กาลกีรตี บทที่ 68
..ดวงตาช้ำได้แต่จ้องมองเพดาน กับ แสงไฟ ..
อีกครั้งที่สมองยังว่างเปล่า ไอเดียร์ ตื่นขึ้นมาแบบไม่อยากมองหน้าคนข้างๆ ถึงจะมีตกใจอยู่บ้างที่คอโดนล่ามไว้ด้วยสายโซ่หนัง ..แต่ก็คงจะต่อว่าไอ้ฝรั่งที่นอนอยู่ด้วยกันได้ไม่เต็มปากนัก เพราะพอมองร่างใหญ่ที่กอดก่ายไว้ มันก็แทบจะไม่ต่างกัน ฝรั่งที่นอนหลับลึกอยู่นั้นทั่วตัวช้ำเป็นจ้ำเขียวจ้ำแดง แถมรอยเล็บคมครูดลากยังเป็นสายลงไปทั่วทั้งแผ่นหลัง..
.
.
.
"หิวหรือยัง?"
สะดุ้งแทบสุดตัว เมื่อไอ้คนที่คิดว่ากำลังหลับจู่ๆ ก็ลืมตาแป๋วขึ้นมาแล้วคร่อมทับ ..
สมองยังว่างเปล่า แต่แววตาสีมรกตมันกลับเหมือนมีมนต์ตรึงสายตา ..
อีกครั้งที่เผลอเผยอปากรับรสจูบปนกลิ่นเลือด สติกำลังจะเลือนลางกับรสสัมผัส ...เสียงครางน่าละอายถูกส่งออกมาจากลำคออย่างพึงพอใจ ไม่รู้ว่าตอนไหนที่เผลอโอบรอบลำคอหนาของไอ้ฝรั่งนั้นมารุกจูบเสียเอง ..ซุกไซ้แล้วขบกัด ..กอดรัด..แล้วลากลิ้นค่อยๆ เลียไล้ ...
.
.
.
สติเตลิดไปไกลจนไม่ได้สำนึกหรือคิดไปเลยว่า ท่อนขามันไม่ได้แยกออกจากกัน ...
.
.
.
ขดหางยังคงพันเกี่ยวกันอย่างกระสันอยาก ..ยากที่จะคลายเกลียว..
.
.
.
***
...ได้สติแบบจริงจังก็ตอน สิบโมงเช้าของอีกวันใหม่ ...
คราวนี้อยู่ที่ห้องพักไม่ใช่ในออฟฟิศ สมองยังคงว่างโล่ง ไอเดียร์เลยไม่ได้คอมเม้นท์ความคิดเห็นกับสภาพของตนเท่าไหร่นัก เดินไปเข้าห้องน้ำ หยิบแปรงสีฟันบีบยาสีฟันแล้วคาบแปรงไว้อย่างนั้น ก่อนจะล้างหน้า เดินเปลื่อยไปเปิดน้ำในอ่างแล้วลงแช่ แปรงฟันไป ขัดเนื้อขัดตัวไป ออกจะรำคาญนิดหน่อยที่เหมือนผิวจะลื่นๆ ติดเมือกๆ แต่ก็คงเหมือนๆกับทุกเช้า ..
.
.
.
แปรงฟันไปมองหน้าตัวเองที่สะท้อนในกระจกไป..
.
.
.
เดี๋ยวนะ....
.
.
.
แล้วที่นี้มันที่ไหน? แล้วทำไมถึงได้ทำทุกอย่างด้วยความเคยชิน อย่างกับรู้อยู่แล้วว่าอะไร มันอยู่ที่ไหน ?? แล้วทำไมถึงได้รู้ว่าแปรงสีฟันสีฟ้าที่อยู่ในตู้เป็นแปรงของตัวเอง..??!!
"..ภัทร..."
เสียงเรียกไม่ได้ดังมากนักแต่ก็ชัดถ้อยชัดคำ ...
ไอดิภัทร นั่งนิ่ง ในตอนที่ มีร่างใหญ่ก้าวสวบลงมาแช่ในอ่างอาบน้ำด้วยเหมือนกัน..
.
.
.
...
เป็นไอ้ฝรั่งนั่น หมอนั่นสระผมให้ เช็ดผมให้ ลูบหัวให้อย่างกับตัวผมเองเป็นลูกหมา เช็ดตัวแล้วกกกอด หอมแก้มแล้วพรมจูบ..อยู่ๆ น้ำตาผมก็ไหล ...
ผมร้องไห้..แต่เก็บเงียบไว้เก็บเสียงไว้เพราะไม่อยากให้ไอ้ฝรั่งนี้รู้ ผมกำลังมีความสุข ใช่มีความสุขมากๆ แต่ผมก็เสียใจมากๆ เหมือนกัน ...ทุกครั้งที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านเลย คงตั้งแต่เด็กแล้วมั้ง ที่พอลืมแล้วผมก็มักจะปล่อยให้ผ่านไป วัน หรือสองวัน หรือบ้างทีเกือบทั้งอาทิตย์ที่ลืม เรื่องบางเรื่องไป ..ไม่เคยคิดอยากรู้ ไม่เคยคิดสงสัย ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปในอย่างที่มันควรจะเป็น ..
.
.
.
แต่กลับครั้งนี้มันไม่ใช่ ..
.
.
.
แต่กับไอ้ฝรั่งนี้ ..แค่เรื่องนี้ ...เรื่องของคนที่กอดผมอยู่นี้ ...แค่เรื่องนี้ที่ผมไม่อยาก 'ลืม'
"...ภัทร ...ร้องไห้ทำไม?"
น้ำเสียงห่วงใย มันมาพร้อมกับปลายนิ้วที่คอยปาดน้ำตา ...ผมจับมือมันไว้แน่น กัดปากตัวเองไว้แน่นไม่ยอมให้เสียงสะอื้นมันออกมา .. ผมกลัว...ผมกลัวมันจะรู้ว่า ผม 'ลืม' ลืมทุกอย่างเกี่ยวกับตัวมัน ..ลืม...ทั้งๆ ที่ร่างกายยังจำสัมผัสของมันได้ทุกส่วน..
.
.
.
***
....เรื่องบ้าบอ...
วันนี้มีแต่เรื่องบ้าบอครับ ....
และผมก็ชักจะแปลกๆกับเรื่องบ้าบอทั้งหลายเหล่ที่เหมือนจะโถมประดังเข้ามา ...
บ้าบอเรื่องแรก วันนี้ผมมาสถิตอยู่ในคอนโดฯ ของฝรั่งคู่นอนที่ผ่านมาเกือบสองวันแล้วเรายังคลุกกันอยู่บนเตียงแบบไม่หิวไม่ห่าง ทั้งๆ ที่ผมยังจำชื่อมันไม่ได้ด้วยซ้ำ..
บ้าบอที่สอง จำชื่อมันไม่ได้ แต่ในเครื่องคอมฯ ของมันกลับมีแอดเคาน์เมลล์ของผมที่ล็อกอินเข้ามาสามารถเปิดได้โดยแทบจะทันที แสดงว่าผมมาห้องนี้บ่อย? โอ้ยยยยยย...ทำไมจำอะไรไม่ได้ว่ะ???!!! เปิดเมลล์แล้วก็ต้องเข้ากลัวมันจับผิดได้ แต่พอเปิดเมลล์ สนพ.เช็คงาน เมลล์ไม่คุ้นตาฉบับหนึ่งก็ขึ้นหัวข้อว่า
'ถึงไทยภายใน 24 ชั่วโมง..'
เมลล์แปลกๆ ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป และไม่รู้สาระใจความสำคัญอะไรมากไปกว่านี้ทั้งนั้น ...
ส่วนบ้าบอที่สาม ผมกำลังงงกับเมลล์นั่นอยู่ จุ่ๆ ไอ้ฝรั่งมันก็บอกว่าผมมีนัดกับหมอจักษุ เอ่อ...ขนาดเป็นคนเจ็บแต่ก็ยังช้าไปไอ้ฝรั่งนี้ที่ดันรู้เรื่องของผมดี..แถมยังดีกว่าตัวผมเองเสียอีก...เอ่อนะมันรู้ยิ่งกว่าเจ้าตาอย่างผมด้วยว่าตาข้างที่ปิดมาร์คอยู่ มีสาเหตุมาจากเศษแก้วปลิวเข้ากระจกตา?? ซ้ำแถมยังพามาหาหมอประจำถูกอีกต่างหาก
...ตอนนี้ผมเลยต้องมานั่งรอผลตรวจแบบสงบเสงี่ยมกับไอ้คุณฝรั่ง รอและฟังหมอวินิจฉัยแล้วดูสภาพตา...
มาร์คถูกปิดแล้วหยอดยาชา หมอสั่งให้กระพริบตาที่ยังเคืองๆ อยู่ กระพริบแล้วมองหน้าหมอสองสามครั้ง ลองปิดตาแล้วมองให้ชัดแต่ที่รู้สึกก็แค่ภาพมัวๆ ...
สีหน้าคุณหมอดูกังวลครับ ผมเลยยิ่งหน้าซีด..อดคิดไม่ได้ว่าน่าจะเกิดปัญหาใหญ่กับดวงตาหรือเปล่า?!
..
"...สามวันก่อน ..กระจกตาถลอก 90% .....แต่ตอนนี้กลับมาเหลือ 10%....การฟื้นฟูน่าจะเร็วเกินไปนะคะ ...ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ปิดตาข้างที่มองเห็นชัดแล้วมองตามนิ้วหมอนะคะ....อืมส์...เป็นยังไงคะ?"
“..มองไม่ค่อยชัดครับ...”
ผมนั่งนิ่งครับ ตอนตอบคุณหมอยิ่งนิ่งเพราะในจินตนาการ ตอนนี้เรื่องร้ายๆกำลังเบิ่งบานเต็มพิกัด ตาไม่ค่อยเคืองแล้ว แต่พอมองรอบๆ ภาพมันยิ่งมัวๆ ถึงกระพริบตาตามที่คุณหมอสั่งแต่ภาพมันก็ยังมัวๆ ...คงไม่ดีแน่ถ้าสายตาผมจะเป็นอย่างนี้.. แล้วอาชีพนักเขียนการ์ตูนที่ต้องใช้สายตาอย่างนี้ ด้วย..ถ้าเกิด.. เกิดเรื่องร้ายแรง...
.
.
.
“อย่าร้อง...”
ฝ่ามือใหญ่ๆ อุ่นๆ โอบหัวผม แล้วขยี้เบาๆ ตอนแรกว่าจะไม่ร้องอีกแล้วนะแต่พอเจอไอ้ฝรั่งนั้นมาทำอย่างนี้ ต่อมบางต่อมมันเลยขับน้ำตาออกมาอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายพอออกมาจากห้องหมอ ผมเลยได้แต่ร้องไห้โฮ ไม่ได้สนเลยว่าคนที่รอพบหมออยู่มองผมแค่ไหน ผมร้องไห้ไป รอไอ้คุณฝรั่ง ชำระเงินและรับยา ....แม่งงง ...
“เดี๋ยวก็ดีขึ้น ....หมอบอกยูอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?”
ปลายนิ้วปาดน้ำตา ในขณะที่อีกมือปิดฝายาหยอดตาอย่าง ชำนาญ คุณฝรั่ง เชยคางผมให้เงยขึ้นแล้วหยดยาลงไป มาร์คไม่ต้องใช้แล้ว เพราะคุณหมอบอกให้เปิดไว้ เผื่อดวงตาจะปรับสภาพได้ดีขึ้นเอง
.
.
.
“ไอเดียร์??!!”
... “อือ....”
กำลังกะพริบตา แต่ก็ดันเผลอขานรับเสียงเรียกสำเนียงแปลกๆ ผมยังไม่ทันหันมองเจ้าของเสียง แรงมือใครก็ไม่รู้แม่งก็กระตุกดึงให้ออกห่างจากฝรั่งตัวโตที่กำลังหยอดตาให้ผมอยู่ ...
.
.
.
คุณฝรั่งยังไม่ทันทำอะไร ใครบางคนก็ดึงผมให้ไปเกาะติดแผงอกกว้างๆนั่นแล้ว...
.
.
.
“..ดะ..ด๊าซส์??!!”
ชื่อนั่นหลุดออกมา ทันทีที่สายตามัวๆ เห็นคนตรงหน้าชัดๆ เหมือนก็อปฯ ไอเดียร์ ออกมา...
จะต่างกันก็แค่ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เถื่อนกว่า สูงกว่า และนอกจากจะหน้าตากร้านกว่า คนตรงหน้าก็ดูจะอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองมากไปหน่อย..
.
.
.
กับผมยาวสีชมพูอ่อนที่ถูกมัดไว้ลวกๆ ...
.
.
.
“กลับมาจากญี่ปุ่นตอนไหนเนี้ย??”
“เมื่อเช้า...มาถึงก็ตรงดิ่งมาหาหมอเลย มาถอดกรามออก แม่งโคตรปวด...”
สำเนียงแปลกๆ เปล่งๆ ออกมาจากปากกว้างๆ ของอดีตเพื่อนสนิทที่เหมือนจะเป็นฝาแฝดของผมเสียมากกว่า...
"อเล็กซ์ ...นี่ด๊าซส์...อดิด๊าซส์..."
"Capy Cat??"
ด๊าซส์ แนะนำตัวเองพร้อมยักคิ้วส่งให้ ไอ้ฝรั่งนั่นอย่างเป็นกันเอง
""หง่ะ....อย่าใช้ศัพท์โรคจิตแบบนี้ดิ...เชี่ยด๊าซส์นี่"
.
.
.
"...แล้วไอ้ฝิ่นอะ? ไม่ได้ตัวติดกับมันแล้วหรือไง? "
ปากด๊าซส์มันพูดไปงับเบอร์เก้อเนื้อไป ..
"...แม่ง..มันมีแฟนแล้วเลยทิ้งกู.."
"เหอะ! ไอ้ฝิ่นเนี้ยนะทิ้งมึง??"
"..เอ่อดิ..แม่งเล่นของนอกด้วย..ทิ้งกูเลย.."
"...อ้าว? ...แล้วมึงล่ะไอเดียร์ ที่ควงอยู่นี้ไม่นอกอะไง? "
"...สัด! แดกไปเลย..."
"....เอ่อ...ไม่ต้องสั่ง 'กำลังจะหาแดกอยู่'... "
เหมือนหลอนไปเองครับ ด๊าซส์มันยิ้มเย็นๆ ให้ผม ...รอยยิ้มที่ทำให้ผมเสียววาบอยู่ข้างในลึกๆ ..
"..ปวดฉี่..ไปเป็นเพื่อนหน่อย"
ไม่ใช่ประโยคขอร้องครับ ไอ้ด๊าซส์มันพูดแล้วดึงมือผมตามไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้เดินไปที่โถฉี่ แต่มันลากผมมาเข้าห้องน้ำห้องเดียวกับมัน แล้ว พลักผมลงไปนั่ง ..
"ด๊าซส์! ด๊าซส์ ทำเหี้ยอะไร ?! "
ผมโวยวายสิครับ จู่ๆ มันก็ก้มลงมาแล้วแหกตาผม ตาข้างที่เจ็บนั่นล่ะ แหกแล้วก็จับมือผมไว้ไม่ให้ดึงมือมันออก
"..ไอเดียร์...มึงกินเยอะไปรึเปล่า? ที่ผ่านมามึงเจอเรื่องเหี้ยอะไรบ้างเนี้ย? ไอ้สัดฝิ่นไม่ได้ดูแลมึงเลยหรือไง? "
ด๊าซส์มันถามผมพร้อมๆ กับจ้องเข้ามาในตา แววตามันแปลกๆ แปลกจนผมกลัว มันเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างใน ความรู้สึกมันเหมือนกันเลย ...เหมือนตอนที่ผมเผลอจ้องมองตาของตัวเองผ่านกระจก..
"..ด๊าซส์..พ..พอแล้วกูกลัว.."
"...ถ้าจะกลัวกู ..มึงกลัวตัวมึงเองก่อนดีกว่า...ตอนนี้มึงกลายเป็นตัวเหี้ยอะไรไปแล้ว ไอเดียร์? "
เสียงกับสีหน้าด๊าซส์มันเหวี่ยงๆ ตวาดๆ แล้วไอ้ด๊าซส์มันก็ลากผมกลับไปที่โต๊ะ กลับมาผมไม่รู้ว่าอเล็กซ์ทำสียังไง เพราะผมก้มหน้าตลอดไม่กล้าสบตาด๊าซส์ ผมไม่รู้ว่ามันพูดเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลัวเกินไปกว่าที่จะมองตามัน..
.
.
.
..
"..เมื่อก่อน ...ผมกับไอเดียร์ เหมือนกันจนขนาดใครต่อใครเขาเรียกผมกับมันกันว่าฝาแฝดเลยนะ.."
ถึงผมก้มหน้าแต่ก็ยังได้ยินเสียงด๊าซส์มันกำลังชวนอเล็กซ์คุยไปเรื่อย ..
"แต่มาตอนนี้พอเจอกันอีกที ..ไอเดียร์มันกลับสวยขึ้น.."
เสียงเรียบๆ เย็นๆ ของด๊าซส์หยุดค้างอยู่ที่ประโยคนั้น ก่อนมันจะต่อประโยคต่อมาที่ทำให้อเล็กซ์ลากผมออกมาจากเบอร์เก้อร้านนั้นในแทบจะทันที
.
.
.
'...อเล็กซ์ นายรู้ใช่ไหม? ยิ่งมันสวยเท่าไหร่..มันยิ่งอันตราย...'