บทที่ 202 Dragon’s Nest
เฟี๊ยตตื่นขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพลิกกายแล้วพบว่าพื้นที่ด้านข้างว่างเปล่า เขาก็ลืมตาขึ้น และพบว่าคนที่นอนข้างเขาเมื่อคืนนี้เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เด็กหนุ่มจอมยียวนนั่นใส่ผ้าขนหนูหนึ่งผืนพร้อมกับใช้ผ้าผืนเล็กอีกผืนขยี้เส้นผมขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
“กันต์หละ” เขาเอ่ยถามหลังจากที่กวาดสายตาไปรอบห้องแล้วไม่พบกับเพื่อนอีกคน
“ออกไปเดินสำรวจอะไรของมันก็ไม่รู้”
ธันตอบอย่างง่ายๆ พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูที่เช็ดผมเมื่อครู่เปลี่ยนมาเช็ดตามลำตัวที่มีน้ำจากเส้นผมหยดลงมาทำให้เปียกอีกครั้ง หลังจากที่น่าจะเช็ดจนแห้งไปแล้วก่อนหน้านี้
“เออๆ กูไปอาบน้ำและ”
เฟี๊ยตตอบอย่างรับคำ ก่อนจะลุกขึ้นเข้าห้องน้ำเป็นคนถัดไป ธันที่กำลังจะหยิบเสื้อผ้ามาใส่นั้นก็ทำแค่เพียงมองตามหลังไปจนประตูห้องน้ำนั้นปิดสนิทดี
กว่าที่เฟี๊ยตอาบน้ำเสร็จ กันต์ก็กลับมาถึงห้องเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มผิวขาวจึงได้รู้ว่าความจริงที่เพื่อนออกไปจากห้องตั้งแต่เช้านั้นเพื่อหาที่พักแห่งใหม่ที่ห้องนอนสามารถรองรับผู้เข้าพักสามคนได้ ซึ่งกันต์ก็หาได้เป็นที่เรียบร้อย
สถานที่พักผ่อนแห่งใหม่มีลักษณะคล้ายเซอร์วิสอพาตเมนท์มากกว่าที่จะเป็นโรงแรม ลักษณะของมันเป็นห้องพักขนาดไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่บนตึกสูง แน่นอนว่าความสะดวกสบายของมันเทียบกับโรงแรมในคืนแรกที่พวกเขาพักไม่ได้เลย แต่กันต์ก็ยืนยันว่าควรจะย้ายมาที่พักแบบนี้ เพราะไม่รู้ว่าในระยะยาว พวกเขาจะต้องอยู่ในเมืองนี้นานแค่ไหน การพักที่พักแบบนี้จะช่วยประหยัดเงินได้มากกว่า เพราะที่พักในเมืองมีนาคมนั้นถือว่าราคาแพงมากทีเดียว
หลังจากย้ายมาเช็คอินที่พักแห่งใหม่เป็นที่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสามคนก็ออกไปเดินชมเมืองมีนาคมให้เต็มตา หลังจากที่แทบจะไม่ได้สนใจเลยตอนเข้ามาในครั้งแรก เพราะมัวแต่ห่วงในอาการป่วยของเพื่อนร่วมทีม
เมืองที่พัฒนาแล้วน่าจะใช้อธิบายสภาพเมืองมีนาคมได้ดีที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ผังเมืองถูกจัดสรรมาอย่างดี ตึกรามบ้านช่องสูงเสียดฟ้าเหล่านั้นเคียงคู่กันอย่างลงตัวราวกับว่าถูกจัดไว้อย่างเหมาะสม
คนที่ตื่นเต้นสนใจที่สุดน่าจะหนีไม่พ้นธันที่ชี้ให้เพื่อนทั้งสองมองตึกโน้นตึกนี้อย่างไม่หยุดหย่อน เด็กหนุ่มอธิบายให้เข้าใจถึงเหตุผลทางสถาปัตยกรรมต่างๆ มากมาย ตั้งแต่แนวคิดในการสร้าง การวางโครงสร้าง ไปจนถึงยุคสมัยในประวัติศาสตร์ที่น่าจะเป็นต้นแบบของสิ่งปลูกสร้างนั้น ธันในขณะนี้เหมือนย้อนอายุกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง สายตาขณะที่ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นดูมีความสุขฉายชัดออกมาอย่างปิดไม่มิด ความเป็นเด็กของธันในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องราวของความงี่เง่าไร้สาระอะไรทั้งสิ้น หากแต่เป็นความชัดเจนในสิ่งที่รักต่างหากที่ดูเหมือนเป็นคุณสมบัติที่ผู้ใหญ่หลายคนหลงลืมมันไป ซึ่งอาจจะรวมถึงตัวเขาเองด้วยซ้ำ
“ในทางฮวงจุ้ย ตึกแห่งนี้ถือว่าทรงพลังมากที่สุดในเมืองแห่งนี้เลยนะ”
ธันเปรยให้ฟังเบาๆ หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนเดินลัดเลาะมาจนถึงตึกรังมังกรที่เป็นวิหารของเมืองมีนาคมแห่งนั้น
“ทำไมวะ”
กันต์ถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะตัวเขาเองเคยมาตึกแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่เขาเองก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันแตกต่างจากตึกอื่นที่เรียงรายกันอยู่ในเมืองนี้แต่อย่างใด
“มึงไม่สังเกตเหรอ ด้านหลังของตึกนี้เป็นภูเขาที่เป็นตัวแทนของหยิน หรือความสงบนิ่ง ในขณะที่ด้านหน้าเปิดสู่ทะเลซึ่งเป็นตัวแทนของหยางหรือความวุ่นวาย พวกมึงลองดูดิว่าด้านหน้าของตึกนี้ไม่มีตึกสูงบังทิศทางระหว่างตึกกับทะเลเลย แปลว่าคนวางผังเมืองต้องตั้งใจเรื่องนี้อย่างมาก ไม่งั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่มีตึกมาขวางพลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ” ธันอธิบาย พร้อมกับชี้มือไปตามคำบอกเล่า
“เฮ้ยยย มันลึกล้ำขนาดนั้นเลยเหรอ” เฟี๊ยตเอ่ยถามอย่างสนใจ
“มันแล้วแต่ความเชื่อของเจ้าของแหละว่าจะต้องการฮวงจุ้ยระดับไหน ตึกนี้นี่เรียกได้ว่าเป็นตึกที่ฮวงจุ้ยสวยมากที่สุดที่กูเคยเห็นเลยนะ หลังติดภูเขา หน้าเปิดสู่ทะเล เสียดายว่าภูเขาข้างหลังเตี้ยไปหน่อย ไม่งั้นจะเพอร์เฟ็คมาก” ธันพูด
“จริงด้วยหวะ” กันต์พึมพำตอบกลับมาอย่างพิจารณา
“ถ้าให้กูเดานะ กูว่าตึกนี้ต้องมีธุรกิจเกี่ยวกับการพนันแน่นอน” ธันพูดต่อ
“หือ” เฟี๊ยตหันหน้ามามองอย่างสนใจ ตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องต่อสู้ออกแนวบู๊อะไรเสียอีก
“มึงดูทางเข้าตึกสิ มันเป็นลักษณะเหมือนทางเข้าของปากมังกร เสาสองข้างนั้นเป็นเขี้ยว ตึกนี้ให้หัวมังกรอยู่ด้านล่าง ทั้งๆ ที่ปรกติตึกทั่วไปควรจะวางหัวมังกรไว้ข้างบน ตึกนี้เจ้าของตั้งใจให้คนเข้าไปข้างในทุกคนผ่านเขี้ยวมังกรไปก่อน นัยว่าจะเคี้ยวดวงผู้เล่นให้แหลกละเอียด” ธันอธิบายความคิด โดยมีเฟี๊ยตเคลื่อนสายตามองไปตามคำบอกเล่า
“มึงเดาไม่ผิดหรอก” กันต์ตอบกลับมาอย่างยิ้มๆ
“วิหารมีนาคมเป็นคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเกมนี้” ชายหนุ่มคนนั้นต่อประโยคนั้นให้จบจนสมบูรณ์
‘ไบเบิ้ล’
“นายท่าน”
‘ขอสถิติเกี่ยวกับวิหารเมืองมีนาคมหน่อย’
“วิหารเมืองมีนาคมมีสถิติการเข้าถึงของผู้เล่นในเกมสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับวิหารอยู่ในเกม ยอดล่าสุดอยู่ที่ 4,317 คน ในขณะที่บางวิหารมีสถิติการเข้าถึงแค่หลักหน่วยเท่านั้น” ไบเบิ้ลกระซิบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
‘สถิติผู้เสียชีวิต’
“0 นายท่าน สถิติการเสียชีวิตจากการเข้าร่วมการแข่งขันของวิหารเป็น 0 หากจะมีก็เป็นการเสียชีวิตจากการทะเลาะวิวาทกันเอง ซึ่งทางระบบไม่มีการรวบรวมข้อมูลเอาไว้” ไบเบิ้ลตอบข้อสงสัยของผู้เป็นนาย
‘การแข่งขันเหรอ มีข้อมูลการชิงการ์ดในวิหารมีนาคมมากกว่านี้ไหม’ เฟี๊ยตถามอย่างสงสัย
“วิหารเมืองมีนาคมคือคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเกมนี้ ภายในจะแบ่งโซนออกเป็นหลายส่วน ตั้งแต่ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงละคร รวมไปถึงคาสิโน โดยลานกิจกรรมตรงกลางที่สถานที่ที่จัดให้ผู้ร่วมเกมสามารถเข้ามาเพื่อชิงของรางวัลโดยใช้ดวงเป็นเครื่องแข่งขันได้”
‘ดวง?’
“ใช่แล้วนายท่าน วิหารแห่งนี้ไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละวัน โดยผู้เล่นจะต้องเสี่ยงดวงไปเรื่อยๆ ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะไปถึงจุดสูงสุดของวิหารได้ ส่วนผู้ตกรอบก็ต้องออกจากกิจกรรมไป และไม่สามารถเข้าร่วมซ้ำได้อีกจนกว่าจะครบเวลา 3 เดือน”
‘ใช้แค่ดวงเท่านั้นเหรอ’
“ไบเบิ้ลก็สุดจะอธิบายนายท่าน นายท่านลองเข้าร่วมกิจกรรมสักครั้ง นายท่านก็จะเข้าใจภาพของเมืองมีนาคมนี้เอง”
กันต์เป็นผู้เดินนำเพื่อนทั้งสองคนเข้าไปยังวิหารแห่งนั้น ธันเองก็มัวแต่สอดส่องลักษณะทางเข้าตึกนั่นอย่างสนใจ ในขณะที่เฟี๊ยตก็กำลังหารือกับไบเบิ้ลอยู่ จวบจนพวกเขาทั้งสามคนมายืนอยู่หน้าเคานเตอร์ประชาสัมพันธ์แล้วนั่นแหละ ธันกับเฟี๊ยตจึงได้ฤกษ์กลับมาสนใจเรื่องตรงหน้าอีกครั้ง
“สมัครเข้าร่วมกิจกรรมครับ” กันต์เอ่ยขึ้นกับหญิงสาวที่ยืนอยู่บริเวณส่วนต้อนรับของคาสิโนแห่งนั้น
“สมัครเข้าร่วมประเภทเดี่ยวหรือทีมคะ” หญิงสาววัยรุ่นคนนั้นถามมาด้วยน้ำเสียงหวานใส
“ต่างกันอย่างไรบ้างครับ” คราวนี้เป็นเสียงธันที่เอ่ยถามออกไป
“ประเภทเดี่ยวแข่งขันคนเดียวค่ะ ของรางวัลก็ได้คนเดียว ส่วนประเภททีมแข่งขันร่วมกันค่ะ แต่ของรางวัลก็ได้ทีมละชุดเท่าประเภทเดี่ยวค่ะ”
สาวสวยคนนั้นตอบออกมาอย่างฉะฉาน หลังจากประโยคนั้นจบ กันต์หันมามองหน้าเพื่อนทั้งสองเล็กน้อย ในขณะที่ธันก็หันมาที่เฟี๊ยตเช่นกัน
“ทีมครับ” เฟี๊ยตตอบออกไปอย่างแน่วแน่ โดยที่เพื่อนทั้งสองก็ไม่มีทีท่าจะคัดค้านแต่อย่างใด
“ขออนุญาตแสกนนาฬิกาข้อมือเพื่อยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมค่ะ” หญิงสาวพูดต่ออย่างคล่องแคล่ว
ชายทั้งสามเอื้อมมือของตนไปตรงหน้าให้หญิงสาวคนนั้นใช้เครื่องมือที่มีลักษณะหน้าตาเหมือนเครื่องแสกนบาร์โค๊ดออกมาแสกน ทุกครั้งที่แสกนจะมีเสียงร้องดังเบาๆ ที่เครื่องนั่น พนักงานต้อนรับคนนั้นก้มลงคีย์ข้อมูลอะไรในคอมพิวเตอร์ตรงหน้าอีกเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหาพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่กิจกรรมบุกรังมังกรค่ะ กติกามีง่ายๆ คือ ใช้ดวงของผู้เล่นผ่านด่านไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ผ่านด่านไปได้ ระบบจะนำคุณไปสู่ชั้นที่สูงขึ้นไปตามลำดับ โดยผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่เป็นคนหรือทีมสุดท้ายเท่านั้นที่จะได้รับรางวัลของกิจกรรมนี้ไป โดยของรางวัลของเกมนี้จะพิจารณาตามระดับความสามารถตลอดกิจกรรมและจะเสนอให้ผู้ชนะการแข่งขันเท่านั้น เงื่อนไขง่ายๆ มีแค่ 3 ข้อค่ะ ผู้แพ้ต้องออกจากเกมทันที ผู้ที่ใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นต้องออกจากเกมทันที และผู้ที่ออกจากเกมจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้อีกครั้งเมื่อผ่านเวลาไปอย่างน้อย 3 เดือนเท่านั้นค่ะ มีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” หญิงสาวคนนั้นยิ้มอย่างมืออาชีพ
“ไม่มีครับ” เฟี๊ยตตอบเรียบๆ
“ถ้าอย่างนั้นเชิญที่ประตูด้านหลังค่ะ กิจกรรมจะเริ่มเวลาประมาณ 10 นาฬิกา อาจจะต้องรอสักครู่นะคะ”
พนักงานคนนั้นผายมือไปประตูทางด้านหลังที่ตั้งอยู่โดดเด่นอยู่เพียงประตูเดียว ซึ่งแตกต่างกับทางแยกสายอื่นที่เป็นช่องทางเดินลึกเข้าไปที่เผยให้เห็นเส้นทางที่มุ่งหน้าไปอย่างชัดเจน
ชายทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังประตูนั้นอย่างแน่วแน่ มือของธันเป็นคนผลักประตูหนานั่นเข้าไปยังด้านในที่เป็นสถานที่เข้าร่วมกิจกรรมแห่งนั้น
ทันทีที่ประตูนั้นเปิดกว้างออกเฟี๊ยตก็ต้องขนลุกขึ้นด้วยความไม่คาดคิดในภาพตรงหน้า ประตูนั้นพาพวกเขาไปยังห้องโถงขนาดกว้างขนาดราวสนามบาสเก็ตบอลต่อกัน 4 สนามเห็นจะได้ ภายในเต็มไปด้วยผู้เข้าร่วมมากหน้าหลายตายืนกันอยู่อย่างแน่นขนัดไปหมด รอบด้านของห้องโถงนั้นประกอบด้วยประตูย่อยเล็กๆ น้อยๆ มากมาย คือเขาก็คิดอยู่ว่าน่าจะมีคนเข้าร่วมอยู่มาก แต่เขาก็ไม่คาดการณ์ว่ามันจะไม่มากมายขนาดนี้
“ไม่มีชี่”
เสียงของเด็กหนุ่มสายฟ้าดังขึ้นมาจากด้านข้างของเขา ดวงตาของเด็กนั่นกำลังพิจารณาไปยังผู้เล่นที่ยืนอยู่เต็มไปหมดในเวลานี้
“ใช่ คนในห้องนี้ส่วนใหญ่นี้ไม่มีชี่ ไม่ใช่คนจริง เป็นแค่คนในเกมเท่านั้น”
เฟี๊ยตสำทับขึ้น ดวงตาของเขาในเวลานี้ก็ปรากฏเค้ารางสีขาวเทาขึ้นอ่อนๆ ถึงเขาจะตกใจอยู่บ้างในช่วงแรก แต่เมื่อพิจารณาตามข้อเท็จจริง ผู้เล่นที่เคยมาวิหารนี้แค่หลักพันเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนเข้าแข่งขันหลายร้อยคนในแต่ละวันเช่นนี้
“ตัวหลอกไง”
กันต์พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มตรงมุมปาก ซึ่งคำพูดนั้นก็เรียกให้เพื่อนทั้งสองหันมามองอย่างสนใจในความหมาย
“ตัวหลอกที่เอาไว้หลอกให้เราเชื่อว่าดวงของเรากำลังจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน สังเกตพฤติกรรมตัวหลอกเหล่านี้ให้ดี!”
ติดตามข้อมูลข่าวสาร :
www.facebook.com/allornonetheauthor จากผู้แต่ง : ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆ บางคนคอมเมนท์ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมนี่ฟินสุดๆ ไปเลย อ่านแล้วอ่านอีก เป็นแรงให้แต่งต่อไป (หลายคนด่าว่านี่มีแรงแต่งแล้วเร๊อะ 555) ผมคงจะไม่ได้ตอบทุกความเห็น เพราะว่าถ้าให้ตอบก็คงตอบเหมือนกันหมดว่าขอบคุณมากครับที่ให้กำลังใจกัน ความจริงอาทิตย์นี้ผมไปต่างประเทศมา เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน อยากจะเบี้ยวอีกสักอาทิตย์ (ปาไข่เน่ามาเลยครับ ผมผิดไปแล้ว T___T) แต่พอมาอ่านคอมเมนท์ยาวๆ น่ารักๆ จากผู้อ่าน ผมก็ฮึดแต่งต่อจนคลอดตอนนี้ออกมาจนได้ (อู้งานวันศุกร์เช้าแต่งให้หลายชั่วโมง ถ้าเจ้านายรู้นี่โดนไล่ออกแหงมๆ รับอุปการะผมด้วย ฮา )
เข้าเรื่องครับ วันที่ 22 กรกฎาที่ผ่านมาเป็นวันเกิดผมเองครับ ผมอยากจะขอคอมเมนท์หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับนิยายของผมเป็นของขวัญวันเกิดได้ไหมครับ อยากอ่านคอมเมนท์เยอะๆ ยาวๆ เป็นกำลังใจในปีนี้ ผมรู้น้า หลายคนอ่านมาสองร้อยกว่าตอนแต่ยังไม่เคยเม้นสักตอนเลย เม้นให้ผมหน่อยนะครับ วันเกิดผมมีแค่ปีละครั้งเอง พลาดครั้งนี้ไป กว่าที่ผมจะมาอ้อนขอของขวัญอีกทีก็ปีหน้าเลยนะครับ รอนานแย่
ขอของขวัญวันเกิดให้ผมหน่อยนะครับ
อ้น