เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้
ศิลปิน พลพล
“พี่โอบยังใจแข็งอยู่อีกเหรอ” นกฮูกเห็นหนูด้วงถอนหายใจเป็นรอบที่สิบจึงอดถามออกไปไม่ได้
“อือ พี่โอบบอกว่าถึงจะต้องการเราแค่ไหนแต่ก็รับปากยุงเอาไว้ แล้วนกฮูกคิดดูนะ ถึงยุงจะใจดีกับเรา แต่ยุงก็เข้มงวดกับพี่โอบ ถ้ายุงไม่ยอมให้พี่โอบทำอะไร พี่โอบก็คงไม่จัดหนักเราแน่”
“ถามจริงๆ นะ ทำไมถึงอยากให้พี่โอบจัดหนัก คือ...หนูด้วง ต้องการมากเหรอ ไม่กลัวเจ็บเหรอ” คราวนี้นกฮูกกระซิบถามเบาๆ
“กลัว”
“อ้าว”
“จริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออยากให้พี่โอบมีความสุข คนรักกันมันก็ทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” หนูด้วงกระซิบถามนกฮูกบ้าง ซึ่งฝ่ายที่ถูกถามนั่งนิ่งไปนานก่อนจะตอบ
“บางทีแค่เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้คนมีความสุขเสมอไปหรอก แล้วมันก็ไม่ใช่คำตอบของความรักด้วย”
“นกฮูกเคยมีอะไรกับพี่ป้ายไหม”
“นะ นะ หนูด้วง!” นกฮูกผงะถอยหลังจนเกือบตกเก้าอี้เมื่อถูกเพื่อนสนิทถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ตกใจแรงแบบนี้มีแน่ๆ เลย”
“นี่เราคุยเรื่องหนูด้วงกับพี่โอบอยู่นะ” นกฮูกโวยวายเมื่อจู่ๆ หัวข้อที่คุยดันกลายมาเป็นเรื่องของตัวเองเสียอย่างนั้น
“มันเจ็บไหม” หนูด้วงดึงนกฮูกให้กลับมานั่งใกล้ๆ แบบเดิมก่อนจะถามถึงสิ่งที่อยากรู้ต่อ
“ไม่”
“ไม่เจ็บเหรอ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น!” นกฮูกหน้าแดงจนคิดว่าถ้าหนูด้วงยังถามตรงๆ แบบนี้ต่อ มีหวังความอายคงได้แผดเผาใบหน้าของตัวเองแน่ๆ
“ถามนกฮูกไม่สนุกเลย สู้ถามอาน้องก็ไม่ได้”
“นี่...เรื่องแบบนี้มันพูดว่าสนุกง่ายๆ ได้ด้วยเหรอ”
“ถ้าไม่สนุกทำไมใครๆ ก็ชอบทำกัน”
“โอ้ย เราจะบ้าตาย ไปอ่านหนังสือในห้องสมุดดีกว่า” นกฮูกก็รู้ว่าหนูด้วงเป็นคนขี้สงสัยมาตั้งแต่เด็กๆ แต่จะสงสัยทุกเรื่องแบบนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะสงสัยแล้วมาซักไซ้เอากับเขา
“อ้าว หนีเราไปเฉยเลย แล้วเราจะถามใคร” หนูด้วงเห็นนกฮูกเดินหนีไปก็ถอนหายใจอีกรอบ จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทอีกคนเดินมาก็ดีใจที่ไม่ต้องเหงา “อ๊ะ! สิงโตมาพอดีเลย ทางนี้สิงโต” หนูด้วงโบกมือเรียก
“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว” สิงโตวางกระเป๋าลงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงกันข้ามกับหนูด้วง
“ไปเรียนกันหมด เราไม่มีเรียนแล้ว อาจารย์ยกคลาสอะ แต่ขี้เกียจกลับหอ สิงโตล่ะ มีเรียนอีกรึเปล่า”
“ไม่มีแล้ว ไปหาอะไรกินกันไหม”
“เอาสิ”
“ไปกินข้างนอกดีกว่า เบื่อข้าวในมอ”
“แล้วสิงโตอยากไปกินที่ไหน”
“ไปตลาดกัน”
“ก็ได้ก็ได้ เราขอไลน์บอกพี่โอบก่อนนะ” หนูด้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ สักพักถึงเงยหน้ามายิ้มให้สิงโต “ไปได้ พี่โอบไม่หึง”
‘น่ารักไม่เปลี่ยน’ สิงโตแค่คิดแต่ไม่ได้พูดออกไป ทำได้แค่อมยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วยีผมของหนูด้วงเบาๆ
......
ยานพาหนะที่พาทั้งสองคนไปที่ตลาดไม่ใช่รถหรูของสิงโต หากแต่เป็นรถตุ๊กตุ๊กที่เสียงท่อไอเสียดังจนผู้โดยสารทั้งสองต้องตะโกนคุยแข่งกับเสียงของมัน
“รถดีๆ มีไม่ชอบนะเจ้าหนูอะได” สิงโตบ่นคนตัวเล็กกว่า
“มันไม่ได้อรรถรส นั่งแบบนี้รับลมธรรมชาติ เห็นวิวสองข้างทางชัด แถมยังได้กลิ่นทะเลด้วย ลองดมสิ” หนูด้วงชี้ชวน
“ไม่เห็นจะได้กลิ่นทะเล มีแต่กลิ่นหอมของหนูด้วงมากกว่าอีก” สิงโตพูดเบาๆ
“อะไรนะ” หนูด้วงตะโกนถามเพราะไม่ได้ยิน
“ไม่มีอะไร” สิงโตตอบเพราะไม่อยากให้หนูด้วงอึดอัดใจ เขาบอกกับฝ่ายนั้นไปแล้วว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ถึงจะบอกกับตัวเองว่าไม่ควรคิดอะไร แต่การหลงรักใครสักคนมาตั้งสิบกว่าปี มันไม่ใช่เรื่องที่จะตัดใจได้ง่ายๆ
“ชวนพี่ตะโก้มากินข้าวด้วยกันไหม”
“เขาไม่อยู่หรอก เห็นว่าเข้าตัวเมือง”
“เสียดายจัง” หนูด้วงทำหน้าเสียดายจนสิงโตเห็นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
ทีแรกสิงโตก็คิดว่าจะชวนตะโก้มาด้วย แต่มาคิดอีกทีเขาก็อยากไปกินข้าวกับหนูด้วงตามลำพังบ้าง อยากมีเวลาได้ใกล้ชิดกับหนูด้วงให้มากอีกสักหน่อย เพราะจากนี้ไปโอกาสแบบนี้คงไม่ได้มีมาบ่อยๆ เขาเลยต้องโกหกหนูด้วงไปว่าตะโก้ไม่อยู่ รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันแต่ก็อยากทำอะไรตามใจตัวเองสักวัน
เพราะเมื่อคืนนอนน้อย สาเหตุก็เพราะมัวแต่ยั่วพี่โอบจนโดนจัดการแบบเบาๆ ไปสามสี่รอบ เมื่อมานั่งรถให้ลมปะทะใบหน้าเข้าความง่วงจึงก่อตัวขึ้นช้าๆ จากที่ชวนสิงโตคุยไม่หยุดปาก ตอนนี้หนูด้วงก็เริ่มปรือปรอยแทบฝืนลืมตาไม่อยู่ ร่างกายเริ่มโอนเอนไปมา สัปหงกอยู่หลายรอบ สุดท้ายความง่วงก็ชนะ หนูด้วงเผลอหลับไปจนได้
สิงโตเห็นว่าเพื่อนรักนั่งเงียบไปจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นหลับไปแล้วก็นึกขำ จังหวะนั้นศีรษะของหนูด้วงเอนไปจนเกือบจะชนด้ามเหล็กที่ยึดตัวรถกับหลังคา มือหนารีบเอื้อมไปกันเอาไว้เพื่อไม่ให้ศีรษะของหนูด้วงกระแทกกับของแข็งนั่น
“ขับช้าๆ หน่อยพี่” สิงโตบอกคนขับรถตุ๊กตุ๊ก
เมื่อรถชะลอความเร็วลง สิงโตก็ดันศีรษะของหนูด้วงให้เอนมาทางตัวเองเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตกรถ แต่แล้วคนตัวเล็กกว่า กลับเอนตัวลงนอน สิงโตต้องรีบขยับลงไปนั่งกับพื้นแล้วใช้มือรองศีรษะอีกฝ่ายแทนหมอนเพื่อให้หนูด้วงนอนได้สบายขึ้น
“แฟนเหรอน้อง เอาใจน่าดู” คนขับตุ๊กตุ๊กมองผ่านกระจกส่องหลังก่อนจะเอ่ยแซว
“เพื่อนครับ”
“ทำดีด้วยแบบนี้อีกหน่อยก็ได้เป็นแฟน ไม่ต้องอายพี่หรอก สมัยนี้เขารับได้กันหมดแล้ว”
“ความรักไม่ใช่รางวัลของการทำดี มีคนเคยบอกไว้ พี่เคยได้ยินไหม” สิงโตพูดเบาๆ ได้เพราะรถชะลอความเร็วลงแล้ว ที่สำคัญเขาไม่อยากให้หนูด้วงตื่น
“เอาน่า อย่าถอดใจ พี่ยังเชื่อว่าความรักแพ้ความดี”
“ผมเจอคนที่ต้องดูแลแล้วครับ”
“เหรอ แล้วรักคนนั้นรึเปล่า”
“คิดว่า..”
“คิดว่ารักเหรอ งั้นอย่ารักเลย ความรักไม่ต้องคิดแค่รู้สึก จะทำเขาเจ็บเปล่าๆ เราเจ็บเพราะแอบรักคนที่รักไม่ได้ ยังดีกว่าไปทำคนอื่นเจ็บเพราะคิดว่าจะรักเขาได้นะน้อง ไม่มีใครอยากเป็นตัวแทนใครหรอก”
“ผมอาจจะเป็นตัวแทนใครบางคนสำหรับเขาก็ได้”
“เขาร้องขอหรือทำให้น้องรู้สึกว่าเป็นตัวแทนใครบางคนเหรอ”
“เปล่าครับ ผมอาสาเอง”
“งั้นยิ่งไม่สมควรเพราะเขาไม่ได้ต้องการ ที่ตรงนั้นของเขาอาจจะไม่มีใครแทนได้ จะเจ็บทั้งสองคนนะ คนที่รู้ว่ารักใครไม่ได้กับคนที่ไม่รู้ว่าจะรักใครมาเจอกัน พังสิน้อง”
สิงโตไม่ได้ตอบ ได้แต่คิดว่าพี่คนขับรถตุ๊กตุ๊กคันนี้ไม่ธรรมดา ทั้งความคิดหรือคำพูดคำจาให้ข้อคิดอะไรเขาได้หลายอย่าง แถมหน้าตาท่าทางของพี่เขาก็ดูดีจนไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นแค่คนขับรถรับจ้าง เขาไม่ได้ดูถูกว่าคนทำอาชีพนี้จะต้องดูไม่ดี เพียงแต่พี่คนนี้ดูดีจนผิดสังเกตจริงๆ เขาเลิกสนใจเรื่องคนขับรถตุ๊กตุ๊ก แล้วหันไปมองคนที่หลับสนิทอยู่ด้วยความรู้สึกยากเกินบรรยาย สุดท้ายเมื่อรู้แก่ใจว่าทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอยู่ในสถานะเพื่อนจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาแทน
เมื่อมาถึงตลาดแล้วสิงโตถึงได้ปลุกหนูด้วง อีกฝ่ายลุกขึ้นมานั่งขยี้หูขยี้ตาแล้วทำหน้ามุ่ยแต่ยังไม่ยอมลงจากรถ สิงโตก็ไม่กล้าเซ้าซี้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิด ยืนรอจนกระทั่งหนูด้วงหายจากอาการสะลึมสะลือแล้วเจ้าตัวถึงได้ยอมลงมา เขาจ่ายค่ารถเพิ่มให้เป็นค่าเสียเวลารอ แต่พี่คนขับรับมาเท่าที่บอกราคาเอาไว้ตั้งแต่แรก เมื่อได้รับค่าจ้างแล้วพี่เขาก็ขับออกไป
“กินอะไรดี” สิงโตถาม
“น่ากินไปหมดเลย” เมื่อเจอของกินเข้าคนขี้เซาก็ตาสว่างขึ้นทันที
“อนุญาตให้กินเต็มที่ เราเลี้ยงเอง”
“เราก็อยากกินทุกร้านนะ แต่เราอ้วนขึ้นเยอะเลย เมื่อวานนี้พี่โอบบีบพุงเราเล่นด้วย”
“มีพุงด้วยเหรอ ไหนดูสิ” สิงโตแกล้งทำท่าจะเปิดเสื้อของอีกฝ่ายแต่โดนเจ้าของเสื้อฟาดที่มือเข้าก่อน หนูด้วงไม่ใช่คนอ้วน แต่ก็ไม่ได้ผอมบางเหมือนตะโก้ รายนั้นผอมบางจนเขากลัวว่าจะปลิวไปตามลม
“กินส้มตำนะ” หนูด้วงตัดสินใจเลือกร้านได้ในที่สุด
“ได้ครับคุณหนูด้วง”
สิงโตนึกขำคนบ่นว่าอ้วนแต่ดันสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะอย่างกับว่ามีคนกินสักห้าหกคนได้ แต่สิงโตไม่ได้แปลกใจเพราะที่ผ่านมาหนูด้วงก็สั่งแบบนี้ทุกที และภาระหนักที่ต้องกินทุกอย่างให้หมดก็ตกที่เขาทุกทีเหมือนกัน
“มองเราอยู่ได้ เดี๋ยวกินไม่ทันเรานะ” หนูด้วงจิ้มน่องไก่ย่างแล้วยื่นให้สิงโต
“โอ้โห เสียสละน่องไก่ให้เราเลยเหรอ” เพราะปกติแล้วหนูด้วงชอบกินน่องไก่ย่างมาก ถ้าไปกินส้มตำกันเมื่อไหร่เป็นต้องแย่งส่วนนี้ก่อนทุกที
“ก็หมดแล้วสั่งใหม่ได้ สิงโตเลี้ยงไง เราจำได้ว่าสิงโตรวย” หนูด้วงยิ้มก่อนจะยักไหล่ไปมาเพราะว่าได้กินของอร่อยถูกใจ
“ใช่เรารวย แต่น้อยกว่าหนูด้วงเยอะ ไหนจะมรดกคุณปู่อนันต์ ไหนจะของแด๊ดดี้มีคุณ ของมัมนับตังค์ โดยเฉพาะมรดกของยุงพญานี่ก็นับไม่ไหวแล้ว”
“เราไม่อยากได้มรดก”
“แปลก ส่วนใหญ่มีแต่คนอยากได้กันทั้งนั้น”
“เราไม่อยาก เพราะเราไม่อยากให้ใครจากเราไปไหนอีกแล้ว เรายอมเป็นคนจนมีแต่ตัวแล้วเกาะทุกคนกินดีกว่า”
สิงโตได้ยินแล้วก็อึ้งไป เขาลืมนึกไปว่าหนูด้วงเปราะบางเรื่องครอบครัว ถึงจะรู้ว่าทุกวันนี้หนูด้วงมีครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ แต่ถึงยังไงก็ไม่มีใครอยากถูกพรากจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดทั้งนั้น หลายคนอาจจะคิดว่าหนูด้วงไม่ใช่คนที่ซับซ้อน มีอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมด แต่สิงโตคิดว่าในรอยยิ้มที่ร่าเริงของอีกฝ่ายอาจจะซ่อนอะไรในใจเอาไว้ก็เป็นได้
“กลัวเสียเราไปด้วยใช่ไหม” สิงโตถาม
“ก็ใช่น่ะสิ”
“เราจะไม่ไปไหนหรอก” สิงโตยิ้มให้หนูด้วง
“ถ้าจะต้องไปกับคนที่สิงโตรักก็ไปได้ แต่ต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าทำให้เราห่วง”
“ครับคุณหนู”
“เปลี่ยนใจแล้ว เอาน่องไก่คืนมา”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ”
“ก็ไม่ยอมกินสักที ของอร่อยต้องรีบกิน”
ทั้งคู่นั่งเถียงเรื่องน่องไก่กันโดยไม่ทันสังเกตว่ามีพนักงานในร้านส้มตำคนหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่ โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินสิงโตพูดว่าหนูด้วงคือทายาทของพญายิ่งเรียกความสนใจให้ฝ่ายนั้นเป็นอย่างมาก
“พี่ครับ แถวนี้มีห้องว่างให้เช่าบ้างไหมครับ เป็นบ้านก็ได้” หนูด้วงถามพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งมาถาม
“หนูด้วงจะเช่าไปทำไม”
“เผื่อหนีออกจากบ้านไง” หนูด้วงพูดติดตลก
“มีครับ มีบ้านว่างให้เช่าอยู่ท้ายซอย” พนักงานคนที่มองหนูด้วงเมื่อครู่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาตอบ
“ขอบคุณมากครับ” หนูด้วงกล่าวขอบคุณก่อนจะหันมาพูดกับสิงโต “เดี๋ยวเข้าไปดูกันนะ”
“เอาจริงเหรอ” สิงโตคิดว่าหนูด้วงพูดเล่น
“สิงโตรีบไปไหนรึเปล่า”
“เปล่า”
“งั้นรีบกินจะได้ไปดูกัน”
“ผมพาไปได้นะ” พนักงานที่แนะนำบ้านเช่ารีบอาสา
“พี่สามารถ ยังไม่เลิกงานเลยนะ พี่จะไปได้ไง” พนักงานเสิร์ฟท้วงติงพนักงานรุ่นพี่
“เถ้าแก่ไม่รู้หรอก พาคุณหนูสองคนนี้ไปแป๊บเดียว”
“ไม่ต้องหรอกครับ เราไปกันได้ ไม่รบกวน” สิงโตตัดบทเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจคนที่ชื่อสามารถ
“ไม่รบกวนหรอกครับ” สามารถก็เริ่มไม่ชอบหน้าสิงโตอยู่เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราไปกันเองดีกว่า” หนูด้วงเห็นสิงโตเริ่มหงุดหงิดเลยเป็นฝ่ายปฏิเสธอีกรอบ
“งั้นก็ตามใจครับ” สามารถพยายามข่มอารมณ์ หันมายิ้มให้หนูด้วงก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ
“ไม่น่าไว้ใจ” สิงโตพูดกับหนูด้วงหลังจากที่สามารถเดินออกไปไกลแล้ว
“อาจจะเป็นลูกน้องของยุงก็ได้”
“เออ ก็จริงนะ หรือจะให้เขาพาไป” สิงโตลืมนึกไปว่ายุงพญาส่งลูกน้องมาคอยดูแลหนูด้วงหลายคน
“ไม่เอา เราไม่อยากให้ยุงรู้”
“ทำไม”
“สิงโตมาดูมาดู เราจะกินขนมจีนแบบดูดเส้นรวดเดียวเลย” หนูด้วงไม่ยอมตอบแต่ดูดเส้นขนมจีนในจานส้มตำให้สิงโตดูแทน ส่วนสิงโตเห็นความทะเล้นของหนูด้วงจึงลืมเค้นเอาคำตอบที่สงสัยไปเช่นกัน
......
ทั้งสองคนกลับมาถึงมหาวิทยาลัยพร้อมกับซื้อของกินมาฝากเพื่อนเต็มไม้เต็มมือ เม่นโอดครวญที่เพื่อนทั้งสองคนไปเที่ยวตลาดโดยไม่ยอมรอตัวเอง แต่เมื่อเห็นลูกชิ้นปลาทอดของโปรดที่หนูด้วงซื้อมาฝากจึงหยุดคร่ำครวญ นอกจากสมาชิกในกลุ่ม The zoo แล้ว หนูด้วงยังโทรชวนแก้วเพื่อนร่วมคณะมากินด้วยกัน
ทุกคนในกลุ่มเริ่มคุ้นเคยกับแก้ว ยิ่งรู้ว่าแก้วคือเพื่อนคนเดียวที่คอยช่วยเหลือหนูด้วงทุกคนจึงแสดงความเป็นมิตรด้วย แก้วทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มคนดังของมหา’ลัย โดยเฉพาะสิงโตที่คนส่วนใหญ่คาดว่าจะได้เป็นถึงเดือนของมหา’ลัย ซ้ำยังเป็นคนที่เข้าถึงยากมากๆ อีกด้วย
“มาด้วยกันได้ไง” หนูด้วงเห็นว่านกฮูกเดินเข้ามาพร้อมกับตะโก้พอดีจึงเอ่ยทัก
“เจอกันที่ลานดาวพอดี” นกฮูกเป็นคนตอบ
“ไปเที่ยวในเมืองมาเหรอฮะพี่โก้” หนูด้วงถามต่อ
คนถูกถามมองไปทางสิงโตที่ยืนหน้าเสียอยู่ ก่อนจะหันกลับไปพยักหน้าให้หนูด้วง หนูด้วงรีบดึงมือของตะโก้มานั่งข้างตัวเองก่อนจะยื่นถุงทอดมันปลากรายให้
“สิงโตบอกว่าพี่โก้ชอบทาน หนูเลยซื้อมาฝาก ยังร้อนอยู่เลยฮะ”
“ขอบคุณนะ” ตะโก้ยิ้มบางๆ ให้หนูด้วงก่อนจะมองไปทางสิงโตอีกครั้ง
“ไปคุยกันหน่อย” สิงโตตัดสินใจคว้าข้อมือของตะโก้ให้ลุกขึ้น ก่อนจะออกแรงดึงอีกฝ่ายให้เดินตามออกไป
“มีอะไร ทำไมดูแปลกๆ” นกฮูกมองตามไปก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“หรือพี่โก้จะงอนที่สิงโตไปกับหนูด้วง” น้องเกลเดา
“เราว่าพี่โก้ไม่ใช่คนขี้หึงนะ แต่ถ้าคนนั้นอะ...ใช่” นกฮูกคิดต่างจากน้องเกลก่อนจะบุ้ยใบ้ไปยังคนที่กำลังจะเดินเข้ามา
“พี่นโม หนูอยู่ตรงนี้ คิดถึงหนูไหม” หนูด้วงโบกมือให้อีกฝ่ายก่อนจะตะโกนถามเสียงดัง
“เจ๋ง หายไปตลาดแค่สามชั่วโมงก็อ้อนกันแล้ว” เม่นขำหนูด้วง ตั้งแต่เป็นแฟนกับพี่โอบแล้วก็รู้สึกจะอ้อนหนักข้อขึ้นทุกวัน
“หนูด้วงเป็นแฟนกับพี่นโมเหรอ” แก้วนั่งฟังอยู่เงียบๆ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะแอบถามน้องเกล
“ใช่ แล้วสิงโตก็กำลังจีบพี่ตะโก้” คำตอบของน้องเกลทำให้แก้วประหลาดใจเป็นอย่างมาก ใครต่อใครก็คิดว่าหนูด้วงเป็นแฟนของสิงโต ส่วนพี่นโมก็มีข่าวซุบซิบว่าแต่งงานและมีลูกฝาแฝด ทำไมพี่เขาถึงมาคบหากับหนูด้วงได้ แล้วสิงโตไปคบหากับพี่ตะโก้ตอนไหนทั้งที่พี่ตะโก้เพิ่งจะมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่คณะได้ไม่กี่วัน
“เหมามาหมดตลาดรึยัง” โอบอุ้มถามคนขี้อ้อนเมื่อเห็นถุงของกินวางเต็มไปหมด
“เกือบแล้วฮะ มีของฝากของพี่โอบกับน้องแฝดด้วย พี่จะไปรับน้องแฝดกี่โมง หนูไปด้วยนะ”
“แต่วันนี้ต้องกลับมานอนหอนะครับ” โอบอุ้มดักคอเอาไว้ก่อน
“ห้ามเก่งอะ” หนูด้วงทำหน้างอ
“ไม่งอแงนะหนูด้วง” ประโยคนี้พี่โอบไม่ได้พูด แต่เป็นเม่น นกฮูก และน้องเกลที่พูดออกมาแทบจะพร้อมกัน
“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงเห็นเพื่อนรู้ทันเลยถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“เออ รู้กันยังว่าวันศุกร์มอปิดนะ” น้องเกลนึกขึ้นได้จึงรีบบอกเพื่อนๆ
“อ๋อ ที่มีประกาศว่าทางมอถูกขอใช้สถานที่ในการประชุมเกี่ยวกับการศึกษาอะไรสักอย่าง ใช่ไหม” เม่นเองก็พอจะรู้อยู่บ้างแต่ไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด
“อืม”
“อ๊ะ งั้นเราก็ไปเกาะใบไม้ครามกันได้ตั้งแต่วันศุกร์สิ” หนูด้วงดีใจที่จะได้กลับบ้านหลายวัน
“เออใช่ เจ๋งเลย อยากไปเล่นเจ็ทสกี” เม่นเห็นดีด้วย
มีต่อด้านล่างค่ะ