https://www.youtube.com/watch?v=9nFnI50zipEฟังเพลงเพื่อเพิ่มอรรถรส
TWO PIECES
เราเปรียบเหมือนส่วนเกินที่ต่างเกื้อหนุนกัน
เป็นเพียงส่วนที่แตกสลายมาบรรจบกัน
ฉันถาม
จะมีวันนั้นหรือเปล่า?
วันที่เราเป็นหนึ่งเดียว....
.........................
“ทำไมไม่มีความอดทนเลย ไม่เหมือนไอ้มาร์ค”
ไปนั่งรอเอาใบรับรองแพทย์ห้าชั่วโมงเนี่ยนะไม่อดทน....
แล้วมันอดทนตอนไหนหรือ
มันเคยทำอะไรที่เป็นทางการอย่างผมหรือเปล่า
“ข้าวก็กินแค่สองสามคำ ทีไอ้มาร์คมันกินเอาๆ ทำอะไรให้กินมันก็กิน”
แค่กินข้าวน้อยยังผิด
ขำว่ะ
ขำตัวเองที่ถูกเปรียบเทียบกับน้อง
คนเป็นพี่มันควรถูกชมสิวะ
เฮ้อ.....
อุตส่าห์หนีมาอยู่บ้านนอกแล้วนะ มาอยู่พักกายพักใจ
หนีจากปัญหาครอบครัวที่แสนยุ่งเหยิงและกำลังพัง หวังมาพึ่งร่มโพธิ์ร่มไทรของญาติผู้ใหญ่ที่บ้านนอกบ้านนา
แต่ไฉนทุกอย่างกลับตาลปัตร
เพียงไม่กี่วัน....ไม่กี่วันจริงๆ ที่ผมก็นึกอยากตายขึ้นมา
.
.
.
.
ตอนนี้ผมอยู่ ณ มุมหนึ่งของประเทศไทย
ผมไม่สนใจหรอกนะว่ามันคือที่ไหน ขอแค่ให้ไกลจากคนทุกคนก็เป็นพอ
โลกนี้ชักน่าเบื่อขึ้นทุกวัน
บางทีก็คิดนะว่ามันเป็นที่เราเองหรือเปล่า ที่เรื่องมาก นิสัยไม่ดีเอง ไม่รู้จักปรับตัว ถึงอยู่กับใครไม่ได้
แต่เราก็มีเหตุผลของเราตลอดนะ แต่เราไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เลย
ความอึดอัดของผมทำให้ผมหนีออกจากบ้าน
ต่อนี้ไป....จะไม่มีใครเจอผมอีก ทุกคนจะได้สบายใจกันสักที
ลูกที่งี่เง่า หลานที่น่าเบื่อ.....
อย่าหาว่าผมคิดสั้นเลย
ผมคิดดีแล้ว....ทีแรกกะว่าจะฆ่าตัวตาย แต่มันดูใจร้ายไปหน่อย ผมกลัวว่าเขาเครียดและโทษตัวเองกัน
ผมเลยหนีออกมาดีกว่า
อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่
ฮ่าๆ กูแม่งบ้าว่ะ ยังนึกถึงใจเขาอีก ทั้งๆที่เขาไม่เคยนึกถึงเราเลย
เพียงเพราะเราเป็นคนเงียบๆไม่พูดงั้นเหรอ
เราต้องแสดงออกยังไงให้เขารู้เหรอ ว่าเรา....
“พี่ซื้อผมป่าว”
“ห..หา อะไรครับ?”
จู่ๆเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มากระชากผมออกจากการพร่ำพรรณนา หน้าตาค่อนข้างดูดี เสียแต่ว่าดำไปหน่อย
“พี่อ่ะมาจอดรถตรงนี้นานแล้ว สรุปจะซื้อป่ะเนี่ย มันขวางทางทำมาหากิน”
ถึงประโยคจะค่อนไปทางด้านลบ แต่เด็กนี่กลับพูดด้วยสำเนียงสบายๆ
“น้องขายอะไรอ่ะ”
“น่ารักแล้วยังกวนตีนอีก ขายตัวไง จะเอาป่ะ”
“อ..เอ่อ....”
“น่า...เห็นใจกันหน่อย สามร้อยเอง”
“มันถูกเหรอ”
แค่ร้อยเดียวก็ว่าแพงแล้วสำหรับคนขี้งก
“ไม่รู้ดิ เอาไงพี่ ผมเสียลูกค้านะ”
“พ..พี่ไม่เคย”
“จริง!!!”
“เฮ่ยอย่าเสียงดังดิ พี่บังเอิญมาจอดตรงนี้เฉยๆ ไม่ได้จะซื้อ”
“แล้วอยากลองป่ะล่ะ ยังไงก็พวกเดียวกันอยู่แล้วนี่”
เอาไงดีวะ....
ผมคิด
ผมคิด
เราเกิดมายี่สิบปีก็ยังไม่เคย
ถ้าไม่ลองจะเสียชื่อเกย์ป่ะวะ
แต่เราเป็นเกย์ที่ดีนะเว่ย อยู่ในกรอบตลอด จะแหกโดยที่ไม่คิดก่อนได้ยังไง
ปรี๊นนนนนน
“เร็วๆพี่ รถหลังโมโหแล้ว”
“เออๆขึ้นมาก่อน”
“เยส!!”
“ปิดประตูเบาๆหน่อย รถเพิ่งซื้อ”
“มันดีใจอ่ะ นานๆทีจะเจอคนน่ารัก พี่ชื่อไร”
“ไม่บอกหรอกไอ้ดำ”
“โหปากเสีย เหยียดผิวกันนี่หว่า ยุค2016แล้วนะคร้าบพี่”
“แถวนี้มีโรงแรมป่ะ”
“เดี๋ยวผมบอกทาง”
“เอาระดับสามสี่ดาวนะ อยากพักผ่อนแบบสบายๆอ่ะ เพิ่งหนีออกจากบ้านมา”
สมองผมคงเพี้ยนที่บอกเรื่องของตัวเองไปอย่างนั้น แต่ก็ช่างแม่ง เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว
เด็กนี่ชื่อจริงๆว่า รัก มันอายุเท่าผมนั่นแหละ แต่ขอเรียกน้องต่อไปแล้วกัน เพราะผมไม่ชอบให้ใครแก่กว่า
ไม่รู้สิ คนไม่รู้จักกันมาเรียกแบบเพื่อน ...ผมไม่ถนัดหรอก
ตื่นเต้นดีนะ
มือไม้สั่นเลย
ผมจะได้ขึ้นครูกับเด็กหน้าตาดีหรือเนี่ย เอาจริงอนาคตที่แพลนไว้คือกะจะซื้อกินอยู่แล้ว
ผมไม่ฝันถึงความรักกอันสวยหรูหรอก ผมมีความเชื่อว่าผู้ชายทุกคนเกิดมาต้องนอกใจ...
เหมือนอย่างพ่อผมนั่นไง....
เฮอะ! คุณอาจจะคิดว่าผมน่าสงสาร แต่จริงๆแล้วผมน่าสมเพชกว่านั้นเยอะ
เพราะไม่ใช่แค่พ่อหรอก ฮ่าๆ แม่ก็เอากับเขาด้วย
คิดดูสิว่าใจผมแตกสลายขนาดไหน
ผมลอยเคว้ง ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ไร้แรงจูงใจ
ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมคือหัวใจจริงๆก็วันที่รู้ความจริงนั่นแหละ...มันเป็นแค่ก้อนเนื้อที่เต้นไปวันๆ
รอวันหยุดทำงานก็แค่นั้น...
“พี่ร้องไห้ทำไม”
“แปลกเนอะ....ใครๆก็มองว่าครอบครัวพี่อบอุ่น แต่ข้างในแม่งโคตรเน่าเฟะ...อาบน้ำเสร็จไวจัง”
“ก็ไม่ต้องทำไรนี่นา พี่แหละต้องนานๆเข้าใจป่ะ”
“อ้าวจะให้พี่เป็นรับเหรอ”
“ผมรับให้ก็ได้นะถ้าพี่กลัว แต่อย่างพี่ลองรับดีกว่า เสียดายหน้าตาหมด”
“ไม่เคยได้ยินเหรอ รุกหน้าขาว สาวหน้าหนวด”
“พี่เข้าใจไรผิดป่ะเนี่ย”
“ไร?”
“รุกหน้าขาว คือหน้าสวยๆ รับคือหน้าแมนๆมีหนวด”
“อ้าวก็ถูกแล้วดิ พี่หน้าสวย พี่ก็ต้องเป็นรุก น้องหน้าแมนน้องก็รับดิ”
“ม่ายช่าย....ผมอ่ะต้องเป็นรุก”
“แกอย่ามามั่วเรื่องเมื่อกี๊ แกอ่ะเข้าใจผิด”
“เออๆ แต่พี่ต้องรับนะ ผมอยากอ่ะ”
“พูดมาได้ไม่อายปาก ไม่เบื่อเหรอมีอย่างว่าทุกคืน”
“ก็เบื่อนะถ้าเจอแต่พวกน่าเบื่อ แต่พี่น่ารักไง”
“เฮ้อ....พี่ไม่น่ารักหรอก ไม่เห็นมีใครรักพี่สักคน”
“ผมไงๆ”
“แกรักพี่เพราะหน้าตาต่างหาก”
“โถ่ๆ งั้นไปอาบน้ำไป เถียงกันกว่าจะได้เอา เดี๋ยวง่วง”
ผมปาหมอนใส่หน้าเด็กกวนตีนไปที มันหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ ลงไปเกลือกกลิ้งบนเตียงอย่างไม่เกรงใจ
เอาเถอะ ถือว่าทำบุญให้เด็กยากไร้ ไหนๆเราก็หนีออกจากบ้านแล้วนี่ เราเป็นอิสระแล้ว
ทำตามใจตัวเองไปเลย!
“ค่อยๆนะพี่กลัว”
“พี่ใจเย็นๆ อย่าสั่นสิ”
“อือ...อืม”
“เสียวดี เจ็บป่ะ”
“อื้อ....อา...เบาก่อนนะ”
“แรงได้ยัง”
“ม..ไม่รู้...”
“งั้นตามผมเอาละกัน”
“อ๊า!!”
เกิดอะไรขึ้นกับผม?
กูใจง่ายไปป่ะวะ
รู้สึกไม่ค่อยดี....แต่ก็ดี
ไม่รู้สิ พูดยากจัง
รู้สึกเหมือนเชือกที่เคยพันธนาการเราเอาไว้มันค่อยๆหย่อนลง หากทว่าเราก็ยังรู้ตัวว่ามันยังอยู่ไง
เป็นความรู้สึกครึ่งๆกลางๆ ผมอยากให้ใครก็ได้มาตัดเชือกเส้นนี้ทิ้ง แล้วดึงผมสู่ห้วงเหวลึก
ทิ้งหลักความเป็นจริงทุกอย่าง
ลอยละล่องกลางอากาศ
โบยบิน
โผผ่านก้อนเมฆสีขาว
เหยียบย่ำสายรุ้ง
หยอกเอินกับคนที่เขารักเรา
ฟันฝ่าไปด้วยกัน
ไม่ทิ้งกันจนกว่าจะชวนกันโหม่งโลกตาย
“พี่ร้องไห้อีกแล้ว”
“ไม่มีไรหรอก”
“ไม่ต้องเสียใจนะ ครั้งแรกมันก็แปลกๆอย่างนี้แหละ...หมายถึงที่ใจ ผมเข้าใจดี”
“มาทำแบบนี้ พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ”
“จะไปว่าอะไร เขารู้ว่าผมเป็นลูกหรือเปล่าเหอะ”
“แบบแกก็ดีนะ ไม่ต้องมีพ่อแม่ไปเลยก็ดี ของพี่น่ะมีก็เหมือนไม่มี พี่ปรึกษาใครก็ไม่ได้”
“พี่เลยหนีออกจากบ้านเหรอ”
“อืม....รถนี่ก็เป็นของเขา พี่ว่าพี่จะจอดทิ้งไว้ที่นี่แหละ”
“ไปอยู่บ้านผมป่ะล่ะ หาไรทำก่อนค่อยหนีต่อ”
“บ้าเหรอ บ้านแกอยู่ใกล้โรงแรมป่าว เดี๋ยวเขาก็หาเจอดิ”
“ไม่ใกล้ๆ อยู่อีกอำเภอนึงโคตรกันดาน แค่มาหากินแถวนี้เฉยๆ”
“แล้วที่บ้านมีอะไรให้ทำบ้าง”
“ทำไร่ทำนาไปเรื่อย ไม่ก็ตกปลาตีปลา”
“ขี้เกียจ”
“นึกจะหนีออกจากบ้าน มันก็ต้องใจๆหน่อย”
“เออๆ แล้วห้องน้ำที่บ้านเป็นยังไง ไม่ได้เลยนะเรื่องห้องน้ำเนี่ย ต้องสะอาดน่าใช้ มีฝักบัวยิ่งดี พี่ไม่ชอบขัน มันอาบไม่มันส์”
“ห้องน้ำปกติ โถนั่งยอง มีฝักบัวเก่าๆ รวมๆก็ใช้ได้นะ อารมณ์แบบห้องน้ำปั๊ม”
“แกอยู่กับใคร”
“กับตาสองคน ไม่ต้องกลัวนะตาใจดี”
“เขารู้ป่ะว่าแกมาทำงานแบบนี้”
“คิดว่าน่าจะรู้นะ โห่คนบ้านนอก ทำห่าอะไรก็รู้ไปทั้งอำเภอ เขาแค่ไม่พูดให้ผมได้ยินเฉยๆ”
“ตาไม่โกรธเหรอ”
“ไม่รู้ดิ โกรธมั้ง แต่ตาแกเป็นใบ้ เลยด่าผมไม่ได้ ฮ่าๆ”
“ไอ้บ้าล้อเลียนตา”
.
.
.
.
.
ตีสี่แล้ว ผมยังคงนอนลืมตา กดไอพอดทัชที่ไร้wifiให้รู้สึกว่าตัวเองยังมีเพื่อน
เล่นเกมบ้าๆบอๆที่ชอบหาเรื่องให้เราเติมเงิน
ไอ้รักมันหายหัวไปไหนไม่รู้สองวันแล้ว มันบอกให้ผมรออยู่ที่โรงแรมก่อน
ถ้าให้เดาก็คงไปหาลูกค้าแหละ
มันเคยบอกอยู่ว่ามาทีไรจะมาสักหนึ่งอาทิตย์ จนกว่าจะได้เงินหลักพันถึงกลับบ้าน
ลองคำนวณดูแล้วมันมักน้อยไปป่ะ
วันละสามร้อยเนี่ยนะ เจ็ดวันก็สองพัน ค่าตัวคนมันถูกขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมว่ามันต้องโกหกผมแน่
มีตาเป็นใบ้ ไหนจะค่าปุ๋ยค่าแรงงานทำไร่อีกหลายหมื่น มันจะไปหาที่ไหนทัน
แล้วเอาผมไป ผมจะยิ่งไม่เป็นภาระเหรอ
.....เครียดจัง
กลุ้ม
กลุ้มมันทุกเรื่อง
ผมรู้สึกไม่มีความสุขเลย
ผมอยากมีความสุข
หวังว่ารักจะไม่ทิ้งพี่ไปนะ
……………………………………..
ที่ไหนมีรัก ....ที่นั่นมีทุกข์
แม่งหลอกให้กูรอเป็นอาทิตย์ ยังไม่โผล่หัวมาอีก
กูไม่รอแล้ว!!!
“อ้าวพี่”
“.....” เฮอะ!
“โทษทีๆ ลืมให้เบอร์ไงเลยติดต่อไม่ได้ พี่จะไปแล้วเหรอ”
“.....” กูไม่คุยกับมึง
“ไปบ้านผมนะ”
“.....”
“ไปพี่ เดี๋ยวผมนำทาง พักกายพักใจเนาะ พี่เครียดมาทั้งชีวิตละ ไปอยู่บ้านผมเป็นไง อยู่แบบลูกคุณหนูเลย เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
“เอาเงินมาจากไหนล่ะ”
“จากป้าๆแถวนี้แหละ”
“หวังว่าคงไม่ได้ปล้นเขามา”
“จะบ้าเหรอ แหมๆเห็นอย่างงี้ผมก็เด็ดนะคร้าบ”
“เด็ดตรงไหน”
“ก็วันนั้นมันครั้งแรกของพี่นี่นา แต่ครั้งแรกก็โดนจุดเสียวละ ผมว่ารอบต่อไปเอาให้เสียงแห้งเลยดีมะ”
“ไอ้หื่น เกิดติดเอดส์ขึ้นมาล่ะ”
“ผมป้องกันคร้าบ กินยาด้วย มืออาชีพป้ะล่ะ”
“เออๆ”
“จุ๊บ!”
“ทำไร?!”
“ก็พี่น่ารัก ป่ะ ไปบ้านผมกัน เดี๋ยวนั่งรถเมล์ตรงนั้นนะ ถึงไม่มีแอร์แต่ก็เย็นอยู่เพราะเขาขับเร็ว
กินข้าวก่อนไหมพี่ หรือพี่กินแล้ว ผมขอโทษจริงๆที่ไม่ได้บอกอะไรเลย เออแทนที่กูจะโทรบอกโรงแรมเนาะ @!$#%$$&^%”
ขอบคุณที่กลับมา
...................................
“ทำไมยังไม่นอนอีก พรุ่งนี้เราต้องไปวิดน้ำนะ”
“พี่นอนไม่หลับ”
ผมกำลังคิดว่าตัวเองเป็นinsomnia
ผมนอนไม่หลับทั้งที่ผมมีความสุข
ผมกำลังจะตาย
หัวใจของผม
มันกำลังตาย
วิญญาณของผม
มันกำลังหลุดลอย
“ไม่เอาอย่าร้อง”
“พี่เครียด...ฮึก”
“นึกถึงน้ำตกไว้ คลื่นทะเล นับแกะ ร้องเพลงช้าๆเบาๆ”
“พี่อยากหลับ”
“ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวก็หลับ”
“รัก....”
“ครับ?”
“พี่ไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้ว”
“รักก็เคยคิดแบบนี้นะตอนที่จนสุดๆ กินแค่ผักต้ม...แต่รักก็ผ่านมันมาได้นะ แล้วก็มีความสุขด้วย”
“พี่อยากมีคนที่เขารักพี่”
“ตากับรักไง”
“มันยังไม่ใช่ มันยังโหวงๆ”
“หมายถึงญาติพี่เหรอ เขาคงรักพี่แหละ แต่รักไม่เป็น”
“ฮืออออ.....”
“ฮ่าๆ ร้องเหมือนเด็กเลย เบาๆ เดี๋ยวตาได้ยิน”
“ไอ้มั่ว! ตาจะได้ยินได้ไง”
“อย่าตายนะ อยู่กับรักนะ”
“อืม.....รักอย่าทิ้งพี่นะ ไม่งั้นพี่ทิ้งตาแน่”
“ฮ่าๆๆ กลัวแล้วคร้าบ”
.
.
.
.
สองเดือน.....ที่ผมมาอยู่บ้านรัก
ตาใจดีมาก ท่านพูดไม่ได้ แต่สื่อสารเขาใจง่าย ชอบวาดรูปให้ดู แถมยังวาดหน้าผมได้เหมือนมากๆ
ที่ดีที่สุดคือตาไม่มีท่าทีรังเกียจผมเลย
ผมสังเกตนะ....ทุกคนในหมู่บ้านไม่สนใจรัก จะมีก็แต่ข้างบ้านที่พอจะทักทายบ้าง และคอยดูแลตาให้เวลาที่รักไม่อยู่
แต่จากสายตา...คือถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า
ยิ่งกับผมไม่ต้องพูดถึง
ไม่มีสายตาแห่งความเมตตากรุณาจากมนุษย์โลก
เขาสงสาร เขาสมเพชเวทนา
เขาคงอยากให้ผมตาย....มันอาจง่ายกว่า
ผมอาย....ไม่กล้าเดินออกจากบริเวณบ้าน
บางวันที่เล่นเดาะบอลหน้าบ้าน ก็จะมีเด็กตัวเล็กๆวิ่งมาดูจากมุมไกลๆ
ราวกับว่าผมเป็นสัตว์ประหลาด
ขณะที่ผมรู้สึกแหลกสลาย กลับเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผมมีคนให้รัก
ผมไม่กล้าทิ้งตาหรอก
“แอะ.....”
“รัก ไป ตกปลา ครับ”
ผมตอบพร้อมทำท่าเย่อปลา
“วันนี้ เรา จะกิน ปลา ชอบ มั้ย?”
“อื้อ”
“มาแล้วๆตาหลาน”
“ได้ปลาอะไร”
“ไปตีไอ้ช่อนได้ ตัวเบ้อเร่อ”
“เก่งจัง”
“แน่นอน แฟนพี่ไง”
ผมยิ้มสุดปาก อ้าสุดแขนกอดรัก
กอดความรัก
เราเป็นเหมือนชิ้นส่วนแหลกสลายที่เชื่อมต่อกัน
เราเกิดมาเพื่อกันและกัน
เราเกิดมาเพื่อเจอกัน
และมีความสุขไปด้วยกัน
ผมโชคดี
ที่วันนั้นผมรับเขาขึ้นรถ
ผมโชคดี
ที่รักรักผม
ที่รัก
ที่รักของผม
ผมจะรักเขาตราบลมหายใจสุดท้าย
จนกว่าเราจะพรากจากกัน
………………………….
เขียนตอนเวิ่นเว้อ
เขียนตอนที่เครียดมากๆ
เขียนเพื่อสร้างความหวังให้ตัวเอง ว่าสักวันจะเจอชิ้นส่วนที่ขาดหาย