http://www.youtube.com/v/ahLuI_DEQuYติ๊ง!ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสี่ ผมโทรถามพี่เชนว่าให้มาเจอที่ชั้นไหน มีพนักงานด้านหน้าพาเข้ามา เขาบอกให้ผมนั่งรออยู่ที่ห้องรับรองแห่งนี้ ผมมองซ้ายมองขวายกมือถือโทรหาพี่เชนอีกครั้ง พี่เขาบอกคุยเสร็จนานแล้วเดี๋ยวเหลือเซอเวย์ของฝ่ายการตลาดให้ผมออกไปเอาเอกสาร ที่เชนอยู่ห้องถัดไปข้าง ๆ ห้องที่ผมนั่งรออยู่ ผมเลยเดินออกไปหา
“ปิงทางนี้” พี่เชนกวักมือเรียก
“กูกับพิมคุยกับเจ้าของที่นี่เรียบร้อย เดี๋ยวกูจะไปสำรวจที่ฝ่ายการตลาดชั้นสอง โชว์รูมเขาที่ชั้นหนึ่งพิมไปดูๆให้อยู่ ส่วนมึงเขาระบุมาว่าจะให้ขึ้นไปดูที่ห้องท่านประธาน”
“อ้าวทำไมงั้นล่ะพี่ ผมขอไปที่ฝ่ายการตลาดกับพี่ดิ่ ผมไม่อยากเจอท่านประธานของที่นี่หรอก”
ผมรู้สึกมันแปลกๆแล้ว คิดว่าคุณแม่พี่เอย์กำลังเล่นอะไรกับผมอยู่แน่ ๆ ท่านประธานที่พี่เชนว่าคงจะเป็นคุณหญิงแม่คนสวยคนนั้นแน่ ๆ
“กลัวอะไรเล่า เจ้าของกลับไปแล้วมั้งอาจจะเหลือแต่เลขาเดี๋ยวมึงก็เข้าไปดูระบบที่เครื่องเขานิดหน่อยพอ เอาแต่รหัสมาเดี๋ยวคืนนี้กูดึงข้อมูลเอง พวกเราแฮกเก่งอยู่แล้วนี่” พี่เชนตบบ่าแล้วยักคิ้วให้ อย่ามาว่าพวกผมขี้โกงเลยนะแต่จะให้ไปดูทั่วถึงตลอดในทุกแผนกนี่คงจะใช้เวลาเป็นเดือนแน่เพราะงั้นผมกับพี่เชนจะใช้วิธีแฮกแล้วดึงข้อมูลออกมาเลย แต่ก่อนหน้านั้นคือผมต้องได้รหัสจากเครื่องแม่ข่ายใหญ่มาก่อน
“เดี๋ยวกูจะดูที่ฝ่ายการตลาดมึงไปดูเครื่องที่ชั้นบน ทำเหมือนที่เราสองคนเคยทำมั่นใจตัวเองเดี๋ยวกูจะตามมึงขึ้นไป”
พี่เชนเดินออกไปแล้ว ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ กำเอกสารในมือจนแน่น
ทำไมต้องเป็นผมด้วยวะที่ต้องไปดูเครื่องของท่านประธาน
แล้วถ้าแม่พี่เอย์เห็นผมจะไม่โวยวายหรือไง หรือว่าเธอจะไม่รู้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้รายชื่อโปรแกรมเมอร์ของบริษัทเรา ทางนี้ต้องสืบแล้วทุกอย่างนั่นแหละ โปรเจคใหญ่ขนาดนี้บริษัทหลักในเครือของอัศว ไม่มีทางจ้างวานบริษัทห่วย ๆไร้ชื่อเสียง มาทำงานวางระบบให้หรอก
เอย์ตั้น อัศวเหมมินทร์
ประธานกรรมการ
ป้ายชื่ออันใหญ่หรูหรายังคงติดประดับอยู่ที่หน้าห้อง ประตูไม้บานหรูที่วันนั้นถูกผลักเข้าไปโดยมือเล็กๆของคุณแม่พี่เอย์ เธอพูดคุยกับผมอย่างใจดีแต่วัตถุประสงค์ลึกๆคืออะไรผมย่อมรู้ดีแน่นอนอยู่แล้ว
ผมเดินเข้าไปใกล้ ประตูบานใหญ่เปิดแง้มเอาไว้นิดๆ เผยให้เห็นสองคนที่อยู่ด้านใน ผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารัก กำลังจัดเนคไทให้กับใครสักคนที่ยืนหันหลังมาทางผม
เขาสวมเชิ้ตสีดำสนิท กางเกงสแลคเข้ารูป แผ่นหลังกว้างที่แสนอบอุ่น เรือนร่างสูงโปร่งราวกับรูปปั้นสลัก จะมีก็แต่ทรงผมที่ทำให้ผมไม่มั่นใจว่าจะใช่เขาคนนั้นหรือเปล่า
“เอย์แย่มากๆเลยผูกเนคไทเบี้ยวตลอด กัสต้องผูกให้แบบนี้ทุกวันไม่แย่เหรอครับ” คนตัวเล็กพูดแล้วตบเบาๆลงที่หน้าอก คนตัวสูงหย่อนตัวกึ่งนั่งกึ่งยืนลงที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ปัดมือคนตัวเล็กออก
“แล้วใครบอกให้ทำ ผมเคยขอเหรอ”
“ชิชิ ไม่ขอกัสก็ต้องผูกให้ กัสเป็นเลขาต้องดูแลเอย์เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เจ้านายกัสต้องเนี๊ยบแล้วก็หล่อ ดูซิผมเผ้าเนี่ยทำไมถึงตกลงมาทิ่มลูกกะตาแบบนี้ครับหืม ต้องเสยขึ้นไปสิครับ กัสบอกแล้วว่าให้ไปตัดออกบ้าง เอย์ผมยาวขึ้นมากเลยไม่เท่สักนิดอยากหน้าสวยเป็นดาราเกาหลีเหรอ เอย์เป็นผู้บริหารนะอย่าลืมสิ”
ผมมองดูมือเล็กยกขึ้นเสยผมคนตัวโตกว่าอย่างไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบไหนอยู่ รู้แต่ว่าใจผมเต้นแรงมาก ตัวชาไปหมด ใบหน้าแขนขา ทำไมถึงชาแล้วก็รู้สึกว่าหนักอึ้งขนาดนี้ แม้แต่จะก้าวถอยหลังผมยังไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้
ผมจ้องสองคนตรงหน้าที่เขากำลังพูดคุยกัน รู้แน่แล้วว่าใครคือผู้ชายตัวสูงใหญ่คนนั้น ผมรู้แล้วว่าตอนนี้เขาคนนั้นกลับมาแล้ว แล้วผมรู้ก็แล้วว่าในที่สุดการรอคอยของผมก็จบลงได้แล้วจริง ๆ สักที
“นายอย่าเล่นแบบนี้น่าเคยบอกหลายทีแล้วนะ ดูเวลาซิ ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่มีใครขึ้นมาเรียก เขาจะมาจริงตามที่เรานัดใช่ไหม” ผู้ชายตัวสูงปัดมือเล็กที่พยายามจะเสยผมเขาออก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วเดินอ้อมไปที่ด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ หย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ประธานเผยให้เห็นรูปร่างหน้าตาที่ชัดเจน
สามปีกับอีกเกือบๆสามเดือน
พี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
มีแต่ทรงผมเท่านั้นที่ยาวขึ้น
ทรงผมที่มีใครคนนั้นข้าง ๆ กายพี่ เฝ้าดูแลให้“ต้องมาสิครับ คุณคเชนทร์เขาก็บอกแล้วนี่ว่าวันนี้จะมากันสามคน เดี๋ยวคงจะขึ้นมาแล้วล่ะ กัสระบุแล้วว่าต้องให้น้องเขาขึ้นมาที่ห้องนี้”
“บริษัทนักสืบที่นายหามาให้ห่วยแตก สืบยังไงตั้งสองเดือนกว่าถึงจะรู้ข่าว”
“ก็ยังดีกว่าคนบ้าที่ขับรถวนไปวนมาอยู่เป็นอาทิตย์นี่ถ้ากัสไม่ลงมาจากเชียงใหม่แล้วมาสมัครงานกับเอย์ ป่านนี้จะนึกออกหรือยังว่าต้องหาน้องเขาแบบไหน”
“จิ๊!”
เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอที่ผมยังจำได้ดี เวลาที่พี่เอย์โมโหหรืองอนไม่ได้ดั่งใจ จะชอบทำเสียงแบบนี้มาก ผมนึกว่าผมคนเดียวเสียอีกที่พี่เขาจะทำแบบนี้ด้วย ผมมองดูผู้ชายตัวเล็กน่ารักที่เดินเข้าไปหาพี่เขาแล้วก้มลงจิ้ม ๆ ที่หน้าจออยู่ใกล้ ๆกันจนหัวเกือบจะชิดแล้วทำอะไรไม่ถูกเลย
ผมอยากหายไปจากตรงนี้มาก “อ้าว มานานหรือยังครับ ทำไมไม่เรียกผมล่ะ เข้ามาสิครับ”
เสียงเรียกจากคนตัวเล็กที่เปิดบานประตูให้กว้างออกปลุกผมให้ออกจากภวังค์ความคิดทุกอย่าง ผมสะดุ้งขึ้นนิดนึงพร้อม ๆ กับท่านประธานคนนั้นค่อยยืนขึ้นจากโต๊ะแล้วจ้องมาที่ผม
.....พี่เอย์เห็นผมแล้ว.....ทุกอย่างในห้องนี้ไม่มีอะไรสำคัญอีก ตอนนี้มีเพียงสายตาของผมกับมันที่จ้องมองกันอยู่ มันยืนนิ่งเลยผมเห็นว่ามือมันสั่น ตัวผมเองก็กำกระดาษในมือจนแน่นสั่นไปหมด
จ้องมองคนที่ผมเฝ้ารอคอยมาแสนนานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแววแห่งความตัดพ้อมากมาย ขณะที่นัยน์ตาของมันกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายของคำว่า
‘ขอโทษและเสียใจ’พี่เอย์ก้าวออกมาแล้ว มันกำลังเดินมุ่งมาที่ผม ดวงตาของมันแน่วแน่และมุ่งมั่นตรึงสายตาผมไว้ไม่ขยับออกแม้แต่น้อย แต่ทว่า ผมกลับก้าวถอยหลังไม่รู้ตัว ดวงตาของเราไม่มีใครยอมละออกจากกันราวกับว่ากำลังจับจ้องของมีค่าที่ตัวเองเผลอทำหล่นหายไปนานหลายปี
ผมกลัว.....กลัวว่าทุกสิ่งในตอนนี้มันจะเป็นความฝัน.....หรือผมกำลังฝันไป
ผมก้าวถอยจนชนเข้ากับโต๊ะ เซจนต้องใช้มือค้ำยันไว้ พี่เอย์หน้าเสียรีบถลายื่นมือเข้ามาหา หากแต่ก็ยังช้าไปกว่ามือที่ใหญ่และเย็นของใครสักคนมาฉุดแขนผมไว้จากด้านหลังพยุงผมไว้ไม่ให้ล้มลง
“เป็นอะไร ทำไมหน้าซีด” เป็นพี่เชนที่ถามหน้าเครียด คงคิดว่าผมไม่สบายหรือเป็นอะไรสักอย่าง ผมรีบส่ายหัว
“ปะ...เปล่าครับ ผมเดินชนโต๊ะ” ผมโกหก หลบสายตาพี่เชน
“ไม่เป็นไรแน่นะ”
“ครับ ไม่เป็นไร” ผมบอก
พี่เชนหันไปมองพี่เอย์คนนั้น คนที่กำลังจ้องพวกผมนิ่ง ยืนค้างอยู่แค่ตรงนั้น เลยประตูออกมานิดเดียว
“ปิง นี่คือคุณเอย์ตั้น อัศวเหมมินทร์ ท่านเป็นประธานของที่นี่ เรียกท่านว่าคุณเอย์”
ผมเบนสายตามองไปที่ท่านประธานอีกครั้ง พี่เชนกำลังแนะนำผมให้รู้จักกับเจ้าของบริษัทนี้
ท่านประธานใหญ่ของที่นี่
ท่านประธานของอัศวออโต้อิมพอร์ต
ท่านประธาน??
ผมจ้องมองใบหน้าคมคายที่ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เขาเคยเป็นคนรักของผม ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเขาเคยเป็นพี่เอย์ของผม เป็นคนที่เคยเอ่ยคำว่ารักกับผม
“รักมึงนะ”
มันผ่านไปนานมากแล้วจริง ๆ
พี่เอย์ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ดวงตาคมวูบไหว เราสองคนจ้องกันแน่นิ่ง ถ้อยคำล้านความหมายถูกร้อยเรียงออกจากดวงตาของสองเรา ความรู้สึกประหม่าของผมเอ่อล้น ทั้งดีใจ เสียใจ ตื้นตัน และตัดพ้อ ตีกันให้มั่วไปหมด
ผมพยายามที่จะตั้งสติ พรูลมหายใจบอกกับตัวเองไว้ว่าวันนี้ผมมาทำงาน ผมก้าวเข้าหาพี่เขาช้า ๆ หยุดยืนอยู่ข้าง ๆ พี่เชน ยกมือขึ้นไหว้คนที่ยืนมองผมนิ่งงัน
“สวัสดีครับ
คุณเอย์ ”
ผมเห็นมันหลับตาลงแน่นทันทีที่คำว่า ‘คุณเอย์’ หลุดออกมาจากริมฝีปากผม ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบ จนพี่เชนเดินเข้าสะกิดผมอีกครั้ง
“มีอะไรกันรึเปล่า”
“เปล่าครับ” ผมปฏิเสธ แล้วหันไปที่ผู้ชายตัวเล็กผู้ที่ผมมองเป็นแค่อากาศธาตุนานแล้ว เดาได้ว่าเขาน่าจะเป็นเลขาของมัน
“ไม่ทราบว่าผมจะดึงข้อมูลได้จากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนครับ” พี่คนนั้นมองผมกับมันสลับกันไปมาก่อนเดินมาบอกผมว่าเครื่องที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะท่านประธานภายในห้อง ผมเลยหันไปหาพี่เชนแล้วพูด
“เข้าไปกันเถอะครับ
พี่เชน”
โครมมมมมมม!!!!!!!!!ทันทีที่คำว่า ‘พี่เชน’ หลุดออกจากปากผม พี่เอย์เดินไปยืนอยู่ที่โต๊ะตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ มันปัดคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ที่วางอยู่บนนั้นร่วงหล่นลงมากองนิ่งอยู่ที่พื้นหน้าจอแตกกระจายแก้วน้ำที่วางอยู่กลิ้งราดรดซ้ำลงมาอีก ระบบไฟตัดฉับ คือทุกคนตกใจกันมากทั้งผมทั้งพี่เชนทั้งเลขามัน กุลีกุจอเข้าไปแล้วก้มลงเก็บ มีแต่มันที่ยืนนิ่งไม่ขยับ
“เอย์ ใจเย็น ๆสิ” เสียงเลขามันบอกเบา ๆ แต่ผมได้ยินเงยหน้าขึ้นไปมอง พี่เอย์ข่มกรามแน่นจนปากมันสั่น มันจ้องผมอยู่ ผมรีบหลบสายตาลุกโชนนั่น พี่เชนเป็นคนหยิบหน้าจอขึ้นมาตั้งใหม่อีกครั้งแต่คือจอมันแตกแล้วเลยเอาวางตะแคงไว้บนโต๊ะ
“ข้อมูลทุกอย่างอยู่ในเครื่องนี้ บริษัทพวกคุณทำเกี่ยวกับระบบซ่อมบำรุงด้วยใช่ไหม ลองแก้ไขเครื่องนี้โชว์ให้ผมได้เห็นศักยภาพของพวกคุณบ้างสิ ได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่ายูเซย์มีสองโปรแกรมเมอร์ดูโอ้ ที่เป็นมือวางอันดับต้น ๆ ของวงการไอทีเมืองไทย”
พี่เอย์เดินหน้าเข้าหาพี่เชน ใกล้จนหน้าอกแทบจะชนกัน รูปร่างส่วนสูงสองคนไม่ได้ต่างกันเลย
“คุณคงเก่งมากสินะ” พี่เอย์ส่งเสียงท้าทาย พี่เชนจ้องมันนิ่งเลย ผมคิดว่าพี่เชนไม่เข้าใจที่พี่เอย์ต้องการจะสื่อหรอก คงกำลังงงกับเหตุการณ์มากกว่า
“ผมมั่นใจว่ามีความสามารถพอที่จะดูแลและวางระบบให้บริษัทคุณได้”
“ดีมาก ทำให้สุดความสามารถของคุณก็แล้วกัน” เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบมันจ้องพี่เชนด้วยสายตาที่เย็นเยียบมาก
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกผมขออนุญาตยกเครื่องนี้ออกไปเลยก็แล้วกันนะครับ” พี่เชนพยักหน้าให้ผมเบา ๆ ผมรีบหอบเอาเครื่องคอมจอแบนรุ่นใหม่ที่ตอนนี้กระจกแตกไปหมดแล้วใส่อกสายคีย์บอร์ดพะรุงพะรัง
“ไปกันเถอะครับพี่”
“เดี๋ยวกูถือเองมึงไม่ไหวหรอก” พี่เชนเข้ามารับหน้าจอจากผมไปผมเลยถือไว้แค่แป้นคีย์บอร์ด ขณะที่คนบางคนที่ทำของตัวเองแตกยืนมองพวกผมนิ่ง พี่เชนเดินนำออกไปแล้วผมเองกำลังเดินตาม กำลังจะเลี้ยวออกนอกประตูอยู่แล้วถ้าไม่มีมือใหญ่ของใครบางคนดึงแขนผมเอาไว้ ผมหันมอง มันจ้องหน้าผมนิ่งเลยดวงตามีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมด ผมรู้ว่ามันอยากจะถามผมเรื่องพี่เชนเรื่องอะไรต่อมิอะไร เราสองคนสบสายตากัน ผมไม่หลบ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด พี่เอย์ก้าวเข้ามาใกล้
“มึงยังจำสัญญาของเราได้ไหม” คำพูดแรกหลังจากที่เราสองคนไม่ได้คุยกันเลยสามปีเต็ม ๆ สามปีกว่าด้วยซ้ำไป มันยังมีสิทธิ์มาทวงถามคำสัญญาอะไรจากผมเหรอ ใครกันที่ฉีกสัญญาของเราทิ้งไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน สายตาคมกริบเบนไปที่ข้อมือของผม เชือกสีชมพูเส้นนั้นที่มันเคยใส่ให้และผมสวมไว้เสมอ ตอนนี้ถูกผมถอดเก็บไว้ที่บ้านตั้งแต่เมื่อวันที่ผมไปรอมันที่คอนโดเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อสี่ห้าเดือนก่อนแล้ว ข้อมือสองข้างของผมว่างเปล่าไม่ได้สวมอะไรนอกจากนาฬิกา
พี่เขาค่อยเลื่อนสายตาขึ้นมามองหน้าผมอีกครั้ง และกำลังรอคอยคำตอบจากผมอยู่ ผมตัดสินใจขยับแขนออกจากมือมัน แล้วเอ่ย...
“ขอโทษนะครับคุณเอย์ หน้าที่ผมเสร็จแล้ว ผมขอตัว”ผมก้าวเดินออกมาโดยไม่หันหลังกลับไปมอง พี่เชนยืนรอผมอยู่ ผมรู้ว่าผมใจร้าย แววตาของพี่เอย์คือเต็มเปี่ยมไปด้วยคำว่าห่วงใยและขอโทษมากมาย ทำไมผมจะอ่านไม่ออก
แต่ตอนนี้ระหว่างเราคือไม่เหมือนเดิม ช่องว่างที่เนิ่นนานเกินไป ระยะเวลาที่ผมกับมันห่างกัน
คืนวันยาวนานที่มันทิ้งผมไปโดยไร้การติดต่อ ความเหงาที่กัดกินหัวใจผมจนชินชา
และสุดท้ายคือช่องว่างระหว่างเรา ที่แม้ว่าตัวผมจะพัฒนามากมายแค่ไหนระดับความแตกต่างของเราก็ยังเป็นช่องว่างอยู่ดีเพราะพี่เอย์เองก็พัฒนาขึ้นมาไม่ได้ต่างไปจากผมเลย เราสองคนกำลังก้าวขึ้นไปบนเส้นทางที่สูงชัน ผมก้าวขึ้นไปสามก้าว พี่เอย์เองก็ก้าวขึ้นไปสามก้าวเช่นกัน เพราะฉะนั้นระยะห่างระหว่างเราอย่างไรเสียมันก็คือเท่าเดิม
ถึงผมจะไล่ตามพี่เขาเท่าไหร่แต่ตัวมันเองก็ยังคงก้าวต่อไปเรื่อย ๆ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ดาวดวงนี้ที่อยู่บนฟากฟ้าก็ไม่เหมาะกับคนธรรมดาอย่างผม ผมไม่อยากถูกจับแยกกับมันอีกแล้ว ถ้าหากการกลับมาคบกันของเราจะสร้างปัญหามากมายและทำให้ผมไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นมันได้อีก ผมจะขออยู่เงียบ ๆ ของผมแบบนี้ ขอมองดูมันอยู่ห่าง ๆ ขอเป็นแค่กำลังใจในแบบที่มันอาจจะไม่ได้รับรู้
ก็เพราะว่าผมรัก.....และไม่เคยคิดว่าจะเลิกรักสามปีของผมยาวนานมากแค่ไหน...คำว่ารักของผมที่มีต่อพี่เขากลับไม่เคยลดทอนลงเลยแม้แต่น้อย ผมรอจนท้อแล้วก็เริ่มต้นรอใหม่ ท้อแล้วท้ออีกเริ่มต้นใหม่ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยครั้ง รอจนคิดไปเองว่าหัวใจคงเจ็บปวดมากเกินพอแล้วผมจะเลิกรอ
แต่แล้วพอถึงวันที่ผมได้เห็นมันอีกครั้ง ผมถึงได้รู้ว่า สุดท้ายแล้วคนที่มีความหมายที่สุดในหัวใจของผมคือใคร
เพราะว่ารัก.......ไม่จำเป็นต้องได้มาครอบครอง คราวนี้คงต้องเป็นพี่ที่ไล่ตามความรักของผมบ้างแล้ว
แต่ทว่า..สำหรับเรื่องงาน
ผมคนนี้จะขอเป็นฝ่ายไล่ตามพี่ให้ถึงที่สุด
สักวันหนึ่งผมจะก้าวขึ้นไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ให้ได้........แบ่งที่ว่างเอาไว้.........รอผมหากเคียงชิดใกล้.....แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด....หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย....มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว...ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เราได้ถึงดั่งฝัน....ร่วมกัน
Tbc.
# น๋มปังกาแฟมาแล๊นนนนนนน มาพร้อมกับความรักที่เต็มเปี่ยมของวันแม่ค่ะ จากคอมเม้นท์ของสองตอนที่แล้วเราสรุปได้แบบนี้ค่ะ คือคนอ่านหวงพระเอกมากกกก ปิงมีพี่เชนคอยดูแลได้ แต่พี่เอย์ของเราห้ามมีใครมาอยู่ข้าง ๆ เด็ดขาด เกลียดนังกัส 55555
# ตอนนี้ไม่เศร้าแล้วเนาะ ซึ้งไหมค่ะ? มีใครร้องอีกไหม ไม่แล้วนะ จากนี้ไปทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ รอดูลีลาการจีบเพื่อเอาปิงคืนมาของพี่เอย์ก่อน ขุ่นพี่ไม่ตัดใจง่าย ๆ หร๊อก เอ้อออ พี่เอย์มีดีอาร๊ายยยยย โชว์มาให้น้องเห็นเลอออ!!
# ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ทิ้งไว้ให้กันได้มีแรงฮึดเขียนต่อไปค่ะ มีกำลังใจจากการอ่านเม้นต์นี่แหละค่ะ บางทีคือแผ่วปลายมากแต่ก็คิดว่าเออมีคนรอเราอยู่นะ เราต้องฮึดสู้พยายามเขียนให้จบตอนให้ได้ คือบางที่ฟีลมันไม่มาเลยนะแต่ก็คือต้องบิวท์จากเพลงไม่งั้นไม่ได้เขียนแน่ ๆ ขอบคุณทุกๆกำลังใจมากมายจริงค่ะ รู้สึกซาบซึ้งมาก ช่วยเอ็นดูปิงกับพี่เอย์ต่อไปด้วยนะคะ
# ขอบคุณทุกกำลังใจจริง ๆ ค่ะ ฮึบๆๆบอกตัวเอง 5555