[เรื่องสั้น] เราพูดจาภาษาเดียวกัน by กฤษณ์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] เราพูดจาภาษาเดียวกัน by กฤษณ์  (อ่าน 41622 ครั้ง)

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม/color]

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หากใครเคยอ่าน>>>>>รักจู่โจมที่ติวเตอร์<<<<<มาแล้ว

เราพูดจาภาษาเดียวกัน เป็นผลงานอีกชิ้นจากปลายปากกาพี่ไอซ์กันค่ะ

รับรองว่าสนุกๆแน่

รออ่านกันนะค่ะ


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 15:34:56 โดย THIP »

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: เราพูดจาภาษาเŨ
«ตอบ #1 เมื่อ16-12-2008 19:26:49 »

เราพูดจาภาษาเดียวกัน
   
‘ ความรัก ... จะกระทำสิ่งทั้งหมดนี้แก่เธอ  เพื่อว่าเธอจะได้หยั่งรู้ความลับ ของดวงใจเธอเอง และด้วยความรู้นั้นเธอก็จะได้เป็นส่วนหนึ่ง ของดวงใจแห่งชีวิตอมตะ ’
   ถ้อยคำที่อ่อนหวานและลึกซึ้ง ที่ปรากฏอยู่ในงานเขียนของคาลิล ยิบราน ทำให้ผมตั้งคำถามถึงคุณวิเศษของความรักว่ามันอัศจรรย์แก่เราได้มากขนาดนี้เชียวหรือ?  ผมยังไม่แน่ใจนัก ว่าเคยสัมผัสกับสิ่งที่คนทั้งโลกเรียกว่าความรักแล้วหรือยัง แน่นอนว่า ความรักเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้โดยไม่ต้องจับต้องอยู่ตลอดเวลา แต่ในฐานะของ “คนรัก” ความรักในรูปแบบนั้น ผมสามารถบอกได้ทันทีเลยว่า...ผมยังไม่เคยสัมผัส
   ตัวเลขที่วิ่งพร้อมเข็มนาฬิกา วันเวลาที่พาปฏิทินเปลี่ยนหน้า ชีวิตของผมก็ก้าวไปพร้อมกับฤดูที่ผ่านพ้น ปลายฤดูหนาวนี้ผมจะต้องทำสารนิพนธ์ให้เสร็จ เพื่อจะขอจบการศึกษาแล้ว ข้อมูลที่เก็บกองไว้ในหัวกำลังทยอยถ่ายทอดออกมาเป็นรูปเล่ม ที่เหลือก็มีภาพถ่ายประกอบที่ยังไม่ครบถ้วนตามเป้าที่ได้ตั้งใจเอาไว้
    กล้องถ่ายรูป Nikon FM2 ตัวนี้ยังคงเป็นเพื่อนคู่ใจผมตั้งแต่วันแรกที่ผมหัดถ่ายรูปกับคุณพ่อเมื่อห้าปีก่อน ภาพถ่ายที่ได้มาจากการกดชัตเตอร์แต่ละครั้งของผม แทนความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ลึกๆ ที่ไม่อาจจะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดสื่อสารให้คนอื่นได้รับรู้ได้ ผมเก็บรูปที่ผมชอบไว้ในสมุดบันทึกเล่มใหญ่ๆ พร้อมกับเขียนเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังรูปเหล่านั้นไว้ เพื่อให้เป็นเหมือนหมุดตอกความทรงจำที่ดีๆ เพื่อให้ย้อนกลับไปหาในวันที่คิดถึง
   บ่ายวันพุธ - - กลางสัปดาห์แบบนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขอยู่กับท้องถนนที่ว่างจนเกือบโล่ง ผู้คนก็ไม่สู้จะจอแจมากเหมือนวันหยุดหรือวันต้นสัปดาห์ และโชคดีที่วันนี้ วัดพระแก้วน้อยเปิดให้เข้าไปได้ ผมเลยแสดงตัวว่าเป็นนักศึกษาพร้อมกับยื่นจดหมายจากอาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ให้เจ้าหน้าที่ดู สุดท้ายผมก็เข้าไปเก็บภาพทั้งหมดของวัดพระแก้วน้อยได้ตลอดทั้งบ่าย
   ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ทำให้ผมตั้งคำถามใหม่ๆ อยู่เสมอ มันเป็นเรื่องที่เราต้องย้อนกลับไปร่วมกันเรียนรู้ เพื่อที่จะหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่ได้เป็นเพียงเศษซากที่ถูกพังลงด้วยเวลา ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องเชื่อตามอย่างเด็ดขาด แต่มันคือร่องรอยที่เป็นฐานรากซึ่งออกผลมาเป็นวันนี้ของเรา 
ผมเลือกเรียนประวัติศาสตร์ด้วยข้อจำกัดและความสนใจที่เป็นทุนอยู่ในตัว...
ภาพบานประตูรอบๆ วิหารในวัดพระแก้วน้อยถูกผมบันทึกจนหมด เมื่อมองดูนาฬิกาที่อยู่ติดกับข้อมือ ก็ทำให้ผมต้องรีบออกมาก่อนเขาจะปิดวัด การถ่ายภาพเพื่อประกอบงานเขียนพาผมมายืนอยู่ในช่วงปลายของวันอันแสนสั้น แสงตะวันที่กำลังทอดแสงสีส้มลงบนแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาท่ามกลางสายลมหนาวที่ต้องเนื้อ ซึ่งนานๆ จะมาเยี่ยมทักคนกรุงอย่างผมสักที
ผมใช้เวลาอันเป็นช่วงต่อของราตรีที่กำลังเดินทางเข้ามานั้น เป็นช่วงเวลาของการเดินผ่อนอารมณ์จากเรื่องการงานที่หมกมุ่นมาทั้งวัน ผมใช้ขนมอร่อยๆ ที่หาซื้อได้แถวนั้นมาเป็นเครื่องมือในการพักผ่อนพร้อมๆ กับการเดินถ่ายรูปบรรยากาศรอบข้างที่มีสีสันและจังหวะเป็นท่วงทำนองเฉพาะตัวเหล่านั้น จนสุดท้ายทางเดินในช่วงแรกของผมก็มาหยุดที่ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเก่าแก่ของพระนคร
แสงนวลของร้านสาดออกมาผ่านกระจกใส  ร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผมชอบมาที่นี่ ชอบบรรยากาศ ชอบหน้าตาของเค้ก ชอบกินหอมอันสุขุมของกาแฟรสขมจัด เจ้าของร้านกำลังง่วงอยู่กับการชงกาแฟ ทันทีที่ผมผลักประตูบานใสเข้าไปในร้าน กระดิ่งเสียงใสอันเล็กๆ กังวานขึ้น พร้อมๆ กับที่พี่เอกเงยหน้าขึ้นมายิ้มทักทายให้กับผม ผมยิ้มรับ แล้วเดินเข้าไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาท์เตอร์ เสร็จแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านใน ซึ่งเป็นมุมริมสุดของร้านและพอมองออกไปด้านนอกจะเห็นภาพบรรยากาศของเจ้าพระยาในเวลาค่ำได้อย่างชัดเจน
        สมุดบันทึกที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าสะพานอยู่นาน ถูกผมหยิบขึ้นมาแล้วกางลงบนโต๊ะก่อนที่จะลงมือเขียนบันทึกที่เกี่ยวกับงานสารนิพนธ์ที่ได้ไปสำรวจพื้นที่มาในวันนี้ ไม่นานนักโกโก้ร้อนที่ผมสั่ง ก็มาเสริฟลงที่โต๊ะ พร้อมกับคุ้กกี้สามสี่ชิ้นที่ถูกว่างลงพร้อมกัน
       ‘ผมไม่ได้สั่งนะพี่’ ผมบอกกับรุ่นพี่เจ้าของร้านพร้อมกับเอามือเลื่อนจานใส่คุ้กกี้ไปที่เขา
       “ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าแถมให้แล้วกัน” เขายิ้มพร้อมกับเลื่อนจานกลับเข้ามาคืนผม
       ‘ชอบทำให้เกรงใจอยู่เรื่อย’ ผมบอก ‘วันนี้ขายดีมั้ย’
     “ได้เรื่อยๆ เหมือนเดิม” เขาหยิบคุ้กกี้ในจานขึ้นมากิน “ ทำไมไม่กินหล่ะ ขนมร้านนี้อร่อยจะตาย”
     ผมหัวเราะ...แม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเองเลยก็ตาม

ปีนี้กรุงเทพฯอากาศเย็นมากกว่าปีก่อนก็จริง แต่ก็ไม่ถึงกับหนาวจนต้องใส่เสื้ออีกชั้นหนึ่งออกจากบ้าน อีกไม่กี่วันก็จะเป็นขึ้นปีใหม่แล้ว เพื่อนๆ ที่คณะ หลายคนกำลังวางแผนจะไปเที่ยวกัน ที่จริงผมก็อยากไปเที่ยว นานแล้วที่ไม่ได้ออกต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ แต่ปีนี้ผมตัดสินใจที่จะอยู่เที่ยวกรุงเทพฯ เนื่องจากยังกังวลกันสารนิพนธ์ที่ค้างคาอยู่
     “ อยากได้อะไรจากปายมั้ย ” นิ่มถาม
     ‘ส่งรูปที่แกถ่ายแนบมาจากโปสการ์ดมาให้สักใบก็พอแล้ว’ ผมตอบ
     หลังจากที่ผมสังสรรค์กับเพื่อนๆ เสร็จแล้ว ผมก็เดินไปที่ท่าพระจันทร์เพื่อไปเอารูปและสไลด์ที่สั่งอัดเอาไว้เมื่อวัน ก่อน ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินไปยังร้านอัดรูปผมนึกถึงเพลงในอัลบั้มของ พิงค์ ฟลอยด์ ในอัลบั้ม Dark side of the moon กับเพลงที่ชื่อว่า Time
     เนื้อเพลง Time ได้กล่าวถึงวันเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว  ชีวิตในเมืองที่เรากำลังใช้ชีวิตพาเราไปอย่างรวดเร็วจนอาจทำให้เราหลงลืมบาง สิ่งไป ทั้งสิ่งที่เราไม่ได้ทำและเวลาที่ผ่านพ้นไปเร็ว โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลย เหมือนกับท่อนนึงของเพลง ที่ผมกำลังร้องอยู่ในหัวใจในตอนนี้ว่า : The time is gone, the song is over though I’d something  more to say.
     พอถึงร้านอัดรูป ผมได้ยื่นใบรับรูปและสไลด์และนั่งรออยู่ในร้าน ระหว่างนั้นผมก็ได้พบกับพี่เอก เจ้าของร้านกาแฟคนนั้น
     “ มาเอารูปเหรอ? ” เขาถาม
     ผมยิ้มและพยักหน้าเป็นการให้คำตอบว่าใช่...พร้อมกับหยิบปากกาน้ำเงินขึ้นมาเขียนข้อความลงในสมุดโน้ตเล่มที่ผมพกติดตัวเป็นประจำ
     ‘ แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่ครับ... ’
     “ มาเอารูปเหมือนกันครับ...ถ้าเสร็จแล้วไปดื่มกาแฟที่ร้านพี่มั้ย? ”
   ผมให้คำตอบเป็นรอยยิ้ม...
   ทาง เดินที่ทอดไปข้างหน้า บทฟุตบาทมีผู้คนมากมายเดินอยู่บนนั้น เราคือส่วนหนึ่งของมันโดยที่ไม่รู้ตัว ผมไม่อาจะล่วงรู้ได้ถึงจุดหมายปลายทางของผู้คนที่เดินทางบนถนนสายเดียวกัน เช่นเดียวกันผม แม้ว่าเราจะเดินกันไปที่ร้านกาแฟของพี่เอกแต่ปลายทางนั้นผมยังไม่รู้จัก การเดินทางที่ไร้ซุ่มเสียงไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้เดินอยู่แต่ เพียงลำพัง
   ผมยังไม่ทันที่จะได้คาเฟอีนเลย แต่ทำไมเวลาที่มองหน้าพี่เอก...หัวใจผมเต้นแรงจัง...

ร้านกาแฟในวันนี้ มีเพียงแค่ผมกับพี่เอกสองคน วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนประจำเดือนของลูกจ้าง ไฟในร้านเปิดแค่บางส่วน เฉพาะแต่เคาท์เตอร์ที่ชงกาแฟ และโต๊ะด้านริมแม่น้ำ บาริสต้าหนุ่มกำลังชงกาแฟลาเต้ให้ผมอยู่ โดยที่มีผมนั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ หน้าเคาท์เตอร์ กลิ่นหอมของกาแฟทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายพอๆ กับกลิ่นของเบเกอรี่หอมๆ เอสเปรสโซ่อเมริกาโน่ถูกเติมนมสดลงไปจนกลายเป็นสีน้ำตาลสวยและถูกเทลงแก้ว กาแฟเซรามิคสีขาวสะอาด ฟองนมที่ถูกตีขึ้นเป็นฟองหนานุ่มด้วยไอร้อนถูกตักขึ้นมาแต่หน้าลาเต้บนถ้วย กาแฟที่ถูกเตรียมไว้
   “อยากดูลาเต้อาร์ทมั้ย”
   ผมพยักหน้าตอบ
   “งั้นผมจะทำให้...เอารูปไรดีนะ...”
   หลัง จากนั้น ผมกับพี่เอกก็มานั่งคุยกันที่โต๊ะเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ในมุมริมสุดของร้านซึ่ง ทำให้มองเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีที่สุด  ผมเพิ่งจะทราบว่าเขาเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน ที่มีอาชีพเสริมเป็นบาริสต้า หลายต่อหลายเรื่องเราสองคนเพิ่งจะมารู้จากปากของกันและกันในวันนี้ มันเป็นการสนทนาที่ยาวนานและทำให้เรายิ่งรู้จักกันมากยิ่งขึ้น แม้ว่าผมจะมาร้านนี้เป็นปีๆ แล้วก็ตาม
   ‘ตอนนี้พี่กำลังเปิดเพลงอะไรอยู่’ ผมใช้ปากกาน้ำเงินด้ามเก่งของพี่เอกเขียนข้อความลงในสมุดโน้ตของผมก่อนที่จะยื่นให้เขาอ่าน
   “ตอนนี้กำลังเล่นเพลงของ Don’t know why ของ Kan Hirai” เขาตอบ
   ‘เสียงของเขาเพราะมั้ย...’
ผม สูญเสียการได้ยินหลังจากที่เสียงจักจั่นกรีดร้องในหูเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน นับแต่นั้นมา โลกผมก็เงียบสนิท ผมเสียใจที่สูญเสียในสิ่งที่พระเป็นเจ้าประทานมาและเรียกมันกลับคืน แต่ยังโชคดีที่ผมยังเหลือผัสสะอื่นๆ อยู่ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตของผมเลวร้ายจนถึงขนาดมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ แค่อาจจะใช้ชีวิตนับแต่นั้นลำบากมากขึ้นกว่าเก่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่พอจะยอมรับได้ และยังโชคดีที่ยังมีคนดีๆ คอยอยู่เคียงข้างผมอีกมาก ผมเคยได้ฟังเพลงเพราะ ๆ ได้พูดคุยกับคนที่ผมรัก ได้สื่อสารให้คนรอบข้างได้เข้าใจ นับแต่วันที่ผมสูญเสียการได้ยินไป ผมก็ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว เพราะคงป่วยการที่จะพูดออกไปโดยที่ไม่ได้ยินเสียงตัวเองในขณะที่ตัวเองกำลัง พูด
   วันนี้ของผมจบลงด้วยความรู้สึกที่อบอุ่น เราอาจจะพูดคุยกันได้ช้ากว่าคนทั่วไป แต่พี่เอกก็ยินดีที่จะรอถ้อยคำของผมสื่อสารผ่านปากกาสีน้ำเงินด้ามนั้น โชคดีที่ผมพอจะอ่านปากคู่สนทนาอยู่ได้บ้าง เลยเป็นโชคที่ทำให้เราไม่ต้องนั่งเขียนเพลงยาวแลกกันอ่าน

นับจากวันนั้น เกือบสองสัปดาห์ผมก็มัวแต่จัดการกับสารนิพนธ์ซึ่งจะสิ้นสุดกำหนดส่งครั้งแรก อีกไม่กี่วันนี้แล้ว กิจกรรมเดิมๆ จึงเป็นเสมือนเพื่อนสนิทในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การเรียบเรียงข้อมูล รวมทั้งการเขียนบทความต่างๆ โชคดีที่รูปทั้งหมดที่ต้องใช้ประกอบนั้นผมถ่ายเก็บไว้ครบหมดแล้ว เพื่อนหลายๆ คนที่ส่งงานก็เริ่มจะทยอยเดินทางออกไปเที่ยววันปีใหม่ในที่ต่างๆ มหาวิทยาลัยเงียบลงกว่าเดิมทำให้ผมรู้สึกวังเวงพิกล แต่อีกสองวันเท่านั้น ผมก็จะเสร็จงานที่จะตั้งส่งครั้งแรกแล้ว...
   พอผมกลับไปที่ บ้าน ผมเห็นจดหมายวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ บนซองจดหมายสีน้ำตาลเข้มที่บรรจุจดหมายนั้น มีเพียงชื่อเล่นของผมกับที่อยู่เท่านั้น ไม่เห็นว่ามีที่อยู่ผู้ฝากแต่อย่างใด แต่เมื่อแกะซองจดหมายดู ก็พบกับโปสการ์ด 1 ใบ ที่เป็นรูปร้านกาแฟของพี่เอกในยามค่ำคืน ซึ่งถ่ายมาจากอีกฝั่งหนึ่งของร้าน...
   “ นับถอยหลังสู่ปีใหม่...พร้อมเริ่มต้นก้าวไปด้วยกัน ”
   นี่คือข้อความบนโปสการ์ดที่เขาส่งถึงผม

ดีใจจริงๆ ที่วันนี้อากาศเย็น สมกับเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จริงๆ ผมมองดูโปสการ์ดที่พี่เอกส่งมาซึ่งแปะไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือก่อนที่จะหยิบ ขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วสอดมันไว้ในสมุดบันทึกประจำตัวของผม ก่อนที่จะหยิบกล้องตัวเก่งลงกระเป๋า แล้วออกเดินทางไปยังร้านกาแฟของพี่เอก
   ผู้ คนกำลังมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองนี้ ผมเองก็อดที่จะตื่นเต้นไปกับบรรยากาศที่เห็นผู้เบื้องหน้าไม่ได้ แสงไฟหลากสีที่ประดับประดาไว้ทำให้ผมคิดถึงวันเก่าๆ ที่ทำให้มีความสุข เหมือนกำลังถูกย้อยเวลาให้กลับไปสู่ความเป็นเด็กอีกครั้ง
   ย่านเก่าแก่ ของเมืองหลวงไม่พลุกพล่านเหมือนกับจุดเคาท์ดาวน์ใหญ่ๆ ในกรุงเทพ ผมใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ไปถึงร้านกาแฟของพี่เอก บรรยากาศในร้านไม่ต่างจากเมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่ผมได้มาพร้อมพี่เอกในคราว นั้น แสงนวลที่สาดมาจากร้านเป็นสัญญาณบอกว่าเขากำลังรอผมอยู่ที่นั่น พอผมเข้าไปในร้าน ก็ได้กลิ่นหอมของกาแฟอวลอยู่กับเบเกอร์รี่ที่วางไว้บทเคาท์เตอร์ มุมในสุดของร้านมีต้นคริสมาสประดับไฟส่องแสงเป็นประกายอยู่ในมุมมืด พี่เอกกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงโต๊ะนั้นอยู่คนเดียว ทันทีที่เขาเห็นผมเดินเข้ามา ก็ลุกขึ้นมาต้อนรับผม พร้อมกับจะชงกาแฟให้
   ผม แสดงท่าทีว่า ผมอยากจะลองเป็นบาริสต้าดูบ้าง...สุดท้ายผมก็ได้ลองดื่มลาเต้ที่ตัวเองชง เป็นครั้งแรกและพี่เอกได้หยิบขนมในถาดใส่จานและมาเสริฟให้ผม เขาบอกผมว่า ขนมทั้งหมดเขาเป็นคนทำเอง และหลายอย่างลองทำเป็นครั้งแรก ทั้งหมดนี้ เขาเตรียมไว้เพื่อฉลองสำหรับคืนนี้ ผมอยากจะถามว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้ามคืนพิเศษอยู่ที่นี่ ถ้าผมพูดได้สะดวก รับฟังอะไรๆ ได้เหมือนก่อน ผมคงจะชวนคุยและถามเรื่องราวต่างให้มากขึ้น
   ‘ไม่เบื่อบ้างเหรอ ที่ต้องอยู่เงียบๆ กับผม...’ ผมเขียนข้อความลงในกระดาษและยื่นให้เขาอ่าน ระหว่างที่เรากำลังนั่งรอเวลานับถอยหลังสู่วันปีใหม่
   ‘ไม่เลย’
   เขาเขียนกลับมา และนับแต่นั้น พี่เอกก็ใช้วิธีเดียวกันนี้สื่อสารกับผม โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากเอาเปรียบผม
   ‘เรียนภาษามือแล้วมาคุยกับผมสิ’  ผมเขียนตอบ ทันทีที่เขาอ่านจบเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ จนผมอดหัวเราะตามไม่ได้
   “ รู้มั้ย ว่าเสียงหัวเราะของนาย ...คือสิ่งที่ผมอยากได้ยิน ” คำพูดของเขาแม้ผมจะไม่ได้ยินแต่เมื่อผมเห็นริมฝีปากของเขา ใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะในทันที

อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะเข้าสู่วันใหม่ของปีใหม่แล้ว พี่เอกให้สัญญาณกับผมว่าเหลือเวลาอีกไม่นานเขาบอกว่าริมแม่น้ำจะมีพลุให้ดู ด้วย เขาเลยพาผมออกไปยืนนอกร้าน และเราสองคนก็หันหน้าไปทางสะพานพระราม๘
เมื่อถึงเวลานับถอยหลังพี่เอกก็ให้สัญญาณมือให้ผมนับถอยหลังไปพร้อมๆ กัน
   นานแล้ว...ที่ผมไม่ได้ยืนนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กับใคร...ทุกอย่างมันตื่นเต้นไปหมดแม้กระทั้งวินาทีสุดท้ายที่สิ้นสุดปีเก่า
        แสงของดอกไม้ไฟสว่างจ้าเป็นสีสันแต้มท้องฟ้าและผืนน้ำยามราตรี


พี่เอกหันมาหาผมพร้อมพูดกับผมด้วยภาษามือว่า
   “ผมชอบคุณ”


---- เอวัง ----


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2015 23:47:34 โดย TONG »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
จิ้มๆ  :z2:  เอากฏมาแปะด้วยนะ

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
 :o8: ขอเม้นเป็นกำลังใจก่อนครับ กำลังเก็บตามอ่าน...

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
จิ้มๆ  :z2:  เอากฏมาแปะด้วยนะ

เอ่อ กฏแปะยังไงเหรอค่ะ

ไม่เคยเอามาใส่ ต้องใส่ด้วยชิมิค่ะ

เด๋วไปหามาใส่ค่ะ

sun

  • บุคคลทั่วไป
มาช่วยจิ้มเรื่องใหม่ด้วยคน   :mc4:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เรื่องใหม่ ๆ  :mc4:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :mc4:ต้อนรับเรื่องใหม่ :L2:

bixzz

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: ติดตามมาอ่านผลงานคุณกฤษณ์ต่อไป....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เรื่องใหม่

มารออ่านต่อไปนะคะ

ภาษาที่ว่านี่คือภาษากายกะใจชิมิ 

ฮิ้ววววววววว

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
ตามมาเจิ่มเรื่องใหม่ :mc4:

palpouverny

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มๆๆๆๆ

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
ตองครับ  คิดถึงครับ >,<

เรื่องนี้น่าสนใจดี  ไม่ค่อยมีเรื่องสั้นแบบนี้ในบอร์ดสักเท่าไหร่   :call:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ก่อนอื่นก็ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้การต้อนรับนะค่ะ

ให้ดอกไม้ทุกคนเลย คริคริ

 :L2: :L2: :L2:

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เรื่องใหม่

มารออ่านต่อไปนะคะ

ภาษาที่ว่านี่คือภาษากายกะใจชิมิ 

ฮิ้ววววววววว


ไม่บอกในกระทู้ค่ะ ต้องมาเจอตัวจริง

แล้วจะบอกว่าภาษากาย หรือภาษาใจ คริคริ

ตองครับ  คิดถึงครับ >,<

เรื่องนี้น่าสนใจดี  ไม่ค่อยมีเรื่องสั้นแบบนี้ในบอร์ดสักเท่าไหร่   :call:

คิดถึงพี่แทนเหมือนกันค่ะ จุบจุบ

มีผลงานใหม่มายังเอ่ย ตองรออ่านต่อนะค่ะ

ฝากนิยายอีกเรื่องด้วยนะค่ะ คริคริ




--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปีนี้กรุงเทพฯอากาศเย็นมากกว่าปีก่อนก็จริง แต่ก็ไม่ถึงกับหนาวจนต้องใส่เสื้ออีกชั้นหนึ่งออกจากบ้าน อีกไม่กี่วันก็จะเป็นขึ้นปีใหม่แล้ว เพื่อนๆ ที่คณะ หลายคนกำลังวางแผนจะไปเที่ยวกัน ที่จริงผมก็อยากไปเที่ยว นานแล้วที่ไม่ได้ออกต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ แต่ปีนี้ผมตัดสินใจที่จะอยู่เที่ยวกรุงเทพฯ เนื่องจากยังกังวลกันสารนิพนธ์ที่ค้างคาอยู่

     “ อยากได้อะไรจากปายมั้ย ” นิ่มถาม
     ‘ส่งรูปที่แกถ่ายแนบมาจากโปสการ์ดมาให้สักใบก็พอแล้ว’ ผมตอบ
     หลังจากที่ผมสังสรรค์กับเพื่อนๆ เสร็จแล้ว ผมก็เดินไปที่ท่าพระจันทร์เพื่อไปเอารูปและสไลด์ที่สั่งอัดเอาไว้เมื่อวันก่อน ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินไปยังร้านอัดรูปผมนึกถึงเพลงในอัลบั้มของ พิงค์ ฟลอยด์ ในอัลบั้ม Dark side of the moon กับเพลงที่ชื่อว่า Time
     เนื้อเพลง Time ได้กล่าวถึงวันเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว  ชีวิตในเมืองที่เรากำลังใช้ชีวิตพาเราไปอย่างรวดเร็วจนอาจทำให้เราหลงลืมบางสิ่งไป ทั้งสิ่งที่เราไม่ได้ทำและเวลาที่ผ่านพ้นไปเร็ว โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลย เหมือนกับท่อนนึงของเพลง ที่ผมกำลังร้องอยู่ในหัวใจในตอนนี้ว่า : The time is gone, the song is over though I’d something  more to say.
     พอถึงร้านอัดรูป ผมได้ยื่นใบรับรูปและสไลด์และนั่งรออยู่ในร้าน ระหว่างนั้นผมก็ได้พบกับพี่เอก เจ้าของร้านกาแฟคนนั้น
     “ มาเอารูปเหรอ? ” เขาถาม
     ผมยิ้มและพยักหน้าเป็นการให้คำตอบว่าใช่...พร้อมกับหยิบปากกาน้ำเงินขึ้นมาเขียนข้อความลงในสมุดโน้ตเล่มที่ผมพกติดตัวเป็นประจำ
     ‘ แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่ครับ... ’
     “ มาเอารูปเหมือนกันครับ...ถ้าเสร็จแล้วไปดื่มกาแฟที่ร้านพี่มั้ย? ”
   ผมให้คำตอบเป็นรอยยิ้ม...
   ทางเดินที่ทอดไปข้างหน้า บทฟุตบาทมีผู้คนมากมายเดินอยู่บนนั้น เราคือส่วนหนึ่งของมันโดยที่ไม่รู้ตัว ผมไม่อาจะล่วงรู้ได้ถึงจุดหมายปลายทางของผู้คนที่เดินทางบนถนนสายเดียวกัน เช่นเดียวกันผม แม้ว่าเราจะเดินกันไปที่ร้านกาแฟของพี่เอกแต่ปลายทางนั้นผมยังไม่รู้จัก การเดินทางที่ไร้ซุ่มเสียงไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้เดินอยู่แต่เพียงลำพัง
   ผมยังไม่ทันที่จะได้คาเฟอีนเลย แต่ทำไมเวลาที่มองหน้าพี่เอก...หัวใจผมเต้นแรงจัง...

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ตะหงิด ๆ ตั้งกะตอนแรกแล้ว ตกลงว่านายเอกของเรานี่หูหนวกแล้วก็เป็นใบ้ด้วยใช่ไหมคะ   :m28:

Krish

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณที่ติดตามผลงานคับ

ช่วยเม้นท์กันหน่อยนะคับ จะได้มีกำลังใจ ^^

รักทุ๊กก คน

โดยเฉพาะน้องตอง แม่ยกคนสำคัญ 55+

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^

จิ้มคุณกฤษณ์ ชอบบรรยากาศในเรื่องนี้จัง อ่านแล้วคิดถึงสมัยเรียนแถวนั้นมากๆ ขอบคุณทั้งคนโพสต์และคนแต่งสำหรับเรื่องน่ารักๆนะจ๊ะ :m1:

+1 ให้ทั้งคู่เลยคับ  :pig4:

Krish

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มผมทำไมอ่ะ ผมบ้าจี้นะ 55  :-[

ขอบคุณที่ติดตามผลงานนะคับ  :man1:

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
มาบ่อยๆนะครับ
ใช้โปรโมชั่น น้านนาน..หรือเปล่าครับ คือรอ น้านนาน อ่ะ 555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Krish

  • บุคคลทั่วไป
มาบ่อยๆนะครับ
ใช้โปรโมชั่น น้านนาน..หรือเปล่าครับ คือรอ น้านนาน อ่ะ 555555

เรื่องนี้จบแล้วนะคับ

แต่ว่าให้น้องตองช่วยโพส เค้าวางแผนการโพสไว้แ้ล้วคับ รอติดตามนะคับ  :กอด1:

golf

  • บุคคลทั่วไป
ชอบบรรยายกาศอย่างเรื่องอ่ะ.... :-[

มาต่อเร็วๆๆ นะ เค้ารออ่านอยู่นะ :really2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อ๋อ เจ้าของเดียวกัน  :laugh:

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
นายเอกเป็นใบ้ :m28:

รอตอนต่อไปค่ะ :L2:

TinaJunior

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
 :z2:  สู้ๆ........ลงๆ .....ต่อ.....ด่วน

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
สั้นละวันนิดจิตแต่มใสค่ะ

ขอบทุกคนกำลังใจนะค่ะ

จุบจุบ

 :pig4: :pig4: :pig4:

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ร้านกาแฟในวันนี้ มีเพียงแค่ผมกับพี่เอกสองคน วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนประจำเดือนของลูกจ้าง ไฟในร้านเปิดแค่บางส่วน เฉพาะแต่เคาท์เตอร์ที่ชงกาแฟ และโต๊ะด้านริมแม่น้ำ บาริสต้าหนุ่มกำลังชงกาแฟลาเต้ให้ผมอยู่ โดยที่มีผมนั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ หน้าเคาท์เตอร์ กลิ่นหอมของกาแฟทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายพอๆ กับกลิ่นของเบเกอรี่หอมๆ เอสเปรสโซ่อเมริกาโน่ถูกเติมนมสดลงไปจนกลายเป็นสีน้ำตาลสวยและถูกเทลงแก้วกาแฟเซรามิคสีขาวสะอาด ฟองนมที่ถูกตีขึ้นเป็นฟองหนานุ่มด้วยไอร้อนถูกตักขึ้นมาแต่หน้าลาเต้บนถ้วยกาแฟที่ถูกเตรียมไว้
   “อยากดูลาเต้อาร์ทมั้ย”
   ผมพยักหน้าตอบ
   “งั้นผมจะทำให้...เอารูปไรดีนะ...”
   หลังจากนั้น ผมกับพี่เอกก็มานั่งคุยกันที่โต๊ะเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ในมุมริมสุดของร้านซึ่งทำให้มองเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีที่สุด  ผมเพิ่งจะทราบว่าเขาเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน ที่มีอาชีพเสริมเป็นบาริสต้า หลายต่อหลายเรื่องเราสองคนเพิ่งจะมารู้จากปากของกันและกันในวันนี้ มันเป็นการสนทนาที่ยาวนานและทำให้เรายิ่งรู้จักกันมากยิ่งขึ้น แม้ว่าผมจะมาร้านนี้เป็นปีๆ แล้วก็ตาม
   ‘ตอนนี้พี่กำลังเปิดเพลงอะไรอยู่’ ผมใช้ปากกาน้ำเงินด้ามเก่งของพี่เอกเขียนข้อความลงในสมุดโน้ตของผมก่อนที่จะยื่นให้เขาอ่าน
   “ตอนนี้กำลังเล่นเพลงของ Don’t know why ของ Kan Hirai” เขาตอบ
   ‘เสียงของเขาเพราะมั้ย...’
ผมสูญเสียการได้ยินหลังจากที่เสียงจักจั่นกรีดร้องในหูเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน นับแต่นั้นมา โลกผมก็เงียบสนิท ผมเสียใจที่สูญเสียในสิ่งที่พระเป็นเจ้าประทานมาและเรียกมันกลับคืน แต่ยังโชคดีที่ผมยังเหลือผัสสะอื่นๆ อยู่ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตของผมเลวร้ายจนถึงขนาดมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ แค่อาจจะใช้ชีวิตนับแต่นั้นลำบากมากขึ้นกว่าเก่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่พอจะยอมรับได้ และยังโชคดีที่ยังมีคนดีๆ คอยอยู่เคียงข้างผมอีกมาก ผมเคยได้ฟังเพลงเพราะ ๆ ได้พูดคุยกับคนที่ผมรัก ได้สื่อสารให้คนรอบข้างได้เข้าใจ นับแต่วันที่ผมสูญเสียการได้ยินไป ผมก็ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว เพราะคงป่วยการที่จะพูดออกไปโดยที่ไม่ได้ยินเสียงตัวเองในขณะที่ตัวเองกำลังพูด
   วันนี้ของผมจบลงด้วยความรู้สึกที่อบอุ่น เราอาจจะพูดคุยกันได้ช้ากว่าคนทั่วไป แต่พี่เอกก็ยินดีที่จะรอถ้อยคำของผมสื่อสารผ่านปากกาสีน้ำเงินด้ามนั้น โชคดีที่ผมพอจะอ่านปากคู่สนทนาอยู่ได้บ้าง เลยเป็นโชคที่ทำให้เราไม่ต้องนั่งเขียนเพลงยาวแลกกันอ่าน

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^

สั้นจริงด้วย แต่ชอบค่ะ อุ่นๆหวานๆดี  :man1:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
อร๊ายยยยยยยยยยย

ลงทีละนิดจิตแจ่มใส

อุอุ

อยากกินกาแฟจัง

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด