ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558  (อ่าน 95243 ครั้ง)

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เบลล์ยอดเยี่ยมไปเลย
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
พี่ฮั่นนนน ทำไมปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้อ่ะ
คุณคริสไม่ว่าอะไรหรอกนะ ? พีทก็บอกกับคุณพ่อไปแล้วไม่ใช่หรอว่าชอบฮั่นอ่ะ
อย่าปล่อยให้เรื่องมันสายไปมากกว่านี้เลยนะ
ปล.เพิ่งมาอ่าน5555 รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
น้องพีทกำลังจะแต่งงานแล้ว

อี่พี่ฮั่นพื่งมารู้ใจตัวเองตอนเขาจะแต่งงานกันนี้หรออี่พี่ฮั่น :z6:

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
เขารออยู่มาเร็วๆนะตัวเอง :katai4:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
52. ไปทะเลอีกครั้ง


เด็กฝึกงานสองคนเดินไปตามทางเดินภายในโรงแรมอย่างไม่รีบร้อนนัก  หลังจากผู้จัดการเข้ามาบอกให้พวกเขาละจากงานตรงหน้าแล้วรีบขึ้นไปที่ห้องทำงานรองประธานโดยด่วน   พีททำหน้าแปลกใจที่รายงานของตัวเองมีปัญหา   

โดมถึงกับถอนหายใจอย่างสบายใจเมื่อได้หลบจากอากาศร้อนอบอ้าวภายนอกเข้ามาในอาคารที่ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ร่างอวบของโดมกลับมาแต่งกายเรียบร้อยแล้ว  ก่อนที่สองหนุ่มจะเดินเข้าลิฟต์ไป  โทรศัพท์ของพีทก็ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ชะงัก 

พีทหันมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความแปลกใจก่อนจะกดรับ   

“หวัดดีครับพ่อ....ครับ ๆ  พีทจะไปเดี๋ยวนี้!” 

พีทวางสายแล้วหันมามองหน้าพี่โดม  สีหน้าเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด  ทำให้โดมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“พีท  มีอะไรรึเปล่า” 

“พี่โดม พ่อโทรมาบอกว่าคุณปู่ผมอาการไม่ค่อยดี เพ้อหาผม ผมไปโรงพยาบาลก่อนนะ”

ว่าแล้วพีทก็สาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้โดมมองตามหลังพีทที่วิ่งหายไป 

เขาคงไม่ต้องขึ้นไปแล้ว  เพราะเขารู้ดีว่าพี่ฮั่นไม่ได้ต้องการให้เขาไปช่วยงานอะไรหรอก  ข้ออ้างทั้งนั้นแหละ

‘เฮ้อ  เหนื่อยใจแทนพี่น้องคู่นี้จริง ๆ’

-----------------------------------------------------



หลังจากกลับจากโรงพยาบาลก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม  พีทเอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงไม่ทำอะไร  ความคิดวนเข้าออกหัวสมองเขาหลายเรื่อง  ถอนหายใจหลายครั้ง

คุณปู่อาการทรุดลง บ่ายวันนี้ที่เขาไปหาคุณปู่ที่โรงพยาบาล คุณปู่เรียกหาแต่เขา  เขาทำได้เพียงเข้าไปนั่งใกล้เตียง จับมือผอมซูบนั้นไว้อย่างต้องการให้กำลังใจ  แต่คุณปู่กลับมองเขาด้วยแววตาห่วงใยแทนราวกับรับรู้ได้ว่าเขากำลังเสียใจ  กำลังเจ็บปวดทรมาน   

เขาไม่อยากทำให้คุณปู่เป็นห่วงจึงพยายามทำตัวร่าเริงทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้  ได้แต่นั่งอยู่ข้างเตียงจนกระทั่งคุณปู่หลับไป
 
“....มันจะทำให้พีทเสียใจ”  คำพูดของคุณปู่กลับมาย้อนเขา  วนเวียนอยู่แบบนั้น

“พี่ฮั่นไม่มีวันทำให้ผมเสียใจ....”
 
เขาจำได้ว่าเขาเคยตอบคุณปู่ไปแบบนั้น 

คุณปู่พูดถูก พี่ฮั่นทำให้เขาเสียใจจริง ๆ เจ็บปวดไปหมด  และไม่มีทางออกใดนอกจากจะต้องตัดใจ  เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้  เขาพยายามแล้ว  แต่มันห้ามใจไม่ได้!

แม้ว่าพี่ฮั่นจะทำให้เขาเสียใจ แต่เขาก็ยังรักพี่ฮั่นเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย   

ความรู้สึกรักพี่ฮั่นเป็นความรู้สึกพิเศษที่เขาไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน เขารู้สึกแบบนี้กับพี่ฮั่นเป็นคนแรก  มันลึกซึ้งจนบรรยายไม่ถูก  รู้แค่ว่าคนคนนี้เท่านั้นที่เขาต้องการ  พี่ฮั่นเป็นคนเดียวที่เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา 

แต่สำหรับพี่ฮั่น  เขาคงไม่ใช่คนที่ทำให้พี่ฮั่นรู้สึกพิเศษด้วย  เขาเป็นได้แค่น้องชายเท่านั้น

แต่วันนั้นในห้องออกกำลังกาย  พวกเขากลับทำสิ่งที่เกินกว่าคนที่เป็นพี่น้องจะทำต่อกัน  เวลาที่เหมือนอยู่กันแค่สองคนในห้องนั้นเหมือนอยู่แค่สองคนในโลก  ช่วงเวลานั้นเขากับพี่ฮั่นกลับทำเหมือนว่าเขาทั้งคู่มีความรักต่อกัน พี่ฮั่นทำเหมือนว่าใจตรงกันกับเขา  เหมือนพี่ฮั่นก็ปรารถนาที่จะทำเช่นเดียวกัน 

แบบนั้นมันคือการทำตามคำสั่งหรือ 

เผลอเอามือแตะที่คอ  พีทเลื่อนนิ้วสัมผัสผิวบริเวณนั้นแผ่วเบา พลางรำลึกถึงช่วงเวลานั้น  ความทรงจำยังแจ่มชัดเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิด

Kiss mark ของพี่ฮั่นที่ทิ้งไว้เป็นรอยไม่ยอมจางหาย เขาต้องติดกระดุมทุกเม็ดจนถึงคอเพื่อปิดรอยช้ำนั่นเวลาเขาไปฝึกงาน   และเอาแต่ยกมือแตะที่รอยนั้นบ่อยครั้งเวลาเขาเผลอนึกไปถึงคนที่ฝากรอยไว้   คนที่บอกว่าทำตามคำสั่ง

ได้แต่กดแรง ๆ ที่หน้าอกตัวเอง  เมื่อได้ยินพี่ฮั่นพูดตอกย้ำว่าทำตามคำสั่งของเขา  ได้แต่ทิ้งตัวนอนอย่างหมดแรงอยู่บนเบาะซ้อมยูโดจนเย็นย่ำ เสียใจจนไม่รู้จะเสียใจอะไรอีกต่อไป  เขาเจ็บจนชาไปหมดจนนึกว่าหัวใจตายด้านไปซะแล้ว  แต่หัวใจก็กลับมาเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึง  ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากัน  เขาได้แต่อดทนทำเหมือนไม่มีอะไร

เหนื่อยเหลือเกิน  ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้  เมื่อไรเขาจะหลุดจากสภาพนี้เสียที  เขาไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว  เขาพยายามทำตัวเหมือนเดิมแต่ทำไมไม่รู้มันเหนื่อย  เขาพยายามจนเหนื่อยเต็มที  แม้ว่าภายนอกเขาจะดูปกติแต่ก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น  หลังประตูห้องนอนปิดลงเขาก็กลับไปเป็นคนเดิมที่อ่อนแอและน่าสมเพช   

เขาจะทำยังไงกับความอึดอัดแบบนี้  ถ้าพวกเขาลืมเรื่องทั้งหมดนี่ได้  ถ้าพวกเขากลับไปรักกันเหมือนพี่น้องเหมือนเดิมได้คงจะดี  เขาอยากหลับตาตื่นขึ้นมาแล้วลืมเรื่องยุ่งยากเหล่านี้เสียให้หมด

ไม่อยากอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้อีกแล้ว  เขาต้องไปไหนสักแห่ง 

อย่างน้อยก็เพื่อระบายความรู้สึกอัดอั้นนี้ออกไป 

ความคิดชั่ววูบนั้นทำให้พีทตัดสินใจกะทันหันที่จะไปทะเลอีกครั้ง แม้ว่าจะดึกมากแล้วแต่เขาไม่สนใจ   

ฝนกระหน่ำใส่เขาเมื่อขี่เจ้าบิ๊กไบค์ออกนอกเขตเมืองได้เพียงครู่เดียว  สองข้างทางไม่มีร่มเงาอะไรที่พอจะบังสายฝนได้ทำให้เขาตัดสินใจขี่ต่อไปเรื่อย ๆ แต่ลดความเร็วลง  ฝนยังคงตกหนักจนเขาเปียกชุ่มไปทั้งตัวแม้จะใส่แจ็กเก็ตหนังคลุมไว้

'ดีเหมือนกัน ให้ฝนชะเอาความเจ็บปวดของเขาออกซะบ้าง มันติดค้างอยู่ในตัวเขามามากเกินไปแล้ว'


กว่าจะถึงหาดส่วนตัวก็กินเวลาเกือบสองชั่วโมง  ฝนตกตลอดเส้นทางทำให้เขาหนาวสั่น  มือที่บิดคันเร่งเย็นเฉียบจนแทบไร้ความรู้สึก  พีทจอดบิ๊กไบค์หน้าบ้านสีขาวหลังเล็กที่ซ่อนในดงไม้  ฝนและลมจากทะเลยังคงซัดกระหน่ำใส่บ้านไม่ขาดสาย

บ้านหลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากเพราะทำเป็นบ้านส่วนตัวของเขาเอง ด้านหน้าเป็นระเบียงกว้าง  ติดกับห้องนั่งเล่นที่มีชุดรับแขกเล็ก ๆ ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว  ห้องครัวเล็กอยู่ด้านหลัง

พีทถอดรองเท้าชุ่มด้วยน้ำออกวาง  น้ำหยดเป็นทางตามเท้าที่เดินเข้าบ้านไป  เขาถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกออกจนหมดแล้วเข้าไปอาบน้ำอุ่นจัด  ร่างกายที่เย็นเยียบเพราะตากฝนมาเกือบสองชั่วโมงทำให้เขาต้องการความอบอุ่น   

เขายืนนิ่งใต้สายน้ำอุ่นจัดนั้นอยู่นานจนกระทั่งร่างกายเริ่มอบอุ่นขึ้นทีละน้อย 

พีทสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียวเมื่อออกจากห้องน้ำ  ตรงไปที่ตู้เย็นในห้องครัว  เขาอยากได้นมอุ่น ๆ สักแก้ว  แต่ในตู้เย็นนั้นไม่มีนมสดอยู่เลย  ไม่มีแม้แต่น้ำผลไม้  มีแต่พวกอาหารแช่แข็งและเครื่องดื่มอื่น  คงต้องรอให้เช้าเสียก่อนจึงจะสามารถโทรไปสั่งให้แม่บ้านของโรงแรมที่อยู่ห่างไปเล็กน้อยให้เอาอาหารสดมาส่ง 

พีทปิดประตูตู้เย็นอย่างหงุดหงิด  ยกมือขึ้นเสยผม  เวลาอยู่บ้านเขากินนมอุ่น ๆ ก่อนนอนทุกคืน

‘เฮ้อ’ ปวดแปลบอีกแล้วเมื่อคิดได้ว่า ‘ใคร’ ที่เคยอุ่นนมให้กินทุกคืน 

เมื่อไรเขาจะลืมเรื่องพวกนี้ได้  เมื่อไรเขาจะเลิกปวดใจเสียที

‘บ้าชะมัด’  พีทสบถในใจ  อยากจะออกมาเปลี่ยนบรรยากาศกลับต้องมาอยู่แต่ในบ้านเหมือนเดิม  อยากออกมาดูดาว  แต่ท้องฟ้าก็มีแต่เมฆดำ สายฝนและลมพายุ

ลมเย็นพร้อมกับละอองน้ำฝนพัดกรูเข้ามาในช่องลมด้านบนใกล้กับเพดานทำให้เขาหนาวขึ้นมาอีก  ยิ่งมาอยู่ใกล้ทะเลแบบนี้ลมยิ่งแรงกว่าเดิม 

อยู่ ๆ พีทรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา  เขากลับเข้าไปในห้องนอน  ล้มตัวนอนบนเตียง  ขดตัวให้แน่นที่สุด  เอื้อมมือกอดตัวเองไว้ใต้ผ้าห่ม 


“พีททำไมถึงนอนงอแบบนั้น  เดี๋ยวก็ปวดหลังหรอก”  พี่ฮั่นเคยถามเขาในคืนหนึ่งที่พวกเขาเข้านอนด้วยกัน

“ก็มันเป็นเองนี่  นอนแบบนี้แล้วผมหลับสบาย” พีทว่าเสียงงัวเงียเพราะเริ่มง่วง

“รู้ไหมว่านอนแบบนี้เป็นเพราะอะไร”  พี่ฮั่นยังคงชวนคุย

“เพราะพีทขาดแม่ตั้งแต่เด็กไง  ท่านี้มันเป็นท่าที่พวกเราทุกคนนอน ตอนอยู่ในท้องแม่ รู้ไหม” 

“พีทคิดถึงแม่ไหม”  เสียงพี่ฮั่นอ่อนโยนเหลือเกิน

“คิดถึงสิ  ผมได้แต่ดูรูปแม่  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนแม่กอดรู้สึกยังไง” 

เขาไม่รู้ว่าพี่ฮั่นคิดอะไรอยู่  อยู่ดี ๆ พี่ฮั่นก็สอดมือเข้ามาตรงไหล่  เอื้อมมืออีกข้างมาดึงเขาที่นอนหันหลังให้พลิกตัวเข้าไปในอ้อมแขน  พีทพูดอะไรไม่ออกเมื่อพี่ฮั่นกอดเขาไว้

“นอนเถอะ”  พี่ฮั่นพูดเสียงเบา 

พีทรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนั้น  เขานอนอุ่นในอ้อมอกนั้นไปจนถึงเช้าเลยทีเดียว




แต่คืนนี้เขาทำได้เพียงแค่กอดตัวเองไว้  วันเวลาเช่นนั้นคงไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว  เขาขยับกอดตัวเองแน่นขึ้นก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน  พีทไม่รู้สึกตัวเมื่อเขาปัดผ้าห่มออก  เหงื่อท่วมร่างที่ใส่แค่เสื้อคลุมอาบน้ำจนชุ่ม  รู้แค่ว่าตัวเองไข้ขึ้น  ร้อนและปวดหัวแทบระเบิด  เขานอนกระสับกระส่ายไปจนกระทั่งบ่ายของอีกวันก็ยังไม่มีแรงลุกขึ้นมาทำอะไร  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเอาโทรศัพท์มือถือไปวางที่ไหน ไม่มีแรงแม้แต่จะส่งเสียงเรียกใคร   ยามที่เฝ้าหน้าประตูรั้วคงไม่มีวันเดินมาเจอเขานอนป่วยในบ้านนี้แน่  เพราะทุกคนรู้ดีว่าเขาไม่ชอบให้ใครมาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว 

พีทนอนหลับไปอีกครั้งทั้งที่ยังมีไข้ขึ้นสูง

ภาพความทรงจำตอนเด็กผุดขึ้นในสมองอันพร่าเลือนด้วยพิษไข้ ไม่เรียงลำดับและไม่ชัดเจนนัก  เสียงเรียกอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่ง  เบาราวสายลมกระซิบ 

‘แม่’   

คิดถึงเหลือเกิน  ภาพแม่ในความทรงจำเขาช่างเลือนราง 

เสียงเด็กชายตัวเล็ก ๆ ร้องเรียกหาแม่ในห้องเด็กที่เกลื่อนไปด้วยของเล่นมากมาย   ผู้คนในห้องนั้นพยายามปลอบ  พยายามหลอกล่อด้วยของเล่นนานาชนิด  แต่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กน้อยต้องการเลย  เขาต้องการไออุ่นจากแม่  เด็กชายตัวน้อยไม่เข้าใจว่าแม่หายไปไหน  จึงได้แต่ร้องหา  แต่แม่ไม่มาเสียที....

“น้องพีท” 

เสียงเด็กชายอีกคนหนึ่งเรียกเขา  เมื่อเขาหันไป  กลับพบเด็กผู้ชายตัวโตส่งยิ้มให้  เขามองด้วยความแปลกใจ  ดวงตาจับจ้องไปที่ผู้มาใหม่ที่เดินตรงมาหา  เด็กชายตัวโตย่อตัวนั่งลง  เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาบนแก้มอวบ  บอกว่าอย่าร้องไห้

ภาพเปลี่ยนไปรวดเร็ว  เด็กชายตัวน้อยเติบโตขึ้น  กำลังนั่งบนจักรยานคันเล็กที่เพิ่งหัด มือยังไม่แข็ง จักรยานคันนั้นส่ายไปมา เขาร้องเรียกพี่ชายที่จับอยู่ท้ายจักรยานด้วยความกลัว  ไม่มั่นใจ

“ไม่เป็นไรพีท พี่ไม่ปล่อยมือหรอก  พี่ไม่ยอมให้พีทเจ็บตัวหรอกน่า” เสียงพี่ชายร้องบอกให้ความมั่นใจเลือนหายไปกับความมืดที่เข้าครอบงำ

มืดไปหมด  ฉับพลันนั้นก็มีแสงวูบวาบ  เป็นแสงสีที่ชวนให้เวียนหัวยิ่งนัก  เกิดแสงสว่างสีขาวราวสปอตไลท์ฉายตรงมาที่เขา  เสียงผู้คนมากมายกำลังสนุกสนานไปกับดนตรีจังหวะเร็ว ๆ เขากำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น จนกระทั่งชนเข้ากับใครคนหนึ่ง  คนที่หน้าคล้าย....

“พี่  พี่ฮั่น”

“พีท!”

เสียงอบอุ่นตอบรับพร้อมกับสัมผัสที่คุ้นเคยวางลงบนหน้าผาก มือใหญ่ของพี่ฮั่นลูบผมเขาเหมือนทุกครั้ง  ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด

‘พี่ฮั่นมาแล้ว’


ความอ้างว้างเดียวดายอันตรธานหายไปทันทีเมื่อได้รับสัมผัสอบอุ่น เหมือนความเหน็บหนาวที่มลายไปทันทีที่แสงอาทิตย์สาดส่องมา
   
รู้สึกเหมือนมีผ้าขนหนูซับบนใบหน้าและลำคอ  พี่ฮั่นเช็ดตัวให้เขา

“พีท  น้องพีท” 

เสียงพี่ฮั่นกระซิบเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา  รางเลือน  เขาอยากตอบรับเสียงเรียกนั้น  แต่เขาไม่มีแรง

ความรู้สึกเหมือนมีสัมผัสแตะที่ริมฝีปาก  สัมผัสนุ่มบดริมฝีปากบังคับให้เขาเผยอปากออก  ลิ้นนุ่มแทรกเข้ามาดันอะไรบางอย่างที่เป็นเม็ดกลมไว้ในปากเขา  จากนั้นก็รู้สึกว่าริมฝีปากถูกประกบปิด  น้ำถูกลำเลียงลงมาทีละนิด  เขากลืนน้ำลงคอไปอัตโนมัติพร้อมกับเม็ดกลมนั้น  น้ำบางส่วนไหลซึมออกจากปาก  ริมฝีปากนุ่มนั้นเคลื่อนอย่างเชื่องช้ามาจูบซับน้ำที่ไหลตามใบหน้าเรื่อยลงไปจนถึงคอแล้วเม้มเบา ๆ  ที่ผิวบริเวณนั้น

“อือ..”

เขาเผลอร้องครางออกมา  ปากนุ่มนั้นกลับมาใหม่  กดจูบอีกครั้งแล้วคลอเคลียอยู่แบบนั้นไม่ห่าง


“พี่รักพีท”




พีทสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินประโยคนั้น  เขาลุกพรวดพราดขึ้นนั่งบนเตียงหันมองรอบกาย  เขายังอยู่ในบ้านริมทะเล  และอยู่คนเดียว!

ไม่มีใครในฝันอยู่ตรงนี้

‘ฝันไปเหรอเนี่ย’   

พีทยกมือลูบหน้าตัวเอง   นี่เขาฟุ้งซ่านขนาดนี้เลยหรือ 

เขายกมือแตะหน้าผากตัวเอง  พบว่าตัวไม่ร้อนแล้ว  มองไปรอบกายอีกครั้ง  ทุกอย่างยังเหมือนเดิม  พีททิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง น้ำตาไหล แค่ประโยคในฝันกลับทำให้เขาดีใจอย่างประหลาด  แค่ความคิดฟุ้งซ่านของเขาเองกลับทำให้เขารู้สึกชุ่มชื้นหัวใจ  แปลกที่มันทำให้เขามีพลังมากขึ้น  แค่ฝันก็ยังดีเพราะพี่ฮั่นบอกว่า  ‘รักเขา’

เขาเฝ้าแต่นึกถึงประโยคนั้นวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา  เพราะมันทำให้เขามีความสุข  เหมือนคนหลงทางกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่กำลังจะขาดใจตายเพราะขาดน้ำ  แล้วได้เจอโอเอซิสที่มีบ่อน้ำใสเย็นอยู่ใจกลางโดยไม่คาดฝัน น้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตอันแห้งแล้งให้อยู่ต่อไป  ความฝันนั้นช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจเขาให้มีกำลังใจต่อไป

เสียงโทรศัพท์ที่หัวเตียงกรีดร้อง  ทำให้คนที่อยู่กับความฝันสะดุ้งเฮือก  หันไปตามเสียงแล้วต้องประหลาดใจ  เขาลืมเสียสนิทว่ายังมีโทรศัพท์บ้านอยู่ที่หัวเตียง!

‘โธ่เอ๋ย!’

หลังจากรับโทรศัพท์แล้วก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเพราะแม่บ้านโรงแรมโทรมาแจ้งว่าจะนำอาหารและเสื้อผ้ามาส่ง

‘สงสัยยามคงโทรไปบอก’

--------------------------------------------



หนุ่มน้อยใช้เวลาตลอดทั้งเช้าไปกับการนอนมองทะเล  เขาย้ายตัวเองมานอนบนเบาะนุ่มที่ระเบียงหน้าบ้าน พาดขาไว้กับราวระเบียง

เช้าวันนี้พายุใหญ่ได้พัดหายไปแล้ว  ท้องฟ้ากลับเป็นสีฟ้าสดใส  เขาได้แต่เฝ้ามองไปที่เกลียวคลื่นสีขาวที่ม้วนตัวหาฝั่งไม่มีที่สิ้นสุด และกลับไปทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา

ดวงตาเขามองตรงไปยังทะเลเบื้องหน้า  กลับเห็นแต่ภาพพี่ชายในความทรงจำผุดขึ้น  ทั้งรอยยิ้มและแววตาที่มองเขา ทุกอิริยาบถ ทุกเหตุการณ์ที่มีพี่ฮั่นอยู่  พี่ฮั่นทำให้เขาใจเต้นแรง  สุขใจเพียงแค่นึกถึง  แต่ก็เป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้เขาเจ็บปวดจนแทบบ้า  ทุกข์ทรมานเพราะความผิดหวัง เสียใจ  ทำให้เขาเสียน้ำตา  เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาเหลือเกิน

น้ำตาไหลจากหางตาโดยไม่รู้ตัว  พีทยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง  สูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกกำลังใจของตน   เขาต้องเลิกเสียใจกับเรื่องพวกนี้เสียที  เขาเสียใจมามากพอแล้ว 

สายลมอ่อนพัดโชยมาเหมือนจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ 

ตอนนี้เมื่อได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง  ได้ใช้สติไตร่ตรองปัญหาอย่างถี่ถ้วน ความเข้าใจก็จุดขึ้น  ตั้งแต่คืนที่เขาเผลอทำแบบนั้นลงไปแล้วถูกปฏิเสธ เขาเสียใจเพราะพี่ฮั่นไม่ได้คิดเหมือนเขา  เสียใจเพราะพี่ฮั่นไม่แม้แต่จะยอมรับความรู้สึกของเขา 

เขาคงจะตั้งตัวไม่ทันถึงได้เสียใจมากมายขนาดนั้น  ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ  เขาตั้งใจจะเก็บมันไว้และมีความสุขกับมันเงียบ ๆ  เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องของเขามันเป็นไปไม่ได้  ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม  นอกจากจะต้องตัดใจ

พี่ฮั่นไม่ได้รักเขาในแบบที่เขารัก

มันเป็นเพราะเขาทั้งนั้นที่คิดอะไรไปเอง พี่ฮั่นไม่ผิดอะไรเลย
 
เมื่อได้ลองคิดดูทุกแง่มุมแล้วพีทก็ต้องยอมรับกับตัวเอง  เขามันบ้าไปจริง ๆ  เขาน่าจะคิดได้เร็วกว่านี้  เขาลืมไปว่าตัวเองเป็นใครมีภาระใดรออยู่ข้างหน้า  เขาเป็นทายาทคนเดียวของตระกูล  วันหนึ่งข้างหน้าอาจจะต้องแต่งงานกับใครสักคนเพื่อมีลูกสืบสกุล
 
'เฮ้อ  ชักจะเข้าใจความเจ็บปวดของเกรซอยู่ราง ๆ'

ลมพัดมาอีกวูบหนึ่ง  กลิ่นทะเลลอยมาบางเบา  พีทเงยหน้ามองท้องฟ้าสดใส  ไร้เมฆ 

ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อคืนจะมีพายุใหญ่ที่นำพาสายลมและสายฝนสาดซัดหนักหน่วง ไม่มีใครหยุดได้ ต้องปล่อยให้มันพัดผ่านไป ตอนนี้ท้องฟ้ากลับมางดงามตามเดิม ทะเลกลับมาสงบราบเรียบ ไม่เหลือเค้าเลยว่าทะเลได้โหมกระหน่ำซัดเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่งเพียงใด

ชีวิตก็เป็นแบบนี้รึเปล่านะ  หมุนเวียนสับเปลี่ยนไปมา  มีวันที่ฝนตกฟ้าคะนอง  มีวันที่สดใสสวยงามเหมือนทะเลยามนี้

หลายวันที่ผ่านมา  เขาทุรนทุราย  พยายามดิ้นรนเพื่อหาทางออกแต่กลับไม่พบหนทางใด  มีเพียงความมืดมน  มองเห็นอะไรได้แค่รางเลือน   

พีทถอนหายใจยาวนาน   คงจะมีสักวันที่เขาจะได้พบกับท้องฟ้าสดใส  แสงแดดที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตเขา   สักวันหนึ่งเขาคงจะดีขึ้นกว่านี้

ชีวิตตอนนี้ไร้ซึ่งทางออก มีแต่ต้องอดทนต่อไปเท่านั้น  ที่เขายังอดทนต่อไปก็เพื่อประคองความเป็นครอบครัวให้เหมือนเดิมมากที่สุด  เพราะเขาเองก็รู้ดีว่ากว่าครอบครัวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมต้องใช้เวลาถึงสิบปี   

เขาไม่อาจทำลายครอบครัวของตัวเองได้  เขาเข้าใจแล้วว่าพี่ฮั่นหมายความว่าอย่างไร

‘พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน’


มันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว  แต่จากนี้ไปเขาคิดว่าเขาคงจะไม่ทรมานมากนักเพราะประโยคนั้นในฝัน  เขายังจำเสียงอบอุ่นนั้นได้ไม่ลืม 

จะไม่มีวันลืม.....




ลมทะเลพัดแรงมาอีกระลอก  เสียงคลื่นซัดสาดตลอดเวลา  พีทเหม่อมองน้ำทะเลสีน้ำเงินอยู่นาน  ใจที่ร้อนรุ่มของเขาค่อยผ่อนคลายลง

แม้มันจะยังเจ็บปวด 

แต่ลดลง

-------------------------------------------



หลังอาหารกลางวันเขาจึงตัดสินใจกลับ  พีทกลับมาสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่ใส่มาเมื่อวันก่อนซึ่งซักรีดจนหอมกรุ่น  ก่อนกลับเขาแวะถามยามเก่าแก่ที่เฝ้าประตูรั้ว 

“เมื่อคืนมีใครมาที่นี่บ้างไหม”  ความหวังน้อย ๆ ในใจเขาจุดขึ้น

“ไม่มีครับ”  คำตอบนั้นทำให้ใจที่พองฟูของเขายุบตัวลง
 
‘ฝันจริง ๆ สินะ  แต่ไม่เป็นไร  แค่ฝันก็มีความสุขแล้ว’

พีทปิดหน้ากากหมวกกันน็อกลงตามเดิม แล้วบิดคันเร่งห่างออกไปก่อนจะเพิ่มความเร็วเมื่อออกสู่ถนนใหญ่




ยามถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคุณชายจากไปแล้ว  ยกมือผอมบางตบลงไปที่กระเป๋าเสื้อ  เงินปึกหนึ่งนอนนิ่งอยู่ในนั้น

“รับไปเถอะ แล้วอย่าบอกพีทนะว่าผมมา”  เจ้าของเงินยื่นส่งให้แล้วขับออดี้ออกไปตอนเช้ามืด


คุณชายมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง  จนไม่ได้สังเกตเห็นรอยล้อรถยนต์ที่ทิ้งไว้อย่างชัดเจนบนผืนทรายนั้นเลยแม้แต่น้อย


----------------------------------------


มาแล้วค่า  ขอบคุณที่ติดตามค่า

 :mew1: :mew1: :mew1:




ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

เมื่อไหร่จะถึงวันนั้น

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
สรุปว่าพีททำใจได้และเข้าใจไอ้พี่ฮั่นซะอย่างนั้น. เห้ออ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
จะเป็นไงต่อละทีนี้
ดูท่าพีทจะถอดใจละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
พี่ฮั่นมาจริงๆด้วย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ดีแล้วค่ะ พีทเริ่มทำใจได้จริงๆแล้ว

แบบนี้เราว่าน่ากลัวสำหรับพี่ฮั่นมากกว่านะ


เพราะนั่นหมายความว่าน้องจะเริ่มดีขึ้นและรักคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ฮั่นได้ในสักวันจริงๆ

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
53. คุณปู่ฟง


พีทขี่บิ๊กไบค์กลับถึงบ้านก็พบลุงฉีกำลังเดินวนไปมาหน้าบ้านเหมือนเสือติดจั่น  เมื่อได้ยินเสียงบิ๊กไบค์ดังกระหึ่มเข้ามาลุงฉีก็หยุดชะงักแล้วก้าวเท้าอย่างรวดเร็วตรงมาหาเขาทันทีโดยไม่รอให้เขาลงจากรถ  ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

“คุณชายครับ  เร็วเถอะครับ  คุณฟงอาการทรุดครับ”

ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ  พีทชะงักค้าง   ลุงฉีเข้ามาจับแขนเขาไว้  เขย่าพร้อมกับเรียกจนเขาได้สติ  พีทปิดหน้ากากหมวกกันน็อกลงอีกครั้ง   บิดบิ๊กไบค์ออกจากบ้านไปด้วยความร้อนใจ



คุณปู่ฟงเครียดหนักจนเส้นเลือดในสมองแตก  หมอกำลังช่วยชีวิตอยู่ในห้องผ่าตัด   

วันนี้เป็นวันประกาศแต่งตั้งผู้ว่าการรัฐอย่างเป็นทางการ  พ่อเขาชนะคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น  ได้รับเลือกตามที่หลายฝ่ายคาดไว้   คืนนี้จึงเป็นคืนเลี้ยงฉลองของผู้ว่าการรัฐคนใหม่  และตอนนี้พ่อและคุณโรสกำลังอยู่ในงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของพรรค  เจเจไม่กล้าโทรหาพ่อและคุณโรสเพื่อบอกข่าวร้าย จึงโทรหาลุงฉีแทน

พีททรุดตัวนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดอย่างเหนื่อยล้า  ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่การช่วยชีวิตยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จสิ้น

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขา  คืนนี้เขาจะผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี่ไปได้ยังไงกัน

“คุณชายเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนเถอะครับ”  เจเจยื่นผ้าขนหนูเย็น ๆ ให้ 

พีทรับผ้าเย็นผืนนั้นขึ้นมาเช็ดหน้าตัวเอง เจเจทรุดนั่งลงห่างไปเล็กน้อย  พีทมองหน้าคนสนิทของคุณปู่แล้วก็รู้สึกเสียใจ

“ผมขอโทษนะที่ยิงคุณ”  เขาเอ่ยอย่างเสียใจ  ตอนนั้นเขาโกรธมาก  มากจนลืมตัว  เขาลืมไปว่าเจเจมีครอบครัว  มีลูก

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณชาย ผมก็ผิดจริง ๆ ที่ทำแบบนั้น  โดนเท่านี้ยังน้อยไป”

เจเจก็รู้สึกผิดเช่นเดียวกัน  เขาคิดถึงแต่บุญคุณที่ต้องตอบแทนคุณฟง โดยลืมไปว่าคนที่เขาลอบทำร้ายก็เป็นลูกชายของคุณโรสและคุณคริสเช่นกัน ถ้ามีใครมาทำอะไรลูกของเขา  เขาก็คงไม่ยกโทษให้เช่นกัน   

พวกเขาเงียบกันไปครู่ใหญ่

“คุณปู่จะเป็นอะไรมากไหม”  พีทเปลี่ยนมาถามเรื่องอาการคุณปู่แทน

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” เสียงเจเจเศร้าสร้อย  ดวงตาชั้นเดียวหลุบมองพื้น 

พีทรู้ว่าเจเจคงไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอของตน เขารู้ว่าเจเจรักและเทิดทูนคุณปู่มากเพราะคุณปู่เคยช่วยชีวิตเจเจไว้ก่อนจะรับเจเจมาอยู่ที่บ้าน

“ขอให้ท่านปลอดภัย”  พีทหลับตาพิงศีรษะกับกำแพงด้านหลังอย่างอ่อนแรง

เจเจนั่งมองหลานชายผู้สืบทอดของคุณฟงอย่างพิจารณาอยู่เงียบ ๆ ความคิดในหัวเขากำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง 

ในที่สุดเจเจก็ตัดสินใจได้

“คุณชายครับ” 

พีทลืมตาขึ้นมามองตามเสียงเรียกของเจเจ  เขาเห็นเจเจยื่นอะไรบางอย่างมาให้  เขารับกรอบรูปเล็ก ๆ นั้นมา

“พี่ฮั่น?”

ชายหนุ่มในรูปนั้นคล้ายพี่ฮั่นมาก  ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าเหลี่ยมนิด ๆ ดวงตาเรียว จมูกโด่งจัด ริมฝีปากบาง  แต่รูปนี้ดูเก่ามาก  เป็นรูปขาวดำที่เก่าจนกระดาษเริ่มเหลือง ไม่น่าจะต่ำกว่าสามสิบปี

“นี่คุณหลิวครับ  คุณตาของคุณฮั่น” 

‘อะไรกันเนี่ย!  ทำไมเหมือนกันขนาดนี้  นี่มันพี่ฮั่นชัด ๆ’ 

พีทเงยหน้าขึ้นมองเจเจอย่างต้องการคำยืนยันว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นความจริง

“รูปนี้เก่ามากแล้วนะครับ  เป็นรูปที่คุณฟงสอดไว้ใต้หมอนและหยิบมาดูก่อนนอนทุกคืน”

‘เอ๊ะ คุณปู่เกลียดคุณตากับคุณยายของพี่ฮั่นนี่’

“คุณฟงเคยบอกผมว่า  พวกตระกูลหยางนี่นิสัยเหมือน ๆ กันทั้งนั้นเลยนะครับ”  เจเจหันหน้าไปทางสวนที่ติดกับห้องผ่าตัด  ดวงตาเหม่อราวกับกำลังนึกทบทวนเรื่องราว

“คุณชายคงไม่รู้ตัวว่า  คุณชายเหมือนคุณฟงมากกว่าที่ใครคิด”
 
เจเจหันกลับมามองหน้าหลานของคุณฟง  ดวงตาชั้นเดียวของเขามองตรงเข้าไปในดวงตาของพีท  แววตาที่คล้ายกับคุณฟง

“ยังไงเหรอเจเจ”  หนุ่มน้อยเลิกคิ้ว  หันไปมองชายวัยกลางคนอย่างสงสัย  เพราะรู้ดีว่าหน้าตาเขากับคุณปู่ฟงไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไร  เขาเหมือนคุณปู่ของเขาเองมากกว่า  ส่วนคุณปู่ฟงนั้นเหมือนแม่หรือย่าทวดของเขา

“คุณทั้งคู่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกัน  โกรธนาน  แต่รักใครรักจริง รักแล้วไม่เคยเปลี่ยนใจ  เรื่องนี้คุณคริสก็เป็นเหมือนกัน แล้วที่ประหลาดมากคือคนตระกูลหยางรักคนในครอบครัวนั้นมาตลอด   ตั้งแต่คุณฟง  คุณคริสแล้วก็คุณชาย”

เจเจหมายความว่าอย่างไร?  เจเจรู้หรือว่าเขารู้สึกอย่างไรกับพี่ฮั่น?  เขาได้แต่นิ่งงันกับเรื่องราวใหม่ที่ได้รับรู้  จึงปล่อยให้เจเจได้อธิบาย 

“คุณชายกับคุณฟงรักคนที่คล้าย ๆ กัน”

“อะไรนะ เจเจ?” 

‘หมายความว่าไง  เขากับคุณปู่??’

“คุณฟงไม่มีความลับอะไรกับผมหรอกครับ”

เจเจมองจับใบหน้าหลานชายคนเดียวของคุณฟง   ยังจำได้ดีถึงแววตาแสดงความเจ็บปวดของคุณฟงเมื่อเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง

คนที่รักและเทิดทูนคุณฟงเช่นเขาตกใจไม่น้อยที่ได้รู้เรื่องจากปากคุณฟงด้วยตัวเอง  คุณฟงคงอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจมานานให้ใครสักคนฟัง  ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงความรักที่คุณฟงมีเสมอมา แม้จะโกรธ  เกลียด  แต่ก็ยังรักไม่เคยเสื่อมคลาย

“คนที่คุณฟงรักมาตลอดไม่ใช่คุณลิลลี่ตามที่ใคร ๆ คิด”   

“แล้วคุณปู่รักใคร?” พีทเอ่ยถาม  แต่คำตอบก็โผล่ติดตามมาอย่างรวดเร็ว 

รูปคุณตาหลิวในมือเขา!!

“คุณปู่รักคุณตาของพี่ฮั่น?”  พีทพูดแทบกระซิบ  ไม่น่าเชื่อ

“ครับ  คุณฟงเคยบอกกับผมบ่อย ๆ ว่า คุณฟงเห็นคุณชายแล้วก็เหมือนเห็นตัวเองนั่นแหละครับ”

“คุณรู้ใช่ไหมเจเจ  ว่าผม  เอ่อ”  เขาพูดไม่ออก

“คุณชายรักคุณฮั่น  ถูกไหมครับ  ผมได้แต่คิดว่าคุณฟงอาจจะคิดไปเอง  แต่สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจก็คือ  วันที่คุณชายยิงผมนั่นแหละครับ....”

“ถ้าไม่รักขนาดนั้น  คุณชายคงไม่จับปืนอีกแน่”

คุณปู่รักคุณตาของพี่ฮั่นเหรอเนี่ย  เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง  มิน่าคุณปู่ถึงรู้  คุณปู่คงเห็นมานานแล้วถึงได้เตือนเขา 

พีทก้มไปมองรูปในมืออีกครั้ง 

“คุณปู่ถึงได้พยายามแยกผมจากพี่ฮั่นใช่ไหม” 

เขาถามโดยไม่เงยหน้ามองเจเจ  เขารู้แล้วว่าคุณปู่ต้องเจ็บปวดมากขนาดไหนที่ผิดหวังในความรัก  คุณปู่ไม่อยากให้เขาเจ็บปวดเหมือนท่านจึงได้พยายามเตือนเขา  แต่มันก็สายเกินไป

“ตั้งแต่เด็ก ๆ เลยครับ” 

“แล้วคุณตาหลิวรู้รึเปล่าครับว่าคุณปู่รักเขาน่ะ”

“รู้ครับ  พวกท่าน..."



"รักกัน”


“อะไรนะ!!!” 

---------------------------------------



เจเจยังนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่เดิม  แต่พีทเดินออกมาที่สวนหย่อมเล็กบริเวณนั้น ในมือเขามีหลายจดหมายฉบับที่เก่าจนเหลือง บางฉบับยังไม่เคยเปิดอ่าน  เจเจเล่าว่าเจอจดหมายพวกนี้เก็บใส่กล่องอย่างดีอยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณฟง  เป็นจดหมายที่คุณตาหลิวเขียนมาหลังจากที่คุณตาหลิวแต่งงานไปแล้วหลายปี  เนื้อหาในนั้นเต็มไปด้วยคำขอโทษ  คำอธิบายและคำบอกรัก
   
เขาต้องการอากาศบริสุทธิ์เพื่อระบายความรู้สึกหลากหลายในจิตใจเขาตอนนี้  คืนนี้ช่างพิสดาร  เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนรอเวลาที่จะเกิดขึ้นภายในคืนนี้  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาตั้งรับไม่ทัน   เหมือนถูกรุมชกซ้ายขวายังไม่ทันหายเมาหมัดก็ถูกอัปเปอร์คัทเข้าปลายคางจนตาลาย  ไม่มีเวลาตั้งตัว

เรื่องที่พี่ฮั่นไม่รักเขาช่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเรื่องที่เขาได้รู้จากเจเจ

คุณปู่ฟงของเขารักคุณตาของพี่ฮั่นมาก่อน  พวกเขารักกัน  แต่สุดท้ายคุณตาหลิวเลือกที่จะแต่งงานกับคุณลิลลี่

เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมรับสินะ

พีทเข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันยากขนาดไหน  เขารู้อยู่เต็มอก  รู้ซึ้งเข้าไปถึงกระดูกทีเดียวล่ะ

คุณตาหลิวเลือกที่จะรักษาหน้าตา ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ทำเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัวทั้งฝ่ายของคุณตาหลิวเองและของคุณปู่ฟงด้วย 

คุณปู่โกรธแค้นทั้งสองคนมาก  ไม่ยอมยกโทษให้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้

พีทถอนหายใจ  เขาก็เคยโกรธพี่ฮั่น 

สิบปี...

เขารู้ดีว่ามันทรมานมากขนาดไหนที่จมอยู่กับความโกรธนี้  แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาได้รู้แล้ว  เขาเลิกโกรธพี่ฮั่นแล้ว  พี่ฮั่นไม่เคยทำอะไรผิดเลย  พี่ฮั่นทำทุกสิ่งทุกอย่างถูกต้องเหมือนที่คุณตาหลิวทำ  พี่ฮั่นถูกทำร้ายมามากเกินพอแล้ว  พี่ฮั่นจะต้องไม่ทุกข์ใจกับเรื่องอะไรอีกแล้ว 

เขาและคุณปู่ต่างหากที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษและทำความเข้าใจ

โชคชะตาช่างเล่นตลกกับพวกเขาจริง ๆ  คุณปู่ฟงรักคุณตาหลิว  พ่อเขาก็รักคุณโรสซึ่งเป็นลูกสาวของคุณตาหลิว  แล้วเขาเองก็รักพี่ฮั่นที่เป็นหลานของคุณตา 

แต่เขาไม่ได้โชคดีเหมือนพ่อ  เขาแค่มีพี่ชายที่รักเขาเป็นน้องชาย 

แต่เท่านี้ก็ดีเพียงพอแล้วนี่นา

“มีความสุขกับความรัก”  เสียงเล็ก ๆ ของริทดังขึ้น

พีทนึกถึงฝันประหลาดของตัวเอง  ประโยคนั้นที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจเขา 

เขาจะยอมรับกับโชคชะตาของตัวเอง  พีทเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่สว่างด้วยแสงไฟ  ไร้แสงดาว 

ยิ้มให้กับท้องฟ้าไร้ดาวนั้น....ยิ้มอย่างยินดี

------------------------------------------------



คุณปู่ฟงยังอยู่ในห้องไอซียู  หมอผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่ไม่รับรองความปลอดภัยเพราะเส้นเลือดสำคัญแตก  คุณปู่อาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก  ถ้าโชคดีคุณปู่อาจจะฟื้น  แต่หมอไม่อาจรับรองได้ว่าคุณปู่จะตื่นขึ้นมาในสภาพใด

เจเจทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้อย่างหนัก  ส่วนเขาก็พูดไม่ออก  พวกเขาได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่รับรู้วันเวลาที่ผ่านเข้ามา

พีทนั่งเฝ้าคุณปู่มาสองวันแล้ว คุณปู่ตื่นขึ้นมาในที่สุด แต่ดวงตาว่างเปล่าไม่ตอบสนอง ขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว  หมดความรู้สึกตั้งแต่คอลงไป  หมอส่ายหน้าอย่างหมดหวังเมื่อจำใจต้องตอบว่า ‘รอเวลา’ 

เจเจเอาแต่นั่งเศร้า  เขาไม่ทำสิ่งใดเลยได้แต่นั่งเฝ้าคุณปู่ฟงอยู่ตลอดเวลา  พีทก็เช่นกัน 

“ทะ ทะ ละ...”   
 
พีทกับเจเจหันหน้ามามองกันเหมือนเห็นผี  เมื่อกี้คุณปู่พูด?

“คุณปู่พูดว่าอะไรครับ”  พีทถลาเข้าหาเตียงผู้ป่วย 

“ทะ ทะ” เสียงแหบแห้งพยายามจะเอ่ย  ดวงตาของคุณปู่จ้องมาที่เขาเขม็งราวกับต้องการสื่อสาร

“ทะเลหรือเปล่าครับคุณชาย  คุณฟงชอบที่นั่น  ที่โรงแรมติดทะเล ติดกับหาดส่วนตัวของคุณชายไงครับ”  เจเจหันมาทางเขา  ดวงตามีความหวัง

“ปู่อยากไปทะเลหรือครับ” 

พีทเห็นแววตารับรู้ของคุณปู่ที่จ้องกลับมา

“ถ้างั้นพีทจะพาคุณปู่ไป!”



หมออนุญาตให้ถอดเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ช่วยชีวิตออกได้ พีทกับเจเจร้องไห้รับสภาพนั้น  การถอดเครื่องช่วยพวกนี้หมายความว่าเวลาสุดท้ายของคุณปู่เหลืออีกไม่นานแล้ว 

พีทใจเต้นตอนที่กดโทรศัพท์ไปหาพี่ฮั่น  แต่กลับติดต่อไม่ได้จึงโทรไปบอกพ่อและคุณโรสว่าคุณปู่ต้องการอากาศบริสุทธิ์  เขาก็เลยจะไปอยู่เป็นเพื่อนและขอให้พ่อจัดการเรื่องการฝึกงานของเขา   

พ่อรับปากจะจัดการให้และบอกว่าพี่ฮั่นบินด่วนไปญี่ปุ่นหลายวันแล้วตั้งแต่เช้ามืดก่อนที่พีทจะกลับจากทะเล

เขากับเจเจเห็นพ้องกันที่จะพาคุณปู่มาที่นี่เป็นที่สุดท้าย  ตามความปรารถนาของท่าน  เจเจยื่นสมุดบันทึกเล่มหนาให้เขาและบอกให้ดูหน้าสุดท้าย  มันบันทึกไว้เมื่อหลายปีก่อน

“ฉันขอตายที่หาดของเรา  ที่ที่เราเจอกันครั้งแรก  ขออยู่เป็นที่สุดท้าย”





ตั้งแต่มาถึงโรงแรม  พีทเอาแต่นั่งอยู่ข้างคุณปู่ฟงที่นั่งเก้าอี้ล้อเข็นตรงระเบียงห้องพักของโรงแรมเป็นเวลานาน   พวกเขาเอาแต่เหม่อมองไปที่ทะเล  มองคลื่นสีขาวม้วนตัวกระแทกหาดทราย  เขาหัวเราะเยาะกับตัวเองเมื่อตระหนักอีกอย่างหนึ่งว่าเขากับคุณปู่เหมือนกันมากเพียงใด 

พวกเขารักทะเลเหมือนกัน  ใช้เวลาร่วมกันครั้งละหลายชั่วโมง  ทำเพียงแค่นั่งมองน้ำซัดเข้าหาฝั่งอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย

คุณปู่ดูเหมือนอาการดีขึ้นเมื่อได้อากาศบริสุทธิ์  พยาบาลส่วนตัวที่ช่วยดูแลคอยหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่าให้คุณปู่ฟัง  เธอบอกว่าจะช่วยกระตุ้นการรับรู้ได้บ้าง




เกือบสัปดาห์แล้วที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่  อาการของคุณปู่ยังคงทรงตัว  ไม่ทรุดหนักแต่ก็ไม่ดีขึ้น  คุณปู่มีไข้ขึ้นสูงติดกันหลายคืน เขา เจเจ และพยาบาลผลัดกันคอยดูแลและเช็ดตัวให้คุณปู่   พวกเขาหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืนเพราะคุณปู่เพ้อหนักแต่เสียงร้องนั้นไม่เป็นคำชัดเจนนัก  พยาบาลต้องคอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา  เธอบอกว่าคุณปู่อาจจะช็อกขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ได้ 

พวกเขาสบตากันอย่างเข้าใจเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก 

คืนนี้เป็นคืนที่คุณปู่อาการทรุดลง   ร่างกายไม่รับอาหารใดแม้แต่น้ำ  พวกเขาได้แต่คอยเช็ดตัวและผลัดกันเฝ้าไข้

ความรู้สึกดำทะมึนดั่งยมทูตกำลังคืบคลานเข้ามาที่ห้องพัก  ใกล้เข้ามาทุกขณะประหนึ่งคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย

ใกล้รุ่งแล้วเมื่อพีทเห็นแสงสีส้มชำแรกออกจากขอบฟ้า  เขาอ่อนเพลียแทบลืมตาไม่ไหวเพราะอดนอนติดต่อกันหลายคืน 
พยาบาลซบหลับกับเก้าอี้นวมข้างเตียง  มีเพียงเจเจที่ยังฮึดสู้   

แสงอาทิตย์สว่างขึ้นทุกขณะแต่ดวงตาเขากลับค่อย ๆ ปิดลงเพราะความเหนื่อยอ่อน  ในที่สุดเขาก็หลับไปบนโซฟาใหญ่ในห้องนั้นพร้อมกับที่ประตูห้องพักเปิดออก

เจเจเป็นเพียงคนเดียวที่ตื่นอยู่  เขาเบิกตามองคนที่เข้ามาในห้องนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา 

คุณฟงก็เช่นกัน  ดวงตาที่เหม่อลอยตลอดเวลาของคุณฟงมองจับใบหน้านั้นเขม็งเหมือนกลับมารับรู้อีกครั้งหนึ่งอย่างมหัศจรรย์

“หลิว” 

เสียงแหบแห้งของชายชราเอ่ยขึ้น 

เจเจทั้งดีใจและตกใจที่ได้ยินคุณฟงพูด  หลายวันที่ผ่านมาคุณฟงไม่มีแรงแม้แต่จะกลืนอาหาร  แต่ตอนนี้คุณฟงกลับมาพูดเหมือนปกติ 

“นายมารับชั้นแล้วใช่ไหม” คุณฟงยังพูดต่อไป  ดวงตาจ้องตรงไปยังใบหน้าที่อยู่ในความทรงจำของตนตลอดสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา

“ผมไม่ใช่คุณตา”  ผู้มาเยือนเอ่ยตอบ

“หลิว ชั้นไม่ขอโทษหรอกนะ ที่ทำลงไปทั้งหมด เป็นเพราะนาย” 

คุณฟงยังจ้องไปที่ดวงตาคู่นั้นอย่างดื้อดึงไม่เคยเปลี่ยน  ภาพความหลังครั้งเก่าไหลผ่านดวงตาของชายชราช้า ๆ 

ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันที่นี่  ทะเลาะกันเพราะไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่แรก  แต่เหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นทำให้พวกเขากลายมาเป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาผูกพันและมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน   

ภาพเจ้าของดวงตาเรียวที่จากไปเพื่อทำหน้าที่ของลูกชายผู้สืบสกุลเป็นภาพสุดท้ายที่อยู่ในความทรงจำของคุณฟง

“แต่ผมยกโทษให้” 

ดวงตาที่จ้องกลับมาไม่มีความโกรธเกลียดอีกต่อไป  กลับมีแต่ความสงสารเมื่อเห็นสภาพของคนที่เคยทำร้ายเขา   คนที่ทำร้ายคุณฟงไม่ใช่คุณตาแต่เป็นความเคียดแค้นภายในจิตใจของคุณฟงเองต่างหากที่กัดกินความสุขของชีวิตที่เหลือ  คงไว้แต่ความทุกข์ใจแม้ใกล้วาระสุดท้ายของชีวิต

“นายทำกับชั้นแล้ว  นายยังทำร้ายหลานของชั้นด้วย”   เสียงแหบแห้งนั้นยังเอ่ยต่อเหมือนระบายความรู้สึกคับแค้นใจออกมา
   
“ผมไม่เคยคิดทำร้ายพีท” 

สายตาคนพูดเปลี่ยนไปจับอยู่ที่คนที่นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียบนโซฟาตัวใหญ่  พีทยังคงหลับไม่รับรู้เรื่องราวใด

“ไม่ทำร้ายเหรอ  หลิว  นายเห็นสภาพของชั้นไหม  ตลอดเวลาที่ผ่านมาสี่สิบกว่าปีชั้นไม่เคยมีความสุขเลย  พีทก็กำลังจะเป็นเหมือนกัน”

“ไม่!” 

เขาหันกลับมาอีกครั้ง  กล่าวปฏิเสธเสียงแข็ง  เขาจะไม่ปล่อยให้พีทตกอยู่ในสภาพเดียวกับชายชราตรงหน้าเขาเช่นนี้

“นี่คือความรักของนายสินะ ความหวังดีลม ๆ แล้ง ๆ ที่นายอ้างมาตลอด  หน้าที่ความรับผิดชอบของตระกูล หน้าตาทางสังคม หึ  ข้ออ้างทั้งนั้น”  ดวงตาขาวขุ่นที่มองตรงมายังไม่ลดความโกรธแค้น 

“ไม่ใช่”  ไม่อีกแล้ว  พีทจะไม่ต้องเสียใจอีกแล้ว

“นายไม่เคยรักชั้นเลย  นายรักแต่ตัวเอง  รักหน้าตา  ศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล  สิ่งจอมปลอมพวกนั้น”

“แต่ผมรักพีท”   คำตอบนั้นมั่นคงยิ่งนัก

แต่คุณฟงนั้นไม่เชื่อสักนิด  เขาเคยได้ยินคำพูดพวกนี้ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว 

‘คราวนี้นายยังพูดเหมือนเดิมอีกเหรอ หลิว นายไม่เคยเปลี่ยนไปเลย  แต่คราวนี้ชั้นไม่เชื่อนายอีกแล้ว’

“หึ  แค่ลมปากเท่านั้น  หลิว  สุดท้ายแล้วนายก็เลือกลิลลี่”

“ดูให้ดี  ดูวาระสุดท้ายของชั้นให้ดี  เป็นเพราะนาย  หลิว....”



“คนทรยศ”



นั่นคือคำสุดท้ายที่คุณฟงมีโอกาสพูด

เสียงร้องไห้โหยหวนของเจเจปลุกพีทและพยาบาล   

พยาบาลตรงเข้าตรวจชีพจรอย่างรวดเร็ว  เปิดเปลือกตา  ฟังเสียงเต้นของหัวใจและเริ่มต้นปั๊มหัวใจ  เธอทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา  จนในที่สุดเธอก็ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง 

พีททำอะไรไม่ถูก ได้แต่ผวาเข้าไปจับมือของคุณปู่ฟงไว้ 

เขาจับมือที่ยังอุ่นจนกระทั่งมันเย็นเฉียบ  จนกระทั่งมีมือใครบางคนเข้ามาดึงตัวเขาออกไป

ไม่มีคำพูดใด  มีเพียงอ้อมแขนที่กอดเขาไว้  มืออบอุ่นที่ลูบหลังเขาตลอดเวลา  พีทแทบจะไม่รับรู้สิ่งใดอีก  เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นหนัก
 
และทิ้งตัวเองไว้ในอ้อมแขนของ....พี่ชาย....

----------------------------------------


 :mew1: :mew1: :mew1:




ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
พีทไม่ได้ครึ่งของปู่ฟงสักนิด เข้าใจง่ายทำใจง่ายเกินไป คนที่ทิ้งความรักไปโดยที่อ้างหน้าที่หรือคนอื่นรอบตัวหน้าทางสังคม. คนๆนั้นไม่มีค่าที่เราจะอภัยให้เลยสักนิด ที่ปู่ทำร้ายฮั่นอันนั้นไม่ถูกก็จริงเพราะฮั่นไม่ใช่ตาหลิว แต่เรื่องที่ปู่แค้นจนลมหายใจสุดท้ายนี่ไม่ผิดเลยสักนิด ถึงศาสนาพุทธจะบอกว่าให้อภัยอโหสิกรรมไม่คิดแค้นคือสิ่งที่ดีที่สุด แต่ความเจ็บแค้นของคนเราไม่เหมือนกันไม่เท่ากันนี่นา จะให้หายแค้นง่ายๆได้ไงล่ะ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ปู่ฟงไม่ผิด เลยนะ แต่ปู่น่าสงสารมาก ไม่รู้จักคำว่าให้อภัย ปู่คงรักคุณตาหลิวมากเกินไป รักแบบต้องการหวังครอบครอง แต่ในขณะที่ถ้ามองมุมขอฝคุณตาหลิว คุณนาหลิวก็ไม่ผิด ในเมื่อเขามีหน้าที่ และวงศ์ตระกูลที่จำเป็นต้องรักษาไว้ ความรัก มันไม่ผิด แต่จะผิดก็ต่อเมื่อทำร้ายคนอื่น ถ้าคุณตาหลิวไม่แต่งงาน ก็เท่ากับสร้างความทุกข์ให้พ่อ ให้แม่ ไม่รู้สิ ยังไง ปู่ฟงก็ จงจมไปกับความแค้นต่อไป ส่วนฮั่น ขอให้คิดได้ไว ๆ หน้าที่ กับหัวใจ บางครั้งมันก็จำเป็นต้องสวนทางกัน แต่ถ้ามันเดินไปด้วยกันได้คงจะดี

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
แงงงปู่ฟงไปแล้ว
เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เองสินะ
พี่ฮั่นที่บอกจะไม่ทำให้พีทเสียใจขอให้พูดจริงเถอะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
สงสารปู่ฟงนะ ไปสบายแต่ก็ยังมีความแค้น
ฮั่นอย่าเดินรอยตามคุณตาหลิวก็แล้วกันนะ
เผื่อปู่ฟงแกคอยดูอยู่ แกอาจจะไม่ต้องห่วงพีทอีก

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
แต่เราชอบที่น้องพีททำใจง่ายๆและเข้าใจง่ายๆนะ แต่ถึงจะไม่เข้าใจเราก็คิดว่าไม่เป็นไรถ้าน้องจะไม่โกรธพี่ฮั่น..


โกรธไปตัวเองก็ทุกข์เราอยากให้น้องทำใจให้ได้แล้วถอยจากพี่ฮั่นเองมากกว่าค่ะถึงพี่ฮั่นจะเลิกบื้อขึ้นมาก็เถอะ เซ็งฮีค่ะ ให้น้องพีทไปหาคนอื่นที่ดีกว่าแทน :laugh:

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
สงสารปู่ฟง สงสารพีท :ling2:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
มาถึง ตรงนี้คือ หัวใจ  สักทีสินะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
54. ก่อนคริสต์มาส


งานศพคุณปู่ฟงผ่านพ้นไปแล้ว  กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศที่อดีตนักธุรกิจตระกูลดังได้เสียชีวิตลง  ตระกูลหยางที่ยิ่งใหญ่เหลือทายาทเพียงสองคนคือ  พ่อกับเขา

คุณโรสกอดสองพ่อลูกไว้ในอ้อมแขนเล็ก ๆ ของเธอ  พวกเขาแทบไม่พูดอะไรกันเลยตั้งแต่คุณปู่ฟงเสียชีวิต  ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตน 

พีทแทบจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย  เขาเอาแต่โศกเศร้าที่คุณปู่จากไป ได้แต่ทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่พี่ฮั่นกระซิบบอกอยู่ข้างหู  พี่ฮั่นเป็นคนที่เข้ามาจัดการงานศพของคุณปู่อย่างสมเกียรติแทนคุณพ่อ  เพราะคุณพ่อก็เพิ่งรับหน้าที่ผู้ว่าการรัฐคนใหม่  ยังต้องยุ่งอยู่กับการทำงานหนัก  พี่ฮั่นจึงเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง  จนกระทั่งทุกอย่างสิ้นสุดลง



“พีท” พี่ฮั่นเข้ามากอดเขาไว้แน่นเมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน  พีทได้แต่ปล่อยตัวเองให้อยู่ในอ้อมแขนพี่ฮั่น

‘พี่ชาย  พี่ชาย  พี่ชาย’ เขาท่องไว้ในใจ 

เมื่อพวกเขาคลายอ้อมกอด  พีทก็ยิ้มให้พี่ฮั่นได้อย่างสนิทใจ

“พี่เลิกเกลียดคุณปู่ได้ไหม” 

นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดมาตลอดตั้งแต่ไปอยู่กับคุณปู่ที่ทะเล  แม้จะรู้ว่าสิ่งที่คุณปู่ทำกับพี่ฮั่นมันร้ายแรงขนาดไหน  แต่เขาก็หวังเหลือเกินว่าอยากให้พี่ฮั่นให้อภัยคุณปู่ของเขา 

“พี่ยกโทษให้เขาแล้วล่ะ” 

พี่ฮั่นมองเขา  ยกมือใหญ่วางบนผมแล้วโยกหัวเขาไปมา  พีทคว้าข้อมือใหญ่ของพี่ฮั่นไว้  มองตรงเข้าไปในดวงตา

“พี่ไม่โกรธคุณปู่จริง ๆ นะ”  เขาเขย่ามือพี่ฮั่นอย่างต้องการความแน่ใจ

พี่ฮั่นพยักหน้าให้  มองตรงมายังดวงตาเขาเช่นกัน

“ขอบคุณครับ”  พีทยิ้มอย่างยินดี 

ต่อนี้ไปพวกเขาคงจะกลับมาเป็น ‘ครอบครัว’  เหมือนเดิมสักที



เวลานี้ใกล้ถึงเทศกาลคริสต์มาสแล้ว  อากาศหนาวเย็นทำให้ผู้คนต้องห่อร่างของตนภายใต้เสื้อกันหนาวตัวหนา  บรรยากาศทั่วทั้งเมืองเริ่มคึกคักเมื่อใกล้เทศกาลสำคัญ 

โรงแรมสาขาใหม่ของตระกูลหยางก็เริ่มตกแต่งประดับประดาด้วยริบบิ้นสีแดงและเขียว  กลางโดมสูงของโรงแรมได้ตั้งต้นคริสต์มาสความสูงขนาดตึกสามชั้น  ประดับด้วยกล่องของขวัญและลูกไฟหลากสีสวยงาม  กลายเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวมักจะเข้ามาถ่ายรูปและเข้าร่วมเทศกาลช็อกโกแลตที่โรงแรมจัดขึ้น

พีทกลับไปฝึกงานต่อแม้ว่าจะยังคงเศร้าอยู่มาก  เขาทำทุกอย่างเหมือนที่ผ่านมา  เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนการฝึกงานก็จะสิ้นสุดลง  เขากับพี่โดมกลับไปซ้อมวงหลังจากที่ไม่ได้ซ้อมร่วมกันมานานร่วมเดือนเพราะพวกเขาต้องเล่นดนตรีในวันคริสต์มาสอีฟ  ซึ่งเป็นงานรื่นเริงประจำปีของมหาวิทยาลัย และปีนี้เป็นปีสุดท้ายของพวกเขาแล้ว  ทุกคนจึงตั้งใจจะเล่นกันให้เต็มที่เพื่อส่งท้าย

วันนี้เป็นวันแรกที่พีทไปซ้อม  ริทแอบเข้ามากระซิบถามเขาทันทีที่เจอหน้ากัน  พีทบอกแค่ว่าเขากับพี่ฮั่นกลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม แม้จะเจ็บปวดที่ต้องเล่าเรื่องนี้ให้ริทฟัง  แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ พีทกลับพบว่าเขาทนได้มากขึ้น  ริทมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อแต่ไม่พูดอะไร  ตบไหล่เขาอย่างให้กำลังใจแล้วถอยไปซ้อมต่อ 

เพราะไม่ได้ซ้อมกันมานาน  วันนี้พวกเขาจึงใช้เวลาเล่นดนตรีร่วมกันเกือบสี่ชั่วโมง  เสียงพี่แทนบ่นตลอดเวลาเพราะริทมักทำให้ทั้งวงเสียจังหวะด้วยการเสนอเพลงใหม่ ๆ ให้พวกเขาเล่นในงานวันคริสต์มาสอีฟที่ใกล้เข้ามา 

การได้เล่นดนตรีร่วมกับเพื่อน ๆ  ทำให้เขาคลายความโศกเศร้าจากการสูญเสียคุณปู่ลงได้บ้าง  ดนตรีทำให้เขามีความสุขเสมอ

กว่าพีทจะกลับถึงบ้านเป็นเวลาดึกแล้ว  เขาเดินเข้าบ้านที่เงียบสงบ  เมื่อกลับเข้าห้องตัวเองก็ต้องแปลกใจ  ห้องนอนเขาเปิดไฟหัวเตียงทิ้งไว้  แสงนวลตาทำให้เห็นคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

‘พี่ฮั่น?  มานอนห้องเขาทำไมเนี่ย  แล้วจะทำยังไงล่ะ?’ 

พีทยืนนิ่งอยู่นาน  จากนั้นจึงตัดสินใจไปอาบน้ำ

หนุ่มน้อยขยับตัวลงนอนบนเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวจะทำให้คนที่นอนหลับไปก่อนแล้วสะดุ้งตื่น  เขานอนนิ่งที่ริมเตียง  ยังตาสว่างอยู่แม้จะดึกมากแล้ว
 
เมื่อได้กลับมาอยู่กับตัวเองเขาก็กลับไปคิดวนเวียนถึงเรื่องของคุณปู่ ได้แต่เสียดายที่คุณปู่มัวแต่จมอยู่กับความโกรธจนไม่ยอมยกโทษ ไม่ยอมเข้าใจคุณตาหลิว  ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณปู่จึงไม่มีความสุขเลย 

พีทสัญญากับตัวเองไว้ว่า  เขาจะต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองมีชีวิตเหมือนคุณปู่โดยที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำใจเรื่องพี่ฮั่นได้วันไหน 

อาจจะเร็ว ๆ นี้  ปีหน้า  อีกสองสามปี หรืออาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้

เหมือนคุณปู่ฟง เหมือนคุณพ่อที่มีรักแท้เพียงครั้งเดียว   

‘เฮ้อ’ เขาพ่นลมหายใจแผ่วเบากับตนเอง  พ่อเขาโชคดีจริง ๆ

ความคิดย้อนกลับไปอีกเรื่องที่ยังไม่ได้รับคำตอบ คือเรื่องที่เขาคุยกับพ่อในคืนนั้นที่โรงพยาบาล  หลังจากวันนั้นพ่อกับเขาก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีกเลย พ่อทำงานยุ่งเสมอ  และมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นตั้งมากมายทำให้เขาไม่มีโอกาส  แต่เวลานี้เขากับพ่อคงไม่จำเป็นต้องคุยกันเรื่องนี้อีกแล้ว   บางทีพ่ออาจจะโล่งใจที่เขาจะทำลืมเรื่องนี้ไปเสีย



หลังจากที่เขาบอกพ่อไปแล้ว  พ่อนิ่งเงียบไปนาน  เขารู้ว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากสำหรับพ่อ  แต่ในที่สุดพ่อก็เอ่ยขึ้นมา

“พีทพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง  พ่อรู้อยู่แล้วว่าลูกน่ะรักพี่ฮั่นมาก ใคร ๆ ก็รู้” 

พีทรู้ว่าพ่อเข้าใจความหมายของเขาตั้งแต่ครั้งแรกแต่เขาก็อธิบาย

“มันไม่เหมือนเดิมครับ มันเปลี่ยนไป ผมรักเขาเหมือนคนรัก รักแบบที่คุณพ่อรักคุณโรส”

พ่อเขาเงียบไปอีก พีทมองใบหน้าของพ่อนิ่ง ช่วงเวลาที่เงียบงันระหว่างเขากับพ่อก่อให้เกิดบรรยากาศของความอึดอัด 

“เอาแบบนี้แล้วกัน  พ่อขอเวลาคิดอะไรสักพักนะ  แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ ได้ไหมพีท”  เสียงพ่ออ่อนโยนเหมือนเคย 

“ครับพ่อ” 

เท่านี้  ก็ดีกว่าที่เขาคาดหวังไว้แล้ว 




พ่อยังคงทำงานหนัก ออกพื้นที่  ดูแลประชาชน  ไปโน่นมานี่ไม่ได้หยุดหย่อน  คุณโรสก็พลอยยุ่งไปด้วยเพราะต้องออกงานสังคม งานการกุศลอีกมากมายทั้งที่ไปในนามภรรยาผู้ว่าการรัฐและไปเป็นตัวแทนคุณพ่อ 

แต่ตอนนี้ปล่อยให้มันเงียบหายไปตามเวลาที่ผ่านไปน่ะดีแล้ว  ให้มันเลือนหายไป

เตียงสั่นเหมือนพี่ฮั่นกำลังขยับตัวทำให้ความคิดเขาสะดุด  คนที่ยังไม่หลับนิ่งทันที  แต่แล้วเขากลับต้องตกใจเมื่อวงแขนแข็งแรงของพี่ฮั่นขยับมารวบตัวเขาไว้จากด้านหลังแล้วลากเขาเข้าไปนอนกลางเตียง

“พี่!  ทำอะไรเนี่ย”

เขาตกใจ หันหน้ากลับไป หน้าเขาแทบจะชนเข้ากับหน้าพี่ฮั่นที่นอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา 

“ทำไมนอนซะริมขนาดนั้น  เตียงออกจะกว้าง”  พี่ฮั่นว่า ยังไม่ขยับใบหน้าหนีไปไหน  แววตาที่เขาเห็นในความมืดดูวาววามคล้ายเสือกำลังจะล่าเหยื่อ  ทำให้เขาขนลุก

“ก็ ก็  ไม่มีอะไร”  พีทหันหน้ากลับ

“แล้วไปซ้อมดนตรีทำไมไม่บอก  คราวหน้าจะไปไหนต้องโทรบอกพี่ทุกครั้ง  เป็นห่วงรู้ไหม”  ท้ายประโยคพี่ฮั่นลากเสียงนุ่มอ่อนโยน 

“ทำไมต้องบอกด้วยมันเรื่องของผมนี่  แล้วพี่ทำอะไรเนี่ย” 

แขนเข็งแรงนั้นกระชับเข้ามา

“ก็กอดพีทไง  ตัวเราเย็นขนาดนี้” 

พี่ฮั่นขยับเข้ามาใกล้อีก  ร่างที่แนบอยู่ด้านหลังอุ่นจัดทำให้คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ รู้สึกอุ่นสบาย  แต่เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้

“เฮ้ยพี่ ปล่อย ผมอึดอัด”   พีทพยายามงัดแขนที่กอดเขาไว้  แต่เหมือนกับเอาไม้จิ้มฟันไปงัดท่อนซุงยังไงยังงั้น

“เมื่อก่อนพีทยังนอนกอดพี่ได้เลย  คราวนี้พี่กอดบ้างไม่ได้รึไง  ไม่รู้ล่ะห้ามเถียง แล้วก็นอนได้แล้ว” 

ไม่พูดเปล่า   พี่ฮั่นจับไหล่เขาให้หันกลับมาแล้วพลิกตัวเขาให้นอนตะแคงหันหน้าเข้าหา  พี่ฮั่นทำเหมือนเขาเป็นหมอนข้าง  สองมือกอดเขาไว้  ขาอีกข้างก็ก่ายล็อกแน่นหนา  พีทแทบหายใจไม่ออก  เขาพยายามดิ้นอยู่ครู่กลับทำอะไรไม่ได้จึงถอนหายใจแรงอย่างตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน

‘พี่ฮั่นทำแบบนี้ไม่ดีเลย ทำให้เขาใจเต้นแรงอีกแล้ว แล้วเมื่อไรเขาจะทำใจได้สักที’

ไม่นานร่างที่นอนเกร็งนั้นก็ค่อยผ่อนคลายตัวเอง  กลับขยับเข้าไปแนบชิดมากขึ้นเหมือนต้องการไออุ่นจากคนที่กอดเขาอยู่ ซุกหน้าที่ซอกคอหนา  เอื้อมมือไปกอด  ‘พี่ชาย’ ไว้บ้าง 

‘ขอแค่คืนนี้  พรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่’
  พีทคิดอย่างเหนื่อยล้าก่อนค่อย ๆ จมสู่นิทรารมย์

คนกอดอมยิ้มในความมืดกับคนขี้เซาในอ้อมแขน  หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง  เขาจะหลับได้ยังไง  ก็ลมหายใจอ่อนรดซอกคออยู่แบบนี้  มันกลับทำให้เขายิ่งตาสว่างกว่าเดิมซะอีก

---------------------------------



ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะกลับไปสู่ ‘สภาพเดิม’ อย่างแท้จริง เมื่อวันนี้มีเสียงโวยวายของคุณชายรับอรุณ   พีทเดินโวยวายออกจากบ้านริมสระเพราะพี่ฮั่นแอบเอากุญแจรถเขาทุกคันไปซ่อน  ไม่ยอมให้เขาขับรถไปทำงานเองทั้งที่เขาบอกแล้วว่าต้องไปซ้อมดนตรีกับพี่โดมต่อหลังจากเลิกงาน

“ก็เดี๋ยวพี่ไปส่ง”  คนพี่ว่า

พีทพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  อ่อนใจกับความดื้อของพี่ฮั่น

“พี่จะตามไปทำไมล่ะ  ไม่มีใครทำอะไรผมหรอกน่า  พ่อก็เป็นผู้ว่าการรัฐแล้ว พรรคโน้นก็ถูกยุบไปแล้ว  อีกอย่าง...” พีทหยุดแล้วกลับหันมาเผชิญหน้าคนที่เดินตามหลังเขา

“ผมก็พกปืนแล้วด้วย   คราวนี้ใครหน้าไหนที่มันกล้าเข้ามา  โดนส่องแน่!!”  น้องชายว่าเสียงเอาจริง ไม่รู้ว่าหมายถึงพวกศัตรูหรือต้องการขู่คนตรงหน้ากันแน่

คนเป็นพี่แอบกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินว่าพีทพกปืน   ตั้งแต่พีทยิงเจเจกับลูกน้องไปคราวนั้นดูเหมือนพีทจะ ‘แกร่ง’ มากขึ้น  เหมือนคนที่ก้าวข้ามความกลัวภายในจิตใจตนเองได้แล้วก็กลับเข้มแข็ง  พีทไม่กลัวที่จะยิงปืนออกไปอีกแล้ว  แต่การค้นพบว่าตัวเองควบคุมมันได้ต่างหากที่ทำให้พีทมั่นใจที่จะใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง
 
แล้วยิงแม่นขนาดนั้น  แค่คิดคนพี่ก็เริ่มสยอง  แต่ยังพยายามยิ้มสู้

“ก็อยากไปเฝ้านี่  พีทน่ารัก  เดี๋ยวมีใครฉกไป”  พี่ฮั่นพูดหน้าตาเฉย 

“อะไรเนี่ย พี่พูดอะไร ใครจะ...”

พีทได้ยินประโยคนั้นก็ทำตัวไม่ถูก  เขาหันหนี  ก้าวเท้าเร็ว ๆ ออกไปหน้าบ้าน  หน้าบึ้ง 

ทำไมพี่ฮั่นพูดแบบนี้  พี่ฮั่นไม่เคยพูดลักษณะนี้กับเขามาก่อน  แต่ขณะเดียวกันเขาก็อดรู้สึกเขินไม่ได้  อะไรกันเนี่ย?

คนเป็นพี่เดินตามมาล็อกคอเขาไว้แล้วลากเขาไปขึ้นรถ  แทบจะยัดเขาใส่รถเลยทีเดียว




ทุกคนในวงยิ้มแย้มเฮฮาเมื่อเห็นพี่ฮั่นแวะมาที่ห้องซ้อมด้วย   เสียงคนในวงทักทายพี่ฮั่นดังขรมในห้องซ้อมทีเดียว   พีทมองอย่างขัดใจ  เขาไม่เข้าใจเลยว่าพี่ฮั่นจะมาทำไม  พี่ฮั่นทำแบบนี้แล้วเมื่อไรเขาจะตัดใจได้สักที 

อยู่ ๆ คนที่ทักคนโน้นคนนี้ไปทั่วก็หันมาเหมือนรู้ว่าเขากำลังมองอยู่  พี่ฮั่นส่งยิ้มให้เขาทำให้พีทรีบหันหน้าหนี  ตลอดการซ้อมสามชั่วโมง  พี่ฮั่นก็ทำให้เขาไม่มีสมาธิเพราะเขารู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา 

ริทที่แอบมองทั้งสองคนตั้งแต่แรกแอบส่งสัญญาณให้พี่โดมสังเกตคนทั้งคู่  ไม่มีใครเห็นว่าริทกับโดมลอบยิ้มให้กันอย่างรู้กันสองคน

หลังเลิกซ้อมแล้วพี่ฮั่นก็เดินแจกน้ำให้ทุกคนเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ  ทำให้คนน้องปรายตามองอย่างหมั่นไส้
 
‘ทำยังกะตัวเองเป็นสมาชิกในวงงั้นแหละ’

พีทรับขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหายแต่ยังคงส่งสายตาไม่ชอบใจไปที่พี่ชาย   คนเป็นพี่กลับยิ้มให้อย่างไม่สะทกสะท้านกับสายตาเหวี่ยงของคุณชาย  เอ่ยแซว

“จะกินน้ำหรือจะเหวี่ยงก็เลือกเอาสักอย่างสิพีท” 

พีทแทบสำลักน้ำเพราะพี่ฮั่นกลับมากวนประสาทเขาอีกครั้ง  เขาลดขวดน้ำที่กำลังดื่มลง  หันมาเอาเรื่องพี่ชายจอมกวนทันที

“ผมจะทำมันทั้งสองอย่างนี่แหละ ทำไม พี่มีปัญหาเหรอ”  เขาโวยวาย หน้าบูดขึ้นอีกเท่าตัว 

“ไม่มีปัญหาหรอก  พีทจะทำอะไรพี่ไม่กล้าว่าหรอก  พี่กลัว”  คนพี่บอกว่ากลัวแต่หน้าตาท่าทางนั้นไม่เป็นอย่างที่พูดเลยสักนิด  กลับทำหน้าทำตาล้อเลียนกวนประสาทพีทมากขึ้นไปอีก

“หนอย  พี่ฮั่น  อย่ามากวนประสาทผมนะ  คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่  พี่จะกวนอะไรนักหนาเนี่ย  ถ้าพี่มาแล้วมากวนประสาทผมแบบนี้อย่ามาเลยดีกว่า  นี่ ได้ยินที่ผมพูดไหม  ยิ้มอะไรเนี่ย......” 

พีทยิ่งโมโหมากขึ้น  เดินเข้าไปใกล้พี่ชายอย่างเอาเรื่อง  ทำให้พี่ชายต้องถอย   ตากลม ๆ นั้นจ้องไปที่คนที่ยิ้มมุมปากเหมือนถูกใจอะไรบางอย่าง  พีทบ่นชุดใหญ่ใส่พี่ชาย  แทบจะผลักพี่กระแทกผนังอยู่แล้ว

ทุกคนในห้องซ้อมหันมามองสองคนที่ยืนทะเลาะกันอีกมุมหนึ่งอย่างงุนงงที่เห็นพีทโวยวายขนาดนั้น   แค่พี่ฮั่นพูดเล่นด้วยเท่านั้นเอง   แต่ดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่รู้ตัวว่าคนอื่นในวงกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่  ริทหันไปพยักพเยิดกับโดมพลางยิ้มสนุกสนานที่ได้เห็นอะไรแบบนี้  คราวนี้ไม่ต้องแอบทำเลยเพราะพีทไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวสักนิด

“พี่อย่าทำให้ผมโมโหนะ....”

พีทดึงเสื้อยืดของพี่ชายไปมาอย่างขัดใจ  ส่วนพี่ชายนั้นถอยจนประชิดกำแพงด้านหลังแล้ว  กำลังยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับอกทำท่าเหมือนยอมแพ้แต่ยังยิ้มระรื่น  ในที่สุดเมื่อทั้งสองคนยังไม่รู้ตัวสักที  แทนจึงตัดสินใจเข้าไปห้ามศึกสองพี่น้องตระกูลหยาง

“เฮ้ย  พีท  พอเหอะ อย่าบ่นเลยน่า  มา  มาทางนี้ดีกว่า” 
 
แทนเข้าไปกอดคอพีทดึงตัวออกห่างจาก ‘ตัวต้นเหตุ’   พีทถูกแทนดึงตัวแยกออกมาอีกมุมหนึ่ง  โดยที่เขาไม่โวยวายอะไรกลับปล่อยให้แทนดึงตัวไปอย่างง่ายดายทำให้ ‘ตัวต้นเหตุ’ มองอย่างแปลกใจ   

‘ทีกับคนอื่นไม่เคยว่า ไม่เคยโวยเลยนะพีท  กับพี่นี่ใส่เอา ใส่เอาเป็นชุดเชียวนะ’

เขายังคงเฝ้ามองน้องชายต่อไป  พีทเลิกทำหน้าบูดแล้ว  กลับไปพูดคุยอะไรบางอย่างกับแทนซึ่งดึงกระดาษแผ่นใหญ่ขนาดเท่าโปสเตอร์หนังออกมาวางบนโต๊ะที่เกลื่อนด้วยสมุดโน๊ตเพลง  ไม้ตีกลอง  กระดาษ  ปากกาหลากสี  จากนั้นคนทั้งคู่ก็ไม่สนใจใครอีกเพราะพีทกำลังวาดอะไรบางอย่างลงบนกระดาษนั้นพร้อมกับอธิบายไปด้วย   

ภาพพีทที่ก้มหน้าชี้ไม้ชี้มือบนกระดาษกับแทนอย่างจริงจังทำให้เขาเฝ้ามอง  ไม่รู้ตัวเลยว่ายิ้มกว้างแค่ไหน  แต่ไม่นานรอยยิ้มนั้นก็เริ่มจางลงไปทุกขณะ  เมื่อเห็นคนทั้งคู่ขยับมาพูดคุยกันใกล้มากขึ้น 

‘คุยอะไรกันนักกันหนาเนี่ย  ทำไมต้องใกล้ขนาดนั้น  หน้าแทบจะชนกันอยู่แล้ว’

ทนไม่ไหว  ขายาวจึงก้าวเข้าไปที่โต๊ะที่ทั้งสองคนยืนอยู่

“ทำอะไรกันอ่ะ พีท”  เอ่ยถามน้องชายที่กำลังลากดินสอไปมา

“ถ้าลองแบบนี้ล่ะ ดีขึ้นไหม  ชื่อพวกเราก็ใส่แค่ชื่อเล่นก็พอ  เพราะทุกคนรู้จักพวกเราอยู่แล้ว  เน้นตรงคอนเซปต์งานกับวัน เวลาจัดงานดีกว่า..” พีทไม่ตอบกลับหันหน้าไปถามแทน 

แทนเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจแต่ก็รีบตอบคำถาม

“เออ  ดีเหมือนกัน  แบบนี้ก็ดูไม่รกดี  ตกลงเอาแบบนี้แหละ  เดี๋ยวให้พวกฝ่ายศิลป์เอาไปทำต่อ”  แทนว่าแล้วก็คว้ากระดาษแผ่นใหญ่ขึ้นดูอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
 
“เดี๋ยวพี่แทน  พีทไปด้วย” พีทไม่สนใจใครทั้งนั้น  กลับเดินไปกอดคอแทนแล้วออกไปจากห้องซ้อม

คนที่ยืนเป็นส่วนเกินทำหน้าสลดเมื่อโดนน้องชายเมินใส่  เขาหันกลับมาหาริทที่กำลังหัวเราะร่ากับพี่โดม

“ริท!”

“เฮ้ย  อะไรพี่  เรียกริทเสียงดังทำไม  อยู่กันแค่นี้”  ริทตอบกลับ  หันหน้าไปยักคิ้วกับโดมอย่างรู้กันสองคน

“นายไม่เห็นเหรอว่าพี่แทนของนายกอดคอไปไหนไม่รู้กับพีทน่ะ”

พี่ชายถามเสียงดัง  หน้ายุ่ง  ชี้ไม้ชี้มือเริ่มโวยวาย   ดู ‘หลุด’ จากภาพรองประธานผู้มีอำนาจสูงสุดของกลุ่มธุรกิจตระกูลหยางที่ยิ่งใหญ่   

ริทกับโดมหันมามองหน้ากันแล้วพวกเขาก็เริ่มต้นหัวเราะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย 

พีทต่างหากที่กอดคอแทนออกไป

“นี่พวกนายไม่ใช่เวลาตลกนะ  พี่ถามไม่ได้ยินรึไงริท”  คราวนี้เสียงนั้นเริ่มเอาจริงขึ้นมาบ้าง

“ครับ ได้ยินครับ ใจเย็นสิพี่ฮั่น”  ริทยังกลั้นหัวเราะอยู่  แต่ก็พยายามตอบคำถาม

“ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ  ปกติพีทก็สนิทกับพี่แทนอยู่แล้ว  พวกเขารู้จักกันมาก่อนผมอีก  ผมมาทีหลังด้วยซ้ำ”  ริทว่า

“เนี่ย  สองคนนั่นชอบแอบไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันบ่อยจะตาย  เค้าเป็นแฟนคลับวงเดียวกัน  เวลาไปกินเหล้ากันนะ  คุยกันเรื่องเพลงนี่ได้ยันเช้าเลยพี่ แล้วสองคนนั้นยังชอบสะสมกีตาร์เหมือนกันด้วย  มีร้านประจำ.....” 

ริทยังคงเล่าต่อไป  ไม่รู้ว่าเป็นการอธิบายหรือช่วยใส่ไฟกันแน่เพราะคนที่ได้ยินเบิกตาโตมากที่สุดในชีวิตเมื่อได้ยินเรื่องพวกนี้เป็นครั้งแรก

‘สนิทกันมาก่อน  ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันบ่อย ๆ  คุยกันยันเช้า’  คำพูดพวกนี้ลอยไปมาในหัวพี่ชาย

โดมมองหน้าพี่ฮั่นที่หน้าหงิกขึ้นทุกขณะแล้วรีบถองศอกใส่ริททันที เขาต้องหยุดริทก่อนที่พี่ฮั่นจะโมโห  เพราะเคยเห็นพี่ฮั่นโมโหมาแล้วจึงไม่อยากเสี่ยงชีวิตอีกครั้ง

คนเป็นพี่หันไปมองยังประตูห้องซ้อม  ท่าทางกระวนกระวายมากขึ้น เมื่อพีทกับแทนยังไม่กลับมาเสียที  เขาหันกลับมาหาโดมอีกครั้งด้วยความสงสัย  กลับพบดวงตาสองคู่จ้องมาที่เขาก่อนแล้ว

“พี่จะมาแสดงออกอะไรตอนนี้  ช้าไปรึเปล่า” 

โดมเลิกหัวเราะแล้ว กลับถามพี่ฮั่นด้วยน้ำเสียงเรียบ ใบหน้าจริงจัง นึกไปถึงคืนที่พีทร้องไห้จะเป็นจะตายตอนที่ถูกปฏิเสธแล้วก็อดสงสารไม่ได้

“ผมว่าพีทเค้าคงตัดใจแล้วล่ะ พี่อย่าทำแบบนี้เลย ผมสงสารเพื่อน”  ริทก็เลิกยิ้มแล้วเช่นกัน  พูดสนับสนุนขึ้นมาบ้าง

“เอ่อ..”

คราวนี้ฮั่นเป็นฝ่ายที่พูดไม่ออก  ไม่ทันตั้งตัวเมื่ออยู่ดี ๆ สองคนนี้ก็เปลี่ยนมาซักไซ้เขาแทน

“พี่อย่าทำให้พีทเสียใจอีกเลย   แค่นี้พีทก็เจ็บมากพออยู่แล้ว  ถ้าพี่ไม่คิดอะไรผมว่าพี่อยู่ห่าง ๆ พีทจะดีกว่านะ” 

ริทว่ามาอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัว  ทำให้โดมแอบสะใจอยู่คนเดียวภายใต้ท่าทางเรียบร้อยของตัวเอง     เขาก็อยากพูดหรอกแต่สถานะเด็กฝึกงานของโรงแรมทำให้เขาต้องสงบปากสงบคำไว้บ้าง

“นี่พวกนายอย่ามองพี่ในแง่ร้ายสิ  พี่ก็ไม่มีความสุขหรอกนะที่เคยทำให้พีทเสียใจน่ะ”

ใบหน้าคมนั้นหมองลงไปเมื่อถูกต่อว่า เขาก็ไม่อยากให้พีทเสียใจอีกแล้วเหมือนกัน  คราวที่แล้วตั้งใจจะเคลียร์กับน้อง  สถานการณ์กลับไม่เป็นใจ

“แล้วพี่กำลังทำอะไรอยู่ล่ะ ไอ้ที่พี่กำลังทำอยู่ตอนนี้น่ะเหรอที่พีทจะไม่เสียใจ  ผมว่ามันดูไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไรนะพี่  มันจะทำให้พีทสับสนมากกว่า” 
 
ริทยังคงใส่มาเป็นชุด  ทำให้โดมที่ยืนอยู่ข้างคนตัวเล็กเหลือบตาไปมอง  ดูท่าทางริทจะ ‘อิน’ กับเรื่องนี้มาก  ก็คนเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อนคงเข้าใจอะไรดีกว่าเขาล่ะนะ

“ริท  นายไม่เข้าใจ”   คนถูกต่อว่าก็ทำหน้ากลุ้มใจ

“ใช่  ผมไม่เข้าใจแล้วผมก็คิดว่าพีทก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  พี่บอกว่าเป็นพี่น้องกันนี่แล้วไอ้ที่พี่เป็นอยู่เนี่ย  มันเกินพี่น้องนะพี่...”
 
“พี่รู้”   

“รู้แล้วไงล่ะพี่  รู้แล้วพี่คิดจะทำอะไรไหม  พี่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกนานเท่า....” 

ริทเงียบเสียงไปทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นพีทเดินกลับเข้ามาที่ห้องซ้อมอีกครั้ง 

“ริท  ไปดูพี่แทนหน่อย  ทะเลาะกับพวกฝ่ายศิลป์อีกแล้ว” 

พีทเดินทำหน้าเหนื่อยหน่ายเข้ามา  ร้องบอกคนตัวเล็กให้รีบไปจัดการพี่แทน

“หา  อีกแล้วเหรอ  พี่แทนนะพี่แทน  บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ใจเย็น ๆ ไม่เคยฟังกันบ้างเลย  นี่ทะเลาะกับใครล่ะเนี่ย  พวกนั้นเค้าเอือมพวกเราจะแย่อยู่แล้วเพราะพี่แทนคนเดียว  ถ้าเกิดว่าทะเลาะกันแล้วไม่ยอมทำโปสเตอร์ให้วงเราจะทำยังไง...”

เสียงริทบ่นยืดยาวตามหลังมาอีก  แม้ว่าคนตัวเล็กจะรีบเดินออกจากห้องซ้อมไปแล้วก็ตาม  พีทมองตามคนตัวเล็กที่เดินออกไปจนสุดสายตา เขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น  ดวงตามีแววเศร้า  คนที่จับตามองน้องชายตลอดเวลาเห็นท่าทางนั้นแล้วก็เจ็บปวดไปด้วยเพราะพอจะเดาได้ว่าพีทเศร้าไปเพราะเรื่องอะไร
   
“พีท  กลับกันเถอะ”   

โดมที่ยืนมองอยู่เช่นกัน  เป็นฝ่ายเข้ามากู้สถานการณ์  เขายกแขนขึ้นตบไหล่เพื่อนรุ่นน้องหนัก ๆ แล้วลากพีทออกไป  ทิ้งให้คนเป็นพี่ถอนหายใจยาว  หันไปคว้ากระเป๋าพีทแล้วตามไปเช่นกัน

------------------------------



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2015 22:39:25 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
(ต่อ)

เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันคริสต์มาสอีฟ  พวกเขาซ้อมหนักจนดึกดื่นทุกคืน  พี่ฮั่นยังคงตามไปดูเขาซ้อมทุกวันเช่นกันแม้ว่าเขาจะบ่นอย่างไรก็ตาม 

พีทได้แต่แปลกใจที่พี่ฮั่นทำตัวแปลกไปกว่าเดิมมาก  ชอบเข้ามาคลอเคลียใกล้ชิดเขา  บางครั้งก็เข้ามากอดเขาดื้อ ๆ  และที่สำคัญคือดวงตาเรียวคู่นั้นแปลกไป  มันทำให้เขาใจเต้นทุกครั้งที่เผลอสบตาด้วย

เขาไม่อยากคิดอะไรมากไปจึงทำเพียงแค่หลบตาแล้วพยายามไม่อยู่ใกล้พี่ฮั่นเกินความจำเป็น  แต่มันก็หลบเลี่ยงได้ยากโดยเฉพาะเวลานอน 

เขาถึงกับเอ่ยปากขอให้พี่ฮั่นกลับไปนอนที่ห้อง  แต่คนอย่างพี่ฮั่นไม่เคยตามใจใครอยู่แล้วนอกจากตัวเอง  พี่ฮั่นไม่ยอมกลับ  เขาไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป

ใครเป็นเด็กเอาแต่ใจกันแน่?  ที่ผ่านมาใครต่อใครก็เข้าใจว่าเขาเป็นเด็กเอาแต่ใจ  ก็เพราะพี่ฮั่นนั่นแหละที่คอยตามใจเขา  แต่ใครจะรู้ว่าคนที่เอาแต่ใจ ‘ตัวจริง’ คือพี่ฮั่นนั่นแหละ  เขาเอาแต่ใจตัวเองได้ถ้าพี่ฮั่น ‘อยาก’ ตามใจเขา  แต่ถ้าพี่ฮั่นไม่อยากเขาก็ต้องเป็นฝ่ายยอม 

แล้วคืนนี้เขาก็ต้อง ‘ยอม’

“พรุ่งนี้พี่ต้องไปญี่ปุ่นตั้งหลายวัน  คืนนี้ห้ามขัดใจ”  พี่ฮั่นว่าเมื่อล้มตัวลงนอนแล้วขยับเข้ามาใกล้ทันที

‘เขาเคยขัดใจพี่ฮั่นได้ด้วยเหรอ  เอาแต่ใจขนาดนี้’   พีทได้แต่ทำหน้าขมวดเมื่อได้ยินคำพูดแปลก ๆ  แต่เรื่องที่พี่ฮั่นจะไปญี่ปุ่นดึงความสนใจเขา

“พี่จะไปทำไมล่ะ  โรงแรมที่โน่นมีปัญหาเหรอ   เพิ่งเริ่มก่อสร้างนี่”
   
จะไปพรุ่งนี้แล้วทำไมเพิ่งมาบอก  เรื่องที่พี่ฮั่นจะไปญี่ปุ่นทำให้เขาใจหาย  พี่ฮั่นจะไม่อยู่
 
“ก็แผ่นดินไหวคราวที่แล้ว  พี่ต้องบินด่วนไปญี่ปุ่นตอนเช้ามืดวันที่พีทหนีพี่ไปนอนทะเลไง ไปตั้งหลายวัน  พอกลับมายังไม่ได้นอนสักงีบ ก็รีบบึ่งรถไปหาพีทที่ The beach อีก”

‘ไปทันดูใจคุณปู่ฟงเป็นคนสุดท้ายเสียด้วยซ้ำ’   พี่ชายละประโยคนั้นไว้เพราะไม่อยากให้พีทกลับไปเสียใจเรื่องคุณปู่อีก

The beach  เป็นชื่อเรียกโรงแรมในเครือตระกูลหยางที่อยู่ติดกับหาดส่วนตัวของพีท  เป็นชื่อเล่นที่พวกเขาใช้เรียกกันเฉพาะในครอบครัว  พวกเขามีห้องส่วนตัวทั้งชั้นอยู่บนสุดของโรงแรม  ยกเว้นพีทที่มีบ้านพักอยู่ที่หาดส่วนตัว

พี่ฮั่นยกตัวขึ้นจ้องมองหน้าเขา  แววตาวาววับภายใต้แสงสลัวรางในห้องนอน  พีทสบตาแล้วต้องหลบวูบกับสายตาคมที่มองมา  เพราะกลับไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องฝันประหลาดของตัวเอง  รู้สึกเขินเมื่อนึกถึงฝันนั้น  แล้วคนในฝันก็อยู่ข้างเขา 

พีทหันหน้าหนีพร้อมกับขยับตัวนอนตะแคงหันหน้าไปอีกด้าน ทำท่าเหมือนจะนอนแล้ว แต่พี่ฮั่นคว้าไหล่เขาไว้รั้งให้กลับมานอนหงายตามเดิมพร้อมกับขยับเข้ามากอดเขาไว้  คนตัวใหญ่วันนี้ทำตัวเป็นเด็กเมื่อมานอนซบที่ไหล่  ยกแขน  ขาก่ายเขาที่นอนอยู่
 
“ตอนนั้นพีทอยู่ที่ทะเล  คงไม่รู้ข่าวว่าแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น  โรงแรมเราที่กำลังสร้างที่โน่นเสียหายบางส่วนก็เลยต้องไปประเมินโครงการกันใหม่ว่าจะทำต่อหรือจะยอมขาดทุนพับโครงการไป  เพราะมันเสี่ยงอยู่พอสมควรถ้าสร้างเสร็จไปแล้วเกิดมีแผ่นดินไหวหนักกว่านี้  เราอาจเสียหายมากกว่าเดิม” 

พี่ฮั่นพูดเสียงอู้อี้เล็กน้อยเพราะซุกหน้าอยู่ที่ไหล่เขา ปล่อยลมหายใจร้อนรดต้นคอทำให้เขาหายใจติดขัด   

“แล้วพี่ว่าไง จะทำต่อไหม” พีทถามต่ออย่างสนใจ เขาพลาดเรื่องสำคัญแบบนี้ได้ยังไงกัน 

“พี่กำลังตัดสินใจอยู่  ตอนนี้ทางโน้นประเมินค่าเสียหายและความเสี่ยงเสร็จแล้ว   กระทรวงพาณิชย์เชิญไปประชุมเรื่องความเชื่อมั่นการลงทุน พีทเข้าใจใช่ไหม  เราจะเปิดหรือปิดโครงการไปเฉย ๆ ไม่ได้มันมีหลายขั้นตอน” 

“ครับ”  เขาตอบเสียงเบาแล้วเงียบไปอย่างใช้ความคิด เรื่องแบบนี้มันเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติซึ่งเราคาดการณ์อะไรแทบไม่ได้เลย  ถ้าเป็นเขา  เขาจะทำยังไงนะ 

ความคิดต้องหยุดชะงักเมื่อพีทเพิ่งรู้ตัว
 
‘นี่พี่ฮั่นทำอะไรเนี่ย  ทำไมมือไต่ไปทั่ว?’

“พี่นอนนิ่ง ๆ สิ  ผมจั๊กจี้”  ว่าแล้วเขาก็คว้าจับข้อมือพี่ชายที่ขยับไปทั่วให้อยู่นิ่ง

“พีท  กอดพี่หน่อยสิ”  อยู่ ๆ พี่ฮั่นก็พูดขึ้นมา

‘อะไรนะ  วันนี้พี่ฮั่นเป็นอะไรเนี่ย’

“พีท  พีทกอดพี่หน่อย นะ พี่หนาว” 

น้ำเสียงทอดอ่อน  พี่ฮั่นแหงนหน้าขึ้นมองเขานิด ๆ ทำให้จมูกโด่งนั้นสัมผัสแผ่วเบาที่คางเรียว  หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ 

“น๊า น้องพีท กอดพี่หมีหน่อย พี่หมีจะไม่อยู่อีกตั้งหลายวัน  ต้องนอนคนเดียว  น๊า  กอดพี่หมีหน่อย” 

พี่ฮั่นกลับมาซบที่ไหล่เขาตามเดิม  ขยับเข้ามาชิดเขามากขึ้นพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“น้องพีท  น้องพีท  น้องพีทๆๆๆ" 

"พีท-พีท  พีท-พีท  พีท-พีท” 

เสียงอ้อนยังคงพร่ำเรียกเขาไม่ยอมหยุด  และก็คงไม่หยุดจนกว่าเขาจะทำตามที่พี่ฮั่นต้องการ  พีทถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะพลิกตัวเข้าหาพี่ชายแล้วกอดคนช่างอ้อนไว้ในอ้อมแขน  พี่ฮั่นกลับเป็นฝ่ายที่ซุกตัวอยู่กับอกเขาบ้าง

“ไม่อยากไปเลย  ไม่อยากไปไหน  อยากอยู่บ้าน  อยากอยู่กับพีท..” 

เสียงพี่ฮั่นพึมพำก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว 

พีทถอนหายใจอีกครั้งอย่างอ่อนใจกับตัวเอง  สุดท้ายแล้วเขาก็ยังตัดใจไม่ได้  แค่รู้ว่าพี่ฮั่นจะไม่อยู่หลายวันเขาก็ใจหวิว ๆ แล้ว  เขาไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเลย

พี่ฮั่นคิดอะไรอยู่นะ พี่ฮั่นบอกว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันแต่สิ่งที่พี่ฮั่นทำมันคืออะไร  เขาได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่าทำไมพี่ฮั่นถึงทำแบบนี้ เมื่อไรเขาจะทำใจได้สักที  เมื่อไรความทรมานทุกวันของเขาจะหายไป  มันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนและทำอย่างไรมันถึงจะสิ้นสุด




พี่ฮั่นหลับไปแล้ว  โดยที่ปล่อยให้เขาจมอยู่กับความสับสน ไม่เข้าใจ  พีทสอดนิ้วตัวเองไปตามเส้นผมนุ่มของพี่ชาย  ลูบไล้ไปมา  ก้มไปมองคนที่นอนซบอยู่ 

คืนนี้พี่ฮั่นเป็นของเขา  ถ้าเป็นไปได้เขาจะไม่ปล่อยพี่ฮั่นไปไหนเลย

พีทแตะริมฝีปากลงที่หน้าผาก  กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“ฝันดีนะ  พี่ฮั่นของพีท”

-----------------------------------



อากาศเย็นเฉียบในเวลาใกล้รุ่งของฤดูหนาวแทรกเข้ามาเมื่อความอบอุ่นที่แนบชิดทั้งคืนหายไป   คนที่นอนอยู่ขดตัวใต้ผ้าห่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เมื่อเตียงยวบลงอีกครั้งใกล้กับร่างที่นอนตะแคงขดตัวยังคงหลับสนิท  มือใหญ่เอื้อมไปจัดผ้าห่มให้แล้วลูบผมคนที่นอนอยู่แผ่วเบา  จากนั้นจึงก้มลงไปมองใบหน้าที่หลับสนิทราวกับเด็กชายตัวน้อย  ก่อนจะแตะสัมผัสแผ่วเบาที่ขมับอยู่นานราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมด  ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ตามไรผม  เสียงพึมพำข้างหูพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้คนที่ยังอยู่ในห้วงนิทราฝันดี

ในที่สุดสัมผัสอ่อนหวานนั้นก็ผละไป   

ทั่วทั้งบ้านตกอยู่ในความสงบในเวลาใกล้รุ่งเช่นนี้  มีเพียงเสียงนกร้องจิ๊บอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เมื่อพวกมันเริ่มตื่นออกหาอาหาร

ไม่นาน  เสียงเปียโนเพลงโปรดของใครบางคนก็ดังแทรกอากาศเย็นจัดในยามเช้ามืดขึ้นไปถึงห้องนอนที่เปิดประตูแง้มไว้  เสียงเปียโนอันอ่อนหวานลอยขึ้นไปเคล้าคลอคนที่นอนอยู่ราวกับต้องการกล่อม

คนที่บรรเลงเพลงนั้นไม่ได้มองที่แป้นเปียโนเลย  กลับเห็นแต่หน้าใครอีกคนตลอดเวลา  คนที่กอดเขาไว้ทั้งคืน 

เสียงโน้ตสุดท้ายระเหยหายไปนานแล้วก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะลุกขึ้น  มองขึ้นไปยังห้องนอนที่ใครอีกคนยังนอนหลับสนิทราวกับไม่อยากจากไกล

ถอนหายใจเบาก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

------------------------------------



เค้ามาแว้วววววววว

สวัสดีปีใหม่นะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2015 22:51:09 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
พี่ฮั่นเริ่มชัดเจน  :impress2:

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
อยากหาใครมาดึงความสนใจพีทจากพี่ฮั่นจังค่ะ

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สงสารพีท ตัดใจไปเลย :hao5:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อย่าทำเป็นเล่นนะอิพี่ฮั่น​  ไม่งั้นจะยุให้พีทหนีไปเลย
ชิชิ

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
55. ปรึกษา


ภายในบ้านหลังใหญ่สามชั้นที่ตั้งตระหง่านกลางพื้นที่กว้างใจกลางเมือง  เจ้าของบ้านที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกจากห้องน้ำ ขยับผ้าผูกเอวของเสื้อคลุมนอนให้แน่นขณะที่เดินตรงไปที่เตียงไม้โอ๊คเก่าแก่

“คุณโรส  ผมมีเรื่องปรึกษา”

คริสเดินมาหยุดที่เตียงนอน  เกริ่นกับภรรยาก่อนจะเปิดผ้าห่มแล้วแทรกตัวเข้าไป  ขยับตัวไปชิดร่างนุ่มหอมกรุ่นที่นอนอยู่ 

โรสวางหนังสือในมือลงแล้วหันใบหน้างดงามมามองสามีอย่างสงสัย ท่าทางของคริสดูเป็นกังวล  ในสายตาของคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน  เธอดูออกว่าคริสกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ  ท่าทางคิดหนักว่าจะพูดอย่างไร

“คือ  เอ่อ...เรื่องพีท”

โรสขยับตัวมากขึ้นเพื่อมองหน้าสามีที่กำลังพูดไม่ออก  เหมือนกำลังเลือกคำที่จะพูดให้ดีที่สุด

“ผมกับพีทไม่เคยมีความลับกัน” 

คริสเริ่มต้น  หลบตาโรสก่อนจะตัดสินใจเอ่ย

“ตอนฮั่นแพ้กุ้งเข้าโรงพยาบาล....” 

“พีทบอกผมว่า  แกรักฮั่น”

“รักแบบคนรักน่ะ”

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยทีเดียวเมื่อพูดสิ่งนี้ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันทำให้เขาไม่สบายใจมานานและต้องการระบายออกสักที  เขาคิดมากมาเป็นเดือนแล้วตั้งแต่ลูกชายตัวเองบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาที่โรงพยาบาลในคืนที่ฮั่นถูกทำร้าย   แววตาที่จริงจังของลูกชายที่เขามองเห็น เขาจำได้ว่าเขาได้แต่นิ่งไปอย่างทำอะไรไม่ถูก  คิดไม่ถึงว่าพีทจะรักพี่ชายเขาในแบบอื่น
   
“โรส...” 

คริสเริ่มหวั่นใจเมื่อโรสนิ่งไปเหมือนตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเล่า  เอื้อมมือไปจับไหล่ภรรยาไว้แน่นเหมือนให้กำลังใจ  โรสคงจะไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเพราะเขาเองก็ไม่คิดเหมือนกัน   

ในที่สุดโรสก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาทำให้คริสแปลกใจ

“โอ๊ย  ดีใจจัง”  เธอว่าพลางยิ้มกว้างกว่าเดิม 

‘ทำไมโรสดีใจ??  เขากลุ้มจะแย่แล้ว’


“โรสกับฮั่นก็ไม่เคยมีความลับกันหรอกค่ะ  คุณก็รู้ว่าโรสเป็นผู้หญิงที่เขาสนิทที่สุด”  เธอเอียงหน้ายิ้มให้เขาอย่างจะปลอบ 

“ฮั่นมาสารภาพกับโรสตั้งหลายปีแล้วว่า....” 

“แกรักน้องพีท”   

ใบหน้าของโรสส่งยิ้มประกายสดใสเมื่อได้รู้ว่าพีทก็คิดเช่นเดียวกับลูกชายของเธอ  ถ้าเป็นแบบนั้นฮั่นก็คงไม่ต้องเสียใจอีกแล้วสินะ

‘แต่...คริสล่ะ คริสจะว่ายังไงนะ’

คริสถอนหายใจแผ่วเบา  'โรสก็รู้เรื่องนี้แล้วหรือ?'  เขาอุตส่าห์คิดหนักมาตั้งนานเพราะไม่รู้จะบอกกับโรสอย่างไร
 
กลับกลายเป็นโรสที่แปลกใจแทน

“คริสคะ  ทำไมคุณไม่ตกใจอะไรเลย  คริส...”

“ผมรู้แล้วล่ะ  ฮั่นเขามาบอกผมแล้ว  เขามาขออนุญาต..”

“อะไรนะ!!!!  ว่าไงนะคริส  คุณล้อโรสเล่นใช่ไหม?”   

'ฮั่นน่ะหรือ?' โรสกลับเป็นฝ่ายแปลกใจเมื่อได้รู้ว่าลูกชายไปคุยเรื่องนี้กับคริส   

“เรื่องแบบนี้ล้อเล่นกันได้เหรอโรส  ผมพูดจริง  เขามาพูดกับผมวันที่ผมไปงานแต่งงานของลูกชายคุณโทนี่ที่โรงแรมสาขาใหม่ของเรา”

งานแต่งงานนี้จัดที่โรงแรมสาขาใหม่  เจ้าบ่าวเป็นลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมืองที่คริสเป็นสมาชิกอยู่  และเจ้าสาวก็เป็นลูกสาวของนายทหารระดับสูง  แขกเหรื่อที่มาร่วมงานจึงมีจำนวนมากจนต้องใช้ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ของโรงแรม  โรสไม่ได้มางานนี้ด้วยเพราะต้องไปร่วมงานแต่งงานอีกงานหนึ่ง

ฮั่นใช้เวลาหลังจากงานเลิกแล้วเข้ามาขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว  พวกเขาเดินไปคุยกันในสวนน้ำตกอยู่นานจนดึกดื่น

คริสได้แต่นิ่งเงียบไป  โรสก็เช่นกัน  เขารู้ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันมากทั้งที่ไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ  แต่กลับห่วงใยและคิดถึงกันแม้ว่าจะห่างกันนานถึงสิบปี   

สองคนนั้นต่างก็รักกัน....




“แล้ว เอ่อ  คุณว่าไงคะ” 

โรสถามขึ้นมาในที่สุด  หลังจากเงียบไปครู่  ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความกังวล  'ฮั่นพูดอะไรกับคริสนะ'

คริสไม่มองหน้าเธอเลย  กลับมองไปทางอื่น   แววตาเต็มไปด้วยความหนักใจ  แม้จะรู้ว่าคริสก็รักลูกชายเธอไม่น้อยไปกว่าลูกชายของตัวเอง แต่เธอก็ไม่กล้าคาดหวังว่าคริสจะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้  เธอและฮั่นรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร   คริสคือคนที่พวกเขาเกรงใจเสมอ   ถ้าคริสไม่เห็นด้วย  เธอและฮั่นก็คงต้องยอม  แต่คริสก็รักพีทมากเหมือนกัน  รักและตามใจทุกอย่าง

ถ้าเกิดว่า....

คริสยังคงเงียบ

“คริส”

โรสเอ่ยเสียงเบาด้วยความหวั่นใจ  การที่คริสเงียบไปนานทำให้เธอเครียดมากขึ้นทุกขณะราวกับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์กำลังรอการตัดสินจากศาล คำตัดสินที่จะชี้เป็นชี้ตายให้กับเธอ 

เสียงถอนหายใจแผ่วเบาของคริสทำให้เธอแทบกลั้นหายใจรอคอยคำตอบ

“ก็ลูกชายผมทั้งคู่นี่  ผมจะว่าไงได้ล่ะ” 

คริสพูดอย่างตัดสินใจดีแล้ว  เรื่องนี้เขาก็คิดหนักตั้งแต่พีทบอกเขาเลยทีเดียว

ดวงตาของโรสเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง  ‘คริสพูดจริงหรือนี่!’

“นี่คุณพูดจริงรึเปล่าคะ  ทำไมคุณยอมรับง่ายจัง  ไม่โกรธหรือคะ  ดูสิ  โรสกับฮั่นอุตส่าห์ปิดเป็นความลับเพราะกลัวคุณไม่ยอมรับ   เพราะคิดเสมอว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“ผมไม่อยากให้พีทเป็นเหมือนคุณอา  คุณอาน่าสงสารมาก” 

คริสถอนหายใจอีกครั้งเมื่อนึกถึงคุณฟง

คุณอาเป็นคนที่เขารักเหมือนพ่ออีกคนหนึ่ง  เพราะคุณอาก็ทำหน้าที่แทนพ่อของเขาตั้งแต่พ่อเขาเสียเมื่อเขายังเป็นวัยรุ่น  คุณอาเป็นคนที่ดูแลกิจการแทนพ่อ  ดูแลและรักเขาเหมือนลูก 

เขาเพิ่งรู้สาเหตุที่แท้จริงเมื่อไม่กี่ปีนี่เองว่าเหตุใดคุณอาของเขาถึงครองตัวเป็นโสด  ทำไมคุณอาถึงได้โกรธพ่อของโรสมากจนไม่ยอมให้อภัย

เขาไม่อยากเห็นลูกชายตัวเองต้องมีชีวิตแบบนั้น

“คุณแม่ของโรสก็น่าสงสารเหมือนกัน  เพราะต้องอยู่กับคนที่ไม่เคยรักคุณแม่เลย”   

เสียงของโรสแฝงแววเศร้าเพราะรู้มาตลอดว่าคุณแม่รักคุณพ่อข้างเดียวจนกระทั่งเสียชีวิต  ในขณะที่คุณพ่อรักคุณแม่อย่างเพื่อน   พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างเพื่อนสนิทมากกว่าอยู่กันแบบสามีภรรยา

คริสมองตาโรสอย่างเข้าใจ  พวกเขาหันมาสวมกอดกันไว้  ต่างคนต่างก็ลูบหลังปลอบประโลมอีกฝ่าย  รู้ดีทีเดียวล่ะว่าการต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักนั้นมันเจ็บปวดเพียงใด 

คริสเงียบไปอย่างทบทวนเรื่องราว  เขาลูบผมนุ่มของโรสไปมา

“ตอนที่ได้ยินพีทพูดครั้งแรกว่าแกรักฮั่น  ผมแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่ตกใจมากเท่าที่คิด  หลังจากที่ผมกลับมาคิดทบทวนดู  ผมคิดว่าผมอาจจะมีสังหรณ์ลึก ๆ อยู่ในใจมานานแล้วก็ได้  เพราะผมเคยสงสัยมานานแล้วว่าทำไมพีทถึงได้ติดพี่ชายมาก...”

คริสนึกไปถึงตอนที่ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกตอนพีทอายุเพิ่งสี่ขวบ  หลังจากฮั่นพาพีทไปเล่นรถไฟในสวน   พีทไม่เคยห่างพี่ชายอีกเลย  พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา  วันไหนที่พีทป่วย  ฮั่นก็จะไม่ยอมไปโรงเรียน  อ้อนวอนโรสขออยู่เป็นเพื่อนน้อง  พีทก็ไม่แพ้พี่หรอกเพราะพีทก็จะประท้วงไม่ยอมกินข้าวกินยาถ้าพี่ฮั่นไม่ยอมอยู่เป็นเพื่อนเขา

วันที่ฮั่นต้องไปอังกฤษพีทจึงเสียใจมาก   คริสไม่คาดคิดเหมือนกันว่าพีทจะเสียใจมากมายขนาดนี้  ลูกชายเขาซึมเศร้าอยู่เกือบครึ่งปี   และคนที่ทำให้พีทกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมก็คือฮั่น  ที่ฝากเจ้าแรมโบ้มาให้น้องชาย ฝากกีตาร์มาเป็นของขวัญวันเกิด  ทำให้พีทเลิกซึมเศร้า  กลับไปร่าเริงขึ้น

“....พีทรักฮั่นมากตั้งแต่เล็กแล้ว  แล้วฮั่นก็รักและดูแลพีทมาตั้งแต่แรกที่มาอยู่ที่นี่   ผมไม่คาดคิดเลยว่าทั้งสองคนจะรักและเข้ากันได้ดีขนาดนั้น”   

“ตอนที่ฮั่นตกลงกลับบ้านเพื่อมาดูแลพีท  ตอนที่พวกเรากลับมายืนพร้อมหน้ากันในห้องทำงานผมหลายเดือนก่อน   แม้ว่าพีทจะไม่รู้ว่านี่คือพี่ชายของเขา  แต่ผมก็รู้สึกว่าพวกเรากลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม   คุณก็รู้ว่าผมสบายใจมากขนาดไหน   ผมหมดกังวลทุกสิ่งทุกอย่าง  ตอนนี้ผมรู้แล้ว   ผมคิดว่าผมเข้าใจนะ  โรส...”

มันอาจจะถูกกำหนดไว้แล้วก็ได้ ว่าสองคนนี้ต้องผูกพันกัน

คริสนิ่งเงียบไป  ก่อนจะพูดต่อ

“โรสเชื่อไหม  ผมเคยคิดเสียดายว่าทำไมฮั่นไม่เป็นลูกชายของผมกับคุณ  เขาเป็นคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด ลูกชายคุณสุดยอดมากเลยนะโรส  เขาเป็นดังใจผมทุกอย่าง  ทำงานเก่ง  เฉลียวฉลาด  ซื่อสัตย์   และเป็นพี่ชายที่รักพีทมาก”

“แน่นอนสิคะ ก็คุณปั้นเขามาเองกับมือเลยนี่  จะไม่ได้ดังใจได้ยังไง จริงไหม”  โรสเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้  ซึ่งคริสก็หันมายิ้มให้เธอเช่นกัน  มือเล็ก ๆ ของเธอยกขึ้นลูบแก้มของสามีไว้ด้วยความรัก

“ความจริงทุกอย่างเป็นเพราะผมเองนั่นแหละ  ถ้าผมไม่เกิดนึกอยากเล่นการเมืองตอนนี้ฮั่นก็คงคุมงานอยู่ยุโรป  แต่เป็นเพราะผมที่ทำให้ฮั่นต้องมารับภาระดูแลกิจการแทนทั้งหมดและยังรับดูแลพีทแทนผมด้วย  ผมเองนี่แหละที่ฝากพีทไว้ในมือเขา”

“...คุณจำได้ไหม  ผมยกพีทให้ฮั่นดูแล  ตั้งสองครั้ง”

โรสพยักหน้าอย่างเห็นด้วย   ครั้งแรกตอนที่พีทอยู่ในอันตรายคริสก็ไว้ใจให้ฮั่นดูแลลูกชายของเขา  แม้เมื่อพวกเขากลับมาอยู่บ้านพร้อมหน้ากันแล้วคริสยังคงให้ฮั่นดูแลลูกชายต่อ  โรสได้แต่หวังว่าคริสคงจะอยากให้ฮั่นดูแลน้องชายไปเรื่อย ๆ

“ขอบคุณนะคะคริส  ที่เข้าใจและมั่นใจในตัวฮั่น”  โรสพูดขณะที่มองตรงเข้าไปในดวงตาของสามีอย่างตื้นตัน   คริสเป็นคนที่มีน้ำใจต่อเธอและลูกเหลือเกิน

“สิ่งที่ฮั่นทำก็ไม่แพ้ผมหรอก  อย่าคิดมากสิโรส” คริสยิ้ม จูบลงบนผมนุ่มนั้นด้วยความรัก

“อีกอย่าง  ถึงแม้ผมจะไม่ยอมผมก็คงห้ามเขาไม่ได้หรอก  คุณไม่ได้เห็นแววตาของฮั่นตอนที่บอกผม  ผมรู้ทันทีเลยว่าถึงแม้ผมจะไม่ยอม  เขาก็คงไม่สนใจ  เพราะเขารักพีทเหลือเกิน”

คริสรู้จักฮั่นดีพอ ๆ กับตัวเอง  แววตาแบบนั้น  มีแต่ความจริงและความดื้อรั้นในแบบของเขา  แววตาที่ฉายชัดว่าไม่มีใครหยุดความต้องการของเขาได้  นอกจากเขาจะหยุดตัวเอง

ลมหนาวกลางเดือนธันวาคมพัดมากระทบหน้าต่างกระจก  แต่ในห้องนอนใหญ่นั้นมีแต่ความอบอุ่นจากความรักและความเข้าใจกันของคนสองคน  โรสรู้สึกยินดีที่ได้รู้ว่าต่อจากนี้ไปเธอจะไม่มีสิ่งใดให้กังวลอีกแล้ว  ชีวิตเธอไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากอยากให้ลูกมีความสุข

“ผมนึกออกแล้ว”  คริสพูดขณะวางคางตัวเองบนผมนุ่มของภรรยา

“เรื่องอะไรคะ” 

“เราหมดหวังกับฮั่นกับพีทแล้วเรื่องทายาท” 

โรสอยู่ในอ้อมกอดของสามีจึงไม่ได้เห็นแววตาซุกซนของเขา

“เราก็มาสร้างทายาทกันใหม่เถอะ ดีไหม  ลูกของเราไง”   

น้ำเสียงของคริสแผ่วลง   กระแสเสียงเจือด้วยความปรารถนาเมื่อคิดถึงบางสิ่งที่เขากับโรสห่างหายไปนาน  เสน่ห์หาของกุหลาบงาม  กลิ่นหอมบางเบาที่ตราตรึงหัวใจ  ความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างเขากับผู้หญิงที่เขารักเพียงคนเดียวในชีวิต 

“ไหวหรือคะ”  โรสเงยหน้าขึ้นสบตาคริส  มีแววล้อเลียนอยู่ในดวงตาคู่งาม

“แน่ะ  ดูถูกผมหรือ  ลองดูก่อนไหมล่ะ”  คริสยิ้มแฝงความนัย   

เสียงโรสหัวเราะคิกอย่างนึกสนุกที่อยู่ดี ๆ คริสก็ลุกขึ้นมาชวนเธอมีลูก  เธอต้องบอกให้คริสรู้ว่ามันไม่ง่ายเหมือนตอนสาว ๆ หรอก  เพราะตอนนี้พวกเขาอายุมากกันแล้ว 

แต่ตอนนี้ปากเธอไม่ว่าง...



-----------------------------------

ตอนหน้าเรามาย้อนความหลังกันนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่า

 :mew1:



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด