บทที่ 2
ยามอาทิตย์อัสดง ข้าจำต้องดื่มสุราหนึ่งจอกเพื่อที่จะต้องกลายร่างเป็นสตรี หยวน-หลงซาน-ฟง บุรุษหนุ่มเจ้าสำราญแห่งหออวี้หงหยวนอันลือชื่อถูกคำสาปร้าย
กลางวันเป็นชาย กลางคืนกลายเป็นหญิงข้าเคยคิดท้าทายอำนาจปีศาจไม่ยินยอมดื่มสุรายามราตรีเคลื่อนผ่าน ผลปรากฏว่า ข้ากลายเป็นหญิงครึ่งบนชายครึ่งล่างช่างน่าอนาถสังเวชนัก นับแต่นั้นก็หาได้มียอดฝีมือปรมาจารย์ท่านใดไม่เตรียมสุราไว้ใกล้ตัวยามใกล้ตะวันชิงพลบ ข้าเองก็เช่นเดียวกัน
เสียงรัวเคาะประตูดังขึ้น ข้าตกแต่งตนเองด้วยอาภรณ์สตรีเป็นอันดี เขียนสีดอกไม้โลหะรูปดอกเหมยกลางหว่างคิ้วแล้วจึงเปิดประตูออกต้อนรับ หญิงรับใช้หรืออีกนัยหนึ่งก็คือผู้มีวิชายุทธ์นาม เหลียงไถจิน ทำหน้าตาตื่นบ่งว่ามีธุระร้อน
“เหลียงจิน เจ้ามีธุระอันใด”
“เรียนประมุข...”
ข้ากระแอมเตือนสติอีกฝ่าย แต่ก็พอจะให้อภัยได้ด้วยมิได้อยู่ต่อหน้าคนนอก เหลียงไถจินทำหน้าสำนึกผิดก่อนจะเร่งคำนับ ตอบด้วยน้ำเสียงใสของสตรีว่า
“เรียนนายหญิง มีมือปราบแห่งสำนักศาลยุติธรรมมาขอพบคุณชายหยวนฟงเจ้าค่ะ”
“บอกไปว่าไม่อยู่” ข้าหันหลังกลับ เหลียงจินก็ยื้อชายเสื้อข้าไว้
“หัวหน้ามือปราบท่านนี้ยืนกรานว่าจะขอพบให้ได้ ข้าน้อยบอกว่าคุณชายหยวนไม่อยู่ก็ไม่เชื่อขอรับ”
ข้าแสลงหูสำนวนวาจาหญิงสลับชายของเหลียงจิน จึงทำแต่เพียงหูทวนลมเสีย เนื้อแท้แล้วหนุ่มเจ้าสำอางผู้นี้เติบโตมาด้วยกายบุรุษเพศ ทั้งวาจาและกิริยาจึงไม่อาจจะแสร้งเป็นหญิงได้ตลอด
ทว่าเหลียงจินผู้นี้ตอนเป็นบุรุษก็นับว่างามในหมู่บุรุษอยู่พอตัว ครั้นถูกคำสาปร้ายเปลี่ยนเพศกลับกลายเป็นหญิงในชั่วราตรี เจ้าหนุ่มเหลียงไถจินก็เจิดจรัสภายใต้เครื่องประทินโฉมแลรูปร่างอย่างสตรีเป็นที่ลือชาในบรรดาแขกหนุ่มๆจำนวนมาก ติดอันดับหญิงคณิกาชั้นเอกเป็นที่กล่าวขวัญว่างามดุจนางล่มเมืองในตำนาน
“ไยเหลียงจินเจ้ามิใช้ทักษะมารยาสตรีเกลี้ยกล่อมมอมสุรามือปราบท่านนั้นโดยปรกติธรรมเนียมปฏิบัติ หากว่ามีผู้ใดถามหาข้าเล่า” ข้ายื่นมือตบบ่าเจ้าหนุ่มสำอางในคราบสตรีล่มเมือง
“เสียนหย่งเฉิงผู้นี้เป็นนายกองมือปราบสำนักศาลยุติธรรม ปรากฏกิตติศัพท์ว่าเถรตรง ไม่ไว้หน้าผู้ใด เพียงแต่มารยาหญิงจอมปลอมจากข้าพเจ้ามีหรือจะทัดทานอำนาจแลอุปนิสัยใจคอนายกองผู้นั้นได้ หากสำเร็จแล้วข้าเหลียงไถจินคงมิตากหน้ามาพึ่งประมุขท่านในยามนี้เป็นแน่”
ข้าเคยได้ยินลักษณะชื่อเสียงของนายกองมีชื่อผู้นี้อยู่พอประมาณ คราวเกิดคดีปริศนาคดีหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ในเมืองฉางอัน เรื่องราวเริ่มต้นจากร้านขายยาหลิวจินเถา เถ้าแก่หลิวเจ้าของร้านและครอบครัว ประกอบด้วยภรรยาและบุตรอีกสองคนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม
เดิมทีร้านหลิวจินเถานี้ข้าติดต่อค้าขายผงราคะไฟเป็นกิจวัตร ทั้งเป็นยาชนิดต้องห้ามและหากถูกจับกุมได้จากทางการจะต้องโทษหนักหนาอยู่ ทว่าเถ้าแก่หลิวมีเส้นสายในราชสำนัก รู้จักคบค้าติดสินบนใต้โต๊ะแก่บรรดาเสนาบดีคนใหญ่คนโตอยู่หลายท่าน เรื่องที่ร้านขายยาหลิวจินเถาค้าของผิดกฎหมายบ้านเมืองไม่มีทางที่จะถูกเปิดโปงได้ ข้าสืบรู้เบื้องหลังการติดสินบนนี้จึงวางใจที่จะค้าขายกับเถ้าแก่หลิวโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังว่าภัยจะย้อนกลับมาถึงตัว
กระทั่งเมื่อกลางเดือนก่อน ผงราคะไฟแต่เดิมเสริมฤทธิ์ลวงแขกได้ชั่วระยะหนึ่งก้านธูปก็ปรากฏว่าหย่อนสรรพคุณลง ร่นระยะเวลาคงเหลือเพียงไม่นาน จนบางคราวมิอาจลวงแขกผู้มาใช้บริการยังหออวี้หงหยวนได้ว่าเกิดการร่วมสวาท ข้าเห็นผิดสังเกตจึงรุดหน้าไปหาเถ้าแก่หลิว ตั้งใจจะต่อว่าคุณภาพสินค้ามิได้ตรงตามที่ได้ตกลงค้าขายกันไว้ ระหว่างข้าหุนหันเดินผ่านประตูร้านเข้าไปยังห้องจ่ายยา ปรากฏมีกลุ่มคนชุดดำคลุมผ้าปิดศีรษะและใบหน้าไว้เหลือเพียงดวงตากำลังสอบเค้นเถ้าแก่หลิวอยู่
“คุณชายหยวนช่วยข้าพเจ้าด้วย” เจ้าของร้านหลิวจินเถาร้องตะโกนลั่น
หมู่คนชุดดำคะเนด้วยสายตาไม่เกินกว่าห้าคน ต่างหันดวงตามามองข้าทันควัน ก่อนพวกมันจะสาดผงควันสีแดงอาศัยอำพรางตัวหลบหนีไปในทันที ครั้นประกายกลุ่มควันสีแดงจางหาย จึงเห็นว่าภรรยาและบุตรชายทั้งสองของนายหลิวถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ตรงมุมห้อง ข้าเร่งเข้าไปปลดเชือกพันธนาการออกทั้งหมดก่อนจะซักไซ้เถ้าแก่หลิว
“ไยเถ้าแก่หลิวจึงถูกคนพรรคโคมแดงจู่โจมเช่นนี้”
คำว่า พรรคโคมแดง ประดุจคมกระบี่จ่ออยู่ที่คอหอยเถ้าแก่ร้านขายยาลือชื่อ เหงื่อเกาะพราวตามใบหน้าและไรหนวดเคราก่อนจะตอบเสียงสั่นเทาว่า
“กะ ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าถูกพรรคโคมแดงเตือนเรื่องค้าของผิดกฎหมาย คือ ผงราคะไฟ ทั้งสั่งห้ามจำหน่าย อีกทั้งยังยื่นคำขาดถึงฆาตตายหากมิปฏิบัติตามคำ ก็ผลกำไรร้านขายยานี้มีจากผงราคะไฟรั้งอยู่เป็นอันดับต้น สมุนไพรอื่นก็หาได้ทำกำไรได้เทียบเท่าไม่ดังนี้ ข้าพเจ้าจะหยุดค้าขายตามคำสั่งประมุขพรรคโคมแดงได้ล่ะหรือ พอขัดขืนฝืนคำ เหล่าพรรคมารก็ส่งสาส์นเป็นลายลักษณ์อักษรว่า
ผงราคะไฟเป็นเสี้ยนหนามต่อชาวยุทธ์ทั้งปวง หากไม่กำจัดทิ้งให้สิ้นแผ่นดินต้าถัง คงไม่อาจพบหนทางสว่างแห่งการฝึกยุทธ์ชั้นยอด กระนั้นข้าประมุขพรรคโคมแดงผู้ชิงชังผงพิษดังกล่าว ขอใช้สิทธิอันชอบธรรมกำจัดผู้คิดเป็นปฏิปักษ์กับพวกข้าเสีย เหมือนหนึ่งทำคุณให้ชาวยุทธภพทั้งปวง หากเตือนสองซ้ำสามซ้ำแล้วยังเพิกเฉย อย่าหาว่าข้าพเจ้าใจร้ายเป็นอันขาด ต้นสายปลายเหตุเป็นมาดั่งนี้ เชิญคุณชายหยวนช่วยดำริตริตรองช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด จักคิดการแก้ไขประการใด ก็แหละผงราคะไฟนั้นลูกค้ารายใหญ่ในฉางอันคงมิพ้นหออวี้หงหยวน หากมีอันต้องเลิกล้มกิจการ หมู่ท่านจักคิดการหาซื้อจากที่ใดได้เล่า”
“ขอสอบถามเถ้าแก่หลิว กระนั้นท่านติดต่อแหล่งผลิตผงราคะไฟมาจากที่ใดหรือ วานบอกเป็นภูมิรู้แก่ข้าด้วยเถิด” ข้าลองหยั่งเชิงถาม หากโชคเข้าข้างก็จะได้ชี้แนะให้อีกฝ่ายเลิกล้มการค้าผงชนิดนี้เพื่อความปลอดภัยเสีย ส่วนต้นตอแหล่งผลิตนั้นหากทราบแล้วจักได้ดั้นด้นไปติดต่อด้วยตนเอง มิจำเป็นต้องผ่านพ่อค้าคนกลางอีก
“อภัยเถิดคุณชาย ข้าน้อยมิอาจเผยแหล่งที่มาได้”
เมื่อหนทางแก้ถูกปิดตายเสียแล้ว ข้าจึงวิงวอนร้องขอให้เถ้าแก่หลิวเลิกค้าขายผงราคะไฟ ส่วนเรื่องที่ข้าจักหาผงชนิดนี้มาจากไหนนั้น ในเมืองหลวงนี้คงมีผู้ค้ารายย่อยที่ทำการค้าอยู่บ้าง แม้นมิใหญ่โตเท่าร้านเถ้าแก่หลิวก็พอจะแก้ขัดไปได้ก่อน
ข้าจากมาโดยคิดว่าทั้งประพฤติการณ์และจดหมายคำขู่คงก่อผลให้เถ้าแก่หลิวเกรงกลัวพรรคโคมแดงอยู่มากประมาณ จึงไม่ได้ติดต่อค้าขายกับร้านยาหลิวจินเถาอีก หวังโดยลมๆแล้งๆว่าเถ้าแก่หลิวคงเลิกค้าของอันตรายอันเป็นภัยมาสู่ครอบครัวนั้นตามธรรมดา แต่แท้จริงแล้วนั้นเถ้าแก่หลิวยังคงดำเนินกิจการผงราคะไฟต่อโดยหาได้หวาดเกรงภัยจากพรรคโคมแดงไม่
กระทั่งเช้าวันที่สามนับแต่เหตุการณ์ซึ่งข้าเข้าไปพบปะพวกพรรคโคมแดง ณ ร้านหลิวจินเถา ก็ปรากฏเหตุฆาตกรรมขึ้นในร้านยานั้นเป็นที่กล่าวขวัญสั่นสะเทือนทั่วนครฉางอัน
ข้าไม่สมควรดำรงฐานะประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา
หากข้าเฉลียวใจอย่างที่ประมุขพรรคสูงสุด ตำแหน่งฉากหลังซึ่งครอบครองอยู่ มิใช่ในฐานะฉากหน้าผู้ดูแลหออวี้หงหยวนเพียงเท่านั้น คุณสมบัติซึ่งเหล่าปรมาจารย์ทั้งปวงต่างสนับสนุนข้าขึ้นสู่ประมุขพรรคเสี้ยวจันทราในยามบิดาข้าต้องมีอันเป็นไป ทิ้งภาระอันหนักหนาและใหญ่หลวงไว้ให้แก่ข้าผู้บุตรชายเพียงคนเดียวสืบทอดต่อ สั่นคลอนจิตสำนึกข้าอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงข้าจะไม่คิดแผนป้องกันโดยส่งยอดฝีมือไปคุ้มกันครอบครัวนายหลิวอย่างควรจะต้องปฏิบัติ
ข้ากลับเพิกเฉย คิดโดยตื้นเขินว่าเถ้าแก่หลิวคงเกรงภัยและเลิกล้มกิจการผงราคะไฟไปเอง บทเรียนนี้สอนข้าในฐานะประมุขพรรคเสี้ยวจันทราอย่างไม่มีวันลืมเลือน
เสียนหย่งเฉิงรับหน้าที่ดูแลคดีฆาตกรรมร้านยาหลิวจินเถา นายกองผู้นั้นสืบเสาะหลักฐานจนกระทั่งพบว่า เหยื่อทั้งสี่ตายด้วยยาพิษชนิดร้ายแรง ชั้นต้นอาจไม่หลงเหลือให้ตรวจสอบ ทว่าเมื่อชันสูตรศพกลับพบยาอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งในยุทธภพเรียกขานว่า ผงราคะไฟ สรรพคุณนั้นเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปดี ทว่าหากผสมผงราคะไฟเข้ากับชาดอกเบญจมาศซึ่งพบอยู่ในกาน้ำชา ณ ที่เกิดเหตุในสัดส่วนถูกต้องตามตำรับ คุณวิเศษแต่เดิมมีมากในกามคุณเพียงใดก็จะกลายเป็นยาพิษทำลายผู้ดื่มสนองกลับอย่างชนิดว่ารุนแรงพอกัน
ชาเบญจมาศลือชื่อว่าเป็นของดีแห่งเทือกเขาเทียนซาน ที่ตั้งสำนักพรรค คมเบญจมาศ ชื่อพรรคคมเบญจมาศถูกนำมาโยงไยเข้ากับคดีร้านยาหลิวจินเถาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ กลายเป็นชื่อเสียด่างพร้อย แม้นมิอาจหาหลักฐานมายันได้ว่าไม่ใช่ฝีมือของคนพรรคคมเบญจมาศก็ตามที
การไขคดีครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงแก่เสียนหย่งเฉิงจนเลื่อนขั้นในหน้าที่การงานอย่างยิ่งยวด เช่นเดียวกับของสองสิ่งคือ ผงราคะไฟและชาดอกเบญจมาศเป็นสินค้าต้องห้ามอย่างเด็ดขาดในเมืองหลวง
ยามข้าในฐานะน้องสาวปลอมของหยวนหลงซาน นามว่า หยวนอวี้ฟ่าน ลงมาต้อนรับนายกองเสียนหย่งเฉิงยังห้องรับรอง แม้นในใจจะชิงชังมือปราบผู้นี้มีเป็นทุนเดิมเท่าใดก็จำต้องปกปิดไว้ด้วยใบหน้าอย่างสตรี
“ข้าน้อย หยวนอวี้ฟ่าน ขอคารวะ มือปราบเสียน”
เสียนหย่งเฉิงเป็นบุรุษกำยำ หน้าตาหล่อเหลา เหมาะจะวิ่ง(ราว)ตามจับโจรผู้ร้าย อีกทั้งใบหน้าเหมือนกับโมโหโทโสอยู่ตลอดเวลานั้นกลับกลายเป็นอาวุธใช้สู้คนร้ายอีกชนิดหนึ่ง ข้าทำได้แต่เพียงยิ้มแย้มแสร้งประจบสอพลอก่อนจะคิดทบทวนหาวิธีไล่เสียนเฉินกลับไปโดยเร็ว พอรินสุราให้อีกฝ่ายแล้วจึงสอบถามธุระตามธรรมเนียมว่า
“มิทราบว่านายกองเสียนประสงค์พบพี่ชายข้าพเจ้าด้วยเหตุอันใดหรือ เสียดายนักที่หยวนฟงพี่ท่านมีธุระนอกนครฉางอันจึงมิอาจมาต้อนรับท่านเสียนได้”
เสียนหย่งเฉิงมาพร้อมมือปราบคนสนิทสองคนที่หน้าตาถมึงทึงพอกัน ไม่แม้แต่จะรับน้ำใจยกสุราดื่ม ก่อนจะโต้ตอบด้วยเสียงทุ้มว่า
“แม้นมิได้พบหยวนหลงซานในคืนนี้ ข้าพเจ้าก็จะไม่ไปไหน จะรอจนกว่าคนผู้นั้นกลับมาให้จงได้” ใบหน้าเอาจริงเอาจังบ่งบอกว่ามือปราบท่านนี้คิดจริงทำจริงตามที่พูด
“เช่นนั้นข้าพเจ้าขอแนะนำหญิงงามไว้คอยปรนนิบัติมือปราบท่านระหว่างรอพี่ชายข้าพเจ้า”
“ไม่จำเป็น แม่นางปล่อยข้าไว้แต่เพียงลำพังเถิด” เสียนหย่งเฉิงชิงตัดคำพูดไม่ไว้หน้าผู้ใด
“หออวี้หงหยวนมีธรรมเนียมว่าจำต้องปรนนิบัติแขกผู้มาเยือนไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ฉะนั้นคำหัวหน้ามือปราบท่านที่ว่าปล่อยไว้เพียงลำพังนั้น ข้าพเจ้าหยวนอวี้ฟ่านผู้น้องมิอาจทนหลับหูหลับตาปฏิบัติตามได้ จินเหนียง” ข้าพยักหน้าให้เหลียงไถจินเข้ามาใกล้แล้วว่า “จงรับหน้าที่ดูแลท่านเสียนอย่าให้ขาดตกบกพร่อง”
“เจ้าค่ะ” เหลียงไถจิน หรือ ชื่อในร่างสตรีว่า จินเหนียง รับคำโดยทันที
เสียนหย่งเฉิงทำหน้าไม่พอใจ ครั้นเห็นหยวนอวี้ฟ่านลุกขึ้นคำนับจะละจาก จึงพูดขึ้นว่า
“หากข้าพเจ้าประสงค์จะได้สตรีใดในหออวี้หงหยวนไว้ปรนนิบัติหว่างรอนายใหญ่หยวนหลงซาน คนผู้นั้นที่ข้าพเจ้าหมายตาไว้คงมิพ้นคนตระกูลหยวนผู้น้องไปได้”
ข้าแทบสะดุดชายชุดของตัวก่อนจะแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน พลางว่า
“ข้าพเจ้ามีธุระด้วยเหตุว่ามีนัดดูตัวชายหนุ่มผู้มีราศีแลดวงชะตาตกฟากเสมอตน ฉะนั้นหญิงงามอื่นแห่งอวี้หงหยวน เป็นต้น จินเหนียง คงแทนตัวข้าพเจ้าได้พอกัน”
เสียนหย่งเฉิงหัวเราะมาคำหนึ่งก่อนจะเร่งสำทับเอาว่า
“หากธุระท่านเป็นเรื่องดั่งว่า ฉะนั้นข้าพเจ้านี้เกิดในราศีมังกรตกฟาก
ยามเฉิน1 ตามประกาศซึ่งว่าพ้องดวงชะตาหยวนผู้น้องดั่งนี้ วานท่านดูตัวข้าพเจ้าเป็นคนแรกเถิดว่าเหมาะสมเพียงใด หรือขาดตกคุณสมบัติที่ใดหรือไม่”
ข้าไม่นึกว่ามือปราบเสียนจะต้องลักษณะเช่นว่าก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
ประจวบกับภายนอกห้องมีเสียงเอะอะอึกทึกแว่วมา ข้าสั่งบ่าวรับใช้ให้เปิดประตูออก ณ ลานโถงชั้นหนึ่งซึ่งดาษดื่นด้วยแขกจำนวนมากพากันร่ำสุราอยู่นั้น ปรากฏบุรุษชุดสีเหลืองอ่อนจำนวนสามคนเจรจากับเสี่ยวเอ้อถามหาสตรีนามว่า หยางกุ้ยเฟย ครั้นเสี่ยวเอ้อมิคุ้นชื่อดั่งว่าด้วยข้ายังมิได้บรรจุนางผู้นั้นในบัญชีก็ปฏิเสธไปว่าไม่มี
เจ้าคนผู้มีลักษณะทรวดทรงสูง นัยน์ตาไม่เป็นมิตร กวาดมองบรรดาแขกเหรื่อซึ่งต่างร่ำสุราอย่างออกรสอยู่อย่างไม่ชอบใจ การปรากฏตัวของข้าสร้างเสียงฮือฮาทันควัน แต่ข้ามิอาจหยุดยั้งฝีเท้าไว้ได้ ก็เพราะเครื่องหมายบนผ้าคาดศีรษะของเจ้าหนุ่มทั้งสามนั้นบ่งชัดว่าคือดอกเบญจมาศ สัญลักษณ์พรรค
คมเบญจมาศ“ออกไป” ข้าชี้นิ้วใส่คนของพรรคคมเบญจมาศอย่างลืมตัว
เจ้าหนุ่มผู้มีใบหน้าตึงตวัดสายตามองข้า ขมวดคิ้วแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำว่า
“เจ้าคือหยวนอวี้ฟ่านหรือมิใช่”
ข้าเพิ่งสำนึกได้ว่าตนครองรูปโฉมภายนอกอย่างไรก็หันเหลียวมองบรรยากาศรอบตัว เหลียงไถจินทำหน้าเหมือนถ่ายไม่ออก ข้ายกพัดคลี่บังโฉม แล้วพูดต่อว่า
“สำนักอวี้หงหยวนไม่ต้อนรับคนของพรรคคมเบญจมาศ เชิญพวกท่านทั้งสามออกไปเถิด”
ยอดฝีมือหนุ่มสองคนผู้อยู่เบื้องหลังกระซิบบอกเจ้าหน้านิ่งว่า
“คุณชายใหญ่ ข้าน้อยเห็นว่าควรกลับก่อนเถิดขอรับ”
เจ้า ‘คุณชายใหญ่’ ยังคงจ้องหน้าข้าไม่วางตา ก่อนจะเหลือบมองเสียนหย่งเฉิงในชุดมือปราบสำนักศาลยุติธรรมที่ออกมาดูว่าเกิดเหตุวิวาทประการใด คุณชายใหญ่แห่งพรรคคมเบญจมาศมีทีท่าสงบลงก่อนจะสวมรอยกลบเกลื่อนว่า
“ข้ามาเหยียบหออวี้หงหยวนก็เพราะได้ยินว่า หยวนอวี้ฟ่านประสงค์ได้ชายหนุ่มผู้เกิดในราศีมังกรตกฟากเวลาเฉินเป็นคู่ครอง ก็ข้านี้มีคุณสมบัติตกต้องทุกประการจึงดั้นด้นมาหมายจะได้เมียไปเป็นมารดาของบุตรข้าพเจ้า มิทราบว่า แม่นางหยวนตัดสินใจเลือกผู้ใดไว้ในใจแล้วหรือยัง”
1ยามเฉิน : เวลา 07.00 -08.59 น.*************************************
พูดคุย
ขอบคุณขอรับ
เมื่อไหร่จะเปิดตัวพระเอกน้ออออ
ตอนที่สองนี่แหละครับ เปิดตัวพระเอกและพระรองพร้อมกันเลย ขอรับ
นางผู้นี้เป็นใครกัน?
ข้ารอพระเอกเปิดตัว หาใช่เจ้าไม่
มาแล้วครับพระเอกของเรา พร้อมเปิดตัวแล้วในบทที่สอง อิอิ