[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 504748 ครั้ง)

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
มีความหน่วงเกิดขึ้นแล้วแล้วเค้าจะเป็นไงต่อไปค่ะเค้าจะรักกันได้ไหมค่ะอะไรลุ้นๆ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เนื้อเรื่องเดินคลายปมบ้างเพิ่มรายละเอียดของปมเรื่องขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้สรุปมี 3 คู่ใช่มั้ย

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ไม่พอออออ เอาอีกกกกก

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 35: [Then] ความจริง




“เมฆจะไปไหนแต่เช้าเหรอ?”




วงแขนเรียวของคนที่อยู่ในเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวสั้นโอบรอบเอวหนาของคนรักที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกพร้อมศีรษะที่เอนซบแผ่นหลังกว้างอย่างออดอ้อน เมฆาอมยิ้มกับท่าทีของคนรักที่วันนี้คลอเคลียเขาอย่างผิดวิสัย ร่างสูงจับข้อมือผอมทั้งสองข้างดึงออกจากเอวของตนแล้วหมุนตัวกลับมาหาอีกฝ่าย มือใหญ่วางบนสะโพกมนแล้วดึงให้ร่างโปร่งเข้ามาแนบชิด




“ไปหาแม่ที่โรงพยาบาลครับ เมื่อวานแม่บอกว่าอยากให้ไปหา”





“อ๋อ…ถ้าอย่างนั้นอย่าลืมซื้อของบำรุงไปฝากท่านด้วยนะ” มธุวันเอื้อมมือขึ้นจัดปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าของคนรักเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทางเมื่อได้ยินดังนั้น เมฆาพยักหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยคล้ำใต้ตาราวกับคนอดนอนของคนตรงหน้า




“เป็นอะไรรึเปล่า? วันนี้หน้าตาดูไม่สดชื่นเลย” ร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วง มธุวันส่ายหน้า




“เปล่าหรอก หมอกแค่...ฝันร้ายนิดหน่อย”




“หืม? ฝันว่าอะไรครับ?” เมฆาถามด้วยสีหน้าจริงจังจนมธุวันหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย “ใครทำให้หมอกฝันร้าย? เดี๋ยวเมฆไปจัดการให้”




“มีกันอยู่สองคนยังจะหาคนผิดอีกเหรอ?” ร่างโปร่งโอบรอบคอให้คนรักโน้มลงมาหาตัวเองอย่างรู้งาน “ปลอบหมอกเดี๋ยวนี้เลย”





“อ้าว แบบนี้เมฆต้องรู้ก่อนสิว่าเมฆทำอะไรผิด”




คนผิดเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อขาเรียวข้างหนึ่งตวัดเกี่ยวสะโพกสอบไว้ แขนแกร่งขยับช้อนใต้ก้อนเนื้อกลมกลึงทั้งสองเพื่อพยุงคนที่ทำตัวเป็นลูกลิงติดแม่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น




“เมฆทิ้งหมอก...” คนที่ออดอ้อนจนผิดวิสัยพึมพำตอบหน้ามุ่ย เมฆาหลุดหัวเราะออกมาดังลั่นเมื่อได้ยินว่าความฝันที่ทำให้คนรักถึงกับไม่ได้พักผ่อนคืออะไร




“หมอก...ต่อให้หมอกเป็นฝ่ายที่อยากทิ้งเมฆไป เมฆก็ไม่ยอมปล่อยหมอกไปไหนหรอกนะ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเจือไปด้วยความขบขัน แต่ดวงตาสีควันบุหรี่สื่อชัดว่าหมายความตามที่พูดทุกคำ “บอกแล้วไงว่าเมฆเป็นของหมอก
หมอกเป็นของเมฆแล้ว ถึงคิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้เมฆก็จะล่ามโซ่ขังหมอกไว้ในห้องนี่แหละ”




“...คนซาดิสม์” มธุวันพยายามทำเสียงค้อน แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากของตัวเองได้ “ปลอบหมอกแล้วรีบไปหาแม่ได้แล้ว”




“ยินดีครับ”




เมฆาดันร่างในเครื่องแต่งกายที่แสนจะยินยอมพร้อมใจให้เขาปลอบชิดผนังกำแพงแล้วเริ่มชดใช้ความผิดที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ในความฝันของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ








เมฆาเคาะประตูห้องพักคนไข้เบาๆพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดประตูเข้าไป แม้จะรู้ว่าจะต้องเจอกับเกศราในสภาพแบบไหน ร่างสูงก็ยังคงสะอึกกับภาพของมารดาที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ซึ่งเป็นเหมือนภาพชินตาของทุกคนในบ้านไปเสียแล้ว




เขาน่าจะเป็นคนเดียวในบรรดาสามพี่น้องที่ยังพอจะจำได้ว่าเกศราในช่วงที่ยังคงแข็งแรงดีเป็นอย่างไร และนั่นคงเป็นสาเหตุให้เขารู้สึกว่าตนปรับตัวกับการป่วยของมารดาได้ยากกว่าน้องชายทั้งสอง




“มาแล้วเหรอจ๊ะ ขอโทษนะที่แม่ให้มาหาซะเช้าขนาดนี้”




“ไม่เป็นไรหรอกครับ อาการของแม่เป็นยังไงบ้างครับ? คุณหมอว่ายังไงบ้าง?”




เมฆาเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงของมารดา หางตาของร่างสูงสังเกตเห็นดอกหทัยหยาดทิพย์ที่เขารู้ว่ามารดาชอบ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วยคิดว่าน่าจะเป็นของที่บิดาให้คนมาส่งให้ตามเคย




“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละจ้ะ ไม่มีอะไรใหม่หรอก” เกศราตอบพร้อมรอยยิ้มอิดโรย มือเรียวเล็กที่ซูบผอมจากร่างกายที่อ่อนแอลงทุกวันเอื้อมไปหาลูกชายคนโต เมฆารีบคว้ามือของมารดาไว้ เอียงใบหน้าแนบกับมือของเกศราอย่างคะนึงหาความอบอุ่นจากอ้อมกอดของหญิงสาว “เมฆของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว...”




เมฆารู้สึกหนักอึ้งในจิตใจอย่างประหลาดกับคำพูดของมารดา แต่ร่างสูงเพียงแค่เงยหน้าสบดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ที่มีเพียงน้องชายคนรองของเขาที่ได้รับอย่างกังวลใจ





“หมอกสบายดีมั้ยจ๊ะ?”




“ครับ สบายดี”เมฆาเริ่มยิ้มออกเมื่อเกศราเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เมฆอยากให้แม่เจอกับหมอกจังเลยครับ แม่จะต้องชอบหมอกมากแน่ๆ”




“จริงๆ แม่เคยเจอหมอกมาแล้วล่ะจ้ะ” คำตอบที่ไม่คาดคิดของมารดาทำให้เมฆาอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะรีบถามเมื่อได้สติ




“เมื่อไหร่ครับ?”




“ถ้าเร็วๆนี้ก็ตอนที่หมอกเขาป่วยแล้วมาหาหมอที่นี่....” เกศราหลับตาลงเพื่อข่มความประหม่าในใจ “แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ แม่เคยเจอหมอกตอนที่เขาเกิดไม่กี่เดือน....”





“อะ…อะไรนะครับ?” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน




มธุวันเป็นเด็กกำพร้า เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครเคยออกตามหาหรือแสดงตัวว่าเด็กคนนี้ยังมีใครรอคอยอยู่หรือไม่




แล้วเด็กที่ไม่มีใครรู้จักแบบนั้น...มารดาของเขาจะเคยพบได้อย่างไรกัน?




“เมฆ…ฟังสิ่งที่แม่พูดดีๆ เพราะมันเกี่ยวข้องกับทั้งเมฆแล้วก็หมอก” สีหน้าของเกศราจริงจังขึ้นมาทันที บุตรชายคนโตที่ยังคงไม่เข้าใจคำพูดก่อนหน้านี้ของมารดาเพียงแค่พยักหน้ารับปากทั้งที่ดวงตายังเบิกกว้าง




“ตอนที่หมอกเกิดมา ชื่อของเขาคือ มิคาเอล กรรณวัชร อัลฟอนโซ่...” เกศราเกริ่น จับตาดูปฏิกิริยาตอบรับของลูกชายอย่างเป็นกังวล “เป็นลูกชายคนที่สองของคาร์ลอส อัลฟอนโซ่ หนึ่งในหัวหน้าตระกูลมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดที่โลกมืดเคยรู้จัก”



“…..” เมฆาไม่ได้รู้สึกด้วยซ้ำว่าตนกำลังส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับกับทุกคำพูดของมารดา




มาเฟีย?โลกมืด?อัลฟอนโซ่?




กรรณวัชร...




“ลุงกรรณ....”




“พี่ชายของแม่ ลุงของลูก เป็นลูกน้องคนสนิทของคาร์ลอส ทำให้เขาตั้งชื่อกลางของลูกคนรองแบบนั้น” เกศรายิ้มอย่างเศร้าสร้อยเมื่อนึกถึงพี่ชายของตัวเอง “คนในตระกูลแม่รับใช้ตระกูลอัลฟอนโซ่มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เราเป็นหน่วยรบที่มีกำลังมากที่สุดที่โลกมืดรู้จัก เด็กทุกคนถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีกับหัวหน้าตระกูลอัลฟอนโซ่ ก่อนที่จะสามารถเดินหรือพูดได้ด้วยซ้ำ”




เมฆานิ่งอึ้งฟังมารดาด้วยสีหน้าสับสน




“แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่ผู้นำตระกูลอัลฟอนโซ่มีลูก เด็กตระกูลเราที่เกิดภายในเวลาหนึ่งปีก่อนและหลังเด็กคนนั้นจะต้องถูกฝึกมากกว่าคนอื่น เพื่อชิงตำแหน่งคนสนิทที่สุดของทายาทตระกูลอัลฟอนโซ่ไปจนลมหายใจสุดท้าย หรือที่เรียกว่าเงาของตระกูล โดยที่ทายาทของอัลฟอนโซ่จะเป็นคนเลือกเองว่าคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นที่สุดจะเป็นใคร” หญิงสาวอธิบาย “และคนคนนั้นของคาร์ลอส คือลุงของลูก”




เรื่องแบบนี้...มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?!




“แม่หันหลังให้กับตระกูล หันหลังให้กับครอบครัวและทุกอย่างที่แม่รู้จักตอนที่แม่เจอกับพ่อของลูก เพราะได้พี่กรรณช่วยพูด แม่เลยยังสามารถแอบเข้าไปหาพี่กรรณได้หลังจากที่เมฆเกิด” คนป่วยบีบมือของลูกชายเบาๆ “ตอนนั้นคุณณิรภา ภรรยารองของคาร์ลอสเพิ่งคลอดหมอกได้ไม่กี่เดือน เหมือนกับที่แม่เพิ่งมีเมฆ เราเลยคุยกันถูกคอ เพราะปกติแล้วณิเขาไม่ค่อยมีคนให้พูดด้วย”




ณิรภา...แม่ของมธุวันชื่อว่าณิรภา





ทั้งที่สิ่งนี้ควรจะเป็นข้อมูลที่สำคัญน้อยที่สุด แต่เมฆากลับรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นที่อย่างน้อยคนรักก็จะได้รู้ชื่อจริงของมารดาที่ตนจำไม่ได้แม้แต่ใบหน้า




“ณิตั้งชื่อภาษาไทยให้ลูกชายว่าสายหมอก...มธุวัน อัลฟอนโซ่ แม่จำได้ไม่มีวันลืม” ใบหน้าของเกศราหมองลงเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ถูกดึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องทั้งหมดทั้งที่ไม่รู้อะไร “หลังจากวันที่คฤหาสน์ถูกโจมตี...วันที่ลุงของลูกเสียพร้อมกับพ่อของหมอก แม่เลือกที่จะไม่ติดต่อกับใครเพราะกลัวว่าความบาดหมางระหว่างอัลฟอนโซ่กับตระกูลอื่นๆในโลกมืดจะลามมาถึงตัวลูก แต่นั่นทำให้แม่ไม่รู้เลยว่าณิรภาพยายามหาตัวแม่เพื่อความช่วยเหลือหลังจากที่พาลูกหนีกลับมาเมืองไทย”
เมฆารู้ตอนจบของเรื่องที่มารดากำลังเล่าดี แม่ของหมอกถูกยิงขณะที่พยายามหลบหนีคนที่กำลังตามล่าเธอกับลูก และจบชีวิตลงที่สถานสงเคราะห์เล็กๆในซอกหลืบซึ่งไม่มีใครรู้จัก





“ทำไม... ตอนที่ผมบอกแม่ว่าคบกับหมอก แม่ไม่เคยพูดอะไรเลยล่ะครับ?”




“แม่อยากให้ลูกได้มีอิสระอย่างเต็มที่ที่จะเลือกคนที่ลูกรัก” เกศราถอนหายใจ “ลุงของลูกไม่เคยได้รับโอกาสนั้น ตั้งแต่ลมหายใจแรกบนโลกใบนี้ พี่ชายของแม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรักผู้ชายคนนั้นด้วยทุกอย่างที่มี”





“…ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”





เมฆายังคงไม่อยากเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะสามารถถูกบงการทุกด้านของชีวิต ทุกการตัดสินใจโดยคนอีกคนได้โดยไม่มีจุดแตกหัก




“ว่ากันว่า หากเป็นเงาของอัลฟอนโซ่ที่แท้จริง ต่อให้ไม่เคยเห็นหน้าก็สามารถเอาตัวเข้าไปขวางลูกกระสุนให้กับเจ้าชีวิตของตัวเองได้” หญิงสาวส่ายหัวอย่างนึกขัน “แม่คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าเกินจริง จนได้มาเจอเมฆกับหมอกนี่แหละ”





“แม่หมายความว่ายังไงครับ?” เมฆาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ...ไม่สิ คงต้องบอกว่าสมองของเขาตอนนี้ปฎิเสธที่จะเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกันเสียมากกว่า




“มีกฏอยู่ข้อนึงเขียนไว้ว่า ในกรณีที่มีเด็กของตระกูลเกิดห่างจากทายาทตระกูลอัลฟอนโซ่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ตำแหน่งเงาจะตกเป็นของเด็กคนนั้นได้โดยไม่ต้องแข่งขัน” ผู้เป็นมารดาตอบ “ตามกฏของตระกูล เมฆมีตำแหน่งเป็นเงาของมิคาเอล อัลฟอนโซ่โดยชอบธรรม”












เมฆาไม่รู้ว่าจะประมวลผลสถานการณ์ที่ตนกำลังเผชิญอย่างไร





วินาทีแรกที่เขาเห็นมธุวันนั่งอยู่บนพื้นในซุ้มกิจกรรมวันรับน้อง เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน บางสิ่งบางอย่างภายในตัวเขาสั่งให้เขานำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงโคจรของคนคนนั้น




น้ำเขียวโซดาแก้วนั้นเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตของเมฆา




แต่หลังจากที่ได้ฟังประวัติของครอบครัวของตัวเองและคนรัก เมฆาอดคิดไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เขามีในวันแรกที่เจอกันอาจไม่ใช่อย่างที่เขาคิดก็เป็นได้




ไม่...ต่อให้เป็นโชคชะตาหรือปาฏิหาริย์ที่ทำให้พวกเขาพบกัน เมฆาก็เชื่อว่าตัวเองจะยังคงตกหลุมรักรอยยิ้มที่สดใสและแววตาอ่อนโยนของมธุวันทุกครั้งไป




“เมฆ เมฆรักหมอกมั้ยลูก”




“ครับ เมฆรักหมอก”





ในวันนี้ที่เมฆามีแต่คำถามมากมายในหัว นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เมฆามีคำตอบชัดเจน เขารักมธุวัน รักอีกฝ่ายด้วยทุกอย่างที่เขามี
รักอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายคือคนที่ตนต้องปกป้องด้วยชีวิต




“ตอนนี้ พวกกาวิโน่ ตระกูลที่เป็นศัตรูกับตระกูลของหมอกมานานกำลังตามหาตัวของหมอก มันแตะต้องพี่ชายของหมอกไม่ได้ มันถึงอยากเล่นงานจุดอ่อนเดียวที่ผู้ชายคนนั้นมี”




“เดี๋ยวนะครับ ถ้าหมอกมีพี่ชาย ทำไมเขาถึงไม่เคยตามหาหมอก....”




“นิโคไลขึ้นรับตำแหน่งตอนอายุสิบหกตามกฏของตระกูลเพียงแค่ต้องการที่จะตามหาน้องชาย แล้วตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าหมอกอยู่กับลูก”




เมฆาชาวาบไปทั้งตัวเมื่อรู้ว่าพี่ชายของมธุวัน ผู้ชายที่ชื่อนิโคไลคนนี้รู้เรื่องราวของพวกเขา




“แต่นิโคไลไม่ใช่คนที่เราต้องกังวลในตอนนี้ เพราะถ้าเขาจะสั่งให้พาหมอกกลับไป วินคงทำไปนานแล้ว”




เมฆาที่ตอนนี้ถูกถาโถมด้วยข้อมูลที่ตนไม่เคยรู้มาก่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรจะประหลาดใจอะไรแล้ว แต่ชื่อของเพื่อนสนิทที่ออกมาจากปากของมารดาทำให้เขารู้ว่าตัวเองคิดผิด




“วิน?”




“นาวินทร์ เหลียน เป็นญาติของลูก และเป็นหัวหน้าทีมคุ้มกันของนิโคไล” เกศราเลิกคิ้ว “บอกตามตรง แม่แปลกใจนะที่ลูกไม่เอะใจอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของวิน”




ขนาดพี่ชายที่นาวินทร์ดูจะสนิทด้วยที่สุด เมฆายังไม่เคยคิดจะเอ่ยปากขอดูรูปภาพด้วยซ้ำ




เขาเริ่มตระหนักแล้วว่าตัวเองใส่ใจคนที่เรียกว่าเพื่อนสนิทน้อยกว่าที่ตัวเองคิดมาก




“เมฆ ตอนนี้คนของกาวิโน่กำลังส่งคนสะกดรอยตามคนตระกูลเหลียนทุกคนที่มีอายุใกล้เคียงกับหมอก พวกมันคิดว่าณิรภาฝากให้ตระกูลเหลียนตามคุ้มครองลูกของตัวเอง ที่เมฆยังไม่ถูกตรวจสอบเพราะว่าแม่ออกจากตระกูลก่อนจะเกิดเรื่อง แต่ไม่ช้าก็เร็วขอบเขตของการค้นหาก็ต้องขยายมาถึงลูก”




เกศรายังคงไม่อยากเชื่อว่าตลกร้ายนั้นกลับกลายเป็นความจริงขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด




เธอไม่อยากทำร้ายหัวใจของลูกชายด้วยมือของตัวเอง แต่เธอรู้ว่าทางเลือกอีกทางนั้นจะทำให้เมฆาเจ็บกว่าที่เป็นอยู่




ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขายังคงไม่มีคำตอบค่อยๆปะติดปะต่อกันในหัวของเมฆา ทั้งเรื่องกระถางดอกไม้ เรื่องการกลั่นแกล้งสารพัดที่เขาตกเป็นเป้าหมาย และสาเหตุที่นาวินทร์ไม่ได้ติดต่อเขากลับมาหลังจากที่เมฆาเล่าให้ฟัง




หรือว่า...จะเป็นฝีมือของคนพวกนั้น?




ถ้าอย่างนั้น...ทำไมถึงจงใจให้เขารู้ว่ากำลังมีคนปองร้าย?





“ตราบใดหมอกยังอยู่ใกล้ๆเมฆ หมอกไม่มีวันปลอดภัย” เกศราบีบมือของลูกชายที่หมดเรี่ยวแรงแทบจะในทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น “แม่อยากให้เมฆมีความสุข เพราะฉะนั้นเมฆจะทำอะไรกับสิ่งที่แม่เล่าให้ฟังวันนี้ ก็เป็นทางเลือกของเมฆ”
แน่นอน เธอรู้อยู่แล้วว่าลูกชายของเธอจะเลือกอะไร





เพราะหัวใจของพี่ชายเธอดำรงอยู่ได้ด้วยชีวิตของคาร์ลอส




หัวใจของเมฆาก็ไม่สามารถเต้นอยู่ได้หากมธุวันหายไปจากโลกใบนี้





แม้ว่านั่นจะหมายถึงการจากลากับหัวใจของตัวเองชั่วชีวิตก็ตาม


------------

คิดถึงเก๊าม๊ายยยยยย
ขอโทษนะคะที่มาอัพช้า เอากระจึ๋งแรกมาลงให้พอหายคิดถึงก่อนเนอะ :hao5:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กระจึ๋งแรก เฉลยมาซะกระจ่างแจ้ง กระจึ๋งหลังรู้ผลชัวส์  :hao3:

ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
สงสารเมฆสุดหัวใจ :hao5: :m15: :monkeysad: :sad11:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
โถ่ เมฆ.........มันหนักไปสำหรับคนที่อยู่แบบคนธรรมดามาทั้งชีวิตนะแม่
มันเหมือนตู้มเดียว ชีวิตพลิก 360 องศาเลยอ่ะ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อยู่ปกป้องดีกว่าถอยห่างนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แบบนี้นี่เอง แต่เราว่าเก็บของสำคัญไว้ใกล้ตัวดีกว่าผลักไสนะ
ปล. คิดถึงคนเขียนและเมฆหมอกมากค่า~

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ถ้าเมฆจำทั้งหมดได้จะเลือกแบบไหนอีกครั้ง

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออออออ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       นี่ซินะสาเหตุ

แต่เราเชื่อแบบนี้นะ
รักแล้วอย่าเสียสละแบบโง่ๆ
เพราะการคิดเเทนกันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดการคุยกันและหาทางออกคือสิ่งที่ดีที่สุด
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

เมฆจะจำได้แล้วใช่ไม๊งะ
หรือถ้าจำได้จะเลือกอะไร

โอ้ยยยย

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สาเหตุแท้จริง...

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ป้าอยากเอามีดกรีดออกหล่อน แม่littelpig

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อาหย๋า เมฆเลนเลือกถอยไปเหรอ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
นี่คือสาเหตุที่เมฆขอถอยห่างจสกหมอกใช่มั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
นี่สินะสาเหตุที่เลิกกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เข้าใจและ   :mew2:
แล้วเมฆ คงเกิดอับัติเหตุจากพวกกาวิโน
จนสูญเสียความจำด้วย ถถถถถถถ น่าสงสารทั้งคู่  :mew6:
เมฆ  หมอก   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อ่านมาทั้งคืนมันก็จะงงๆตรงความสัมพันธ์ของตัวละครว่าพวกเขารู้สึกต่อกันยังใงมีความรู้สึกรักให้กันบ้างหรือเปล่า ที่มองเห็นได้ก็มีแต่คู่ของเมฆกับหมอกเท่านั้น ส่วนคู่อื่นๆเรางงกับความสมพันธ์ของพวกเขามาก  :ruready  แต่เราเข้าใจเมฆนะว่าทำไมตัดสินใจบอกเลิกหมอกสำหรับเด็กอายุ20ต้นๆที่เพิ่งมารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแบบนี้กระทั่งเวลาไตร่ตรองยังมีน้อยบวกกับความรู้สึกรักและอยากปกป้องหมอกสิ่งที่คิดได้ในตอนนั้นคงมีแต่ทางนั้นทางเดียวส่วนเรื่องอุบัติเหตุอาจจะเป็นฝืมือส้มก็ได้นะ  :hao4: แต่สุดท้ายแล้วถ้าเมฆความจำกลับมาทั้งหมดแล้วจะมีความเข้มแข็งพอที่ยืนอยู่ข้างหมอกได้หรือเปล่ามันก็น่ากังวลนะ   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :a5: เข้าใจแล้ว สิ่งที่สงสัยมานาน แต่ยังไม่ทั้งหมด

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นี่สินะสาเหตุที่แท้จริงงง  o9 o9 o9

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 36: [Now] สงคราม

มธุวันไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้อีกกี่ครั้ง




“เมฆ ตื่นได้แล้ว”




แม้จะสงสารคนป่วย แต่เขาก็มีงานต้องทำเช่นกัน แต่การมีร่างของลูกเสี้ยวรัสเซียตัวเบ้อเริ่มทับอยู่บนร่างของเขาทำให้เรื่องๆง่ายอย่างการลุกจากเตียงดูเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง




“เมฆ ลุก หมอกต้้องไปทำงาน”





ในที่สุดเขาก็ได้การตอบรับเป็นเสียงครางเบาๆในลำคอของร่างสูง เมฆาปรือขึ้นอย่างยากลำบาก คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นบ่งบอกว่าอาการปวดหัวของอีกฝ่ายยังคงหลงเหลืออยู่ มธุวันรีบถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล




“ยังปวดหัวอยู่เหรอ?”



“นิดหน่อย...หมอกไปเถอะ ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก”




เปลือกตาของร่างสูงปิดลงอีกครั้งแทบจะในทันทีที่พูดจบ มธุวันมองใบหน้าคมที่ดูอ่อนเพลียกว่าปกติด้วยความสงสาร เมฆาคงจะเหนื่อยมากกับอาการปวดหัวเมื่อคืน




มธุวันไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังจะทำจะทำให้เรื่องของพวกเขายุ่งยากขึ้นหรือไม่ แต่ลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าร่างสูงกำลังหลับสนิทและความห่วงใยที่มีต่ออีกฝ่ายเอาชนะทิฐิในใจของเขาได้...อย่างน้อยก็ในเวลานี้




เลขาหนุ่มโน้มตัวลงมาหาร่างที่หลับอยู่ ริมฝีปากเรียวทาบลงบนขมับของร่างสูง กลีบปากนุ่มหยุ่นคลอเคลียข้างแก้มของเมฆาอย่างแผ่วเบาแล้วจบลงที่จุมพิตหวานล้ำบนริมฝีปากได้รูป




“หายไวๆนะครับเมฆ”




เสียงหวานกระซิบ แววตาของมธุวันไม่สามารถกลบเกลื่อนความอ่อนโยนของตัวเองยามมองร่างของคนที่นอนหลับอยู่ได้ เขาได้แต่รู้สึกโชคดีที่เมฆาไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นความอ่อนแอของตัวเองที่พ่ายแพ้ให้กับเยื่อใยเก่าๆในตอนนี้




หากมธุวันหันกลับมามองคนป่วยบนเตียงอีกครั้งหลังจากลุกไปจากเตียง เลขาหนุ่มจะเห็นแววตาที่เปล่าประกายด้วยความหวังของเมฆาที่มองตามเขาไปจนลับสายตา ก่อนที่ชายหนุ่มจะหลับตาลงอีกครั้งเพื่อข่มอาการปวดศีรษะที่ยังคงหลงเหลืออยู่










“จะดีจริงๆเหรอยาหยีที่ให้เราช่วยเลือก ไม่รอให้คุณโรเบิร์ตมาดูก่อนเหรอ?”





มธุวันถามเพื่อนที่พลิกรูปของชำร่วยงานแต่งงานในอัลบั้มอย่างขะมักเขม้นในร้านดอกไม้แสนสวยในตัวเมืองเพื่อฆ่าเวลารอเจ้าของร้านที่หญิงสาวนัดไว้ให้ช่วยแนะนำ ญาวิกาส่ายหน้า




“โรเบิร์ตบอกว่าเขาตามใจฉันเต็มที่ วันนี้เขามีงานทั้งวัน”




“งบไม่อั้นล่ะสิ ยิ้มหน้าบานขนาดนี้” มธุวันแซว มีอย่างที่ไหนว่าที่สามีไม่มาเลือกของด้วยแต่กลับอารมณ์ดีดี๊ด๊าผิดวิสัยของญาวิกาขนาดนี้




“แสนรู้นะคะเพื่อน” ร่างเล็กเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ญาวิกาเป็นผู้หญิงเสียงดัง โหวกเหวกโวยวายไปตามประสา เรียกได้ว่าเหมือนณัฐภาสภาคผู้ผญิง ทำให้คนที่มองเขามาคิดว่าหญิงสาวร่าเริงและมีความสุข แต่ก่อนหน้านี้มธุวันไม่เคยเป็นความสุขที่ฉายชัดในแววตาของญาวิกาแบบนี้มาก่อน เขารู้สึกยินดีกับเพื่อนรักอย่างใจจริง และหวังว่าความรักของญาวิกาจะไม่พบจุดจบเหมือนกับเรื่องของเขา




“แล้วตัวเองน่ะ ไม่คิดจะมีแฟนกับเขาบ้างเหรอ?”




มธุวันชะงักกับคำถามของเพื่อน ภาพของเมฆาในตอนเช้าผุดวาบขึ้นมาในหัวอย่างห้ามไม่ได้




“ไม่หรอก งานเรายุ่ง” มธุวันตอบปัด แต่นั่นไม่สามารถทำให้ญาวิกาล่าถอยไปง่ายๆ




“งานยุ่ง...หรือยุ่งอยู่กับใครจ๊ะ?”




“พูดอะไรน่ะยาหยี” มธุวันขมวดคิ้ว คนแซวยิ้มอย่างมีเลศนัย



“แหม ก็คุณแฟนเก่าเล่นเดินตามต้อยๆเป็นลูกหมาขอความอบอุ่น ส่วนคุณคู่ค้าทางธุรกิจก็มองซะอย่างกับจะจับแกมัดมือมัดเท้าโหลดลงใต้ท้องเครื่องบินกลับประเทศเขาอย่างนั้นแหละ”




คู่ค้า...คุณนิโคไลน่ะเหรอ?



“เข้าใจผิดแล้วล่ะ คุณนิโคไลเขาไม่ได้สนใจเราแบบนั้นหรอก” ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่นิโคไลก็ใจดีกับเขามาก แต่มธุวันไม่ได้รู้สึกว่าชายหนุ่มชาวต่างชาติมีความรู้สึกในเชิงนั้นกับเขา




“ปฏิเสธเรื่องคุณนิโคไล แต่ไหงข้ามเรื่องคุณแฟนเก่าไปซะงั้นล่ะคะเพื่อน” ญาวิกาถองสีข้างของมธุวันเบาๆอย่างหยอกเย้า ร่างโปร่งกลอกตา แต่เลือกที่จะไม่โต้ตอบให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้




“ว่าแต่...คุณนิโคไลเนี่ย เหมือนเจ้าชายในนิทานเลยเนอะแกว่ามั้ย” ญาวิกาเอ่ยด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน “ทั้งหล่อทั้งรวย คารมคมคาย อร๊ายยย คือดีต่อใจ”




“พูดแบบนี้คู่หมั้นหึงตาย” มธุวันหยอก แต่คนมีความรักเพียงแค่หัวเราะคิกคัก




“โห รายนั้นอ่ะนะ เขาหึงหวงเป็นที่ไหนล่ะ เชื่อใจฉันทุกอย่างจนขนาดแอบมองซิคแพคผู้ชายตามหาดเดี๋ยวนะฉันยังรู้สึกเลวเลย”




“แต่ก็มอง” เลขาหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทัน




“พอเลยแก มาช่วยฉันเลือกของก่อน เดี๋ยวก็ไม่ได้อะไรกันพอดีวันนี้” ญาวิกาบ่น เมื่อเห็นเพื่อนรักยอมละทิ้งหัวข้อสนทนานั้นไปมธุวันจึงยอมทำตามคำสั่งของว่าที่เจ้าสาวแต่โดยดี




ดวงตาสีเทาอมฟ้าไปสะดุดเข้ากับของชำร่วยที่เป็นเทียนหอมรูปก้อนเมฆสองก้อนในถุงตาข่ายโปร่งแสงหน้าตาน่ารัก นิ้วเรียวปัดผ่านรูปของเทียนหอมสีสดใสอย่างลืมตัวไปชั่วขณะ




“หมอก...ฉันว่าแกอาการหนักอยู่นะ” เสียงของญาวิกาฟังดูจริงจังขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนรัก มือเล็กยกขึ้นตบบนบ่าของมธุวันเบาๆ “แกไหวมั้ย?”




“….”




 มธุวันอยากตอบกลับไปว่าตัวเองยังไหว อยากพูดให้หญิงสาวที่กำลังมองเขาด้วยสีหน้าไม่สบายใจให้คลายกังวลว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร แต่เสียงของเขากลับตีบตันอยู่ในลำคอ




“หมอก...”




“อ้าวคุณหมอก คุณญาวิกา บังเอิญจังเลยนะครับ”




เสียงของนิโคไลที่ดังขึ้นเปรียบเสมือนระฆังช่วยชีวิตที่ดึงความสนใจของญาวิกาไปจากเขาอย่างทันท่วงที มธุวันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วหันไปหาชายหนุ่มร่างสูงที่ดูกลมกลืนกับบรรดาดอกไม้สีสันสวยงามด้านหลังของตนอย่างน่า
ประหลาด




“สวัสดีครับคุณนิโคไล”




“ตายแล้ว โลกกลมจังเลยค่ะคุณนิโคไล มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” มธุวันเห็นหัวใจดวงโตสองดวงในดวงดาของเพื่อนตัวเล็ก จะโทษญาวิกาที่มีปฏิกิริยาแบบนี้ก็คงจะไม่ได้ หญิงสาวอยู่ในวงการแฟชั่น เวลาเจออะไรสวยๆงามๆก็มักจะกรี๊ดกร๊าดให้พวกเขาฟังจนเพื่อนๆต่างก็เพลียไปตามๆกัน หากจะโทษก็คงต้องโทษนิโคไลที่ทำตัวเหมือนเจ้าชายที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย...




ถ้าเจ้าชายที่ว่าชอบที่จะถล่มปราสาทแม่มดแล้วเผาให้วอดวายก่อนคิดจะช่วยเจ้าหญิงน่ะนะ




“ผมมาเดินหาของฝากให้ลูกชายแล้วเห็นร้านดอกไม้ คุณอาที่เลี้ยงผมมาท่านชอบทำสวนดอกไม้มาก ผมเลยอดแวะเข้ามาไม่ได้น่ะครับ”




แววตาของนิโคไลหมองลงเมื่อนึกถึงเงาของบิดาของตนที่ช่วยดูแลชายหนุ่มมาตั้งแต่เกิด ถึงแม้ว่านิโคไลในตอนนั้นจะยังเด็กอยู่มาก แต่เขารับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าพ่อของเขาไม่ชอบให้เขาใช้เวลากับกรรณวัชรมากนัก




แต่สิ่งที่นิโคไลไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำได้ในตอนนั้น คือการช่วยกรรณวัชรดูแลสวนดอกไม้หน้าคฤหาสน์ สวนดอกไม้แห่งนี้เป็นสิทธิ์ขาดของกรรณวัชรที่คาร์ลอสมอบให้ แม้แต่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายอย่างมารดาของเขายังไม่สามารถทำอะไรกับสวนแห่งนี้ได้หากกรรณวัชรไม่ยินยอม เงาของบิดาที่นิโคไลไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอาจจะรักเขามากกว่าที่คาร์ลอสรักมักจะเล่าเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับดอกไม้ให้ฟังอยู่เสมอ ทั้งความเป็นมา ความหมายของชื่อ และวิธีการดูแลดอกไม้ให้สวยงามอยู่เสมอ





แต่หลังจากที่คาร์ลอสพาณิรภา มารดาของมธุวันเข้ามาในบ้าน เขาสังเกตว่ากรรณวัชรใช้เวลากับสวนดอกไม้น้อยลงเรื่อยๆ เด็กชายที่ไม่มีเพื่อนเล่นมากมายอะไรอยู่แล้วยิ่งรู้สึกเคว้งคว้างเมื่อคนที่เลี้ยงเขามาแต่เล็กหายหน้าหายตาไปจากสถานที่โปรด






และนั่นทำให้เขาเริ่มผูกมิตรกับณิรภา ซึ่งถึงแม้ว่ากรรณวัชรจะสามารถพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เงาหนุ่มไม่เคยเอื้อนเอ่ยภาษาของตัวเองให้ใครได้ยิน เพราะบิดาของเขาต้องการที่จะ ‘เข้าใจ’ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กรรณวัชรพูดโดยไม่ขาดตกบกพร่อง จึงไม่อนุญาตให้กรรณวัชรพูดภาษาที่ตนไม่คุ้นเคยมากนัก ภาษาไทยที่นิโคไลเรียนรู้จึงมาจากณิรภา ที่ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าเป็นเพียงพี่สาวใจดีที่มาอาศัยอยู่ในบ้านของเขาเท่านั้นเสียเป็นส่วนใหญ่





“คุณอาของคุณนิโคไลนี่ฟังดูเป็นคนโรแมนติกจังเลยนะคะ” คำพูดของญาวิกาดึงคนที่จมอยู่กับความทรงจำในอดีตกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง นิโคไลส่ายหน้า




“ผมไม่ทราบหรอกครับ คุณอาท่านเสียไปพร้อมกับคุณพ่อในอุบัติเหตุไฟไหม้ตอนที่ผมอายุเจ็ดปี”




...แต่คุณนิโคไลเคยบอกว่าพ่อของตัวเองถูกฆ่าไม่ใช่เหรอ?




มธุวันเลือกที่จะเก็บข้อสังเกตนั้นไว้ในใจด้วยไม่อยากถามอะไรที่เป็นการเผยความลับของชายหนุ่มไปโดยพละการ





“เสียใจด้วยนะคะคุณนิโคไล” ญาวิกาเอ่ยด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ นิโคไลยิ้ม พยักหน้ารับคำปลอบโยนตามมารยาทแล้วถามกลับ




“แล้วคุณญาวิกากับคุณหมอกมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?”




“มาเลือกดอกไม้งานแต่งงานน่ะค่ะ นี่รอเจ้าของร้านอยู่น่ะค่ะ”




“เหรอครับ ถ้าไม่รังเกียจ ให้ผมช่วยแนะนำได้นะครับ ผมพอจะรู้เรื่องการจัดดอกไม้พอสมควร เป็นงานอดิเรกเล็กๆน้อยๆน่ะครับ” ชายหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แม้มธุวันจะคิดว่าชายหนุ่มเสนอตัวช่วยตามมารยาท แต่ญาวิกาที่ปลาบปลื้มอีกฝ่ายอยู่แล้วรีบพยักหน้า




“ดีเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องดอกไม้ ให้หมอกช่วยไม่ได้เรื่องเลย”




“อ้าว” คนโดนถีบหัวส่งหน้าเหวอ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆในลำคออย่างขบขันจากนิโคไลได้เป็นอย่างดี




“ถ้าอย่างนั้น ช่วยบรีฟผมเรื่องธีมงานคร่าวๆหน่อยแล้วกันนะครับ”




รู้ตัวอีกที มาเฟียรูปหล่อก็ทำให้มธุวันโดนเด้งจากตำแหน่งเพื่อนเจ้าสาวไปเป็นตัวประกอบหลังฉากเสียแล้ว ซึ่งร่างโปร่งไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร เพราะตัวเองก็ไม่ได้ถนัดเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่ต้น




เลขาหนุ่มใช้โอกาสนั้นปลีกตัวไปจากคนทั้งคู่ ชายหนุ่มก้าวออกมานอกร้านขายดอกไม้แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ริมฝีปากเรีียวเม้มแน่น ชั่งใจอยู่นานก่อนจะเลือกกดโทรออกหาคนที่ตัวเองทิ้งไว้ในห้องนอนเมื่อเช้า




มธุวันรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโทรหาเมฆา หรือคุยกับอีกฝ่ายทางโทรศัพท์ แต่ตั้งแต่พบกันอีกครั้ง เขาไม่เคยโทรหาเมฆาด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เรื่องงานหรือเรื่องสำคัญมาก่อน




เสียงรอสายดังขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเมฆาก็รับสายทันที น้ำเสียงของร่างสูงแม้จะอิดโรยแต่ตื่นเต้นที่มธุวันโทรมาอย่างเห็นได้ชัด




“ครับหมอก?”




เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างหูอย่างกระตือรือร้นทำให้มธุวันอดนิ่วหน้ากับพลังการทำลายล้างของมันไม่ได้




“เมฆ…อาการเป็นไงบ้าง”




เขาได้แต่บอกตัวเองว่าการโทรหาอีกฝ่ายครั้งนี้เพียงแค่อยากเช็คให้แน่ใจว่าเมฆายังไม่ตาย และได้แต่หวังว่าหากเขาเอ่ยเหตุผลนั้นซ้ำไปซ้ำมาในหัวมากพอ เขาจะสามารถกล่อมตัวเองให้เชื่อได้จริงๆ




“ดีขึ้นแล้วครับ หมอกไม่ต้องเป็นห่วง”




“ไม่ได้ห่วง” มธุวันสวนกลับเสียงห้วน แม้ว่านั่นจะเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบเพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริง แต่คนพูดก็อดยอมรับไม่ได้ว่าน้ำเสียงของเขาฟังดูรุนแรงเกินว่าเหตุไปหน่อย




“ขอโทษครับ..” เสียงของเมฆาอ่อยลง มธุวันรู้สึกได้ถึงความกลัวที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียงของอีกฝ่าย ความกลัวว่าเขาจะตัดสายไปหากตัวเองพูดอะไรไม่ถูกใจ ซึ่งนั่นทำให้ต่อมความรู้สึกผิดของร่างโปร่งเริ่มทำงาน มธุวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
เล็กน้อย




“กินอะไรรึยัง?”



“ยังครับ...”




“อยู่ในเมือง จะเอาอะไรมั้ย?” แม้น้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่คำถามนั้นทำให้เมฆาฟังดูสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย




“ไม่เป็นไร แค่...”




“แค่?” มธุวันทวนคำเมื่ออีกฝ่ายเงียบไปกลางคัน ปลายสายยังคงไม่มีเสียงตอบกลับมาสักพัก ก่อนที่เมฆาจะเอ่ยขึ้น




“รีบกลับได้มั้ย...เมฆคิดถึง”




มธุวันตัดสายทันทีที่ประโยคนั้นหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของอีกฝ่าย ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งกับคำออดอ้อนของคนที่สัญญาว่าจะไม่ร้องขออะไรจากเขา




มธุวันหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านด้วยจิตใจว้าวุ่น นึกโกรธตัวเองที่ยอมให้ความอ่อนแอเพียงชั่ววูบทำให้เขาพลาดท่าเสียทีให้กับเมฆาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง









“…ถ้าอย่างนั้นเอาดอกกุหลาบพันปีเป็นดอกไม้หลักในงานดีมั้ยครับ ดอกไม้สวยๆเหมาะกับคนสวยๆอย่างคุณ เรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดดอกไม้วันงาน ให้ผมเป็นคนจ่ายเถอะนะครับ ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงาน”




หลังจากกลับมานั่งที่โต๊ะ คำพูดของนิโคไลทำให้เลขาหนุ่มถึงกับหูผึ่งกับความใจป้ำของมาเฟียหนุ่ม แต่ดูจากการพุดคุยกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยจนลืมเวลาของคนทั้งคู่ เขาคิดว่าคนทั้งสองคงถูกชะตากันน่าดู




“อุ๊ย อย่าเลยค่ะคุณนิโคไล เกรงใจ...”




“ผมเต็มใจครับ เพื่อนของคุณหมอกก็คือเพื่อนของผม” นิโคไลขัดพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หญิงสาวถึงกับบิดไปมาด้วยความเขินอาย ก่อนจะลุกขึ้น “แต่ผมคงต้องขอตัวก่อน...ไว้เจอกันนะครับคุณญาวิกา คุณหมอก”




“ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งจริงๆนะคะ” ญาวิกาเอ่ยจากใจจริง




ทันทีที่นิโคไลพ้นรัศมีการได้ยิน มธุวันก็โดนเพื่อนสนิทเขย่าแขนกรี๊ดกร๊าดถึงความป๋าของชายหนุ่มผมบลอนด์ เรียกได้ว่าคะแนนนิยมของนิโคไลจากหญิงสาวพุ่งทะลุชั้นสตาร์โตสเฟียร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว




“แก เอาคนนี้ คนนี้ฉันชอบ!”




“ตกลงไม่แต่งแล้วใช่มั้ย เราจะได้โทรไปยกเลิกห้องจัดเลี้ยง” มธุวันอมยิ้มขำ ความรู้สึกปั่นป่วนในจิตใจค่อยๆจางหายไปเมื่ออยู่กับเพื่อนรัก




“แต่งสิยะ! แกคิดว่าฉันจะหาแบบโรเบิร์ตได้อีกเหรอชาตินี้” ญาวิกาตีไหล่เพื่อนเบาๆ “ฉันหมายถึงให้แกต่างหาก”




“นี่ยังไม่จบเรื่องนี้อีกเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าคุณนิโคไลเขาไม่ได้คิดอะไรกับเรา” มธุวันถอนหายใจ





“ไม่ได้คิดอะไรล่ะ ตอนแกออกไปโทรศัพท์นอกร้าน เขาชะเง้อมองแกจนคอแทบหลุด”




มธุวันเหนื่อยที่จะเถียงกับเพื่อน คนอย่างญาวิกาปักใจเชื่ออะไรแล้วยากที่จะเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ โชคดีที่พวกเขาทั้งคู่ถูกขัดจังหวะด้วยพนักงานในร้านที่เดินมาหาพวกเขาพร้อมดอกไม้ช่อเล็กสีม่วงแซมดอกไม้สีอ่อนรอบๆ




“ช่อดอกอคิลเลียกับดอกเพตทูเนียของคุณญาวิกาค่ะ คุณผู้ชายคนเมื่อกี้สั่งให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน” มธุวันสังเกตว่าสีหน้าของพนักงานสาวไม่สู้ดีนัก แต่ญาวิกาที่มัวแต่ปลาบปลื้มกับความใจดีของนิโคไลรับช่อดอกไม้นั้นไปด้วยแววตาเป็นประกาย




“สวยมากเลยอ่ะแก” หญิงสาวควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ถ่ายไปให้โรเบิร์ตดูดีกว่า คุณนิโคไลเนี่ยรู้เรื่องดอกไม้ดีจริงๆ”





หลังจากที่ส่งรูปให้คนรักได้ไม่นาน โทรศัพท์ญาวิกาก็ดังขึ้น หญิงสาวกดรับสาย




“อ้าว...วันนี้มาไม่ได้แล้วเหรอคะ? อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ หยีเลือกดอกไม้ที่อยากได้ได้แล้ว เดี๋ยวจะแจ้งไว้กับน้องที่ร้านนะคะ ขอบคุณค่ะ”




“เจ้าของร้านเหรอ?” มธุวันเดา เพราะนี่ก็เลยเวลานัดของพวกเขาไปนานโขแล้ว




“อื้อ แต่ช่างเถอะ ที่คุณนิโคไลช่วยเมื่อกี้คือดีงามมากอ่ะ ฉันว่าฉันคงเอาตามนั้นแหละ” ร่างเล็กลุกขึ้น “งั้นเดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ แกเอาใบนี้ไปยื่นให้ที่เคาท์เตอร์หน่อยสิ เห็นว่ากุหลาบพันปีต้องใช้เวลานาน”




“อื้อ”




มธุวันทำตามที่เพื่อนขอ เขายื่นกระดาษใบที่ว่าให้กับพนักงานสาวที่ยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ แต่ก่อนที่มธุวันจะได้เอ่ยถาม หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน




“ขอโทษนะคะ...คุณผู้ชายชาวต่างชาติคนเมื่อกี้ เขามีปัญหาอะไรกับคุณญาวิการึเปล่าคะ?”




“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ?” มธุวันถามกลับอย่างประหลาดใจ จากการพูดคุยอย่างสนิทสนมของคนทั้งสอง ต่อให้เขาเป็นคนนอกเขาก็ยังคิดว่าสองคนนั้นดูเป็นเพื่อนสนิทมากกว่าจะเป็นคนที่กำลังมีปัญหากัน




“คือ…หนูไม่ได้จะแอบฟังนะคะ แต่เท่าที่ฟัง เขาดูจะมีความรู้เรื่องดอกไม้ ความหมายของดอกไม้มาก หนูเลยรู้สึกแปลกใจ...” หญิงสาวกัดริมฝีปาก “ดอกกุหลาบพันปี มันไม่ได้สื่อถึงความรักเหมือนดอกกุหลาบปกติหรอกนะคะ”





“ผมคิดว่าภาษาดอกไม้มีได้หลายความหมาย ขึ้นอยู่กับประเทศซะอีก” มธุวันเอียงคอ “ความหมายของคุณกับของเขาอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้นะครับ”





“ถ้ามันมีแค่กุหลาพันปีหนูก็จะคิดอย่างนั้นอยู่หรอกค่ะ แต่นี่ทั้งดอกเพตทูเนีย ทั้งดอกอคิลเลีย มันไม่ใช่ดอกไม้ที่จะใช้แสดงความยินดีในงานแต่งงานหรอกนะคะ”




“แล้ว...กุหลาบพันปีมันมีความหมายว่ายังไงเหรอครับ?” แม้จะคิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่มธุวันยังคงอดถามไม่ได้อยู่ดี




“Beware…’ระวังตัวไว้’น่ะค่ะ” พนักงานสาวตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล มธุวันชะงัก




“แล้ว...ความหมายของดอกไม้ในช่อนั้นล่ะครับ...”










โรเบิร์ตจ้องมองภาพในมือถือที่คู่หมั้นของตนส่งมาให้ ดวงตาสีอ่อนแข็งกร้าวไปด้วยโทสะและความเกลียดชัง แม้ญาวิกาไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของของขวัญวันแต่งงานของเขาช่อนี้




ดอกเพตทูเนีย สื่อถึงความโกรธและความเกลียดชัง




ส่วนดอกอคิลเลียที่แซมอยู่ด้านนอกนั้น ประกาศสงครามที่ทั้งสองฝ่ายรู้ดีว่ากำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า





ดูท่า...อีกฝ่ายคงจะเอาคืนที่เขาแกล้งปั่นหัวของเล่นของมันให้วิ่งแจ้นตามมาถึงโรงแรม




หึ...คิดว่าเขาจะกลัวรึไง?




โรเบิร์ตเหลือบมองรูปถ่ายของเขากับญาวิกาบนหัวเตียง ดวงตาสีน้ำข้าวอ่อนลงเมื่อเห็นรอยยิ้มร่าเริงแจ่มใสของหญิงสาวชาวไทย ผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดอยากจะทำร้าย ผู้หญิงที่เขาเคยคิดเพียงแค่จะใช้เป็นสะพานไปสู่น้องชายของนิโคไล
ผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทำให้หัวใจของเขาพองโตด้วยความสุขเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ





“ไม่ต้องห่วงนะยาหยี” ชายหนุ่มพึมพำ ปลายนิ้วแตะลงบนภาพของคู่หมั้นสาวด้วยแววตาแน่วแน่ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณ”





--------------

เป็น50%ที่แอบยาว55555
หลังจากนี้ก็คาดว่าจะมีความผลุบโผล่เบาๆ55555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตานิ กับ ตาโร ไปกัดกันไกล ๆ ได้ปะ คนใกล้ตัวจะเดือดร้อน แล้วจะมีวันที่ทั้งคู่กับมือดีกันได้ไหม เพราะหมอกกับหยี่เป็นเพื่อนรักกันนะ  :katai1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
นึกว่าโรเบิร์ตจะหลอกใช้ยาหยีอย่างเดียวนะเนี่ย

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
รู้สึกดีนะที่โรเบิร์ตรักยาหยี อย่างน้อยก็รู้สึกว่าไม่ได้จะเลว หรือ จะเลวบริสุทธิ์ไปเลยอ่ะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ขอให้ความรักเอาชนะทุกอย่าง ให้ลงเอยกันด้วยดีเถอะนะ.  :mew2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด