักษณ์ตามมาด้วย แต่พอคิดไปคิดมากระเป๋าหนักไม่อยากจะหิ้วไปมา สรุปก็คือให้ลักษณ์เฝ้ากระเป๋าแทน
"คุณทศกัณฐ์ที่โทรมาจองเมื่อวานนะคะ นี่กุญแจค่ะห้อง A7" พนักงานเช็คข้อมูลของผมเสร็จก็นำกุญแจมาให้ผม ผมก็รับมาแล้วรีบเดินไปหาลักษณ์ซึ่งรออยู่ไม่ไกลแต่ผมนั้นก็ไม่อยากทิ้งคนรักไว้คนเดียว
'แกร็ก'
กุญแจโลหะตกลงกระทบพื้นปูน ผมมองภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า ขาทั้งสองข้างของผมอยู่ๆก็ไร้เรี่ยวแรงก้าวเดินต่อไม่ไหวเพราะสิ่งที่เห็นนั้นลักษณ์กำลังกอดผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ไม่ใช่ผม เสียงของที่หายไปนานกลับเรียกชื่อของคนที่สวมกอดทั้งน้ำตา
"ฮือ..อ...ฮือ...พี่ราม...พะ...พี่ราม..ฮือ.."
.....................................
พระราม - เห็นเงียบๆก็ฟาดเรียบนะคะ
ทศกัณฐ์ - ก็คนไม่จำเป็นก็ต้องเดินต่อไป
รู้นะว่านั่งยิ้มอยู่ก่อนจะเงิบในสามสี่บรรทัดสุดท้าย อิอิอิ
555555
ตอนนี้หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ไรท์ขอตัวไปเก็บของหนีและย้ายกระท่อมไปอยู่วังบาดาลก่อน
กลัวทุกคนจะมาเยี่ยมไรท์
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน เม้น เป็นกำลังใจ