วันที่ 43 Theif’s Part
หลังจากได้ทบทวนอะไรหลายๆ อย่างวันนี้ทำให้ผมตัดสินใจมาเรียน และมาเผชิญหน้ากับทุกคน แม้ผมคิดว่าจะยกโทษให้ทุกคน แต่ก็คงต้องคิดบัญชีเรียงตัวกับพวกมันซะหน่อย
หลายๆ คนอาจคิดว่าทำไมผมจะยกโทษให้พวกมันง่ายๆ ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมกับพวกมันคบกันมานาน และก็คิดว่าพวกมันจริงใจกับผมมากพอ ที่จะไม่ได้ทำลงไปเพราะนึกสนุกเฉยๆ ซึ่งมันอาจจะมีความสนุกสนานปนอยู่ในนั้น แต่คงมีความหวังดีอยู่บ้าง ก็ได้แต่คิดแบบนั้นอ่ะนะ
“พวกกูไม่มีคำแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น”ไอ้การ์ดเป็นคนเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกในตอนที่ผมเดินมาถึงโต๊ะหินอ่อนตัวประจำที่กลุ่มเรามักมารวมตัวกันในตอนเช้าแบบนี้ แต่ตอนนี้อีกคนที่ผมไม่ได้เจอมาหลายวัน ยังไม่มา
“พวกมึงเลวมากที่เอาความรู้สึกกูมาเล่นแบบนี้”ผมแกล้งทำเสียงเครียดเพราะนึกอยากแกล้งพวกมันบ้าง ให้รู้ซะบ้างว่าอย่ามาเล่นแบบนี้อีก
“กูขอโทษมึงจริงๆว่ะตี๊ฟ กูทำไปเพราะหวังดีจริงๆ นะโว๊ย จะให้พวกกูทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ”โอ้โหได้ผลเกินคาดตอนนี้พวกเพื่อนๆ หน้าซีดกันเป็นแถวเลย ที่เห็นผมอยู่ในโหมดซีเรียสอย่างตอนนี้
“หวังดีงั้นเหรอ แล้วพวกมึงถามกูสักคำไหมว่าอยากได้ความหวังดีนี้หรือเปล่า”หน้าเจื่อนกันเป็นแถบเลยครับ
“มึงอย่าโกรธพวกมันเลย ถ้าโกรธก็โกรธกูคนเดียวเถอะ กูเป็นคนต้นคิดเองแหละ อีกอย่างจริงๆ ไอ้เชษฐ์เองมันก็ไม่อยากทำแบบนี้นะ เรื่องทั้งหมดมันเพราะกูเองแหละ ถ้าจะมีใครผิดในเรื่องนี้ก็กูนี่แหละ”โหตั้งแต่คบกันมาเพิ่งเคยเห็นไอ้การ์ดจ๋อยขนาดนี้ ผมล้วงหยิบมือถือในกระเป๋าพร้อมกับยกขึ้นถ่ายหน้าจ๋อยๆ ของมันไว้ สร้างความประหลาดใจให้เพื่อนๆ ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมยังทำหน้านิ่งๆ พร้อมกับหันหลังให้พวกมันกะว่าจะแกล้งเดินหนีอีกนิดนึง ถ้าพวกมันตามมาขอโทษก็จะเลิกแกล้งแล้ว แต่พอหันหลังจากที่ตั้งใจจะอมยิ้มก็ต้องหุบทันที
“แหม๋ว”หญิงสาวที่ผมไม่คิดว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากันที่นี่ จริงๆ ผมแทบจะลืมเธอไปแล้ว และเกือบจะลืมไปแล้วว่าเธอเคยเป็นแฟนกับไอ้เชษฐ์
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”เธอยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แม้จะงงๆ กับปฏิกิริยาของแหม๋ว แต่จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันของเรามันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ แหม๋วรู้ว่าผมกับเชษฐ์เล่นเกม แต่แหม๋วไม่รู้ว่าพวกนี้มันหลอกผม หรือตอนนี้แหม๋วคิดจะกลับมาคบไอ้เชษฐ์งั้นเหรอ
“มีอะไรหรือเปล่า”จากที่เมื่อกี้สนุกกกับการแกล้งพวกไอ้การ์ด แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าผมเองเสียแล้วมั้งที่หน้าซีด หน้าเจื่อน ผมกำลังกลัว กลัวว่าแหม๋วจะมาทวงไอ้เชษฐ์คืน
“เราจะมาขอโทษตี๊ฟ”
“ห่ะ”งงสิครับอยู่ๆ จะมาขอโทษอะไรผม
“เราเป็นส่วนหนึ่งของแผน”
“อะไรนะ”สมองน้อยๆ ของผมเริ่มประมวลผล ส่วนหนึ่งของแผน ส่วนหนึ่งของแผน ส่วนหนึ่งของแผน หมายความว่ายังไงกัน ผมค่อยๆ หันกลับไปมองพวกเพื่อนตัวดีที่อยู่หลังผม ทุกคนได้แต่พยักหน้ารับ
“เรากับเชษฐ์เป็นแค่เพื่อนกันตั้งแต่ต้น เราแค่แกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ”เดี๋ยวนะ แกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ แต่เท่าที่ผมจำได้แหม๋วกับเชษฐ์เป็นแฟนกันมาตั้งแต่เรียนปี 2 แล้วนี่ก็ปี 4 แล้ว มีเหตุผลอะไรที่ต้องลงทุนทำขนาดนี้
“อย่าโกรธเชษฐ์เลยนะ รายนั้นนะเค้ารักจริงหวังแต่ง ส่วนคนนี้แม้จะเจ้าวางแผนไปหน่อย แต่ก็ทำไปเพราะหวังดีนั่นแหละ อย่าโกรธแฟนเราเลย”แฟน เหรอ แหม๋วเดินไปคล้องแขนไอ้การ์ดแล้วบอกว่าแฟน นี่มันอะไรกัน สรุปพวกนี้มันขบวนการต้มตุ๋นแล้วมั้งเนี่ย
แค่บอกว่าแหม๋วเป็นแฟนหลอกๆ ของไอ้เชษฐ์นี่ผมก็เซอร์ไพรส์มากแล้วนะ แต่บอกว่าแหม๋วเป็นแฟนไอ้การ์ดเนี่ย เค้าเอาเวลาไปคบกันตอนไหน ใครก็ได้ตบหน้าผมทีว่านี่ผมฝันไป
“เฮ้อ โล่งอกสักที ต่อไปนี้ชั้นจะได้มีแฟนอย่างเปิดเผยสักที”แหม๋วทำเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ผมนี่สิ เซอร์ไพรส์มาก ตั้งตัวไม่ทัน
“มีอะไรที่กูยังไม่รู้อีกไหม”ผมนั่งลงกุมขมับที่โต๊ะหินอ่อน
“พวกกูรักมึง และพวกกูขอโทษ ยกโทษให้พวกกูได้ไหมว่ะเพื่อน”ซ้อมกันนานไหมเนี่ยกว่าจะพูดพร้อมเพรียงกันได้ขนาดนี้
“ตอบกูหน่อยว่าทำแบบนี้ทำไม”ผมถามพร้อมกับมองหน้าพวกมันทีละคน
“ก็อยากเห็นมึงมีผัว...โอ๊ย เจ็บนะที่รัก”เสียงไอ้การ์ดขาดไปเพราะโดนแหม๋วที่อยู่ข้างๆ หยิกเข้าให้
“คืองี้นะตี๊ฟ พวกกูทุกคนเนี่ยเห็นมึงคบใครแต่ละคน มันไม่ได้จริงใจกับมึงเลย แล้วพอพวกกูรู้ว่ามีคนดีๆ อย่างไอ้เชษฐ์ที่แอบชอบมึง”
“ไอ้เชษฐ์แอบชอบกู”เซอร์ไพรส์อีกหนึ่งเรื่องครับวันนี้ อันที่จริงจากข้อความเสียงของไอ้เชษฐ์มันก็บอกเป็นนัยๆว่าชอบผมมาก่อนที่จะเริ่มเกมครั้งนี้ ว่าแต่แล้วพวกนี้รู้เรื่องได้ยังไง
“เออนั่นแหละ พวกกูเลยช่วยกันให้มึงได้สมหวังเพราะเชษฐ์มันรักมึงจริงๆ”
“แล้วทำไมไม่มาบอกกูตรงๆ หรือเข้ามาจีบกูแบบปกติ”ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแหละครับว่าถ้าไอ้เชษฐ์มันชอบผมจริงๆ ทำไมไม่มาจีบผมตรงๆ
“เพราะมึงไม่เคยมองกูในฐานะที่มากกว่าเพื่อนไง”เสียงอีกคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่โดยที่เพื่อนๆ หลีกทางให้มายืนตรงหน้าผม
“และกูกลัวจะเสียมึงไป ไม่กล้าจีบ ไม่กล้าบอกรัก อย่างน้อยยังมีมึงอยู่ข้างๆ ในฐานะเพื่อนกูก็ยังพอมีความสุขอยู่บ้าง”
“งั้นถ้ากูอยากกลับไปเป็นเพื่อนกับมึง มึงก็ยินดีใช่ไหม”ผมลองเชิงถามออกไป อยากรู้ว่าตอนนี้มันจะยังอยากคบผมต่อในฐานะอะไร
“ไม่”
“ทำไม”
“กูอยากได้เมียไม่ได้อยากได้เพื่อน”
“ไอ้เชี่ย”ผมตะโกนใส่หน้ามัน ไม่ได้คิดว่ากูจะอายเลยใช่ไหมนั่นดูพูดเข้า จากตอนแรกกะจะมายกโทษให้พวกมัน ตอนนี้ชักอยากจะเปลี่ยนใจแล้วครับ เพราะไอ้บรรดาเพื่อนๆ คนอื่นก็เป่าปากวี๊ดวิ้วกันออกนอกหน้าเหลือเกิน
“เอ้าๆ ถ้าจะเขินขนาดนี้ เดี๋ยวพวกกูปล่อยให้เคลียร์กันลำพังก็ได้ แต่มึงบอกมาก่อนว่ายกโทษให้พวกกูแล้วไอ้ตี๊ฟ”ไอ้การ์ดหัวหน้าทีมต้มตุ๋นเข้ามาแย่งซีน ไอ้คนที่ทำให้ผมเขิน
“เออ กูยกโทษ แต่ยังไม่หายโกรธ เดี๋ยวกูจะคิดบัญชีเรียงตัวเลยพวกมึง”ผมชี้คาดโทษพวกมันทุกคนไว้
“กลัวจังเลย กลัวจังเลย พวกเรารีบไปเหอะให้ผัวเมียเค้าจะปรับความเข้าใจกัน”
“ฮิ้ววววว”ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึง อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน
“ยกโทษให้พวกมันแล้ว ก็แสดงว่ายกโทษให้กูด้วยใช่ไหม”ยกโทษให้ดีไหมเนี่ยก็ดูหน้ามันสิครับ ยิ้มระรื่นขนาดนี้ มันสำนึกจริงๆ หรือเปล่าว่าตัวเองทำผิดเนี่ย
“ไม่ต้องมาจับมือเลย กฎของน้าชาจำไม่ได้เหรอว่าเราจะไม่มีอะไรกันจนกว่าจะจบเกม”นั่นแหละครับคำตอบของผม ซึ่งไอ้เชษฐ์ก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว
“น้ากูไม่ได้ห้ามจับมือนะ หอมแก้มก็ไม่ได้ห้าม จูบก็ไม่ได้ห้าม สักหน่อยไหม ไม่ได้เจอกันหลายวันคิดถึง”ไม่พูดเปล่าครับโน้มหน้าเข้ามาผม จนผมต้องรีบผลักออก ก็นี่มันที่ไหนกันเล่า จะมาทำรุ่มร่ามอะไรแถวนี้
“พอเลยๆ กูยังไม่หายโกรธนะ”ผมว่าอย่างเคืองๆ
“ไม่เป็นไร กูยินดีง้อมึงไปตลอดชีวิตเลย”ชักจะสงสัยจริงๆ แล้วว่ามันสลดสักนิดไหม มันลืมไปหรือเปล่าว่าผมโกรธมันอยู่จริงๆ ดูทำหน้าเข้า เจ้าเล่ห์ได้อีก
“อ่ะของขวัญวันเกิดย้อนหลัง แล้วเจอกันที่คลาสนะ”ผมยื่นของที่เตรียมมาให้มันก่อนจะรีบวิ่งขึ้นตึกเรียน
ดีกันแล้วใช่ไหมนิ
ช่วงนี้อาจจะยุ่งๆ หน่อย จะพยายามมาต่อบ่อยๆ
แต่อาจจะไม่ได้มาทุกวันเหมือนแต่ก่อนนะคร๊าบบบบ