คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
บทที่ 64
คำพูดและการกระทำ
---------
แม้อาการตาบอดจะหายไป หลังจากรติกลับมาแข็งแรง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตรัสนิ่งนอนใจ
ทุกเช้า หลังเปิดร้านยาแล้ว คนไข้คนแรกของทุกวันก็คือรติที่ตรัสขอตรวจดูลูกตาและการมองเห็น
“ท่าน...ไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้”
รติท้วงเสียงแผ่ว ใจรู้ดีว่าที่ตรัสเคร่งครัดทั้งตรวจทั้งจดบันทึกอย่างทุกวันนี้ เพราะเป็นห่วงและอยากรักษาให้หายดี
แต่...ให้อย่างไรก็ไม่มีวันหาย
พอพูดถึงเรื่องนี้ ตรัสก็หันมอง
พวกเขาสองสามีภรรยามีเรื่องที่คิดเห็นตรงกันหลายเรื่อง แต่บางเรื่องก็ไม่ เช่นเรื่องตาบอดของรติ
ฝ่ายรติมักพูดเสมอว่าไม่จำเป็นต้องรักษา
ในขณะที่ฝ่ายเขา...จำเป็นมาก
หากเป็นก่อนหน้านี้ ตรัสคงไม่คิดว่าการอธิบายยืดยาวเป็นเรื่องจำเป็น แต่เวลานี้...ผ่านพ้นการเรียนรู้การผิดใจกันมาหลายครั้ง การกระทำเพียงอย่างเดียวไม่พอแล้ว
“ข้าเป็นหมอ เปิดร้านยา มีตำรับยาประจำสกุล แต่เจ้ากลับตาบอด ข้าจะมีหน้าไปสู้บรรพชนตอนตายได้อย่างไร”
“แต่มันไม่ใช่ความผิดของท่านที่ข้าตาบอด แล้ว...ข้าก็...ก็ไม่ได้ตาบอดทั้งวันทั้งคืน แค่บางช่วงเท่านั้นเอง”
“ถึงจะบางช่วงก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับข้า” สายตาของตรัสทั้งมุ่งมั่นทั้งจริงจัง รตินิ่งไป ก่อนจะท้วงแผ่ว
“แต่...ดวงตาของข้า...รักษาไม่ได้”
“ทำไมถึงเชื่อเช่นนั้น”
รติอ้าปากคล้ายจะพูด แต่แล้วก็หุบปากลงราวกับตัดสินใจใหม่ แล้วจึงเอ่ย
“ก็...สกุลของข้าก็มีตำรับยาเป็นของตนเอง ท่านปู่ของข้าก็เป็นหมอ ยังรักษาดวงตาของข้าไม่ได้เลย”
“ตำรับยาของสกุลเจ้ากับตำรับยาของสกุลข้ามิใช่ตำรับเดียวกัน”
“ทำไมท่านถึงดื้อดึงเช่นนี้”
“เพราะเป็นเรื่องของเจ้า”
ตรัสคนก่อนหน้านี้ที่ไม่พูดมากก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย พอมาเป็นตรัสคนพูดมากตอนนี้แล้ว...ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียเช่นกัน เพราะเถียงทุกประโยค อีกทั้งบางประโยคยังทำให้หัวใจคนฟังซาบซ่านขึ้นมาโดยพลันทั้งๆที่เมื่อครู่กำลังเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครแท้ๆ
ใบหน้าของรติร้อนผ่าว ประโยคของตรัสนั้นแสนสั้นแต่ทรงพลานุภาพ
...เพราะเป็นเรื่องของเจ้า...
...เพราะเป็นเรื่องของรติ...
ตรัสจึงมุ่งมั่นถึงเพียงนี้
“ข...ข้า...ข้าจะออกไปดูที่หน้าร้าน...” รติต้องหาทางเลี่ยงออกจากห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาทั้งที่หัวใจเต้นถี่ ทว่าไม่ทันจะหมุนตัวออกจากห้อง มือของเขากลับถูกคว้าเอาไว้ คนหมายจะหนีหันกลับไปมอง เห็นตรัสจ้องอยู่ราวกับรอคอย ก็ยิ่งทำหน้าไม่ถูก เม้มปากหน้าแดงก่ำ
“ที่เราตกลงกันไว้” ตรัสย้ำ
นอกจากเรื่องตรวจร่างกายของรติที่ตรัสไม่นิ่งนอนใจแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เขายิ่งวางเฉยไม่ได้คืออุปนิสัยไม่ช่างพูดของพวกเขาจนทำให้เกิดปัญหามาแล้วหลายครั้ง ชายหนุ่มจึงเสนอเงื่อนไขเรื่องหนึ่งเพื่อชดเชยนิสัยส่วนนี้
...ตอนเช้า...ภรรยาจูบสามี
...ตอนดึก...สามีจูบภรรยา
ตรัสเห็นว่า วิธีเช่นนี้ดี ในเมื่อการจะเปลี่ยนนิสัยจากคนไม่ค่อยพูดให้เป็นพูดทุกเรื่องในเวลาอันสั้นก็เห็นจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อต่างคนต่างชอบทำมากกว่าพูดก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้อดี อย่างน้อย...หากวันใดมีเรื่องโกรธเคืองก็ยังอาศัยเงื่อนไขนี้ในการใกล้ชิดกันให้คลายอารมณ์ขุ่นหมอง
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังวางเงื่อนไขอย่างยุติธรรม ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้กระทำแต่เพียงผู้เดียว
...ตอนกลางวันเป็นหน้าที่ภรรยาใกล้ชิดสามี ตอนกลางคืนเป็นหน้าที่สามีใกล้ชิดภรรยา...
“ท...ท่านตกลงอยู่คนเดียวต่างหาก”
“แต่เจ้าไม่ค้าน”
รติเม้มปากแน่น ดวงตามีแววเคืองเล็กน้อย กับเงื่อนไขที่ตรัสวางเอาไว้นับตั้งแต่พวกเขาคืนดีกัน
“อะไรของท่านกันนะ แบบนี้...ไม่ใช่การรักษาแล้ว...” ทำได้เพียงบ่น ในขณะที่ตรัสยังเงียบ จ้องนิ่งราวกับต้องทำตามเงื่อนไขเสียก่อน มิเช่นนั้นจะไม่ปล่อย สุดท้ายกลายเป็นรติที่ต้องตัดใจ
“ก็ได้ๆ...” แล้วก็ก้มลงหา แนบริมฝีปากลงกับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยของสามี จากนั้นจึงผละออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อสมใจแล้ว ตรัสจึงยอมปล่อยอีกฝ่ายให้ออกจากห้องตรวจของเขาไป
ชายหนุ่มมองตามพลางยิ้ม ก่อนจะก้มลงมองมือของตนเองที่เมื่อครู่จับข้อมือของภรรยาเอาไว้ตลอดเวลานับตั้งแต่รั้งรติจนกระทั่งอีกฝ่ายยอมก้มลงมาจูบที่มุมปากของเขา
...ชีพจรเต้นดี...บางสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกายของรติก็สงบ อีกทั้งยังจับการเคลื่อนไหวไม่ได้ด้วย...
เป็นอันว่านอกจากร่างกายแข็งแรง จิตใจมีความสุขแล้ว การแตะสัมผัสของพวกเขา ก็ล้วนช่วยให้สิ่งที่อยู่ในร่างกายของรติซึ่งบัดนี้ยังไม่รู้ว่าคืออะไรสงบลงด้วย
หมอตรัสแห่งร้านยาอหัสกร หยิบกระดาษขึ้นมาจดบันทึกข้อสังเกตของตนอย่างรวดเร็ว
---------
เงื่อนไขของตรัส หาได้หมดแต่เพียงเท่านั้น
นอกจากตรวจร่างกายเป็นประจำทุกเช้า และการแบ่งหน้าที่ในการใกล้ชิดของสามีภรรยาแล้ว เขายังสอดส่องเรื่องอื่นๆของรติอย่างตั้งอกตั้งใจด้วย
แม้ไม่จับจ้องจนอีกฝ่ายอึดอัด แต่ยามเดินเหินขยับกาย ก็คอยสังเกตถ้วนถี่ว่าผิดแปลกไปจากเดิมหรือไม่ ยามรับประทานอาหาร ก็คอยดูแลว่ากินมากน้อยเพียงใด หากเห็นสิ่งใดผิดปกติ ตรัสจะสวมบทหมอตรัสแห่งร้านยาอหัสกรซักถามละเอียดยิบ
“วันนี้กินข้าวไม่หมด ไม่ถูกปากหรือ หรือว่าเบื่อปลาแล้ว”
ตรัสเอ่ยปากถาม ระหว่างเดินไปเปิดร้านยาอหัสกรด้วยกันในช่วงบ่าย
รติรีบส่ายหน้าพัลวัน
“ไม่ใช่ๆ อาหารฝีมือพุดกรองอร่อยเสมอ แล้วข้าก็ชอบกินปลามาก”
คำพูดนี้มิได้เกินจริง แต่ละคนได้ปลาหนึ่งตัวเป็นกับข้าวส่วนตัว ส่วนกับข้าวอื่นๆรับประทานร่วมกัน รติกินปลาในส่วนของตนเองจนหมด และกินกับข้าวอย่างอื่นครบทุกอย่าง แต่อย่างละนิดละหน่อยและกินข้าวไม่หมดถ้วย
ตรัสยังมองภรรยาด้วยความเป็นห่วง จนรติต้องยอมบอก
“ตอนเดินกลับเรือน ข้าเห็นขนมน่ากิน ข้าก็เลย...ตั้งใจว่าขากลับไปร้าน จะแวะซื้อสักหน่อย...”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับที่เจ้ากินข้าวไม่หมด?”
“ก็...ข้าก็ต้องเผื่อท้องไว้หน่อยซี กินข้าวอิ่ม แล้วจะกินขนมไหวได้อย่างไร”
เพียงเท่านั้นตรัสก็ยิ้มจาง แล้วส่ายศีรษะไปมาอย่างระอาใจ รติชอบกินขนม เรื่องนี้เขาทราบ แต่ไม่คิดว่าจะชอบถึงขั้นยอมเผื่อท้องเพื่อขนมเลย
“ข้าก็นึกว่าเจ้าไม่สบาย คราวหลังอยากได้อะไรก็บอก เราสัญญากันแล้วว่าจะพูดคุยกัน”
รติพยักหน้ารับ ดูสลดลงเล็กน้อยที่ตนเองเผลอไผลไม่พูดอีกแล้ว ตรัสมองภรรยาอย่างเอ็นดู แล้วบุ้ยหน้าให้เดินนำ
“ไหนล่ะ ขนมที่เจ้าอยากซื้อ”
เพียงประโยคนั้น รติก็ยิ้มกว้าง รีบสาวเท้าไวพาอีกฝ่ายไปยังร้านขนมที่ตนหมายตา
รติซื้อขนมหนึ่งอย่าง แต่ตาแอบมองขนมอีกสองอย่าง เรื่องนี้มิทันได้พูด ตรัสเห็นสายตาก็เอ่ยถามขึ้นมาเอง
“อยากกินไหม”
รติหันมอง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกต ตอนแรกตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อสบตากับคนถาม ก็พลันนึกถึงความตั้งใจของพวกเขาที่จะเรียนรู้กันด้วยการพูดจา แม้จะไม่คุ้นเคย แต่รติก็พยายามเปลี่ยนแปลงตนเอง
“อยาก...”
ตรัสจึงหันไปสั่งขนมเพิ่มอีกสองอย่าง
แล้วบ่ายวันนั้น ข้างกายรติ มีจานขนมวางไม่ห่างมือ ส่วนในห้องตรวจของตรัส ที่โต๊ะเล็กข้างโต๊ะทำงานของเขามีจานขนมที่รติแบ่งสันปันส่วนอย่างละนิดมาให้ตรัสชิม สำหรับคนไม่ถนัดขนมหวาน ย่อมกินได้เพียงน้อย เรื่องนี้รติทราบดี ดังนั้นตอนที่ยกมาให้ถึงในห้องตรวจ ภรรยาจึงออกตัว
‘ข้ารู้ว่าท่านไม่ค่อยชอบกินขนม แต่ขนมอร่อยมาก อยากแบ่งมาให้ท่านชิมบ้าง แล้วก็...ขอบคุณที่เอาใจใส่ข้า’
รติสุขใจที่ได้กินขนม ส่วนคนไม่ค่อยกินขนมกลับสุขใจยิ่งกว่ากับการได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายเป็นคำพูด
...การกระทำสำคัญ คำพูดก็สำคัญ...
การกระทำทำให้เห็นความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ส่วนคำพูดนั้นเสียงดังเป็นที่รับรู้ ตรัสและรติตั้งมั่น พวกเขาจะเรียนรู้ที่จะบอกเล่าความรู้สึกนึกคิดให้อีกฝ่ายรับรู้...ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ
---------
#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
ธ ม น
THAMON926
---------
รติไม่ยอมบอกสาเหตุที่ทำให้ตาบอด ตรัสก็จะได้กำไรไปเรื่อยๆแบบนี้นะคะ ฮ่าฮ่า
ตอนแรกคิดว่าวันนี้ถึงตอนที่เฉลยแล้ว แต่ตัดตอนผิด (ขอโทษด้วยค่ะ) ก็ถือเป็นช่วงเข้าอกเข้าใจกันดี เป็นตอนหวานๆชดเชยหลายตอนที่ผ่านมานะคะ ฮ่าฮ่า แต่คิดว่าน่าจะภายในสัปดาห์นี้ที่จะเฉลยแล้ว
เพราะงั้น เรื่องนี้ก็ใกล้จบแล้ว น่าจะไม่เกินเดือนหน้าค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลย
เจอกันวันพุธค่ะ