- ดื่มครั้งที่ 28 -
( จีบ )
"นิ่งๆสิครับพี่"
เสียงสั่งการของคนตรงหน้าทำให้ยิ่งขยับตัวมากขึ้น นั่งมานับชั่วโมงจะให้นิ่งแข็งเป็นหินก็ใช่เรื่อง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมดแล้ว ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูงานของคิสแล้วพบว่าที่เสียเวลานั่งเก๊กไปแทบจะไม่ได้อะไรเพราะในกระดาษปรากฏแค่เค้าโครงหน้าเท่านั้น เพื่ออะไรวะเนี่ย เห็นลบแล้วลบอีกจนกระดาษจะเปื่อยอยู่แล้ว
"กูนั่งเกร็งมาเป็นชั่วโมงวาดได้แค่นี้เนี่ยนะ"
ผมว่าก่อนเอนหลังพิงโซฟาทั้งๆที่คนตรงหน้าเบ้ปากใส่ด้วยความขัดใจ เจ้าตัวเลยพลอยวางกระดานลงบนโต๊ะกาแฟไปด้วย อาจจะเหนื่อยกับการเล็งใบหน้าผมแล้วมั้ง
"ก็ผมวาดไม่เก่งนี่หว่า วาดๆลบๆเพราะมันเบี้ยวอ่ะ"
คิสทำหน้าสลดจนผมนึกอยากดึงมากอดปลอบแต่หมั่นไส้ที่มันทำให้ผมนั่งเมื่อยมาตั้งชั่วโมงเลยทำได้แค่ผลักหัวเบาๆเป็นการตอบแทน
"พักกินข้าวก่อนไหมล่ะ"
ผมถามก่อนจะเอื้อมมือไปบีบจมูกคิสเบาๆ เขาย่นจมูกใส่ผมเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับแล้วใช้มือลูบท้องตัวเองแสดงอาการหิว ผมปล่อยมือก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วบิดขี้เกียจไปมา กะว่าจะเดินผ่านไปเข้าครัวแต่ดวงตาคมกลับหยุดชะงักอยู่ที่ใบหน้าติดหวานแดงระเรื่อ ผมก้มมองตัวเองก่อนจะพบว่าขอบกางเกงในโผล่เล็กน้อยและซิกแพคเล็กน้อย
"คิดต่างไปทางอื่น คิดหื่นมาทางคิสป่ะ"
ผมแกล้งแหย่ก่อนจะโน้มตัวไปใกล้จนใบหน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ คิสผงะถอยหลังจนเกือบตกเก้าอี้แต่ผมรั้งไหล่เขาไว้ทัน จะตกใจโอเว่อร์อะไรขนาดกัน ทำอย่างกับไม่เคยจูบกันอย่างนั้นล่ะ คิดแล้วก็ขำทุกครั้งที่คิสมีปฏิกิริยาเขินอายแบบนี้ มันทำให้ผมอยากฟัดเขาให้เร็วขึ้นไปอีก ผลการเรียนบ้าอะไรไม่อยากรอแล้วไง
"ไอ้บ้า ผะ ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ไปทำกับข้าวได้แล้ว!"
ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะยอมแพ้แล้วเดินเข้าครัว ถ้าขืนอยู่ต่อผมคงจับคิสปล้ำแน่นอน ก็ไอ้ตอนมันเขินน่ะหน้าแดงหูแดงไปหมด ชอบโวยวายหรือทำร้ายร่างกายผมเป็นการแก้เขินตลอด
ผมเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำข้าวผัดแฮมง่ายๆสำหรับมื้อเที่ยง มือสาละวนกับการรื้อตู้เย็นของตัวเองที่คิสซื้อขนมนมเนยมายัดเต็มไปหมด นี่ขนาดยังไม่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันถาวรนะ จริงๆแล้วลาภปากซารังเลยล่ะ ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เดาได้ไม่ยากว่าไอ้ตัวยุ่งอยากมาช่วยกันทำอาหารนั่นล่ะ
"มีไรให้ช่วยไหม"
น้ำเสียงสดใสดังขึ้นก่อนจะรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอุ่นๆด้านข้างเนื่องจากคิสขยับมายืนแทนตำแหน่งที่ว่าง ผมเหลือบมองทั้งๆที่มือยังคงรื้อหาผักที่ต้องการ ข้าวโพดอ่อน แครอท หอมหัวใหญ่ประมาณนี้
"ช่วยหาผักหน่อย เอาไปยัดไว้ตรงไหน"
ผมลุกขึ้น ส่วนคิสนั่งยองๆลงค้นหาผักให้กัน ส่วนผมเดินไปเตรียมข้าวและกระทะมาตั้งไฟก่อนจะเดินกลับไปหยิบเนยใช้แทนน้ำมันเพิ่มความหอม จริงๆแล้วเพิ่มความอ้วนให้คิสด้วย เพราะเดี๋ยวนี้ดูเหมือนแฟนผมจะเคร่งเครียดกับการทำงานส่งอาจารย์มากกว่าจะสนใจกิน ผอมเกินไปจับไม่เต็มไม้เต็มมือหรอก
"เจอแล้วครับ!"
คิสตะโกนบอกแล้วจัดการเตรียมผักให้ ไม่นานนักอาหารง่ายๆก็ส่งกลิ่นหอมฉุยชวนให้กระเพาะอาหารร้องประท้วง เรานั่งกินข้าวกันไปเงียบๆจนอิ่ม คิสอาสาล้างจานส่วนผมเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม
"งานส่งพรุ่งนี้แล้วอ่ะ วาดยากชะมัด"
คิสเดินกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมก่อนจะยกกระดานวาดรูปตั้งไว้บนตัก ดวงตากลมดูหม่นแสงเมื่อก้มมองผลงานในมือ ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวเขาเล่น ไม่ได้จะกวนแค่ต้องการปลอบใจ
"อย่าท้อ ตั้งใจทำให้เต็มที่ก็พอ กูพร้อมแล้ว มาๆ"
ผมนั่งเก๊กท่าเดิมอีกครั้ง คราวนี้ตั้งใจว่าจะไม่กวนใจคนตรงหน้าอีกแล้ว แม้จะโดนให้นั่งเป็นก้อนหินนานกว่าเก่าก็จะไม่บ่นเมื่อยแม้แต่คำเดียว ปกติแล้วคิสไม่ค่อยขอร้องให้ผมช่วยงานเขาสักเท่าไหร่ พอโดนขอเข้าหน่อยก็รู้สึกพิเศษ
"ขอบคุณครับ ~"
คิสกลับมาร่าเริงใส่อีกครั้งแล้วเริ่มต้นวาดรูปไปเงียบๆ หลายต่อหลายครั้งที่เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตากับผมแล้วหน้าซับสีเลือด อาจจะเขินอายที่โดนผมจ้องอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ละสายตา ซึ่งถ้ามีโอกาสหลีกเลี่ยงได้ผมก็ไม่อยากทำมันหรอก มองกี่ทีๆก็ไม่เคยเบื่อ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
อีกสองชั่วโมงถัดมาคิสวางดินสอในมือลงพร้อมกับร้องเสียงดังอย่างหมดแรงว่างานสำเร็จแล้ว ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะยืดแขนแล้วบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบ คิสวางกระดานไม้ลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเช่นกัน ผลงานออกมาดีมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ ก็อยากชมอยู่หรอกนะแต่ตอนนี้ขอทวงของแลกเปลี่ยนที่ช่วยงานก่อนแล้วกัน
"ไหนล่ะค่าตอบแทน"
ผมยกขาขึ้นไขว่ห้างก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองคิสที่หยุดชะงักกึกอยู่กับที่ ท่าทางยกไม้ยกมืออย่างกับเด็กน้อยทำให้ผมแอบนึกขำอยู่ในใจ จะหลุดเก๊กตอนนี้ไม่ได้หรอกเดี๋ยวทวงของตอบแทนไม่สำเร็จ
"อะไร ค่าตอบแทนอะไรเหรอ"
คิสปรับสีหน้าเป็นใสซื่อแล้วถามกันอย่างไร้เดียงสาเหมือนจำไม่ได้ว่าเมื่อวานพูดอะไรกับผมเอาไว้ แถมยังยกกระดานวาดรูปขึ้นมากอดไว้แนบอกอีกด้วย ทำท่าทางจะหนีกันซะอย่างนั้น แต่อย่าหวังว่าจะรอดเลย ไม่รู้บ้างหรือไงว่าความอดทนของผมมันมีจำกัด
"ค่าตอบแทนที่กูเป็นแบบให้ไง อย่าบอกนะว่าจะเบี้ยว"
ผมดักคอแล้วจ้องมองไปหน้าลุกลี้ลุกลนของเขาเขม็ง คิสกอดกระดานไม้แน่นขึ้นพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างใช้ความคิด คิดจะเบี่ยงแน่ๆ ผมรู้ดี
"อะ อะไร ไม่เบี้ยวหรอกน่า เอาของไปเก็บก่อนดิ ตั้งไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลืมเอาไปส่ง"
คิสตอบเสียงตะกุกตะกักก่อนจะรีบเดินไวๆเอากระดานไม้ไปตั้งรวมกับกระเป๋าเป้ที่ใช้ไปมหา'ลัย ที่จริงเขาบอกจะกลับหอวันนี้ตอนเย็นแต่ผมรั้งเขาไว้สำเร็จด้วยการเอาอาหารเวียดนามล่อ... หึหึ แพ้ของกินตลอด
"ไวๆเลย วางของแค่นั้นทำไมนาน"
ผมตะโกนให้คิสได้ยินเพราะเดินไปเก็บของไกลจากผมแค่ประมาณสิบกว่าแต่ทำเป็นจัดนั่นจัดนี่ไม่ยอมเดินกลับมาสักทีจนผมนึกหมั่นไส้ เห็นอีกคนไม่ตอบกลับเลยจะลุกขึ้นไปตามแต่ก็ได้แค่ชะงักเมื่อคิสหมุนตัวเดินกลับมาด้วยใบหน้าที่ผมไม่สามารถอ่านได้ คิดอะไรของเขาอยู่ทำไมถึงหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศขนาดนั้นกันนะ
เขาหยุดลงตรงหน้าผมก่อนจะจับมือที่ตั้งอยู่บนตักไว้แล้วเดินมานั่งคร่อมลงบนตักแทน ผมเบิกตาเล็กน้อยเพราะตกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า คือไม่อยากคิดอะไรมากเพราะถ้าคิดแล้วผมจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกเลย เรียกง่ายๆว่าความอดทนผมหมดลงแล้วนั่นเอง ตอนนี้พร้อมจะจู่โจมฟัดคิสได้ทุกเวลา
"หืม"
ผมครางในลำคอเบาๆแล้วจ้องมองดวงตากลมที่มองสบกันเป็นเวลาหนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะเบนสายตาหนีแล้วขยับร่างกายเข้ามาแนบชิด สองแขนยกขึ้นคล้องรอบคออย่างเก้ๆกังๆ
"ยั่วเหรอ"
ผมถามด้วยน้ำเสียงกระซิบแกล้งเป่าลมอุ่นๆใส่ใบหูของคิสให้รู้สึกสยิวเล่น เขาย่นคอเล็กน้อยก่อนจะช้อนตามองและเข้ามาประกบปากผมอย่างรวดเร็ว จะเรียกว่ากระแทกเข้ามาคงไม่ผิดนัก คนตรงหน้าขบเม้มริมฝีปากผมอย่างเงอะๆงะๆแล้วพยายามใช้ลิ้นดันแยกกลีบปากออกเพื่อจะสอดลิ้นเข้ามา ผมเผยอปากออกเล็กน้อยเปิดทางให้แฟนมอบค่าตอบแทนให้อย่างว่าง่าย แต่มือไม้อยู่ไม่สุขเริ่มลูบไล้ไปตามเอวบางอย่างย่ามใจ
คิสครางเสียงแผ่วในลำคอทั้งๆที่ปากของเรายังแนบชิดกัน ปลายลิ้นเกี่ยวตวัดหยอกล้ออย่างไม่มีใครยอมแพ้กัน แต่เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วเย็นเยียบของผมแตะลงบนยอดอกสีหวาน
"อ๊ะ พี่จีบจะทำอะไร"
คิสผละตัวออกก่อนจะหอบหายใจหนักๆ ใบหน้าเอ๋อๆซับสีเลือดจนดูน่ามันเขี้ยว ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่กดจูบย้ำแบบไม่รุกล้ำก่อนจะเคลื่อนปลายจมูกสัมผัสกับซอกคอขาว กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ลอยมาแตะจมูกยิ่งทำให้สติเลอะเลือนยิ่งขึ้น
"อื้อ มะ ไม่เอานะครับ พอแล้ว"
เขาดันอกผมให้ออกห่าง ผมยอมถอยเพราะถ้าทำต่อคิสอาจจะโกรธกันก็ได้ ในเมื่อผมกับเขาคุยกันเรื่องนี้และตกลงกันเรียบร้อยไปแล้ว ถ้าผิดคำพูดขึ้นมากลัวจะเป็นเรื่องใหญ่โต
"แค่ฟัดนิดหน่อยเอง ไม่ปล้ำหรอก"
ผมว่าก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มขาวอีกครั้ง ในใจนึกเสียดายอยู่ไม่น้อย ที่ไม่สามารถจับคนตรงหน้ากดได้ตามใจอยากทั้งๆที่เป็นแฟนกันแล้ว รักมากจนไม่กล้าบังคับเคยเป็นกันไหม
"ฟัดนิดหน่อย แต่ผมจะตายเอานะ ใจเต้นแรงฉิบหาย"
คิสบ่นเสียงเบาพร้อมกับก้มหน้าลงแต่ไม่ยอมลงจากตักกันซะอย่างนั้นทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้กอดเขาไว้สักหน่อย ทำไมชอบให้คิดว่ายั่วกันตลอดเลยนะไม่เข้าใจจริงๆ
"ไม่ลงจากตักหรือไง ไม่กลัวโดนฟัดอีกเหรอ"
ผมโน้มตัวกระซิบข้างหู คิสถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าไปมา ดวงตากลมช้อนมองกันครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะโถมตัวมากอดกันไว้แน่นและการเป็นผมที่ตกใจเสียเอง เพราะถ้ามองไม่ผิดดวงตาของเขาสั่นไหวแปลกๆ
"เบื่อผมหรือเปล่า"
น้ำเสียงแผ่วเบาดังขึ้นในขณะที่เขายังซบหน้าลงกับลาดไหล่ ผมย่นคิ้วเข้าหากันก่อนจะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังเขาเบาๆ ความสงสัยผุดขึ้นในใจราวกับดอกเห็ดในฤดูฝน ทำไมอยู่ๆเข้าโหมดดราม่าได้วะ
"ทำไมถามแบบนั้น"
"ก็ผม...เอาแต่ห้ามเรื่องอย่างว่าตลอดเลย"
"อืม ก็เบื่อนะ"
"....."
"เบื่อที่มึงน่ารักแล้วกูห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดอกุศลกับมึงไม่ได้สักที"
ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับความคิดบ้าๆของตัวเอง ท่าทางจะอาการหนักแล้วจริงๆอาจจะต้องหักดิบเรื่องหื่นกามแล้วมั้ง แฟนยังเป็นเด็กน้อยไม่ประสีประสา
"ใจหายหมดเลย นึกว่าเบื่อกันจริงๆซะอีก"
คิสผละตัวออกจากไหล่ก่อนจะกัดปลายจมูกของผมเบาๆเป็นการลงโทษในขณะที่แก้มขาวซับสีเลือดจนแดงไปหมด ผมรั้งเอวของเขาเอาไว้ก่อนจะโน้มตัวกระซิบชิดริมฝีปาก
"เขินก็บอกเขินไม่ใช่ทำร้ายกันแบบนี้"
พูดจบก็กดจูบหนักๆลงไปอีกครั้งแล้วปล่อยให้คิสเป็นอิสระโดยง่ายเพราเสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น เขาลุกออกจากตักแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัน ผมหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูก่อนจะพบเข้ากับชื่อเพื่อนสนิทที่โทรเขามา พอกดรับเสียงปลายสายที่แสนราบเรียบก็ดังขึ้น
'มึง ไอ้คินโทรไปหาบ้างไหม'
"หือ ไม่นะ มีอะไรกันหรือเปล่า"
ผมถามด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัย ปกติแล้วคินกับแก๊ปย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว ทำไมต้องมาตามจากผมล่ะ หรือพวกมันทะเลาะกัน
'ติดต่อไม่ได้'
น้ำเสียงแก๊ปไม่สู้ดีนัก แต่แม่งอธิบายมาสั้นๆแบบนั้นกูคงตรัสรู้เรื่องของมึงหรอกนะ
"ทำไมวะ ทะเลาะกันเหรอ"
คิสหันมามองกันด้วยสายตาเจือความเป็นห่วงไปให้เพื่อนผม แอบรู้สึกดีที่เพื่อนกับแฟนเข้ากันได้ ไม่มีเรื่องชวนปวดหัวอะไร
'หึ เปล่า บอกจะออกไปทำธุระสองชั่วโมง ตอนนี้ปาไปสามชั่วโมงแล้ว'
"รถติดหรือเปล่า อย่ากังวลดิวะ"
'แล้วทำไมติดต่อไม่ได้ กูอยู่หน้าห้องมึงแล้ว เปิดประตูหน่อย'
"เอ้า ไอ้เชี่ย มาก็ไม่บอก รอแป๊ป"
ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินไปเปิดประตูให้ไอ้แก๊ปเข้ามา พอเห็นสภาพมันผมถึงกับหลุดขำก๊ากแบบไม่ไว้หน้า สงสัยจะรีบมาจริงๆเพราะทั้งตัวมีแค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์เท่านั้น กล้าเดินขึ้นมาได้ยังไงวะ
"โห... ดูท่าทางจะเป็นห่วงไอ้คินมากนะมึง"
มันเหล่ตามองผมก่อนจะสอดตัวเข้าห้องไปอย่างเงียบเชียบ ผมปิดประตูแล้วเดินตามกลับไปพบมันนั่งลงข้างๆคิสแล้วรู้สึกคิ้วกระตุกแปลกๆ ที่ตั้งกว้างทำไมต้องนั่งเบียดวะ
"เชี่ยแก๊ป จะเบียดอะไรคิสนักหนาวะ"
ผมพูดอย่างที่คิดออกไปก่อนจะผลักไหล่มันให้ขยับออกไปห่างๆ ไอ้คิสนั่งทำหน้าเอ๋อเพราะไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ส่วนไอ้แก๊ปหัวเราะหึออกมาเบาๆก่อนจะขยับให้ผมนั่งแทรกตรงกลางได้ง่ายๆ
"อยากแกล้งมึงเฉยๆ"
"เหี้ย"
"เอ่อ... ผมไปเอาน้ำกับขนมมาให้เนอะ"
แล้วคิสก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบของที่บอกไว้เมื่อครู่ให้ไอ้แก๊ป ส่วนผมจ้องมองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะเปิดประเด็นเรื่องไอ้คิน
"ตกลงว่ายังไงวะเรื่องไอ้คิน"
"หึ ไม่รู้มัน วันนี้ครบรอบหกเดือนด้วย"
อ๋อ...วันนี้วันครบรอบที่มันกับไอ้คินคบกัน แป๊ปเดียวครึ่งปีแล้วเหรอวะ ผมว่าไอ้คินคงแอบไปทำเซอร์ไพร์สอะไรแน่ๆ ไอ้บ้านั่นเอาแน่เอานอนกับชีวิตไม่ได้อยู่แล้ว
"เดี๋ยวมันก็กลับ ห่วงไรนักหนาวะแก๊ป"
"ถ้าเป็นเมียมึงหายบ้างจะทำไง"
โห...ย้อนมาแบบนี้กูก็เงียบสิครับ ยอมแพ้เลย หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ส่วนขนมที่คิสเอามาให้แก๊ปกินกลานเป็นว่าเจ้าตัวกินซะเอง เพราะเพื่อนสนิทผมมันเอาแต่จ้องโทรศัพท์ไม่วางตา ก็ไม่รู้จะช่วยพวกแม่งยังไงในเมื่อติดต่อไม่ได้แบบนี้ ไอ้คินโผล่หัวมาเมื่อไหร่คงโดนลงโทษหนักแน่ๆ มันไม่รู้หรือไงว่าผัวตัวเองโหดขนาดไหน
"คิส เย็นนี้อยากกินอะไร"
ผมหันไปถามคนข้างตัวเพื่อทำลายความเงียบที่แสนอึดอัด แต่มันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่พิมพ์ข้อความตอบใครบางคนอยู่ แต่พอหน้าจอสี่เหลี่ยมยื่นมาตรงหน้าผมก็ถึงบางอ้อ ไอ้คินส่งไลน์มาหาแฟนผมนี่เอง
Kinn
- แก๊ปอยู่กับน้องคิสป่ะครับ ~ 15:00
ผมขมวดคิ้วแล้วแย่งโทรศัพท์มาจากคิสก่อนจะพิมพ์ข้อความกลับไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ถ้าอยู่ต่อหน้าไอ้ประโยคเนี่ยน้ำเสียงมันต้องอ้อนอยู่แน่ๆ
× คิสสึ ×
- อยู่ แล้วมึงหายหัวไปไหนมา! 15:01
Kinn
- เฮ้ย... ทำไมน้องคิสหยาบกับพี่แบบนี้อ่า เสียใจจัง 15:02
× คิสสึ ×
- เสียใจพ่อง นี่ผัวไอ้คิส มึงจำได้มะ 15:02
Kinn
- อุย... พี่จีบที่รักของน้องคิน ~ เค๊าขอโทษ 15:02
× คิสสึ ×
- ตอบคำถามกูมาเลยนะ ผัวมึงเป็นห่วงจะแย่ละ 15:03
Kinn
- เออ กูแค่อยากเซอร์ไพร์สวันครบรอบไง... เดี๋ยวไปคอนโดมึงนะ จะถึงแล้ว อิอิ 15:03
× คิสสึ ×
- เหอะๆ มึงจะเจอเซอร์ไพร์สยำเละของไอ้แก๊ปด้วย สัด 15:04
Kinn
- อย่าแช่ง! กูขอยืมห้อง มึงจะไปไหนกับคิสก็ไป 15:04
× คิสสึ ×
- ไอ้เหี้ย มึงไล่เจ้าของห้องแบบนี้เหรอวะ กูบอกไอ้แก๊ปดีไหม ไม่ต้องเซอร์ไพร์สห่าอะไรแล้ว รำ!! 15:04
Kinn
- ม่ายย คินขอโทษ กรุณาคินด้วยนะคุณชายจีบ ฮือๆ 15:05
× คิสสึ ×
- ปัญญาอ่อน ขับรถดีๆเลย กูจะออกไปละ โชคดีนะมึง 15:05
ผมส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองไอ้แก๊ปที่เหลือบตาจ้องมา
"กูกับไอ้คิสออกไปซื้อของแป๊ป มึงเฝ้าห้องให้หน่อยได้ป่ะวะ"
ไอ้แก๊ปมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบตกลงแล้วก้มลงไปสนใจโทรศัพท์ต่อ คิสยืนขึ้นแล้วใช้มือจับแขนกระตุกให้ผมรีบเดินออกไปจากห้อง คือรีบไปไหนกูยังไม่ได้หยิบของเลยเว้ย
หลังจากหยิบกุญแจรถ โทศัพท์ กระเป๋าเงินจบก็รีบลงมาจากห้องเพราะไอ้คินยืนรออยู่ที่ลานจอดรถเรียบร้อยแล้ว เห็นมันโบกมือไวๆตอนที่ประตูลิฟท์เปิดออก ผมเดินเช้าไปหาก่อนจะยกมือขึ้นผลักหัวเพื่อนสนิทด้วยความหมั่นไส้ ไอ้คินเบ้ปากแล้วบ่นงึมงำอะไรสักอย่าง ส่วนคิสส่งยิ้มแหยเป็นการทักทายไป
"ผลักหัวกูทำไมเนี่ย"
คินยกมือลูบหัวตัวเองไปมา ส่วนอีกข้างหอบกล่องของขวัญขนาดใหญ่เอาไว้
"หมั่นไส้ จะทำอะไรก็อย่าให้ไอ้แก๊ปเป็นห่วงดิ เล่นอะไรของมึงติดต่อไม่ได้วะ"
"ขอโทษๆ ถ้ากูไม่ปิดสัญญาณไว้พอแก๊ปโทรเข้ากูอดใจไม่ไหวว่ะ ใจแข็งไม่พอที่จะไม่รับสายมัน"
คินว่าก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างลูบท้ายทอยแก้เขิน ก่อนหน้าที่ช่วงเริ่มคบกันใหม่ๆไอ้คินนี่ตัวปากแข็งเลย ถามอะไรปัดตบอด ไม่เคยทำตัวเป็นแฟนไอ้แก๊ปสักนิด ใครมาถามก็บอกโสดไปซะอย่างนั้น ดีหน่อยที่เพื่อนลูกครึ่งของผมมันไม่ถือสาความบ้าบอของไอ้คินเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นคงงานงอกตีกันตายไปแล้ว หรือคินจะโดนลงโทษแต่ผมไม่รู้วะ... แต่นั่นเรื่องของผัวเมียผมไม่ค่อยอยากยุ่งเท่าไหร่ แค่ว่าที่เมียของตัวเองก็ปวดหัวจะแย่ เสน่ห์แรงใช่เล่น
"จะอ้วก รีบๆขึ้นไปก่อนที่มันจะเป็นบ้าตายเพราะห่วงมึง เอ้า คีย์การ์ดกับกุญแจห้อง"
ผมยัดของสำคัญใส่มือมันก่อนจะจับมือคิสดึงไปขึ้นรถ ได้ยินเสียงไอ้คินตะโกนขอบคุณไล่หลังมาทำให้ผทอมยิ้มเล็กน้อยที่คนบ้าอย่างมันเปลี่ยนตัวเองให้มีมุมน่ารักกับแฟนบ้าง จริงๆไม่เคยคิดหรอกว่าคินมันจะทำแบบนี้ได้ ก็ซึนใส่แก๊ปมันตลอดนี่
"เราจะไปไหนกันล่ะนี่"
คิสถามขึ้นในขณะที่ผมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกจากคอนโด ดวงตากลมจ้องมองมาด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ ผมเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยตามจังหวะเพลง ออกมาก่อนเวลาอาหารเย็นแบบนี้ก็มืดแปดด้านว่ะ
"ดูหนังกันป่ะ"
คิสเสนอมาแบบนั้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น ในมือเรียวถือโทรศัพท์แล้วโชว์หน้าจอที่มีข้อมูลหนังเรื่องใหม่ปรากฏ ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงง นี่มันจะดูหนังผีอีกแล้วเหรอวะ ครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดอีกหรือไงไม่เข้าใจจริงๆว่าคนกลัวผีทำไมชอบดูหนังผี
"จะดูหนังผีอีกหรือไงวะ"
ผมถามขึ้นก่อนจะใช้มือผลักหัวคิสเบาๆ มันยู่ปากใส่กันก่อนจะพยักหน้าเบาๆแล้วคลี่ยิ้มแห้งๆมาให้ ผมได้แต่ลอบถอนหายใจกับความบ้าของเขา
"นะ... คืนนี้ค้างกับพี่จีบไง"
"เออ อย่าละเมอถีบกูแล้วกัน"
"เย้ๆ ไม่ถีบหรอกแต่จะกอดแน่นๆต่างหาก"
เออเว้ย... เดี๋ยวนี้หัดหยอดกลับ เอาซะผมแอบยอมแพ้ในบางครั้งเลยให้ตายเถอะ
ไม่นานนักเราทั้งสองคนก็มาถึงหน้าโรงภาพยนตร์ ผมซื้อตั๋วรอบนี้ได้ทันเวลาพอดีเลยล่กไอ้คิสเข้าโรงหนังได้เลยโดยไม่ต้องรอเวลาอีก ตลอดทั้งเรื่องคนข้างตัวผมแทบจะกระโดดมานั่งตักกัน บางครั้งเอาหัวมามุดแขนผมจนเจ็บไปหมดจากที่จะได้สนใจหนังในจอกลายเป็นสนใจคิสมากกว่า ถือว่าได้กำไรจากมันล้วนๆ ใครอย่ามาถามว่าเนื้อเรื่องเป็นไงเพราะผมไม่ได้ดูเลย หึหึ
หลังหนังจบก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น คิสกินเยอะขึ้นกว่าปกติจนผมพอใจ อาทิตย์ที่ผ่านมากินแบบแมวดมจนผมเริ่มหนักใจกลัวว่าจะล้มป่วยไป พอเราจัดการอาหารเรียบร้อยก็โทรหาไอ้คินถามว่าแผนเซอร์ไพร์สมันเรียบร้อยหรือยัง แต่กลายเป็นคุณชายแก๊ปรับสายแทนด้วยน้ำเสียงระรื่นพร้อมคำตอบว่า
'กูลงโทษมันพร้อมกับให้ของขวัญครบรอบไปสามยก'เชี่ย... ไม่ต้องบอกก็ได้ไหมว่าซั่มเมียไปกี่รอบ ดวงตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะอิจฉาขึ้นมาจับใจ ไอ้คนข้างๆที่นั่งอยู่ด้วยกันบนรถกลับยิ้มหน้าระรื่นเพราะได้ขนมไทยากิสอดไส้สตรอเบอร์รี่ครีมชีสมากิน มันแดกขนมผมก็อยากแดกมันจะรู้ตัวบ้างไหม ได้แต่นั่งเลียปากแล้วมองครีมที่เลอะอยู่มุมปากของมัน เดี๋ยวติดไฟแดงมึงเจอกูแน่คิส
ไฟแดงสวรรค์ของคนคิดอกุศลมาแล้ว ผมแตะเบรกจอดรถก่อนจะหันไปจ้องมองคิสที่ยังเคี้ยวขนมหงุบหงับอยู่ในปากอย่างไม่รู้ตัวว่าตกอยู่ในอันตราย ดวงตากลมเหลือบมองมาก่อนเจ้าตัวจะหันหน้ามาเผชิญกันพร้อมเลิกคิ้วขึ้นสูง
"ปากเลอะ"
ผมบอกสั้นๆก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ คิสผงะถอยหลังอย่างรวดเร็วแต่ยังห่วงเคี้ยวขนมในปากอยู่ ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะอาศัยจังหวะที่เขากำลังเอ๋อรวบรัดท้ายทอยไว้ก่อนจะก้มลงเลียครีมที่ติดอยู่มุมปากอย่างรวดเร็ว
"อ๊ะ..."
คิสหลุดเสียงร้องออกมาแค่นั้นแล้วเกร็งตัวจนผมสัมผัสได้ เรียวลิ้นเปียกชื้นไล่เลียไปตามชิ้นเยลลี่นุ่มหยุ่นอย่างอ้อยอิ่ง ความหวานของครีมที่ติดปลายลิ้นเมื่อครู่ส่งผลให้ปากบางนี่น่ากินยิ่งขึ้นไปอีก ผมละเลียดมันอย่างตะกละตะกลาม แต่ไม่นานก็ต้องผละออกจากกันเพราะคิสใช้มือดันหน้าอกผมไว้
"อยากกินก็บอกดีๆดิวะ"
คิสบ่นเสียงงุ้งงิ้งทั้งๆที่ใบหน้าแดงก่ำ ผมยกยิ้มมุมปากแล้วกดจูบลงซ้ำที่เดิมอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว ทำไมชอบพูดจากำกวมเปิดช่องว่างให้ผมแทะเล็มเขาแบบนี้วะ หรือคิสมันจะร้ายแกล้งยั่วผมให้เป็นบ้าตายกันวะ
"บอกแล้วจะได้กินเหรอไง"
"เออดิ ก็ให้กินไง"
มันตอบเสียงอ้อมแอ้มแล้วส่งขนมไทยากิที่เหลือครึ่งชิ้นมาให้กัน ผมเลิกคิ้วมองก่อนจะส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าไม่เอาและไม่ใช่หมายถึงขนมในมือสักหน่อย
"ที่กูถามไม่ใช่เรื่องขนมนะ"
ผมส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้ ดวงตากลมที่จ้องมองมาเริ่มสั่นไหว กำปั้นลุนๆต่อยลงมาบนอกผมไม่แรงมากนัก
"แล้วหมายความว่าไง"
ผมรู้ว่าคิสรู้แต่ก็ยังทำหน้ามึนมาถามกันอีก... นี่คิดจะยั่วไปถึงไหนกันวะ นี่ในรถนะเว้ย ติดไฟแดงอยู่ด้วย ช่วยเว้นระยะการยั่วบ้างครับที่รัก ถ้าของขึ้นขึ้นมาผมซวยอีกสิ ใช้มือมันน่าสมเพชแค่ไหนไม่รู้หรือยังไงสำหรับคนมีแฟนเนี่ย
"หมายความถึงตัวมึงไง เมื่อไหร่กูจะได้กินสักที ขยันยั่วแบบนี้ตบะกูจะแตกมาหลายรอบแล้วนะ"
"อู้ว ใครยั่ว ไม่มี๊ อย่ามโนเองดิ"
น้ำเสียงกวนตีนแบบนี้คืออะไร... แถมยังฉีกยิ้มกว้างมาให้กันอีก ผมตั้งใจจะยกมือขึ้นตบหัวมันสักทีแต่สัญญาณไฟเขียวกลับช่วยชีวิตเอาไว้ เฮ้อ โดนเอาคืนแล้วสินะ แกล้งเขาไว้เยอะนี่
พวกเรากลับถึงห้องในเวลาเกือบสามทุ่ม คิสขออาบน้ำก่อนเพราะเขาง่วงตาแทบจะปิด ส่วนผมนั่งเคลียร์งานวิชาอัลกอลิทึ่มที่ยังค้างอยู่ อยากจะบอกว่าเรียนวิชานี้ก็ทึ่มตามชื่อมันเลยล่ะ.. แต่เชื่อเถอะว่าคนอย่างผมไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เกรดสามจุดแปดเหรอ หมูๆเพราะปกติก็ทำได้อยู่แล้ว
"พี่จีบทำไรอยู่"
คิสชะโงกหน้าเข้ามาดู กลิ่นหอมอ่อนๆจากแชมพูและสบู่ลอยมาแตะปลายจมูกจนผมต้องละสายตาจากการบ้านตรงหน้า ปากกาในมือถูกยกขึ้นจิ้มแก้มเขาเป็นการหยอกล้อ
"ทำงานอยู่ ไปเช็ดผมไป"
เส้นผมสีดำสนิทเปียกลู่ไม่เป็นทรง บนหัวทุยมีผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กคลุมอยู่ คิสเบ้ปากน้อยๆก่อนจะยอมถอยหลังออกไปนั่งเช็ดผมที่ปลายเตียง ผมหลุดยิ้มกับท่าทางที่ดูเหมือนเด็กน้อยโดนขัดใจแล้วหมุนตัวกลับไปถาม
"หน้าบูดเป็นตูดเลยนะ กูขัดใจอะไรอีก"
ผมยิ้มน้อยๆให้ ส่วนคิสจ้องเขม็งแล้วย่นจมูกใส่กันก่อนจะตอบเสียงงุ้งงิ้งกลับมาให้ผมใจสั่นเล่นๆ
"จะอ้อนให้เช็ดผมให้หน่อย โดนไล่ให้เช็ดเองควรจะงอนป่ะวะ"
"นับวันยิ่งอ่อยหนักนะครับเนี่ย"
"ไม่ได้อ่อยเว้ย พี่รีบไปอาบน้ำดิวะ กลัวผี"
"เออๆ ไปแล้ว"
ผมจำใจพักทุกอย่างแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอกลับมาเท่านั้นล่ะคนที่บอกว่ากลัวผีก็นอนหลับปุ๋ยใต้ผ้าห่มผืนหนาไปแล้ว สงสัยจะเพลียหนักไปความกลัวเลยมีผลต่อหนังตาน้อย
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงช้าๆเพื่อไม่ให้สะเทือนมากนักเพราะกลัวคิสตื่น ไม่ว่าจะมองสักกี่ครั้งก็ไม่รู้เบื่อสักที ไม่รู้ว่าแอบไปทำเสน่ห์กับอาจารย์ดังที่ไหนมาหรือเปล่าถึงทำให้หลงหัวปักหัวปำแบบนี้ ผมเอนตัวนอนลงข้างๆก่อนจะซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแล้วขยับไปกอดเขาเอาไว้แล้วหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา
"โอ้ย เชี่ย"
ผมโอดครวญเมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว นอนอยู่บนเตียงดีๆกลับถูกถีบลงมานอนตัวงออยู่ที่พื้นซะอย่างนั้น ก็ไอ้คนบนเตียงมันละเมอนึกว่าผีจับตัวเองไว้น่ะสิ ไหนบอกว่าจะนอนกอดไงวะ ถีบกูจนได้นะไอ้คิส ตื่นมามึงโดนลงโทษแน่ !
-----------------------------------------------
Q & A กับคิส
Q : คิสยั่วพี่จีบหรือเปล่าเนี่ย?
A : เอ๋ ยั่วคืออะไรเหรอครับ ผมไม่รู้จัก /ทำหน้าใสซื่อแต่ดวงตาโคตรเจ้าเล่ห์
Q : ร้ายนักนะเรา
ตอนนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากความหื่นของพี่จีบและความใสซื่อ(?)ของน้องจูบ 55555
เอาจริงๆสงสารพี่จีบนะ ไม่ได้หนึ่ง สอง ซั่มกับคิสสักที จะกลายเป็นคนตายด้านแล้วม้าง
อ่านให้สนุกน้า