[ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289  (อ่าน 485627 ครั้ง)

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #360 เมื่อ25-10-2010 07:04:33 »

ผู้หญิงกับความอิจฉานี่มันมาคู่กันจริงๆ :เฮ้อ:
ถ้าคุณหลวงรู้ว่าเส็งโดนรังแกอย่างนี้ จะช่วยคนโปรดยังไงนะ :z1:
ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะ :impress2:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #361 เมื่อ25-10-2010 10:58:35 »

รอวันนังแก้วโดนเฉดหัวออกจากเรือน ชิ
+1

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #362 เมื่อ25-10-2010 11:11:31 »

อีนังแก้ว  อิจฉาแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง
เดาไว้เลยว่าอีนังนี่ต้องเป็นคนสร้างปัญหาให้เส็งต่อไปข้างหน้าแน่ๆ

ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #363 เมื่อ25-10-2010 12:01:24 »

สงสารเส็ง

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #364 เมื่อ25-10-2010 12:26:00 »

ขอเข้ามาติดตามเรื่องนี้ด้วยคนนะ :m13: :m13: :m13:



ปล1.คนแต่งเก่งมากกกกกกกกก


ปล2.รักคนแต่งจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #365 เมื่อ25-10-2010 12:52:44 »

นังแก้วมันน่าโดนตบนัก

สงสารเส็งมากเลย คุณหลวงมาช่วยเส็งด่วน

รอตอนต่อไปค่ะ (ตอนหน้าอยากได้หวานๆ ^^ )

oattie

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #366 เมื่อ25-10-2010 14:45:11 »

เกลียดนังแก้ว !!   :fire:   :z6:


T^T  สงสารเส็ง   :o12: 

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #367 เมื่อ26-10-2010 12:18:59 »

ไรเตอร์จ๋า

เอาตอนหวานๆ มาปลอบใจหน่อยเร้ว

เศร้าเหลือเกิน

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #368 เมื่อ26-10-2010 13:16:44 »

 :pig4:

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #369 เมื่อ26-10-2010 15:40:25 »

 :fire:
ใครก็ได้ลากยัยแก้วลงน้ำไปเป็นอาหารไอ้เข้ทีเหอะ  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
« ตอบ #369 เมื่อ: 26-10-2010 15:40:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






MM.Dog

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #370 เมื่อ26-10-2010 20:57:11 »

๑  ขออนุญาตแสดงความเห็นนะคะ
“บัณเฑาะก์” ความจริงแล้วหมายถึงกะเทยแท้ที่มีอวัยวะบ่งชี้เพศสองชนิดอยู่ในตัวคนคนเดียว 
มิได้หมายความว่าเป็นชายรักชายแต่อย่างใด  แต่เนื่องจากเป็นผู้มีสองเพศ  ฮอร์โมนต่าง ๆ
จึงไม่บ่งชี้ชัดเจนไปด้วย  สรุปว่ามีความคลุมเครือในการแบ่งแยกหญิงชายนั่นเอง 
และคนประเภทนี้มักถูกกดขี่ในสังคมโดยพวกเหยียดเพศด้วย  ดังจะเห็นได้จากบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งในประเทศไทย
ประเทศแถบตะวันออกไกล  ประเทศตะวันออกกลาง  และชมพูทวีป  แต่ในสังคมอุดมคติของนักการศึกษา เช่น กรีก
โรมัน  กลับถือว่า "บัณเฑาะก์" เป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์พร้อมในตัวเอง  เป็นอัญมณีล้ำค่าพอ ๆ กับมณีนักปราชญ์ทีเดียว
และในที่นี้ไร้เตอร์อธิบายได้ถูกต้องแล้วที่ว่าในพระพุทธศาสนาห้าม "บัณเฑาะก์" บวช  แต่ด้วยเหตุที่ว่าเป็นความพิการนะคะ

๒  ทั้งคุณหลวงและเส็งมีความรักที่บริสุทธิ์และทนุถนอมน้ำใจกันดีมาก
เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างไม่บุ่มบ่าม  และคิดเข้าข้างตนเองกันเลย

๓  สรุปเจ๊แก้วเธอเป็นอะไรของเธอ???
คุณหลวงไปให้ความหวังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #371 เมื่อ27-10-2010 00:20:20 »

คุณ MM.Dog   บัณเฑาะก์ที่คุณพูดถึงไม่แน่ใจว่าจะเป็น อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ หรือเปล่าครับ?

เท่าที่ผมทราบมา ตามพระวินัยปิฏก   มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ ๑๒๕ บอกว่า บัณเฑาะก์มี ๕ ชนิด อ่ะครับคือ

อาสิตตบัณเฑาะก์
อุสุยยบัณเฑาะก์
โอปักกมิยบัณเฑาะก์
ปักขบัณเฑาะก์
นปุงสกบัณเฑาะก์

ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น บัณเฑาะก์ใดเอาปากอมองคชาตของชายเหล่าอื่น ถูกน้ำอสุจิรดเอาแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่อ อาสิตตบัณเฑาะก์ (oral sex)

ฝ่ายบัณเฑาะก์ใดเห็นอัชฌาจารของชนเหล่าอื่น เมื่อความริษยาเกิดขึ้นแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่ออุสุยยบัณเฑาะก์ (ประมาณชอบดู แล้วช่วยตัวเองอ่ะครับ)

บัณเฑาะก์ใดมีอวัยวะดังพืชทั้งหลาย ถูกนำไปปราศแล้วคือ ถูกเขาตอนเสียแล้ว ด้วยความพยายาม บัณเฑาะก์นี้ ชื่อโอปักกมิยบัณเฑาะก์ (อันนี้ขันที)

ส่วนบางคนข้างแรมเป็นบัณเฑาะก์ ด้วยอานุภาพแห่งอกุศลวิบาก แต่ข้างขึ้น ความเร่าร้อนของเขาย่อมสงบไป นี้ชื่อว่า ปักขบัณเฑาะก์ (อันนี้ไม่แน่ใจว่าหมายความว่าไงแน่ แต่ถ้าให้ผมตีความให้เป็นอุปมาว่า วันนี้ชอบผู้ชาย วันนั้นชอบผู้หญิง แสดงว่าคงคล้ายๆ พวก ไบเซกชวล หรือเปล่าครับ)

ส่วนบัณเฑาะก์ใด เกิดไม่มีเพศ ไม่มีภาวรูป ในปฏิสนธิทีเดียว คือไม่ปรากฏว่าชายหรือหญิงมาแต่กำเนิด บัณเฑาะก์นี้ ชื่อนปุงสกบัณเฑาะก์

ในอรรถกถาชื่อกุรุนทีแก้ว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ (พวกใช้ปาก+ถ้ำมอง) ไม่ห้ามบรรพชา, ๓ ชนิดนอกนี้ห้าม

ส่วนใน
สารัตถสังคหะ  ตอนว่า “ปณฺฑกาน วิภาวนกถา” ไม่กล่าวถึง ปักขบัณเฑาะก์
แต่กล่าวถึง อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ ว่าเป็นคนที่มี 2 เพศ

อ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16073
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3521.0;wap2


ทีนี้กล่าวถึงที่มาว่าทำไมใช้คำ "บัณเฑาะก์" ในบทนี้
ผมค้นคว้ามาว่าเกย์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรียกกันว่า "พวกเล่นสวาท" แต้ฟังดูน่ารักไป ไม่เสียหายเท่าไหร่ ถ้าจะเอามาด่าคงไม่เจ็บ
เหมือนถ้าจะด่าว่า "ไอ้ชาวรักร่วมเพศ" คงไม่เจ็บแต่ถ้าด่าว่า "อีตุ๊ด" คงเจ็บแน่ๆ

ผมเลยได้ปรึกษารุ่นพี่ที่ชำนาญด้านประวัติศาสตร์และอักษรศาสตร์แล้ว
รุ่นพี่แนะนำให้ใช้คำว่า "บัณเฑาะก์"  เพราะใช้เป็นคล้ายๆคำด่า ฟังแล้วเจ็บๆแสบๆ ไม่ได้หมายถึง ชายรักชาย เหมือนอย่างที่คุณ MM.Dog แสดงความเห็นมาเลยครับ
ในเรื่องผมก็เลยไม่ได้บอกว่า ชายรักชาย คือบัณเฑาะก์ แต่บอกว่าเป็นคำที่ใช้เรียกกัน ความหมายเดิมอยู่ในพระวินัยปิฏกตามที่ยกมากล่าวไว้ด้านบนครับ แต่รุ่นพี่บอกว่า คนสมัยก่อนๆ นำคำนี้มาใช้เรียกด้วย ด่าให้เจ็บแสบ ประมาณจะด่าว่า"อีตุ๊ด"อย่างนี้ครับ

ถ้าผมอธิบายไว้ในเรื่องไม่ดีพอ ก็ต้องขออภัยมาด้วยครับ
จะนำเรื่องนี้มาปรับปรุงต้นฉบับอีกครั้งเมื่อพิมพ์เสร็จทั้งเรื่องแล้วนะครับ
ขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ หากทำให้เข้าใจผิด ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เท่าไหร่ ลองแต่งแนวนี้ดู คิดว่าข้อผิดพลาดคงเยอะกว่านี้ หากใครเป็นผู้รู้ และเห็นว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร ถ้าจะช่วยกรุณาแจ้งละก็ผมเต็มใจน้อมรับ ครับผม

ขอบคุณ คุณ MM.Dog มากนะครับ : ]

แมววาย

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #372 เมื่อ27-10-2010 00:40:45 »

รอเส็งอยู่นะเจ้าคะ

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #373 เมื่อ27-10-2010 13:02:27 »

เรื่องนี้สนุก ขอบังอาจเดาว่าพาทิศคือคุณหลวง   เดาว่าคนที่จมน้ำคือเส็งที่โดนจับกดน้ำตอนที่คุณหลวงแกไม่อยู่โดยแม่หยาดหรือแก้วสักคนนี่แหละ   




แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามขอติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ


ปล.เรื่องคำว่าบัณเฑาะก์นี่จำได้เลาๆว่าเคยอ่านเจอในหนังสืออะไรสักอย่าง   เท่าที่จำได้รู้สึกคำนี้จะเป็นคำที่ใช้เรียกชายที่รักชายด้วยกันของคนสมัยก่อน  แล้วก็เป็นคำไม่พึงประสงค์นักสำหรับผู้ที่ถูกหาว่าเป็นเช่นนั้น 


ปล.รักคนแต่งคนแต่งเด้อ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

MM.Dog

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #374 เมื่อ27-10-2010 19:40:17 »

คุณ MM.Dog   บัณเฑาะก์ที่คุณพูดถึงไม่แน่ใจว่าจะเป็น อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ หรือเปล่าครับ?

เท่าที่ผมทราบมา ตามพระวินัยปิฏก   มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ ๑๒๕ บอกว่า บัณเฑาะก์มี ๕ ชนิด อ่ะครับคือ

อาสิตตบัณเฑาะก์
อุสุยยบัณเฑาะก์
โอปักกมิยบัณเฑาะก์
ปักขบัณเฑาะก์
นปุงสกบัณเฑาะก์

ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น บัณเฑาะก์ใดเอาปากอมองคชาตของชายเหล่าอื่น ถูกน้ำอสุจิรดเอาแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่อ อาสิตตบัณเฑาะก์ (oral sex)

ฝ่ายบัณเฑาะก์ใดเห็นอัชฌาจารของชนเหล่าอื่น เมื่อความริษยาเกิดขึ้นแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่ออุสุยยบัณเฑาะก์ (ประมาณชอบดู แล้วช่วยตัวเองอ่ะครับ)

บัณเฑาะก์ใดมีอวัยวะดังพืชทั้งหลาย ถูกนำไปปราศแล้วคือ ถูกเขาตอนเสียแล้ว ด้วยความพยายาม บัณเฑาะก์นี้ ชื่อโอปักกมิยบัณเฑาะก์ (อันนี้ขันที)

ส่วนบางคนข้างแรมเป็นบัณเฑาะก์ ด้วยอานุภาพแห่งอกุศลวิบาก แต่ข้างขึ้น ความเร่าร้อนของเขาย่อมสงบไป นี้ชื่อว่า ปักขบัณเฑาะก์ (อันนี้ไม่แน่ใจว่าหมายความว่าไงแน่ แต่ถ้าให้ผมตีความให้เป็นอุปมาว่า วันนี้ชอบผู้ชาย วันนั้นชอบผู้หญิง แสดงว่าคงคล้ายๆ พวก ไบเซกชวล หรือเปล่าครับ)

ส่วนบัณเฑาะก์ใด เกิดไม่มีเพศ ไม่มีภาวรูป ในปฏิสนธิทีเดียว คือไม่ปรากฏว่าชายหรือหญิงมาแต่กำเนิด บัณเฑาะก์นี้ ชื่อนปุงสกบัณเฑาะก์

ในอรรถกถาชื่อกุรุนทีแก้ว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ (พวกใช้ปาก+ถ้ำมอง) ไม่ห้ามบรรพชา, ๓ ชนิดนอกนี้ห้าม

ส่วนใน
สารัตถสังคหะ  ตอนว่า “ปณฺฑกาน วิภาวนกถา” ไม่กล่าวถึง ปักขบัณเฑาะก์
แต่กล่าวถึง อุภโตพยัญชนกปัณเฑาะก์ ว่าเป็นคนที่มี 2 เพศ

อ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16073
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3521.0;wap2


ทีนี้กล่าวถึงที่มาว่าทำไมใช้คำ "บัณเฑาะก์" ในบทนี้
ผมค้นคว้ามาว่าเกย์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรียกกันว่า "พวกเล่นสวาท" แต้ฟังดูน่ารักไป ไม่เสียหายเท่าไหร่ ถ้าจะเอามาด่าคงไม่เจ็บ
เหมือนถ้าจะด่าว่า "ไอ้ชาวรักร่วมเพศ" คงไม่เจ็บแต่ถ้าด่าว่า "อีตุ๊ด" คงเจ็บแน่ๆ

ผมเลยได้ปรึกษารุ่นพี่ที่ชำนาญด้านประวัติศาสตร์และอักษรศาสตร์แล้ว
รุ่นพี่แนะนำให้ใช้คำว่า "บัณเฑาะก์"  เพราะใช้เป็นคล้ายๆคำด่า ฟังแล้วเจ็บๆแสบๆ ไม่ได้หมายถึง ชายรักชาย เหมือนอย่างที่คุณ MM.Dog แสดงความเห็นมาเลยครับ
ในเรื่องผมก็เลยไม่ได้บอกว่า ชายรักชาย คือบัณเฑาะก์ แต่บอกว่าเป็นคำที่ใช้เรียกกัน ความหมายเดิมอยู่ในพระวินัยปิฏกตามที่ยกมากล่าวไว้ด้านบนครับ แต่รุ่นพี่บอกว่า คนสมัยก่อนๆ นำคำนี้มาใช้เรียกด้วย ด่าให้เจ็บแสบ ประมาณจะด่าว่า"อีตุ๊ด"อย่างนี้ครับ

ถ้าผมอธิบายไว้ในเรื่องไม่ดีพอ ก็ต้องขออภัยมาด้วยครับ
จะนำเรื่องนี้มาปรับปรุงต้นฉบับอีกครั้งเมื่อพิมพ์เสร็จทั้งเรื่องแล้วนะครับ
ขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ หากทำให้เข้าใจผิด ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เท่าไหร่ ลองแต่งแนวนี้ดู คิดว่าข้อผิดพลาดคงเยอะกว่านี้ หากใครเป็นผู้รู้ และเห็นว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร ถ้าจะช่วยกรุณาแจ้งละก็ผมเต็มใจน้อมรับ ครับผม

ขอบคุณ คุณ MM.Dog มากนะครับ : ]

ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะที่เข้ามาไขความรู้ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #375 เมื่อ28-10-2010 18:26:14 »

รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ :oni2: :oni2: :oni2:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #376 เมื่อ28-10-2010 18:52:12 »

มารอคุณหลวงบอกระกเส็งค่ะ อิอิ :-[ :really2: :really2:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #377 เมื่อ28-10-2010 19:22:55 »

รอเส็งกะคุณหลวง

คิดถึงงงงงง  :oni2:

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Re: ปางบรรพ์ ขึ้นบทที่ 11 !!! 23.45 - 24/10/10
«ตอบ #378 เมื่อ28-10-2010 21:40:18 »

    ราวๆ เที่ยง มั่นมาเคาะประตูเรียกเส็งไปกินข้าว แต่บ่าวหนุ่มก็ไม่ใคร่ออกไป ได้แต่นอนเสียใจอยู่ในห้องอย่างนั้น หวังให้หลวงพินิจราชอักษรกลับมาเสียที แต่พอคิดถึงคุณหลวง บ่าวหนุ่มน้อยก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำอย่างไรดี จะใกล้ชิดกับคุณหลวงเหมือนเดิมก็กลัวคนจะครหาหนักกว่าเก่า จะเอาตนออกห่าง เขาจะทำได้หรือ ในเมื่อใจทั้งใจของเขาเป็นของคุณหลวงแล้วแต่เพียงผู้เดียว
    มั่นกลับมาเคาะประตูอีกครั้งเพียงชั่วอึดใจ
    “เส็ง คุณหลวงให้เรียก”
    บ่าวหนุ่มรีบลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินชื่อ “คุณหลวง”
    “คุณหลวงกลับมาแล้วหรือ”
    “ใช่ ออกมาซีเอ็ง คุณหลวงให้ตาม เดี๋ยวชักช้าจะโดนว่าเอา”
    เส็งออกจากหอนอน ก็เห็นว่า บ่าวสาวคนอื่นๆ นั่งร้อยมาลัย หรือไม่ก็เตรียมอาหารเย็นกันอย่างขันแข็งไม่มีใครใส่ใจอะไรเส็ง อาจเพราะ “เห็นใจ” หรือ “ไม่สนใจ” ก็ไม่อาจรู้ได้ บ่าวหนุ่มเดินผ่านคนเหล่านั้น แล้วก็เดินลงบันไดตามมั่นไปหาหลวงพินิจที่ท่าน้ำริมคลอง
    คุณหลวงคงเพิ่งมาถึง ยังสวมชุดราชปะแตน และสวมหมวกกลมอยู่เลย ข้างตัว มีตะกร้าหวายสาน ใส่ของที่ไปซื้อหามาได้จากบางรัก ย่านฝรั่งในกรุงเทพวางอยู่ ทันทีที่เห็นเส็งเดินเข้ามาในท่า หลวงพินิจก็ยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่ทันได้ดูว่าอะไรเป็นอะไร
    “ไปบางรักมาซื้อของมาเยอะแยะเทียว วันนี้จะสอนทำซุปหอมใหญ่แบบฝรั่งเศส อ้าว” พอเห็นตาที่บวมแดงของเส็งแล้ว คุณหลวงหนุ่มก็หุบยิ้มลงได้รวดเร็วพอกัน มองจ้องหน้าของบ่าวหนุ่ม ก่อนจะซักถาม “เป็นอะไรเส็ง ทำไมหน้าตาบวมไปหมด ใครทำอะไรเอ็ง”    
    “เปล่าขอรับ”
    “เปล่าได้อย่างไรตาบวมขนาดนี้ เอ็งร้องไห้มาหรือ” หลวงพินิจถามได้ตรงจุดพอดี เพียงเห็นหน้าเขาแล้วคุณหลวงก็เดาออกเลยหรือว่าเกิดอะไรขึ้น “อ้ายมั่นเกิดอะไรขึ้น เล่ามาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น...”
    “บ่าวคิดถึงบ้านขอรับ” เส็งว่า หาเรื่องโกหกไปอย่างนั้น เขาไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาถ้าบอกพาดพิงไปถึงแก้ว เรื่องอาจกลายเป็นคุณหลวงเข้าข้างเขาแล้วลงโทษแก้ว เส็งจะอยู่ร่วมกับบ่าวคนอื่นไม่ได้เอา มั่นคงตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินเรื่องโกหกของเส็ง แต่เขาก็ปกปิดอาการไว้ได้ดีพอที่หลวงพินิจจะไม่รู้อะไรเลย
    “โถ” คุณหลวงลูบหัวเส็งเบาๆ “ยังไม่ชินอีกหรือมาอยู่กับเราเป็นเดือนแล้ว”
   มั่นคงสังเกตได้ว่าสรรพนามที่หลวงพินิจใช้กับเส็งไม่เหมือนกับเวลาใช้กับคนอื่นๆ แม้เทิดทนายคนสนิท เองก็เถอะหลวงพินิจก็ไม่เคยพูด “เรา” กับเทิดแม้สักครั้ง อะไรๆจะเป็นอย่างที่แก้วสงสัยหรือไม่มั่นไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้เขาเองก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
    บ่าวหนุ่มน้อยนั่งก้มหน้านิ่ง หลวงพินิจจึงเอ่ยว่า
    “อ้ายมั่น เอาของไปไว้ที่ครัวที ข้าจะตามไป ครัวฝรั่งที่บนตึกนะเอ็ง ไม่ใช่ครัวบ่าว ใครได้กลิ่นนมกลิ่นเนยจะทนไม่ไหวกันอีก” บ่าวหนุ่มร่างใหญ่ ถือของเดินออกจากท่าเรือไป คุณหลวงจึงหันมาหาหนุ่มน้อย “เส็ง มีอะไรไม่สบายใจก็ว่ามาเถิด อยู่ที่นี่ไม่สบายกาย ไม่สบายใจตรงไหน”
    “บ่าวสบายดีขอรับ เพียงแต่อดคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ได้”
     หลวงพินิจทำหน้าเห็นใจ ก่อนจะถอดรองเท้า ถุงเท้าออก ลงไปนั่งริมน้ำ หย่อนขาลงคลองอย่างสบายใจ “มานี่ซีเส็ง ทำอย่างนี้ สบายดี”
    บ่าวหนุ่มเดินไปนั่งข้างๆ ทำตามที่หลวงพินิจทำ เห็นเขาแกว่งขาไปมาในน้ำคล้ายเด็กเส็งก็ยิ้มออก ทั้งคู่นั่งกันในความเงียบไม่มีใครทำอะไรมากไปกว่ามองน้ำ ไกวขาเล่นอย่างมีความสุข
    เพียงไม่นานหลังจากนั้นหลวงพินิจก็ลุกขึ้นจากท่าน้ำเดินกลับตึกใหญ่ มีเส็งเดินตามไปเงียบๆ คิดว่าที่ตนทำอยู่นั้นดีแล้วหรือยัง... แต่หันมามองหน้าหลวงพินิจ แล้วเห็นนายหนุ่มหันมายิ้มให้อย่างใจดี หนุ่มน้อยก็อดคิดไม่ได้ว่า 
    “ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปเถอะเส็ง หากความผิดมันทำให้คนเรามีความสุขขนาดนี้ มันจะเป็นความผิดได้อย่างไร”

    ทั้งคู่อยู่ในห้องครัวฝรั่งของคุณหลวง หลังจากล้างมือ ล้างเท้ากันเรียบร้อยพร้อมทำอาหารฝรั่งอย่างที่นัดแนะกันไว้แล้ว เจ้าของห้องกำลังเอาของที่จะใช้ออกมาวางเรียง แล้วเก็บของที่ยังไม่ใช้เข้าตู้กับข้าว
    “วันนี้เราจะสอนทำซุปหอมใหญ่แบบฝรั่งเศส เราชอบซุปนี้มากทีเดียว วันหลังวันไหนเราไม่อยากรับอาหารสยาม ได้ให้เส็งทำให้รับ” คุณหลวงยิ้มกว้างพลอยให้อารมณ์ของบ่าวหนุ่มที่นั่งข้างๆดีไปด้วย “ก่อนอื่นต้องต้มน้ำต้มไก่เสียก่อน เราต้มไว้แต่เช้าแล้ว ตอนนี้เอามาอุ่นหน่อยก็ใช้ได้”
    หลวงพินิจชี้ให้เส็งเห็นหม้อต้มน้ำกระดูกไก่บนเตา คุณหลวงหนุ่มจุดไฟอ่อนๆ ให้น้ำในหม้อร้อนอีกครั้ง
    “คราวนี้ก็เตรียมหอมละ เริ่มจากปอกเปลือกหอมเสียก่อน ทำได้ไหม” หลวงพินิจถามก่อนจะแก้ตัวว่า “ไม่น่าถามเลย ปอกมะปราง คว้านเงาะ แกะฟักเสียสวย จะปอกเปลือกหอมไม่เป็นได้อย่างไร จริงไหม”
    เส็งยิ้ม ก่อนจะรับคำแล้วลงมือปอกเปลือกหอมใหญ่อย่างระมัดระวัง ทว่าทำได้ออกมาสวยเรียบร้อยนัก ในเวลาไม่นาน
    “สวยแล้ว ทีนี้ก็หั่นหอมออกเป็นแว่นๆ แล้วผ่าครึ่งเป็นรูปวงรี คลี่ออกเป็นเส้นๆ อย่างนี้” หลวงพินิจทำให้เส็งดูเป็นตัวอย่างก่อนจะปล่อยให้บ่าวหนุ่มน้อยทำด้วยตัวเองไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยปากชม “เส็งเป็นคนเรียนเร็ว รู้ไว สอนไปแล้วคงทำได้อร่อยกว่าเราทำเอง”
    “คุณหลวงชมบ่าวมากไปแล้วขอรับ”
    หลวงพินิจราชอักษรหัวเราะ
    “น้อยไปซี เราเห็นอะไร รู้สึกอย่างไรก็บอก เส็งเก่ง อยากให้รู้อะไรอยากให้ทำอะไรก็เปิดรับได้หมด” หลวงพินิจว่า “ไม่เหมือนบ่าวคนอื่น ให้ทำอะไรอย่างนี้ มีหวังร้องห่มร้องไห้ หาว่าไปบังคับให้ทำอะไรเหมือนฝรั่ง”
    บ่าวหนุ่มยิ้มบ้าง ไม่กี่นาที หอมหัวใหญ่ก็เป็นเส้นสีขาวสวยอยู่ในจานรอให้เอาไปปรุงเป็นอาหารรสเลิศ ตามแบบหลวงพินิจแล้ว
    คุณหลวงบอกให้เส็งยืนดูตัวเองทำก่อนที่จะให้บ่าวหนุ่มลองทำอีกชุดหนึ่ง คุณหลวงจุดไฟ แล้วตั้งกระทะ จากนั้นก็ตักเนยลงละลายในกระทะพอ เนยละลายแล้วก็แบ่งหอมครึ่งหนึ่งลงผัดในกระทะพอให้มันอ่อนตัว เติมน้ำตาลลงไปประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ ก่อนจะปิดฝาเอาไว้บ้าง เปิดฝามาคนบาง พอหอมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลนิดๆ กลิ่นหอมก็โชยเข้าจมูกทำให้เส็งอดเอ่ยปากไม่ได้
    “หอมเชียวขอรับ”
    “อย่าพูดอย่างนี้ให้ยายนอมได้ยินนะ จะโดนค้อนเข้า ยายนอมไม่เคยชอบกลิ่นของอะไรที่เราทำเลยสักอย่าง” คุณหลวงหัวเราะ
     พูดถึงยายนอมก็นึกถึงแก้ว เส็งหน้าเจื่อนลงไปนิดหนึ่ง แต่ก็เท่านั้นในเมื่อตอนนี้เขากำลังมีความสุขอยู่กับคุณหลวง อะไรที่มันยุ่งๆ ก็พับเก็บไว้ก่อนก็แล้วกันพอหอมใช้ได้แล้ว หลวงพินิจก็จัดแจงตักแป้งสาลีมาหนึ่งช้อนโต๊ะ
    “เส็งมาช่วยคนหน่อยซี เราจะใส่แป้ง” คุณหลวงหนุ่มว่า เส็งก็เข้าไปช่วยคนอย่างเต็มใจ ตัวของทั้งคู่อยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมหลวงพินิจลอบมองบ่าวหนุ่มเป็นครั้งคราว พอๆกับที่หนุ่มน้อยจะเงยหน้าลอบมองเจ้านายของเขา ความสุขเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ก็คงจะคุ้มแสนคุ้มเสียแล้วสำหรับเส็ง
    พอคนไปให้แป้งสุก ไม่จับกันเป็นก้อนและ หอมใหญ่ดูเหนียวเล็กน้อยเป็นสีน้ำตาลอ่อน หลวงพินิจก็ตักน้ำต้มไก่ใส่ตามไป เติมเกลือเล็กน้อย คนสักพักให้เข้ากันแล้วก็ยกหม้อลง ได้ซุปสีน้ำตาลทองสวย ไม่ใสเหมือนแกงของสยาม แต่ก็ไม่ได้ข้นนัก เวลาตักจะข้นๆ คล้ายแกงกะทิของสยามที่ใส่น้ำเยอะหน่อยเท่านั้น
    คุณหลวงบอกว่า “ยังไม่เสร็จ” ต้องใส่ขนมปังด้วย เจ้าตัวคนพูดหั่นขนมปังแถวของฝรั่งที่เรียก “บาแกตต์” ให้เฉียงๆ เป็นแผ่น สองแผ่น ค่อนข้างหนา แต่สวยได้รูปก่อนจะทาเนย แล้วนาบลงบนกระทะอีกใบหนึ่ง พอส่งกลิ่นหอมแล้วก็ตักขึ้นพักไว้ในจาน
    “เสร็จแล้ว ซุปหอมใหญ่ของเรา” หลวงพินิจพูดขึ้น “ตาเส็งทำแล้วนะ จำได้หรือเปล่าไม่รู้ เราจะมองดู เอาใจช่วยห่างๆ เวลาเราอยากรับ จะได้ทำให้รับอย่างไรล่ะ”
    แล้วเขาก็ปล่อยให้เส็งทำซุปหอมใหญ่เองทุกขั้นตอน มองไปก็อดยิ้มไปไม่ได้ เส็งจำได้ทุกอย่างว่าควรทำอะไรอย่างไร ตามขั้นตอนที่หลวงพินิจสอนไปทุกประการ แม้ดูเก้ๆกังๆอยู่บ้างก็เป็นเพราะยังไม่ถนัด แต่ก็ตั้งใจทำอย่างดีเท่าที่จะทำได้
    หลวงพินิจอดคิดไม่ได้ว่าหาก ให้ยายนอมมาทำคงต้องบ่นว่า “เหม็นเจ้าค่ะ จะโบยอีนอมก็ยอมเจ้าค่ะ แต่ขอไม่ทำเหม็นเหลือเกินเจ้าค่ะ” ถ้าเป็นแก้ว คงยอมแพ้เสียตั้งแต่หั่นหอมเสียแล้ว “แสบตาเจ้าค่ะ เหม็นด้วย” หรือไม่ก็ “ขั้นตอนเยอะเชียวเจ้าค่ะ คุณหลวงรับน้ำพริกปลาทูดีกว่าไหมเจ้าคะ บ่าวจะทำให้อย่างเร็วเลยเจ้าค่ะ”
    กระทั่งทำเสร็จแล้วทุกขั้นตอนหลวงพินิจก็ตักซุปของเส็งลงถ้วยให้ ก่อนจะวางขนมปังที่เตรียมไว้แล้วลงบนหน้า
    “เสร็จแล้วละ เราไปกินกันที่ศาลาดีไหม”
    “ขอรับ คุณหลวงจะรับถ้วยไหนขอรับ บ่าวจะยกไปให้” เส็งว่า
    “ยกไปทั้งสองถ้วยนั่นละ ถ้วยที่เส็งทำเราจะรับเอง ส่วนถ้วยที่เราทำ เราให้เส็ง จะได้รู้ว่าอาหารฝรั่งอร่อยเพียงใด” หลวงพินิจเอ่ยอย่างมีความสุข
    “คุณหลวง...”
   “บ่าวมิบังอาจดอกขอรับ” หลวงพินิจกล่าวอย่างล้อเลียน “ใช่ไหมล่ะ ทุกวันนี้ยังไม่ชินอีกหรือ กินเถอะ เราอุตส่าห์ยกให้ หรือจะปฏิเสธเราเพราะรังเกียจเราก็เข้าใจ”
    พอเห็นคุณหลวงหนุ่มแกล้งตัดพ้อ เส็งก็รีบแก้
    “มิได้ขอรับ บ่าวเพียงแต่... อดคิดไม่ได้ว่า เป็นบ่าวเขาควรหรือจะกินอาหารแบบเดียวกับนาย กลัวเหาจะขึ้นหัวขอรับ”
   “กินเถอะเส็งทำกินกันเอง เรากินสองถ้วยก็ไม่หมด ให้ใครกินก็คงไม่มีใครเขากล้า” หลวงพินิจว่า “ไปเถอะเส็งออกไปอยู่ที่ศาลากัน”
   สองหนุ่มเดินออกมาที่ศาลาสีขาวทรงแปดเหลี่ยมริมสระบัว หลวงพินิจนั่งบนม้านั่ง มีซุปหอมใหญ่อยู่ตรงหน้า มีเส็งนั่งพื้นอยู่ข้างๆ คุณหลวงลงมือตักหอมใหญ่กิน เส็งเห็นอย่างนั้นก็ตักกินบ้าง ด้วยความอยากรู้เหลือเกินแล้วว่า อาหารของฝรั่งมังค่า อร่อยสู้ของสยามได้หรือไม่
    “เป็นอย่างไรบ้าง”
    “อร่อยทีเดียวขอรับ” เส็งเงยหน้ามองหลวงพินิจอย่างเด็กมองผู้ใหญ่ด้วยตาเป็นประกายสดใส แกมตื่นเต้นที่ได้ลิ้มลองของใหม่ที่แม้แต่จะให้คิดก็คงคิดไม่ออกว่า จะมีโอกาสได้กินแบบนี้จริงๆ “คุณหลวงดีกับบ่าวเหลือเกินขอรับ”
   คุณหลวงหนุ่มยิ้มให้ ก่อนจะตักซุปของตัวเองกินบ้าง
    “ของเส็งติดตรงเค็มไปหน่อย คงชินกับอาหารสยาม ถ้าของฝรั่งต้องเบากว่านี้ นุ่มลิ้นกว่านี้ รสไม่สู้จัดเท่านี้นะเส็ง” หลวงพินิจติเล็กน้อย “แต่นิดเดียวเท่านั้นนะ นอกจากนั้นแล้วเส็งจำขั้นตอนการทำได้ก็ดี ฝึกอีกหน่อยก็จะดีมากขึ้น”
    เส็งยิ้มให้กับหลวงพินิจราชอักษร สายตาที่คุณหลวงมองมามันอบอุ่น เหมือนแดดยามเช้าที่ฉายมาต้องต้นไม้ใบหญ้าบนดิน เส็งไม่อาจบังคับตัวเองให้ถอนตาจากชายหนุ่มที่หล่อคมเข้มคนนี้ได้ หากจะเปรียบกับใคร คงเปรียบไม่ได้นอกเสียจากอิเหนาคนเดียว คิ้วเข้มสวยได้รูป จมูกโด่ง แลปากอิ่มเป็นรูปกระจับ จะหาความบกพร่องตรงไหนก็หาไม่เจอ
    หลวงพินิจเองก็มองหน้าบ่าวหนุ่มน้อย ตากลมใส เล็กๆแบบลูกจีน ปากนิด จมูกหน่อยดูน่ารักจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตาก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนทุกที หลวงพินิจถอนตาจากหนุ่มน้อยก่อนจะมองลงไปในสระบัว เห็นดอกบัวสีชมพูสวย บานสะพรั่งอยู่กลางสระ ก็เอ่ยขึ้นกับเส็งเบาๆ
    “เส็งเห็นดอกบัวในสระหรือไม่”
   “ขอรับ” บ่าวหนุ่มรับคำ นึกงงในใจเล็กน้อยที่จู่ๆ หลวงพินิจราชอักษรก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องของดอกบัวอย่างรวดเร็วจนหนุ่มน้อยตามไม่ทัน
    “พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้เรื่องบัวสี่เหล่า เปรียบเทียบกับมนุษย์เราบนโลกนี้ เส็งพอจะรู้จักบ้างไหม” หลวงพินิจว่า พอบ่าวหนุ่มรับคำก็ว่าต่อไป “เห็นดอกนั้นหรือเปล่าที่เกือบจะอยู่กลางสระ มันบานสวย ชูช่ออยู่เหนือน้ำ พร้อมให้ใครต่อใครได้เห็น มีภู่ ผึ้ง ภมรร่อนชมเต็มไปหมด แบบนี้ก็เปรียบกับพวกคนที่ฉลาดหัวไว มีความสามารถใครต่อใครก็เห็นก็ชื่นชม บัวพ้นน้ำนี้ก็เหมือนเทิด เก่งกาจ สามารถทำอะไรแทนเราได้หมด มีของดีมาอยู่แล้วไม่ต้องสั่งต้องสอนอะไรมากก็รู้เรื่อง
    “ส่วนเส็ง ก็เหมือนดอกที่อยู่ใกล้ๆเราตรงนี้ไง เป็นบัวปริ่มน้ำ พร้อมบานชูช่อในเร็ววัน ต้องได้รับการอบรมสั่งสอน ฝึกหัดให้ได้รู้อะไรมากๆ พร้อมจะนำไปใช้งานได้ แม้ยังไม่มีผึ้งตัวใดพร้อมจะลงเคล้าคลอเคลีย แต่สักวัน เส็งจะบานสะพรั่ง สวยงามจนใครต่อใครก็ต้องยอมรับ
    “พวกบ่าวคนอื่นๆ ก็เหมือนบัวใต้น้ำ ไม่มีบุญวาสนาพอจะขึ้นพ้นเหนือน้ำ เว้นแต่ได้รับการอบรมสั่งสอน พัฒนาความสามารถกันต่อไป ส่วนบัวพวกสุดท้ายนั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว่ว่า เป็นพวกบัวใต้โคลนตม ไม่มีวันเจริญงอกงาม ได้แต่อยู่ใต้ดินเลน เป็นอาหารของเต่าปลา เราเห็นว่าแก้วเป็นบัวประเภทนี้ สอนอะไรก็ไม่ฟัง ไม่จำ ไม่ต้องการให้ใครมาสั่งมาสอน จะพัฒนาให้ไปทางไหนก็ไม่ได้
    “แต่เส็งรู้หรือเปล่าว่า บัวที่บานสวยมากๆนั่น สักวันมันก็เหี่ยวเฉา สักวันมันก็ต้องเน่าเสียไม่ต่างจากบัวดอกอื่นๆ จะตัดไปใช้ทำอะไรก็ไม่ได้เสียแล้ว ส่วนบัวปริ่มน้ำอย่างเส็ง คนกลับนิยมนัก เราเองก็ชอบเสียมากกว่า สังเกตไหมเล่าว่าดอกบัวตูม มักเป็นดอกไม้ที่คนเรานำไปถวายพระ ไม่มีใครเอาดอกบานสวยใกล้เหี่ยวไปถวายดอก
    “เทิดเอง สักวันมันก็ปีกกล้าขาแข็ง สักวันมันก็ต้องไปจากเรา จะให้อยู่รับใช้เราไปตลอด เห็นจะเป็นไปไม่ได้ แต่เส็ง บัวปริ่มน้ำที่พร้อมจะเบ่งบานอย่างนี้จะยอมอยู่ในสระรอวันเบ่งบานให้มีแมลงภู่ ผึ้งมาเคล้าเคลีย หรือจะยอมให้เราตัดมาไว้ใส่แจกันในบ้านก็ไม่รู้”
    หลวงพินิจเงียบไปอึดใจก็พูดออกมาคล้ายจะรำพึงรำพันกับตัวเอง
    “เส็งคงรู้ และเข้าใจใช่ไหม ว่าหากเทิดจากเราไปในสักวัน คนที่เราหมายมั่นให้มาเป็นทนายของเรา เป็นคนสนิท คนที่คุยได้ทุกเรื่อง คนที่เราไว้ใจ เชื่อใจ” หลวงพินิจไม่ได้พูดว่า คนที่เรารักมากสุดหัวใจ ออกไปด้วยเพราะยังไม่มั่นใจว่าเส็งพร้อมฟังหรือไม่ จึงจบประโยคเพียงว่า“คนที่รับใช้อยู่ใกล้ชิดเรา คนนั้นจะเป็นใคร”
    เส็งยิ้มหวาน ยิ้มอย่างอ่อนละไม เป็นรอยยิ้มที่หลวงพินิจรักมากที่สุดในตัวเส็ง ยิ้มทั้งปากเรียบบางนั้น และยิ้มทั้งดวงตาสุกใสราวกับดาวประกายพฤกษ์ เป็นรอยยิ้มที่ประทับ ฝังอยู่ในใจของผู้เป็นนาย แม้เจ้าตัวจะกลับไปนอนที่เรือนบ่าวในคืนนั้น รอยยิ้มก็ยังคงติดตาหลวงพินิจราชอักษรจนเก็บไปฝันทั้งคืน

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :serius2: :serius2: :serius2:



+1


แต่หวานทีเดียวเชียวเจ้าค่ะ

คุณหลวงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงแอร๊ย อยากได้คุณหลวงมาเป็นของตัวเอง อิอิ

เก็บความหวานให้เต้มอก เตรียมตัวรอรับความขมในอีกไม่นานวัน :o12: :o12: :o12:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2010 22:29:41 โดย samsoon@doll »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
เธอคือหวานเย็น...
โอ๊ย!!!  จีบกันเหรอเนี๊ยะ

ออฟไลน์ ayanae

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อร๊าย คุณหลวงหวานไม่เกรงใจใครเลยอ่ะ  ชอบตอนที่คุณหลวงพูดถึงดอกบัวจัง เปรียบเทียบได้เห็นภาพชัดเจนทีเดียวแถมยังหาเหตุผลมากล่อมให้เส็งมาอยู่ข้างกายอีก แบบนี้เป็นการบอกรักกลายๆหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
:jul1: :jul1: :jul1:ช่างหวานหยดย้อยจริงๆเลยเทียว



zeen11

  • บุคคลทั่วไป
สั้นๆ แต่หวานมากกกกกกกกกกกกกกกก  :o8:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
หวานชวนให้ซาบซึ้งตรึงใจ  คุณหลวงช่างเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ๆ

thisispom

  • บุคคลทั่วไป
คุณหลวงหวานได้ใจค่ะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
คุณหลวงเป็นผู้ชายที่อ่อนหวานและโรแมนติกมากเลยค่ะ :-[
อยากให้เ็ส็งกับคุณหลวงมีความสุขแบบนี้ไปนานๆ :กอด1:

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
จะหวานไปไหนค่ะคุณหลวงขาาา

daizodiac

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ย ย คุณหลวง จีบได้ซับซ้อนมากเลยคร๊า !

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ต๊าย คุณหลวง . . ไม่รีบเชยชมบัวหิมะ . . . . ไปหัวหินครั้งนี้ เจ้าคุณพ่อจะยัดเยียดบัววิคตอเรียให้แทนนะเจ้าคะ
๗๙ +๑ = ๘๐
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด