คุยกันก่อนอ่าน** เรื่องนี้จะคล้ายๆ ซิทคอมนะคะ แปลว่าเนื้อเรื่องจะเกินจริงพอสมควรเพื่อเน้นความบันเทิง ใครที่ชอบแนวสมจริง อาจต้องผ่านก่อนน้า ^^ (แจ้งไว้ก่อนนะคะกลัวอ่านแล้วไม่สนุกค่ะ)
75 METERS HIGH
ภีม&ศีล
บทนำ"รอด้วยคร้าบ" ศีลส่งเสียงนำไปก่อนตัว เมื่อประตูลิฟท์ที่หมายตากำลังจะปิดลง เขาเร่งฝีเท้าจนเกือบจะเป็นวิ่ง ในมือถือดอกไม้ช่อใหญ่กับแก้วกาแฟหนึ่งใบ
ศีลยืนหอบเมื่อประตูลิฟท์ปิดลง เขาลอบมองชายหนุ่มใจดีที่ช่วยกดเปิดลิฟท์รอ ใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งขรึม ไหล่กว้าง สูงราวกับนายแบบ อยู่ในชุดสูทดูสมาร์ท ศีลอดก้มลงมองตัวเองไม่ได้ เขาเป็นชายหนุ่มร่างผอมแห้ง หน้าตาธรรมดา แถมอยู่ในเสื้อผ้าที่แตกต่างกับชายหนุ่มลิบลับ
ศีลทำงานเป็นพนักงานร้านดอกไม้และกาแฟ หน้าที่หลักคือส่งของให้กับลูกค้า ชุดทำงานของเขาคือชุดพนักงานส่งของของทางร้าน เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียวกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินฟ้า หมวกปักโลโก้ร้าน และรองเท้าผ้าใบสีดำเพื่อกันเลอะ ช่างแตกต่างกับชายหนุ่มตรงหน้าโดยสิ้นเชิง
ไปชั้นเดียวกันด้วย ศีลมองปุ่มกด จะรู้จักคนที่เขาส่งของให้ไหมนะ แต่ออฟฟิศใหญ่โตขนาดนั้นคงรู้จักกันไม่ครบทุกคนมั้ง ศีลก้มลงมองดอกไม้ในมือ แอบยิ้มเมื่อคิดว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเป็นคนส่งดอกไม้ให้ผู้ชายแล้ว
เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ เขาจึงตกใจจนร้องเสียงหลง เมื่อลิฟต์กกระชากตัวแรงหนึ่งครั้งก่อนหยุดนิ่ง ความตกใจบวกกับแรงกระชากทำให้เขาเซถลาเข้าหาเพื่อนร่วมชะตากรรม กาแฟกระฉอกออกจากแก้วตามแรงเหวี่ยง ดอกไม้ปลิวหวือออกจากมือ ปะทะกับองกว้างก่อนตกลงสู่พื้น
ศีลยืนตะลึงหน้าซีด รีบเก็บช่อดอกไม้ขึ้นมา "ขอโทษครับ ขอโทษ!"
“ไม่เป็นไร” คนตรงหน้าไม่แสดงอาการ ไม่แม้แต่จะก้มลงจัดการกับคราบกาแฟที่หกเลอะเสื้อสูทกับรองเท้า แม้ไม่มากแต่ก็เห็นเด่นชัด
ศีลหมายจะเข้าไปเช็ดให้ แต่ต้องชะงักเมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
“คะ..คุณ! คุณ! ลิฟต์ค้าง!
ร่างสูงสบตาโตของเขา ไม่ตอบอะไร เดินผ่านเขาไปยังแผงควบคุม ปดปุ่มฉุกเฉิน ตาเหลือบขึ้นมองกล้องวงจรปิดในลิฟต์ ครู่เดียวก็มีคนตอบกลับมา ด้านนอกทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น กำลังแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการช่วยเหลือ
“รอก่อน” น้ำเสียงคนพูดราบเรียบ
ศีลอดมองค้อนไม่ได้ อะไรจะใจเย็นขนาดนั้น ถ้านานล่ะ ถ้าเขาติดอยู่ระหว่างชั้นพอดี ถ้าเปิดเข้ามาช่วยไม่ได้ ถ้าอากาศหมดก่อน
!!!
ถ้าอากาศหมดก่อน!!!
“คุณ! ถะ..ถ้าเราตายก่อนล่ะ”
“ใจเย็น” มือแข็งแรงจับไหล่เขาทั้งสองข้าง หมุนให้หันไปเผชิญหน้า จ้องตาเขาราวกับสะกดจิต “อย่าเพิ่งสติแตก”
“ผมไมได้สติแตก ผม..ผม..” คนไม่สติแตกพูดไม่เป็นคำ “เช้านี้ผมยังไม่ได้โทรหาพ่อกับแม่ ยังไม่ได้บอกรัก ออเดอร์ตอนบ่ายรับไว้ก็ยังไม่ได้บอกจิน ผมยังไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศเลยสักครั้ง ผม..”
“ก็โทรสิ”
“หะ!!” ดวงตาของศีลเบิกกว้าง จ้องตาอีกฝ่าย
“คุณก็โทรไปสิ ลิฟต์ค้างมันไม่ได้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอาจจะอ่อนแต่พอคุยได้”
ศีลรู้สึกถึงแมลงวันนับสิบตัวกำลังบินเข้าปากของเขา เพราะมันอ้าค้างอยู่นานก่อนเสียงหัวเราะเก้อๆ จะหลุดลอดออกมา
“ฮะๆ” เขาพยายามฝืนความกลัวทำเหมือนตัวเองไม่เป็นไร “ผมแค่เปรียบเปรยว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่าง เกิดเป็นอะไรขึ้นมาคงเสียดาย”
“เราแค่ลิฟต์ค้าง” เสียงคนพูดยังราบเรียบไร้ความตระหนกตกใจ
“ไม่แค่นะครับ ลิฟต์ตัวนี้เก่าแก่แค่ไหนก็ไม่รู้” ศีลทำเป็นเมินความใหม่ของลิฟต์เสีย มันอาจใหม่เพราะแม่บ้านทำงานดีก็ได้ “แล้วถ้าเกิดเจ้าของตึกสั่งลิฟต์สเป็คต่ำมาติด เกิด..เกิดลิฟต์มันสวยแต่รูปจูบไม่หอม”
“หึๆ ใครเขาใช้สำนวนนั้นกับลิฟต์” ในขณะที่เขาโวยวายอีกคนกลับมีท่าทีสบายๆ ชวนให้โมโห
“นี่ผมพูดจริงนะครับ ใครจะไปรู้คุณลุงเจ้าของตึกอาจไม่เคยสั่งซ่อมบำรุงลิฟต์เลยก็ได้ ไม่งั้นมันจะค้างเหรอ ตึกนี้สร้างมาตั้งนานแล้ว เราต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท” ความกลัวความวิตกทำให้คนสติแตกได้ เขาคงเป็นหนึ่งในนั้น ศีลรู้ตัวว่าเขาพูดมาก โวยวายแต่เขาหยุดตัวเองไม่ได้
“คุณลุง?!!”
“ครับ” ศีลพยักหน้า ทีอย่างนี้ดันทำเสียงเสียตกใจ แทนที่จะโฟกัสเรื่องที่เขาพยายามบอกดันสนใจคำเรียกเสียอย่างนั้น
“รู้ได้ยังไงว่าแก่แล้ว”
“โห~ คนเป็นเจ้าของตึกใหญ่โตขนาดนี้ได้ ต้องแก่ระดับคุณลุงขึ้นไปอยู่แล้วครับ แต่มันใช่เรื่องที่เราต้องคุยกันตอนนี้ไหม ผมว่าเรามาช่วยกันหาทางออกดีไหมครับ”
ศีลเพิ่งนึกได้ว่าเขาไม่ควรอยู่เฉย ชายหนุ่มวางดอกไม้และแก้วกาแฟลงที่มุมลิฟต์
“ไม่ต้อง รอเฉยๆ ก็พอ เชื่อเถอะว่าลิฟต์ตัวนี้ปลอดภัยดี”
“แต่เราไม่ควรงอมืองอเท้ารอความช่วยเหลือนะครับ เราต้องรู้จักช่วยตัวเองก่อน” ศีลเงยหน้าขึ้นมองเพดานลิฟต์ เขาดูหนังมาตั้งเยอะ ข้างบนมันเปิดขึ้นไปได้
“คุณหนักเท่าไหร่ครับ”
“ฉันเหรอ? ถามทำไม”
“ช่างเถอะ คุณเหยียบหลังผมปีนขึ้นไปดูด้านบนหน่อยครับ”
“ดูหนังมากไปหรือเปล่า” เสียงพูดปนหัวเราะ
“เอาน่าคุณดีกว่าไม่ลอง เกิดเราติดอยู่ระหว่างชั้นปีนขึ้นไปด้านบนมันน่าจะตรงกับประตูด้านนอกพอดี” เห็นไหมการดูหนังมากใครว่าไม่ได้ประโยชน์ เขาเคยดูเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
“ไม่ล่ะเดี๋ยวหลังหัก” ผู้ร่วมชะตากรรมไม่ยอมร่วมมือกับเขา
“งั้นผมเหยียบคุณแทนก็ได้ คุณตัวใหญ่กว่าผม”
“ไม่มีทาง! นั่งรอเฉยๆ เถอะ ยิ่งคุณโวยวายทำโน่นทำนี่อากาศจะยิ่งหมด”
ศีลชะงัก จริงด้วย! เขาลืมไป
ร่างสูงถอดเสื้อสูทออก โยนลงไปบนพื้นก่อนลงไปนั่งทับ ศีลทรุดตัวลงนั่งข้างร่างสูง เงียบกริบ
“หึๆ คุยบ้างก็ได้ คุณจะได้ไม่เครียดจนสติแตก”
“ทำไมครับ กลัวผมกระโดดกัดหูเหรอ”
“ไม่ได้คิดแบบนั้นแต่ก็ใกล้เคียง”
ศีลหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนพูด เห็นนิ่งๆ ขรึมๆ ร้ายไม่ใช่เล่นนะ ศีลถอนใจยาว พอได้นั่งลงพักสติของเขาก็ค่อยๆ กลับมา เริ่มรู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองวิตกเกินไป
“คุณทำงานชั้นยี่สิบห้าเหรอครับ” ศีลชวนอีกฝ่ายคุยเล่นฆ่าเวลา
“ใช่”
“รู้จักคนที่ชื่อพีระพัฒน์ พงษ์ภีระไหมครับ”
“ถามทำไม”
“ก็นั่น” ศีลชี้มือไปยังของที่เขากองเอาไว้ “ของคนที่ว่าครับมีลูกค้าสั่งให้มาส่งให้ เห็นอยู่ชั้นเดียวกันเลยถามเล่นๆ”
“รู้จัก”
“แต่สงสัยจะส่งไม่ได้แล้ว” ศีลมองของด้วยดวงตาละห้อย ดอกไม้บอกช้ำจากการตกกระแทก กาแฟฝาหลุด กระฉอกออกมาแม้ไม่มากแต่สภาพนี้ก็คงส่งให้ลูกค้าไม่ได้
“ผมว่าไม่เป็นไร เหตุสุดวิสัยแบบนี้คนรับเข้าใจ”
“ไม่ได้หรอกครับ พี่ลิตเจ้าของร้านผมจริงจังเรื่องนี้มาก ลูกค้าต้องได้รับของที่ดีที่สุด โชคดีที่ร้านผมอยู่ในซอยที่ติดกับตึกแค่นี้เอง เดี๋ยวกลับไปเปลี่ยนได้ แต่ก็เสียดายค่าดอกไม้มันแพง”
“ใครส่งมา มีการ์ดไหม”
“แหนะๆ” ศีลหันไปมองคนถามตาวาว “เห็นเงียบๆ อยากรู้เรื่องคนอื่นเหมือนกันเหรอครับ.. อุ้ย!” ศีลยิ้มแห้งเมื่อเจอเข้ากับสายตาดุๆ รีบยกมือขึ้นตบปากตัวเองเบาๆ
“บอกไม่ได้ครับ ความลับของลูกค้า”
“มีคนมาแล้ว” ร่างสูงลุกขึ้นยืน ศีลรีบหยิบของขึ้นมาถือไว้ เสียงงัดประตูลิฟต์ดังจากภายนอก ครู่เดียวประตูลิฟต์ก็เปิดออก
“ขอโทษครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยโค้งต่ำมาก ศีลส่งยิ้มกว้างให้จะได้รู้ว่าเขาไม่โกรธ พนักงานที่นี่ถูกฝีกมาดีจริงๆ มารยาทงามเชียว
แต่ไม่ใช่แค่นั้น ด้านหน้าลิฟต์มีคนยืนรออยู่อีกหลายคน แต่ละคนมีสีหน้ากังวล
“เป็นอะไรไหมครับ” เสียงถามนอบน้อม
“ไม่เป็นครับ สบายดี” ศีลยิ้มแย้มตอบ ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายขำ
“เอ่อ..” ผู้ชายในชุดสูทเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่แล้วก็เงียบไป
“โอ๊ะ!ผมไม่ทันแล้ว” ศีลเพิ่งนึกได้ว่าเขาต้องรีบกลับไปร้านเพื่อเปลี่ยนดอกไม้และกาแฟ ลูกค้าแจ้งเวลาส่งของมาด้วย เขาไม่อยากเลทมากเกินไป
“เดี๋ยว”
“ครับ?” ศีลหันไปมองเมื่อร่างสูงยกมือจับบ่าเขาไว้
“ส่งของนั่นมาเถอะ”
“ทำไมครับ” ศีลไม่ยอมส่งให้
“ฉันคือคนที่นายจะมาส่งขอให้”
“ไม่จริงม้างง” ศีลหรี่ตามองคนพูด อำเขาหรือเปล่า
“คุณมงคลบอกหน่อยว่าผมชื่ออะไร”
“ได้ครับ ชื่อคุณพีระพัฒน์ พงษ์ภีระครับ”
“หา~” ศีลตาเบิกกว้าง เผลอหลุดคำอุทานออกมา
“ไม่ต้องหา ไม่ต้องทำมาใหม่ ส่งมาฉันจะบอกคนส่งให้เองว่าได้รับของแล้วในสภาพดีมาก”
“ไม่ดีมั้งครับ คือ..คือ..”
“ส่งมาเถอะ”
ศีลใช้เวลาตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ดีเหมือนกันพี่ลิตจะได้ไม่เสียดอกไม้ฟรี อย่างน้อยคนๆ นี้ก็รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ขอบคุณมากครับ” ศีลส่งดอกไม้ การ์ดและแก้วกาแฟให้ แต่มีคนยื่นมือมาช่วยรับแทน
“ช่วยเซ็นรับให้ด้วยครับ” เขาเปิดกระเป๋าหยิบใบรับของมาให้ชายหนุ่มเซ็น
“จะนั่งพักก่อนไหม” คนพูดคืนปากกาให้เขา
“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องรีบกลับไปที่ร้าน”
“อืม อย่าลืมโทรหาพ่อกับแม่” เสียงพูดไม่เท่าไหร่แต่สายตาที่มองมานี่สิ ถ้าไม่ใช่ลูกค้าละน่าดู! ถึงจะคิดแบบนั้นแต่เขาก็อดไม่ได้อยู่ดี ศีลย่นจมูกใส่ ยิ่งทำให้ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายมากขึ้น
“สวัสดีครับ” ศีลยกมือขึ้นไหว้ก่อนเดินแยกมา เขายกมือขึ้นทุบไหล่ รู้สึกเหมือนผ่านสมรภูมิรบมา เป็นการเริ่มต้นวันที่ตื่นเต้นพิลึก ขอให้วันนี้เขาไม่โชคร้ายเกินไปด้วยเถอะ
• • • • • • • •
“โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไร” จินตั้งใจฟังเขาพูดจนจบ จินเป็นชายหนุ่มรูปร่างเล็ก ใส่แว่นตลอดเวลา เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหา’ลัยของเขา หลังจบออกมาต่างคนต่างยังหางานทำไม่ได้ จินจึงชวนมาทำงานที่ร้านของญาติสนิทไปพลางๆ ระหว่างรองาน ซึ่งเขาเต็มใจมาอย่างยิ่ง การทำงานหนักดีกว่าการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งเดือน
“ใช่ ถ้าไม่นับเรื่องหน้าแตกนะ” ศีลส่ายศีรษะ “ใครจะรู้วะ เป็นตัวเองก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรกอมพะนำอยู่ได้ จะจำชื่อนี้ไปอีกนานเลย นายพีระพัฒน์ พงษ์ภีระ”
“ชื่ออะไรนะ!”
พี่ลิต เป็นเจ้าของร้านดอกไม้และกาแฟที่ผมทำงานอยู่ เป็นชายหนุ่มร่างสูงผอม ไว้ผมยาวปะบ่า ท่าทางพี่ลิตดูตื่นตกใจ รีบเดินตรงมาหาพวกผม
“ชื่อพีระพัฒน์ พงษ์ภีระ โอ๊ย! พี่ลิต โอ๊ย”
ศีลร้องโอดโอยเมื่อเจ้านายสุดที่รักยกมือขึ้นบีบคอ แม้จะบีบหลอกๆ แต่ก็ต้องร้องกันไว้ก่อนเผื่อเอาจริง
“ที่เล่าเมื่อกี้ ที่เรียกตาลุง เรื่องขี้เหนียวนี่คือคนนี้เหรอ”
“ช่ายพี่ โอ๊ยยย พี่ลิต หยุดดด เดี๋ยวผมตาย” ศีลร้องเสียงหลงเพราะคราวนี้เจ้านายเขย่ามือ ทำเอาเขาหัวสั่นหัวคลอน
“จะตายกันจริงๆ น่ะสิ” พี่ลิตยอมปล่อยมือจากคอเขา ถอนใจยาวมาก “เงาหัวไม่เหลือกันแล้ว”
“ทำไมพี่” ศีลลูบคอตัวเอง ยังไม่เข้าใจที่เจ้านายพูด”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” แม้แต่จินเอง สีหน้าก็เริ่มเป็นกังวล
“ก็คนที่พูดถึง คนที่เราติดอยู่ในลิฟต์ด้วยเป็นเจ้าของตึกนั้น”
“หา~” ศีลตาเหลือก เจ้าของตึก! หมอนั่นคือตาลุงที่เขาพูดถึงเหรอ
“ไม่ต้องหาอะไรแล้ว ไม่ใช่แค่ตึกนั้น ที่ดินครึ่งซอยนี้ก็เป็นสินทรัพย์ของครอบครัวคุณพีระพัฒน์ รวมถึงที่ดินตรงนี้ด้วย” พี่ลิตถึงกับต้องควักยาดมในกระเป๋าขึ้นมาดม
“ตรงนี้เหรอพี่” หน้าของเขาเหลือสองนิ้ว
“เออสิ พี่เช่าห้องนี้จากบริษัทของคุณพีระพัฒน์”
ศีลกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกถึงความซวยซ้ำซวยซ้อนของตัวเอง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงดูพินอบพิเทา
“รีบเอากระเช้าดอกไม้ไปขอโทษ คลานเข่าเข้าไปเลยนะเจ้าศีล”
“พี่ลิตตต อันนั้นก็เกินไป”
ศีลคอหดเมื่อเจ้านายหันขวับมามอง “ไม่เกิน ต้องทำให้คุณพีระพัฒน์หายโกรธให้ได้เข้าใจไหม เดือนหน้าก็ถึงเวลาต่อสัญญาร้านแล้วถ้าไม่ได้ต่อสัญญาตายแน่”
“ฉิบหาย อะไรมันจะพอดีขนาดนี้” ศีลอยากตีอกชกหัว เขารู้จากเจ้านายว่าตึกนี้ต่อสัญญาทุกสามปี ตั้งสามปีไม่มีเรื่องอะไร ทำไมต้องมาเกิดตอนจะหมดสัญญาด้วยวะ
“ได้พี่” ศีลตอบรับเจ้านายด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปแต่เช้าเลย”
“ไปวันนี้เลยเดี๋ยวช้า”
“พรุ่งนี้เหอะพี่”
“นี่มันเรื่องด่วนจัดการให้เรียบร้อยก่อน หรือเราติดอะไร”
“ติดความซวยไงพี่ลิต เผื่อยังมีตกค้าง เดี๋ยวลุงเห็นหน้าผมแล้วฉุนขึ้นมา”
“ตกลง งั้นไปพรุ่งนี้” ลิลิตเห็นด้วยทันที
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ จินพยายามกลั้นแล้วแต่ไม่สำเร็จ เขาขำเพื่อนกับญาติสนิทจนหลุดเสียงออกมา
“ขอโทษครับ” จินรู้ว่ามันเป็นเรื่องซีเรียส แต่ฟังแล้วเขาอดขำไม่ได้จริงๆ
“ไม่เป็นไรพี่ก็ขำ” สุดท้ายไม่มีใครกลั้นสียงหัวเราะไว้ได้ หนึ่งเจ้านายสองลูกน้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“เอาเถอะมันคงเป็นดวง” ลิลิตพูดอย่างปลงตก ปกติเขาจะเป็นคนรับออเดอร์ลูกค้าและจัดดอกไม้เป็นหลัก จินชงกาแฟและจัดดอกไม้ ศีลเป็นพนักงานสารพัดประโยชน์ หน้าที่หลักคือส่งของ แต่ออเดอร์นี้เข้ามาตอนเขาไม่อยู่ จินเป็นคนรับสายและจัดดอกไม้ให้ ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้ตั้งแต่เห็นชื่อแล้ว เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องของโชคชะตาล้วนๆ ถือเสียว่าเป็นความตื่นเต้น เพื่อไม่ให้ชีวิตเงียบเหงาจนเกินไป
“พี่ลิต”
“ว่า” ลิลิตหันไปมองลูกน้องตัวแสบสุดของร้าน ศีลยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นกระกายวาววับ
“พรุ่งนี้พี่ลิตเป็นคนเอาไปให้ไหม เผื่อฟ้าจะประทานเนื้อคู่โคตรหล่อโคตรรวยมาให้”
ลิลิตชอบผู้ชาย เรื่องนี้ครอบคัวเพื่อนฝูงต่างรู้ดีเพราะเขาไม่เคยปิด เขาส่งยิ้มกว้างให้ลูกน้อง เดินเข้าไปหาช้าๆ
“ตายซะเถอะเจ้าศีล!”
“ฮ่าๆ” ศีลวิ่งไปทั่วร้าน ลิลิตยิ้มขำ เขาโกรธเจ้าเด็กนี่ไม่ลงหรอก ปากดีไป ระวังเถอะ! จะเป็นเนื้อคู่ของเอ็ง
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin