[ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289  (อ่าน 485525 ครั้ง)

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ยังเดาไม่ออกเลยว่าจุดจบในภาคอดีตมันคือรูปแบบไหน
มาม่าที่ไม่อยากกิน แต่ต้องกินใช่ไหม ฮือออ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
พอจะเดาออกว่าจุดจบของตอนย้อนเรื่องจะเป็นแบบไหน
แต่บทสรุปของแต่ละคนในภพปัจจุบันนี่สิจะเป็นอย่างไร
พาทิศต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะปลดปล่อยเส็งได้  เฮ้อออ
จริง ๆ แล้วตั้งใจว่าจะให้ผ่านมาม่าไปก่อนแล้วค่อยเข้ามาอ่านทีเดียว
เวลาที่เรื่องยังไม่ถึงบทสรุปนี่ไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไหร่
กลัวจะนอนไม่หลับ  แบบค้างน่ะ  เก็บเอาไปคิดต่อคนเดียวได้อีก
เฮ้อ  กลุ้มใจตัวเอง

ออฟไลน์ w1234

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1

ออฟไลน์ viky_mama

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เห็นแววเศร้าอยู่รำไรอีกแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นที่หัวหินหรือคุณหลวง

แมววาย

  • บุคคลทั่วไป
ที่หัวหินเกิดอะไรขึ้นอ่า   เดาว่าเกือบจะมีอะไรกันแน่เลย  แต่คุณหลวงหยุดก่อนทำนองนั้นหรือเปล่าคะ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

• คุณกิต ไม่ใช่เสต็กหรอกครับ แต่เป็น... หึหึ เดี๋ยวก็รู้ครับ
วั้ย แค่เสต็กนี่ก็หนักหนาแล้วละค่ะ
กิต.มิกล้าเดาเป็นอื่น เกรงจะไม่งาม หุหุ  :-[

๑๐๗ + ๑ = ๑๐๘
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อ่านแล้วเหมือนกับว่าที่พาทิศขับรถชนนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยอะคะ..
เหมือนมีใครซักคนทำเพราะอยากให้หลับยาวววววววววว..(พร้อมสายน้ามเกลือ...T^T)
แต่สงสารเส็งจังเลย...อยากให้ได้อยู่กับคุณหลวงเร็วๆคะ..^ ^

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
+ให้พี่คนแต่งค่ะ  ไม่รู้จะสงสารใครดีอ่ะ


แต่หลังจากอ่านตอนนี้ก้ทำให้รู้ว่า  เส็ง  กับคุณหลวงแอบเห็นแก่ตัวนะเนี่ย



แต่ก็นะมีใครในโลกบ้างที่ไม่เห็นแก่ตัว  อย่างน้อยก็ต้องมีบ้างไม่มากก็น้อย



แต่ไม่ว่ายังไงก็ชอบคู่นี้อ่ะ


ปล.หน่าคิดถึงพาทิศแล้วอ่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
เกิดอะไรขึ้นที่หัวหินกันนะ อยากรู้ๆ

รอบหน้ายังคงต้องกินมาม่าต่อใช่ไหมคะเนี่ย  :m15:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
เกิดไรขึ้นที่หัวหินอะ

คุณหลวงแอบนอกใจเส็งหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7

sornvat

  • บุคคลทั่วไป
แต่งได้ละเมียดละไมมาก สุดประทับใจเลย
ถ้าผมได้กลอนแบบที่เส็งได้จากคุณหลวง คงจะถูกสลักจิตเหมือนกันแน่
แรกๆแอบเดาพาทิศเป็นหยาด อ่านไปๆมาๆ
พาทิศ-ณัฐนี่ เหมือนเป็นแสง-เส็ง ภาคปัจจุปันเลย
แต่คิดว่าไม่ใช่แน่ ถ้าพาทิศเป็นคุณหลวง ณัฐนี่เป็นหยาดที่มารอความรักชาตินี้หรือเปล่า
อ่านรวดเดียวมาถึงตอนนี้ค้างจังครับ แต่เห็นผู้แต่งเกริ่นๆถึงน้ำตาจะท่วมเรื่อยๆ ก็กลัวๆ
แอบกลัวใจแทนเส็ง ฮ่าๆ

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่หัวหินกันแน่   :serius2: :serius2: :serius2:

มีแววว่าเราจะได้บริโภคมาม่าไปอีกหลายตอนสินะค่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ BiGgYDrIb

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ไม่ค่อยได้อ่านนิยายย้อนยุคแบบไทยๆ
จีบกันน่ารักจัง เขียนกลอนให้ พูดเกี้ยวกันซะเราเขินแทน
จะรออ่านต่อไปนะจ๊ะ

ออฟไลน์ jobi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นึกว่าคุณหลวงเปลี่ยนไป ที่แท้เค้าเก็กไว้นี่เอง
คุณหลวงกับเส็งหวานชื่นกันได้ไม่เท่าไหร่ ความเศร้าก็จะมาเยือนอีกแล้ว=__=
รอบนี้เทคะแนนสงสารให้คุณหยาดดีกว่า

ขอบคุณมากจ้า

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1:
เข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณหลวงกับนายเส็ง

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
แด่... คนที่อยากรู้เรื่องที่หัวหิน และ แด่ผู้ที่รอมาม่า
คำเตือน เตรียมยาดม+พาราไว้คนละ 2 เม็ด เผื่อได้ใช้เมื่ออ่านจบบทนี้ครับ

******************************************************************************************************
๒๐

    เส็งนอนก่ายอยู่บนตัวหลวงพินิจราชอักษร หนุ่มน้อยหลับสนิท ดวงตาหลับพริ้มเห็นขนตาเป็นแผงสวยราวดวงตาหญิงสาว ร่างกายที่ทั้งเล็กทั้งบอบบางกระชับแน่นเข้าหาร่างที่แกร่งกว่า หลับซุกไออุ่นอย่างเคยชิน หากแต่ผู้ให้ไออุ่นนี้กลับไม่อาจหลับลงได้เลย
    ชายหนุ่มกอดร่างของเด็กน้อยที่เขารักแสนรักด้วยมือซ้าย หากแต่มือขวายกขึ้นหนุนที่ท้ายทอย แม้หมอนจะนุ่ม หนุนสบายอยู่แล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกปวด แข็งเกร็งที่ต้นคอด้วยความตึงเครียดที่มาเยือนในจิตใจ แม้กายจะล้าและเรียกร้องให้พักผ่อนอย่างไร ใจก็ยังไม่พร้อมจะหลับ ยังตื่นคิดโน่นคิดนี่อยู่แม้จะเลยสองยามมานานมากแล้วก็ตาม
    หลวงพินิจราชอักษรนึกไปถึงวันที่เขาเดินทางไปยังหัวหิน ชายหนุ่มยอมรับกับใจตัวเองว่า ไม่มีความสุขเลยจริงๆ หากแต่ต้องคงสีหน้าไว้เหมือนว่าเต็มใจมาร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วยเสียเหลือเกิน เขาสนุกที่จะคุยภาษาฝรั่งกับบรรดาข้าราชการต่างชาติชั้นผู้ใหญ่หลายๆคน พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน เกี่ยวกับความเป็น อารายธรรมของสยามว่าพัฒนาไปมากเพียงใด ในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง
    ตั้งแต่ต้นรัชกาล พระองค์ทรงงานอย่างหนักมาโดยตลอดเพื่อพัฒนาสยามประเทศให้เจริญทัดเทียมชาติตะวันตกที่เข้ามาล่าอาณานิคม ให้ชาวตะวันตกเห็นว่า ชาติสยามเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมไม่ต่างจากอารยประเทศในยุโรป เนื่องจากชาวตะวันตกในสมัยนั้นมองว่าคนเอเชียป่าเถื่อน ไม่มีวัฒนธรรมไม่รู้ความรู้ความสามารถที่จะใช้ชีวิตให้มีคุณภาพได้เทียบเท่าชาติอังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกศ เยอรมัน ทั้งจารีตประเพณีบางอย่างยังคร่ำครึ บางอย่างขัดต่อหลักศีลธรรม จำเป็นต้องแก่ไขอย่างยิ่ง
    ชาติตะวันตกเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องเข้ามาให้ความรู้ ให้วิทยาการต่างๆ แนะแนวการปกครอง และช่วยเหลือให้เปิดประเทศเพื่อความเจริญทางเศรษฐกิจแก่พวกด้อยพัฒนาอย่างคนดำในแอฟริกา หรือคนเอเชียชาวยุโรปเชื่อว่าหน้าที่เหล่านี้เป็น “ภาระของคนขาว” ที่ต้องทำให้เกิดความเจริญทัดเทียมกันทั่วโลก กระนั้นหลวงพินิจราชอักษรเข้าใจว่าจริงๆแล้วสิ่งที่ชาวตะวันตกเหล่านี้พูดนั้น เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
    การล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกนั้น มีจุดประสงค์เพื่อขยายแหล่งการค้ามากกว่า เนื่องจากลัทธิพาณิชยนิยมกำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรป แต่ละประเทศต่างแก่งแย่งชิงดีกันขยายผลผลิตทางการเกษตร และให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวย บวกกับความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรมนุษย์ หรือแรงงานทาสในแอฟริกาและความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติในเอเชีย ทำให้ยุโรปยิ่งต้องเข้ามาจับจองยึกดินแดนในแถบนี้เป็นของตัวเองให้ได้เพื่อได้มีแหล่งวัตถุดิบ และแรงงานในมือมากๆ รวมถึงได้มีแหล่งตลาดเพื่อระบายสินค้าที่เหลือใช้จากในยุโรปอีกด้วย
    เหตุนี้เองที่ทำให้พระพุทธเจ้าหลวงซึ่งทรงรู้เท่าทันชาวตะวันตกเร่งพัฒนาประเทศเพื่อลดข้ออ้างเรื่อง “ภาระคนขาว” ให้หมดไป จะได้ไม่ต้องเสียเอกราชให้ประเทศใดมาปกครองสยาม
    สยามเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด เห็นได้ชัดที่สุดก็เรื่องเครื่องแต่งกายนี่เอง ทรงนิยมให้ชาวสยามเริ่มแต่งตัวเหมือนชาวตะวันตก ยกเลิกประเพณีหมอบคลานต่างๆ รวมถึงทรงสร้างสาธารณูปโภคมากมายในพระนครเช่นทรงให้มีการใช้กระแสไฟฟ้า ให้มีประปา สร้างโรงหมอ สุขาภิบาลต่างๆ ทรงสนับสนุนให้ชาวสยามได้รับการศึกษา มีการมอบทุนเล่าเรียนหลวงให้นักเรียนที่มีความรู้ความสามารถได้ไปศึกษาที่ต่างประเทศเพื่อให้นำความรู้ของชาวตะวันตกกลับมาพัฒนาชาติบ้านเมืองในอนาคตต่อไป รวมไปถึงทรงตัดถนน สร้างรถรางวิ่งในพระนคร รวมไปจนถึงสร้างทางรถโฟโยงใยไปทั่วทั้งสยาม สามารถเดินทางไปหัวเมืองไกลๆ ได้อย่างสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมาก
    อย่างรถไฟสายกรุงเทพ หัวหินที่หลวงพินิจราชอักษรนั่งนี้ก็เช่นกัน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2434 แล้ว
    หยาดวี้ดว้าย ตามประสาผู้หญิงมีบ่าวผู้หญิงชื่อ อีจัน ที่มารับใช้เป็นลูกคู่ชี้นกชี้ไม้ หัวเราะกันระริกระรี้อย่างมีความสุข ส่วนตัวเขาเองมีเทิดคอยอยู่ใกล้ๆใช้ทำโน่นทำนี่ก็จริง แต่น่าแปลกตรงที่ว่า แต่ก่อนหลวงพินิจจะใช้อะไรเทิดก็เห็นความคล่องแคล่วดี ทำงานใช้ได้มาโดยตลอด มากระทั่งการเดินทางในครั้งนี้แหละ ที่รู้สึกว่าใช้อะไรก็ไม่ได้ดังใจ จะคุยอะไรด้วยก็รู้สึกไม่สนุก ชวนให้ไม่อยากคุยไปเสียอย่างนั้น ผิดที่เทิดทำงานไม่ดีหรือ เพราะเทิดไม่ใช่เส็งกันแน่ หลวงพินิจก็ไม่แน่ใจ
    คิดถึงเส็งขึ้นมาหลวงพินิจก็กอดร่างบ่าวคนรักเข้ากระชับในอ้อมอก ก้มลงจูบหน้าผากขาวเนียน ก่อนจะคิดถึงเหตุการณ์ในหัวหินต่อไป
    
    เจ้าคุณที่เป็นสหายของ เจ้าคุณพ่อของเขาชื่ออะไรเขาก็จำไม่ได้ จำได้แต่เขาเรียกเจ้าคุณๆ จนติดปากมาแต่เด็ก มีบ้านพักอยู่ริมหาดที่หัวหิน เรียงรายอยู่สองสามหลัง หลังหนึ่งมีห้องประมาณสามห้อง เจ้าคุณไพรัชกิจ และเจ้าคุณไพศาลเสนีย์ นอนอยู่ร่วมบ้านหลังใหญ่เดียวกัน รวมถึงบรรดาแขกฝรั่งที่เป็นอาวุโสไม่อยู่รวมกับหลวงพินิจด้วย ส่วนตัวเขาเองและ หยาดอยู่บ้านหลังเล็กที่อยู่ติดกันแยกออกมาต่างหาก เทิดไปนอนอยู่ร่วมกับพวกบ่าวไพร่ของบ้านเจ้าคุณที่นี่ ส่วนอีจัน ตกลงกับนายว่าจะนอนเฝ้าอยู่หน้าห้องนอนของหยาด
    หลวงพินิจไม่จำเหตุการณ์ทั่วไปอย่างกินอาหารทะเล หรือ ลงเล่นน้ำนั่งเล่นอยู่ริมหาด เกือบทั้งอาทิตย์ เพราะเขามักใช้เวลาที่ทำกิจกรรมเหล่านั้นคิดถึงบุคคลที่นอนกอดเขาอยู่ตรงนี้ มากกว่าจะจดจำรายละเอียดที่เกิดขึ้นตอนนั้น แต่เขาจำคืนก่อนกลับได้อย่างแม่นยำทีเดียว เพราะมันเป็นคืนที่สำคัญที่สุด... ไม่มีวันลืมที่สุด
    วันนั้นมีงานเลี้ยง ตามปกติของฝรั่งมังค่าที่จะต้องดื่มเหล้ากันครึกครื้น มีการทำอาหารทะเลปิ้งกินกันอยู่ที่ริมหาด บรรดาเจ้าคุณก็สนทนากันไปตามประสาหนึ่งโต๊ะ แขกฝรั่ง หลวงพินิจ และแม่หยาดอยู่อีกโต๊ะ ปกติหลวงพินิจเป็นคนไม่ดื่มเหล้า อย่างมากก็จิบเหล้าองุ่น หรือที่เขาเรียกกันว่า ไวน์ หรือ แวง ในภาษาฝรั่งเศส เป็น อาเป-ราตีฟ คือเหล้าเรียกน้ำย่อยบ้างเท่านั้น หากแต่จะดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำนั้น หลวงพินิจไม่เคย
    มาครั้งนี้แขกฝรั่งคะยั้นคะยอให้ดื่มกันมาก ด้วยความที่หลวงพินิจเป็นคนเข้าสังคม จึงดื่มไปตามที่เขายั่วยุ แม่หยาดเอง ดื่มไปได้แก้วเดียวก็เมาหน้าแดง นั่งเงียบไม่พูดไม่จา พอๆกับหลวงพินิจที่พอเมาเมื่อใด ก็จะง่วงทำอะไรไม่ได้ ไม่มีสติไปเมื่อนั้น สุดท้ายเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องไม่ได้สติแล้ว เทิดก็อาสา พยุงหลวงพินิจไปที่บ้านพัก ที่อยู่ไกลจากตรงนั้นพอควร เป็นบ้านหลังเล็กๆ เปิดประตูเข้าไปก็มีเพียงส่วนให้นั่งเล่นส่วนหนึ่ง เข้าไปก็เป็นห้องนอนแล้ว เทิดพยุงหลวงพินิจไปถึงเตียง ถอดกระดุมเสื้อจะเปลี่ยนชุดนอนให้นายหนุ่ม แต่พอปลดไปได้เพียงโยนเสื้อออกพ้นตัว หลวงพินิจก็ล้มลง ด้วยความตกใจ เขาคว้าแขนทนายหนุ่มไว้หาที่ยึดมั่น แต่กลับกลายเป็นว่า หลวงพินิจราชอักษรฉุดเทิดล้มลงไปบนเตียงด้วยกันทั้งคู่
    หากเป็นปกติ หลวงพินิจคงผงะออกจากทนายหนุ่มเหมือนถูกไฟช็อต หากแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ชายหนุ่มก็ลืมตัวโอบแขนรอบตัวเทิด ปากครางหาเส็งอย่างไม่รู้สึกตัว เทิดโดนเข้าอย่างนั้นก็ขนลุก ผลักนายหนุ่มออก รีบออกจากห้องให้เร็วที่สุด กระนั้นเพราะความเมาอีกนั่นแหละ ชายหนุ่มก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เลือดลมสูบฉีด อยากระบายอารมณ์ทางเพศกับใครเสียเหลือเกิน หากแต่ก็สะกดใจเดินกลับเรือนบ่าวไปก่อน
    หลวงพินิจเริ่มรู้สึกตัวตอนที่มีคนมาเคาะประตู แม้จะมึนเกินกว่าจะรับรู้อะไรได้ตลอดแต่เขาก็จำได้ว่าพาตัวเองเดินไปจนถึงหน้าประตูเปิดประตูให้กับผู้มาเยือน ด้วยคิดว่าเป็นเทิด แต่เปล่าคนที่มาเปิดประตูคือคนที่เขาไม่อยากพบมากที่สุด...
“แม่หยาด”
    หยาด เดินเข้ามาในห้องทั้งที่หลวงพินิจไม่ทันได้กล่าวอะไร หล่อนโวยวายเรื่องอะไรหลวงพินิจก็จำไม่ได้เพราะขาดสติด้วยกันทั้งคู่ รู้แต่แม่หยาดเดินตรงเข้ามาเขา ปากพูดพึมพำทำนองว่า “พี่แสงไม่รักหยาด” ไล่ต้อนหลวงพินิจจนต้องเดินถอยไปชนกับขอบเตียง เหยียบชายโจงกระเบนที่ปล่อยลอยชายไว้จนหลุดออกจากร่างกลายเป็นว่าเขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ล้มลงไปนอนด้วยกันบนเตียงทั้งคู่
    ด้วยความที่ไร้สติ หยาดโอบรอบร่างของหลวงพินิจซุกเข้าหาด้วยความรัก และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลวงพินิจราชอักษรจำได้ในคืนนั้น

 เช้าวันรุ่งขึ้นหลวงพินิจตื่นมาแต่เช้าเขาเวียนหัวเล็กน้อยแต่ก็มีสติพอที่จะพบว่า ตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ชายหนุ่มตกใจแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ เหตุใดเขาจึงอยู่ในสภาพนี้ หรือว่าเขากับเทิด... ไม่ซีไม่ใช่เทิด คนที่เข้ามาสุดท้ายคือแม่หยาด เขาไม่อยากเชื่อว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับแม่หยาด มันเป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ได้อย่างไรเขาไม่ได้รักแม่หยาดแม้แต่น้อย คนเดียวที่เขารักเต็มหัวใจและเป็นคนเดียวที่เขาจะหลับนอนด้วยได้ คือเส็งต่างหาก!
แต่เมื่อรูปการณ์ออกมาเป็นอย่างนี้มันก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ แม่หยาดเข้ามาตอนสุดท้าย แต่เขาก็จำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น เพราะเหล้าหรือ... เพราะเหล้าทำให้เขาไม่มีสติ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้สึกตัวขนาดนั้นเลยเทียวหรือ
“คุณหลวงขอรับ” เทิดเคาะประตูสองสามที หลวงพินิจก็สะดุ้งขึ้นจากความคิด “ตื่นแล้วหรือยังขอรับ”
 คุณหลวงหนุ่มคว้าผ้ามาผูกไว้ที่เอวอย่างลวกๆ ก็จะเดินไปเปิดประตู “มีอะไรหรือ”
 เทิดมองหน้าหลวงพินิจ มีแววตาของความรู้สึกผิดเจืออยู่ เขาไม่กล้าสบตาหลวงพินิจราชอักษรตรงๆ แต่ก้มมองพื้นตลอดเวลาที่คุณกับนายหนุ่ม หลวงพินิจสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ก็ตีความไปว่าทนายหน้าหอของเขา คงรู้สึกกระดากกับเหตุการณ์เมื่อคืน ที่ชนกันล้มบนเตียงกระมัง ... เทิดจำได้หรือเปล่าว่าเขากอกกระหวัดทนายหนุ่มไว้ แต่กลับพูดถึงชื่ออีกคน ที่คิดถึงและอยากเจอเหลือเกิน
 “เอ้อ เจ้าคุณให้มาแจ้งขอรับ ว่าจะออกเดินทางกันแล้ว ให้กระผมมาช่วยคุณหลวงจัดกระเป๋าขอรับ”
 “เข้ามาซี” เขาว่าเปิดประตูให้ทนายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง
“คุณหลวงอาบน้ำก่อนไหมขอรับ ได้สดชื่นเตรียมตัวกลับอย่างไรเล่าขอรับ” เทิดว่า หากแต่ตาไม่ได้มองหลวงพินิจ ได้แต่เก็บผ้าเก็บผ่อน ที่ตกกองอยู่ตามพื้นตามที่ทางเดิน มาเตรียมใส่ชะลอมกลับพระนคร
“ดีเลย ช่วยข้าหน่อยละกัน” หลวงพินิจว่า พลางนึกในใจว่า หากเส็งมาเขาคงช่วยกันเก็บผ้าอย่างมีความสุข ลอบมองหน้าบ่าวหนุ่มอย่างใกล้ชิด ด้วยความรักใคร่อยู๋ใกล้ๆ แต่พอพบว่าเป็นเทิดทุกอย่างก็จบ หลวงพินิจไม่รู้สึกอะไรกับทนายหนุ่ม
 หลวงพินิจไม่ได้รักชอบชายด้วยกัน เสียหมดทุกคน แต่ชอบเป็นคนๆต่างหาก อย่างเส็งเป็นต้นที่ทั้งรักทั้งชอบ และคิดถึงอยากกลับไปหาเต็มทน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคิดเรื่องของหยาดอยู่ ไม่ยอมลบไปจากใจ

หลวงพินิจเดินไปที่ชายหาดเพื่อดูทะเลเป็นครั้งสุดท้าย นึกอยากให้เส็งมาด้วยเสียเหลือเกิน บ่าวหนุ่มคงไม่เคยเห็นทะเล ได้เห็นคงตื่นตาตื่นใจมีความสุขอย่างมากเป็นแน่ คิดถึงเส็งไม่นาน พอเดินไปได้สักพักชายหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นสตรีร่างบางที่ยืนห่างจากเขาไป แม้ไกลอยู่บ้างจะหันหลังกลับ เดินหนีไปดื้อๆหล่อนก็คงไม่รู้ตัว หากแต่ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจหล่อนหันมาพอดีก็เห็นหลวงพินิจ
 เขาไม่อยากทักหล่อนเลย แต่ก็ต้องจำใจ เรื่องที่ค้างอยู่ในใจมันกัดกร่อนทำร้ายเขาจนไม่อาจอยู่เป็นสุขได้ การหมั้นหมายก็เป็นห่วงคล้องเขากับแม่หยาดอยู่แล้ว หากมีเรื่องเมื่อคืนอีกละก็ คราวนี้เขาได้ดิ้นไม่หลุดต้องจำใจแต่งงานกับหล่อนจริงๆแล้วเป็นแน่
 “จะต้องกลับพระนครแล้ว แม่หยาดจะไปรับเช้าพร้อมพี่หรือไม่ ได้เดินไปส่ง” เขากล่าว ขณะที่หล่อนเดินเข้ามาใกล้ ไม่มีใครมองหน้าใครสักคน ต่างก็มองไปยังเส้นขอบฟ้าที่มีพระอาทิตย์โผล่มาทักทายเท่านั้น
“เจ้าค่ะ” หล่อนว่าเบาๆ ไม่เต็มใจพูดเช่นกัน
   ทั้งคู่ได้แต่เดินเคียงคู่กับไปแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบที่น่าอุ่นใจนั้น ในเมื่อก็รู้ดีแก่ใจทั้งคู่ว่าเมื่อคืนก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    หยาดคงอึดอัด หล่อนจึงพูดขึ้นมาก่อนแต่เบาๆว่า
    “อีกสองเดือนกว่าๆก็จะแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ
    “แม่หยาดจะย้ำทำไม” หลวงพินิจราชอักษรเผลอขึ้นเสียง “พี่รู้อยู่เต็มอก แม่หยาดไม่จำเป็นต้องมาเตือนดอก ว่าใกล้เวลาที่พี่ต้องอยู่กับแม่หยาดไปจนตายแล้วแค่ไหน”
    หยาดตกใจ หยุดเดิน จนหลวงพินิจต้องหันมาคุยด้วย
    “คุณหลวงพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
    “ไม่ได้หมายความว่าอย่างไร ก็หมายความตามที่พูดว่ารู้อยู่แล้ว ไม่ต้องมาย้ำมากนักหรอก”
    “คุณหลวงไม่อยากแต่งหรือเจ้าคะ”
    หลวงพินิจหันหลังกลับ เดินไปทางหมู่บ้านที่พัก จนหยาดต้องเดินตามมาด้วยให้ทัน
    “แม่หยาดเราไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม”
    “แต่ดีฉันเห็นว่าต้องพูดเจ้าค่ะ” หล่อนตอบ อย่างหนักหน่น มากพอจนหลวงพินิจราชอักษรไม่คิดว่าจะได้ยินจากสตรีคนใดในสยาม เขาหยุดนิ่งหันไปฟังหยาดอย่างเสียไม่ได้ “เราจะต้องอยู่ด้วยกันนะเจ้าคะ ดีฉันจะต้องเป็นภรรยา จะต้องดูแลคุณหลวง หากเราไม่เต็มใจแต่งงานกันแต่แรกแบบนี้ ดีฉันจะอยู่ร่วมกับคุณหลวงได้อย่างไรเจ้าคะ”
    “แม่หยาด เราไม่เต็มใจไม่ได้หมายความว่าจะไม่แต่ง”
    “แต่ถ้าแต่งแบบไม่เต็มใจ ดีฉันก็ไม่อยากเช่นกันเจ้าค่ะ” หลวงพินิจรู้ว่าหล่อนพูดไปอย่างนั้น ถ้าจะบอกว่าไม่แต่งหล่อนก็ต้องร้องไห้ฟูมฟาย และไม่ยอมจะต้องแต่งให้ได้เสียอีกต่างหาก จนไม่อยากทำให้หล่อนเสียน้ำใจมากไปกว่านี้ ได้แน่นิ่งฟังไปเรื่อย “ดีฉันหวังว่าคุณหลวงจะรักดีฉัน จะสนใจดีฉันบ้าง หากมาหัวหินครั้งนี้เราก็คงนึกถึงวันวานที่เคยวิ่งเล่น เคยเป็นพี่แสงกับน้องหยาด คุณหลวงคงเต็มใจแต่ง...”
    “อ้อ” หลวงพินิจตวาดออก ไปใจนึกแค้น เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน “หล่อนจึงต้องใช้วิธีอย่างเมื่อคืนซีนะแม่หยาด!”
    “คุณหลวง!” หล่อนตกใจ ยกมือทาบอกอุทานออกมา
    “ไม่นึกเลย ฉันไม่นึกเลยว่าเธอจะใช้วิธีนี้ ฉันคิดว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุ เธอคงไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำตัวได้ต่ำเช่นนี้ หวังว่ามีอะไรกันแค่ครั้งเดียวแล้ว ฉันจะอยากแต่งกับหล่อนอย่างเต็มใจหรือ!”
    “คุณหลวง” น้ำตาของหยาดคลอเบ้า หากแต่ความแค้นมีมากกว่า จึงไม่ได้ร้องไห้อย่างอ่อนแอ เพียงชักสีหน้าไม่พอใจ ให้เห็นว่าหล่อนทั้งเสียใจ ทั้งโกรธแค้นแค่ไหน “ดีฉันตั้งใจไปพูดกับคุณหลวงให้เข้าใจ เรื่องนอกนั้นดีฉันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น”
    “หล่อนสารภาพออกมาเองแล้วแม่หยาด... หวังว่าเราจะได้รักกันหรือ อุบัติเหตุหรือ เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหน วางแผนมาหัวเมืองกับผู้ชาย แล้วบุกเข้าหาถึงห้อง หล่อนก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงโคมเขียว!” หลวงพินิจตวาด เคราะห์ดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น จึงไม่มีใครได้ยิน คนที่ได้ยินอยู่คนเดียวน้ำตาไหลอาบแก้ม ด้วยไม่เคยฟังถ้อยคำที่เจ็บแสบเท่านี้มาก่อน “หวังให้มีพันธะระหว่างเราใช่ไหม หวังให้เห็นใจใช่ไหมได้... หล่อนอยากให้เห็นใจก็เห็นแล้ว เห็นว่าใจของหล่อนมันสกปรกเพียงไหน  ถ้าหล่อนกล้าพอที่จะทำถึงเพียงนี้เพื่อให้ได้แต่งงาน ฉันก็กล้าพอที่จะแต่ง แต่ขอให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ได้รักหล่อน ไม่ได้แต่งเพราะความเต็มใจอย่างที่หล่อนคิด แต่จะแต่งเพราะความสมเพชเวทนา ว่าผู้หญิงคนนี้กล้าย่องเข้าห้องผู้ชาย เพื่อมัดไว้ให้ได้แต่งงาน!”
    หลวงพินิจว่าแต่เพียงเท่านั้นก็เดินหุนหันออกมา ทิ้งหยาดให้ยืนร้องไห้ ... เมื่อคืนและวันนี้เป็นวันที่อัปยศเหลือเกินสำหรับหล่อน

ด้วยเหตุนี้เอง หลวงพินิจจึงทะเลาะกับหยาดวันนี้ตอนเย็น หล่อนทำเรื่องเสื่อมเสียขนาดนั้นแล้ว ยังมีหน้ามาหาเขาอีกได้อย่างไร แล้วยังมาตัดพ้อ ราวกับเขาเป็นฝ่ายผิด ราวกับว่าเรื่องที่หัวหินที่ทำให้เขาเกลียดหล่อนเข้าไส้นั้นไม่เคยเกิดขึ้น มาทบทวนดูอีกครั้ง...ถึงหลวงพินิจจะรู้สึกผิด แต่ก็เกิดเพราะหล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารต่างหาก แต่มาพิจารณาดีๆแล้ว เปล่าเลย หยาดสมควรแล้วที่จะเป็นอย่างนี้ เขากับหล่อนไม่ควรแต่งงานกัน ไม่ว่าจะด้วยพ่อแม่บังคับ หรือด้วยสถานการณ์บังคับอย่างที่หล่อนต้องการทำกับเขา ถ้าเขาจะแต่งกับใครก็ต้องเป็นเพราะเขารักคนคนนั้น อย่างน้อยต้องรัก เหมือนกับร่างที่หลับสนิทนอนนิ่งในอ้อมอกเขาอย่างนี้ต่างหาก ที่เขารักเหลือเกิน รักจนต่อให้อะไรมาพราก เขาก็จะไม่ยอมจากหนุ่มน้อยคนนี้เป็นอันขาด
 หลวงพินิจราชอักษร กอดร่างเล็กที่แสนบอบบางนั้นด้วยแขนทั้งสองข้าง มีความสุขเหลือเกินเมื่อรู้ว่า พรุ่งนี้หยาดจะคุยกับเจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่ของหล่อนแล้วเขาจะได้ไม่ต้องเข้าพิธีแต่งงานกับหล่อน อยู่กินกันกับเส็งไปจนตาย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2010 21:25:57 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
กลายเป็นว่าวันเสาร์ นั้นเป็นวันที่วุ่นวายที่สุดเท่าที่เส็งเคยเห็นตลอดเวลาที่อยู่เรือนนี้มา บรรดาบ่าวไพร่วิ่งวนทำขนม ขต้มกันวุ่นวายไปหมด คุณหลวงเองก็มาคุมอยู่ที่เรือนบ่าวคอยดูว่าเอาอะไรไม่เอาอะไร อะไรเหลืออะไรขาดได้จัดการถูก
 ที่ใต้ถุนเรือนบ่าว บ่าวไพร่แยกกันเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งทำขนมกง ตำแป้งกันแล้วเอามานวด ลงทอดน้ำมันเสียงดังฉ่าไปหมด ออกมาเป็นกงสวย มะลิและชิดคอยเป็นแม่งาน หยิบฟืนเข้า เอาฟืนออก ให้ไฟร้อนแต่พอดี ไม่ให้ไหม้เกรียมเกินไปจนดูไม่สวย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไฟอ่อนเสียจนแป้งไม่สุก อีกส่วนของโรงครัวมีแก้วและยายนอมคอยนวดแป้งทำข้าวเม่า ใส่น้ำตาล ใส่มะพร้าวที่มีบ่าวไพร่คอยขูดอยู่นวดเข้าเป็นห่อใส่กล้วยไข่ที่ต้องมีคนคอยช่วยปอกเปลือกส่งให้ นางแก้วทำหน้าที่ปั้นให้สวยเพียงอย่างเดียว แล้วส่งให้ยายนอมลงทอดในกระทะเพราะ
“กวนแป้งเดี๋ยวมือเลอะ” แต่ไม่ขูดมะพร้าวเพราะ “มือข้าได้ลอกหมด มือหยาบๆอย่างพวกเอ็งก็ขูดไปซี” แล้วก็ไม่ยอมทอดเพราะว่ากลัว “น้ำมันกระเด็นเดี๋ยวเสียโฉมหมด”
ในโรงครัวทำขนมกันไป ตรงแคร่ข้างเรือนบ่าว ทางปากทางสวน หลวงพินิจนั่งอยู่กับเส็ง บ่าวหนุ่มน้อยและบรรดาบ่าวสาวอีกสองสามคนที่เส็งเป็นคนฝึก นั่งแกะมะละกอเป็นลายราชสีห์ กินรี คนธรรพ์ อย่างลายตามวัดตามโบสถ์ที่เส็งเคยอยู่มา
 “ไม่ต้องสวยมากนะเส็ง” หลวงพินิจกระซิบข้าหูบ่าวหนุ่มเบาๆ ตอนที่บ่าวไพร่ไม่เห็นกัน “เดี๋ยวใครแถวนี้จะอิจฉาอีก”
 เส็งหัวเราะเบาๆแต่ก็ไม่เสียสมาธิ นั่งแกะมะละกอต่อไป
    บรรดาบ่าวผู้ชายยกกระจาดใส่ผลไม้ในสวนมา หลวงพินิจก็เลือก เอามะม่วง มะไฟ เผือก มันเท่าที่มี แล้วก็หันมาปรึกษาเส็งว่าลูกไหนสวย ลูกไหนไม่สวย ลูกไหนใหญ่เล็กอย่างไร บ่าวหนุ่มก็ตอบไปเท่าที่รู้ สุดท้ายหลวงพินิจก็ให้บ่าวไปหา อ้อย หาแตงโม ส้มโอมาเพิ่ม
    “เอ แล้วนี่มีใครซื้อเครื่องบริขารหรือยัง”
    “บ่าวซื้อมาแล้วขอรับ” มั่นว่า ตอบ
    “บ่าวเอาไว้ที่ท่าน้ำแล้วขอรับ มีเด็กนั่งเฝ้าไว้อยู่อะไรที่ทำเสร็จแล้วบ่าวให้ทยอยไปไว้ที่โน่นให้หมดแล้วขอรับ” เส็งช่วยเสริม หลวงพินิจก็พยักหน้าพอใจ บอกขอบใจที่ช่วยแบ่งเบาภาระ
     “แล้วผ้าไตรเล่า มีใครเตรียมผ้าไตรหรือยัง”
    “ตาย ยังขอรับ” เส็งว่า “บ่าวลืมไป ขอโทษขอรับคุณหลวง”
    “ไม่เป็นไรดอกของมันลืมกันได้  ดีที่นึกได้แต่เนิ่นๆ มั่นให้ตามีไปหามาซีว่าที่ไหนมีผ้า มาทำผ้าไตรบ้าง” วุ่นวายกันไปจนเย็นมากแล้วก็เหมือนงานใกล้จะเสร็จทุกฝ่าย หลวงพินิจราชอักษรก็ขึ้นเรือนไปอาบน้ำ เรียกเส็งกลบเกลื่อนว่า
   “มาเตรียมเสื้อเตรียมผ้าให้ที”
    หลวงพินิจเข้าอาบน้ำพร้อมเส็ง ใต้สายน้ำที่พรมลงมาเย็นสดชื่น ลูบไล้เนื้อตัวจนสะอาดก็ออกมาเช็ดตัวให้บ่าวหนุ่ม ประแป้งให้แล้วก็ผลัดกันแต่งตัวให้อีกฝ่าย เส็งสวมเสื้อป่านของคุณหลวงได้เกือบพอดี แม้ใหญ่ไปสักหน่อยแต่ก็ดูไม่น่าเกลียด
    “วันนี้เส็งน่ารัก”คุณหลวงเดินเข้ามาใกล้คล้ายจะโน้มตัวลงมาจูบ บ่าวหนุ่มทุบอกหลวงพินิจเบาๆ
    “วันพระนะขอรับ”
    “อีกแล้ว วันพระแล้วจะชมไม่ได้หรือ”
    “ได้นะมันได้ขอรับ แต่ไม่เห็นต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยนี่ขอรับ มันไม่งาม” เส็งพยายามผลักหลวงพินิจออก แต่อีกฝ่ายก็ยังเดินเบียดเข้ามา
    “ทำไมล่ะวันนี้ยังไม่ได้กอดเส็งเลย” เขาว่า
    “กอดนะขอรับ” บ่าวหนุ่มหน้าแดงปล่อยให้คนรักกอดด้วยความรักใคร่ ไม่กอดตอบเพราะเคร่งครัดอย่างมากเรื่องวันพระ
    “จะเคร่งอะไรหนักหนา ไม่ใช่พระเสียหน่อยกอดแค่นี้เอง” หลวงพินิจไม่ยอมปล่อย “กอดแล้วจูบได้หรือเปล่า”
    “คุณหลวงขอรับ!” เส็งโวย แล้วก็ผลักคุณหลวงออกไปได้ในที่สุด
    “เส็ง เจ็บนะ” เขาแกล้ง แต่ซ่อนสีหน้าอมยิ้มไว้ไม่มิดเส็งจึงจับได้ว่าเพียงแกล้งเท่านั้น จึงไม่ได้เข้าไปดูว่าเจ็บจริงหรือเปล่า “เสื้อยับแล้วเส็ง”

     เส็งเห็นอย่างนั้นก็ถอนใจเดินเข้ามาช่วยจัดเสื้อของคุณหลวง เจ้าของเสื้อยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะก้มลงหอมแก้มบ่าวหนุ่ม
    “คุณหลวงละก็” เส็งผละออก “แกล้งบ่าวอีกแล้ว จะไม่เข้าใกล้แล้วนะขอรับหากยังแกล้งอยู่อีกอย่างนี้”
    “โถ่ ก็เรารักของเรานี่จ๊ะ” หลวงพินิจว่า นั่งลงบนเตียงก่อนจะตบที่ข้างๆให้เส็งเดินมานั่ง แต่พอบ่าวหนุ่มจะนั่ง ชายหนุ่มกลับเลื่อนตัวมา รั้งเส็งเข้าไปนั่งตัก
    “คุณหลวงขอรับ ปล่อยขอรับ ทำอย่างนี้ไม่ได้ วันพระนะขอรับ”
    “ทำอะไรเล่า... ให้นั่งตักเฉยๆนี่นา” เขาว่า
    เส็งไม่พูดอะไรแต่ก้มหน้าพึมพำทำนองว่า ก็ของคุณหลวงมันโดน เบาๆแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะลุกออกไป หรือขัดขืนแต่อย่างใด
    “วันนี้มีความสุข เหนื่อยแต่มีความสุข”
    “เพราะอะไรล่ะขอรับ” เส็งถามเบา ขืนตัวไม่ยอมแนบชิดกับหลวงพินิจ พยายามเบี่ยงก้นมานั่งที่ต้นขาสักข้างหนึ่ง
    “ก็วันนี้แม่หยาดจะบอกเจ้าคุณไพศาลนะซีว่า จะไม่แต่งกับเรา” หลวงพินิจยิ้มออกมาอย่างดีใจ “เจ้าคุณก็ต้องยอมเพราะเป็นวันดี เราได้ไม่ต้องแต่งงาน แล้วก็อยู่กับเส็งด้วยกันอย่างนี้สองคนตลอดไป”
    หลวงพินิจว่า เขาเคยเล่าให้เส็งฟังถึงความเป็นมาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับหยาดในวันที่หยาดมาบ้าน ถ้ามีอะไรที่ไม่ได้เล่าก็เรื่องที่หัวหินเท่านั้น เส็งได้ยินก็อดมีความสุขไม่ได้ เอนหลังลงมาแนบกับร่างของหลวงพินิจ ไม่สนอีกแล้วว่าอะไรมันจะสัมผัสโดนอะไร ปล่อยให้หลวงพินิจกอดเขาไว้อยู่ในท่านั้น คุยกันเบาๆอีกสองสามประโยคแล้วก็ลุกออกไป นั่งเรือไปที่วัดทันที

    พอหลวงพินิจราชอักษรไปถึงศาลา พระท่านก็เทศน์จบกัณฑ์มหาพนพอดี บ่าวไพร่ช่วยกันยกเครื่องกัณฑ์ ทั้งขนม ผลไม้มาไว้ ส่วนพานหมากประจำกัณฑ์ก็ยกเข้ามาพร้อมพานผ้าไตร พานหมากอยู่หน้า พานผ้าไตรอยู่หลัง ปูเสื่อเบาะหมอนนั่งพอจุดธูปเทียนบูชาเสร็จแล้ว เจ้าคุณ และคุณหญิงไพรัชกิจจาก็มาถึงกันพอดี พร้อมด้วยเทิดและพ่อของเขา คุณหลวงหนุ่มสบตาเทิด ก็เห็นอีกฝ่ายหลบตาไป จึงตีความได้ว่าเทิดคงยังกระดากอยู่ไม่หายเรื่องที่หัวหิน ก็ไม่ได้พูดไม่ได้ทักอะไร
    เส็งนั่งอยู่ข้างหลวงพินิจ ก็รู้สึกอุ่นใจได้มาฟังเทศน์ฟังธรรมทำบุญร่วมกันอย่างนี้ก็รู้สึกดี อุ่นใจหนักหนาว่า ชาติหน้าได้เกิดมาพบกันอีก พระท่านให้ศีลแล้วก็ว่าจุลณียบท เทศน์กัณฑ์กุมารไป
    เนื้อหาของกัณฑ์นี้กล่าวเตือนสติให้ญาติ โยมที่มาฟังรู้ถึงความรับผิดชอบของตน อย่างพระกัณหา พระชาลี ที่แม้จะเกลียดจะกลัวชูชกอย่างไรก็ต้องยอมให้พระเวสสันดรยกให้เขาไปเป็นทาส เพื่อรับผิดชอบในหน้าที่ ที่ต้องเป็นส่วนหนึ่งในการบำเพ็ญปุตรทานของพระเวสสันดร เพื่อให้พ่อได้บำเพ็ญกุศลแล้วตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอีกไม่กี่ชาติภพ ตอนที่พระเวสสันดรกล่าวให้โอวาทลูกที่ลงไปซ่อนตัวอยู่ในสระน้ำเกี่ยวกับ สำเภาโลกีย และโลกุตรที่เรียกกันว่าแหล่สำเภาทองนั้น ก็เท่ากับสอนให้คนที่มาฟังเทศน์ ยึดมั่นอยู่ในคุณความดี ไม่หวั่นไหวต่ออุปกิเลสที่มาขัดขวางไม่ให้ไปถึงนิพพานเหมือนกับสำเภาโลกุตรที่มั่นคงมุ่งสู่จุดหมายแม้ต้องฝ่าฟันพายุสักเพียงใดก็ตาม
    ตอนที่พระกัณหา พระชาลีขึ้นจากสระแล้วตรงเข้ากอดพ่อร้องไห้นั้นเส็งถึงกับต้องน้ำตาไหลด้วยความที่ซึ้งในความรักที่พ่อมีต่อลูกขนาดนี้ โดยเฉพาะตอนบรรยายว่า น้ำตาพระเวสสันดรหยดลงหลังลูก และน้ำตาของลูกหยดลงเบื้องเท้าของพ่อแล้ว เส็งก็พาลคิดถึงเตี่ยเขาไม่ได้
    เส็งเหลือบไปมองคุณหลวงก็เห็นว่าฝ่ายนั้นก็มองเขาอยู่เช่นกัน สายตาที่แสนจะอบอุ่นจับต้องอยู่ที่เขา คงรู้ว่าบ่าวหนุ่มน้อยร้องไห้กระมังจึงคอยจ้องให้เส็งเหลือบมา พอเส็งเหลือบไปเห็นปุ๊บ คุณหลวงก็ส่งยิ้มมาให้ ยิ้มที่ให้กำลังใจเส็งทุกครั้งที่เขาทุกข์ใจ
    พระท่านเทศน์ไม่จบกัณฑ์ดี แม่หยาดก็มา แต่งตัวมาเต็มยศ พร้อมด้วยเจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่ หล่อนเดินตามหลังทั้งคู่มา มีบ่าวไพร่คอยถือเครื่องกัณฑ์มาอยู่ข้างๆ ทั้งหลวงพินิจ ทั้งเส็งเห็นเหมือนกันคือ หยาดดูไม่สบาย หล่อนยกมือปิดปากไว้ตลอดเวลา คอยออกห่างจากบรรดาอาหาร เครื่องกัณฑ์ต่างๆ อย่างขยะแขยงรังเกียจ หลวงพินิจถึงกับตกใจ เพราะ อาการอย่างนี้มัน....
    จิตใจของหลวงพินิจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป เขาไม่ได้ฟังอีกว่าพระท่านเทศน์ว่าอย่างไรบ้าง รู้แต่ว่าเมื่อจบกัณฑ์เขาก็ตรงเข้าไปถวายเครื่องกัณฑ์มีเส็งและเทิดคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ พอถวายเสร็จ ปี่พาทย์ก็บรรเลงไป จากนั้นบ้านพาศาลเสนีย์ก็เข้ามาในศาลา จุดธูปเทียนเตรียมฟังเทศน์ พระท่านต่อมาก็ขึ้นธรรมมาสน์ ให้ศีลแล้วกล่าวจุลณียบทเทศน์กัณฑ์มัทรี
    ผู้ฟังกัณฑ์มัทรีส่วนมากจะสะเทือนใจตอนที่นางมัทรีวิ่งหาลูก และร้องไห้จนสลบเมื่อพบว่าลูกได้ถูกให้เป็นทานไปแล้ว แต่ที่แม่หยาดสะเทือนใจถึงขั้นร้องไห้ คือตอนที่พระเวสสันดร ต่อว่านางมัทรีที่หายตัวไปทั้งวัน ทั้งๆที่พระเวสสันดรไม่ได้โกรธแต่ต้องทำเพื่อเบี่ยงประเด็นไม่ให้นางสนใจเรื่องลูก นางมัทรีเสียใจที่ต้องโดนคนที่รักด่าว่าให้เสียน้ำใจยิ่งนัก
    หยาดคิดถึงตัวเองและคุณหลวงจนอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
     เทศน์เสร็จแล้ว จะถวายเครื่องกัณฑ์ หยาดก็ถวายได้เพียงพานหมาก และผ้าไตร พอถึงขนม ผลไม้หล่อนก็ขอตัวออกมาจากศาลา บอกว่าไม่ใคร่สบายนัก ไม่มีใครสงสัยอะไรมีเพียงหลวงพินิจเท่านั้นที่ไม่สบายใจเสียเลย
    เสร็จทุกอย่างแล้วบ้านไพรัชกิจ และบ้านไพศาลเสนีย์ก็ออกมาจากศาลามาพบกันใกล้ๆนั้นเอง คุณหญิงทั้งสองพูดคุยกันสัพเพเหระ ส่วนเจ้าคุณก็แลกเปลี่ยนความคิดเรื่องบ้านเมืองกันอย่างทุกครั้ง มีเพียงหลวงพินิจและหยาดที่ต่างคนต่างเงียบไม่ดุยอะไรกัน
    นั่งคุยไปสักพักก็มีคนของวัด เดินเอาอาหารมือค่ำมาเลี้ยง เป็นข้าวต้มหอมกรุ่น ต่างคนต่างก็รับมาถ้วยหนึ่ง หลวงพินิจหยิบมาส่งให้เส็งกลัวบ่าวหนุ่มน้อยจะไม่กล้าหยิบเอง ก็บังเอิญได้ยินเสียงคุณหญิงไพศาลพูดขึ้นเสียงแหลม
    “เอ แม่หยาดเป็นอะไร ทำหน้ากระอักกระอ่วน เขาอุตส่าห์ทำมาให้กินก็รับไปซี จะเสียมารยาทเปล่าๆ”
    หลวงพินิจราชอักษรเห็นหญิงสาวทำท่าคล้ายจะอาเจียนก็เกิดกลัวอะไรขึ้นในใจ หยาดทำท่าเช่นนี้อยู่แล้วก็พูดขอตัว ว่า เหม็นหมูเหลือเกินไม่อาจทนกลิ่นได้วิ่งออกไปจากตรงนั้น หลวงพินิจก็วิ่งตามไป เจ้าคุณและคุณหญิงทั้งสองบ้านมองหน้ากันอย่างฉงนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ไม่เข้าใจท่าทีของลูกของตน ตอนนั้นเองที่ความกลัวก่อขึ้นในใจเส็งมากเหลือเกิน บ่าวหนุ่มน้อยหันมองไปตามทางที่คุณหยาดวิ่งไป ก็เห็นเทิดชะเง้อมองอย่างอยากรู้เช่นกัน
    เส็งไม่รู้หรอกว่า เกิดอะไรขึ้นกว่าจะรู้ก็คืนนั้นแหละ หลังจากที่กลับบ้านและเข้านอนกับหลวงพินิจแล้ว
     
    คุณหลวงหนุ่มตามไปเห็นหยาดยืนอยู่ในที่หลับตาคน กำลังโก่งคอจะอาเจียนอดสงสารไม่ได้ก็เดินเข้ามาช่วยลูบหลัง ไม่ถามอะไรทั้งสิ้นเพราะรูปการณ์มันฟ้อง กระนั้นแม่หยาดก็อุตส่าห์เงยหน้าขึ้นบอกชายหนุ่มทั้งที่ฝ่ายผู้ฟังไม่ได้ถาม และไม่ได้อยากรู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
    “ดีฉันแพ้ท้องมา สองสาม วันแล้วเจ้าค่ะคุณหลวง!”

********************************************************************************************************

ปล. แก้คำครับผิด ผมพิมพ์ผิดไปเองขอน้อมรับความผิดไว้เต็มๆครับ ตรวจแล้วก็ยังพลาดอยู่ ดี  :z3:
ตอนที่อยู่หัวหินหยาดบอกว่า "อีกสองเดือน..." จะแต่งนะครับไม่ใช่สองสัปดาห์
พอกลับมาจากหัวหิน คุณหลวงได้กับเส็งแล้ว เดือนกว่าๆ ต่อมาหยาดก็มาหาที่เรือนเทา หลวงพินิจบอกว่า "ถ้าจะมาย้ำว่าอีกสองสัปดาห์จะแต่ง..." เท่ากับว่า

อยู่หัวหิน เหลือ 2 เดือน
กลับมาอยู่บ้านเวลาผ่านไป เดือนกว่าๆ
ก็เลยเหลือ 2 อาทิตย์นะครับผม
คอนเฟิร์มว่า หยาดท้องจริงๆครับ

ขอโทษคร้าบบบ ฮืออออ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2010 21:32:21 โดย Purple_Sky »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
คนสมัยก่อนนี่ท้องเร็วเนอะ จำได้รางๆว่า 4 สัปดาห์ แต่นี้ไม่น่าจะถึง หรือว่าถึงแล้วหว่า หรือไม่ก็นางหยาดตอแ_ล


ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :beat: :beat:นางหยาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2010 19:08:30 โดย samsoon@doll »

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ยาหอม ยาลม ยาดม ยาหม่อง ด่วนนนนนนนนน

อิชั้นจะเป็นลม  :undecided:

งานช้างเข้าซะแล้วหละ สงสารเส็งขึ้นมาจับใจ  :o12:

โอย อยากจะบ้าตาย มาท้องอะไรตอนนี้ค่ะเนี่ย 

คุณหลวงไม่อยากแ่ต่ง ก็ต้องแต่งแล้วหละ  :z3:

ปล.สงสัยต้องยัดพาราสักแผง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เกลียดนังหยาดจริงๆเล้ย  o18


ออฟไลน์ O_cha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

 
   ทั้งคู่ได้แต่เดินเคียงคู่กับไปแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบที่น่าอุ่นใจนั้น ในเมื่อก็รู้ดีแก่ใจทั้งคู่ว่าเมื่อคืนก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    หยาดคงอึดอัด หล่อนจึงพูดขึ้นมาก่อนแต่เบาๆว่า
    “อีกสองอาทิตย์กว่าๆก็จะแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ
    “แม่หยาดจะย้ำทำไม” หลวงพินิจราชอักษรเผลอขึ้นเสียง “พี่รู้อยู่เต็มอก แม่หยาดไม่จำเป็นต้องมาเตือนดอก ว่าใกล้เวลาที่พี่ต้องอยู่กับแม่หยาดไปจนตายแล้วแค่ไหน”
 



จากวันนั้นที่หัวหิน จนถึงวันนี้ ยังไม่ถึงสองสัปดาห์แน่นอน  แต่... 

“ดีฉันแพ้ท้องมา สองสาม วันแล้วเจ้าค่ะคุณหลวง!”


แม่หยาด  หล่อนแพ้ท้องได้เร็วมากเกินไปกระมัง
นายเทิด  ไม่กล้าสบตา มีนัยอะไรแอบแฝงหรือเปล่า
กระผม    เป็นกำลังใจให้คุณหลวง และ คุณ Purple_Sky ครับ
 

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

 
   ทั้งคู่ได้แต่เดินเคียงคู่กับไปแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบที่น่าอุ่นใจนั้น ในเมื่อก็รู้ดีแก่ใจทั้งคู่ว่าเมื่อคืนก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    หยาดคงอึดอัด หล่อนจึงพูดขึ้นมาก่อนแต่เบาๆว่า
    “อีกสองอาทิตย์กว่าๆก็จะแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ
    “แม่หยาดจะย้ำทำไม” หลวงพินิจราชอักษรเผลอขึ้นเสียง “พี่รู้อยู่เต็มอก แม่หยาดไม่จำเป็นต้องมาเตือนดอก ว่าใกล้เวลาที่พี่ต้องอยู่กับแม่หยาดไปจนตายแล้วแค่ไหน”
 



จากวันนั้นที่หัวหิน จนถึงวันนี้ ยังไม่ถึงสองสัปดาห์แน่นอน  แต่... 

“ดีฉันแพ้ท้องมา สองสาม วันแล้วเจ้าค่ะคุณหลวง!”


แม่หยาด  หล่อนแพ้ท้องได้เร็วมากเกินไปกระมัง
นายเทิด  ไม่กล้าสบตา มีนัยอะไรแอบแฝงหรือเปล่า
กระผม    เป็นกำลังใจให้คุณหลวง และ คุณ Purple_Sky ครับ
 

ว่าแต่เจ้าเทิดมันจะไปทำแม่หยาดตอนไหนล่ะ  ถ้าไม่ใช่ที่หัวหิน

ออฟไลน์ ayanae

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ทำไมหยาดท้องเร็วจังเลยอ่ะ แถมเทิดก็ทำตัวน่าสงสัยอีก
งานนี้คนที่น่าสงสารที่สุดก็คงไม่พ้นเส็ง
โอย ดูท่ายาดม ยาหม่องก็เอาไม่อยู่แล้ว

ออฟไลน์ O_cha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ว่าแต่เจ้าเทิดมันจะไปทำแม่หยาดตอนไหนล่ะ  ถ้าไม่ใช่ที่หัวหิน


น่าจะเป็นตอนนี้รึเปล่าครับ


    หากเป็นปกติ หลวงพินิจคงผงะออกจากทนายหนุ่มเหมือนถูกไฟช็อต หากแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ชายหนุ่มก็ลืมตัวโอบแขนรอบตัวเทิด ปากครางหาเส็งอย่างไม่รู้สึกตัว เทิดโดนเข้าอย่างนั้นก็ขนลุก ผลักนายหนุ่มออก รีบออกจากห้องให้เร็วที่สุด กระนั้นเพราะความเมาอีกนั่นแหละ ชายหนุ่มก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เลือดลมสูบฉีด อยากระบายอารมณ์ทางเพศกับใครเสียเหลือเกิน หากแต่ก็สะกดใจเดินกลับเรือนบ่าวไปก่อน
    

ผมไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มที่รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เป็นคุณหลวง หรือ นายเทิด
เพราะคุณ Purple_Sky ใช้สรรพนาม "ชายหนุ่ม"  2 ครั้งครับ

ตอนแรก ชายหนุ่มที่ลืมตัวโอบแขนรอบตัวเทิด ปากครางหาเส็ง  นั้นเป็นคุณหลวงแน่นอน
ตอนท้าย  ชายหนุ่มที่กระปรี้กระเป่า เลือดลมสูบฉีด อยากระบายอารมณ์ทางเพศ แต่ก็สะกดใจเดินกลับเรือนบ่าวไปก่อน  นั้นน่าจะเป็นเทิดรึเปล่า???

ผมพยายามที่จะไม่ตั้งข้อสังเกตให้มาก เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวน (จริงๆ แล้วมันคือแนว ดราม่า แฟนตาซี พีเรียด รึเปล่าครับ 555)
และเพราะผมก็ไม่ได้ย้อนกลับไปอ่านความเดิมก่อน  จึงทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องเวลาครับ แต่คุณ Purple_Sky ก็ได้เข้ามาแก้ไข และชี้แจงเรื่องช่วงเวลาแล้ว(ขอบคุณครับ)

ถ้าเป็นดังนั้น แสดงว่า เริ่มเฉลยเรื่องราวต่างๆ ให้คนอ่านพอจับทางได้แล้วว่่า ใครเป็นใคร ทำอะไรเอาไว้บ้าง สินะครับ

ออฟไลน์ w1234

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ตอนที่แล้วบอกว่ามีมาม่า เราก็เลี่ยงๆ ขออ่านตอนที่ขายมาม่าหมดแล้ว
อุตสาห์อดทนรอ... ทำไมคุณหลวง(Purple_Sky)ถึงทำกับคนอ่านได้  :m16:
ถ้าเส็งรู้มิเสียใจแย่หรือ

ปล.เส็งตัดใจจากคุณหลวงเถอะ คนแถวนี้ยังว่าง ยังมีอกอุ่นๆคอยซับน้ำตาให้

Panny

  • บุคคลทั่วไป
กำๆๆๆๆ ท้องกับคุณหลวงจริงๆ เหรอยัยหยาดเนี่ย แผนการร้ายยยยย

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ *SparklinG*

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด