รีสอร์ทที่พวกเราเข้าพักเป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างดูดีทีเดียว บ้านหลังเล็กๆเรียงรายโอบล้อมสระน้ำสีใส แต่ละหลังถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับดูร่มรื่นมาก แม้บ้านจะใกล้กันและติดกับสระน้ำมากเกินไปก็เถอะ มาทะเลทั้งที เราคงไม่โดดลงสระน้ำหรอก
ผมกับเขานอนหลังสุดท้าย ส่วนพี่แพนกับพี่กัสอยู่หลังติดกัน ผมเพิ่งเห็นเขาสองคนคุยกันก็วันนี้ ถึงจะเป็นบทสนทนาทั่วไป แต่มันก็ช่วยให้บรรยากาศ(ของผม)ผ่อนคลาย เพราะการนั่งจับผิดคนอื่นนี่เหนื่อยจริงๆเลย
“ผมไปเช่ามอไซค์นะ”
อยากกินลมชมวิวคนเดียว ผมเชื่อว่าเขาขับไม่เป็นแน่ๆ
“ไปไกลหรือเปล่า ถ้าไกลก็ไม่ให้ไป”
“ไม่ไกลหรอก แถวๆนี้แหละ”
ใครมันจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อเที่ยวแถวนี้วะ เขาก็ต้องขับไปเรื่อยๆรอบเกาะนั่นแหละพ่อคุณ
“อืม กลับมาเร็วๆล่ะ”
เขาอนุญาต!! ผมกระโดดหอมแก้มหนึ่งทีเป็นการขอบคุณแล้ววิ่งออกมาก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ
“ไปไหนน้องนัท”
พี่กัสตะโกนเรียก หน้าตาพี่เขาดูสดชื่นขึ้นมาก
“เช่ามอไซค์เที่ยวรอบเกาะครับ”
“พี่อยากไปด้วยจัง”
“อย่าไปกวนน้องเลยกัส ให้น้องเขาเที่ยวเถอะ”
พี่แพนเดินออกมาจากบ้านราวกับรู้จังหวะ ผู้ชายตัวโตสองคนมองหน้ากันได้ชั่ววิ พี่กัสจึงส่ายหน้าให้ผม
“งั้นผมไปก่อนนะ”
โบกมือลาทั้งคู่ หนีบรรยากาศอึมครึมที่เริ่มก่อตัว
.
.
.
.
ผมขับรถชมเกาะไปเรื่อยๆ จนเริ่มหิว หาที่พักริมหาดแห่งหนึ่ง หาดนี้คนน้อยกว่าหาดอื่น จึงทำให้สงบและยังเป็นธรรมชาติอยู่
ผมคว้าเอาเป้ที่ข้างในมีขวดน้ำเปล่ากับขนมปังไส้เผือกของโปรดมาแกะห่อ .....อร่อย...ไม่รู้เพราะหิวหรือเปล่า ขนมปังแห้งๆถึงได้อร่อยขนาดนี้ กินไปห่อหนึ่งแล้วยังไม่หายหิวเลย
ผมว่าผมควรกลับได้แล้วหละ
“สวัสดีครับ”
“อ้ะ...ดีครับ”
หนุ่มหล่อหน้าตี๋เข้ามาทักอย่างไม่ต้องเดาจุดประสงค์
เขานั่งลงข้างๆ ยิ้มตาปิด แต่ก็น่ารัก
“ชื่ออะไรครับ ผมมาร์ค”
โหชื่อฝรั่งแต่หน้าโคตรจีน
“นัทครับ มาเที่ยวคนเดียวเหรอ”
“ครับ...นัทก็เหมือนกันใช่มั้ย”
“....มากับเพื่อนน่ะครับ”
ผมปล่อยเบ็ด เราไม่ผิดนะ ว่ากันตามสถานะจริงๆ ผมยังโสดสนิท
“เพื่อนไปไหนหมดครับเนี่ย ทำไมทิ้งคนน่ารักไว้คนเดียว”
เกาหัวแสร้งเขิน “หนีมาครับ แต่ว่าจะกลับแล้วแหละ”
“ให้ผมไปส่งมั้ย ผมมีรถนะ คุณพักที่ไหน”
“ที่รีสอร์ทxxครับ แล้วผมก็ขับมอไซค์มาด้วย”
“อ้าวที่เดียวกัน งั้นเราขับคู่กันไปดีมั้ย”
ผมนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้าส่งยิ้ม
ชอบเวลาเขายิ้ม มันน่ารักและจริงใจ
พลางนึกไปถึงคนที่รีสอร์ท ...ยิ้มแค่ตอนที่เราอ้อน เราตามใจ....ผู้ชายนิสัยเสียพรรค์นั้นมีคนชอบได้ยังไงกันนะ
ผมคุยกับมาร์คไปตลอดทางที่เราขับรถช้าจนเต่ายังเรียกพี่ จึงได้รู้ว่ามาร์คน้อยกว่าหนึ่งปี เจ้าตัวกำลังเรียนปริญญาโทบริหาร เพราะต้องสานต่อธุรกิจของพ่อแม่ เป็นลูกคนจีนก็งี้แหละนะ ร่ำรวยทุกคน
มาร์คเป็นคนคุยเพลินมากๆ หรือเพราะผมมัวแต่มองหุ่นเขาด้วยก็ไม่รู้สินะ ทั้งล่ำทั้งบึ้กเหมือนนายแบบ ....ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เขาบอกว่าเคยถ่ายแบบและโฆษณาอยู่หลายครั้งสมัยเรียนปริญญาตรี และเพิ่งมาเลิกเอาตอนต่อโท
ผมอดเสียดายไม่ได้...ที่ไม่เคยเห็นผลงานเจ้าตัวเลย ...ฮ่าๆ เราเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ให้ผมไปส่งที่บ้านพักมั้ย”
“ไม่เป็นไรๆ มาร์คไปพักผ่อนเถอะ”
ผมเดินผละออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
สายตาจริงใจของมาร์คทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น รู้สึกว่าเรามีคุณค่ามากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
หัวใจขุ่นๆถูกชำระให้สะอาดขึ้นอีกครั้งด้วยรอยยิ้มอาตี๋หน้าแป้น
“พักไกลนะครับเนี่ย”
“อะ!...ตามมาด้วยเหรอ??”
ผมเบรกกึก อีกสามก้าวก็จะถึงประตูบ้านแล้ว ขืนเขาตื่นอยู่ล่ะซวยแน่
แล้วพี่แพนกับพี่กัสไปไหนวะเนี่ย บ้านปิดไฟมืดเชียว....
“บ้านมาร์คอยู่ไหนอ่ะ”
ผมถามแก้เก้อ จะถ่วงเวลาให้เขากลับไป
“หลังที่สอง แต่อยากเดินมาส่ง เห็นว่าไกล”
“ถึงแล้วแหละ ขอบใจนะ บ๊ายบาย”
ตัดสินใจโบกมือไล่ เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตู
โอ่ย....ไปสิมาร์ค อยากโดนฆ่าตายใช่มั้ย!
ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ไปจับตัวมาร์คให้หันหลังกลับ เมื่อเขาดันเปิดประตูออกมาพอดี
แววตาดุดันของเขาชะงักเพียงครู่ก่อนจะกระทืบเท้ามาทางผม ซึ่งมาร์คหันหน้ากลับมาแล้ว
สายตาอย่างกับจะฆ่าคนได้จ้องเผงมาที่มาร์ค แล้วเลื่อนมาฆ่าผม
“ชื่อไร?”
น้ำเสียงกระแทกไม่เป็นมิตรสักนิด
“มาร์ค....”
ผมกุมขมับ.....สงครามจะเกิดก็คงต้องทำใจล่ะ
“มาทางไหนกลับไปทางนั้น”
เขาดึงแขนผมให้เข้าหาตัว กลิ่นเหล้าจางๆบ่งบอกว่าจะคุมสติไม่ไหวแน่
มือแกร่งรวบเอวกอดแน่น และจิกแผ่นหลัง....จงใจประกาศกร้าวว่าผมเป็นเพียงข้าทาสรองบาท รองรับอารมณ์
ทันทีที่มาร์คหันหลังกลับไป ผมก็ขืนตัวออก และตีไหล่เขาอย่างแรง ....ขี้ขลาดเกินกว่าจะตบหน้า
ขืนโดนต่อยกลับ มันไม่คุ้มน่ะสิ
“ปล่อยไว้ไมได้เลยนะ หาผัวใหม่ตลอด”
“แล้วยังไง?”
“ทำตัวแบบนี้ไม่กลัวคนเขาว่าหรือไง ข่าวเดี๋ยวนี้มันไปเร็วนะ”
“คุณต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอคุณภพ คุณอยากยึดผมไว้ด้วยข่าวคาวของผม ...แล้วนี่ไม่ดีหรือไงที่ผมมอบกายถวายตัวลงไปคลุกคลีเอง”
ผมพูดเสียงสั่น ทั้งท้อใจทั้งอยากสู้
“คุณจะเอายังไงกันแน่ บอกผมมาเลยดีกว่า ไม่อยากทนละ ทะเลาะกันทุกวันทุกเวลา”
ผมกอดอก ทำท่ากวนประสาท
“ก็ถ้าไม่ไปอี๋อ๋อกับไอ้นั่น เราจะมาทะเลาะกันมั้ยล่ะ”
เขาชี้ลมชี้ฟ้าด้วยเริ่มโมโห กัดฟันพูดข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุ
ถ้าเขาทำร้ายร่างกายเราคราวนี้นะ ผมแจ้งตำรวจแน่
“คุณหวงผมในฐานะอะไร คุณเอาผมมาบำเรอคุณก็ต้องยอมรับสิ เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ....หรือคุณคิด..?.”
ผมชะงัก....ไม่น่า..ไม่ใช่แบบนั้นหรอก
ผมกลัว ผมไม่กล้ารักคนโมโหร้ายแบบนี้หรอก
อดีตที่แอบชอบ...มันก็แค่อดีต
“รู้มั้ย..ว่าฉันเคยเลวขนาดไหน”
“.......”
ถึงชั่วโมงเปิดอกกันแล้วเหรอ เข้าบ้านก่อนมั้ย
ถ่วงเวลา ไม่อยากฟังเขาให้เราใจอ่อน
“คบคนไม่เลือกหน้า หลอกฟันไปวันๆ....แต่พอได้เจอเกย์หน้าซื่อๆคนนึง กลับหลงมันหัวปักหัวปำ แต่เพราะไม่กล้าจีบ ถึงได้ชวดไป”
เขาก้าวชิดผม โน้มใบหน้าเราให้อยู่ติดกันจนแทบใช้ลมหายใจเดียว สองมือแกร่งรั้งเอวผมไว้ไม่ให้ไปไหน
“แล้วไงละ....มันเสือกส่งจดหมายบ้าๆให้ไปหาวันรับปริญญา ไอ้โง่คนนึงมันก็เชื่ออีก
......มันเป็นคนแรกเลยนะที่รัก...และลืมไม่ลง”
ผมพูดไม่ออก
สมองตั้งคำถามว่านี่ใช่เรื่องจริงแน่หรือ
หรือเขาเพียงแค่สร้างเรื่องมากล่อมอารมณ์เรา
แต่ทำไมสายตาคู่นี้มัน.....มันเหมือนเมื่อวันนั้น
“คนๆนั้นไม่น่าจะอยู่แล้วใช่ไหม”
ผมยิ้มแหยๆ ลูบแขนเขาให้ใจเย็นๆ
“ใช่....ตายไปแล้ว”
ผมกลืนก้อนร้อนในอก เสหลบตาทำอะไรไม่ถูก
ดวงตาที่ว่างเปล่าของเขาตอกย้ำความรู้สึกได้ดี
เราคือรักแรกของเขา....ที่ตายไปแล้ว?
“เฮ้ยสวีทกันอยู่ได้ น้องเขาหิวข้าวแล้วมึง”
พี่แพนตัวโตเปิดประตูเรียกเราสองคน
ผมผละออก ปั้นยิ้มสดใสใส่นายช่าง
“นัทหิวมากๆเลยครับพี่”
ลูบท้องทำท่าทางน่าเอ็นดู เดินเข้าบ้านโดยมีเขามาดนิ่งตามหลัง
ผมนั่งกินข้าวไป มีพี่อีกสามคนก๊งกัน
ผมเกลียดบรรยากาศอึดอัดนะ ถ้าเลี้ยงได้ก็จะเลี่ยง แต่ตอนนี้เรากลับเป็นเสียเอง
ทั้งพี่กัสที่พูดกับพี่แพนน้อยคำ
และผมที่เซ็งเกินกว่าจะปั้นสีหน้า
.....พูดกับตัวเอง ตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะเอายังไง
เราควรสงสารเขาดีไหม
เราควรใช้ชีวิตนับจากนี้ยังไง
เพราะดูเหมือนเขาก็ไม่แคร์เรื่องแบล็คเมล์กุข่าวผมเท่าไหร่แล้ว ....เขากลับแคร์..เรื่องในชีวิตจริงมากกว่า
..................................
เช้าวันต่อมาผมตื่นนอนเพื่อเจอเขาเคียงข้าง
ใบหน้าดูอิดโรยและหนวดเริ่มรกครึ้ม
“คงผิดหวังมากสินะ ที่ผมไม่ใช่เกย์แสนซื่ออย่างที่คุณคิด”
เบื่ออาการก้อนจุกในอกนี่จริงๆ
ผมสะบัดหัวไล่ความอึดอัดในใจ แล้วลุกขึ้นเปลี่ยนใส่ชุดออกข้างนอก
พระอาทิตย์กำลังขึ้น แสงสีส้มเริ่มเปล่งแตะขอบฟ้า
ผมค่อยๆก้าวออกจากบ้านและพบกับพี่แพนพี่กัสนั่งคุยกันเงียบๆริมหาด
เรื่องตัวเองยังจัดการไม่ได้ ก็อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นเลยดีกว่า
หาดยามเช้าเป็นอะไรที่ควรค่าแก่การตื่นมาชม
ผมเดินเลียบริมหาด เล่นกับกระแสคลื่นเล็กๆไปมา เห็นหลายคนทยอยออกมาสูดอากาศยามเช้ากันบ้างแล้ว หนึ่งในนั้นคือตี๋มาร์ค
“ยิ้มตาหยีมาแต่ไกลเชียว”
“คุณไม่บอกผมว่ามีแฟนแล้ว”
มาร์คยืนห่างจากผมมากกว่าเมื่อวาน ผมสลดลงแต่ก็ฝืนยิ้ม
“ขอโทษทีนะ”
“แต่เราเป็นเพื่อนกันได้นะ”
มาร์คพูดแทบจะทันที
รอยยิ้มเขาช่างสดใส.... ตัดภาพไปที่คนข้างหลังที่กำลังเดินมาหน้าบึ้ง
หน้าเขาเหมือนหลุมดำในอวกาศ
“มีปัญหาอะไรกับแฟนผม”
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้ที่เราคิดมากเมื่อคืนนี้ไม่มีประโยชน์
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ขอโทษจริงๆ นี่ก็ทักตามประสาคนเที่ยว”
มาร์คก้มหัวแสดงความจริงใจและแววตาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เขาจึงอ่อนลง ขยับตัวมาโอบไหล่ผมแสดงความเป็นเจ้าของ
“งั้นก็แล้วไป เข้าใจอะไรง่ายก็ดีนะน้อง ใจจริงพี่ไม่อยากมีเรื่องหรอก ไปนัท มีเรื่องต้องคุยกัน”
ร่างสูงพาผมกลับมาบ้านพัก พอประตูปิดลงเราก็โดนหอมแก้มฉับ
“เป็นแฟนกัน ....”
“ห้ะคุณ!?”
รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา
“จะมาตกใจอะไร หมั้นก็หมั้นแล้ว ข้ามขั้นตอนมาตั้งเยอะ พูดแค่นี้น่าตกใจตรงไหน”
“อะ..เอ่อ...เรื่องหมั้นน่ะ คุณกุมาเองไม่ใช่เหรอ แถมยังไม่เคยขอพ่อแม่ผมด้วย”
จะว่าฝันก็ไม่เชิง เป็นความรู้สึกเหมือนละเมอมากกว่า
อยากควักหัวใจคุณออกมาดู ว่าทำไมถึงได้คิดแบบนี้
“เดี๋ยวกลับจากนี่จะไปขอ”
“ขอไม่ได้ พ่อแม่ยังไม่ยอมรับคุณ แล้วก็นะ...คุณน่ะไม่ชอบคนนิสัยอย่างผมหรอก”
“รู้แล้ว ก็ไปฝากเนื้อฝากตัว ซื้อของให้ ไปหาบ่อยๆ แค่นี้ก็ใจอ่อนละ”
เขาพูดหน้าตาย
“เอ่อ...คุณอยากจริงจังกับผมเหรอ...? นี่..เป็นแบบเดิมได้นะ ผมไม่มายด์หรอก”
แรงบีบที่ต้นแขนเพิ่มขึ้นทันทีที่ผมพูดจบ
“ใจร้ายจังวะ”
นี่คนขอเป็นแฟนเขาทำกันแบบนี้?
ผมล่ะอยากจะขำ
“จะเป็นมั้ยเนี่ย ศึกษาไง ไม่ขู่แล้ว ยกเลิกแม่งทุกอย่างที่สั่ง”
เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง หน้านิ่วอย่างเด็กถูกขัดใจ
“รักผมแล้วเหรอ?”
แกล้งถามเขาดู
“ศึกษาน่ะศึกษา เข้าใจป้ะ?”
พูดดีๆก็ได้ ทำไมต้องแว้น
ยี่สิบแปดแล้วนะคุณ
“เข้าใจคร้าบ พอใจมากด้วย”
ผมลูบต้นแขนคนหายใจแรงอย่างกับเสือโกรธ
“ก็ดีแล้ว”
“งั้นคุณต้องตกลงกันก่อนนะว่าจะไม่สร้างคลิปเสียๆให้ผม ไม่ทำร้ายผม...ทั้งกายและจิตใจ แล้วก็...ดูแลผม เหมือนที่คนเป็นแฟนดูแลกัน แล้วผมก็จะเป็นแฟนคุณ”
เขาพอใจกับคำต่อรอง ทำให้ผมรู้สึกกล้าขึ้นมาอย่างประหลาด
(หน้าตอนขอเป็นแฟน)
...........................
ขอโทษค่า หายไปนาน555
คะแนนมันออกไว ใจไม่ดี ปีนี้ได้ด็อกแน่นอนญี่ปุ่นของช้าน
เลยหลบไปทำใจ ซื้อน้ำหอมมาเชยชมให้สะใจเล่นๆ
ก่อนหน้านั้นก็ทำบัตรเอทีเอ็มหายอีก ดีนะเงินยังอยู่ ไม่งั้นตายๆ
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เราเลยต้องเอาความสุขมากลบเรื่องทุกข์ๆนะจริงไหม