Chapter 5 Goodbye my brain
เช้าวันเสาร์ผมลุกขึ้นมาเพราะเสียงหลอนประสาทของโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ที่เวลาสิบโมง ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาชั้นล่าง เดินวนไปวนมาหลายรอบก็ไม้เจอมนุษย์แฟนเก่าทั้งที่รถก็ยังอยู่ครบถ้วน แต่ไม่ทันที่ผมจะได้สงสัยว่าไอ้โปรมันไปไหนจนต่อมเสือกในสมองแตก พี่จอยที่ทำมื้อเช้าให้ผมเสร็จแล้วก็เฉลยว่า 'เพื่อนน้องโปรมารับมันไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ'
หลังจากที่ผมพยายามอย่างสุดตัวมาในหลายวัน ผมก็สรุปได้ว่า มนุษย์แฟนเก่าของผมนั้นได้ตายด้านไปเสียแล้ว แต่คือ เมื่อก่อนถึงมันจะไม่ได้หื่นกามเดี๋ยวเอาๆแบบพระเอกในนิยายวายที่พวกเพื่อนชะนีผมอ่าน แต่มันก็ไม่ได้เฉยชานิ่งสนิทไม่มีการตื่นตัวใดๆขนาดนี้นะ หรืออะไรๆมันจะเสื่อมไปตามกาลเวลาหมดแล้ว
ผมมาเรียนตอนเกือบเที่ยง เพื่อนในคลาสยังคงนั่งหมดอาลัยตายอยากกันอยู่ดี แทนที่วันเสาร์จะได้อยู่เคลียร์งานที่สุมกันเป็นเขาพระสุเมรุ กลับต้องมานั่งโง่งมหน้าตรมอกก็ตรมรออาจารย์กันอยู่ในห้องเลคเชอร์ ทั้งที่นัดเที่ยง นี่ปาไปจะเที่ยงครึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของอาจารย์เลย... โอ้ย กูหงิด
"มึงๆ"ผมหันไปมองเมทแล็บผมที่สะกิดผมยิกๆ
"ไร"กูหงุดหงิด กูไม่เป็นมิตรนะบอกก่อน
"เป็นไงบ้างเรื่องผัวเก่า"ผมได้แต่เบ้ปากมองไปบนเพดานห้อง
"มันไม่กระทืบกูก็บุญแล้วอ่ะ"พอมองย้อนพฤติกรรมตัวเองก็คิดได้แค่... กูทำอะไรลงป๊ายยย
"เอาน่ามึง ชีวิตแม่งก็ต้องมีเจ็บปวดบ้าง"ตบหลังผมเบาๆแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง... กูว่าแม่งต้องมีอะไรแอบแฝง
"ดูโอ้มึงล่ะ"ไม่ยักรู้ว่าพวกมันแยกกันได้ด้วย ปกติตัวติดกันอย่างกับหน่อไฮดร้า
"แจนมันให้บอกอาจารย์ว่าปวดท้องประจำเดือน แต่จริงๆมันแค่ขี้เกียจ"เออดี นี่ถ้าน้องจีจี้สุดคิ้วตี้เมทแล็บมึงรู้นะ... มึงตายแน่แจน
"กูก็อยากขี้เกียจบ้าง... นี่รายงานอาจารย์สุมลทิพย์กูก็ยังไม่ได้ทำเลย"แค่คิดน้องซีก็อยากจะอ้วกออกมาเป็นพันธะโคเวเลนส์ที่เชื่อมต่อกันในวงอะโรมาติกไซคลิกคอมพาวด์
"กูยังไม่รู้เลยว่ากูได้หัวข้ออะไร"กูว่ากูหนักแล้วนะ "แต่มึง..."ว่าแล้วก็เอนหัวมาซบไหล่ผม "เมื่อคืนกูไปอ่านฟิคมาเว่ย แล้วกูก็คิดถึงมึงเลย"ขยันสรรหาวิธีที่ไม่หรรษามาให้น้องซีเสี่ยงตีนเสียจริง
"..."
"คือแบบว่า มึงอยากรู้ปะว่าผัวเก่ามึงยังอะไรๆกับมึงอยู่หรือเปล่า"ไอ้อะไรๆนี่คืออะไรวะ "นี่เว่ย มันต้องมีตัวแปรเว่ยมึง จะได้ดูว่าผัวเก่ามึงหึงไหม"
"อย่าว่าแต่หึงเลย ทุกวันนี้มันเมินกูยิ่งกว่าเมินหมาหน้าเซเว่นอีก"แค่คิดจิตใจดวงน้อยๆของน้องซีมันก็พาลจะเจ็บปวดรวดร้าว
"ไม่ลองมันก็ไม่รู้เว่ย"มันรีบผละออกจากบ่าผมแทบจะทันที "กูนอนคิดมาให้แล้ว คราวนี้ง่ายๆเลยมึง"
"แต่มึงจะไปหาตัวแปรมาจากไหน"เพราะช่วงนี้มัวแต่หมกหมุ่นกับเรื่องไอ้โปร ชีวิตผมเลยแทบจะไม่ได้พบปะใครเลย กิ๊กก็ไม่มี ที่คุยๆด้วยก็ไม่มี จะให้กูใช้ใคร... ลุงยามหน้ามอ ป้าแม่บ้านบนตึกงี้หรอ
"ไอ้เปอร์ไง กูคุยกับมันแล้ว"โอโห ถ้าเรื่องเรียนมึงกระตือรือร้นได้ขนาดนี้ มึงคงท๊อปชั้นปีไปแล้วมั้ง
"แล้วต้องทำยังไง ถ้ายากกูไม่ทำนะ วันนี้กูขี้เกียจ"ผมบอกปัดแบบไม่จริงจัง
"ไม่ต้องทำไรเลยมึง แค่วันนี้มึงไปนั่งทำรายงานกับพวกกู กลับค่ำๆหน่อย แล้วก็ให้ไอ้เปอร์ไปส่ง"มันอธิบาย
"มันต่างจากเพื่อนปกติไปส่งกันยังไงวะ"
คืออย่างแรกผมเป็นผู้ชายที่เลยวัยเยาวชนมาแล้ว ไอ้เรื่องกลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นคงไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ แล้วถึงผมจะเลยคบผู้ชายมาก่อน แต่ไอ้การที่เพื่อนผู้ชายมาส่งด้วยนี่ มันน่าหึงหวงตรงไหนวะ
"เออน่า มึงก็แค่ตามๆน้ำไป เดี๋ยวกูเทรนไอ้เปอร์เอง"
"เออๆ"ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด เพราะตอนนี้ผมค่อนข้างหงุดหงิดอาจารย์เลยไม่อยากพูดอะไรยาวๆ กลัวจะเผลอไปเหวี่ยงใส่เพื่อนแล้วจะดราม่ากันเปล่าๆ
เกือบบ่ายโมงอาจารย์ที่เรารอคอยก็มาถึง คำขอโทษนั้นไม่ได้ทำให้ผมและเพื่อนยกคลาสรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เพราะแทนที่ตัวเองมาช้าแล้วจะรีบๆสอน ยังมาบ่นเหนื่อยบ่นร้อนอีก... ผมหงุดหงิดจริงๆนะแม่งเอ๊ย
หลังจากที่เลิกเรียนตอนบ่ายสามโมง อารมณ์หงุดหงิดที่สะสมอยู่หลายชั่วโมงของผมก็คลายตัวลงหลังจากที่ได้ขนมฟรีจากเพื่อนแจนที่ยังหน้าด้านตอแหลต่อว่าหายป่วยแล้ว นั่งกินข้าวเกียบปากหม้อของโปรดผมจนหมดพวกเราทั้งกลุ่มก็ยกโขยงมานั่งทำรายงานกันต่อที่หอไอ้เปอร์ แต่จะเรียกว่ามาทำรายงานก็ไม่ถูกซะทีเดียวในเมื่อกิจกรรมส่วนใหญ่นั้นดันหมดไปกับการเล่นดัมมี่และดูอะนิเมะ
ราวทุ่มครึ่ง หลังจากที่ผมเสียดัมมี่ไปราวสองร้อย กระผม หรือน้องซีอันเป็นที่รักของทุกท่านก็พึงระลึกได้ว่าควรจะกลับไปซับน้ำตาและเคลียร์งานเสียที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะวิ่งออกไปโบกแท็กซี่ที่หน้าหอ พ่อเดือนคณะที่ตาบวมเพราะเพิ่งตื่นหลังจากที่งีบไปตั้งแต่เสียไพ่สี่ตาติดก็เดินตรงมาที่ผม จากการประเมินสีหน้าของเพื่อนที่ดูหงุดหงิดงี่เง่าหน่อยๆก็ทำให้รู้ว่า... อิเมทแล็บผมมันยังไม่ลืมแผนของมัน
ไอ้เปอร์มาส่งผมที่บ้านมนุษย์แฟนเก่าที่ใช้เวลาเดินทางจากหอมนุษย์เพื่อนไม่ถึงสิบนาที ผมเปิดประตูลงจากรถปุ๊บ เจ้าของรถก็ถอนหายใจแล้วลงตามมาปั๊บ ก่อนจะหันมาฉีกยิ้มใส่อย่างเสแสร้ง แล้วยีหัวอย่างกับยีหัวหมาที่บ้านมัน... มึงไม่จิกหัวกูแล้วเขย่าๆเลยล่ะไอ้เชี่ยเปอร์!!
"มึงเป็นบ้าหรอ"ผมปัดมือมันออกแล้วจัดหัวตัวเองให้เข้าที่
"แหม...ถ้าไอ้ฟอยด์มันไม่ขู่ว่าจะเอาเรื่องกูแอบเต๊าะน้องปีหนึ่งไปบอกอลิส กูก็ไม่ทำหรอกสัด"ไอ้เปอร์บ่นออกมางึมงำ
"ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมช่วงนี้มึงเชื่อฟังอิคู่ดูโอนั่นจัง"ผมแสยะยิ้ม
"มึงจะเอามาขู่กูอีกคนปะเนี่ย"ไอ้เปอร์มองอย่างหวาดระแวง
"ไม่หรอกเว่ย มึงก็รู้กูไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องใคร กูขี้เกียจ"ผมพูดจบ ไอ้เปอร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถึงแม้ว่าผมจะดูเสือกกับเรื่องไอ้โปรแบบทุ่มสุดตัว แต่จริงๆแล้วผมไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะครับ ในชีวิตผมเสือกกับชีวิตคนไม่กี่คนหรอก นอกจากพ่อกับแม่ที่ผมชอบเข้าไปเสือกเป็นประจำทุกค่ำเช้า ก็มีไอ้โปรนี่แหละที่ผมอยากรู้เรื่องมัน แต่ถึงช่วงนี้ผมอาจจะหมกหมุ่นเรื่องมนุษย์แฟนเก่ามากกว่าบุพการีไปสักหน่อย ก็นะ มันอยู่ใกล้ตัวผมมากกว่าพ่อแม่นี่หว่า แต่ผมยืนยันนะครับ ปกติแล้วผมเป็นติ่งตาลุงหัวล้านกับมนุษย์แม่ส้นสูงสีแดงนะครับ... นอนคุยไลน์กันทุกวันนะเออ
หลังจากที่ยืนจ้องกันจนรู้สึกปวดเบ้าตา ผมก็บอกลาเดือนคณะแล้วไปไขประตูรั้ว เดินเข้ามาในรั้วบ้านสักพัก เสียงเอะอะโวยวายจากทางโรงรถก็เรียกให้ผมต้องหันไปดูอย่างห้ามไม่ได้ กลุ่มชายฉกรรจ์หนวดเครารุงรังเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยคราบสกปรกและน้ำมันเครื่องกำลังนั่งตั้งวงกันอยู่ที่พื้นโรงรถ
ชั่วนาทีที่เด็กหนุ่มผิวซีดที่ดูจะซูบซีดไปอีกทบทวีคูณหลังจากเสียไพ่มาหมาดๆเดินผ่าน แก็งค์เกรอะกรังบอยที่นั่งรุงรังกันอยู่ก็หันมามองสิ่งมีชีวิตปริศนายามค่ำคืนในบ้านเพื่อนกันแทบเป็นตาเดียว
จดจดจ้องจ้องหยั่งเชิงกันสักพัก 'ธันวา' ที่เกิดราศีพิจิกก็ได้สติขึ้นมาก่อน แต่แทนที่จะเซย์ไฮทักทายกันไปอย่างสุภาพแบบที่โรงเรียนประถมได้บ่มเพาะกันมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ เขากลับ...
"กินเหล้าด้วยกันไหมครับ"นั่นแหละ เขาว่ากันว่าเหล้าเข้าปากแล้วต่อให้เป็นหมาก็คุยกันได้
"งั้นรบกวนด้วยนะครับ"นี่ก็เคยปฏิเสธใครซะที่ไหนกัน
.
.
.
ผ่านไปราวสิบนาทีหรืออาจจะน้อยกว่านั้น เจ้าของบ้านที่หายไปทำกับแกล้มมาประเคนให้เหล่ามิตรสหาย ที่วันนี้ไม่รู้ครึ้มอกครึ้มใจอะไรถึงอยากมาสุมหัวที่บ้านเขากัน เสียงหัวเราะพูดคุยกันด้วยความครื้นเองที่ดูเหมือนจะผิดแผกไปจากตอนที่เขายังอยู่ทำให้กับแกล้มในมือมันเหมือนจะสั่นนิดๆ
...กลับมาแล้วหรอ...
แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น คนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดั่งใจก็ตีหน้านิ่งเป็นปกติเดินเข้ามาในโรงจอดรถที่ตอนนี้มีเพื่อนๆของเขานอนเกลือกกลิ้งเลื้อยไปเลื้อยมาจนบางที่เขาอดก็คิดว่า... มันนึกว่าเตียงที่บ้านหรือไง
"ไอ้โปร.... มาเลยๆ มึงเขยิบไปดิเภ...สัช!"คำสุดท้ายที่กระแทกหน้าราวกับจงใจด่านั้นทำให้เพื่อนใหม่ที่ดูสะอาดสะอ้านแต่ติดโทรมต้องเขยิบตูดออกไปเพื่อแหวกที่ให้เจ้าบ้านได้เข้าไปนั่ง
"โห... ถีบหัวส่งเลยนะ"ตัดพ้อจบก็กระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผสมด้วยอัตราส่วน1:1:1 เพื่อย้อมใจทันที
"ทำใจนะเพื่อนใหม่ ใครมีของกินอยู่ในมือย่อมสำคัญสุดเว่ย"
"เห็นแก่แดกสินะครับ"
"เออ!!"ตอบกันพร้อมเพียงทั้งกลุ่ม
วงเหล้ายังคงดำเนินต่อไปด้วยความครื้นเครง จนเมื่อเวลาร่วงเลยมาถึงสามทุ่มทุกคนในวงก็เริ่มจะไม่ไหวกันเสียแล้ว ไอ้ที่ไม่ไหวนี่ไม่ใช่ว่าเมาหรืออะไรนะ แต่ที่ไม่ไหวนี่คือยุง ที่ไม่รู้แม่งแห่กันมาจากไหนเยอะแยะนักหนา ขืนให้นั่งทนบริจาคเลือดกันต่อมีหวังพรุ่งนี้ได้ไข้เลือดออกแดกกันยกก๊งเป็นแน่
แต่ครั้นจะให้ตั้งวงต่อในบ้านก็เหมือนว่าการเคาะสีรถที่นั่งทำกันมาครึ่งค่อนวันจะทำให้เหล่าสมาชิกวงเหล้านั้นเหนื่อยเกินที่จะเก็บวงนี้แล้วตั้งวงใหม่ในบ้านได้ ดังนั้นทุกคนเลยตัดสินใจสลายวงแล้วไปอาบน้ำนอนดีกว่า
เพราห้องนอนแขกที่โปรตอนมักใช้อาบน้ำประจำโดนเพื่อนยึดไป เขาเลยต้องจำใจกลับมาอาบที่ห้องตัวเอง ครั้นจะให้ไปเปิดห้องอื่น เขาเองก็ขี้เกียจไปหากุญแจ ดังนั้นใช้ห้องตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ดูลำบากน้อยสุด
.
.
.
"เดี๋ยวกูอาบก่อน"ผมหันไปตามเสียงมนุษย์แฟนเก่านี่เนื้อตัวเลอะคราบน้ำมันเครื่องประปราย
"เราก็เหนียวตัวอ่ะ อาบพร้อมกันเลยไม่ได้หรอ"พูดไปงั้นแหละ ไม่ได้อยากจะเข้าไปอาบด้วยจริงๆหรอก
"ก็เข้ามา"พูดจบมนุษย์แฟนเก่าก็เดินเข้าไปถอดเสื้อในห้องน้ำโดนที่ไม่ปิดประตูอำพรางลูกตาผมสักนิด... ช่วยเขินอายกูบ้างเถอะ "ให้ไว กูเหนื่อย จะรีบนอน"มองด้วยสายตาเบื่อหน่ายแบบสุดตีนแล้วคิดว่ากูจะยอมหรอ
.
.
.
"มึงจะเอามือปิดอะไรหนักหนาวะ ของมันก็เหมือนๆกัน"มึงนั่นแหละ เขินอายบ้างเหอะ
"ก็เราอายนี่"คือหัวหูกูนี่ร้อนจนจะระเบิดแล้ว
"เออ ก็สมคมควรอายอยู่"เหมือนมันจะเข้าใจผมสักที... "มีแค่นั้น"ไอ้สัด หยามกันขนาดนี้ออกไปต่อยกับกูเลยเถอะ "เรื่องแค่นี้ทำมาอาย ตอนที่มึงเอานมมาถูกูนี่น่าอายกว่าอีกมั้ง"อะไรคือการปรายตามองแบบเอือมระอา... ตอนนั้นมันอารมณ์ชั่ววูบเว่ย
"...เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์เถอะ"ว่าจบผมก็คว้าสบู่เหลวกลิ่นทับทิมหอมละมุนมาถูๆไถตามร่างกาย
"บางทีมึงปฏิเสธคนอื่นบ้างก็ได้นะ"ผมหันไปมองคนที่กำลังขัดขี้ไคลตามแขนอย่างชั่งใจ "อย่างตอนพวกนั้นขยั้นขยอให้มึงแดกเพรียว ถ้ามึงไม่อยากทำมึงก็ปฏิเสธไปดิ"
"เรายังไงก็ได้ ไม่ได้ลำบากอะไร"
"แต่มึงก็ไม่ได้เต็มใจ"เถียงไม่ออกเลยกู "แล้ววันนี้ทำไมกลับมืด"ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา มันก็เหมือนใจผมที่เหี่ยวแล้วเหี่ยวอีกจะพลันพองโตขึ้นมาอีกครั้ง... หรือแผนครั้งนี้มันจะสำเร็จวะ
"ก็เพื่อนที่คณะแหละ ไม่ค่อยสนิทหรอก แต่เขาเห็นว่าดึกก็เลยมาส่ง ดีกับเรามากเลยอ่ะ นิสัยก็น่ารักดี"ถึงทีแบบนี้ต้องรีบกวนให้น้ำมันขุ่นสิโว้ย
"หรอ... มีที่ไปแบบนี้กูก็คงไม่จำเป็นแล้วมั้ง"พูดจบมันก็เปิดฝักบัวให้สายน้ำไหลลงมาชำระคราบฟองที่ผิวกาย
"คือ..."คนฟังปรายตามามองผมเล็กน้อย "จริงๆเพื่อนในกลุ่มเราเอง"ผมก้มหน้ากลั้นใจบอกไป
ผมไม่รู้ผมคิดอะไร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไอ้ความรู้สึกโหวงๆเหมือนโดนดูดเข้าไปในหลุมดำนี่มันคืออะไร แต่ที่ผมรู้คือ ถึงมีที่ให้ไป แต่ผมก็ไม่อยากไป... ผมคงติดที่ซะแล้วมั้ง
"ตกลงยังไงแน่"สายน้ำยังคงไหลไปเรื่อยๆในขณะที่คนตรงหน้าหันมาเผชิญหน้ากับผมแล้ว
"เป็นเพื่อนในกลุ่ม"ผมนี่ก้มหน้าแกะเล็บเลยครับ... อย่ากดดันได้ไหม
"แล้วกูจะรู้ได้ไงว่ามึงไม่ได้โกหกอีก"อารมณ์กดดันเหมือนตอนที่กูโดนคุณครูเรียกไปคาดคั้นเรื่องใครเป็นคนผลักเพื่อนตอนอนุบาลสองนี่คืออะไร
"ขอโทษ"น้องซีจนมุมแล้วครับ
"เฮ้อ"มันถอนหายใจ "ขึ้นชื่อว่าเรื่องโกหก จะเพื่ออะไรมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ"ผมยังคงแคะซอกเล็บต่อไป "ถ้ามันมีเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ มึงไม่พูดก็ได้ แต่อย่าโกหก... เข้าใจไหม"
"อื๊อ..."ผมพยักหน้า
การอาบน้ำยังคงดำเนินต่อไป เมื่ออาบเสร็จ ไอ้โปรมันก็เดินไปเช็ดตัวไดร์ผมที่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ผมค่อยๆอาบน้ำอย่างเชื่องช้า เมื่อไอ้โปรมันออกไปแล้ว ผมก็เดินมาเช็ดตัวต่อย่างเอ้อละเหยลอยชายแบบสุดตีนก่อนจะแต่งตัวแล้วออกมาจากห้องน้ำ
วันนี้มนุษย์แฟนเก่ากลับมาเป็นมนุษย์ชีเปือยนอนพึ่งไข่เหมือนเดิม หรี่ตามองคนน่าจะหลับไปแล้วอีกที ผมค่อยๆฝังตัวลงไปบนฝั่งตัวเอง แต่หัวถึงหมอนยังไม่ทันจะถึงสองวินาทีด้วยซ้ำ เสียงไอ้คนข้างๆที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วก็ดังขึ้นมา
"บางทีคนที่ด่ามึงทุกคำเขาอาจจะหวังดีกับมึงมากกว่าพวกที่พูดจ๊ะจ๋าสอพลอกับมึงตลอดก็ได้"หรือนี่...
"โปรหมายถึงโปรหรอ"ผมพุ่งตัวขึ้นนั่งแล้วหันมามองคนที่นอนหงายทันที
"กูนี่อยากจะเอาตีนแงะสมองมึงออกมาดูจริงๆ... กูหมายถึงพ่อมึง!"ผมเผลอยิ้มออกมาจนได้... กลับมาโหมดแดกดันเหมือนเดิมแล้ว "มึงเป็นบ้าหรอ กูด่าไม่ได้ชม จะยิ้มทำเหี้ยอะไร"
"ถึงบ้า เราก็บ้ารักโปรนะ"ไปหมดแล้วความละอายในกมลและสันดาน... มันหายไปหมดแล้ว
"ปวดหัว.... กูปวดหัว"ไอ้โปรกุมขมับอย่างสุดจะทน
"เราก็รักพ่อนะ แต่เราแค่อยากให้พ่อมีเหตุผลกับเรามากกว่านี้"ผมตัดสินใจเข้าเรื่องก่อนที่มนุษย์แฟนเก่าผมจะปวดหัวตายไปเสียก่อน
"บางทีเรื่องครอบครัวมันก็ใช้เหตุผลอย่างเดียวไม่ได้หรอกว่ะ ในเมื่อพ่อมึงเขาให้ความความรักมึงได้อย่างไม่มีเงื่อนไขมาตลอด แล้วมึงจะยังหน้าด้านตั้งแง่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆอีกหรอวะ"
"ไม่เล็กๆน้อยๆนะ"ผมนี่เถียงสุดใจ เอะอะก็ด่าเอะอะก็ไล่นี่ไม่เล็กน้อยนะ
"ถ้ามึงไม่หนีปัญหามาก่อน มึงก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย"ผมยังคงนั่งนิ่ง "อย่าหาว่ากูแช่งเลยนะ แต่พ่อมึงก็แก่แล้ว ผมก็ร่วงจนจะไม่เหลือแล้ว เขาจะอยู่ด่ามึงได้สักกี่ปีวะ"ถึงจะแอบมองค้อนตอนมันจุดประเด็นเรื่องสุขภาพผมบนศรีษะพ่อบังเกิดเกล้าของผม แต่เรื่องหลังนี่มันก็จริง แถมตอนนี้ผมก็ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจอะไรแล้ว แค่ยังมีทิฐิกับพ่อก็แค่นั้น
"โปร..."ผมหันมายิ้มให้มัน "เราว่าเราจะกลับบ้านแล้วแหละ"
"งั้นก็กลับ"มนุษย์แฟนเก่าเอื้อมมือหยิบรีโมทย์มากดเปิดไฟ ก่อนจะพุ่งตัวลงจากเตียง แล้วตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า
"เฮ้ย... แต่จะให้กลับวันนี้เลยมันก็รีบไปมั้ง"กูนี่ใส่ชุดนอนเรียบร้อยเลยจ้า
"รีบห่าไร มึงช้าไปหลายวันแล้วไอ้สัด"โอเคจ้ะ
ผมลุกขึ้นจากเตียงมาเก็บข้าวของลงกระเป๋า โดยมีไอ้โปรนั่งไขว้ขาอย่างสบายใจรออยู่ปลายเตียง ผมเก็บสัมภาระลงกระเป๋าเรียบร้อย ก็เดินไปอุ้มน้องเขี้ยวกุดมาซุกไว้ใต้รักแร้
ไอ้โปรเดินนำออกไปก่อน ผมก็เดินตามไป จนเมื่อผ่านหน้าห้องนอนแขกอันเป็นแหล่งพำนักพักนอนของเพื่อนใหม่สดๆร้อนๆ ผมก็แวะบอกลาก่อน พอล่ำลากันเสร็จสิ้นผมก็เดินลงมาชั้นล่าง เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ผมก็เดินลากกระเป๋าตรงไปที่โรงจอดรถทันที
Nissan gtr สีเหลืองอมส้มที่ผมเห็นจอดง่อยจนฝุ่นเขรอะถูกถอยออกมาจากที่จอด ไอ้โปรลงมาจากรถที่สตาร์ทเครื่องไว้ ก่อนจะจัดแจงยัดกระเป๋าผมลงไปที่กระโปรงหลัง เข้ามาในรถผมก็ส่องนาฬิกาที่ตีบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ ในขณะที่อีกคนก็สาละวนกันเครื่องเสียง
เพลงเกาหลีที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นด้วยทำนองที่ดูหวานแหววจนขัดกับบุคลิกคนฟัง มนุษย์แฟนเก่าขับรถออกมาเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ เสียงร้องตามเบาพร้อมกัส่ายหัวด๊อกแด๊กประกอบจังหวะเพลง กับบรรยากาศมืดๆที่สว่างไสวระยิบระยับไปด้วยดวงไฟมากมายบนท้องถนน มันทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างประหลาด
ทั้งที่ผมเคยมองบรรยากาศระยับพวกนี้มามากมายจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันสวยแล้วก็ผ่อนคลายเท่าครั้งนี้เลย
"เราว่าเราชอบโปรอีกครั้งแล้วแหละ"ไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรดลใจ แต่กูก็พูดออกไปแล้วครับ
"หืม"มันหันมามองผมแวบหนึ่ง "กูว่ามึงแค่รู้เท่าไม่ถึงการณ์"แหม... มียอกย้อนคำกูด้วยจ้า
"ไม่รู้สิ... แต่ตอนนี้แค่รู้สึกว่าเรามีความสุขมากเวลาอยู่กับโปร"มันแปลกนะ ทั้งที่ปกติถ้าไม่ถึงจุดพีคจริงๆผมจะเลี่ยงพูดเรื่องชีวิตตัวเองกับคนอื่น แต่กับมัน...ผมกลับกล้าที่จะพูด
"เชื่อกูเหอะว่าไม่สุขเท่าตอนพ่อมึงให้ตังค์หรอก"อินี่ก็ขัดอารมณ์หวานของกูจังเลย
"มันสุขคนล่ะแบบเถอะ"ผมเบ้ปาก "ทำไมวันนี้โปรถึงพูดแบบนั้นล่ะ เรื่องพ่อแล้วก็เรื่องอื่นๆด้วย"ปกติเห็นเน้นด่ากูอย่างเดียว
"ก็หลังๆมึงทำตัวไม่ดี ด่าอย่างเดียวกูว่ามึงคงคิดไม่ได้ ก็เลยต้องเตือนบ้าง"อ๋อ หมายถึงอิช่วงที่กูพยายามอ่อยสุดตัวอ่ะนะ
"ที่เราพยายามมันแย่มากเลยหรอ"ถึงจะเฟลนิดๆนะ แต่ผมก็ต้องขอบคุณอิแผนนรกนั่นเหมือนกันที่ทำให้เรื่องมันมาถึงจุดนี้
"เป็นตัวมึงก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอวะ"ผมรู้สึกเหมือนหูมันร้อนขึ้นยังไงก็ไม่รู้ "ไอ้ทำตัวแรดๆ เอานมมาถูแขนกูแบบนี้มันใช่มึงหรอ"ผมส่ายหัวรัว "ก็อย่างที่กูบอก ไม่ต้องฝืนทำอะไรที่ไม่อยากทำ"
"วันนี้โปรพูดมากเนอะ"
"คือจะสื่อว่ารำคาญ?"ผมส่ายหัว
"เปล่า... คือชอบ"หยอดไปอีกหนึ่งดอก
"เหอะ"แต่ผมก็เห็นมันแอบยิ้มที่มุมปากอยู่ดี
หลังจากนั้นผมก็นั่งอมยิ้มไปเรื่อยๆ เพลงที่ดังอยู่ไม่รู้แม่งแปลว่าอะไรเหมือนกัน เพราะแค่ฟังกูยังจับคำพูดเป็นคำๆไม่ได้เลย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ชอบนะ ชอบหมดเลยทั้งเพลงทั้งบรรยากาศทั้งคน จนตอนนี้ผมอยากจะสตาฟช่วงเวลานี้ให้อยู่กับผมทั้งชีวิตเลยด้วยซ้ำ
"ทำไมวันนั้นโปรถึงชวนเราไปบ้านอ่ะ"ผมตัดสินใจถามออกไป
"น้าอ้อมไลน์มาบอกว่าให้ไปดูมึงให้ที กูก็เลยขับรถวนๆดู ก็เจอมึงน้องหอนแข่งกับหมาอยู่หน้าเซเว่น"กูร้องไห้ก็ได้มั้งสัด... ปอลอ น้าอ้อมนี่แม่กูเองครับ
"แล้วเห็นนานไหมอ่ะ"คือกูอาย ปกติไม่ค่อยร้องไห้แบบจริงจังให้คนรู้จักเห็น
"ครึ่งชั่วโมงก่อนมึงเดินโง่ตากฝน"อือหือ นี่ไม่กลัวกูร้องยันเช้าบ้างหรอ "บ้านมึงอยู่ซอยข้างหน้าใช่ไหม"ผมหลุดจากภวังค์แล้วกลับมาสนใจถนนหนทางอีกครั้ง
"ไม่ๆ อีกซอยหนึ่ง"ผมบอกจบ เราก็กลับมาเงียบกันอีกครั้ง
เสียงเพลงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อรถเคลื่อนที่มาถึงหน้าบ้านที่คุ้นเคยใจผมก็เต้นเร็วขึ้นนิดๆด้วยความตื่นเต้น ผมหันมองคนข้างตัวอีกครั้งอย่าประหม่า
มนุษย์แฟนเก่าไม่เพียงจะไม่หันมามองผม มันยังเปิดประตูก้าวฉับๆไปยกยกกระเป๋าเดินทางใบยักษ์ของผมออกมาจากกระโปรงหลังรถ ผมเดินตามมา ยืนกอดเขี้ยวกุกมองหน้าประตูรั้วเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองคนข้างตัวอีกครั้ง
ติ่งต่อง
ไม่ถงไม่ถามความพร้อมกูสักคำ
"กูกลับแล้วนะ"ผมพยักหน้าแล้วก็ก้มหน้านิ่งเมื่อคนที่มาส่งผมก้าวเข้าไปในรถแล้ว "มานี่แปปดิ"แต่ยังไม่ทันที่รถจะทะยานออกไปลับสายตา เจ้าของรถก็ลดกระจกลงแล้วกวักมือเรียกผม
"อะไรหรอ"ผมเดินมาหยุดตรงริมรอบทางเท้า
"ใกล้ๆดิ"ผมเลยตัดสินใจย่อตัวลงแล้วยื่นหน้าเข้าไปเล็กน้อย
"อ๊ะ... อื๊อ"
ผมเบิกตาโพลง แถมหูก็อื้ออึงเหมือนแมลงห่าอะไรสักอย่างเข้าไปบินว่อนกันให้เต็มรูหูเมื่ออีกคนล็อคคอผมไว้แล้วประกบปาก จูบครั้งแรกในรอบสามปีไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้งหรือดีฟคีสแบบที่เคยทำ แต่ถึงอย่างนั้มันก็กลับเป็นจูบที่ทำเอาใจผมเต้นระรัวยิ่งกว่าที่เคยเป็น
"ห๊า... คือห๊า"หลังจากอีกฝ่ายปล่อยมือจากคอแล้วถอนปากออกไป ผมก็ถอยไปยื่นเลิ่กลั่กอยู่ริวรั้วบ้าน
"รางวัลเด็กดี"ฉีกยิ้มในรอบชาติเศษเสร็จก็ปิดก็จก ก่อนจะขับเลยไปกลับรถที่ท้ายซอยแล้วขับกลับทางเดิมโดยไม่ล่ำลาหรือไถ่ถามสุขภาพกูเลยสักคำ
ผมสตั้นไปชั่ววินาทีก่อนจะค่อยยกหัวน้องเขี้ยวกุดมาอุดปากแล้ว...
"อ้ากกกกกกก"-----
น้องโปรคะ เจ้ก็เป็นเด็กดีนะ
เพื่อนคุณเขียดบอกว่าน้องโปรมันอ่อย
ขอโทษที่หายไปหลายวันนะคะ
เนื้อหาตอนนนี้อาจจะไม่ค่อยฮา พอดีต่อมแจนรายของคุณเขียดแม่งฝ่อเพราะภารกิจดูแลสัมปทานท่าเรือและชายหาดไม่เป็นไปตามคลาด...ส่งเควสไม่ทันหกครั้งติดแล้วค่ะ
(ถรุย)
-จริงๆน้องซีนางเป็นคนหัวอ่อนค่ะ ใครยุอะไรหรือพูดอะไรนางจะเอนเอียงไปกับเขาตลอดค่ะ ส่วนหน้าตารูปร่างน้อง โดนพื้นฐานน้องน่ารักค่ะ แต่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง เพราะช่วงก่อนหนีออกจากบ้านน้องเที่ยวหนักกินเหล้าหนักด้วยเลยจะดูโทรมๆหน่อย
-ส่วนทำไมวันนี้น้องโปรนางพูดมาก คำตอบคือ... นางกินเหล้าแล้าปากรั่ว (คือไม่ถึงกับเมา แต่พูดมาก) น้องไม่ใช่สายซึนนะคะ น้องตรงแล้วก็ชัดเจนมากค่ะในจุดนี้ จากที่นั่งอ่านคาแรคเตอร์วนไปวนมาคุณเขียดก็ยังยืนยันว่าน้องน่ารักค่ะ แต่น้องก็ไม่ใช่คนดี100% น้องยังมีความเห็นแก่ตัวซ่อนอยู่เยอะค่ะ(เดี๋ยวหลังๆจะรู้ อุคริ)
-ขอบคุณมากนะคะ Grey Twilight คุณเขียดได้แง่คิดที่เป็นประโยชน์เยอะเลยค่ะ เรื่องคำผิดนี่คุณเขียดจะพยายามนะคะ คุณเขียดไม่ตรวจจริงๆนั่นแหละค่ะ พอดีพิมพ์สลับไปสลับมาระหว่างนิยายกับรีพอร์ต พอเสร็จก็ลงเลย แหะๆ
หลังจากนี้จะพยายามตรวจดูให้ดีก่อนนะคะ
- wikawee
ประมาณนั้นค่ะ ถึงนางจะหวั่นไหวอะไรกับแฟนเก่า แต่นางเป็นประเภทที่ไม่พูดคำหยาบกับแฟนค่ะ เพราะเมื่อก่อนนางไม่พูดคำหยาบกับโปรค่ะ ตอนนี้นางเลยติดมา
ส่วนเรื่องนางยังคงพยายามทำตัวน่ารัก มันก็แหงอยู่แล้ว เพราะลึกๆแล้วนางยังหวังเต๊าะอิโปรอยู่ค่ะ
- Peung002 นางคบกันตอนมัธยมค่ะ
edit: 13.48
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกกำลังใจและคำติชมนะคะ