หลังจากเรียนจบผมก็ไปทำงานที่ต่างจังหวัด ผมไม่ได้ติดต่อกับพี่โออีกเลย แม้แต่งานแต่งงานของพี่โอกับเล็กผมก็ไม่ได้ไป
วันที่การ์ดใบนั้นเดินทางมาถึงมือผม ผมก็สติหลุดจน ผอ. ให้ผมลาพักงานหนึ่งวันโดยไม่ถามเหตุผล
ผมไม่เคยปิดกั้นตัวเอง แต่ทุกครั้งที่ผมเปิดใจให้ใคร ผมก็ต้องได้รู้ทุกครั้งว่าผมไม่เคยลืมรอยยิ้มของพี่โอ ใบหน้าของพี่โอ เสียงของพี่โอ มือของพี่โอ
ผมไม่เคยลืมแม้ซักอย่างของพี่โอ
ทำให้ผมไม่สามารถที่จะคบใครคนหนึ่งไปพร้อม ๆ กับมีใครอีกคนอยู่ภายในใจได้
"พี่ครับ ผมไปอยู่ในห้องพักแพทย์นะครับ มีอะไรตามได้ตลอดนะ"
ผมบอกพี่พยาบาลก่อนจะเดินเข้าไปพักในห้องพักแพทย์
อยู่โรงพยาบาลในต่างจังหวัด ก็ดีตรงที่งานไม่เยอะมาก แต่มันก็เหนื่อยหน่อยตรงที่ทั้งโรงพยาบาลมีหมอศัลยกรรมเพียงไม่กี่คน การอยู่เวรเลยต้องอยู่บ่อยกว่าในโรงเรียนแพทย์ที่มีหมอเฉพาะทางหลายคน
ผมเปิดโทรทัศน์ ดูได้ไม่นานก็รู้ตัวว่าง่วงจนทนไม่ไหวเลยตัดสินใจปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอน
ผมฝันเห็นพี่โอ ...
ที่จริงผมฝันเห็นพี่โอบ่อย เป็นฝันร้ายถึงคืนนั้น
ทั้ง ๆ ที่มันน่าจะเป็นฝันดี แต่ทุกครั้งที่ผมฝันถึงเรื่องในคืนนั้น เมื่อผมตื่นขึ้นมาเจอความจริง มันต้องกรีดแผลในใจผมให้ลึกลงทุกครั้ง
"คุณหมอคะ มีเคส trauma ค่ะ" (case trauma = ผู้ป่วยอุบัติเหตุ)
ผมได้ยินเสียงพี่พยาบาลก็รีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที พี่พยาบาลเล่าอาการของคนป่วยให้ผมฟังไประหว่างทางไปห้องฉุกเฉิน
พอมาถึงห้องฉุกเฉิน ผมก็เห็นร่างบนเปลนอน
แม้สภาพของคนที่อยู่บนเปลจะยับเยินจนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ แต่ผมไม่มีทางลืมทุก ๆ อย่างที่รวมกันเป็นผู้ชายคนนี้
"พี่ครับ คนไข้ชื่ออะไรนะครับ"
ผมถามพลางรีบเข้าไปดูคนไข้ พี่พยาบาลอ่านชื่อจากเวชระเบียน
"ชื่อโอชิษฐ์ ตรีนวกุลค่ะหมอ คนไข้ BP drop ค่ะ สงสัยจะมี tear internal organ ตอนนี้เปิดเส้นให้ IV freeflow ไว้แล้ว" (คนไข้ความดันตก สงสัยมีอวัยวะภายในฉีกขาด ตอนนี้ให้น้ำเกลือเพื่อช่วยเรื่องความดันไปแล้ว)
"พี่ cross match ไว้เลยนะครับ เอา PRC ซัก 6 unit" (เตรียมเลือดประมาณ 6 unit)
....
....
....
แม้ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่บางสิ่งบางอย่าง มันก็ห้ามไม่ได้
พี่โอจากไปภายใต้การดูแลของผมเอง
ผมแทบจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ทุกอย่างมันดูเป็นภาพพร่าเลือน
ผมทำทุกอย่างที่ผมทำได้ แม้แต่สิ่งที่ผมไม่เคยทำได้ผมก็ลองทำ
แต่มันช่วยอะไรไม่ได้เลย
ไม่ได้ทำให้เส้นไฟฟ้าหัวใจที่ราบเรียบกลับมาเป็นคลื่นที่บ่งบอกถึงความมีชีวิต
ไม่ได้ทำให้ทรวงอกที่ราบเรียบกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าฟื้นกลับมามองผมเหมือนเดิม
ไม่ได้ทำให้มือใหญ่ ๆ คู่นั้นกลับมากุมมือผมไว้
ไม่ได้ทำให้ริมฝีปากบางกระซิบคำรักให้ผมได้ยินอีก
ไม่มีอะไรอีกแล้ว ..
ผมนึกไปถึงคำถามที่ผมถูกถามในวันสัมภาษณ์
"ถ้าเราเกิดช่วยเหลือคนที่เราอยากช่วยไม่ได้เราจะทำยังไง"
ผมไม่มีคำตอบให้อาจารย์ แม้จนถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่มีคำตอบ
ผมไม่รู้ว่าผมควรทำอะไรต่อไป
"คุณหมอคะ ญาติคนไข้อยากคุยกับคุณหมอค่ะ"
ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนในหนัง ไม่มีที่หมอมาพูดแค่ "หมอเสียใจด้วยนะครับ เราพยายามที่สุดแล้ว" แล้วก็เดินจากไป
หลายต่อหลายครั้ง ผมต้องพบเจอแววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังของญาติคนไข้ที่มองมาทางผมเพียงเพื่อรอคำพูดสั้น ๆ ที่จะเปลี่ยนแววตานั้นให้กลายเป็นน้ำตาที่นับหยดไม่ถ้วน
ผมเคยแม้แต่ถูกญาติคนไข้ลงทุนกอดขาของผมอ้อนวอนให้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่จากไปแล้วอีกครั้ง .. แค่ลองสักครั้ง
แต่ไม่มีครั้งไหนเลย ที่ผมต้องลำบากใจเท่าครั้งนี้
ผมไม่ห่วงเลย ว่าญาติของพี่โอจะสงสัยว่าผมไม่ได้ทำสุดความสามารถ
ผมไม่ห่วงเลย ว่าญาติคนไข้จะไม่เข้าใจ
เล็กก็จบหมอมา คงได้ผ่านประสบการณ์แบบนี้มาเหมือนกัน
สิ่งที่ผมลำบากใจ คือการต้องบอกข่าวร้ายกับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ข่าวนั้นก็ทำร้ายจิตใจตัวเองไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
"พี่เจ"
เล็กดูไม่ได้แปลกใจที่เห็นผม เธอคงได้ยินจากพยาบาลแล้วว่าหมอเจ้าของไข้ของพี่โอคือผมเอง
"เล็ก .. พี่ .."
"ไม่ต้องหรอกค่ะ เล็กรู้ .. ว่าพี่พยายามที่สุดแล้ว"
"...."
"เล็กแค่อยากให้พี่เก็บไอ้นี่เอาไว้"
เล็กยื่นกระเป๋าสตางค์ของพี่โอที่ยังคงมีหยดเลือดเปรอะอยู่บางส่วน ผมเปิดดูข้างใน ที่ช่องใส่รูปมีรูปพี่โอ เล็ก และเด็กตัวน้อย ๆ อีกคน
"เล็กเอามาให้พี่ดูทำไม"
ผมถาม ในใจผมปวดร้าวจนแทบจะชา
"พี่เจดูด้านหลังรูปนั้นสิคะ"
ผมสอดนิ้วเข้าไปหยิบรูปถ่ายอีกใบที่อยู่ข้างหลังรูปนั้น ดูจากลักษณะก็รู้ว่ามันคงถ่ายไว้นานแล้ว แต่เจ้าของก็รักษามันดีพอสมควร
ทันทีที่ผมได้เห็นรูปนั้น เข่าทั้งสองข้างก็เหมือนกับหมดแรงไปดื้อ ๆ
หัวใจที่คิดว่าจะด้านชาไปแล้วก็กลับมาเจ็บปวดอีกครั้ง ครั้งนี้มันเจ็บกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผมเคยรู้จักมา
เป็นรูปของผมในตอน ม.1 ที่ถ่ายกับพี่โอที่ตอนนั้นคงอยู่ชั้น ม.2 เป็นโครงงานวิทยาศาสตร์ที่อาจารย์ให้นักเรียนชั้น ม.ต้นทำร่วมกันในช่วงปิดเทอม
"พี่โอเคยบอกเล็กว่า ถ้าไม่มีพี่เจ พี่โอคงไม่มีวันนี้ ... พี่โอบอกว่า พี่โออยากเก่งขึ้นเพื่อที่จะได้ตอบทุกอย่างที่พี่เจอยากรู้ได้ เพราะในตอนนั้น พี่โอรู้สึกแย่ที่ตอบคำถามของรุ่นน้องอย่างพี่เจไม่ได้"
"..."
"พี่เจเก็บมันไว้เถอะ .. แล้วเล็กจะแจ้งเรื่องงานศพอีกที"
เล็กดูเข้มแข็ง ...
เข้มแข็งจนผมนึกสมเพชตัวเอง
แต่ผมก็ห้ามน้ำตาที่มันทะลักล้นออกมาไม่ได้อยู่ดี ..
----------------------------------------------------------------------
ผมเดินเข้าไปในห้องพักแพทย์ ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
รูปถ่ายใบนั้น ทำให้ผมคิดถึงประโยคที่ผมกับพี่โอเคยคุยกัน
"ทำยังกะจำได้แหละว่าครั้งแรกเจอกันเมื่อไหร่"
"จำได้สิ .. ตอนปิดเทอมหน้าร้อน .."
"มั่วแล้ว"
...
พี่โอไม่ได้มั่วหรอก เราเจอกันตอนปิดเทอมหน้าร้อนจริง ๆ
ผมซะอีกที่เป็นคนที่จำไม่ได้
ผมกอดรูปใบนั้นไว้แนบอก น้ำตายังคงไม่หยุดไหล และผมไม่ได้ใส่ใจจะเช็ดมัน
"พี่โอ .. เจรักพี่ .. เจรักพี่ .. ได้ยินมั้ย"
"พี่โอ .. เจ.."
แม้จะพร่ำพูดอีกซักกี่ครั้ง แต่คนที่อยากให้ฟัง ก็คงจะไม่ได้ยิน
"พี่โอครับ .. เจรักพี่"
--------------------------------------------------------------------------
ฉันรู้เธอรอฉัน รอฟังคำนั้นซักวัน
ฉันรู้ฉันมันรั้น ดึงดันไม่ยอมพูดมา
ฉันแค่คิดยังไม่ถึงเวลา
ฉันรู้ว่าวันนี้ มันกลายเป็นสายเกินไป
แม้พูดดังแค่ไหน กลายเป็นไม่มีผู้ฟัง
ฉันไม่รู้เธออยู่ไหนที่แสนไกล
ได้ยินไหม ได้ยินไหม
โปรดฟังว่าฉันรักเธอ
เธอจะอยู่ไหน อยู่สุดฟ้าไกล เพียงให้เธอรับรู้
ได้ยินฉันบอกเธอไหม ว่าคนคนนี้รักเธอ
นี่ไงคำว่ารัก ที่เธอรอฟัง
ได้ยินไหม
เพิ่งรู้ในตอนนี้ เวลาทุกวินาที ฃ
รู้ซึ้งในตอนนี้ บางคำที่แสนสำคัญ
พูดวันนี้ เมื่อเธอนั้นอยู่แสนไกล
ได้ยินไหม ได้ยินไหม
โปรดฟังว่าฉันรักเธอ
เธอจะอยู่ไหน อยู่สุดฟ้าไกล เพียงให้เธอรับรู้
ได้ยินฉันบอกเธอไหม ว่าคนคนนี้รักเธอ
นี่ไงคำว่ารัก ที่เธอรอฟัง
ได้ยินไหม
http://www.ijigg.com/songs/V2BBG7B0PB0-----------------------------------------------------
จากคนเขียนเฮ้อ ฟู่ววว โอ๊วววว
เสร็จแล้ว T_T เศร้าอีกจนได้
ขอโทษคนอ่านทุกคนไว้ล่วงหน้านะคะ
จะเลิกเขียนฟิคเศร้าไปซักพักแล้วค่ะ เดี๋ยวคนอ่านเข็ดไม่กลเาอ่าน เรื่องไหน ๆ ก็เศร้า -_-
นึกๆ ดูที่แต่ง ๆมานี่มี Happy Ending แค่ไม่ถึง 30% เลยมั้งเนี่ย ?
ตอนแรกกะว่าคงจะเป็๋นเรื่องสั้น แต่ตอนที่รู้ว่ามันยาวก็แก้ไม่ทันแล้ว T_T
ไหนจะต้องอธิบายศัพท์แพทย์อีก เหนื่อยจริง ๆ
ใครไม่เข้าใจตรงไหนถามได้นะคะ ขอโทษจริง ๆ ที่อาจทำให้เสียอรรถรสเพราะต้องอ่านคำแปลไปด้วย
เป็นเรื่องที่ตัวละครหลักสามตัว (พี่โอ เจ แล้วก็เล็ก) มีอยู่จริงค่ะ
แต่อย่าให้จบแบบนี้เลยนะ ขอร้องล่ะ เครียดดดด T_T
ช็อตสวีทบางช็อตแต่งเพิ่ม แต่บางช็อตก็เห็นจริง ๆ เหอะ ๆ
จริง ๆ มีเหตุการณ์แถมนิดนึง ตอนแรกว่าจะ rewrite ใส่เข้าไป แต่ขี้เกียจ (กรรม)
รู้สึกมันเป็นเหตุการณ์กะหนุงกะหนิงที่น่ารักมากของทั้งสองคนค่ะ ตอนเจอนี่แทบดิ้นตายอ่ะ
ไม่รู้จะเพิ่มลงไปตรงไหนยังไงดี เลยเขียนตรงนี้ละกันนะคะ
คือวันนั้นพวกเราก็มาราวน์ตามปกติึ่ค่ะ การราวน์ของสายจะแบ่งเป็นบน-ล่าง
คือแบ่งครึ่งคนแล้วรุ่นพี่ก็จะแบ่งครึ่งมาราวน์ด้วย เพราะ ward แต่ละที่อยู่ไกลกันมาก ๆ ค่ะ
วันนั้น พี่เจก็ราวน์ไปกับพี่เดนท์ 1 ที่ชื่อพี่อาร์ม
ราวน์ไปได้ประมาณครึ่งนึง พี่โอก็เดินขึ้นมา เดินมาไม่สนใจน้องไม่สนใจชาร์ตคนไข้
เดินเข้ามาจับแขนพี่เจแล้วก็บอกว่า
"เจทำไมมาราวน์บนล่ะ พี่นึกว่าเจราวน์ล่าง พี่เลยลงไปราวน์ล่าง"
พี่เจก็ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร
พี่โอเลยหันไปสั่งพี่อาร์ม
"อาร์มลงไปราวน์ล่างแทนพี่ละกัน เดี๋ยวพี่ราวน์กับเจเอง"
...
แพรน่ะเหรอคะ
ตายตั้งแต่เค้าจับแขนกันแล้ว !!
เป็นอะไรมากมั้ยยยยยย ทำไมต้องมาราวน์ด้วยกันเนี่ยยย ~ ขาดกันวันนึงจะขาดใจเหรอคะคุณพี่ 55
----------------
อีกเรื่องเกิดตอนที่แพลทอยู่เวรค่ะ
พอดีมีเคสฉุกเฉินเข้ามา พี่เจก็ไปดู แพลทกับเพื่อนคนนึงก็เข้าไปดูด้วย
พอดูคนไข้เสร็จ ส่งไป X-ray อะไรอย่างนี้ พี่โอก็เดินเข้ามาหาพี่เจ แล้วก็บอกว่า
"เออ เจ เนี่ย .. พี่เคยตรวจเจอ บลาบลาบลา (ศัพท์การแพทย์ค่ะ อย่ารู้เลย ประมาณว่ามันเป็นติ่งเนื้อในถุงน้ำดีที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ ต้องตรวจซ้ำเรื่อย ๆค่ะ) ประมาณแปดปีที่แล้ว เรา follow up ให้พี่หน่อยดิ (ตรวจติดตามผล)"
"โห พี่ แปดปีแล้วเนี่ยนะ"
(เออดิ ก็ว่างั้นแหละ ตั้งแปดปีแล้ว พี่แกนึกคึกอะไรตอนนี้ฟระ) (ปกติจะตรวจซ้ำทุกปี สองปี อะไรอย่างนี้ค่ะ เพราะ ultrasound มันก็ทำไม่ยาก)
"เออน่ะ .. ทำเหอะ"
ว่าแล้วก็ลากเครื่องอุลตร้าซาวนด์มาข้างเตียง แล้วก็ ... ถอดเสื้อ
ท่าแกะกระดุมคุณพี่เร้าใจมากค่ะ น้องสองคนที่ยืนดูนี่แบบ เลือดกำเดาจะไหล 55
พี่เจหัวเราะ บอกว่า
"โห ได้เป็น subject ให้น้อง ๆเลยเนอะ"
พอพี่โอถอดเสื้อเสร็จ ขึ้นนอนบนเตียง .. (อ๊ายย)
พี่เจก็ .. ลูบ ..
ลูบหน้าอก ลูบท้อง ..
ลูบ .. ทำไมก็ไม่รู้ แต่เราตายไปแล้วค่ะ ระเบิดตัวเองไปตั้งแต่พี่เจลูบครั้งแรกแล้ว
จริง ๆ เวลาตรวจคนไข้เราไม่ต้องลูบนะคะ เค้าให้คลำเอา น้ำหนักแรงมือมันไม่เท่ากันค่ะ แต่อันนี้เห็นจัง ๆ เลยว่าลูบ >_<
"โห นี่มีแผลเป็นด้วย"
ชี้ตรงแผลเป็นที่ท้อง (เราคิดในใจว่า .. "ไม่ใช่เห็นจนเบื่อแล้วเหรอ" >_< จิ้นกันซึ่ง ๆ หน้า 55)
พี่โอหัวเราะ บอกว่า .. เร็ว ๆ เขินน้อง (ไม่เขินพี่เจเลยเรอะ .. เค้าชินกันแล้วสินะ 55)
พี่เจก็เลยทำให้ ทำไม่นานหรอกค่ะ แป๊บเดียวเสร็จ
"ผมไม่เห็นมีอะไรนะพี่ มันไม่โตขึ้นหรอกมั้ง"
"เชื่อได้มั้ยเนี่ย"
พี่เจเลยทำเสียงงุ้งงิ้งในคอแบบน่ารักมากกกก
"ถ้าให้เจทำแล้วไม่เชื่อเจ จะมาให้เจทำทำไมตั้งแต่แรก"
"โอ๋ ๆ เชื่อ ๆ 55"
หัวเราะแบบ ลั้นลามาก ...
เพื่อนนะ หันมากระซิบว่า
"ชั้นรู้แกคิดอะไร อย่าเพิ่งตายนะ !!"
ตอนนั้นคือเราแบบ สติหลุดแล้ว วันนั้นแทบไม่ต้องกินข้าวเลย อิ่มมมม 55
------------------------------------------------
อีกเรื่องที่น่ารักมาก ๆ คือ ตอนนั้นพวกแพรย้ายบล็ิอกแล้วค่ะ
อยู่เวรของอีกบล็อกนึงถึงเกือบ ๆ ห้าทุ่ม ตอนกำลังจะลงแล้ว เห็นพี่โอเดินกระหือกระหอบขึ้นมา
พวกแพรก็ทักแบบ อ้าว หวัดดีค่ะ เฉย ๆไม่ได้ถามอะไรมากมาย
แต่ก็คุย ๆ กับ ฟค พี่โอเหมือนกันว่าพี่โอมาทำไมก็ไม่รู้
คือตอนนั้นพี่โอเวียนไปอยู่อีก รพ นึงน่ะค่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้างในแล้ว แต่เป็นไร ทำไมต้องมาตอนดึก ๆ
เช้ามาถึงได้รู้ว่า เมื่อคืนนี้ตอนสี่ทุ่ม พี่เจเกิด ... อธิบายไงดี ?
เป็นภาวะนึงทางการแพทย์แล้วกันค่ะ ที่ทำให้มีลมในช่องเยื่อหุ้มปอดมาก ๆ อาจถึงตายได้เพราะมันจะกดปอดไม่ให้ขยาย ทำให้หายใจไม่ได้อ่ะค่ะ
พี่โอเลยต้องรีบมาดูตอนกลางคืนอะไรอย่างงี้
โฮ..ซึ้งใจมาก ๆ เค้าช่างดูแลกันดี >_<
--------------------------
จริง ๆ มีอีกเยอะเลยค่ะ เรื่องพี่โอกับพี่เจ ..
มันเก็บเล็กผสมน้อยมาเรื่อย ๆ จนจิ้นได้เป็นเรื่องเป็นราวนี่ล่ะค่ะ ^_^
ปล นิวที่ร๊ากกกก จำเรื่องของ "คนงาม" ที่เคยเล่าให้ฟังได้ป่ะ คนนี้แหละคนนี้เลย >_<
ปล2 ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะค้าาาา