บทที่ 20“เสือน้อย?” บอยที่เปิดประตูเข้ามาในร้านร้องเสียงดัง เช่นเดียวกันกับสารสาที่รีบพุ่งไปหาเจ้าแมวส้มที่นั่งเก๊กหน้าหล่อรอต้อนรับลูกค้าอยู่บนเคาน์เตอร์ตรงที่ประจำของมัน
“เสือน้อยจริงๆ ด้วย พี่อิงค์เจอมันที่ไหนคะ”
“คุณสิงห์เป็นคนเจอน่ะ” อิงค์ตอบพลางลงมือชงเครื่องดื่มให้ก่อนที่ลูกค้าประจำทั้งสองจะทันได้สั่งเสียอีก “เขาเจอมันอยู่ข้างทาง ตรงสี่แยกทางไปเฮือนไกรสร ขามันหักเขาเลยพาไปโรงพยาบาลแล้วก็ช่วยดูแลมันจนดีขึ้นแล้วก็เอาส่งให้ฉันเมื่อวานน่ะ”
“เก่งจังเลยน้า~ เสือน้อย” สารสาเกาคางเจ้าแมวส้มเป็นรางวัลที่สู้ชีวิตผ่านมาได้
“แต่จะว่าไปมันก็หลงไปไกลมากเลยครับ” บอยตั้งข้อสังเกต
“นั่นสิ ขนาดขี่มอเตอร์ไซค์จากที่นี่ไปยังเกือบยี่สิบนาทีเลยนะ” สารสาเห็นด้วย “เขาว่ากันว่าแมวก็มีความสามารถในการดมกลิ่นและการจำทางกลับได้ดีมากเลยนะ หรือว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้หลงทางทางแต่มันกำลังจะไปหาใครหรือเปล่า”
“มันจะหาใครล่ะ ก็บ้านพี่อิงค์อยู่นี่” บอยถามต่อ ทั้งสองแอบสบตากันเงียบๆ อย่างเข้าใจกัน เพราะสี่แยกตรงนั้นเป็นทางไปเฮือนไกรสรก็จริง แต่ถ้าขับรถเลยไปอีกหน่อยก็จะถึงข่วงเมืองสิงห์แล้ว
“รสาก็ไม่รู้เหมือนกัน” สารสาบอกพลางหันไปยิ้มกับเสือน้อย “แกไปหาใครเหรอเสือน้อย”
เหมียว~
ทั้งสองลอบมองอิงค์ที่ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจแล้วหันมายิ้มให้กันเงียบๆ ก่อนจะรับแก้วโกโก้ปั่นมาแล้วเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ใกล้ประตูที่ตอนนี้กลายเป็นที่นั่งประจำที่ใหม่ไปแล้ว
อึดใจต่อมา ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับที่สิงห์ในชุดหล่อก้าวเข้ามา วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนและไม่มีดอกไม้หรือกับข้าวมาฝากอิงค์ ที่ถือหอบหิ้วพะรุงพะรังอยู่ในมือคืออาหารกับทรายแมวที่เขาขนมาจากบ้าน
“ให้ฉันเอาไปวางไว้ตรงไหนดี”
อิงค์บุ้ยใบ้ไปทางด้านหลังร้าน “ขอบคุณนะครับ”
วางของเสร็จสิงห์ก็เดินมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่แทนที่จะสั่งกาแฟเขากลับแวะทักทายเสือน้อยที่เดินมาไซ้ที่ข้างแขนเขาก่อนจะกระโดดลงไปนอนหงายท้องเหยียดยาวบนตักให้สิงห์เกาพุง
“ว่าไงลูกพ่อ ชอบแบบนี้ใช่ไหม นี่แน่ะๆ”
เหมียว~
เสือน้อยร้อง ขาทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้าเป็นอาการบอกว่ามันกำลังมีความสุขสุดๆ
สิงห์มัวแต่เล่นอยู่กับเสือน้อยจนลืมสั่งกาแฟไปเสียสนิท มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงวางแก้วกาแฟลงบนเคาน์เตอร์ข้างตัว เขาเงยหน้าขึ้นทันมองเห็นแผ่นหลังอิงค์กลับหลังเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์แล้ว
สิงห์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พลางเอื้อมมือไปยกแก้วกาแฟที่ไม่ได้สั่งขึ้นจิบ ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสของเหลวสีดำในแก้ว ริมฝีปากได้รูปก็ยกยิ้มขึ้นทันที มันไม่ได้มีแต่ความขมปร่าเหมือนทุกวัน หากตามด้วยรสหวานละมุนคุ้นลิ้นที่ทำให้เขาตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาหันไปมองคนที่ทำเป็นจัดโน่นวางนี่โดยไม่ทีท่าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน จึงได้แต่พูดฝากลมเอ่ยชมไปเบาๆ
“วันนี้กาแฟหวานเหมือนหน้าคนชงเลย”
“อย่าเข้าใจผิดครับ” อิงค์พูดเรียบๆ “ผมแค่ไม่ชอบเห็นคนที่กินกาแฟของผมแล้วทำหน้าจะเป็นจะตายก็เท่านั้นเอง”
“ฉันก็ยังไม่ได้เข้าใจอะไรผิดนี่นา” สิงห์ว่าพลางเท้าแขนลงกับเคาน์เตอร์แล้วมองหน้าชายหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟพลางจิบกาแฟต่อ เคยคิดว่าเก้าอี้รังนกข้างหน้าต่างวิวดีแต่วิวตรงเคาน์เตอร์นี่น่ามองมากกว่ากันเยอะเลย “แค่บอกว่าวันนี้กาแฟอร่อยจัง... ถ้าพรุ่งนี้ฉันอยากกินแบบนี้อีกต้องสั่งยังไงเหรอ”
“ก็สั่งเหมือนเดิม”
“สั่งเหมือนเดิมก็ได้กาแฟขมๆ น่ะสิ” สิงห์กระเซ้า “เมนูนี้ไม่มีชื่อเรียกเหรอ”
อิงค์เงียบไป เขาจะตอบออกไปได้ยังไงว่ามันไม่มีเมนูนี้ในร้าน เพราะมันเป็นเมนูพิเศษที่เขาชงตามใจลิ้นคนกิน... เป็นสูตรเฉพาะที่สิงห์คนเดียวเท่านั้นจะได้กิน
“ถ้ามันไม่มีชื่องั้นฉันตั้งเองนะ” สิงห์พูดต่อ
“ตามใจคุณสิครับ”
“ฉันจะเรียกมันว่า ‘ที่รัก’ ” สิงห์ว่า “ดีไหม... พรุ่งนี้ตอนมาสั่งฉันจะได้บอกว่า ‘ขอกาแฟที่รักแก้วนึงครับ’ ... แหม~ ยิ่งกินยิ่งติดใจถ้าวันนี้ฉันขอสั่งที่รักกลับบ้านแก้วนึง อิงค์จะว่าอะไรไหม”
อิงค์ปรายตามามอง เขาไม่ตอบโต้อะไรเพียงแต่เอื้อมมือข้ามเคาน์เตอร์มาเพื่อจะหยิบแก้วกาแฟคืน
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย” สิงห์ร้องพลางคว้าแก้วกาแฟหลบ “เดี๋ยวตีมือแตกเลย ฉันยังกินที่รักไม่หมดเลยนะ”
“ไม่ให้กินแล้วครับ” อิงค์ว่าเขาเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะ “พูดมาก... น่ารำคาญ”
“ก็เธออนุญาตให้ฉันตั้งชื่อเองนี่นา แล้วฉันก็แค่ชอบมากเลยเรียกเมนูนี้ว่าที่รัก ไม่ได้เรียกว่าอิงค์สักหน่อย หรืออิงค์อยากให้ฉันเรียกว่าที่รัก”
คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน ทำไมยิ่งฟังยิ่งงง แล้ววนเข้ามาหาเขาได้ยังไงเนี่ย “ถ้ายังไม่เลิกเรียกแบบนั้น พรุ่งนี้ผมจะให้กินกาแฟขมๆ เหมือนเดิมนะ” อิงค์ว่า
“ดูสิเสือน้อย แม่เขาแกล้งพ่ออีกแล้ว” ฟ้องใครไม่ได้สิงห์ก็ก้มหน้าลงทำตาละห้อยกับเจ้าแมวส้มที่นอนอยู่บนตัก
เสือน้อยผงกหัวขึ้นมาแล้วร้อง เหมียว~ ยาวๆ
“เห็นไหม เสือน้อยยังบอกให้อิงค์ยกโทษให้ฉันเลยนะ”
อิงค์เม้มปากสนิท จะด่าคนก็ไม่ได้จะโกรธแมวก็กระไร เขาจึงเดินหนีออกจากเคาน์เตอร์ไปเก็บโต๊ะที่ลูกค้าดื่มเสร็จแล้ว
เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาบอยกับสารสาโดยตลอด ทั้งสองมองหน้ากันเป็นนัยว่า “พวกเราพลาดอะไรไปหรือเปล่า”
“วันก่อนพี่อิงค์ยังไม่ยอมพูดด้วยเลยสักคำ” บอยพึมพำ
“ท่าทางจะเกี่ยวกับที่เมื่อวานพี่อิงค์ปิดร้านหายไปครึ่งค่อนวันแน่ๆ” สารสาวิเคราะห์ “แต่ที่แน่ๆ รสาว่างานนี้เราต้องยกความดีความชอบให้เสือน้อยนะ”
“เห็นด้วย” บอยพยักหน้า แล้วแกล้งทำเป็นไถลตัวเอนไปกับพนักเพื่อแอบมองว่าอิงค์กำลังทำอะไร ในขณะที่สารสารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความรายงานป้าสำลี
แต่สารสายังไม่ทันจะส่งเรียงความเหตุการณ์ได้ครบถ้วน เสียงแก้วตกแตกดังเพล้ง! ก็ดังขึ้นด้านหลัง พร้อมกับถ้อยคำต่อว่าต่อขานเสียงดัง
“ซุ่มซ่ามจริง ทำงานประสาอะไร! ดูสิรองเท้าฉันเลอะหมดแล้ว นายจะรับผิดชอบยังไงเนี่ย” ลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งกล่าวอย่างหัวเสียกับคราบกาแฟที่กระเซ็นเต็มรองเท้าหนังขัดมัน
“ขอโทษครับๆ” อิงค์ได้แต่พูดซ้ำๆ พร้อมกับก้มตัวลงเก็บเศษแก้ว
“ยังจะมาห่วงเช็ดพื้นอีก ไปเอาผ้ามาเช็ดรองเท้าให้ฉันก่อนสิ ไอ้ร้านเฮงซวยนี่วันหลังฉันจะไม่มาเหยียบอีกแล้ว”
ลูกค้าคนอื่นในร้านพากันหันมามองและป้องปากกระซิบกระซาบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
สารสาคว้าแขนบอยจะให้ช่วยทำอะไรสักอย่าง แต่บอยยังไม่ทันจะได้คิดด้วยซ้ำว่าจะช่วยยังไง ชายหนุ่มผมยาวที่นั่งเล่นกับเจ้าแมวส้มอยู่ก็อุ้มมันวางลงบนพื้นแล้วรีบลุกไปหา
“ขอโทษครับคุณลูกค้า” สิงห์กล่าวอย่างสุภาพพร้อมกับย่อตัวลงนั่งข้างอิงค์ “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ รองเท้าของคุณทำจากหนังคุณภาพดีไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เดี๋ยวผมเช็ดให้นะครับ”
“ก็ทำเร็วๆ สิ” ลูกค้าคนนั้นบอกพร้อมกับยื่นเท้าพรวดเข้ามาตรงหน้าสิงห์อย่างไร้มารยาทที่สุด
“คุณสิงห์...” อิงค์จะหันไปบอกว่าไม่ต้องมาช่วยแต่สิงห์กลับยกมือปรามไว้แล้วกระซิบเสียงเบา
“ไปชงกาแฟมาใหม่ เอาเค้กแถมมาด้วยชิ้นนึง ตรงนี้ฉันจัดการเอง”
“แต่...”
สิงห์หลิ่วตาให้ครั้งหนึ่งพร้อมกับแตะที่หัวไหล่ อิงค์จึงยอมลุกไปทำตามแต่โดยดี
“เชิญนั่งก่อนนะครับ” สิงห์กล่าวพร้อมกับผายมือ
ทางด้านลูกค้าอารมณ์ร้อนพอเห็นคนมาพินอบพิเทาก็เริ่มใจเย็นลงถึงจะยังมีท่าทีฮึดฮัดอยู่บ้างแต่ก็ไม่บ่นว่าอะไรอีก เพียงครู่เดียวสิงห์ก็จัดการคราบบนรองเท้าหนังขัดมันนั่นจนสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่และเก็บเศษแก้วเรียบร้อย ก็พอดีกับที่อิงค์กลับออกมาพร้อมกับกาแฟแก้วใหม่และเค้กสตรอว์เบอร์รี่น่าทาน
“ขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาท” อิงค์กล่าว “นี่แทนคำขอโทษจากร้านเราครับ”
“อบรมพนักงานของคุณใหม่ด้วยนะ” ลูกค้าคนนั้นหันไปพูดกับสิงห์
สิงห์เหลือบตามองเจ้าของร้านตัวจริงที่โดนเข้าใจผิดแล้วก็กล่าวยิ้มๆ “ผมไม่ใช่เจ้าของร้านครับ ผู้ชายคนนี้ต่างหากที่เป็นเจ้าของร้าน”
“แล้วคุณเป็นใครล่ะ ทำงานดูคล่องเชียว”
“ผมเป็นเจ้าของโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ นี่ครับชื่อว่าข่วงเมืองสิงห์” สิงห์แนะนำตัวพร้อมกับส่งนามบัตรให้ “ถ้าคุณลูกค้ายังไม่มีที่พักผมยินดีต้อนรับนะครับ แล้วจะให้ส่วนลดเป็นพิเศษด้วย”
“อ้าว ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่เกี่ยวอะไรกับที่นี่นี่นาแล้วมาช่วยเก็บเศษแก้ว เช็ดรองเท้าให้ผมทำไม”
“ผมไม่ได้ช่วยคุณครับ แต่ผมช่วยแฟนผมต่างหาก” สิงห์ตอบง่ายๆ ทั้งรอยยิ้มแต่ทำเอาลูกค้าหัวร้อนคนนั้น เจ้าของร้านกาแฟที่โดนพาดพิงและลูกค้าอื่นๆ ที่จู่ๆ ก็กลายมาเป็นสักขีพยานเงียบไปตามๆ กัน “ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมให้ส่วนลดที่พักคุณ 50% เลย ครั้งนี้ไม่พักก็ไม่เป็นไรครับ เก็บนามบัตรผมไว้ครั้งหน้ามาเที่ยวน่านอีกนำมาแสดงที่เคาน์เตอร์ได้เลยครับ ผมจะดูแลคุณเอง”
“ครับ” ลูกค้าหัวร้อนคนนั้นพยักหน้า ไปต่อไม่ถูก รู้แต่ว่าลืมเรื่องที่โกรธไปแล้ว เขาหันไปยกแก้วกาแฟขึ้นจิบก่อนจะพึมพำ “อร่อยดีนี่นา”
“ตามสบายนะครับ” สิงห์กล่าวอีกครั้งแล้วคว้าแขนอิงค์ให้เดินตามเข้าไปหลังร้าน
“ไม่เห็นต้องมาช่วยผมเลย” อิงค์ทำปากขมุบขมิบ “เรื่องแค่นี้ผมจัดการเองได้”
“ก็อยากช่วยแฟนนี่นา”
“ใครเป็นแฟนคุณ”
“เจ้าของร้านกาแฟนี้ไง”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“เดี๋ยวก็ใช่” สิงห์พูดหน้าตาเฉย “ยังไงหลังจากนี้ก็ไม่มีใครกล้าจีบเธอแน่ๆ เพราะฉันประกาศตัวเป็นเจ้าของไปแล้ว”
“คนใจร้าย” อิงค์ว่า
“ก็เป็นคนใจร้ายของเธอมาตั้งนานแล้วนี่นา” สิงห์บอกพร้อมกับคว้ามืออิงค์ขึ้นมาดูเห็นรอยกรีดเล็กๆ บนปลายนิ้วชี้มือขวาก็ร้องขึ้นทันที “แก้วบาดนี่นา...”
อิงค์รีบดึงมือหนี “นิดหน่อยเองครับ”
“ล้างแผลหรือยัง”
“ล้างแล้ว”
“ล้างสะอาดแน่เหรอ แผลเหมือนจะลึกเลยนะ ยังมีเลือดซึมอยู่เลย มานี่ฉันล้างให้ใหม่” สิงห์คว้ามืออิงค์ดึงไปที่อ่างล้างมือแล้วเข้ามายืนซ้อนด้านหลังก่อนจะเปิดน้ำให้ไหลผ่านแผลแล้วช่วยล้างมือทั้งที่ยังยืนอยู่ในท่านั้น “เจ็บไหม”
“นิดหน่อย” อิงค์พยายามจะขืนตัวหนีแต่ข้างหน้าก็อ่างล้างมือ ข้างหลังก็อกกว้าง สองข้างก็ติดอ้อมแขนแกร่งที่โอบไว้รอบตัว กลายเป็นว่าจะขยับไปทางไหนก็โดนเขากอดอยู่ดี แถมมือยังโดนจับไว้แน่นอีก
“ต้องปิดแผลนะเนี่ยเดี๋ยวเชื้อโรคเข้า” สิงห์พูดขึ้นหลังจากล้างจนมั่นใจว่าสะอาดไม่มีเศษผงหรือเศษแก้วเหลือติดอยู่แน่ๆ “ที่ร้านเธอมีพลาสเตอร์ติดแผลไหม”
อิงค์ส่ายหน้า
“ถ้างั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้”
“ไม่ต้องหรอกครับ แค่...” แต่อิงค์ห้ามไม่ทันเมื่อหนุ่มผมยาวรีบก้าวเร็วๆ ออกไป
“เดี๋ยวก่อนครับพี่สิงห์” บอยเรียกไว้
“มีอะไรฉันกำลังรีบ”
บอยเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอาพลาสเตอร์ลายการ์ตูนที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเวลาเพราะมักจะได้แผลตอนซ้อมฟุตบอลบ่อยๆ ส่งให้ไปทั้งกล่อง “ติดกันจนกว่าจะพอใจเลยครับ”
สิงห์พยักหน้าแล้วคว้ากล่องพลาสเตอร์เดินฉับๆ กลับไปหลังร้าน
บอยยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจในผลงานของตัวเอง ในขณะที่สารสานั่งปรบมือให้ด้วยความภาคภูมิใจในตัวแฟน
“เท่มากเลยบอย”
“ไม่เท่าไหร่หรอก เรื่องแค่นี้เอง”
“ร้านอยู่ใกล้จัง” อิงค์บ่นปนประชดนิดๆ เขามองออกไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ดูท่างานนี้จะไม่มีใครอยู่ข้างเขาสักคน
“ส่งมือมา” สิงห์พูดพลางคว้ามือเรียวขึ้นมาพินิจดูบาดแผลแล้วบรรจงติดพลาสเตอร์ลงไปอย่างเบามือ พอเสร็จแล้วอิงค์ก็จะดึงมือกลับแต่สิงห์กลับยื้อไว้แล้วประทับริมฝีปากทับลงไปบนพลาสเตอร์นั้น “หายไวๆ นะ”
“ถึงเวลามันก็หายเองแหละ”
“ต้องหายไวขึ้นสิ” สิงห์พูดยิ้มๆ “ฉันทำแบบนี้กับเสือน้อยทุกวันเลยนะตอนที่มันป่วยน่ะ”
“ผมไม่ใช่เสือน้อยสักหน่อย” อิงค์พูดอ้อมแอ้ม ไม่รู้จะเถียงยังไงดีแล้ว
“แต่เป็นแม่เสือน้อย” สิงห์พูดต่อ แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีกได้แต่กุมมือเรียวไว้อย่างนั้น ใช้ปลายนิ้วโป้งถูวนไปมารอบๆ จนอิงค์ต้องพูดเพื่อทำลายความเงียบที่มากเกินไปจนเกือบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นแรง
“ขอบคุณนะครับที่ช่วย” เขาพูดจากใจ “ถ้าไม่ได้คุณสิงห์ช่วย ผมก็คงแย่เหมือนกันเพราะมัวแต่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆ ที่ก็เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง”
“อย่าคิดมากสิ” สิงห์พูดเสียงเบา “เธอยังอ่อนประสบการณ์เดี๋ยวเปิดร้านไปอีกสักพักจะมีปัญหามาให้เจอและแก้อีกเยอะเลย”
อิงค์พยักหน้า “คุณสิงห์เก่งนะ ดูแลโรงแรมคนเดียว ของผมแค่ร้านกาแฟเล็กๆ ยังลำบากแทบแย่”
“ฉันไม่ได้อยู่ตัวเดียวนี่นา มีป้าสำลีกับพี่มอญคอยช่วย” สิงห์บอก “เธอเองก็ไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนกัน เธอยังมีเสือน้อยกับฉันไง”
“เสือน้อยนับได้ แต่คุณสิงห์ไม่นับครับ”
“ใจร้ายกว่าฉันก็คนใจแข็งอย่างเธอนี่แหละนะ”
“ผมขอมือคืนได้ไหมครับ” อิงค์บอกพลางค่อยๆ ดึงมือออก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเกรงใจทั้งที่เป็นมือตัวเอง ยิ่งเห็นสายตาเว้าวอนของสิงห์ตอนที่มือเขาหลุดออกมาจากมือใหญ่ เขายิ่งรู้สึกผิดจนเผลอคิดว่าหรือจะยอมให้จับต่อไปดี แต่คิดแล้วก็พบว่าไม่ดีกับหัวใจตัวเองแน่ๆ จึงรีบเอามือไปแอบซุกไว้ด้านหลัง
“นี่อิงค์วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยได้ไหม”
“ทำไมครับ”
“จะชวนไปซื้อปลอกคออันใหม่ให้เสือน้อยไง” สิงห์บอก “มันไม่มีปลอกคอแบบนี้เดี๋ยวหลงไปไหน คนเขาก็ไม่รู้น่ะสิว่ามีเจ้าของ”
อิงค์ไตร่ตรองอยู่อึดใจก่อนจะพยักหน้า “ตกลงครับ” แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าแล้วทำไมเขาต้องไปกับสิงห์ด้วยล่ะ “ไม่สิ... ผมไปซื้อเองก็ได้ คุณสิงห์ไม่ต้องไปหรอก”
“ฉันไม่ไปแล้วใครจะจ่ายตัง”
“ผมไง”
“แต่เราตกลงกันแล้วนี่นาว่าเธอเป็นคนเลี้ยง ส่วนค่าใช้จ่ายฉันจะรับผิดชอบเอง” สิงห์บอก “ไม่ได้หรอกเสือน้อยก็เป็นลูกฉันเหมือนกันนะ”
“ไม่ให้เป็นแล้ว” อิงค์พูดอ้อมแอ้ม “ผมเลี้ยงของผมคนเดียวได้”
“เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลำบากนะอิงค์” สิงห์ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน “อย่างน้อยก็ให้ฉันได้ทำหน้าที่พ่อดูแลมันเถอะ”
ดูเปรียบเทียบเข้าสิ... คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอะไรกันแค่เลี้ยงแมวเอง... แต่ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องเขินจนต้องหลุบสายตาหนีด้วยก็ไม่รู้
“ก็...”
“เอางี้ดีกว่า ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” สิงห์พูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของคนตรงหน้า “เดี๋ยวฉันไปซื้อคนเดียวดีกว่า แล้วจะถ่ายรูปส่งมาให้เธอช่วยเลือกดีไหม เธอก็ไม่ต้องอึดอัดที่จะไปกับฉัน ฉันได้ออกตังและเสือน้อยก็ได้ปลอกคอใหม่วินวินด้วยกันทุกฝ่าย”
อิงค์คิดทบทวนข้อเสนอนี้อีกครั้งก่อนจะพยักหน้า “แบบนี้ก็ได้ครับ”
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ” สิงห์บอก เขาเดินไปจนเกือบจะถึงประตูร้านแล้วก่อนจะหันกลับมา “แล้วเธอจะให้ฉันส่งรูปให้เธอทางไหนดีล่ะ”
“ไลน์ไงครับ”
“แต่เธอบล็อกไลน์ฉันไปแล้วนี่นา”
อิงค์นึกขึ้นได้ เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชั่นไปเพื่อจัดการยกเลิกการบล็อกเพื่อน แต่พอทำอย่างนั้นเสร็จเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนที่ยืนมือไพล่หลังส่งยิ้มกว้างมาให้เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอกเสียแล้ว “แผนสูง”
“แค่ถามเองนะว่าจะให้ส่งรูปให้ดูทางไหน” สิงห์บอก “ถึงร้านแล้วจะรีบถ่ายรูปส่งมาให้ดูเลยนะ รอดูด้วยล่ะ”
อิงค์ยืนมองคนที่ผิวปากเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี เสือน้อยเดินมาตะกายที่ขากางเกง อิงค์ก้มลงมองแล้วอุ้มมันขึ้นมาฟัดพุงครั้งหนึ่งด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแกนี่มันจริงๆ เลยนะเสือน้อย”
...ว่าพ่อไม่ได้ก็ขอมาลงที่ลูกแทนละกัน...
อิงค์นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์โดยมีโทรศัพท์วางอยู่ตรงหน้า ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชัวโมงนับจากสิงห์ออกจากร้านไปโทรศัพท์ของเขาก็ดังถี่ๆ พร้อมกับข้อความเข้าราวกับคนส่งเก็บกดมานาน
แต่อิงค์ไม่กดเข้าไปในแอปพลิเคชั่น เขาอาศัยอ่านเอาจากการแจ้งเตือนที่แสดงบนหน้าจอ
..ขืนเข้าไปอ่านเลย ทางโน้นก็ยิ่งได้ใจไปน่ะสิ อยากส่งอะไรมาก็ตามใจเขาไม่เข้าไปอ่านหรอก ไม่บล็อกแล้วก็ได้แต่เขาก็จะไม่สนใจเหมือนกัน...
อิงค์
อิงค์
อิงค์จ๊ะ
อิงค์จ๋า
...จะเรียกอีกนานไหมเนี่ย...
ตอบหน่อย
...ให้ตายก็ไม่ตอบหรอก...
ที่รัก
...ใครเป็นที่รักวะ...
อิงค์คิดแล้วรีบหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ตอบกลับไป
ใคร?
ที่รัก?
อิงค์เงียบรออึดใจอีกด้านก็พิมพ์ตอบมา
ที่รักของเสือน้อย
...ยังจะมาเล่นลิ้นอีก! ...
มีอะไรครับ
ฉันอยู่ที่ร้านขายของเล่นแมวแล้ว
มันมีเยอะแยะเลย
เลือกไม่ถูก
คุณแม่เสือน้อยช่วยเลือกให้ลูกหน่อย
...จะพิมพ์ขยักขย่อนทำไมเนี่ย พิมพ์ทีเดียวยาวๆ เลยไม่ได้หรือไงนะ เจ้าพ่อบ้านี่...
แล้วแต่คุณเลยครับ
สักพักสิงห์ก็พิมพ์ตอบกลับมา
มันมีเยอะนี่นา
ลายตาไปหมด
ฉันว่ารอบนี้จะเอาแบบมีกระพรวนด้วย
เวลามันเดินไปไหนมาไหนเธอจะได้ยินเสียง
เธอว่าดีไหม
แต่แบบนี้ก็สวยอะ
*ส่งรูปปลอกคอแบบผ้าพันคอคาวบอยสีกรมท่าติดดาวสีทองมาให้ดู
ลูกพ่อสิงห์ใส่ต้องหล่อมากแน่ๆ เลย
แต่ไม่มีกระพรวน
หรือเราจะซื้อไปติดเองดีล่ะ
*ส่งรูปปลอกคอสีฟ้าติดดอกไม้ทำจากผ้าน่ารักมุ้งมิ้งมาให้ดู
คุณแม่ชอบแบบนี้ไหม
แบบนี้ก็น่ารัก
มีดอกไม้กุ๊กกิ๊กด้วย
อิงค์ที่นั่งเท้าคางอ่านอยู่ อดทนทำใจแข็งไม่ไหวคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ถามไปอีกรอบ
ไหนกระพรวน??
อ่อ
โทดที
ลืมๆ
ก็มันสวยอ่าาา
งั้นแบบนี้ล่ะ
แบบนี้แบบนี้ๆๆ
*ส่งรูปปลอกคอแบบมีกระพรวนลูกเล็กลูกใหญ่ห้อยโดยรอบมาให้ดูครบทุกสีที่ร้านมี
เดินไปทางไหนเสียงดังสะใจแน่นอน
เอาสีชมพูเหมือนเดิมไหม
พ่อตามใจแม่
*ส่งสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม
เด๋วนะ
*ส่งปลอกคอห้อยกระพรวนแบบมีลายเรียบๆ สีฟ้ากับสีชมพูแป๋นแหลนมาให้ดู
หรือจะเอาแบบนี้ดี
เรียบลงมาหน่อย
มะกี้ดูแหววไป
ลูกเราเป็นผู้ชายเนาะ
อันนี้สีชมพูไม่สวยอะแม่
พ่อเอาสีฟ้านะ
...เออจะเอาอะไรก็เอามาสักอันเถอะ
อ๊ะ!
...อะไรอีกกกก~...
แม่ใจเย็นนะ
...เย็นกว่านี้ก็ภูเขาน้ำแข็งขั้วโลกแล้วล่ะจ๊ะพ่อจ๋า...
อย่าใจร้อนรีบเลือก
...ทางนี้ไม่ได้ใจร้อนเล้ยยยย~ ทางโน้นน่ะแหละโลเลเรื่องมากอยู่ได้...
มีนี่อีกๆ
*ส่งรูปปลอกคอติดโบอันใหญ่มีกระพรวนห้อยอยู่ตรงกลางมาให้ดูครบทุกสี
...เออ อันนี้สวยดีแฮะ...
มีโบด้วย
พ่อจำได้ว่าแม่ชอบโบใช่ไหม
...ไม่ต้องทำมาเป็นจำได้เลย...
มีโบกับกระพรวนครบเลย
...ครบแล้วก็จบได้แล้ว เอาอันนี้แหละ เอามาาา~...
ง่า~~~
เยอะไปหมด
เลือกไม่ถูกเลย
รู้งี้ให้เธอมาด้วยก็ดีหรอก
...เอาแบบนี้แหละ ชอบแบบนี้ ขอดูสีก่อน รอแป๊บนึง...
อิงค์
อิงค์
???
ตกลงเอาแบบไหน
ไม่ตอบฉันจะตัดสินใจเองแล้วนะ
...ใจร้อนขึ้นมาเชียว บอกว่าขอดูสีก่อน เดี๋ยววงส่งไปให้...
นี่เลย
...อะไรอีกล่ะ ตกลงร้านนี้มันมีกี่แบบกันเนี่ย เยอะไปหมด...
*ส่งรูปปลอกคอสีดำมีหนามแบบร๊อคเกอร์มาให้ดู
ลูกพ่อสิงห์ขาร็อค
ตกลงเอาแบบนี้นะ
จ่ายเงินล่ะ
...ก็บอกให้รอก่อนไง ไอ้พ่อบ้านี่! ...
อิงค์รีบพิมพ์ตอบไปก่อนจะได้อะไรที่ไม่เข้าท่ามา
เด๋วครับ
ไม่เอาอันนี้
เอาอันนี้
*ส่งรูปปลอกคอที่มีโบอันใหญ่ติดกระพรวนแล้ววงกลมทับอันสีแดงส่งกลับไป
ตกลงนะ
...อิงค์วางโทรศัพท์ลงและถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เซฟปลอกคอสือน้อยไว้ได้ แต่ยังไม่ทันจะนั่งจินตนาการถึงปลอกคออันใหม่ที่ถูกใจบนคอเจ้าแมวส้มสิงห์ก็พิมพ์ต่อมา
แดงเหรอ??
ลูกเราผู้ชายนะ
ดำไหม
ฟ้าก็ยังดี
น้ำตาลอะ
แดงมัน
อิงค์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบกลับไป
มันทำไมครับ
ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อมา เด๋วผมไปซื้อเอง
...ลีลาเยอะจริง...
แดงสวยจ๊ะ
รสนิยมดีมาก ไฮแฟชั่นสุดๆ
สีแดงแรงฤทธิ์ เด่นสะดุดตา
ใส่อยู่หน้าร้าน มองลงมาจากยอดเขาน้อยก็เห็นจ๊ะ
คุณแม่เสือน้อยนี่เลือกเก่งสุดๆ เลยจ๊ะ
*ส่งสติ๊กเกอร์รูปแมวถือกล่องใส่หัวใจพร้อมข้อความ เอาใจไปเลย
...หมั่นไส้! นี่ถ้าอยู่ด้วยกันเจอหยิกเนื้อขาดไปแล้วนะ...
แล้วสิงห์ก็เงียบหายไปสักพัก อิงค์คิดว่าเขาคงกำลังจ่ายเงิน หากอึดใจต่อมาก็ส่งข้อความกลับมาอีก
อิงค์
อิงค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบไป
อะไรอีกครับ
แล้วสีดำแบบนี้ล่ะ
อิงค์ชอบไหม
*ส่งรูปตัวเองช่วงครึ่งล่างของใบหน้าจนถึงกลางอกและเปิดคอเสื้อเชิ้ตให้เห็นปลอกคอหนังสีดำสนิทที่สวมอยู่รอบคอมาให้ดู
จะได้รู้ว่ามีเจ้าของ
อิงค์เผลอกลั้นหายใจกับภาพลำคอเซ็กซี่ที่แสดงขึ้นมา พยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้กดเซฟรูปนั้นแล้วพิมพ์ตอบไป
...เล่นพิเรนทร์อะไรแบบนี้ อยากโดนแส้ฟาดนักหรือไง...
ใครครับ
อิงค์ไง
อิงค์เม้มปากสนิท ...เขาล่ะเกลียดผู้ชายใจร้ายคนนี้จริงๆ ...
ใครถาม?
สิงห์ตอบกลับมาทันที
*ส่งสติ๊กเกอร์หน้าตกใจ
*ส่งสติ๊กเกอร์หน้าร้องไห้
จะฟ้องเสือน้อย แม่ไม่รักพ่อแล้ว
*ส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้เหมียนหมา
อิงค์พ่นลมออกจมูกก่อนจะพิมพ์ตอบ
คุณสิงห์
รีบจ่ายเงิน
อย่าเถลไถล
รีบกลับบ้าน
เสือน้อยรอกินข้าวอยู่
พอกดส่งเสร็จก็ภาวนาว่าให้อีกฝ่ายเลิกตอบมาสักทีแค่นี้หัวใจก็ทำงานหนักจะแย่แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปราณีเขาเลย
แล้วแม่อะ
รอพ่ออยู่ป่าว
*ส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจพร้อมกับคำว่า Love ให้
อิงค์วางโทรศัพท์ลง เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่ตอบโต้อะไรอีก ไม่ว่าสิงห์จะพิมพ์อะไรมาก็ตาม
ถึงจะทำเหมือนตัดรอนกันด้วยความรำคาญเต็มที ทว่า ทุกคนที่อยู่ในร้าน It’ sra ตอนนั้น เมื่อมองเข้าไปในเคาน์เตอร์ก็จะได้เห็นชายหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ จนพวกเขาพากันสงสัยว่าใครกันนะที่เป็นคนที่ชายคนนี้กับกำลังคุยด้วย
########################################################
Note
เพื่ออรรถรส กรุณาเปิดอ่าน #แชทลับของพี่สิงห์ ประกอบค่ะ
https://www.readawrite.com/c/7e698fb103fdb65d475f224ddc810b6b