ตอนที่ 14ข้าวของถูกขนลงจากรถหกล้อจนหมดและถูกทยอยนำเข้าไปเก็บในบ้าน ของเหล่านี้เป็นของมิคที่ขนย้ายมาจากโรงพยาบาลเพราะมิคตัดสินใจเรียนต่อโทด้านทันตกรรมสำหรับเด็กที่มหาวิทยาลัยเดิมที่เราเรียนจบมาด้วยกัน และสาขาที่มิคเลือกเรียนผมว่ามันเหมาะกับเจ้าตัวมาก ก็ดูอย่างตอนไปออกหน่วยเคลื่อนที่ครั้งนั้นสิมิคเป็นขวัญใจเด็กแถมพ่วงผู้สูงวัยไปด้วยเอ้า งานนี้ไม่รู้ว่าคนไข้หรือหมอจะน่ารักไปกว่ากันนะครับ นี่ผมไม่ได้เข้าข้างแฟนตัวเองนะอย่างตอนนี้ใบหน้ามิคที่จมูกแดงตาช้ำคิ้วขมวดมุ่นนิดๆนั่นเหมือนเป็นเด็กที่ผ่านการร้องไห้งอแงมา แต่แฟนผมเค้าร้องเพราะต้องจากสถานที่และผู้คนที่คุ้นเคยจากที่ทำงานด้วยกันถึงสองปีก็ต้องมีความอาลัยอาวรณ์เป็นธรรมดา เมื่อเช้าผมก็ไปรับมิคถึงที่โน่นพร้อมไอ้วินที่ก็ไปรับกัส สองหนุ่มน้อยร้องไห้น้ำตาไหลแบบไม่มีเสียงจนตาช้ำไปหมดแบบนี้ ไอ้ผมก็อยากจะกอดปลอบอยู่หรอกไม่ติดที่ว่าต้องนั่งรถกลับและตอนนี้ก็ต่อหน้าพ่อตาแม่ยายด้วย ไม่งั้นมิคได้โดนผมฟัดจนตัวน่วมไปแล้วล่ะครับ
“มิคเป็นยังไงบ้าง ดูซิตาบวมจมูกแดงไปหมดแล้ว ปวดหัวมั้ยครับ” ผมอดไม่ได้ที่จะถามและแสดงความห่วงใยกับคนรัก โดยการใช้หลังมือลูบแก้มใสและอังนิ่งวัดอุณหภูมิที่หน้าผากเนียน
“ไม่เป็นไรหรอกฟิน ดีนะที่ได้รถจากคุณพ่อวินมาช่วยแถมมีคนขนของให้อีก เมื่อกี้กัสก็โทรมาถามว่าเรียบร้อยรึยังด้วย” มิคส่ายหน้าจนผมกระจายว่าเจ้าตัวไม่เป็นอะไร พูดไปยาวแต่ผมก็จับความไม่ค่อยได้เพราะมัวแต่มองปากแดงที่เจื้อยแจ้วพูดไม่หยุด และให้นึกถึงจูบหวานๆที่ผมได้ลิ้มลองมาแล้ว
“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมจากพ่อตาทำเอาผมสะดุ้ง นี่หมายความว่าผมกับมิคอยู่ในสายตาท่านตลอดล่ะซิ ผมจึงเอามือออกจากแก้มนิ่มที่เผลอลูบเพลินและหันไปยิ้มแหยให้คนขัดจังหวะ
“ฮิๆๆ ไปลูกมิคลูกฟินเข้าบ้านกันก่อน ไปค่ะคุณกต” คุณแม่ยายผู้น่ารักหัวเราะเสียงใส ท่านคงขำท่าทางของผมที่เกรงใจพ่อตาที่หวงลูกชาย ส่วนมิคก็ตาโตตกใจคงไม่นึกว่าเราจะถูกคุณพ่อตาจับตาอยู่
เมื่อเข้ามาในบ้านแล้วมิคก็ขอตัวไปดูข้าวของที่ถูกขนไปไว้บนห้อง คงอยากเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนผมก็อยากขึ้นไปช่วยมิคนะแต่สายตาจ้องเขม็งที่มองมาจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร มันทำเอาผมต้องหย่อนตูดนั่งที่เก้าอี้รับแขก คอก็ได้แต่ชะเง้อไปทางบันไดที่มิคหายขึ้นไป จริงๆถ้าที่รักเอ่ยปากชวนผมคุณพ่อตาก็อาจจะอนุญาตล่ะมั้ง แต่มิคก็คงไม่กล้าหรอกก็ต่อหน้าพ่อแม่ตัวเองคงไม่กล้าชวนแฟนผู้ชายขึ้นห้องล่ะนะ ผมนึกขึ้นได้ว่าผมลืมใครบางคนไปก็น้องชายจอมโหดของมิค ‘นายแม็ค’ มันไปไหนกันไม่อยู่บ้านก็ได้แต่มองหามันกลัวว่าจะโผล่มางับหูผมซะก่อนน่ะซิ เรื่องแม็คนี่ผมมารู้จากมิคทีหลังว่าแม็คน่ะมันเรียนนายร้อยตำรวจอยู่ผมก็เลยถึงบางอ้อกับนิสัยและท่าทางที่มันแสดงออกมา และผมคงต้องระวังตัวจากปืนถึงสองกระบอกซะแล้วล่ะครับ
“เอ้า กินน้ำกินท่าก่อน ฟินเหนื่อยมั้ยไปช่วยมิคขนของถึงที่นู่นน่ะ” แม่ยายผมว่างแก้วน้ำเย็นตรงหน้าและถามไปยิ้มไป ผมน่ะแพ้รอยยิ้มแบบนี้เพราะมันเหมือนของแฟนผมเลย จึงยิ้มแก้มปริไปให้ท่านและส่ายหน้าตอบ หยิบน้ำยกดื่มและถามคำถามที่คาใจไป
“คุณแม่ครับ แล้วแม็คไปไหนครับ”
“ไปเรียนสิจ๊ะ วันนี้ไม่ใช่วันหยุดน้าและน้องก็พักที่สามพรานเลยจ๊ะ นานๆจะกลับสักที”
นั่นสิผมก็ลืมไปว่าวันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ได้หยุด และแอบดีใจที่ไม่ต้องคอยเจอการจับจ้องของนายแม็คอีกคนนอกจากคุณพ่อตาผม และนั่นท่านหัวเราะเยาะผมนะนั่นคงว่าผมถามอะไรไม่ได้เรื่องแน่ๆ
“เดี๋ยวเย็นนี้ฟินอยู่ทานข้าวด้วยกันนะจ๊ะ”
ผมตอบรับคำชวนทันทีและยิ้มหน้าบานไปแล้ว และอดสะดุ้งนิดๆกับพ่อตาที่กระแอมเบาๆเหมือนขัดใจที่คุณแม่ยายชวนผมทานข้าว แต่ก็ต้องลุกเดินออกไปเมื่อแม่ยายผมหันไปมองและเหมือนท่านจะหาทางเลี่ยงตาวาวที่ถูกส่งไปให้นั่นแหละ พ่อตาผมท่านคงเดินไปทางเรือนกล้วยไม้หลังบ้านที่เป็นงานอดิเรกเมื่อเกษียณจากการรับราชการครูของท่าน
“ฟินนั่งทำอะไรอยู่ล่ะ ไม่ไปช่วยมิคเก็บของเหรอจ๊ะ” นี่ท่านเปิดทางให้ผมได้อยู่กับลูกชายท่านใช่มั้ยครับ ผมนั้นดีใจมากจึงรับคำท่านเพื่อขึ้นไปช่วยมิคเก็บของทันที
“ชะ ช่วยครับ งั้นผมขออนุญาตขึ้นไปช่วยมิคข้างบนนะครับ” แม่ยายผมยิ้มให้และพยักหน้าตอบรับ ผมก็จ้ำอ้าวไปทางบันไดที่เห็นมิคขึ้นมาทันที
ชั้นสองของบ้านนั้นเย็นสบายจากหน้าต่างหลายบานที่ถูกเปิดเต็มที่เพื่อรับลม ผมเดินตามเสียงที่ดังก๊อกแก๊กไปคงเป็นมิคที่กำลังเก็บของอยู่ และผมได้เดินผ่านประตูห้องนอนจนมาถึงห้องที่เปิดแง้มอยู่ เห็นมิคก้มรื้อของในกล่องและเดินไปวางตามชั้นวางของติดผนัง ห้องมิคไม่ใหญ่มากนักมีเตียงสำหรับนอนคนเดียว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง และมีห้องน้ำอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ผมเดินเข้าห้องจังหวะที่มิคหันหลังให้และปิดประตูแผ่วเบา และเดินตรงไปคว้าเอวบางไว้เป็นจังหวะเดียวกับที่มิคหันหน้ามาทางผมพอดี ทำให้ร่างเล็กถูกผมรวบกอดไว้ทั้งตัว
“เฮ้ย! ฟิน ตกใจหมด แล้วกอดทำไมเนี่ย” ใบหน้าขาวตกใจตาโตแว่นเอียงจะหลุดจากจมูกปากบางขยับพูดไปมาและดิ้นน้อยๆแต่ไม่หลุดออกจากอ้อมกอดผมได้ง่ายๆหรอกครับงานนี้
“ก็อยากกอดมาตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย ขอกอดหน่อยน้า นะครับ” ผมกอดร่างบางแน่นพูดออดอ้อนไปพลางก็ซบหน้าไปกับลาดไหล่เล็ก พลิกหน้าอีกนิดก็สูดกลิ่นหอมจากซอกคอขาวได้
“ฮิๆ ฟินพอๆ มิคจั๊กจี้ คิกๆ”
มิคดิ้นหนีแต่มันยิ่งทำให้ผมฝั่งจมูกลงถนัดกว่าเดิมและสูดกลิ่นหอมของเจ้าของคอซะเต็มปอด และค่อยคลายแรงกอดลง มองหน้าหวานที่ตอนนี้ยังยิ้มกว้างอยู่จับแว่นออกจากใบหน้าหวาน ก้มหาเป้าหมายที่ผมอยากลิ้มรสอีกครั้ง ปากผมจะแตะปากบางอยู่แล้วแต่มีมือมากั้นไว้ซะก่อน และเจ้าของมือก็ยิ้มใส่ตาผมอยู่
“รู้ทันหรอกว่าจะทำอะไร ขึ้นมาเนี่ยต้องมาช่วยมิคเก็บของซิ ไม่ใช่มาทำแบบนี้” มือนุ่มจะผละออกหลังพูดจบ แต่เป็นผมนี่แหละที่ยึดมันไว้และจูบลงฝ่ามือหอมระรัวไม่ได้อย่างที่คิดได้แบบนี้ก็ยอมล่ะครับ
“คิกๆ พอแล้วฟิน ทำอะไรเพี้ยนๆ ฮิๆๆ” เจ้าตัวยอมให้ผมจูบแบบนั้นจนผมพอใจและจับมือนุ่มไว้ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงหลังมือบางเล่น
“มิคใจร้าย ฟินจะขอกำลังใจเล็กๆบ้างก็ไม่ได้ นะน้าจะได้มีแรงช่วยมิคเก็บของ” ผมยกมือนุ่มที่กุมไว้ขึ้นจูบหลังมือตาจ้องสบตาหวานอ้อนๆ
มิคยิ้มนิดๆและส่ายหัวน้อยๆไปมาและสิ่งที่ผมเห็นก็ทำเอาใจเต้น เพราะริมฝีปากสีสดของมิคเคลื่อนใกล้มาที่ใบหน้าผม ผมก็โน้มตัวลงเข้าหาแต่ปากสวยกลับหยุดลงและเคลื่อนไปที่แก้มผมแทน มิคหอมแก้มผมสองฟอดใหญ่ทั้งซ้ายและขวา แอบใจแฟบลงแต่ก็ยังดีที่มิคมาหอมแก้มกันแบบนี้ ยิ้มก็ได้แต่ยิ้มนิดๆทำหน้าผิดหวังหน่อยๆไปให้มิคที่หัวเราะก้องที่ได้แกล้งกันแบบให้ความหวังผมแบบนี้
“ได้กำลังใจแล้ว ไปช่วยกันเก็บของเลยเร็ว ฮิๆๆ” ผมก็คลายกอดให้มิคได้จับจูงไปที่ข้าวของที่วางเกะกะบนพื้น
หลังจากนั้นผมก็ช่วยมิคเก็บของเข้าที่เข้าทางจนเกือบเสร็จเหลือหนังสืออีกบางส่วนที่ต้องหาที่เก็บทีหลังเพราะชั้นหนังสือในห้องมิคเต็มแล้ว และช่วยกันทำความสะอาดห้องเพราะมีทั้งเศษฝุ่นผงและกล่องกระดาษที่ใส่ของมา จนเสร็จก็ทำเอาเราทั้งคู่เหงื่อท่วมตัว
“ฟินอาบน้ำหน่อยมั้ยเหงื่อเต็มตัวเลย เดี๋ยวมิคไปหาเสื้อผ้าของแม็คมาให้เปลี่ยน สบายตัวจะได้ทานข้าวได้อร่อยไง”
ผมไม่ปฏิเสธความหวังดีของคนรักอยู่แล้วอะไรตามใจได้ก็ทำให้ทั้งนั้นแหละครับ เหตุผลที่มิคบอกก็เข้าท่าดีและเดี๋ยวพ่อตาเห็นผมตอนนี้จะขัดใจท่านเอาได้ มิคออกไปนอกห้องผมจึงนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือและมองสำรวจรอบห้องอีกครั้งเพราะตอนจัดของก็ไม่ทันดู ห้องมิคเป็นห้องที่จัดของได้เป็นระเบียบและมีของใช้ไม่มากมีก็แต่หนังสือนี่แหละที่ดูจะกินเนื้อที่ห้องไปเยอะกว่าสิ่งอื่น สายตาผมมาจบที่เตียงนุ่มที่ปูผ้าปูสีเขียวอ่อนเรียบตึงจนน่านอน ผมล่ะหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องลองนอนให้ได้ยังไม่ทันจะเดินไปอย่างที่ใจคิดประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาพร้อมมิคที่ถือเสื้อผ้ามาด้วย
“อ่ะเสื้อผ้าไว้เปลี่ยน ฟินอาบน้ำที่ห้องนี้เลยนะเดี๋ยวมิคไปอาบห้องแม็คเอง” มิคยื่นเสื้อผ้ามาให้ผมพร้อมยิ้มหวาน และผมแอบเห็นแก้มกลมเปื้อนฝุ่น จึงลุกขึ้นเอื้อมมือเช็ดหน้าให้ เจ้าของแก้มชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ผมเช็ดจนเสร็จ
“เสร็จแล้วครับ พ่อหนูน้อยของฟิน”
ผมยิ้มล้อเลียนส่งให้มิคไปและสิ่งที่ผมเห็นต่อมาก็แทบอยากจับคนรักมาฟัดอย่างหมั่นเขี้ยว ก็มิคที่ทำหน้ามุ่ยต่อมาก็แลบลิ้นให้ผมเป็นเด็กแถมรู้ทันกระโดดหลบมือผมที่หมายจะเอื้อมจับเจ้าตัวมาลงโทษ และวิ่งหนีหัวเราะร่าไปที่ประตูแล้ว ผมที่จับตัวยุ่งไม่ทันได้แต่อมยิ้มส่ายหน้าให้กับความเป็นเด็กของคนรัก และเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำจนออกมาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยมิคก็ยังไม่มา ผมหันซ้ายหันขวาอยากจะลงไปเลยก็กลัวว่าจะโดนพ่อตาเขม่นจึงเดินไปที่เตียงนุ่มน่านอนที่เล็งไว้ก่อนอาบน้ำ อืมนุ่มเหมือนที่คิดไว้ลูบไปตามผ้าปูสีเขียวที่ขึงจนตึง ผมเอนตัวลงนอนอย่างที่ใจอยากกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มลอยแตะจมูกจนอดใจซบหน้าไม่ได้ ผมคว่ำตัวนอนและตะแคงหน้าหลับตาสบายไปทั้งตัวแต่จะดีกว่านี้ถ้ามีร่างนุ่มของเจ้าของห้องอยู่ในอ้อมกอด ผมหลับตานิ่งแต่ยังไม่ได้หลับจนได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาก็ยังไม่ลืมตา แต่ผมแน่ใจว่าคนที่เข้ามานั้นก็คือคนรักตัวเล็กของผมเพราะมิคบ่นเบาๆว่าผมแอบหลับไปแล้ว ที่นอนข้างตัวผมยวบลงและมีมือของคนตัวหอมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมาลูบหัวผมเบาๆและจับปลายเส้นผมบริเวณหน้าผากเล่น ปลายนิ้วเย็นไล้จากหัวคิ้วไล่ไปถึงหางคิ้ว ลูบแผ่วที่ขนตาลงมาที่จมูกโด่ง และผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะความเจ็บจนต้องร้องออกมา
“โอ๊ยยย มิคอ่ะ ฟินเจ็บนะ” ผมคว้าได้ทั้งมือและตัวเย็นหอมกรุ่นของมิคและจับกดลงกับเตียง
“คิกๆๆ สมน้ำหน้า แกล้งหลับทำไมล่ะ มิครู้ทันหรอก ฮิๆๆ” คนใต้ร่างผมยังไม่รู้ตัวว่าเราอยู่ในท่าที่ล่อแหลมแค่ไหน มิคยังหัวเราะก้องและยิ้มเย้ยที่รู้ทันว่าผมแกล้งหลับ ผมจึงส่งยิ้มหว่านเสน่ห์ที่มิคมักว่ามันไม่น่าไว้ใจไปให้ และได้ผลมิคหยุดหัวเราะและมองไปที่ข้อมือตัวเองที่ผมกดไว้ทั้งสองข้างและหันกลับมามองหน้าผมแบบตกใจ
“ฟิน ทำอะไร ไม่เล่นนะ” มิคส่งเสียงขู่ผมและหน้าแดงนิดๆ นั่นมันเป็นภาพที่นานๆผมจะได้เห็นว่ามิคอาย
“ฮึๆๆ ฟินเพิ่งจะเห็นมิคเขินแบบนี้น้า แต่น่ารักเป็นบ้าเลย / ฟอดดด”
ผมหัวเราะให้กับความน่าเอ็นดูที่นานๆจะได้เห็น อดใจไม่ไหวต้องกดจมูกฝั่งลงที่แก้มนุ่มสูดกลิ่นแป้งเด็กจากแก้มกลมเต็มปอด มิคเรียกชื่อผมเสียงดังที่ถูกเอาเปรียบดื้อๆแบบนี้ ปากสีสดอ้ากว้างและมันเป็นโอกาสที่ผมต้องฉกฉวยให้ทัน ปากเราประกบกันมิคที่ดิ้นอยู่ชะงักนิ่งและเริ่มดิ้นหนี แต่ผมก็กดร่างบางไว้สอดลิ้นเข้าควานหาลิ้นเล็ก เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อลิ้นเล็กที่ถดหนี แต่ประสบการณ์เราต่างกันผมที่ไล่ต้อนดูดกลืนเกี่ยวพันจนมิคเริ่มคล้อยตาม และเรียนรู้ที่จะตอบโต้เกี่ยวตวัดลิ้นร้อนกับผม มือผมจากที่จับข้อมือเล็กอยู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นรั้งให้มาเกี่ยวคอตัวเอง ปากผมยังทำหน้าที่ไม่บกพร่องจนได้ยินเสียงหวานครางออกมา
“อึก อืมมม”
เสียงหวานของคนรักที่ได้ยินยิ่งทำให้เกิดความฮึกเหิม ผมไล้ลิ้นชิมทั่วโพลงปากดูดชิมน้ำหวานที่หลั่งออกมาจนพอใจและไล้ปลายลิ้นไปทั่วฟันสวย ดูดเม้นแรงที่ริมฝีปากสีสดช่างพูดทั้งกลีบปากบนและล่าง ไล่ไปที่แก้มกลมฝั่งจมูกสูดกลิ่นหอมอย่างไม่มีเบื่อ จูบซับความหอมถึงซอกคอขาวไล้ลิ้นชิมผิวฝั่งจมูกนิ่งสูดกลิ่น มือเลื้อยผ่านชายเสื้อยืดตัวโคร่งลูบข้างเอวบาง
“อืม ฟะ ฟินนน”
เสียงหวานครางอย่างเคลิบเคลิ้มปนเสียวซ่าน ผมละจากซอกคอขาวที่อยากดูดเม้นให้ขึ้นสีแต่ทำไม่ได้ ใช้นิ้วแหวกคอเสื้อให้พ้นไหล่เนียนขาวและดูดเม้นอย่างแรงก่อนใช้ลิ้นเลียเพื่อปลอบโยนเจ้าของผิวบาง
“อื้อ เจ็บ ฟิน” มือนุ่มที่ท้ายทอยกำปลายผมกระตุกเตือนเบาๆ
“ฮึๆ มิคเป็นของฟินเท่านั้นนะครับ”
ผมมองผลงานที่ไหล่ขาวที่ปรากฏรอยแดงจากการดูดดึงของผม ผละมองใบหน้าของมิคที่ไม่มีแว่นมาเกะกะไม่รู้ว่ามันหลุดออกไปจากหน้าตอนไหน หน้าหวานแดงก่ำ ปากเจ่อบวม ตาลอยคว้างอย่างคนที่อยู่ในห่วงฝัน จนผมอดที่จะจูบปากเจ่อๆนั้นไม่ได้ ผมดูดริมฝีปากล่างแรงอย่างหมั่นเขี้ยวมือทั้งสองกอบกุมใบหน้าหวานแน่น
“ฟินนน” มิคเพ้อเรียกชื่อผมเหมือนเริ่มรู้สึกตัว
ผมยิ้มร่าปากกว้างไปให้คนรัก จนมิคเริ่มส่งค้อนหลบตาหันหน้าหนี ผมจึงจับประคองพลิกหน้ามิคหันหันมามองกัน
“มิคเป็นของฟินนะครับ เพราะมีนี่และนี่ที่ฟินตีตราจ้องไว้แล้ว” ผมชี้นิ้วไปที่รอยแดงที่ไหล่ขาวและหยุดที่ริมฝีปากแดงเจ่อตรงหน้า มิคยิ้มตาวาวเจ้าเล่ห์มาให้แต่ผมยังไม่เอะใจจนกระทั่ง
“โอ้ยยย ปล่อยครับปล่อย ฟินเจ็บ” ผมร้องดังและพยายามที่จะให้นิ้วชี้ที่ผมหยุดที่ริมฝีปากมิคก่อนที่จะโดนกัดให้พ้นฟันคมขาวนั่น
“ฮิๆ สมน้ำหน้าพ่อเพลย์บอยนักฉวยโอกาส คิกๆ” มิคปล่อยนิ้วผมและหัวเราะอย่างสะใจที่ทำให้ผมเจ็บตัวได้
ผมจึงส่งค้อนให้คนที่หน้ายังแดงปากยังเจ่อบวม อยากจะจับจูบอีกสักรอบแต่นิ้วชี้ถูกชี้ขู่มาตรงหน้าทำเอาชะงัก ผมไม่ได้กลัวหรอกก็แค่ยอมให้ก่อนเพราะถึงยังไงวันนี้ก็ชื่นใจพอแล้ว มิคยังยิ้มพราวกับท่างอนของผมและผลักผมออกก่อนลุกขึ้นนั่งคว้าแว่นที่ตกข้างตัวมาสวม ลุกจากเตียงและยื่นมือมาตรงหน้าผมจึงคว้ามือนุ่มทันที
“ไปทานข้าวกันได้แล้วครับ อย่างอนแบบนี้ เพราะ...” ยิ้มยั่วและยื่นหน้ามาใกล้ก่อนต่อประโยคที่เว้นไว้
“เพราะมันน่าเกลียดมาก ฮะๆๆ” ผมฉกจูบไปที่ปากช่างพูดทันทีและครั้งนี้มันไม่พลาด จูบกลีบปากสีสดที่บวมเจ่อและผละออกมิคหัวเราะยักคิ้วส่งมาให้ ไอ้อาการเขินอายที่คิดว่าจะเจอนั้นไม่มีทำเอาผมเลิกคิ้วและอดหัวเราะตามไม่ได้ ยกมือลูบผมนิ่มไปมา
หลังจากได้ชื่นใจคนรักพอแล้วเราก็เดินลงมาข้างล่าง มิคพาเดินไปที่ห้องครัวที่มีโต๊ะกินข้าวขนาดสี่คนตั้งอยู่แยกออกมาจากส่วนปรุงอาหาร แม่ยายผมที่หันหลังอยู่เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้าครัวก็หันมามอง ท่านมองหน้าผมและยิ้มให้แต่พอมองหน้าลูกตัวเองก็ทำตาโตและหันมามองหน้าผมอีกครั้งพักหนึ่งจึงหันกลับไปที่มิคและอมยิ้ม กวักมือเรียกมิคให้เข้าไปหา ผมกับมิคก็มองหน้ากันงงๆก่อนที่มิคจะเดินไปหาแม่ตัวเอง ผมเห็นท่านก้มกระซิบข้างหูมิคเสร็จเจ้าตัวหน้าตาตื่นเม้มปากแน่นและหันมามองผมแบบคาดโทษก่อนวิ่งขึ้นห้อง ผมตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นจะเดินตามมิคไปแต่ถูกคุณแม่รั้งไว้ก่อนและให้ไปตามคุณพ่อตาที่รดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ผมก็ทำตามที่ท่านสั่งทั้งๆที่สงสัยเมื่อเจอคุณพ่อตาผมก็เรียกท่านทานข้าวด้วยความเคารพอย่างที่สุด ท่านก็พยักหน้าส่งมาให้และเดินนำผมเข้าบ้าน จนเรานั่งกันเรียบร้อยก็เหลือแต่มิคที่ยังไม่มา
“เราลงมือทานกันเลยค่ะ ไม่ต้องรอมิคนะคะเห็นว่าปวดท้องเข้าห้องน้ำอยู่ อ่ะคุณวันนี้แม่ทำแกงมัสมั่นไก่ที่คุณชอบด้วยนะคะ” แม่ตักของชอบพ่อวางที่จานเชิงบังคับให้ทาน แม้ท่านอยากจะถามถึงลูกชายคนโตแต่ก็ต้องเงียบลงและหันมาทานข้าวแทน
ส่วนผมที่เป็นห่วงคนรักอยากตามไปดูว่าเป็นอะไรมากมั้ยเพราะก่อนลงมาก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่หน่า แต่ก็หมดสิทธิเพราะคุณแม่ยายที่รักของผมก็ทำแบบเดียวกันเด๊ะแบบที่ทำกับพ่อตา ผมจึงได้แต่เอ่ยขอบคุณและตักข้าวทานและแอบชะเง้อคอมองไปทางบันไดจนทานกันเสร็จมิคก็ยังไม่มา คุณแม่ก็บอกว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวท่านดูแลมิคเองและเดี๋ยวให้มิคโทรหาให้ผมกลับไปก่อน เมื่อท่านพูดแบบนี้ผมก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับและลาท่านทั้งสองกลับออกมา เมื่ออยู่บนรถผมก็กดโทรศัพท์หาที่รักทันที มิคกดรับและพูดสวนออกมาก่อนที่ผมจะเอ่ยด้วยซ้ำ
“นายฟิน เพราะนายเลย อ๊ากกก แม่รู้ด้วยอายชะมัด เพราะนายๆ” ผมตกใจกับเสียงมิคและจับใจความไม่ได้ว่ามิคพูดถึงอะไร
“ฟินทำอะไรครับ มิคใจเย็นๆแล้วบอกฟินนะ”
“นายนี่มัน ฮึยยย เพราะจูบไง จูบที่ทำปากบวมเจ่อจนแม่รู้เลย”
ผมชะงักก่อนที่จะรู้สาเหตุที่เจ้าตัวดีของผมหายไปตลอดมื้ออาหารแล้วว่าเกิดจาก ‘จูบ’ ทำให้ปากสีสดนั่นบวมจนแม่ยายผมจับได้ และมิคคงหลบหน้าคุณพ่อตากลัวว่าท่านจะรู้อีกคน และถ้าท่านรู้ผมล่ะไม่อยากคิดว่าชีวิตผมจะรอดออกมาจากบ้านมิคได้มั้ยนะครับนั่น เฮ้อ เกือบไปแล้วไอ้ฟิน ต่อไปจะทำอะไรคงต้องเนียนกว่านี้จริงมั้ยครับ
.......................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป ^3^
อย่างที่บอกหวานตาร้อนตามสัญญาค่ะ ฮุๆๆๆ
ตอนนี้มิคย้ายกลับมาบ้านมาเรียนต่อแล้วทีนี้ฟินก็มีมิคใกล้ตัวใกล้ใจแล้วน้า
เรามารอดูตอนหน้ากันค่ะเพราะน้องฟินเค้าจะพาพี่มิคไปเที่ยวฉลองการ
กลับมาบ้านกันค่ะ ฟินจะพาไป>>>สถานต่างอากาศบางปู ใครเคยไปบ้างเอ่ย
รอติดตามได้นะคะ เจอกันวันเสาร์น้า
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะและขอกอดรวบทุกท่านที่ติดตามค่ะ
ปล.อีกนิด เรื่องนี้ยังจะหวานกันต่อๆไปใครชื่นชอบฝากติดตามต่อด้วยนะคะ^^
สำหรับการติดตามค่ะ