Chapter 31
| lull before the strom
**ภาษาอังกฤษยังไม่ได้พรูฟนะคะ เดี๋ยวตามอีดิทให้ค่า**
-----------------------------------------
แชะ
"เฮ้! ไอบอกว่าอย่าถ่ายไง! Don't อ่ะ เข้าใจไหมห้ะ!"ผมสาบานว่าผมพูดประโยคทำนองนี้เป็นร้อยๆรอบเเล้วเรื่องเเอบถ่ายรูปเนี่ย ไอมันก็เลิกแอบถ่ายจริงๆนั่นแหละ เลิกแอบเเล้วหันมาถ่ายเเบบโจ่งเเจ้งนี้ไง
แต่คิดว่ามันจะฟังผมไหมล่ะ ทำลอยหน้าลอยตาเหมือนฟังไม่รู้เรืองเเล้วก้มหน้าเปิดดูรูปอีก ผมได้แต่พ่นลมหายใจทางจมูกเเรงๆอย่างขี้เกียจจะพูดแล้วเปลี่ยนเป็นชะโงกหน้าไปดูรูปในโทรศัพท์มันแทน
"เห้ย! ลบเลยๆ อุบาทว์อ่ะ!!"ผมโวยทันทีเมื่อเห็นหน้าตัวเองอยู่เต็มหน้าจอ และหน้านี่เเบบไม่โอเคเลยสักนิด ผมไม่โวยเปล่าพยายามจะคว้าโทรศัพท์ในมือมันมาด้วยแต่คิดหรือว่าไอหมีควายนี่จะยอมง่ายๆ ส่งยิ้มบางๆก่อนจะ...โยกมือหนี
อย่าไปหลงในรอยยิ้มแสนดีของมันเลยนะ! ไอธีร์ขอนั่งยันยืนยันว่ามันเป็นรอยยิ้มจอมปลอม! ตัวจริงของมันน่ะขี้เเกล้งเป็นที่สุด!
คนที่อาทิตย์ที่แล้วคอยดูแลทะนุทนอมผมอย่างกับผมท้องลูกในอาทิตย์ที่แล้วหายไปแล้วครับ หลังจากที่ผมหายป่วยจาก...เอ่อ ไข้ที่เกิดจากมัน ไอหมีควายก็เริ่มออกลายมากขึ้น ที่จริงมันเริ่มจากที่ผมเอ่ยปากบอกมันว่าอย่าเเอบถ่ายเเละอย่าเอารูปผมไปลงไอจีอะไรนั่นอีก
ฟอลโล่วเวอร์อะไรนั่นมันก็ไม่ใช่น้อยๆ บอกตรงๆคือผมอายโว้ย!
"That's cute (น่ารักดีออก)"
คิ้วท์พ่อม
ผมพยายามจะคว้าโทรศัพท์มันอยู่นานสุดท้ายก็ยอมเเพ้แต่พอหยุดจะเกียกตะกายก็พบว่าตัวเองเอาตัวมาพาดตักมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมชะงักแล้วพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ติดวงแขนแกร่งที่จัดการล็อกเอวผมไว้ทันทีแถมยังตีตูดผมเบาๆอย่างหยอกไปหนึ่งที
"เฮ้!"
ผมที่นอนคว่ำพาดทับตักมันอยู่รีบพลิกตัวมาเพชิญหน้ากับคนมือไว แต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่พลาดมหันต์...
ไอหมีควายจ้องหน้าผมนิ่งก็จะเผยยิ้ม มันค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้ซึ่งผมก็มองดวงตาคู่สวยอย่างไม่วางตากลับ หากแต่มันไม่ได้ก้มลงมาจูบอย่างที่คาดไว้เพียงเเค่หยุดเอาหน้าผากเเตะกับหน้าผากผมแล้วหลับตาลง
"I'm happy(มีความสุขจัง)"
"Very very happy.(มีความสุขมากๆ)"
เสียงทุ้มนุ่มดังราวกับกระซิบเบาๆหากแต่แฝงไปด้วยหนักแน่นจนผมนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะพูดอะไรแบบนี้ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ยิ้มเผล่ยกมือสัมผัสใบหน้าของมัน
"Me too"
คำตอบง่ายๆถูกส่งกลับแต่เราสองคนกลับยิ้มไม่หุบ ไอหมีควายหัวเราะออกมาเบาๆถูหน้าที่เต็มไปตอหนวดเเข็งกับมือผมจนผมต้องถดมือหนีอย่างจั๊กจี้ ก่อนที่มันทิ้งตัวลงนอน แต่เนื่องด้วยโซฟาผมไม่ใช่โซฟาตัวใหญ่เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่เราสองคนจะนอนเบียดกันได้ ซึ่งไอหมีควายก็แก้ปัญหาได้ดี ยกตัวผมขึ้นมานอนทับมันอีกที ผมก็อยากจะดิ้นหนีนะแต่มือมันก็ไวเกินรวบเอวผมไว้จนผมเเทบจะฝังลงไปบนตัวเเข็งๆของมัน
มุขเสี่ยวๆหวานจนมดขึ้นของมันผมเริ่มชินเเล้วล่ะครับ แถมยังอัพสกิลจนสามารถตอบกลับได้แล้วด้วย ฉะนั้นแค่ถูกนอนกอดผมไม่มีทางมาบิดม้วนเขินอย่างแน่นอน พอดิ้นไม่ได้ผมก็ไม่ดื้อดึงจะออกจากอ้มอกอดของมัน ถ้าผมดิ้นผมอาจจะเจ็บ แต่แค่นอนเฉยๆคนหนักก็มัน คนเเขนชาก็มัน แถมอกแข็งๆนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
กล้ามเเน่นชะมัด
"Naughty Corgi.(คอร์กี้จอมซน)"
"ยูแกล้งไอก่อนนะ"ผมย่นจมูกใส่เมื่อมันเอ็ดผมอย่างไม่จริงจังเมื่อผมลูบหน้าอกมันเบาๆ
ไอหมีควายไม่ตอบอะไร ใช่ มันอาจจะไม่ได้ตอบด้วยคำพูดหากแต่ตอบด้วยการกระทำ
"เฮ้ย! เอามือมึงออกไปเลยนะ"
ผมที่คิดไว้ว่าจะไม่ดิ้นก็อดดิ้นไม่ได้เมื่อมันเลื่อนมือทีรัดเอวผมไว้ไปวางลงบนแก้มก้นผมเเทน แถมไม่วางเปล่ามือใหญ่ๆสากๆนั่นก็ขย้ำจนผมดิ้นพล่าน
"Hey! Stay still. You will...(เฮ้! อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็..)"
โคร่ม! โป๊ก!
ไม่ทันที่มันจะได้พูดจบ ร่างของผมก็หลุดออกจากการรัดกุมของมัน หลุดจริงๆ หลุดเเบบที่ร่างผมกลิ้งไปทางอีกด้านของโซฟาที่...มีโต๊ะกระจกตัวเตี้ยรอให้เอาหัวโขกอยู่
และก็เป็นไปตามคาด หัวผมฟาดเข้าเต็มๆ เจ็บจี๊ดจนต้องเบ้หน้า เสียงโขกนี่ดังจนไอเตอร์ต้องเงยหน้ามามองก่อนจะก้มลงไปหลับเหมือนเดิมแถมยังพ่นลมหายใจออกมาราวกับจะบอกผมว่าโง่ตกมาทำไม
"A-Are you okay? Did you get hurt? I'm so sorry.(นะ นี่ โอเคไหม เจ็บมากไหม ฉันขอโทษ)"
"โอเคๆ not hurt too much"ผมลูบๆหัวตรงจุดที่กระเเทกเบาๆ คงจะไม่ถึงกับเเตกอาจจะเเค่ช้ำๆไม่ก็โน
ผมที่มัวเเต่สนใจความเจ็บที่หัวเลยไม่ได้สังเกตสีหน้าของอีกคน ยังไม่มันจะได้อ้าปากพูดอะไรไปมากกว่านี้ผมก็โดนคนตัวโตช้อนตัวขึ้นจนตกใจคว้าลำคอมันตามสัญชาตญาณทันที
"ยูจะไปไหนน่ะ!"
"Hospital.(โรงพยาบาล)"
"เห้ย! ไม่ต้อง!"
"Go to check for make sure.(ไปเช็คเพื่อความเเน่ใจ)"
"แต่ไอ เอ่อ not that pain อ่ะ just กระเเทกเอง เบาด้วย"ผมพูดไม่ค่อยถูกแต่พยายามใช้ภาษามือเข้าช่วยเพือบอกว่าผมไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น แต่มันไม่ฟังผมหรอกเกินลิ่วจนถึงหน้าประตูห้องเเล้ว
"Don't worry I'm not bleeding นะยู"ผมสะกิดบอกมันอีก
หน้าไอหมีควายตอนนี้ยุ่งไปหมดจนผมไม่รู้ว่าควรจะขำหรือจริงจังก่อน คิ้วนี้กดลงจนไม่รู้จะว่ายังไงเเล้ว
"And I can walk by myself ด้วย ปล่อยไอลงได้ละ"
"Then let me see your wound.(ถ้างั้นขอดูแผลหน่อย)"
"นี่ๆ ซีๆ nothing เลย"ผมยื่นหัวไปให้มันดูใช้มืแหวกผมแล้วชี้ๆไปยังจุดที่กระเเทกเมื่อครู่
"เฮ้อ"มันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นเลือดทั้งลูบๆจับๆแล้วผมก็ไม่ได้ร้องเจ็บอะไรมาก
"แค่นี้เองทำไมต้องเป็นห่วงขนาดนั้นด้วย"
"If I'm not worried about you , who will ?(ไม่ให้ห่วงแฟนแล้วจะให้ห่วงใครล่ะ)"
สมองอันน้อยนิดประมวลผลอยู่ไม่ถึงสามวินาที พลันไอร้อนก็พุ่งสู่ใบหน้าจนเหมือนมีเสียงดังปุ้งอยู่ในหัว
ผมว่าสกิลหน้าหนาของผมคงยังไม่พอสำหรับความเสี่ยวของมัน..
"By the way that was my mistake.(อีกอย่างเมื่อกี้มัน...ความผิดฉันด้วย)"
มันว่าด้วยน้ำเสียงที่ซึมลงนิด มือใหญ่ยังคงลูบหัวตรงที่โขกเมื่อกี้เบาๆเหมือนกลัวว่าถ้าเเตะเเรงกว่านี้ผมหัวผมจะบุบได้ พอได้ยินเหตุผลชัดๆผมถึงกับอมยิ้มเล็กน้อย
บางทีผมก็รู้สึกว่าไอหมีควายมันเหมือนหมาตัวใหญ่ๆ
"ใช่ your mistake นั่นแหละ"
พอพูดออกไปมันถึงกับชะงักมือที่ลูบหัวผมอยู่เเล้วมองผมด้วยเเววตารู้สึกผิดทันที ผมพยายามที่จะกลั้นยิ้มก่อนจะพูดต่อ
"เพราะอย่างนั้น เลี้ยงข้าวไอสักมื้อสิ"
ถึงจะแปลกๆที่ให้คนต่างชาติพาผมเที่ยวก็เถอะ แต่ผมกับมันก็อุดอู้กันอยู่ในห้องนานแล้ว แต่หาข้ออ้างไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็ดีไม่น้อย
มันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าคมแล้วพยักหน้ายืนยัน
"I welcome to treat you your whole life. (ยินดีเลี้ยงทั้งชีวิตเลย)"
-----------------------------------
"ฮ่า...อิ่มแปล้เลย"ผมนั่งลูบพุงอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ปกติเเล้วผมเเทบไม่เฉียดเข้ามาเลยเพราะเเม่งเเพงจริงๆ นอกจากอาหารแพงเเล้วค่าvatยังเยอะขนาดเรียกได้ว่าขูดเลือดขูดเนื้อกันเลยไม่ปาน
พอออกปากให้มันเลี้ยง มันก็ไม่รอช้าพาออกมายังห้างใกล้ๆแทบจะทันทีทั้งที่จริงๆผมบอกไปแล้วว่าแปะโป้งไว้ก่อนก็ได้
แชะ
"เฮ้ ก็บอกแล้วไงว่าอย่าถ่าย อยากถ่ายก็ถ่ายตัวเองสิ"ผมพูดออกไปด้วยความเหนื่อยหน่าย ตอนหลังมานี่เสียงกล้องมันก็ไม่ปิดคนรอบๆนี่หันควับเลย
"Corgi,Do you know why I'm love taking photo?(นี่คอร์กี้ รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงชอบถ่ายรูป)"
จู่ๆมันก็เกริ่นขึ้นมาจนผมต้องหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ที่สายตายังคงจับจ้องไปที่โทรศัพท์ เลื่อนๆอยู่ไม่กี่ทีก็หยุดมือเเล้วละสายตามาสบผม รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้า
"It's told that camera is the only thing that can freeze time. It's the only thing that can keep our memories or everything that came in our live.(เขาว่ากันว่ากล้องเป็นสิ่งเดียวที่ใช้หยุดเวลาได้ มันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเก็บความทรงจำหรือสิ่งต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตเราได้)"
"..."
"I want to keep every moment in my live both of good or bad, keep it for remind myself that what was my mistake or how extremely happy I was. (ฉันอยากจะเก็บทุกช่วงเวลาในชีวิตไว้ ทั้งดีเเละไม่ดี เก็บไว้เตือนตัวเองว่าตอนนั้นเราผลาดอะไรไปหรือไม่ก็ตอนนั้นเรามีความสุขขนาดไหน)"
มันยังคงว่าด้วยเสียงทุ้มนุ่มๆที่ฟังเเล้วสบายหู ถึงแม้จะฟังออกบ้างไม่ออกบ้างแต่ด้วยน้ำเสียงท่าทางรอยยิ้มนั่นทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากมันไปได้เลย นานๆทีมันจะพูดอะไรยาวๆอย่างจริงจังผมเลยไม่กล้าขัดอะไรเเละรอฟังมันอย่างตั้งใจ
ทั้งๆที่เเค่พูดเเละยิ้ม มันกลับมีเสน่ห์มากขนาดนี้..
"And every shot of you is my happiness.(และทุกช็อตของนาย มันก็เป็นความสุขของฉัน)"
และมันก็ฉีกยิ้มกว้างให้ผมชะงักไปชั่วอึดใจ
บึ้ม!
มันเอาอีกแล้ว!! ตอนเเรกก็ว่าจะไม่มีอะไรเเล้วเชียวแต่เจอประโยคปิดเข้าไปนี่น้ำลายเเทบติดคอ ใบหน้าพาลร้อนขึ้นมาทันที
หยอดกูอีกเเล้ว!
ผมว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งผมต้องตัวแตกตายเพราะเขินมันบ่อยเกินไปเเน่ๆ ผมไม่รู้ว่าคำหวานพวกนี้มันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่ทุกครั้งที่พูดมันมักจะมีอะไรแบบนี้ให้ผมต้องยกมือขึ้นปิดหน้าเสมอๆ
"แต่ก็ไม่เห็นต้องเอาไปลงอินสตราแกรมไรนั่นเลยนี่.."ถึงจะเขินเเต่ผมก็ไม่วายบ่นอุบอิบ บอกเลยว่าพอมันบอกเหตุผลใจผมก็อ่อนยวบต่อจากนี้ต่อให้มันถ่ายผมสักร้อยรูปผมก็คงไม่ห้ามมันเเล้ว แต่เรื่องเอาไปลงในโซเชี่ยวมันก็อีกเรื่องไง ถ้าเก็บไว้ดูคนเดียวผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรหรอก...
"You really don't know it?(ไม่รู้จริงๆน่ะหรือ)"มันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
"I จะไป know ได้ยังไงเล่า"
"For tell everyone that this corgi have its owner plus the owner is very possessive. (ก็เพื่อบอกทุกคนว่าคอร์กี้ตัวนี้มีเจ้าของเเล้วไง แถมเจ้าของยังหวงมากๆด้วย)"
"มึงแม่ง..."
โคตรไม่ยุติธรรมเลย ทำไมมันรุกได้รุกดีแล้วผมทำได้แค่นั่งทำตัวลีบพร้อมกับหน้าที่เหมือนจะไหม้เเล้วเเบบนี้วะ
ผมตัดสินใจไม่พูดไม่ถามอะไรต่อ แค่นี้ผมก็อายจัตายเเล้วเเถมถึงมันจะพูดไม่ดังเเต่ก็ไม่เบา ทั้งไอโต๊ะเด็กวัยรุ่นข้างๆก็ดังเงียบกริบอย่างผิดวิสัยจนเสียงมันเด่นขึ้นมาอีก ถ้าให้เดาไอโต๊ะข้างๆนี่ได้ยินหมดแล้ว
"กรี๊ด!"
นั่นไง
ทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ไม่เบานักราวกับกลั้นมานานของเด็กผู้หญิงโต๊ะข้างๆผมก็ไม่รอช้าเรียกเช็คบิลละพามันออกมาทันที
"ยูนี่ปากหวานเกินไปแล้วนะ พูดงี้กับทุกคนป่ะเนี่ย"
"หือ?"
"You เอ่อ sweet mouth มากเลยอ่ะ Did you speak like this for everyone?"พอมันทำหน้าไม่เจ้าใจผมก็จัดการทรานสเลตให้มันฟัง มันเงียบราวกับกำลังประมวลผลภาษาอังกฤษง่อยๆของผมเมื่อครู่ก่อนจะยิ้มหวาน
"I think it's a 'sweet tongue' and after I taste I think you are more sweet.(ถ้าจะให้ถูกน่าจะเป็นลิ้นหวานนะ และหลังจากที่ชิมฉันว่าของนายหวานกว่าอีก)"
กูขอโทษ กูไม่น่าถามเลยจริงๆ
เหมือนสีหน้าผมจะไปตามความคิด คนตัวโตเลยหัวเราะออกมาทั้งยังเอามือยีหัวผมอย่างหมันเขี้ยว
"Haha your face when you shy is really funny. There there, don't mad at me I'll take it seriously.(ฮ่าๆ หน้านายตอนเขินนี่ตลกดีนะคอร์กี้ โอ๋ๆ ไม่งอนๆ จริงจังก็ได้)"มันเปลี่ยนจากยีเป็นลูบเบาๆเเทนเมื่อเห็นว่าผมเริ่มหน้างอลงอย่างไม่จริงจัง ก่อนที่มันจะยอมตอบคำถามก่อนหน้านี้
" I'm sweet talk with you only. Don't be jealous.(ฉันปากหวานกับแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ต้องหึงหรอก)"
"เอาให้จริงเถอะ"
ผมพูดพึมพำแต่ก็หุบยิ้มไม่ลง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่ามันจะพูดแบบนี้กับทุกคนรึเปล่า และพอคิดว่ามันพูดแบบนี้กับทุกคนใจมันก็แป้วขึ้นมาทันที พอได้ยินคำตอบเเบบนั้นก็เลยยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว
เราเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคนตัวโตหยุดเดินจนคนที่ถูกกุมมืออยู่อย่างผมต้องหยุดตาม ผมเลื่อนสายตาตามมันไปก็เจอร้านขายตุ๊กตาอยู่
ผมเลิกคิ้วสงสัยเเต่ก็ไม่ได้ถาม จนมันพาลากเข้ามาในร้าน ผมแอบกระดากใจนิดๆเมื่อก้าวเข้าไปในร้านตุ๊กตาหวานเเหววที่เต็มไปด้วยพนักงานผู้หญิง
ผู้ชายสองคนเลือกตุ๊กตาคงเป็นออะไรที่พิลึกไม่น้อย
จึกๆ
ผมที่กำลังกวาดตามองไปรอบร้านหันไปตามเเรงสะกิดที่หัวไหล่ ก่อนจะเจอไอฝรั่งที่กำลังถืออะไรบางอย่างมาเทียบกับหน้าผมอยู่
"It's look like you. (เหมือนนายเลย)"
ผมหันไปดูสิ่งที่อยู่ในมือมัน...ตุ๊กตาหมาที่มองปราดเดียวก็รู้เเล้วว่าพันธุ์นี้มันชื่อว่า'คอร์กี้'
ใครมันสร้างไอหมาเเคระนี่เป็นตุ๊กตากันวะ!
มันเป็นคอร์กี้ที่ขนาดหนึ่งไม้บรรทัดด้วยท่าที่กำลังนอนราบด้วยท่าประจำตัวของสายพันธุ์นี้ คือการนอนคว่ำเเล้วปล่อยเเขนปล่อยขาไว้ด้านหลัง เเถมหูตั้งหน้าเคลิ้มมากๆ
ผมไม่ตอบอะไรมัน แต่รีบหันซ้ายหันขวาเดินไปทั่วร้านก่อนจะตัดสินใจหยิบตุ๊กตาหมีตัวที่ใหญ่กว่าคอร์กี้นั่นเป็นสองเท่า ขนสีน้ำตาลๆเหมือนสีผมมัน แถมหน้ายิ้มๆ ซึ่งตอนเดินผ่านผมเลือกตัวนี้อย่างไม่ต้องคิดเลย! นี่มันไอหมีควายชัดๆ!
"นี่ก็เหมือนยูเลย"
มันชะงัก มองตุ๊กตาหมีในมือผมนิ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
"That me?(นั่นฉันเหรอ?)"
"อือฮึ นี่ไงตัวเป็นขนๆ เเถมตัวก็ใหญ่ หน้ายิ้มใจดีอีก นี่มันยูชัดๆ!"
"อืม.."มันครางรับก่อนจะลูบคางตัวเองเหมือนกำลังใช้ความคิด มองหมีในมือผมนิ่งอย่างกับกำลังพิจรณาก่อนที่เอื้อมมือมาดึงหมีในมือผมออกไป
"เห้ย!"
"Then let get both of it.(เอามันทั้งสองตัวเลยละกัน)"
พูดจบก็เดินไปยังเเคชเชียร์ ไม่ถามอะไรผมสักคำเเถมไม่มีเวลาให้ผมท้วงอะไรด้วยมันก็จัดการควักเงินจ่ายไปเรียบร้อยเเล้ว
ไอบ้า!!! มันเป็นพันเลยนะ!!
ผมอยากจะกระโดดงับหัวมันจริงๆ เงินเกือบสองพันหายไปในพริบตา ตุ๊กตาในห้างมันแพงจะตายไปไม่รู้ว่าตาบอดมองราคาผิดหรืออย่างไรถึงได้ตัดสินใจซื้อ
แต่ท่าทางอิ่มเอิบใจหลังได้รับทั้งสองตัวนั้นมาเเล้วคงไม่ได้ดูผิดหรอก
"ทำไมยูไม่เซฟมันนี่เลยวะ! มันเปลือง!"ผมพูดแกมตำหนิ ปกติผมไม่เคยตำหนิมันเลยนะ แต่ผมค่อนข้างเซนซิทีฟเรื่องการใช้เงินของตัวเอง คือไม่ได้ขี้เหนียวถ้าอยากยืมก็ยืมได้ ปกติเวลาเพื่อนใช้ซื้อของอะไรที่ฟุ้มเฟือยถึงผมจะขัดใจบ้างแต่ก็ไม่เคยว่ามันเพราะถือว่าตังก็ตังมัน แต่พอเห็นไอหมีควายใช้จ่ายอะไรง่ายๆผมก็ดันห่วงมันขึ้นมา ถ้ามันเป็นคนใช้เเบบไม่คิดถึงแม้มันจะรวยเเค่ไหนแต่ก็หมดได้ไง!
"This your.(อ่ะ นี่ของนาย)"
"เอ๊ะ"
"Hug it when you miss me, It's look like me right?(เผื่อเวลาคิดถึงฉันจะได้เอาไว้กอดไง เหมือนฉันไม่ใช่เหรอ)"
ผมรับถุงใบหนึ่งซึ่งพอเเง้มดูก็พบไอหมียิ้มตัวนั้น ก่อนจะเงยหน้ามามองมัน ขมวดคิ้วนิดๆ
"แต่.."
"conversely I'll keep the corgi. When I miss you I'll hug it instead.(กลับกันฉันจะเก็บคอร์กี้ไว้ เวลาฉันคิดถึงนายจะได้กอดมันเเทน)"มันว่าก่อนจะชูไอหมีเเคระเมื่อครู่ขึ้นมา
ผมยังไม่ตอบอะไร ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้เลนเอ่ยปากบอก นิ้วก็ชีเไปยังหมานั่น
"ถ้าอย่างนั้นเอ่อ...คอร์กี้ตัวนั้น I'll pay for it นะ"
"You don't need to do that.(ไม่ต้องหรอก)"
คำตอบที่ได้รับไม่ได้ต่างจากที่คาดคิดเสียเท่าไหร่ ปกติผมคงขี้เกียจจะดื้อดึงเเล้วยอมมันไป แต่ครั้งนี้ผมไม่ ถ้ามันบอกว่าเห็นไอหมาเเคระนั่นแล้วคิดถีงผม ผมก็อยากจะเป็นคนซื้อให้มัน อย่างน้อยก็เป็นของขวัญชิ้นเเรกตั้งเเต่ที่อยู่ด้วยกันมา
"ไม่ได้! ถ้ายูอยากให้ไอเก็บไอหมีนี่ไว้ต้องให้ไอออกค่าหมาตัวนั้น ถือว่าซื้อให้ไง ยูให้ไอ ไอก็ให้ยู"
"Okay okay I'm give up.(โอเคๆ ฉันยอมเเพ้เเล้ว)"พอเห็นผมดื้อดึงมันก็ยกมือขึ้นอย่างยอมเเพ้ ก่อนจะจัดการคืนเงินกันเสียตรงนั้น มะนก็ยอมรับไปอย่างไม่อิดออดคงจะสัมผัสได้ว่าครั้งนี้ผมไม่ยอม
ผมกับไอหมีควายเดินเล่นมันมาซักพักใหญ่ในมือมือถุงตุ๊กตาคนละตัว จนกระทั่งเดินลงมาถึงชั้นล่างซึ่งมีงานสัตว์เลี้ยงที่พอเห็นปุ๊ปไอคนข้างๆก็ตาลุกวาวลากผมไปทันที ไม่รู้ว่าเลือดสัตวเเพทย์ในกายมันพลุ่งพล่านหรืออย่างไร
คนตัวโตเดินไปดูนู่นนี่เรื่อยๆ ปากก็ขยับบอกตลอดว่าตัวนี้พันธุ์อะไร ทั้งปากก็ยิ้มตลอดเวลาอย่างมีความสุข ผมเองถึงไม่ได้มีความรู้เรื่องสัตว์อะไรพวกนี้แต่พอเห็นมันมีความสุขก็อดอมยิ้มตามไม่ได้
อะไรทำให้มันชอบสัตว์ ไม่สิ รักสัตว์ได้มากขนาดนี้นะ
ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้จริงๆ
"อ่าว ออสติน"
แต่เเล้วความสุขก็แทบจะจบลงทันทีเมื่อเสียงเรียกชื่อไอหมีควายดังมาจากทางด้านข้าง
"Tee.."ไอหมีควายหันไปมองบุคคลมาใหม่ มันชะงักอย่างเห็นได้ชัดทั้งรอยยิ้มมีความสุขเมื่อครู่ค่อยๆเลือนหายกลายเป็นใบหน้าที่ฉายเเววตระหนกก่อนจะครางเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ ซึ่งผมก็สามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน
ผมขมวดคิ้วสงสัยทันทีเมื่อชื่อที่ได้ยินนั่นเป็นชื่อผมไม่ผิดแน่แต่ตาของไอฝรั่งกลับไม่ได้โฟกัสมาที่ผมแต่กลับมองไปยังคนด้านหน้า
ทำไมมันถึงเรียกพี่ตองว่าที?
-------------------
แต่งยังไม่จบ แต่ปกเสร็จแล้ว เย้