Chapter 22
| Almost
"แฮก แฮก"
เหนื่อย..
แม้จะเคยสู้รบปรบมือกับคนเมามาบ้าง แต่กับคอร์กี้ผมกลับรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะผมต้องใช้ความอดทนสูงมากเลยทีเดียวกับเขาเวอร์ชั่นนี้
หลังจากที่ผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไปก็ตัดสินใจตบไฟฉุกเฉินเเวะข้างทางโดยด่วน เเล้วย้ายตัวเขาไปอยู่ด้านหลังเเทน คาดเข็มขัดให้ด้วยไม่งั้นคงได้กลิ้งลงมานอนอยู่ที่พื้น
ถ้าไม่ย้ายผมคงได้ตบะเเตกกลางทางเเน่ๆ
ดีที่หลังจากที่ย้ายเขาไปเบาะหลังเรียบร้อยเขาไม่ได้เเผลงฤทธิ์อะไรอีก...ถ้าไม่นับการที่พยายามจะปีนมาข้างหน้าให้ได้เเต่ติดเข็มขัดนิรภัยน่ะนะ
คนเมานี่มันไม่มีสติจริงๆเพราะเเทนที่เขาจะเเกะออกกลับหันไปงับมันซะเฉยๆ เเถมยังทำหน้าทำตาเหมือนเกลียดมันที่ไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ทำดั่งใจอีก
ผมที่มองเขาผ่านกระจกมองหลังเผลอหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับท่าทางน่ารักๆของเขา
คอร์กี้หนอคอร์กี้
ผมจะพาเขาเข้าห้องเเล้วออกมานอนที่โซฟา ผมจะพาเขาเข้าห้องเเล้วออกมานอนที่โซฟา ผมจะพาเขาเข้าห้องเเล้ว...
"อื้อออ จะไปไหน"เสียงงัวเงียเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่นดังขึ้นไล่หลังพร้อมกับมือเล็กๆที่คว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อผม ทำเอาสิ่งที่ท่องไว้ในใจถึงกับชะงัก
"เอ่อ.."
"มานอนกานนน นอนๆมานอนกัน!"คนเมายิ้มกว้างผุดลุกขึ้นมาบนเตียงตบที่นอนปุๆเป็นเชิงเชิญชวน ให้คนถูกชวนได้เเต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่
"I will sleep there.(ฉันจะไปนอนตรงนั้น..)"ผมว่าเเล้วเนียนเเกะมือเขาออก อีกมือก็ชี้ออกไปนอกห้อง
แต่สิ่งที่ได้กลับคือการส่ายหัวดุ้กดิ้กกับการเงยหน้าขึ้นมามองตาใสเหมือนจะบอกผมว่า'จะไปจริงๆหรอ'
ธีร์อาจจะไม่ใช่หนุ่มหล่อเเต่ในสายตาผมเขาเป็นคนน่าเอ็นดู ยิ่งมาทำตาใสเหมือนอ้อนหน่อยๆผมอาจจะจับเขาฟัดให้รู้เเล้วรู้รอดไปเลย เเต่ไม่ได้ผมต้องใจเเข็งเอาไว้ ผมไม่อยากฉวยโอกาสตอนเขาเมา
"It's already late. Let's go to bed. (มันดึกเเล้ว นอนได้เเล้ว)"ผมเเสร้งเปลี่ยนเรื่องเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเเงะมือเขาออก คอร์กี้ทำหน้าง้ำงอเหมือนเด็กโดนขัดใจ โอ้ย ทำไมตอนเมาเขาถึงได้ทำตัวน่ารักอย่างนี้นะ
ผมดันไหล่เขาให้นอนไปกับเตียง เขาดูฝืนตัวไว้เเต่ยังไงก็สู้เเรงผมไม่ได้เเม้ว่าผมจะออกเเรงไม่เต็มที่ก็เถอะ เอาทำหน้ายู่ใส่ผมเมื่อตัวเองถูกกดลงจนหลังเเนบไปกับเตียง ซึ่งผมก็ได้เเต่ท่องยุบหนอพองหนอในใจเเล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมให้เขา
หมับ!
แต่เเล้วก็เจอคอร์กี้แผลงฤทธิ์อีกจนได้...
"Shit!"คราวนี้ถึงกับเผลอสบถคำหยาบออกมา เมื่อคนที่นอนอยู่บนเตียงใช้จังหวะที่ผมจะเอื้อมไปหยิบผ้าห่มที่กองอยู่ตรงปลายเท้ากระชากผมจนผมถลาไปบนเตียง ยังดีที่เอาเเขนค้ำไว้ทันไม่ร่วงไปทับเขาไม่งั้นเขาเเบนเเน่ๆ
"คิกๆ"
ยังมีหน้ามาขำอีก!
ผมอยากจะพุ่งเข้าไปขย้ำเขาให้รู้เรื่องไปเลย เเต่อย่างที่บอกว่าผมไม่อยากจะฉวยโอกาสกับเขาเลยได้เเต่กัดฟันกรอดยันตัวเองขึ้น เเต่...คนซนก็ยังคงซนไม่เลิก
หมับ!
"นอนๆ นอนกันเถอะ อยากนอนนนน นอนโด้ยกันนน"คนเมายื่นเเขนมาคล้องรอบลำคอผมเเล้วดึงเข้าหาจนหน้าเราจะชนกัน เเค่เเขนยังไม่พอขายังเอามารัดรอบลำตัวดึงเข้าหาตัวจนอะไรๆมันเเนบชิดหันไปหมดอีก
"เอ่อ...ธีร์"ผมกลืนน้ำลายเอื้อกกับความขี้ยั่วของเขา เริ่มวางสายตาไม่ถูกเมื่อถูกล็อกคอให้มองเเต่หน้านวลของคนใต้ร่าง ดวงตาที่ไม่ได้กลมโตเหมือนตุ๊กตาบลายธ์ ไม่ได้เฉี่ยวคมเหมือนเหยี่ยวเเต่เป็นดวงตาที่ผมหลงไหล...ดวงตาที่ตอนนี้สะท้อนเงาของผมชัดเจน
ตอนนี้ใจน่ะมันเริ่มหายเเข็ง เเต่ดันมีอย่างอื่นมันเเข็งเเทนนี่สิ
จริงๆจะผละออกผมก็คงทำได้ เเต่ตอนนี้จู่ๆสมองก็ตื๊อเหมือนถูกตรึงอยู่กับใบหน้าของคนที่ยิ้มกว้างหัวเราะคิดคักอย่างคนไม่มีสติ ส่วนมือที่เคยใช้ยันเตียงไว้ตอนนี้เริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปตามผิวเนียนที่เคยแอบลวนลาม
นุ่ม..หอม..
รู้สึกตัวเองเหมือนโรคจิตก็ตอนนี้ เมื่อมือเริ่มลูบไล้ไปตามเเขนตามขาอีกคนจนตอนนี้เลื้อยเข้าไปอยู่ใต้สาบเสื้อเรียบร้อยเเล้ว
ธีร์ไม่ใช่คนผอม ออกจะเจ้าน้ำเจ้าเนื้อเสียด้วย เหมือนในห้องเขาก็พอมีเครื่องออกกำลังกายเเต่ตั้งเเต่มาอยู่ด้วยผมไม่เคยเห็นเขาใช้เลยซักครั้ง เเต่ก็ดีเเล้ว..จับไปตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ เเถมผิวยังทั้งนุ่มทั้งลื่นเสียจนหยุดมือตัวเองไม่ได้
หยุดไม่ได้จนขนาดที่ว่าเสื้อนักศึกษาเขาปลิวลงไปข้างเตียงตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แผ่นอกสีแทนสวยช่างดึงดูดสายตาผมได้ดีเหมือนเคย ผิวเขาสวยมากนอกจากจะเป็นสีเเทนธรรมชาติเเล้วยังเนียนอีก จนไม่สามารถห้ามสายตาที่มองไล่มาเรื่อยๆจนถึงยอดอกสีเข้มที่กำลังชูชันสู้เเอร์หนาวๆยิ่งทำเอาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่จากนั้นก็ใช้นิ้วสะกิดมันเบาๆเเต่เเค่นั้นก็เพียงพอเเล้วที่จะทำให้คนไม่เคยถูกสัมผัสสะดุ้ง
"อ้ะ!"ธีร์ร้องออกมาด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก เผลอแอ่นแผ่นอกเข้าหาอัตโนมัติ
พอเห็นท่าทีเเบบนั้นผมก็ยิ่งได้ใจ ใช้นิ้วขยี้เเรงๆก่อนจะเลื่อนตัวลงไปครอบริมฝีปากลงไปดูดดุนเม็ดเล็กๆนั้นให้คนใต้ร่างบิดเร้าเเล้วส่งเสียงครางปนหอบช่วยกระตุ้นด้านมืดของผมเข้าไปอีก
ไม่ไหวเเล้ว ปวดหนึบไปหมดเเล้ว
ผมข่มตาลง กัดฟันกรอดเพื่อข่มอารมณ์ด้านล่างที่มันอยากจะออกมาสูดอากาศภายนอกไวๆ สุดท้ายก็ไม่ไหวกะจะปลดกางเกงก่อนที่ลูกชายจะขาดอากาศหายใจไปก่อน
ฟรึ่บ
เเต่ยังไม่ทันจะให้ปลดได้เรียบร้อย คนใต้ร่างก็กระชากคอผมให้เข้าไปใกล้ก่อนจะขยับใบหน้าขึ้นมาจูบ...จูบที่ไม่ประสีประสาเเต่สามารถทำให้หัวใจผมสะดุด
"ชอบนะ"
คำพูดสั้นๆหลังจากที่เขาผละออกไป เขาคลี่ยิ้ม เป็นยิ้มที่เห็นเมื่อไหร่ก็มองยังไงก็ไร้พิษสงค์มีเพียงความจริงใจที่ส่งผ่านรอยยิ้ม น้ำเสียงนุ่มเเละดวงตาที่ฉ่ำน้ำ
พรึ่บ!
"เอ้ะ!"
ปั้ง!
สุดท้ายผมก็ชนะตัวเองได้ รีบผละออกจากเขาไวๆเเล้วก้าวฉับออกจากห้องปิดประตูเสียงดังเพื่อเรียกสติ
ประโยคเมื่อกี้ของธีร์ช่วยเรียกสติผมไว้ได้จริงๆ
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ปล่อยไปตามอารมณ์ทั้งๆที่ผมก็ชอบเขา เขาก็ชอบผม เเถมตอนนี้ยังอยู่ในสถานะเป็นแฟนกันอีกทำไปก็คงไม่เสียหาย...ปกติก็เป็นอย่างนั้นเเหละ จะเเฟนกี่คนๆส่วนมากพอคบปุ๊ปก็ได้ปั๊ปตามลำดับ
เเต่ธีร์นั้นต่างออกไป..เขาค่อนข้างพิเศษกว่าสำหรับผม
ผมไม่อยากจะให้เขารู้สึกว่าผมคบเขาเพราะเซ็กซ์หรือเเฟนกันจำเป็นต้องมีเซ็กซ์
ผมไม่อยากจะหยุดกับเขาเเค่คำว่า'ชอบ'แต่อยากจะหยุดที่คำว่า'รัก'
" I have to deal with this first. (คงต้องจัดการกับเจ้านี้ก่อนสินะ)"ผมพึมพำยามที่ก้มมองเบื้องล่าง ที่ยังคงเคารบธงชาติต้านทานเเรงโน้มถ่วงของโลกไม่หาย จนต้องถอนหายใจเเล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการให้มันสงบเสียก่อน
Thee's part
"มะ..ไม่"
"ไม่...ไม่ทำอะไรกูเลย!!!!"
ในเช้าวันใหม่ คนเมาเมื่อคืนก็ตื่นขึ้นมาด้วยอาการเเฮ้งค์เล็กน้อย เเต่พอเริ่มตั้งสติได้ยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงที่มีเพียงตนเอง มองไปรอบๆก็เห็นเสื้อของตัวเองถูกโยนทิ้งไว้ข้างเตียง ตอนเเรกก็คิดว่าตัวเองคนได้คงโดนไปแล้วหากเเต่...
ช่วงล่างยังอยู่ครบเเถมกูดันไม่เจ็บตูดน่ะสิ!
ตอนนี้ไอคนที่ไปดื่มของมึนเมาเพราะการยุยงของเพื่อนที่บอกว่ามันจะเป็นตัวช่วยให้กล้าขึ้นกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ
เมานะครับไม่ได้ความจำเสื่อม มันจำได้หมดน่ะเเหละว่าตัวเองทำอะไรลงไปเพียงเเต่ว่าในเวลานั้นมันเเค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเลยทำอะไรตามใจไปหมด
'ชอบนะ'
ฉ่า
"เอาวะ อย่างน้อยกูก็ได้พูดออกไป"
ถึงเเม้จะเขินๆอยู่บ้างที่ได้พูดคำว่าชอบออกไปตรงๆ เเต่พอคิดๆดูเเล้วพอบอกมันปุ๊ปมันก็จ้ำอ้าวออกจากห้องเลยนี่หว่า! ไหนไอจีนบอกว่าถ้าพูดว่าชอบเเล้วอารมณ์มันจะขึ้นกว่าเดิมไงวะ!
คิดเเล้วก็ขึ้น ผมอุตส่าห์เตรียมใจมาเเล้วเเท้ๆ อ่อยก็ขนาดนี้เเล้ว มันกลับไม่ทำอะไรเลยเนี่ยนะ!
Rrrrrrrr
ผมสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะรีบควานหาเเต่สิ่งที่เจอในกระเป๋ากางเกงกลับไม่ใช่โทรศัพท์
ขวดอะไรวะเนี่ย
ขวดทรงสูงขนาดพอดีมือสีเเดงมีรูปสตรอเบอร์รี่แปะอยู่ บนนั้นมีโลโก้เเบรนด์ที่คุ้นหูคุ้นตาอยู่ด้วย...Durex
"เหี้ย!"พอก้มลงอ่านฉลากถึงกับสบถเเล้วยัดมันเข้าเก๊ะตรงหัวเตียง สะบัดหัวรัวๆเเล้วมาควานหาโทรศัพท์เพื่อกดรับ
"ว่า..."
[สรุปได้กันไหม แต่ตื่นมารับโทรศัพท์ได้นี่แปลว่ายังไม่ได้ไม่โดนอีกหรอวะ ไอฝรั่งนั่นเเม่งทำอะไรของมัน] เสียงไอจีนดังมาตามสายให้ผมเเอบกรอกตาใสมันนิด
"เออครับ กูยังอยู่ดี มึงอยากให้เพื่อนมึงเสียเอกราชขนาดนั้นเลยหรอวะ"
[มีผัวทั้งทีมึงจะอยู่เเบบซิงๆหรอวะ เฮ้อ ถ้าไม่ได้ก็ช่างเเม่งเเล้วกูจะไม่เสือกกับชีวิตคู่มึงอีกต่อไปแล้วนะเตี้ย ที่เหลือก็เเล้วเเต่มึงเลย เซ็ง]
ตรู้ด...
แล้วบ่นเสร็จเเม่งก็วางสายไปเลย
เออดีไอเพื่อนเวร!
"Ah...good morning. Breakfast's ready.(อ่า..พอดีเลยตื่นเเล้วใช่ไหม ข้าวเช้าพร้อมเเล้วนะ)"
ผมหันขวับไปหาต้นเสียงก็พบไอหมีควายยืนยิ้มให้อยู่เหมิอนเคย มันชี้ไปด้านนอกเพื่อบอกว่าอาหารเช้าพร้อมเเล้ว พอมันทำทุกอย่างเหมือนปกติผมเลยได้เเต่พยักหน้ารับหงึกหงัก พอเห็นผมรับทราบเเล้วมันรับเบือนหน้าไปทางอื่นเเล้วเดินออกไปก่อน
"Don't forget to take a bath first. (อาบน้ำเเต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนด้วยล่ะ)"
อ่า...ลืมไปเลยว่านั่งโชว์พุงอยู่
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...จริงๆหรอวะ
ความคิดของคนที่นั่งกินข้าวอย่างเหม่อๆ ชอบเผลอมองไปที่คนตรงข้ามทั้งๆที่เคยบอกไว้ว่าอย่าจ้องหน้าคนอื่นตอนกินข้าวก็เถอะ เเต่เรื่องเมื่อคืนมันเอาทำความมั่นใจที่ไม่ค่อยจะมีอยู่เเล้วของผมลดฮวบเลยนะ
จะว่าไปหน้าตาผมก็ไม่มีความหล่อหรือน่ารักอยู่เเล้ว มันคงไม่มีอะไรดึงดูดละมั้ง
"เฮ้อ"
"Are you okay? (โอเครึเปล่า)"
"อือ"ผมได้เเต่ครางตอบมันสั้นๆ เมื่อมันเงยหน้าจากอาหารเช้ามาถามผมด้วยสายตาสงสัยที่จู่ๆผมก็ถอนหายใจเฮือกๆ
"You can tell me. We’re boyfriends, right.(มีอะไรบอกได้นะ ยังไงเราก็เป็นเเฟนกัน)"มันถามคราวนี้จากเเววตาสงสัยเริ่มฉายเเววเป็นห่วงจนผมถอนหายใจอีกรอบเเล้วถามมันเสียงอ้อมเเอ้ม
"นี่..why you do that last night?"
"Do what? (ทำอะไร?)"
"ก็ do nothing อ่ะดิ! (ก็ไม่ทำอะไรเลยอ่ะดิ!)"พูดเเล้วก็เกิดอายขึ้นมา ถ้าดูจากรูปประโยคมันเหมือนผมอยากมากเลยนี่หว่า
"Ah...That…(อ่า..นั่นมัน)"มันยิ้มฝืดๆทำท่าเหมือนกำลังคิดหนักจนผมเริ่มหน้าเสียเเล้วรีบบอกมันรัวๆ
"เอ่อ ไม่ต้องตอบเเล้วก็ได้นะ คือ I know that I don't handsome or cute เอ่อ ยูอาจจะไม่มีอารมณ์ร่วมก็..."
หมับ
เเต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคคนนั่งฝั่งตรงขั้ามก็เอื้อมมือทั้งสองมากุมมือข้างนึงของผมไว้จนผมชะงัก ผมมองหน้ามันอย่างสงสัยซึ่งคราวนี้มันก็เผยยิ้มอ่อนเเล้วเปิดปากอธิบาย
"You've really misunderstood. Absolutely last night I couldn't control my feelings. Okay, you're probably not handsome or cute in the eyes of others, but for me, you're extremely adorable. (นายเข้าใจผิดมหันต์เลย ที่จริงเเล้วเมื่อคืนฉันเเทบยอดใจไม่ได้ ถึงนายจะไม่หล่อไม่น่ารักในสายตาคนอื่นเเต่ในสายตาฉันนายมันน่ารักน่าเอ็นดูสุดๆไปเลยรู้ไหม)"
ฉ่า
ผมว่าเดี๋ยวนี้ภาษาอังกฤษผมพัฒนาจริงๆนะ ทำไมผมฟังมันออกหมดเลยวะ ฮื่อ ขอฟังไม่ออกได้ไหมพอฟังออกเเล้วโคตรเขินเลย ยิ่งมาพูดเสียงนุ่มๆหน้ายิ้มๆเเบบนี้อีก
"Why you stop ล่ะ (แล้วนายหยุดทำไม)"แต่ผมก็ไม่วายเสหน้าไปทางอื่นเเล้วถามเสียงอ้อมแอ้มเพราะเกิดเขินขึ้นมา แต่คนฟังคงมองเป็นอย่างอื่นเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาผมประคองใบหน้าผมด้วยสองมือจากนั้นก็ดันขึ้นเพื่อให้ไปสบตา
"Because you told me that you liked me.(เพราะว่านายบอกชอบฉันยังไงล่ะ)"
แล้วมันเกี่ยวอะไรฟ่ะ!
ผมอยากจะตะโกนถามเขาจริงๆเเต่เหมือนเขาจะรู้ว่าเเค่นั้นคงไม่ช่วยให้คนสมองทึบเเบบผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยว่าต่อ
"When I heard that I felt like I didn't want us to stop at a 'like'. I wanted it to become a 'love' (พอได้ยินนายพูดอย่างนั้นจู่ๆฉันก็รู้สึกว่าไม่อยากให้เราหยุดที่เเค่คำว่าชอบเลย ฉันอยากให้มันกลายเป็น'รัก')"
ระ..รัก?
"I know it sounds nonsense, but I don't want you to think that I'm dating you because of sex. I want our relationships to be like this forever. And I think you're not ready for that.(เหตุผลอาจจะฟังดูปัญญาอ่อนเเต่ฉันพูดจริงๆนะ ฉันไม่อยากให้นายมองว่าที่คบกับนายก็เพราะเซ็กซ์ ฉันอยากให้ความสัมพันธ์มันยั่งยืน เเละอีกอย่างคือนายยังไม่พร้อมหรอก)"เขาพูดเเล้วปล่อยมืออกจากใบหน้าผมเปลี่ยนมายีหัวเเล้วระบายยิ้มบาง
"แต่..ไอไปศึกษามาเเล้วนะ"
"Theory and real situation are not the same. If we rushed, it could be your nightmare. Also, last night I didn’t wanna take advantage of the drunkard. (ทฤษฎีกับปฏิบัติมันไม่เหมือนกัน ถ้ารีบร้อนเกินไปมันอาจจะเป็นฝันร้ายสำหรับนายเลยก็ได้ อีกอย่างเมื่อคืนฉันไม่อาจจะฉวยโอกาสคนเมา)"
"But let’s get back to this when you’re fully conscious. (ไว้ตอนสติครบถ้วนค่อยมาว่ากันใหม่นะ)"
บ้าเรอะ! ตอนสติครบใครมันจะไปกล้าครับ!
จุ๊บ!
ถึงใจจะว่าอย่างนั้นเเต่คนที่บอกว่าไม่กล้าก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไวๆเเล้วเขย่งขึ้นไปแนบริมฝีปากลงบนปากอีกคนเบาๆเเบบไม่มีการรุกล้ำให้คนได้รับนิ่งอึ้งไป
"เออ สัญญาเเล้วนะ!"