kagehana : อิพี่เดฟมาตามน้องกลับบ้านแล้วค่ะ อิอิ ดูเหมือนว่าดราม่าจะจบแล้ว...แต่อย่าไว้ใจเราเชียวนะ *ยิ้ม*
-16-
เด็กสาวรูปร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นกุดพร้อมรองเท้าส้นเข็มยืนพิงประตูโรงเรียนอยู่พลางฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แสงไฟจากรถยนต์คันหรูที่แล่นเข้ามาช้าๆทำให้เธอละสายตาออกมาแล้วแย้มรอยยิ้มหวานให้
“มาจริงๆด้วยนะคะพี่เดฟ”
“โทษทีครับไอซ์ รถมันติด” ชยางกูรลงมาจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูให้เด็กสาวที่ยืนอยู่
“ไปทานไอติมกันก่อนไหม”
“อย่าทำเหมือนไอซ์เป็นเด็กๆสิคะ ไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า เนอะคะ” รอยยิ้มหวานวาดบนใบหน้าน่ารักที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ก่อนจะก้าวขึ้นนั่งในรถแล้วรอให้อีกฝ่ายปิดประตูให้
ชยางกูรปิดประตูแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่ง...
หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้จะมีการติดต่อจากอาธิปและศิวะเป็นระยะ แต่ทั้งสองก็ไม่ยอมบอกที่อยู่ให้ ตัวเขาเองได้แต่กระวนกระวาย ทั้งไปดักตอนเช้า..และเลิกเรียน แต่ก็ไม่เคยเห็นปัณวิทย์สักครั้ง
...ทางเลือกสุดท้ายเลยมาลงที่อดีตแฟนสาวของปัณวิทย์
“วันนี้อย่าเพิ่งเลยครับไอซ์ พอดีพี่มีเรื่องปันอยากจะคุยด้วยหน่อย” เขาพูดหลังจากออกรถมาเรียบร้อย
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแทบจะทันที เด็กสาวพองแก้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ปันทำไมเหรอคะ”
“ปันหายไปน่ะ ไม่กลับบ้านมาตั้งอาทิตย์แล้ว ไอซ์เห็นเขาที่โรงเรียนไหม” ทั้งที่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมาโรงเรียน แต่ชยางกูรก็ทำเนียนไม่รู้
“ขอโทษนะครับ แต่พี่เห็นไอซ์ก็สนิทกับพี่ พี่ไม่รู้จะถามใคร...” นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนหยอดแววหวานเชื่อมใส่เป็นลูกไม้ถัดมา
พอเจอกับสายตาที่จ้องมาเช่นนั้นก็ทำเอาพวงแก้มร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เด็กสาวค่อยๆยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา
“ก็เห็นว่าไปค้างบ้านอัฐน่ะค่ะ”
“งั้น... ไอซ์รู้ไหมครับว่าบ้านอัฐอยู่ไหน เดี๋ยวไปทานข้าวกับไอซ์เสร็จพี่จะไปรับปันเขา” ชยางกูรยิ้มเจ้าชู้โปรยเสน่ห์ใส่พลางเลื่อนมือมากุมไว้เบาๆ
“รู้ค่ะ” ใบหน้าหวานของเด็กสาวเอียงมองอย่างเอียงอายพลางนึกดีใจที่อีกฝ่ายยอมเล่นด้วย
“งั้น....ไว้หลังทานข้าวค่อยบอกนะ” ปลายนิ้วสากไล้เบาๆบนหลังมือนุ่มนิ่มพร้อมรอยยิ้มหวานซ่อนความนัย
...บางที...การจับปลาใหญ่โดยใช้เหยื่อล่อก็ไม่ใช่วิธีที่ยากเลย
//////////////////
ปัณวิทย์โยนเสื้อผ้าที่ใส่แล้วลงในตะกร้าใบใหญ่ เขาอยู่บ้านอาธิปครบอาทิตย์แล้วและยังไม่คิดอยากกลับบ้าน
...แต่ก็ไม่ได้สบายใจขนาดนั้น
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าชยางกูรพยายามติดต่อกับเพื่อนทั้งสองคน แต่เพราะเขาคาดโทษไว้ ทั้งสองคนจึงไม่ยอมบอกว่าบ้านหลังนี้อยู่ที่ไหน
ศิวะที่กำลังจะเดินสวนเข้าห้องน้ำไปเหลียวมองใบหน้าเล็กๆของเพื่อน เด็กหนุ่มร่างสูงส่ายหน้าช้าๆ...เซ็งแทนชยางกูรที่ไอ้เพื่อนของเขามันงี่เง่าเหลือเกิน
“ทำหน้ายังกับหมาหิว คิดถึงพี่เขาทำไมไม่กลับไปวะ”
...น่าจะมีอะไรมากกว่าทะเลาะกัน...
...แต่ถ้าปัณวิทย์ไม่อยากบอกให้รู้ เพื่อนอย่างเขาและไอ้อัฐก็ไม่ควรถาม
“คิดถึงเหี้ยไรครับ บ้านนั้นไม่มีคนรักกูตั้งนานแล้ว จริงๆออกมาเลยแม่งคงไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ.....” ปัณวิทย์ว่า เขาโตพอที่จะไม่ทำตัวเรียกร้องความสนใจงี่เง่าแบบที่บอกว่าหนีออกจากบ้านเพื่อให้คนที่บ้านใส่ใจ
...ในเมื่อไม่มีใครสักคน
“กูว่าอย่างน้อยก็ไม่ใช่พี่เดฟคนนึงแหละ” ศิวะส่ายหน้าแล้วบุ้ยปากไปในห้อง
“ไม่เชื่อลองไปถามไอ้อัฐดิ่ ว่าวันๆนึงมันตอบข้อความกับรับสายพี่เขาเท่าไหร่”
...บางทีไอ้การเป็นห่วงอย่างนี้ มันชวนคิดให้เป็นอื่นไปด้วยซ้ำ
“มึงมาอยู่ที่นี่ก็ทำหน้าเหงาๆ อย่าเถียงกูนะปัน...” ศิวะรีบดักคอ
“มึงกับพี่เดฟทะเลาะอะไรกันกูไม่รู้หรอก แต่กูคิดว่าที่พี่เขาเป็นห่วงมึงน่ะ มันของจริงนะเว้ย”
“............. ไม่หรอก... พวกมึงยังไม่เข้าใจ....” เด็กหนุ่มหันมองไปทางอื่น
“ก็ได้วะ..... เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง............... เรียกไอ้อัฐมาเหอะ”
-กริ๊งงง-
ไม่ทันที่ศิวะจะได้เรียกอาธิป เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น อาธิปที่โผล่หน้าขึ้นมาจากเกมก็ส่งเสียงเรียก
“ไอ้ซายน์ มึงไปเปิดหน่อย กูติดพัน”
“เชี่ย กูตลอดอะ” ศิวะตะโกนกลับ แต่เพราะตนเองหอบข้าวของเตรียมอาบน้ำ ร่างสูงเลยมองมาที่ปัณวิทย์แทน
“ปัน ไปแทนกูหน่อยนะ”
“เออ ครับครับ” ปัณวิทย์รับคำแล้วเดินลงมาจากตัวบ้าน เขาเห็นแม่บ้านเตรียมเปิดประตูแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นใคร เขาก็เดินกลับเข้าบ้านแทบจะทันที
“เหี้ย!! ใครบอกแม่งวะว่าบ้านมึงอยู่นี่ ไอ้อัฐ มึงลงมารับแขกมึงเลยนะ!!!”
เสียงตะโกนของปัณวิทย์เรียกให้ทั้งศิวะและอาธิปวิ่งหน้าตาตื่นลงมา แต่ก็ยังช้ากว่าชยางกูรที่สอดกายเข้ามาจับข้อมือปัณวิทย์ได้แล้ว
“พี่เดฟ!!” สองเสียงเรียกแทบจะประสานกันด้วยความตกใจ แม่บ้านวัยกลางคนจึงอาศัยจังหวะนี้หลบฉากออกไปแทบจะทันที
“ปัน...พี่มาตามกลับบ้าน” ชายหนุ่มผมทองในชุดลำลองเอ่ยปากก่อน
“บอกว่าไม่กลับไง! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอวะ!!!” ปัณวิทย์พยายามสลัดข้อมือให้หลุดพร้อมตะโดนถามเสียงกร้าว
“ปัน...อย่าทำอย่างนี้” ชยางกูรพูดเสียงแผ่ว เพียงอาทิตย์เดียวที่ไม่ได้เจอกัน ความคิดถึงและความรู้สึกผิดก็รุมเร้าจนแทบทนไม่ไหว
“พี่ขอโทษ..” ร่างสูงสวมกอดเบาๆ ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดร่างเพรียวไว้แนบกาย... ให้จมหายไปในอ้อมกอด
“มึง... จะขอโทษกูทำไม กูบอกว่ากูไม่กลับไป อย่ามายุ่ง!!” ปัณวิทย์ทำตัวแข็งแล้วออกแรงทั้งดันทั้งผลักอีกฝ่ายออกไป
“มึงพูดถูกแล้ว บ้านนั้นไม่มีใครรักกู กูก็ไม่อยู่หรอกสัด มึงกลับไปเลย!!”
สายตาสองคู่ที่มองมามีทั้งความสับสนระคนแปลกใจ ศิวะมองภาพตรงหน้าก็พอจะเข้าใจคร่าวๆได้..เพราะนึกตะหงิดในใจอยู่สักพักแล้ว
...แหงๆ...
...ผัวเมียทะเลาะกัน...
“ปัน...มึงกลับไปกับพี่เขาเหอะว่ะ” ศิวะพูดหลังจากยืนนิ่งมานาน
...แม่ง ตัวประกอบเพื่อนนางเอกชัดๆเลยกู...
“เหี้ย พวกมึงไม่เกี่ยว!! กูไม่กลับ” พูดกับเพื่อนเสร็จ เขาก็หันมาหาคนที่ยื้อยุดเอาไว้
“บอกว่าไม่กลับไงวะ! ไม่มีใครรักกู!! กูจะกลับไปให้เหี้ยตัวเองทำไม!!!”
“พี่รักปัน” ชยางกูรพูดหนักแน่นพร้อมอ้อมกอด ชายหนุ่มกระซิบซ้ำด้วยคำเดียวกันข้างใบหูสีแดงจัด
...ถ้ากลัวที่จะพูด...
...อาจจะต้องเสียไปอีก...
“ขอโทษทุกๆเรื่องที่ทำกับปัน ขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่ประชดออกไป...” ร่างสูงสูดลมหายใจหนักแน่นก่อนจะมองไปยังเพื่อนทั้งคู่ของปัณวิทย์ แล้วกลับมาสบสายตากับดวงตารื้นน้ำสีดำสนิทอีกครั้ง
“ปันให้อภัยพี่ได้ไหม...”
“ไม่!! มึงไม่ยอมฟังกู แล้วทำไมตอนนี้กูต้องฟังมึง!!” เขาออกแรงผลักร่างสูงออกไปเต็มที่
“มาพูดอะไรตอนนี้ไอ้ห่า”
“เพราะถ้าไม่พูดตอนนี้... พี่ก็จะไม่มีทางได้พูดอีกแล้ว” ฝ่ามือที่ผลักไสไม่ได้รุนแรงทางกาย... แต่กลับร้าวลึกไปถึงหัวใจ
...เจ็บเสียยิ่งกว่าอะไรที่เคยเจ็บ
“พี่รู้ว่าพี่ทำให้ปันเป็นเกย์ พี่หึงไม่เข้าเรื่อง พี่ไม่เข้าใจปัน พี่มันปากไม่ดี..ขี้โมโห...”ชยางกูรหยุดลมหายใจครู่หนึ่งก่อนจะระบายยิ้มออกมา
“...แต่สิ่งที่พี่เป็นอยู่และดีที่สุดตอนนี้...คือพี่รักปัน...”
...ความจริงที่มัวคิดไปเอง...
...ความจริงที่อยากพูดหลายต่อหลายครั้ง...
“ให้โอกาสพี่ได้ไหม...เรามาแก้ไขรอยต่อบิดเบี้ยวของเรา..ให้พี่ทำดีกับปันอีกครั้งนะ...”
ปัณวิทย์นิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้ว่ารู้สึกดีขนาดไหนที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น
...แต่กลับไปแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม...
“แล้วไง... กลับไปด้วยแล้วอะไรมันเปลี่ยนไป!!”
“พี่ก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง...แต่พี่รักปัน...และถ้าปันรักพี่..พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาว่าหรือดูถูกปันได้อีกแล้ว”
...แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นพ่อแท้ๆของตัวเองก็ตาม...
“ปันเชื่อใจได้ไหม...ว่าพี่จะไม่ทำให้ปันเจ็บปวดอีก”
มือเรียวทั้งสองข้างถูกรวบขึ้นมาจูบเบาๆ ชยางกูรแช่ริมฝีปากไว้ที่จุดเดิมก่อนจะมองสบสายตาปัณวิทย์อีกครั้ง
...อยากให้เชื่อ...
...จากหัวใจ...
“... แล้วไง ถ้าคราวหน้าเขาด่าอีก จะทำยังไง อยู่บ้านนั้นด้วยกัน ยังไงปันก็ต้องอยู่กับพี่เดฟ เขาก็เห็นพี่เดฟดีกว่าอยู่แล้ว!” เด็กหนุ่มเอ่ยทั้งน้ำตาถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เก็บไว้
“ถ้าอยู่ที่นั่นไม่ได้เมื่อไหร่..หรือถ้าปันพร้อมจะไปกับพี่ พี่จะพาปันไปอเมริกา” ชยางกูรประคองใบหน้าเล็กไว้แล้วใช้นิ้วโป้งปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น
“แต่กว่าจะถึงตอนนั้น....พี่จะดูแลปัน จะไม่ให้เขาทำอะไรได้อีกแล้ว”
“...... ไม่--! ปันไม่ไป ปันจะอยู่ที่นี่... ถ้าจะพาปันไปอเมริกาปันไม่ไป” เพราะยังทำใจที่ต้องอยู่ห่างจากผู้ชายที่เรียกว่าพ่อไม่ได้
“ไม่ไป...ไม่ไปก็ได้นะปัน” ชยางกูรกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แล้วจับใบหน้าให้ซุกลงกับอก
“กลับบ้านเรากันนะ...”
“.............” อ้อมกอดที่ชยางกูรมอบให้นั้นอบอุ่นจนทำให้รู้สึกดี และทำให้รู้ว่าคิดถึงขนาดไหน
“............................ ก็ได้.....” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา
มือใหญ่ลูบบนเส้นผมนุ่มมือเบาๆพลางยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
“ขอโทษทีนะอัฐ ซายน์ รับฝากไว้นานเลย” ชยางกูรเอ่ยทักเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยืนทำหน้างุนงงใส่
“.............เชี่ย มึงเป็นเมียพี่เดฟตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” อาธิปที่ยังดูงงๆถาม
“......... ตั้งแต่ตอนที่มึงถามกุเรื่องรอยที่คอนั่นแหละสัด” ปัณวิทย์ทำเสียงขุ่นพลางทำหน้ายุ่งใส่
“เข้าใจกูยัง? แม่งทำกูเป็นเกย์ สัด”
“.....ห่า มึงจะด่าพี่เดฟหรือด่ากุวะ อย่านึกว่าแฟนมาด้วยแล้วกูจะไม่กล้ากัดมึงนะเว้ย” อาธิปลอยหน้าพูดหน้าตาเฉย
“สัด เสือกปิดเพื่อนอีก กูก็นึกว่าทะเลาะอะไร แม่ง....กูว่าแล้วเรื่องผัวเมีย”
“ไม่ลองเป็นกูมั่งมึงไม่รู้หรอกไอ้เหี้ยอัฐ” เขาสวนกลับทันทีก่อนจะดันตัวออกมา
“เดี๋ยวกูไปเก็บของแล้วงั้น....”
“ให้พี่ช่วยไหม” ชยางกูรเสนอตัวแล้วโอบไหล่บางเบาๆ
“พี่เดฟ....กู เอ๊ย! ผมเลี่ยนว่ะ ไอ้ปันไม่ได้ท้องแก่ใกล้คลอดคร้าบ ไม่ต้องดูแลกันขนาดน้าน” อาธิปลากเสียงยาวล้อเลียน
ถ้าถามว่าตกใจไหม...ก็ใช่น่ะนะ
แต่เพราะเป็นเพื่อนกัน...เรื่องแค่นี้จะเป็นไรไป
“ปากมึงนี่น้า ยิ่งกว่าตูดอีกไอ้อัฐ”ศิวะที่ดูจะตั้งตัวได้ดีกว่าเอ่ยทั้งรอยยิ้ม
“เออ!! แม่งแซวกันหมดแล้ว!!! ไปยืนเฉยๆไกลๆเลย!!!” ปัณวิทย์ยกมือไล่แล้วเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อจะเก็บของ
ศิวะกลับเป็นคนที่เดินตามเข้าไปในห้อง เขาปล่อยอาธิปให้รับแขกอยู่คนเดียว เด็กหนุ่มนั่งลงบนเตียงแล้วเปิดบทสนทนาก่อน
“ไม่น่าเชื่อเลยว่ะ เรื่องมึงกับพี่เดฟยังกะนิยาย จากเกลียดเป็นรักซะงั้น”
เขาเงยขึ้นมองหน้าเพื่อนก่อนจะก้มลงเก็บของต่อ
“กูก็เกลียด... แล้วก็ดีกัน...... แล้วแม่งปล้ำกู... กูเอาผู้หญิงไม่ได้แล้ว ก็... ตามนั้น”
“พูดยังกับเรื่องย่อละครเล่มละยี่สิบห้าบาทน่ะมึง” มือใหญ่ผลักหัวเบาๆ
“เอาเหอะ มึงจะเป็นห่าอะไรก็เป็นไป ยังไงมึงก็เพื่อนกู พี่เดฟเขาก็คงคุมมึงได้....มึงมีความสุขหรือเปล่าล่ะ”
“ก็งั้นอะ กูไม่รู้เหมือนกัน อยู่ด้วยกันมันสบายดี” ปัณวิทย์ตอบพลางหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า
“ขอบใจนะเว้ย ซายน์”
“เออ” ศิวะโอบไหล่เพื่อนสนิทของเขาแล้วพากันเดินออกมานอกห้อง
“เอาเด็กมาส่งครับ เอาไปแล้วไปเลยนะพี่ พวกผมไม่เอาค่าสินสอด”
“หือ? พี่ว่าจะให้ค่าสินสอดเป็นข้าวสักมื้อกับหนัง...งี้ก็ไม่ต้องแล้วดิ่” ชยางกูรแซว
“เอาครับพี่” อาธิปรีบตอบก่อนจะถูกคนตัวเล็กตบหัวเบาๆ
“ไปแล้วนะพวกมึง”
“อือ...อย่ามาร้องไห้ซบอกพี่อัสซี่อีกล่ะ อกพี่มีไว้ให้สาวๆเท่านั้น เค๊?”
อาธิปพูดต่อพลางโบกมือให้ ใบหน้าขาวตี๋ยิ้มแป้นแล้นส่งคนทั้งสองจนออกไป
..เอาวะ...ถ้าแม่งมีความสุข จะเกย์จะเมียอะไรก็เป็นไปเหอะ
To Be Continued....