]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)  (อ่าน 165073 ครั้ง)

BEta-K

  • บุคคลทั่วไป
เครียด  :serius2:    ค้าง  :sad2:   อึดอัด  :o12:

มาต่อไวๆ นะคร๊าบบบ o7

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
^
^

 :m30: อ่านไวจัง




http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=0&songID=V2CDGCCBPB0

ทำไมอัพเองและเพลงไม่วิ่งวะ เลยต้องไปจิ๊กคนอื่นเค้ามา ดูซิ -"-

เพลงนี้จริงๆเป็นเพลงของ เดปาเปเป้ นะครับ ชื่อเพลง wedding bell อย่างที่เห็น
แต่ว่าผมขออนุญาตนัวเอาของเค้ามาใช้ในนิยายผมและกัน ใช้ตรงไหนยังไง อ่านตอนต่อไปดูก้อแล้วกันนะครับ

ปล. ถ้าอยากให้ได้อารมณ์ค่อยกดฟังตอนอ่านถึงช่วงๆนั้นก้อแล้วกันเนอะ (บัฟเฟอร์ไว้ก่อนก้อได้ พอใกล้ถึงและค่อยกดเพลย์ทีเดียว จะได้ไม่กระตุก)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2008 01:26:20 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ก้าวที่สิบเก้าสู่ปลายทางสุดท้าย


ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อในห้องมืดสนิทแล้ว และสิ่งแรกที่ผมรู้สึกก็คือความอบอุ่นจากร่างกายของใครบางคนในอ้อมแขน แว่บแรกผมคิดว่าเป็นไอ้ซัน แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าผมกำลังนอนกอดพีจากทางด้านหลังอยู่ ผมผงกหัวขึ้นมองไปรอบๆห้องและหลับตาลงอีกครั้ง รู้สึกสบายตัวกับความอบอุ่นที่ได้จากผ้าห่มนุ่มๆและเนื้อกายแน่นๆของพี แต่ว่าผมก็ทำแบบนั้นได้อีกเพียงแค่ไม่นาน เพราะอีกไม่กี่นาทีถัดมาเสียงปลุกจากนาฬิกาหัวเตียงของพีก็ดังขึ้น

ผมชันตัวขึ้นเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกามาปิดพร้อมกับเสียงัวเงียของพีที่ขยับตัวตื่น แต่แทนที่จะลุก ผมกลับซุกตัวกลับลงไปนอนข้างใต้ผ้าห่มอีกครั้ง

“พี่เมฆ ตื่นได้แล้วครับ ไปอาบน้ำแต่งตัวกันเถอะ เดี๋ยวจะไปไม่ทัน”

“ไปไม่ทันอะไรครับ”

“ก็เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกันไง” พีลุกขึ้นนั่งแล้วดึงผ้าห่มออก “ไปเร็วครับ รีบอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวผมไปทำอะให้กินรอ”

ผมถอนหายใจก่อนจะยอมแพ้ “ก็ได้ครับ ก็ได้”

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็มายืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย และก็อดที่จะนึกไม่อยากไปไม่ได้จริงๆ แต่ว่าผมก็รับปากกับพีเอาไว้แล้ว และผมก็ไม่อยากทำให้เค้าต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้แล้วด้วยเหมือนกัน ผมยืนมองหน้าตัวเองอยู่ครูหนึ่งแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมีสภาพโทรมเหลือเกิน ถึงแม้จะได้พักผ่อนไปบ้างแล้ว แต่ทว่าขอบตาของผมก็ยังคงคล้ำและช้ำแดงจากการอดนอนและร้องไห้อยู่อย่างเห็นได้ชัด ผมพ่นลมหายใจออกมางจมูกยาวๆก่อนจะหันไปทางประตูแล้วก็พบว่าพีกำลังยืนมองดูผมอยู่

“พี่เมฆไม่อยากไปเหรอครับ”

“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”

“ผมเห็นพี่ถอนหายใจนะครับ และดูหน้าพี่ตอนส่องกระจกเมื่อกี๊อยู่ผมก็พอรู้แล้ว”

“คือว่า........” ผมถอนหายใจเบาๆ “พี่ขอโทษครับ แต่พี่แค่ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่านั้นจริงๆ พี่ดีใจสำหรับสิ่งที่พีทำให้พี่นะ แต่ว่าพี่ไม่อยู่ในอารมณ์จะไปเที่ยวอะไรแบบนั้นจริงๆ และที่สำคัญไปกว่านั้น พี่กลัวว่าพี่จะทำพีเบื่อน่ะสิครับ แค่วันนี้ทั้งวันพี่ก็ทำให้พีกังวลจะแย่พออยู่แล้ว”

“พี่เมฆจะไม่ทำให้ผมเบื่อหรอกครับ” พีเดินตรงเข้ามาหาผม “พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องความรู้สึกของผมหรอก เรื่องนั้นน่ะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมคนเดียวพอ โอเคมั๊ยครับ”

ผมพยักหน้าช้าๆอย่างยอมแพ้ พีจึงชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมเบาๆหนึ่งทีก่อนที่เขาจะบอกให้ผมไปกินข้าวในครัวรอเค้าอาบน้ำแต่งตัวก่อน และเมื่อถึงเวลาสองทุ่มครึ่งและเราสองคนก็พร้อมที่จะเดินทางอีกรอบแล้ว และในครั้งนี้พีก็ยังคงเป็นคนขับรถพาผมออกไปอีกครั้ง แต่ว่าเขาไม่ยอมบอกผมว่าคราวนี้เขาจะพาผมไปที่ร้านไหน แต่เมื่อผมเห็นทิศทางที่พีกำลังพาผมไป ผมก็เริ่มรู้แล้วว่าจุดหมายที่พีกำลังพาผมไปก็คือร้านที่ชื่อ “ไลฟ์สโตน” ซึ่งเป็นร้านที่พวกเราทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้วนั่นเอง

ไลฟ์สโตน เป็นบาร์ขนาดเล็กที่จุคนได้ราวๆสิบห้าถึงยี่สิบ หรือบางทีอาจจะได้มากถึงสามสิบคน มันถูกตั้งชื่อตามเจ้าของที่ชื่อว่า ไทเลอร์ สโตนส์ ซึ่งตอนนี้น่าจะอายุราวๆสักสี่สิบปีได้แล้ว ภายในร้านตบแต่งเป็นลักษณะของห้องนั่งเล่น ทุกที่นั่งจะเป็นเบาะหรือไม่ก็โซฟา มีเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม และมีเวทีเล็กๆสำหรับวงดนตรีประจำ ซึ่งส่วนมากแล้วจะเปิดให้ลูกค้าสามารถขึ้นไปแสดงความสามารถอะไรก็ได้มากกว่า ดังนั้นลูกค้าที่มาที่นี่ส่วนมากแล้วจึงจะเป็นลูกค้าขาประจำ และทุกคนต่างก็รู้จักและคุ้นเคยกับไทเจ้าของร้านแห่งนี้ดีเพราะความเป็นกันเองของเขา และเขายังเคยเป็นรุ่นพี่ที่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับพวกเราด้วย ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งนัดสังสรรของนักศึกษาหลายคนที่ชอบความเรียบง่ายและเป็นกันเอง และที่สำคัญ ร้านนี้ยังเป็นสถานที่ที่มักจะใช้จัดงานนัดพบหรืองานปาร์ตี้ต่างๆหลายต่อหลายครั้งด้วย

“นึกว่าจะพาพี่ไปที่ไหนซะอีก” ผมพูดขึ้นเมื่อพีจอดรถเรียบร้อยแล้ว

“พี่ไม่ชอบเหรอครับ”

“เปล่าหรอก” ผมพูดขณะเปิดประตูรถออก “พี่เองก็คิดถึงที่นี่เหมือนกัน”

“ผมฝากกุญแจรถหน่อยนะครับพี่เมฆ กางเกงผมมันมีแค่กระเป๋าเดียวน่ะ” พีพูดพร้อมกับยื่นพวงกุญแจรถให้กับผม

เราสองคนเดินออกจากลานจอดรถไปหยุดอยู่ที่หน้าร้าน เสียงเพลงจากแผ่นดังแว่วออกมาจนถึงที่ๆเราสองคนยืนอยู่ คนสามสี่คนกำลังเดินเข้าๆออกๆกันอยู่ตรงหน้าประตู ผมเห็นบางคนที่ดูออกจะคุ้นๆหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะว่ามันค่อนข้างจะมืดแล้วผมก็เห็นแค่เพียงไวๆด้วย

“เดี๋ยวพี่เมฆรอผมที่นี่ก่อนนะครับ ผมขอเข้าไปดูข้างในแป๊บนึงว่าจะมีที่ให้พวกเรารึเปล่า” พีหันมาบอกผมก่อนจะเดินตรงเข้าไปในร้าน

ผมยืนมองรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมลืมทิ้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในรถ จึงเดินกลับไปยังลานจอดรถที่ตั้งอยู่ด้านข้างของร้าน ผมเดินเลี้ยวผ่านตรงมุมตึกไปแล้วก็ต้องชะงักฝีเท้าหยุด เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ตรงประตูหลังร้านนั้นคือไอ้ซันกับคนที่ผมเจอเมื่อเช้าที่ชื่อคริสนั่นเอง

แสงไฟถนนส่องลงบนพื้นตรงตำแหน่งที่ทั้งสองคนยืนอยู่พอดี ทำให้ผมแน่ใจได้ว่าผมไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเองแน่ ทั้งสองคนยืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่คริสจะยื่นมือออกมาให้ไอ้ซันจับแล้วเขย่าเบาๆ จากนั้นประตูหลังร้านก็เปิดออก ใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังประตูพูดบางอย่างกับทั้งคู่ ผมเห็นไอ้ซันพยักหน้าและเดินกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับคริส และต่อมาประตูก็ถูกปิดลง

ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งด้วยความสับสน จนกระทั่งพีเดินเข้ามาหาผมจากทางด้านหลัง

“พี่เมฆ ทำอะไรอยู่ครับ”

“อ้าว อ๋อ เปล่าหรอก” ผมหันหลับมาหาพี แล้วก็หันกลับไปมองทางประตูหลังนั้นอีกครั้ง “ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ” พีดึงแขนผม ผมก็เลยต้องออกเดินตามเขาไป แต่เมื่อมาถึงหน้าร้าน ผมก็หยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง “เป็นอะไรไปครับ พี่เมฆ” พีถามผมด้วยสีหน้าสงสัย

“พี่ไม่ค่อยอยากเข้าไปแล้วครับพี”

“พี่เมฆ........”

“พี่ขอกลับได้มั๊ยครับ ตอนนี้พี่รู้สึกไม่ค่อยดีจริงๆ”

“ไม่ได้ครับ ผมขอร้องล่ะนะครับพี่ พี่อยู่กับผมเถอะนะ” พีขอร้อง

“พี่ขอโทษนะครับ พี แต่เรื่องนี้พี่คงให้ไม่ได้จริงๆ” ผมหันหลับกลับและเตรียมจะออกเดินอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเรียกของคนๆหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“เฮ้ เมฆ!” เสียงของฝรั่งคนหนึ่งร้องทักผม ทำให้ผมต้องหันกลับไปมองที่มาของเสียง และคนที่เรียกผมเมื่อครู่นั้นก็คือ ปีเตอร์ เพื่อนที่เคยเรียนกับผมที่มหาลัยนั่นเอง “ให้ตายสิ! เราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้วจริงๆนะเนี่ย เป็นยังไงมั่ง สบายดีรึเปล่า”

ผมเองก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้เจอเขาที่นี่เช่นกัน “ไง ปีเตอร์ มึงมาทำอะไรอยู่ที่นี่เนี่ย”

“อ้าว คนเราเวลามาที่บาร์เค้าจะมาทำอะไรกันล่ะ โง่รึเปล่า” ปีเตอร์ยิ้มกว้าง จากนั้นก็หันไปทักทายพี ก่อนจะหันกลับมาหาผมอีกครั้ง และคราวนี้เขาไม่พูดเปล่า แต่โอบไหล่ผม ดึงผมให้เดินเข้าไปในร้านกับเขาด้วย “มาๆเร็ว เข้ามา มาคุยกันหน่อยซิ”

“เดี๋ยวปีเตอร์ กูไม่........” ผมพยายามจะหาช่องว่าง แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงในร้าน ผมก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าแทบทุกคนในร้านนั้นเป็นคนรู้จักของผมเกือบทุกคน เกือบครึ่งหนึ่งนั้นเป็นเพื่อนของผม อีกเกือบครึ่งเป็นเพื่อนของไอ้ซัน หลายๆคนที่เป็นคนคุ้นหน้าที่ผมจำชื่อไม่ได้ แต่คลับคล้ายลับคลาว่าบางคนนั้นอาจจะเป็นเพื่อนของพีเอง และอีกแค่ไม่กี่คนที่เหลือคือคนที่ผมไม่รู้จักจริงๆ

จากนั้นสิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกก็คือ ผมถูกเพื่อนๆของผมหลายคนห้อมล้อมและต้อนรับกันยกใหญ่ คนนั้นคนนี้ผลัดกันเข้ามาจับมือตบไหล่และพูดคุยกับผมจนกระทั่งปีเตอร์ ผม พี และเพื่อนของผมอีกสองคนนั่งลงที่โต๊ะ และในขณะที่เพื่อนผ้หญิงคนหนึ่งของผมเดินเข้ามาทักนั้น ผมก็เหลือบมองไปที่พีและเห็นว่าเขากำลังนั่งยิ้มให้กับผมอยู่

“ขอบคุณมากนะครับพี เป็นเซอร์ไพรส์ที่พี่คิดไม่ถึงจริงๆ” ผมชะโงกหน้าเข้าไปยิ้มให้เขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ผมบอกแล้วไงว่าผมอยากให้พี่มาจริงๆ และพี่จะต้องชอบแน่”

“แต่ว่าทำไมคนถึงได้เยอะขนาดนี้ล่ะ คือ ก็ไม่ใช่ว่าคนมันจะเยอะอะไรมากมายเท่าไหร่หรอก แต่ที่พี่กำลังแปลกใจก็คือทำไมคนรู้จักของทั้งพี่และไอ้ซันมันถึงได้เยอะนัก.......” ผมมองไปรอบๆและชูแก้วขึ้นเมื่อเพื่อนของซันสองสามคนที่โต๊ะใกล้ๆชูแก้วของพวกเขาขึ้นก่อนเป็นการทักทาย “นี่พีทำได้ยังไงครับเนี่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็แค่อยากให้พี่ได้เจอเพื่อนๆพี่แล้วก็รู้สึกดีขึ้นบ้างเท่านั้นเอง” พียิ้มกว้าง

ไทเลอร์เดินมาทักทายผมกับพีและเลี้ยงผมฟรีหนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินกลับไปหลังเคาน์เตอร์ ปีเตอร์และเพื่อนของผมต่างก็ถามไถ่ถึงชีวิตของผมหลังจากกลับไปประเทศไทยแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครในที่นี้เลยที่เอ่ยถึงไอ้ซัน จนผมเริ่มรู้สึกแปลกๆว่าพวกเขาทุกคนจะรู้แล้วหรือเปล่าว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับมัน แต่ว่านั่นมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

“สวัสดีครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองที่มาของเสียงแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นว่าคนที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่ก็คือ คริส และนั่นก็ทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ผมเพิ่งเห็นขึ้นมาได้ทันที......... และแน่นอน ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ด้วยเช่นกันว่าตอนนี้ไอ้ซันเองก็อยู่ที่ด้วย

“สวัสดีครับ” ผมตอบกลับตามมารยาท แต่ก็ไม่ได้สบตากับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

“คุณคือเมฆ ใช่มั๊ย ผมได้ยินเรื่องของคุณมามากเลยทีเดียวนะ”

“งั้นเหรอครับ” ผมหันไปยิ้มให้เขา “ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรบ้าง”

“ไม่มีเรื่องไหนไม่ดีหรอกครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ผมก็ไม่ได้ห่วงอะไรหรอกครับ” ผมวางแก้วเหล้าลงแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หันไปพูดกับพีและทุกคน “ขอตัวสักครู่นะ”

“พี่เมฆ” พีร้องห้ามผมขึ้น

ในตอนที่ผมกำลังจะด้าวขาเดินผ่านคริสไปนั้นเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงเข้ามายังเรา และเขาก็เดินไปโอบเอวของคริสเอาไว้และจูบเขาที่แก้มเบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและยื่นมือให้ผมจับ

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอมิลี่ค่ะ”

ผมจับมือของเธอเขย่าเบาๆด้วยความงุนงง “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“เอมิลี่คือภรรยาของผมเองครับ” คริสพูดขึ้น

ผมหันไปมองเขาด้วยความแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามเก็บอาการสงสัยนั้นเอาไว้เป็นอย่างดี

“ฉันได้ยินเรื่องของคุณสองคนมามากเลยทีเดียว ดีใจจริงๆที่ได้เจอตัวจริงสักที หวังว่าคุณจะมีความสุขในคืนนี้นะคะ”

“อ่า ครับ ขอบคุณมากครับ” ผมเหลือบไปมองพีงงๆ ก่อนที่เราจะได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นทางด้านหลังของเรา ผมและทุกคนหันไปมองทางเวทีที่ตอนนี้ไทเลอร์กำลังถือไมค์ยืนอยู่บนนั้น โดยมีวงดนตรีกำลังจัดเตรียมเครื่องดนตรีอยู่ทางด้านหลัง

พีดึงแขนผมให้กลับมานั่งลง ก่อนที่คริสกับเอมิลี่จะขอตัวเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง จากนั้นเสียงดนตรีที่เคยเปิดอยู่ก็ค่อยๆเบาลงจนเงียบไปในที่สุด

“สวัสดีและยินดีต้อนรับทุกๆท่านครับ” ไทเลอร์พูดขึ้นเมื่อเสียงปรบมือเริ่มซาลงแล้ว “ผมคงไม่มีอะไรจะพูดมากนัก นอกจากขอให้ทุกคนมีความสุขร่วมกันในค่ำคืนนี้เหมือนอย่างที่เคย..........” ไทหันมามองทางผมแล้วขยิบตาให้หนึ่งที “และเวทีของเราในวันนี้ก็พร้อมจะเปิดโอกาสให้ทุกท่านมาสนุกร่วมกันเหมือนอย่างเคย โดยนักร้องคนแรกของเราในวันนี้ได้แก่........ สก็อตต์” ไทโบกมือไปทางสก็อตต์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของไอ้ซันตอนเรียนมหาลัย

ทุกคนในนั้นปรบมือต้อนรับสก็อตต์ที่กำลังเดินขึ้นเวทีเสียงดัง จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดำเนินไปตามปกติ นั่นก็คือนักร้องของเราก็จะร้องเพลงไป ส่วนคนอื่นก็นั่งคุยหรือนั่งดื่มกันไปตามปกติ แต่ว่าในตอนนี้ผมคงเป็นคนเดียวที่เริ่มจะรู้สึกไม่ปกติแล้ว หลังจากที่สก็อตต์เริ่มต้นร้องเพลงไปได้คูครู่หนึ่ง ผมก็ขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ

ขณะที่ผมทำธุระเสร็จแล้วและกำลังล้างมืออยู่นั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สก็อตต์กำลังร้องเพลงจบลงพอดี และอีกแค่ชั่วครู่เดียวเสียงเพลงที่สองก็ดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นส่องกระจก แล้วก็ต้องตกใจเมื่อประตูห้องน้ำทางด้านหลังถูกเปิดออกและคนที่เดินเข้ามานั้นก็คือ ไอ้ซัน

“เมฆ” ไอ้ซันเองก็มีท่าทางตกใจไม่แพ้ผมเช่นกัน

“ไง” ผมทักผ่านทางกระจกเงาใบใหญ่ตรงหน้า “มึงมากับใครล่ะ ทำไมกูไม่เห็นมึงนั่งอยู่ในร้านเลย”

“กูไม่คิดว่าจะมาเจอมึงที่นี่เลย” ไอ้ซันพูดขึ้น และมันก็ทำให้ผมต้องอึ้ง

“กูขอโทษ” ผมหันกลับไปมองหน้าของมันตรงๆ “ถ้างั้นกูกลับเลยก็แล้วกันนะ”

ผมพยายามจะเดินผ่านมันออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ถูกมันคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวเมฆ กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น กูแค่กำลังบอกว่ากูไม่คิดว่าจะมาเจอมึงในห้องน้ำนี่ก็เท่านั้นเอง”

ไอ้ซันรวบตัวของผมเขาไปโอบเอาไว้อย่างหลวมๆ และมันก็ทำให้ใบหน้าของเราสองคนชิดกันมากจนผมแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของมันอย่างชัดเจน แต่ที่สำคัญก็คือ หัวใจของผมกำลังเต้นแรงและผมก็รู้สึกเขินและทำตัวไม่ถูกอย่างที่ไม่เคยเป็นหรือรู้สึกกับมันแบบนี้มานานมากแล้วด้วยเหมือนกัน

“มึงหมายความว่ายังไง” ผมถามโดยไม่ได้พยายามจะดึงตัวออกเลยแม้แต่นิดเดียว

“มึงกำลังเข้าใจเรื่องของกูกับคริสผิดนะ คริสน่ะเค้าแต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว เราไม่ได้มีอะไรต่อกันเลยแม้แต่นิดเดียว” ไอ้ซันอธิบาย

“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็กูรู้แล้ว........” ผมพูดด้วยความรู้สึกผิดและละอายเล็กน้อย

“งั้นมึงไม่โกรธกูแล้วนะ”

“กูไม่รู้.......... แต่จริงๆกูก็ไม่ได้โกรธอะไรมึงเรื่องคริสอยู่แล้ว” ผมตอบไปตามความจริงและดันตัวเองออก ซึ่งไอ้ซันก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี “เราอย่าเพิ่งมาคุยกันที่นี่ตอนนี้เลยซัน กูคิดว่ามันคงไม่เหมาะหรอก และที่สำคัญ....... กูคงยังไม่พร้อมด้วย”

ไอ้ซันมองหน้าผมนิ่งครู่หนึ่ง แววตาของมันมีความอาวรณ์สะท้อนอยู่อย่างชัดเจน แต่มันก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ “กูรู้ กูผิดเอง กูเข้าใจมึง แต่ถ้ามึงไม่พร้อมที่จะฟังกูพูดล่ะก็ อย่างน้อยๆกูก็อยา.......”

ไอ้ซันยังพูดไม่ทันจะจบประโยคดี แต่ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกเสียก่อน และคนที่โผล่หน้าเข้ามาก็คือพีนั่นเอง


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

“พี่ซัน” พีอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าผมกำลังยืนอยู่กับไอ้ซัน

“กูไปก่อนนะซัน” ผมเดินเข้าไปหาพีและจูงแขนเขาออกจากห้องน้ำ และเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง ผมกับพีก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมของเราโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก

การแสดงบนเวทีของสก็อตต์ผ่านไปแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเอมิลี่ ที่กำลังยืนร้องเพลงอยู่บนเวที ซึ่งเพลงที่เธอกำลังร้องอยู่คือเพลง ยู อาร์ สติล เดอะ วัน ของแชนนิย่า ทเวน ในเวอร์ชั่นอคูสติกโดยมี คริส เป็นคนเล่นกีตาร์ให้ และเมื่ออินโทรทำนองเพลงที่สองซึ่งเป็นเพลง เอฟเวอรี่เดย์ ไอ เลิฟ ยู ของบอยโซนดังขึ้น ผมก็เห็นไอ้ซันเดินมานั่งที่โต๊ะเดียวกับพวกสก็อตต์ มันหันมามองผมครู่หนึ่งด้วย แต่ว่าผมก็หันหน้าหนีมันและหันไปพูดกับพี

“พอจบเพลงนี้แล้วพี่อยากกลับบ้านแล้วนะครับ พี”

“ทำไมล่ะครับ พี่เมฆ”

“พี่ไม่อยากทำให้คนอื่นเสียบรรยากาศน่ะ พวกปีเตอร์ก็คงจะแปลกใจและเริ่มงงแล้วว่าพี่เป็นอะไร” ผมหันไปมองไอ้ซันที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนของมันอยู่ก่อนจะหันกลับมาหาพี “และพี่ก็อยากกลับไปคิดอะไรนิดหน่อยเงียบๆที่บ้านด้วยน่ะครับ”

“แต่ว่าแบบนั้น........”

“พี่ขอร้องล่ะครับ”

“แต่ผมขอโทษจริงๆครับพี่เมฆ ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ” พีปฏิเสธ ซึ่งก็ทำให้ผมต้องแปลกใจมากเพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับผมมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ถ้าแบบนั้นพี่ก็คงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะครับ” ผมล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าเกางเกง “อย่าลืมสิครับว่ากุญแจอยู่กับพี่นะ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวกลับก่อนก็แล้วกันนะครับ แล้วเดี๋ยวพี่จะมารับรึไม่พีก็กลับเอาเอง หรือไม่อยากนั้นพีก็เอากุญแจรถไป ส่วนพี่ก็จะนั่งแท็กซี่กลับเอง”

“พี่เมฆ อย่าทำแบบนี้สิครับ ผมขอร้อง”

“พี่ขอโทษ พี แต่พี่อยากกลับบ้านจริงๆ พีเห็นใจพี่เถอะนะ”

“เมฆ” ปีเตอร์ที่คงเห็นท่าทางของเราสองคนไม่ค่อยดีแล้วพูดขึ้น “มึงกำลังจะทำอะไร”

“กูว่ากูจะกลับบ้านน่ะ ขอโทษด้วยทีว่ะที่ทำให้กังวลและหมดสนุกกัน”

“เสียใจว่ะ แต่มึงต้องอยู่ต่อ” ปีเตอร์คว้ากุญแจรถไปจากมือของผมแล้วโยนมันส่งกลับไปให้พี

“ปีเตอร์ ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้ ตอนนี้กูกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีนะเว้ย”

“ดูนั่น” ปีเตอร์พยักหน้าไปทางเวทีที่ตอนนี้เอมิลี่กำลังร้องเพลงใกล้จะจบลงแล้ว “จำได้รึเปล่าว่าเพลงที่สก็อตต์ขึ้นไปร้องตอนแรกรวมทั้งสองเพลงที่เอมิลี่เพิ่งร้องจบไปเมื่อกี๊มีเพลงอะไรบ้าง”

“ทำไม” ผมถาม

“ตอบมาเถอะน่า”

“เออ เพลงแรกรู้สึกจะเป็นเพลง แวร์เอฟเวอร์ ยู วิล โก ของ เดอะ คอลลิ่ง และเพลงที่สองรู้สึกจะเป็น.......”

“ของยูทู เพลง วิธ ออร์ วิธเธาท์ ยู” ร็อบ เพื่อนของผมคนนึงในโต๊ะพูดเสริมขึ้น

“เออ ใช่ ส่วนเพลงเมื่อกี๊ก็เพลง เอฟเวอรี่เดย์ ไอ เลิฟ ยู กับก่อนหน้าก็เพลง ยู อาร์ สติล เดอะ วัน” ผมพูดต่อ “แล้วทำไมวะ”

“แล้วรู้มั๊ยว่าเพลงต่อไปจะเป็นเพลงอะไร”

“ก็แล้วจะไปรู้ได้ยังไงล่ะวะ”

“ถ้างั้นก็หันไปดูโน่น” ปีเตอร์หันไปทางเวที ผมจึงหันไปมองตาม และผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเดินขึ้นเวทีไปรับไมค์ต่อจากเอมิลี่ก็คือไอ้ซัน

เอมิลี่จูบไอ้ซันที่แก้มเบาๆหนึ่งทีก่อนจะพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ ซึ่งไอ้ซันก็พยักหน้ารับ จากนั้นคริสก็เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับไอ้ซันบ้าง ไอ้ซันพยักหน้ารับสั้นๆสองสามครั้ง ก่อนจะหยิบกีตาร์มาถือเอาไว้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้

“ก่อนที่ผมจะเล่นเพลงต่อไปนี้ ผมขอพูดอะไรสั้นๆสักหน่อยก่อนนะครับ” ไอ้ซันพูดใส่ไมค์

ปีเตอร์ชะโงกเข้ามากระซิบในหูของผม “ถ้ามึงยังคิดลุกขึ้นหนีไปตอนนี้อีกล่ะก็ โดนตีนแน่”

“อันดับแรกเลยคือขอบคุณทุกคนที่มาอยู่ที่นี่ ขอบคุณพี น้องชายของผม ขอบคุณไทเลอร์สำหรับความใจดีที่มีให้ ขอบคุณคริสและสก็อตต์ที่ช่วยเหลือผมจนผมสามารถทำสิ่งๆนี้ได้ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อุตส่าห์มาถึงแม้มันค่อนข้างจะฉุกละหุกไปหน่อย และที่สำคัญ........” ไอ้ซันมองมายังผมแว่บหนึ่ง “ขอบคุณความรักของผมที่เป็นเพียงสิ่งเดียว ที่ไม่เคยทรยศผมเลยแม้สักครั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

เสียงปรบมือดังขึ้นเบาๆจากคนหลายคน รวมทั้งจากทุกๆคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของผมด้วย จะเว้นก็แต่ผมเพียงคนเดียวที่ยังคงอึ้งกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่

“ในตอนแรกสก็อตต์กับเอมิลี่ขึ้นมาร้องเพลงที่ทุกๆท่านรู้จักกันดีให้ได้ฟังกันไปแล้ว ทั้งสามเพลงเป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก ขอบคุณทั้งคู่มากจริงๆ แต่ว่าผมไม่ได้ขึ้นมาที่นี่เพื่อที่จะร้องเพลง........ แต่ผมมาเพื่อบอกความในใจของผมให้คนๆหนึ่งได้รับฟัง” ไอ้ซันสบตากับผมเป็นช่วงสั้นๆอีกครั้ง “คนบางคนเคยพูดเอาไว้ว่า เพลงๆหนึ่งจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีครบทั้งทำนองและคำร้อง ทำนองคือความไพเราะ แต่เนื้อร้องคือจิตวิญญาณที่จะส่งผ่านความหมายและความรู้สึกทั้งหมดของผู้ร้องให้แก่ผู้ฟังได้รับรู้ แต่สำหรับผมในวันนี้ไม่ใช่แบบนั้น เพลงที่ผมกำลังจะเล่นต่อไปนี้มันกลั่นออกมาจากหัวใจและความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมี มันไม่มีเนื้อร้อง เพราะผมไม่สามารถที่จะบรรยายความรู้สึกทั้งหมดของผมลงไปเป็นคำพูดได้ แต่ว่าผมคิดว่าผมสามารถใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีลงไปในท่วงทำนองนี้ได้.........”

ผมนั่งมองไอ้ซันที่กำลังนั่งพูดอยู่บนเวทีด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น ผมรู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร ผมรู้ดีเลยทีเดียว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันใช้บทเพลงเป็นสื่อแทนคำพูดที่มันมีต่อผม ผมยังจำถึงวันแรกที่มันบอกคำว่า “รัก” ออกมาให้ผมฟังได้เป็นอย่างดีราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เลยทีเดียว

“เพลงที่ผมกำลังจะเล่นต่อไปนี้ เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นมาเอง ผมเริ่มแต่งมันครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อนและเพิ่งจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง ต้องขอบคุณคริสและสก็อตต์ที่คอยช่วยวิจารณ์และช่วยผมปรับปรุงแก้ไขมันได้จนเป็นอย่างที่ผมต้องการ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป บางสิ่งบางอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจของผมก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ความรักของผมกับเขาคนนั้นที่ผมเคยคิดว่ามั่นคงก็กลับถูกทำให้สั่นคลอน ดังนั้นเพลงนี้จึงจะเป็นเพลงแทนความรู้สึกจากใจของผมได้ดีกว่าคำพูดไหนๆที่ผมจะสามารถพูดได้ และมันจะเป็นเพลงที่ผมอยากจะใช้บอกคนที่ผมรักว่า ผมเสียใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนมากขนาดไหน และผมหวังว่ามันจะสามารถบอกเขาได้ด้วยเช่นกันว่า ผมรักและคิดถึงเขามากเพียงใด.........” ไอ้ซันหันมาสบตากับผมอีกครั้ง “และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด บอกเขาว่าสำหรับผมแล้วในชีวิตนี้จะไม่มีอะไรที่สำคัญยิ่งไปกว่า ‘ความสัมพันธ์และช่วงเวลา’ ที่เรามีให้กันและกันแม้แต่เพียงอย่างเดียว”

ไอ้ซันก้มหน้าลงเล็กน้อยและเว้นช่วง ทำให้เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งร้าน

“ชื่อเพลงล่ะ ซัน” คริสใช้ไมค์ของตัวเองพูดขึ้น

“นั่นสินะ........” ไอ้ซันพูดขึ้น “ผมว่าการเลือกชื่อเพลงนี่ต่างหากที่ยากที่สุด ในตอนแรกเลยมันมีชื่อเพลงว่า ‘เวดดิ้ง เบลล์’ และเมื่อทำนองและความหมายในเพลงมันถูกเปลี่ยนไป ผมก็เปลี่ยนชื่อมันเป็น ‘ขอโทษ’ แต่แล้วก็เปลี่ยนอีกเป็น ‘สายใยระหว่างเรา’........” ไอ้ซันเว้นช่วงเล็กน้อยและมีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นจากบางโต๊ะ “ช่าย ผมรู้ ผมยอมรับว่ามันฟังดูน้ำเน่าครับ” ไอ้ซันหัวเราะเบาๆ รวมทั้งคนอีกหลายคนในที่นี่ด้วย “ทั้งสก็อตต์และคริสเองต่างก็ย้ำผมว่าชื่อนี้มันทุเรศมากขนาดไหน ผมก็เลยเปลี่ยนและตั้งชื่อให้เพลงนี้หลายสิบชื่อมากๆ จนสุดท้าย ผมก็มานึกถึงสิ่งที่เขาเคยพูดเอาไว้กับผม และคำสัญญาที่เราเคยมีให้แก่กันและกัน และนั่นเองที่ทำให้ผมตัดสินใจตั้งชื่อเพลงๆนี้ว่า........” ไอ้ซันสบตากับผม รอยยิ้มของมันจางหายไปแล้วเหลือเพียงแววตาที่จริงจังและลึกซึ้งอย่างที่มันเคยเป็น “‘ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที’”

ทุกคนปรบมือขึ้นพร้อมๆกัน และหลายๆคนก็หันมามองหน้าผมพร้อมด้วยรอยยิ้ม และหลังจากเสียงปรบมือเริ่มซาลง เสียงกีตาร์โปร่งของคริสก็ดังขึ้นเป็นอินโทร และตามมาด้วยเสียงกีตาร์ของไอ้ซัน

ผมนั่งฟังเสียงกีตาร์ที่มันกำลังเล่นด้วยความรู้สึกที่ทั้งตื้นตัน ใจของผมในตอนนี้มันเต็มตื้นไปด้วยทั้งความรู้สึกรัก เสียใจ และโหยหา ทุกๆท่วงทำนอง ทุกๆเสียงที่ถูกส่งผ่านออกมาจากมือคู่นั้นของมัน ผมรู้ว่านั่นคือความในใจที่ไอ้ซันกลั่นออกมาเพื่อมอบให้แก่ผมเพียงผู้เดียว และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวจนแทบจะร้องไห้ออกมา

เสียงกีตาร์โปร่งเบาๆช้าๆของทั้งสองคนกล่อมทุกคนในร้านให้เงียบและมองการแสดงบนเวทีอย่างตั้งใจ เพลงที่ซันกำลังเล่นนี้เป็นเพลงช้า และสำหรับผมแล้ว มันเป็นเพลงช้าที่เศร้ามากที่สุดที่ผมเคยฟังมาด้วย ถึงแม้ว่าตัวเพลงจะไม่มีเนื้อร้อง แต่ทว่าผมกลับได้ยินทุกๆถ้อยคำที่มันส่งมาให้แก่ผมได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคำว่า “รัก” “ขอโทษ” “ท้องฟ้า” หรือแม้แต่คำว่า “น้ำตา” และคำอื่นๆอีกหลายคำจนผมเองยังต้องรู้สึกแปลกใจ

ตั้งแต่เริ่มเพลง ผมก็ไม่ได้สังเกตถึงสิ่งอื่นใดรอบตัวเลยนอกจากตั้งใจฟัง “คำพูด” ที่ซันต้องการจะสื่อออกมาให้ผมได้ยิน สายตาของเราสองคนจับจ้องมองกันและกันอยู่ตลอดเวลาสี่นาทีกว่า ไม่มีใครที่ละสายตาออกจากกันและกันเลย ทุกๆท่วงทำนองที่นิ้วของมันกรีดลงบนกีตาร์ มันมีค่าและมีความหมายสำหรับผมมากกว่าคำขอโทษนับร้อยคำที่ผมเคยได้รับมาจากปากของมันนับตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันเสียอีก

ผมจะปฏิเสธตัวเองได้อย่างไรอีก ว่าคนที่ผมรักมากที่สุดในโลกและอยากจะใช้ชีวิตของผมด้วยจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของลมหายใจนั้นก็คือมัน........... ท้องฟ้าสีครามเพียงหนึ่งเดียวของผม

และในนาทีนี้ที่ผมได้ยินเพลงๆนี้ ผมก็รู้แล้วว่ามันเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากผมด้วยเช่นกัน

เมื่อมาถึงช่วงท้ายของเพลง เสียงกีตาร์เริ่มช้าลง จนกระทั่งเพลงจบ ทุกคนในร้านต่างก็ตบมือให้กับไอ้ซัน รวมทั้งตบมือให้แก่คริสเองก็ด้วยเช่นกัน บางคนถึงกับขึ้นลุกขึ้น บางคนเป่าปาก มีเพียงผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ตบมือไปกับพวกเขาด้วย แต่ว่าผมกลับนั่งนิ่งและร้องไห้.............

นี่น้ำตาของผมมันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ผมรีบใช้มือเช็ดน้ำตาของตัวเองออก จากนั้นก็รีบลุกขึ้นและเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีใครทันห้ามหรือเห็นน้ำตาของผม

ผมเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของร้านฝั่งเดียวกับลานจอดรถแล้วก็ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม ผมนึกโกรธตัวเองที่ทำตัวงี่เง่าและไม่เชื่อใจมัน นึกโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้มันต้องทุกข์ใจทั้งๆที่มันทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อผมมาตลอด ทั้งๆที่ผมควรจะเป็นคนเดียวที่รู้จักมันดีที่สุดอย่างที่พีพูด และทั้งๆที่ผมควรจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันรักผมมากกว่าใครที่ไหนทั้งนั้นในโลกนี้ แต่ว่าผมกลับยังรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรักที่มันมีให้แก่ผมอีก

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย! ไอ้เหี้ย!” ผมสบถให้ตัวเองพร้อมกับสะอื้นเบาๆไปด้วย

“เมฆ!” เสียงของไอ้ซันดังขึ้น แต่ว่าผมก็ยังคงไม่เห็นว่ามันอยู่ที่ไหน และในตอนนั้นเองที่มันโผล่มาจากทางมุมตึกพร้อมด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เมฆ! มึงอยู่ที่นี่เอง มึงเป็นอะไร ทำไมมึงถึงวิ่งออกมาแบบนั้น มึงไม่ชอบใช่มั๊ยที่กูทำแบบนั้นลงไป กูขอโทษนะเมฆ กูขอโทษ กูสัญญาว่ากูจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว มึงอย่าวิ่งหนีไปจากกูแบบนั้นอีกนะ กูขอร้.........”

ผมดึงตัวของมันเข้ามาจูบทันทีก่อนที่มันจะทันพูดจบประโยค จากนั้นผมก็เป็นฝ่ายกอดมันก่อน และไอ้ซันก็กอดและจูบผมตอบกลับด้วยเช่นกัน

“พอแล้ว มึงไม่ต้องขอร้องหรือขอโทษอะไรกูอีกแล้ว ซัน” ผมพูดหลังจากที่ถอนริมฝีปากออก “กูขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า แต่ว่ากูแต่งเพลงแบบมึงไม่เป็น กูก็เลยทำได้แค่เพียงเท่านี้จริงๆ........” ผมใช้มือข้างหนึ่งลูบใบหน้าของมันช้าๆและแผ่วเบา “ซัน......... กูรักมึง มึงอย่าทิ้งกูไปไหนอีกนะ กูขอร้อง ในชีวิตนี้กูต้องการแค่มึงเพียงคนเดียวเท่านั้น กูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึง มึงคือคนเดียวที่กูรักยิ่งกว่าชีวิตนะ ซัน...........”

เมื่อผมพูดจบไอ้ซันก็เริ่มร้องไห้และทรุดตัวลงไปนั่งอยู่บนหัวเข่าตัวเองทันที โดยที่มันก็ยังกุมมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ผมเองก็ตกใจมากที่มันเป็นแบบนั้นจนต้องทรุดตัวลงไปนั่งอยู่กับมันด้วย ไอ้ซันร้องไห้แบบที่ผมไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนเลย มันร้องไห้เหมือนกับว่ามันไม่เคยเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิต มันร้องไห้จนตัวโยน ผมพยามที่จะกอดมัน แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้มันหยุดร้องได้ จนเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดมันก็สามารถพูดออกมาได้ทั้งๆเสียงสะอื้น น้ำตาไหลลงมาอาบหน้าของมันจนเปียกไปทั่ว ไม่มีเค้าของไอ้ซันที่ดูแข็งแกร่งและเข้มแข็งเหลืออยู่อีกเลย

“นั่น....... นั่นคือคำพูดที่มีค่าที่สุด ยิ่งกว่าสิ่งไหนที่กูต้องการในชีวิตอีก เมฆ” ไอ้ซันพูดไปสะอื้นเบาๆไปด้วย “มึงไม่รู้หรอกว่า มันเป็นยิ่งกว่าเสียงดนตรีหรือเสียงเพลงไหนๆในโลก มันคือเสียงที่ไพเราะและมีค่าที่สุดที่กูเคยได้ยินมาในตลอดชีวิต เมฆ กูรักมึง และกูจะไม่หนีหายไปไหนอีกแล้ว กูรักมึงจริงๆ กูสัญญา.........”

“กูก็เหมือนกัน ซัน กูก็เหมือนกัน” น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอีกครั้งและผมก็โผเข้าไปกอดมันอีกอย่างแนบแน่น

เราสองคนนั่งกอดและร้องไห้กันอยู่ข้างร้านโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือรถคันไหนที่วิ่งผ่านเลย เสียงดนตรีในร้านยังคงดังออกมาอยู่เรื่อยๆ ทุกๆคนในนั้นต่างก็คงกำลังมีความสุขกันอยู่กับเพื่อนๆหรือคนรักของตัวเอง แต่ไม่มีใครแล้วที่จะมีความสุขไปมากกว่าผมกับซันที่กำลังนั่งร้องไห้กันอยู่ตรงนี้

ในที่สุด ท้องฟ้าของผมก็กำลังจะกลับมาสดใสเหมือนดังเคยอีกครั้งเมื่อผมมีมันอยู่ข้างกาย.........




ออฟไลน์ xela

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-14
 :m23: ยังไม่จบใช่ไหมคะ

รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ

ขอบคุณนะคะ


Black Angel

  • บุคคลทั่วไป
 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:

Oh god,

Thanks

Thank you for this.

It is value for waiting.

I love you

 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังเลย ดีกันแล้ว อึดอัดขัดข้องมาตั้งนาน
 :m4: :m4: :oni1: :oni1:

blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่กล้าอ่านภาคนี้เลยอ่ะ

กลัวติดยาว เดี๋ยววันจันทร์สอบไฟนอลวันสุดท้าย T_________T


เอาเปนว่า สอบเส็ดมะไหร่ จะรีบแจ้นกลับมาตามอ่านทั้งหมดเลยนะคร้าบ



ร้ากคนแต่ง

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:m15:
ทำตามคำแนะนำเด๊ะ...อ่านจนถึงตอนที่คิดว่าซันจะร้องเพลง
ก็ย้อนไปกดเปิดเพลงที่ลงไว้ฟัง...แค่ intro ขึ้นน้ำตาคลอละ
 :กอด1: :mc4: 
เข้าใจกันได้ซะทีเนอะ...รอบทสรุปกันต่อไป +1 ให้เป็นกะลังใจ

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
มาต่อรอบนี้ยาวเป็นหางว่าวเลย :m4:

เดี๋ยวขอไปอ่านก่อนเน้อออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Givesza

  • บุคคลทั่วไป
I miss U

ผมคิดถึงคุณซัน

ผมคิดถึงคุณเมฆ





ผมกำลังร้องไห้เพราะคุณ

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
โอย  เครียดอยู่ตั้งนาน

นึกว่า เมฆ กับ ซันจะปรับความเข้าใจกันไม่ได้

เพราะต่างคนต่างก็"โกหก"กับความรู้สึกของตนเอง

ลุ้นจนเหนื่อยเลย

ขอบคุณสำหรับเสียงเพลงเพราะๆแม้จะไม่มีคำร้อง แต่ซึ้งมากๆ

ขอจิ้มคนแต่งอีกทีเหอะ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย  ดีใจที่เข้าใจกันแล้ว

 :m1:

KevinKung

  • บุคคลทั่วไป

Givesza

  • บุคคลทั่วไป

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
มาดันให้เมียรัก///

ยังไม่ได้อ่านเลยซักกะตัวอักษร เอาไว้ว่างๆก่อนน้อ :jul1:

blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
มาอ่านแล้ว

อ่านจนจบเลย


ซึ้งอ่าาาาาาาาา



T__________T

น้ำตาซึมเลย

แต่ว่าเรื่องยังไม่จบใช่มั้ยครับ

รออ่านต่อนะครับพี่ต้น

ร้ากคนแต่งสุดๆ คร้าบ

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ยังไม่จบใช่มั้ย....ยังมีตอนต่อไปอีกใช่ป่ะ
เพราะยังไม่เห็นมีคำว่า end เลยง่ะ(แอบหวังว่ายังไม่จบน้า)

ตอนต่อไปขอแบบหวานๆ น้ำตาลเรียกพ่อเลยนะ :o8:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
มาอ่านแล้ว

อ่านจนจบเลย


ซึ้งอ่าาาาาาาาา



T__________T

น้ำตาซึมเลย

แต่ว่าเรื่องยังไม่จบใช่มั้ยครับ

รออ่านต่อนะครับพี่ต้น

ร้ากคนแต่งสุดๆ คร้าบ

อ้าว ไม่อ่านหนังสือสอบแล้วเหรอคับ 5555  :oni3:

และตอบคำถามของอีกหลายๆคนนะคับ เรื่องนี้ยังมิจบนะคับ จริงๆใจอยากมาต่อให้จนจบเลย แต่ขอเว้นอีกนิสนึงแล้วกันด้วยตวามจำเป็นจริงๆ ขอโทษด้วยนะครับ  :pig4:


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ก้าวที่ยี่สิบสู่ปลายทางสุดท้าย


เราสองคนนั่งกอดกันอยู่อย่างนั้นจนหยุดร้องไห้ และเมื่อเรารู้สึกดีขึ้นแล้ว เราต่างก็ช่วยกันพยุงและลุกขึ้นยืน ไอ้ซันก้มลงปัดฝุ่นที่กางเกงให้ผม จากนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยรอยยิ้มและใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ผมจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงและช่วยเช็ดหน้าให้มัน และเมื่อผมเช็ดหน้ามันเสร็จแล้ว ไอ้ซันก็ช่วยเช็ดหน้าผมคืนด้วยเหมือนกัน

“ขอบใจมากนะซัน สำหรับเพลงๆนั้น มันเป็นเพลงที่เพราะที่สุดเท่าที่กูเคยได้ยินมาเลย”

“ไม่หรอก กูต่างหากที่ต้องขอบใจมึงที่ให้โอกาสกูอีกครั้ง เมฆ”

“กูไม่เคยให้โอกาสมึงหรอก ซัน” ผมบอก และไอ้ซันก็มีสีหน้าหมองลงไปถนัดตา แววตาของมันทั้งดูตกใจและระคนไปด้วยความกลัว “เพราะว่ามันไม่มีอะไรที่กูต้องยกโทษให้มึงหรือว่ามีอะไรที่มึงทำผิดกับกูนี่ ตอนนี้กูรู้หมดแล้วว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไง”

“มึงหมายความว่า........”

“ใช่ เรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพนับตั้งแต่ที่มึงได้รับไอ้ตุ๊กตาหมีตัวนั้นมามันจบลงแล้ว ซัน พี่วินช่วยกูจัดการจบปัญหาทุกๆอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว อืม จะว่าไปก็ยังมีอีกแค่เพียงอย่างเดียวน่ะนะ ที่กูจะต้องกลับไปสะสางเป็นครั้งสุดท้ายซะก่อน แต่ว่าถึงยังไงประเด็นก็คือตอนนี้กูรู้ความจริงทุกอย่างทั้งหมดแล้ว และเรื่องของไอ้พี่จ๊อบ กูกับพี่วินก็จัดการหมดแล้วด้วยเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่มึงต้องกังวลอีกแล้ว เข้าใจมั๊ย ซัน”

“แต่ว่า..........”

“แต่อะไร มึงยังกังวลอะไรอยู่อีกงั้นเหรอ”

“เปล่า......” ไอ้ซันปฏิเสธ แต่ว่าครั้งนี้มันก็ดูไม่แนบเนียบเอาเสียเลย

“กูเข้าใจมึงนะ กูบอกแล้วไงว่าเหลืออีกเพียงแค่เรื่องเดียวที่กูต้องกลับไปเคลียร์ แต่ว่านอกนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรอีก และกูก็มั่นใจด้วยว่ากูรับมือมันได้ มึงไม่ต้องคิดมากแล้ว ซัน”

“แต่ว่าเรื่องที่กูทำลงไปในคืนนั้น......”

“มึงหมายถึงเรื่องจูบ”

ไอ้ซันพยักหน้าเบาๆ “กูขอโทษ.........”

“การที่มึงยังติดใจเรื่องนั้นและยังคงขอโทษกูอยู่ ก็แปลว่าสิ่งที่กูคิดมันเป็นความจริงสินะว่าตอนนั้นมึงทำลงไปเพราะมึงตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะมึงจำเป็นต้องทำ”

“ก็ไม่เชิงอีกล่ะ เมฆ กูไม่ได้อยากจะจูบมัน กูไม่เคยคิดจะนอกใจมึง แต่กูก็จะไม่โกหกมึงอีกแล้วว่าตอนนั้นมันไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบที่กูเผลอไป”

เราสองคนเงียบกันไปครู่หนึ่ง และเมื่อไอ้ซันเริ่มมีสีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ ผมก็ดึงคอของมันเข้ามาจูบลงบนริมฝีปากของมันอีกครั้ง และคราวนี้ก็เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีเลยทีเดียว เป็นจูบที่บอกและถ่ายทอดทุกอย่างภายในใจของผมให้มันได้รับรู้ และผมก็พยายามที่จะทำให้ดีไม่แพ้เพลงที่มันแต่งขึ้นให้ผมเมื่อครู่นี้เลยด้วย

“เท่านี้ก็หายกันแล้วนะ” ผมพูดหลังจากถอนปากออก รู้สึกถึงลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจของเราทั้งคู่ที่ดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ........ รู้สึกถึงการตื่นตัวของน้องชายที่อยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ของตัวเองด้วย

“มึงไม่โกรธกูเหรอ”

“ไม่หรอก ซัน แต่เอาเถอะ ไว้เราค่อยคุยเรื่องพวกนี้กันอีกทีก็ได้ เพราะว่าเราสองคนมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาวเลย และครั้งนี้กูไม่ต้องการคำโกหกหรือการปิดบังอะไรอีกแล้วนะ ถึงแม้จะเป็นการโกหกเพื่อตัวกูเองเหมือนเมื่อตอนนั้นก็ตาม เข้าใจมั๊ย” ผมทำหน้าเครียดใส่มัน

“ไม่มีอีกแล้ว กูสัญญา” ไอ้ซันยิ้มกว้าง

“ดี งั้นตอนนี้กูว่าเรากลับเข้าไปในร้านกันก่อนเถอะ คนอื่นโดยเฉพาะพีคงเป็นห่วงแย่แล้วมั๊ง”

“อืมม” ไอ้ซันพยักหน้าและทำท่าจะออกเดิน แต่เมื่อมันเห็นผมไม่ได้เดินไปพร้อมๆกับมัน มันก็หันกลับมามองผมด้วยสายตาเป็นกังวล “เป็นอะไร เมฆ”

“เปล่า กูแค่กำลังคิดอยู่ว่าถ้ามึงรู้ว่าหลังจากที่มึงบอกเลิกกูแล้ว กูเองก็ไปจูบคนอื่นมาเหมือนกัน มึงจะรู้สึกยังไงนะ จะรู้สึกโกรธ หรือจะคิดว่า ‘ก็ดีแล้ว สมควรกับที่กูทำลงไปแล้วนี่’ อะไรแบบนั้นรึเปล่าน่ะ”

สีหน้าของไอ้ซันดูหมองลงไปถนัดตา “มึง....... มีคนใหม่แล้วเหรอ”

“มึงจะบ้าเหรอ” ผมเดินไปตบหัวมันเบาๆ “กูก็แค่จูบ ไม่ได้คิดจะคบเป็นแฟนสักหน่อย”

“งั้นเหรอ....... แล้ว....... มึงจูบใครล่ะ แล้วเค้าคิดอะไรกับมึงรึเปล่า” ไอ้ซันถามอย่างไม่มั่นใจนัก

“ไอ้คิดก็คงคิดแหงอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าให้กูพูดจริงๆพวกเค้าก็รักกูมากด้วย”

ไอ้ซันชักสีหน้าเล็กน้อยที่ได้ยินว่าคนที่ผมกำลังพูดถึงนั้นไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว “งั้นเหรอ.........” ไอ้ซันพูดเงียบๆ “แล้วมึงคิดอะไรกับด้วยรึเปล่า........ กูหมายถึงตอนที่มึงจูบคนพวกนั้นน่ะ”

“คิดสิ เพราะมันไม่ใช่เพราะว่ากูทำลงไปตอนเมาหรือทำเพื่อประชด รึว่าทำเพราะอารมณ์เผลอไผลไปชั่ววูบด้วย”

“เหรอ.........” ไอ้ซันดูเศร้ากว่าที่ผมคิดเสียอีก ดูท่าทางมันจะเก็บความรู้สึกไม่เก่งเหมือนอย่างเคยแล้วสินะ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะว่าเรื่องนี้มันช็อคมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ก็ไม่รู้ได้

“มึงไม่อยากรู้เหรอว่าคนพวกนั้นเป็นใคร”

“กูไม่อยากถาม........” ไอ้ซันพูดเสียงแข็ง “แต่ว่า......... ถ้ามึงพูดกูก็จะฟัง”

ผมยิ้มกว้างแล้วกระซิบใส่หูของมัน “ไคล์กับพีไง”

ไอ้ซันหันมามองผมตาโต จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนที่จะพยายามเตะก้นผมไปพร้อมๆกับด่าผมไปด้วย และเมื่อมันคว้าตัวของผมเอาไว้ได้ มันก็จูบผมอีกครั้ง และคราวนี้ผมก็รู้สึกได้ถึงดุ้นแข็งๆจากในกางเกงของมันที่กำลังเบียดอยู่ตรงหน้าขาผมด้วยเหมือนกัน

“กลับบ้านกันเถอะ กูมีอะไรอยากจะให้มึงดูนะ”

“ทะลึ่ง” ผมหัวเราะเบาๆในอ้อมแขนของมัน

“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่ทะลึ่ง” ไอ้ซันหอมแก้มผมเบาๆ “แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ไอ้นั่นน่ะเดี๋ยวมึงได้ดูแน่ แต่กูอยากให้มึงดูอย่างอื่นก่อนเป็นอันดับแรก”

“อะไรล่ะ”

“กลับบ้านกันนะ”

“รอก่อนไม่ได้เหรอ เข้าไปหาทุกคนก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยว่ากันก็แล้วกัน”

ไอ้ซันมองตามผมเงียบๆครู่หนึ่ง ก่อนจะกอดผมอีกครั้ง “เหี้ยเอ๊ยย กูคิดถึงมึงจริงๆเมฆ”

“กูก็เหมือนกัน ซัน” ผมกอดมันกลับ จากนั้นสักพักจึงค่อยดันตัวเองออก “ไปเถอะ”

เราสองคนเดินกลับเข้าไปในร้าน และเมื่อพีเห็นเราสองคนเดินกุมมือกันเข้ามาในร้าน เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้ามากอดพวกเราสองคนทันที ตอนนี้วงที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีคือวงประจำของร้านนี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่พวกเราก็ยังนั่งคุยนั่งฟังเพลงกันอยู่ต่ออีกครู่ใหญ่ๆ โดยแทบทุกคนต่างก็ร่วมยินดีที่ผมกับซันกลับมาคืนดีกันจนได้  และหลายคนที่ออกปากชมว่าชอบเพลงที่ไอ้ซันเล่นเมื่อกี๊นี้มาก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ผมต้องเตือนตัวเองว่าผมจะต้องคุยกับมันทีหลังด้วยเหมือนกัน

“นี่แปลว่าทุกคนรู้หมดเลยงั้นเหรอว่าเรามีปัญหากันน่ะ” ผมถามไอ้ซัน

“ไม่หรอก บางคนรู้ แต่หลายคนก็ไม่ แต่พอกูขึ้นเวทีและพูดไปแบบนั้นหรือแค่เห็นมึงกับกูไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกก็คงรู้แล้วล่ะ แต่จะยังไงกูก็ไม่สนใจหรอกว่าใครจะรู้หรือไม่รู้ เพราะถึงยังไงเพลงนั้นกูก็แต่งมาเพื่อมึงคนเดียวโดยเฉพาะอยู่แล้ว”

“แล้วเพื่อนๆเรามาอยู่ที่นี่กันเยอะขนาดนี้ได้ยังไง”

“เรื่องนั้น.........”

“เพราะไทเลอร์น่ะครับ” พีพูดขึ้น “เขาเป็นคนช่วยเรากระจายข่าวและช่วยรวมทุกคนให้”

“แต่กูจำได้ว่าบางคนมันไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ด้วยซ้ำนะ” ผมมองไปรอบๆห้อง “อย่างสก็อตต์น่ะกูเข้าใจว่ามึงสนิทกันแล้วบ้านเค้าก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย แต่คนอื่นล่ะ”

“ก็ถ้ามีเวลาสักหน่อย อะไรๆมันก็คงไม่ยากอย่างที่คิดก็ได้นี่นา” ไอ้ซันตอบ

“นี่แปลว่ามึง........” ผมมองหน้าไอ้ซัน จากนั้นก็หันมาหาพี “นี่แปลว่าเราเองก็รู้เรื่องนี้อยู่ตั้งนานแล้วด้วยเหมือนกันใช่มั๊ย พี”

“เปล่านะครับ ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เองด้วยซ้ำ”

“อ้าว แล้วทำไม.......”

“พี่ซันเพิ่งบอกผมเมื่อเช้านี้เอง ก็หลังจากที่พี่ เอ่อ ทะเลาะกันนั่นแหละครับ พี่เขาบอกผมจนหมดว่าที่ผ่านมาเขาไปทำอะไรมาบ้างและคริสคือใคร จากนั้นก็บอกผมว่าในเมื่อพี่เมฆมาอยู่ที่นี่แล้ว เค้าก็เลยบอกให้ผมช่วยพาพี่มาที่นี่ ส่วนเรื่องอื่นๆพี่ซันเป็นคนจัดการทั้งหมดเลย”

“แบบนี้กลับไปเราต้องคุยกันยาวแน่ ไอ้ตัวแสบ” ผมหันไปหยิกแก้มไอ้ซัน

“งั้นก็รีบกลับสิ ดีมะ”

อีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผม ซัน และพีต่างก็บอกลาคนอื่นๆแล้วขอตัวกลับก่อน โดยที่ผมไม่ลืมที่จะเข้าไปขอบคุณและบอกขอโทษคริสที่ทำตัวเสียมารยาทใส่เขาด้วย ซึ่งคริสก็บอกผมว่าเขาไม่ว่าอะไรผมเลยแม้แต่น้อย และยังเข้าใจผมดีแถมยังอวยพรให้เราสองคนอีกด้วย จนกระทั่งเวลาราวๆตีหนึ่ง เราสามคนก็ขับรถกลับบ้านโดยมีพีเป็นคนขับให้เช่นเคยเพราะว่าเขาดื่มเข้าไปน้อยที่สุดในบรรดาเราสามคน และเขายังบอกว่าเขาอยากให้เราสองคนได้นั่งด้วยกันที่เบาะหลังตามลำพังด้วย

เมื่อมาถึงบ้าน พีก็ตรงเข้ามาจุ๊บที่แก้มของเราสองคนเบาๆคนละทีก่อนจะเดินเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าของผมออกมา

“ผมว่าพี่เมฆคงอยากได้ไอ้นี่คืนไปเก็บไว้ที่ห้องของพี่แล้วมั๊งครับ” พียิ้ม

“ขอบคุณมากครับพี” ผมรับกระเป๋าของผมมาถือเอาไว้

“ถ้างั้น....... นอนฝันดีนะครับทั้งสองคน แล้วค่อยคุยกันอีกทีพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน” พียิ้มให้เราสองคนก่อนจะออกเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง แต่ว่าผมกับซันก็รั้งตัวเขาเอาไว้ก่อน จากนั้นเราก็หอมแก้มเขาคนละข้างพร้อมๆกันไปคนละฟอดใหญ่ ซึ่งก็ทำให้พีหน้าแดงไปถึงหูอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกล่าวราตรีสวัสดิ์เราทั้งคู่

เมื่อพีเดินเข้าห้องไปแล้ว ผมกับซันก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของตัวเอง ไอ้ซันหยิบกุญแจห้องออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะหันมาบอกผมให้ผมหลับตาเอาไว้และห้ามแอบดูอย่างเด็ดขาด ซึ่งผมก็ทำตามที่มันขอแต่โดยดี ไอ้ซันไขกุญแจห้องและเปิดประตูออก จากนั้นก็หันมาใช้มือของตัวเองค่อยๆดึงผมเข้าไปในห้อง ผมรู้สึกได้ถึงแสงไฟนีออนที่สว่างจ้า แต่ว่าก็ยังไม่ได้ลืมตาขึ้น

“ห้ามแอบดูนะ” ไอ้ซันกำชับผมอีกครั้ง จากนั้นก็ดึงตัวผมไปนั่งลงบนเตียง ผมได้ยินเสียงมันทำอะไรกุกกักๆอยู่รอบห้องราวๆเกือบห้านาที ก่อนที่มันจะปิดไฟลงอีกครั้ง “เอาล่ะ ลืมตาได้”

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆห้องที่กำลังส่องสว่างไปด้วยแสงสีส้มจากเทียนไขนับสิบเล่มทั่วทั้งห้อง แต่ที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจไปยิ่งกว่านั้นนั่นก็คือรอบห้อง ทั้งบนผนัง บนโต๊ะ บนชั้นวางของ ต่างก็เต็มไปด้วยรูปถ่ายของท้องฟ้าในเวลาต่างๆมากมายหลายสิบรูป บ้างก็ถูกใส่ไว้ในกรอบรูป และบ้างก็ถูกแปะไว้บนผนังห้อง บางรูปนั้นเป็นรูปของพระอาทิตย์ขึ้น บางรูปเป็นพระอาทิตย์ตก บางรูปเป็นท้องฟ้าสีคราม บางรูปก็เป็นรูปของก้อนเมฆ และบางรูปก็เป็นรูปของพระอาทิตย์ที่สาดแสงจ้าอยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

“ซัน.......” ผมลุกขึ้นเดินมองไปรอบๆห้องด้วยความรู้สึกทึ่ง “นี่มันมีทั้งหมดกี่รูปเนี่ย”

“ทั้งหมดสี่สิบเก้ารูป” ไอ้ซันเดินเข้ามาโอบผมจากทางด้านหลัง “รูปที่ห้าสิบ เป็นรูปที่กูเฝ้ารอและหวังว่าจะเป็นรูปที่กูได้ถ่ายมันกับมึงพร้อมๆกันนะ”

“แล้วนี่มึงถ่ายภาพพวกนี้เก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมกวาดสายตามองไปรอบตัว “นี่มึงไปที่ไหนมามั่งเนี่ย ซัน”

“ก็ไปมาหลายที่แหละ” ไอ้ซันชี้ไปที่รูปพระอาทิตย์ที่กำลังตกน้ำและเริ่มเล่าและอธิบายว่านั่นคือที่ไหน จากนั้นก็รูปต่างๆไปเรื่อยๆจนผมต้องรู้สึกประหลาดใจ

“นี่มึงจำได้หมดเลยเหรอว่ามึงถ่ายที่ไหนเมื่อไหร่มั่งน่ะ”

“จำได้สิ เพราะทุกรูปมันก็ต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกและความนึกคิดที่กูมีให้มึงทั้งนั้น แล้วกูจะลืมได้ยังไง”

“แต่มึงยังไม่บอกกูเลยว่ามึงถ่ายพวกมันทั้งหมดนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมเอื้อมมือไปลูบรูปภาพของพระอาทิตย์ในยามเช้าดวงโตที่กำลังส่องแสงสีส้มเรืองรองที่ ณ ขอบฟ้าเหนือยอดเนินเขาอย่างเบามือ ผมจำสถานที่ที่ไอ้ซันถ่ายภาพนี้ได้ทันที เพราะว่านี่ก็คือที่ๆพีเพิ่งจะพาผมไปมาเมื่อตอนกลางวันนี้นี่เอง

“ก็หลังจากที่กูมาถึงที่นี่แหละ ตอนแรกๆกูก็ยังทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นกีตาร์แต่งเพลงไปเรื่อยอยู่คนเดียว แต่ว่ามันก็ช่วยให้กูหายคิดถึงมึงไม่ได้ ที่นี่ไม่มีอะไรเลยที่ทำให้กูได้เห็น ‘ภาพ’ของมึง” ไอ้ซันเน้นคำ “และพอกูตัดสินใจจะออกไปถ่ายภาพของเราสองคนเก็บเอาไว้ ก็เป็นจังหวะโชคดีที่ไทเค้าแนะนำให้กูได้รู้จักกับคริสพอดี เพราะคริสเค้าก็มีงานอดิเรกชอบถ่ายรูปอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน และก็เค้านี่แหละที่ช่วยพากูไปยังที่ต่างๆและช่วยสอนเทคนิคถ่ายรูปให้กูด้วย นอกจากนั้นยังให้กูยืมสตูที่บ้านเค้าเป็นที่แต่งเพลงแล้วก็ช่วยแก้ไขเพลงอีกต่างหาก และที่สำคัญ ‘เพลงของเรา’ เพลงนั้นก็เพิ่งจะเสร็จสมบูรณ์สดๆร้อนๆเมื่อคืนนี้เลยด้วยนะ”

ความรู้สึกผิดจุกขึ้นมาจนถึงคอหอยของผม และไอ้ซันเองก็คงดูออกด้วยเช่นกันว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไร มันจึงผละออกจากตัวของผม แล้วเดินไปเปิดเครื่องเล่นซีดี เสียงเพลงที่ดังขึ้นเป็นเพลงบัลลาดช้าๆ ซันเดินกลับมาหาผมและค่อยๆดึงตัวผมเข้าไปชิดกับมัน จากนั้นมันก็กอดผมอย่างแนบแน่นโดยวางคางของตัวเองไว้บนบ่าของผม มันค่อยๆโยกตัวของเราสองคนไปตามจังหวะเพลงอย่างช้าๆและอ่อนโยน

“เมฆ เมฆรู้มั๊ยว่าซันไม่เคยอยากจะเสียเมฆไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว.........” ไอ้ซันพูดใส่หูของผมเบาๆ

“อืมม รู้สิครับ เพราะเมฆก็เหมือนกัน........”

“ซันขอโทษที่เคยโกหกปิดบังเมฆ แต่ว่ามันก็เป็นเพราะซันแคร์ความรู้สึกของเมฆมากนั่นแหละครับ ซันไม่อยากให้เมฆเครียด และไม่อยากให้เมฆต้องเดือดร้อนเพราะซัน ซันก็เลยจำเป็นต้องทำแบบนั้นลงไป”

“เมฆเข้าใจ ซันจำไม่ได้เหรอว่าเมฆเคยบอกแล้วว่าสักวันซันก็อาจจะต้องทำแบบนี้จนได้ จำได้มั๊ย เช้าวันที่เราเดินคุยกันที่ทะเลก่อนที่จะเจอก้อนหินสองก้อนนั้น เมฆเคยบอกแล้วว่าถ้าหากซันคิดมากขึ้นมา ซันจะเป็นคนแบบนี้ นั่นก็คือซันจะห่างออกไป จะยอมเจ็บเพียงคนเดียว จะทำร้ายตัวเองด้วยความคิด แล้วสุดท้ายเราก็จะมีปัญหากัน”

“ซันขอโทษนะครับ ต่อไปนี้ซันจะบอกเมฆทุกอย่าง จะไม่คิดมากอยู่คนเดียวอีกแล้ว เมฆให้โอกาสซันได้แก้ตัวอีกครั้งนะ”

ผมค่อยๆดันตัวเองออกช้าๆ “เมฆบอกแล้วไงว่าเมฆไม่เคยต้องยกโทษอะไรให้ซัน เพราะเมฆรู้ว่าซันรักเมฆมากขนาดไหนและสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างเรานั้นมันก็มาจากการที่ซันรักเมฆมากนั่นแหละครับ”

“นี่ซันไปทำอะไรมาในชาติที่แล้วนะ ถึงได้คนอย่างเมฆมาเป็นแฟนแบบนี้” ไอ้ซันยิ้มกว้างแล้วจูบลงบนแก้มของผมเบาๆ จากนั้นก็ไล่ต่ำลงเรื่อยๆไปยังซอกคอของผมจนผมต้องค่อยๆดันตัวของมันออก

“เดี๋ยวก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ซัน” ผมห้าม

“ทำไมล่ะ” ซันมองผมด้วยสายตาอ้อนวอน

“มีของสิ่งหนึ่งที่ซันต้องเอาคืนไปก่อน” ผมผละออกจากตัวของมันและเดินไปเปิดกระเป๋าของตัวเอง ผมล้วงมือลงไปหยิบกล่องเล็กๆออกมาสองกล่อง ผมหันกลับมาหาไอ้ซันและเปิดฝากล่องใส่แหวนทั้งคู่ออก “คราวนี้จะไม่มีวันที่มันจะกลับลงไปสู่กล่องเล็กๆแบบนี้อีกแล้ว ใช่มั๊ยครับ........”

ซันมองหน้าผมสลับกับแหวนที่อยู่ในมือของผม จากนั้นมันก็เอื้อมมือมาหยิบแหวนของผมไปถือเอาไว้ ผมที่รู้ดีว่าต้องทำยังไงวางกล่องแหวนทั้งสองกล่องลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ยื่นมือซ้ายให้แก่มัน

“หลังจากนี้ไปไม่ว่าจะนานแค่ไหน ซันก็จะรักเมฆคนเดียวตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลงครับ” ไอ้ซันพูดพร้อมกับค่อยๆสอดแหวนกลับเข้าสู่นิ้วนางของผม “และจะไม่มีวันหนีหายไปไหนอีกแล้วด้วย........ ท้องฟ้าจะขอฝ่าฟันทุกอย่างไปพร้อมกับก้อนเมฆ และจะไม่ทิ้งให้ก้อนเมฆต้องเศร้าสร้อยอยู่ตามลำพังอีกต่อไป”

ผมคว้ามือซ้ายของมันขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ค่อยๆสอดแหวนข้าสู่นิ้วนางของมันช้าๆเช่นเดียวกับที่มันเพิ่งทำให้ผม “และหลังจากนี้ไปไม่ว่าจะนานแค่ไหน แหวนวงนี้ก็จะอยู่ที่นิ้วนางข้างนี้ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยน เช่นเดียวกันกับความรักของก้อนเมฆที่มีต่อท้องฟ้าตลอดกาลไม่มีวันจาง........” ผมยกมือของมันขึ้นมาจูบลงแบนแหวนเบาๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับมัน “ต่อแต่นี้ไป เราจะฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกันพร้อมกับความรักที่มีให้แก่กันมากกว่าเดิม จริงมั๊ยครับ”

“ไม่มีอะไรจะแยกเราสองออกจากกันได้อีกแล้วครับ ไม่มีทาง.........” ไอ้ซันกอดผม จากนั้นก็จูบลงไปซอกคอของผมเบาๆ ผมผ่อนลมหายใจออกเบาๆและช้าๆ ปล่อยใจให้รับรู้ถึงความสุขที่กำลังสัมผัสอยู่ในตอนนี้ บอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่านี่คือความจริงไม่ใช่เพียงฝันดีที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ผมค่อยๆใช้มือสัมผัสร่างกายของมันอย่างแผ่วเบาว่านี่คือไอ้ซัน นี่คือตัวมันจริงๆ มันกำลังกอดผมอยู่และผมก็กำลังกอดมันอยู่จริง............

“มันเป็นเหมือนกับความฝันจริงๆนะ........” ผมพึมพำออกมาเบาๆ

“เชื่อเถอะครับ ว่านี่คือความจริง” ซันพูดพร้อมกับมองลึกไปในดวงตาของผม ดวงตาคู่นั้นกำลังทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังจะละลาย มันจูบลงที่ริมฝีปากของผมอีกครั้งอย่างโหยหาและดูดดื่ม และหลังจากนั้นเราสองคนก็ได้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งท่ามกลางแสงเทียนและเสียงเพลงที่บรรเลงคลอไปพร้อมๆกับจังหวะร่วมรักที่เชื่องช้าแต่เต็มไปด้วยความรักของเราสอง...................



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้จบแล้ว มีความสุขจังเลย ขอบคุณน้องต้นมากจ้า ที่ทำให้คืนนี้พี่นอนหลับฝันดีแน่ๆ
มาต่อเร็วๆ นะจ๊ะ
 :oni1: :oni1: :oni1: :oni2: :oni1: :oni1: :oni1:

Black Angel

  • บุคคลทั่วไป

Givesza

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1:


Happy Happy


 :o8: :o8: :o8:


อยากไปแจมบนเตียงด้วยจัง

blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
^__________________^


ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับพี่ต้น

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
แง๊......ยังไม่มีเวลาอ่านเลยง่ะ
แปะไว้ก่อน แวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้น้องต้น กับ เมฆและซัน :กอด1:

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
อ่านถึงตรงนี้แล้วมีความสุข

กลับมาแล้ว.... ท้องฟ้า เคียงคู่ ก้อนเมฆ อีกครั้ง

ขอบคุณคนแต่ง น่ารักที่ซู้ดดดดดดด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
มาอ่านแล้ว

อ่านจนจบเลย


ซึ้งอ่าาาาาาาาา



T__________T

น้ำตาซึมเลย

แต่ว่าเรื่องยังไม่จบใช่มั้ยครับ

รออ่านต่อนะครับพี่ต้น

ร้ากคนแต่งสุดๆ คร้าบ

อ้าว ไม่อ่านหนังสือสอบแล้วเหรอคับ 5555  :oni3:

และตอบคำถามของอีกหลายๆคนนะคับ เรื่องนี้ยังมิจบนะคับ จริงๆใจอยากมาต่อให้จนจบเลย แต่ขอเว้นอีกนิสนึงแล้วกันด้วยตวามจำเป็นจริงๆ ขอโทษด้วยนะครับ  :pig4:



สอบเส็ดตั้งแต่วันจันทร์แล้วพี่ต้น

ผมเปนเด็กดี ไม่แวบมาก่อนสอบเส็ดหรอกน่า

5555+


เชื่อมะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
^
^

ไม่เชื่อ (ฮา)


ว่าแต่นี่เลยวันจันทร์แล้วเหรอเนี่ย เอิ๊กกก ลืมวันลืมเวลาเลยกรู
งานราชงานหลวงสุมหัวปุ๊ส่านบ่าน 5555

ปล. นังพี่ปลิ้น ใครเป็นเมียเมิงง แสดดด เป็น "เมียน้อย" ก้อพูดให้มันเต็มๆชัดๆ 5555


blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
^
^

ไม่เชื่อ (ฮา)


ว่าแต่นี่เลยวันจันทร์แล้วเหรอเนี่ย เอิ๊กกก ลืมวันลืมเวลาเลยกรู
งานราชงานหลวงสุมหัวปุ๊ส่านบ่าน 5555

ปล. นังพี่ปลิ้น ใครเป็นเมียเมิงง แสดดด เป็น "เมียน้อย" ก้อพูดให้มันเต็มๆชัดๆ 5555



เลยมา 2 วันละพี่ต้น

ว่าแต่ ไปทำไรมาถึงลืมวันลืมคืนได้หว่า

หุๆๆ

ไม่อยากเดาแฮะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด