Episode 27
"ธามล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันหรอ" น้ำเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องตามที่นัดกันไว้...ทั้งที่น่าจะมาพร้อมกัน แต่โจ้กลับมาคนเดียว
"ไม่รู้มัน..."
"โจ้ไม่ได้คุยกับธามหรอ"
"เปล่า..."
"..."
"มันไม่คุยกับโจ้มากกว่า...กินมื้อเที่ยงยัง ซื้อของมาเพียบเลย" โจ้ตอบน้ำแค่นั้นก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไป...น้ำจะปล่อยเรื่องนี้ไปก็ได้ แต่นี่มันนานเกินไป จนน้ำเองก็รู้สึกว่าจากที่สนิทกันมันเริ่มห่าง โจ้เองก็คงรู้ข้อนี้ดี ยังไม่ทันที่น้ำจะเดินเข้าไปช่วยโจ้จัดการกับบรรดาอาหารต่างๆเสียงออดก็ดังขึ้นมาเรียกความสนใจให้น้ำเปลี่ยนเส้นทางไปยังประตูเพื่อเปิดให้คนที่อยู่ในการสนทนาเมื่อสักครู่เข้ามา สีหน้าอิดโรยและร่างกายที่ดูผอมลงกว่าเดิมทำให้น้ำแปลกใจไม่น้อย...แม้แต่โจ้เองก็ยังอดแปลกใจกับสภาพของคนตรงหน้าไม่ได้
...ระยะเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ ที่ทำได้แค่เดินผ่านกันไปมาภายในคณะ...แม้แต่คาบเรียน ธามก็แทบไม่เฉียดเข้ามาในสายตาของโจ้เลยแม้แต่น้อย จนอดคิดไม่ได้ว่าความห่างไกลนี้มันเกิดมาจากอะไรกัน และทำไม่ในใจเขาถึงได้รู้สึกวูบโหวงแบบนี้...มันจะรู้สึกแบบเดียวกันกับที่เขากำลังรู้สึกรึเปล่า
ธามเดินเข้าห้องมาะร้อมกับถุงข้าวของเต็มสองมือ ส่งยิ้มจางๆให้กับน้ำก่อนจะเดินผ่านโจ้เข้าไปวางของไว้บนโต๊ะเดียวกันแต่ห่างออกไปคนละมุม...สิ่งที่ธามทำ ราวกับโจ้เป็นอากาศธาตุ...ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ทำไมกันวะ ทำไมแม่งกลายเป็นแบบนี้ไปได้...
"น้ำกินไรยัง...ธามหิวละมากินกัน" ธามเอ่ยชวนคนตัวเล็กพร้อมกับรอยยิ้มบางๆก่อนจะหันหลังเดินเข้าครัวไปหยิบถ้วยจาน น้ำมองหน้าโจ้ที่แสดงสีหน้าชัดเจนว่าอึดอัดและสับสน ก่อนจะเดินตามเข้าไปช่วยธามหยิบเตรียมของออกมาวาง
ทั้งสามคนช่วยกันหยิบกับข้าวออกมาจากถุงแกะใส่จานทีละอย่าง สิ่งที่น้ำเห็นคือกับข้าวจานโปรดที่ทั้งธามและโจ้ซื้อมาให้เขา...กับข้าวสามอย่างที่ถูกแกะใส่จานน้ำคิดว่ามากพอแล้วสำหรับสามคน แต่น้ำกลับเห็นถุงกับข้าวที่อยู่ในมือของโจ้กับธามอีกคนละถุง
กับข้าวในมือธามคือ...ของโปรดโจ้
กับข้าวในมือโจ้คือ...ของโปรดธาม
ทั้งโจ้และธามเหลือบตามองกันก่อนที่ทั้งคู่จะเบนสายตาหลบกันไปแล้วแกะกับข้าวอย่างสุดท้ายใส่จาน ตักข้าวแล้วนั่งกินกันไปท่ามกลางความเงียบที่ไร้ซึ่งบทสนทนาใดใด...จนน้ำเองเริ่มทนกับความอึดอัดนั่นไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามทำลายความเงียบนั้น
"เอ่อ...เรื่องงาน ที่บอกว่าจะชวนไปทำ ตกลง รายละเอียดว่าไงบ้าง" ธามรวบวางช้อนลงแล้วเอ่ยตอบออกมา
"เป็นร้านอาหารรุ่นพี่ธามเอง เขาเพิ่งเปิดร้านใหม่เลยอยากได้พนักงานไปช่วย...เห็ว่าน้ำอยากทำเลยมาชวนดู...สนมั้ย" น้ำวางช้อนลงอย่างนึกสนใจ...ทีแรกนึกว่าร้านรุ่นพี่ของธามจะเป็นพวกผับบาร์เสียอีก
"สนสิ เมื่อไหร่หรอ..."
"ถ้าพร้อมก็พรุ่งนี้เลย... เริ่มงานสิบโมงเช้า เลิกก็ประมาณสี่ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน...เป็นบางวัน" น้ำพยักหน้าเข้าใจ...สำหรับคนตัวเล็กแค่นี้สบายมากอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ หนักกว่านี้ยังทำมาแล้ว
"โอเค งั้นก็เริ่มพรุ่งนี้เลย โจ้กับธามก็ทำด้วยกันใช่มั้ย..." โจ้กับธามพยักหน้ารับ ไม่มีใครพูดต่อบทสนทนาของน้ำอีก จึกทำให้ทั้งโต๊ะกลับมาเงียบและอึดอัดเหมือนเดิม...
น้ำแอบนอยด์ทั้งสองคนอยู่หน่อยๆตรงที่ว่าดันมาทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่คนเดียวก็รู้สึกอึดอัดในใจมากพออยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...
"โอเครึเปล่า..." เสียงทุ้มที่แฝงความเป็นห่วงใยเจือเอาไว้ของธามทำให้น้ำเงยหน้าจากการจ้องจานข้าวขึ้นสบตา ส่วนโจ้ที่นั่งเงียบมานานก็ให้ความสนใจมองคนตัวเล็กด้วยอีกคน...
น้ำส่ายหน้าให้ทั้งสองคนไปมาช้าๆแทนการตอบด้วยคำพูด
"พี่ผาหรอ..." เป็นโจ้ที่พูดถามออกมาบ้าง
"ก็...มีส่วน" น้ำหน้าหงอยลงไปทันทีที่ถูกถามถึงอีกคน
"ไหนว่ามาสิ" น้ำยู่ปากให้ทั้งสองคน...ทีเวลาแบบนี้เข้าขากันขึ้นมาเชียวนะ
"ก็..." น้ำลังเลไปนิด แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำรู้สึกเป็นกังวลและอึดอัดออกมาให้เพื่อนสนิททั้งสองฟัง...จริงๆเขาเองก็ไม่ได้กังวลหรือคิดมากอะไรขนาดนั้น คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าผากลับมาก็คงจะถามให้หายคาใจ คงไม่เก็บเอามานั่งคิดเองเออเองให้เจ็บเล่นแบบนี้...แต่ที่หยิบเอาสิ่งไม่สบายใจขึ้นมานี้ เพื่ออยากลดช่องว่างระหว่างเพื่อนเขาทั้งสองให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นี่...น้ำรู้ดี ถ้าหากเป็นเรื่องเขาทั้งสองคนจะเข้าขากันได้ดีและพูดคุยกันมากขึ้นเพราะความเป็นห่วงที่มีให้กับเขามันมากเหมือนกัน...
"และทำไมไม่ถามไปตรงๆล่ะ โจ้ว่าน้ำเอาเก็บมาคิดเองแบบนี้ก็ไม่ดีนะ..."
"ไอ้โจ้พูดถูก...นั่นอาจจะเป็นเพื่อนเขาก็ได้ มันอาจจะไม่เป็นแบบที่เราคิดเสมอไปหรอก" ...และแล้วสิ่งที่น้ำอยากให้เป็นก็เกิดขึ้นแล้ว ทั้งสองคน โจ้กับธามหันมามองหน้าและพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย กับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
"เพื่อนผู้หญิง ใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชายด้วยหรอ" เป็นคำถามที่ทั้งโจ้และธามก็ต่างหันมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะตอบว่าไง ก่อนจะเบือนหย้าหนีไปคนละทาง...
"อันนี้ธามก็ตอบให้ไม่ได้หรอกนะ...ทางเดียวที่จะหายคาใจคือถาม อย่าหนี อย่ากลัวความจริง อย่าเก็บเอามาคิดเองคนเดียว...เพราะมันไม่ดีทั้งกับตัวน้ำเองและพี่ผา" โจ้พยักหน้าเห็นด้วยแต่ไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นใดๆออกมา
"...บอกให้น้ำอย่าหนี บอกให้น้ำถามไปตรงๆ แล้วโจ้กับธามล่ะ...ได้เอ่ยถาม หรือกำลังหันหลังหนีให้กับปัญหานั้นอยู่รึเปล่า" น้ำเงยหน้ามองเพื่อนสนิททั้งสองสลับไปมา สลัดความเศร้าสร้อย คิดมากเมื่อกี้ทิ้งไปจนโจ้กับธามตกใจ...ติดกับคนร้ายกาจเข้าให้อย่างจังเลยสิน่า
"...ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้"
"..."
"...รู้สึกเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ..."
"รู้สึก...อะไร" โจ้ถาม
"...อย่าให้น้ำต้องพูด"
"..."
"คิดว่าน้ำไม่รู้หรือไง..." น้ำถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่อย่างปลงตก...เขาจะทำอย่างไรกับคนปากแข็งใจแข็งตรงหน้านี้ดีเนี่ย
"ไหนบอกว่ามีอะไรให้พูดให้คุยกันตรงๆไง...ที่น้ำเห็นอยู่นี่ ไม่ใช่การคุยเลย มันคือการหนี...หยุดหนีแล้วหันหน้ามาเผชิญกับมันเถอะครับ...มันไม่ได้แย่แบบนั้นหรอก เชื่อน้ำเถอะ"
"...มันไม่คุยกับโจ้หรอก" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา มันเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ แต่ทั้งห้องที่เงียบสงัด ทำให้ได้ยินประโยคนั้นชัดเจน
"มึงรึเปล่าที่ไม่อยากคุยกับกู"
"กูเคยบอกมึงรึยังไอ้ธาม"
"มึงไม่บอกกูก็รู้..."
"อย่ามาคิดแทนกู..."
"..."
"มึงเป็นฝ่ายหนีกู หลบกู หายไปจากกู...มึงอย่าลืม" เสียงของโจ้ที่เปล่งออกมามันเจือไปด้วยความโกรธเคือง น้อยใจและตัดพ้ออยู่ในที
"...กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูทำอะไรผิด มึงถึงได้หายออกไปแบบนั้น"
"กู...ไม่อยากทำแบบนั้น"
"หรอวะ...แต่มึงดูมีความสุขดีนี่ ควงคนนู้คนนี้เป็นว่าเล่น ดูสบายใจกว่าตอนอยู่กับกูซะอีก" โจ้ยิ้มเยาะ มองธามด้วยหางตา..บทสนทนาที่เดือดระอุทำให้น้ำนึกต่อว่าตัวเองในใจว่าไม่น่าเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเลย
"มึงจะสนกูทำไม" ธามถามโจ้ออกมานิ่งๆ แต่แววตาไหววูบที่ปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววิที่โจ้เองคงไม่ได้สังเกตเห็น...
โจ้เสยผมขึ้นลวกๆ ก่อนจะลุกออกไปยืมอยู่หน้าระเบียง ธามเองก็ค่อยๆลุกตามไปเหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...เคลียร์มันให้จบๆไปเลยดีกว่า...จะดีขึ้นหรือแย่ลง ก็สุดแต่โชคชะตา น้ำมองตามหลังธามไปอย่างเป็นห่วง ถึงแม้ลึกๆจะกลัวว่าทั้งคู่คู่จะเคลียร์กันไม่ได้ก็เถอะ
"โจ้..." ธามเอ่ยเรียกคนข้างตัวเบาๆ
"..."
"กูไม่ได้อยากจะออกมาแบบนั้น...แต่กูก็ไม่อยากทำให้มึงรู้สึกแย่เพราะกูอยู่กับมึง..."
"มึงถามกูรึยังว่ากูรู้สึกแย่รึเปล่า เคยถามกูมั่งปะวะว่าแบบไหนที่มึงทำแล้วกูรู้สึกแย่กว่ากัน!" โจ้หันมาถามเสียงเข้ม
"กูไม่อยากให้มึงสับสนเพราะกู..."
"มึงหยุดคิดแทนกูสักทีได้ปะวะ! แม่ง! ไม่เคยถามกูสักคำ"
"ก็มึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่รึไงว่ามึงสับสน! แล้วจะให้กูหน้าด้านอยู่ทำซากอะไรให้มึงคิดไม่ปกติแบบที่กูคิดวะ!" ธามเองก็เหลืออดแล้วเหมือนกัน...ทั้งๆที่จะคุยดีๆ แต่กลับเป็นการสาดอารมณ์ร้ายใส่กันเสียจนพัง
"มึงเองไม่ใช่รึไงที่ยัดเยียดให้ความรู้สึกกูมันแค่สับสน! มึงเองไม่ใช่รึไง ที่รู้สึกแย่เพราะกูดันสับสนเพราะมึง!" ธามนิ่งเงียบไปเพราะไม่สามารถเถียงออกไปได้...ใช่ เป็นเขาเอง ที่ยัดเยียดบอกให้โจ้คิดว่าความรู้สึกทั้งหมดนั่นเป็นเพียงแค่อีกคนสับสนและความเมา
"กู...ไม่เคยรู้สึกแย่ กูแค่คิดว่ามึงเมาเลยทำให้มึงคิดแบบนั้น ...กูรู้สึกแย่ก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะมึงสับสนเพราะกู แต่มึงดันรู้สึกแบบนั้นตอนที่มึงกำลังเมาต่างหาก"
"มึงไม่เคยได้ยินหรอวะ สิ่งที่คนเมาพูดหรือกระทำมันมักจะมาจากจิตใต้สำนึกที่เก็บเอาไว้..."
"..." ธามมองหน้าโจ้นิ่ง แววตาคมไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่างตีขึ้นมา โจ้พ่นลมหายใจทิ้งเพื่อำระงับอารมณ์ร้อนของตนลงก่อนจะเอ่ยต่อ
"...กูคิดดูแล้ว กูไม่เคยสับสนเลย จะมีก็แต่มึงนั่นแหละ..." โจ้พูดออกมาเสียงเบาก่อนจะเบือนหน้าหนีธามไปมองวิวเบื้องหน้าแทน ประโยคเมื่อครู่ที่โจ้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้คนฟังอย่างธามใจเต้นผิดจังหวะไปอย่างห้ามไม่อยู่
"มึง...หมายความว่าไง"
"..."
"..."
"มึงคิดอะไรกับกูปะวะ" คำถามที่เคยได้ยินมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่คราวนี้มันกลับต่างออกไปจากครั้งก่อนๆที่เคยถาม ครั้งนี้มันจริงจังผิดไปจากคราวที่แล้วที่ถาม คราวที่แล้วมันเจือไปด้วยความอยากรู้และไม่มั่นใจ แต่คราวนี้มันกลับเป็นคำถามที่เต็มไปด้วยความคาดหวังในคำตอบ
"ทุกครั้งที่กูถาม มึงอาจจะคิดว่ากูถามเล่นๆ แต่เปล่าเลย กูจริงจังกับคำตอบที่มึงตอบมาทุกครั้ง ถึงมึงจะบอกว่าล้อเล่นก็เถอะ..." ท้ายประโยคมันแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลมที่พัดผ่าน แต่สำหรับคนที่ตั้งใจฟังทุกคำที่เอื้อนเอ่ยแล้ว...มันกลับชัดเจน
"..."
"แต่คราวนี้กูอยากรู้คำตอบจริงๆ ตอบกูทีเถอะ...ตอบกูทีว่ามึงคิดอะไรกับกูรึเปล่าไอ้ธาม"
"คิด..." โจ้หันกลับมามองหน้าคนที่ตอบเขาโดยที่ไม่เว้นจังหวะให้ขบคิด
"กูขอโทษ ...ขอโทษที่กูเห็นแก่ตัวมาตลอด ...ใช้ความไว้ใจของมึงเป็นตัวเข้าหาด้วยความรู้สึกที่ไม่บริสุทธิ์ใจ..."
"..."
"กูคิดไม่ซื่อกับมึง กูไม่เคยมองมึงเป็นเพื่อนเลย...แต่กูไม่อยากแสดงออกอะไรเพราะถ้าทำมากกว่านั้น มึงคงอึดอัดและรู้สึกแย่ เพราะมึงไม่ได้คิดเหมือนกู..." โจ้ขมวดคิ้วหันมามองธามด้วยความไม่พอใจ...พาลให้ธามคิดไปว่าคงโดนอีกคนเกลียดจริงๆก็คราวนี้
"มึงแม่ง เมื่อไหร่จะเลิกคิดแทนกูวะ ถามกูรึยัง เคยถามกูรึเปล่า..." ธามนิ่งไปเพราะจริงอย่างที่โจ้ว่ามาทั้งหมด เขาไม่เคยถามคนตรงหน้าเลยสักครั้ง ไม่เคยบอก ไม่เคยแสดงออกอะไรที่ชัดเจนเลยสักอย่าง...
"และถ้า...กูถามมึงตอนนี้ทันมั้ยวะ"
"อะไร"
"มึงคิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย"
"เออ!" โจ้ตอบออกมาห้วนๆแต่มีนชัดเจนและได้ใจความจนธามเผยรอยยิ้มหล่อในรอบหลายอาทิตย์
"แต่กูรักมึงนะ" คำถามที่ยิงไปเพียงต้องการจะหยอกเย้าอีกคนเท่านั้น...
"กูก็รักมึงมั้ยล่ะ" แต่คำตอบที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำเอาคนที่กะจะแค่แกล้งให้อีกคนคล้อยตามเขาชะงักนิ่งไป...ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะตอบกลับมาด้วยท่าทีที่จริงจังขนาดนี้
"มึงจะอึ้งอีกนานมะไอ้ธาม...รึมึงแค่แกล้งกู" ประโยคที่ถามเอาเรื่องทำให้ธามเรียกสติและระงับหัวใจที่เต้นถี่รัวของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ
"กูเปล่าแกล้ง..." ใครจะกล้าเอาความรู้สึกมาแกล้งเล่นกันล่ะวะ
"และจะอึ้งทำซากอะไรวะ"
"กูก็แค่ตกใจ ไม่คิดว่ามึงจะ...รักกู"
"ไม่ให้กูรักมึง แล้วจะให้กูไปรักหมาที่ไหนวะ" โจ้ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ทั้งๆที่ก็หูแดงเรื่องเพราะความเขินก็เถอะ เสียงดังกลบเกลื่อนไปก่อน เดี๋ยวรู้จะแซ็วอีก อายตายห่า
"อย่าโหดดิวะ ...ตอนนี้เคลียร์แล้วใช่มะ" ธามถามก่อนจะขยับเข้าไปใกล้โจ้ที่ยืนพิงสะโพกอยู่กับราวระเบียง สายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมาไม่ได้ทำให้โจ้เขินตัวม้วนเหมือนคนริมีรักแรกแต่อย่างใด...เขาไม่ใช่เด็กน้อยซะหน่อย เขาก็เป็นผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ...คำว่าเกเรเขาก็สะกดเป็นล่ะนะ
"เออ...สันดาร ชอบคิดเองเออเอง ไม่ถามไม่พูดไม่บอก"
"เออๆ กูผิดเองแหละ ...เคลียร์แล้วก็มากอดก่อน กูคิดถึง" ธามยิ้มขำโถมตัวกอดคออีกคนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เขารู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงยังงั้น
"คิดถึงห่าไรของมึง..." โจ้ตอบกลับมาเสียงแข็งแต่ก็ยอมยืนนิ่งให้อีกคนกอดไว้อย่างนั้น
ธามกอดคออีกคนไว้แน่นพลางคิดไปว่า ตัวเองก็ผิดจริงๆนั่นแหละ เลือกที่จะหันหลังให้กับความเป็นจริงที่ต้องเผชิญเพราะความกลัว กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง กลัวไปเองทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง...ทั้งๆที่บอกไปตั้งแต่ตอนนั้น มันอาจจะไม่เกิดช่องว่างแย่ๆแบบนี้ขึ้นมาก็ได้...เขาแย่ชะมัด ที่ดันปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานขนาดนี้
"ดีใจว่ะ ที่เคลียร์ทุกอย่างแล้วผ่านไปได้ด้วยดี" ธามว่าก่อนจะผละออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
"ใครว่าเคลียร์ทุกอย่าง" โจ้ขมวดคิ้มถาม ยกสองแขนขึ้นกอดอก มองหน้าธามอย่างคาดโทษ
"อะไรของมึงอีกวะ"
"หญิงที่มึงควงไง..." โจ้เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม นั่นทำให้ธามหลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย
"หึ เมียกูขี้หึงขนาดนี้เลยหรอวะ" ธามแค่นหัวเราะในลำคอ โจ้ที่ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วแน่นกับประโยคแม่งๆนั่น ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก จนทำเอาคนมองอยู่อย่างธามขนลุกซู่...บ้าเอ๊ย แม่งยิ้มน่ากลัวจังวะ
"มีเมียขี้หึงดีจะตาย ...แต่จะว่าไป กูก็อยากมีเมียขี้หึงแบบมึงเหมือนกันนะ" โจ้ขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบชิดริมหูที่ขึ้นสีแดงเรื่องไม่ต่างกันของธาม...ดีที่ส่วนสูงเขาทั้งคู่ต่างกันไม่ถึงสามเซนเลยไม่ต้องเขย่งหรือก้มให้ปวดคอ ...พูดเสร็จแล้วก็ยกมือขึ้นตบแก้มธามเบาๆสองที ก่อนจะผละเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก หลังจากที่ยืนอึ้งกับคำพูดของโจ้อยู่นานธามก็เดินตามเข้ามาบ้างพร้อมกับรอยยิ้มหล่อ
น้ำที่คอยมองเหตุการณ์อย่างห่วงๆอยู่ในห้องก็รู้สึกโล่งใจที่ทั้งคู่คงเคลียกันลงตัวแล้ว...รู้ได้ไงน่ะเหรอ ยิ้มหน้าบานมาขนาดนั้น อยู่บนดาวเนปจูนยังเห็น บรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัดในคราแรกได้จางหายไปราวกับไม่เคยมีบรรยากาศนั้นอยู่เลย...การสนทนาที่หาสาระไม่ค่อยจะได้จากทั้งสามคนล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่ม เสียงก๊อกๆแก๊กๆจากทางหน้าประตูทำให้ทั้งสามคนที่กำลังคุยกัยอยู่หันไปมอง ก่อนที่ร่างสูงคุ้นตาจะก้าวเข้ามาพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่สองถุง โจ้กับธามยกมือไหว้ทำความเคารพรุ่นพี่ก่อนจะเดินเช้าไปช่วยผาเอาของไปเก็บ
"ยังไม่กลับอีกหรอวะพวกมึง" ผาเอ่ยถามพร้อมกับค่อยๆคลายเนคไทออก ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับลวกๆขึ้นไปถึงศอก ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มเขาหนักๆหนึ่งที โดยไม่คำนึงถึงอีกสองคนที่อยู่เห็นเหตุการณ์ด้วยเลย
"ว่าจะกลับพอดีครับ" ธามตอบออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มล้อเลียนไปยังน้ำที่นั่งหน้าแดงอยู่ที่โซฟา
"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนดิ กูซื้อมาเยอะ" ผาเอ่ยชวนก่อนจะเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำออกมาดื่มดับกระหาย
"ผมนัดเพื่อนไว้แล้วอ่ะดิพี่" โจ้บอกพร้อมกับเดินกลับมาหยิบกระเป๋าสัมพาระที่คนตัวเล็กนั่งอยู่
"เออๆ แล้วแต่พวกมึง" ผาไม่สนใจอะไรรุ่นน้องอีก หยิบถุงกับข้าวสองถุงใหญ่ไปจัดการ
"กลับก่อนนะน้ำ... มีอะไรก็เคลียร์ซะ" โจ้ขยี้หัวเขาเบาๆก่อนจะเดินออกไปตามด้วยธามที่ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ น้ำเดินตามออกไปส่งเพื่อนที่หน้าประตูโบกมือให้ ยืนส่งเพื่อนสองคนจนหายเข้าไปในลิฟต์ถึงได้ปิดประตูเดินเข้าไปในครัว เพื่อช่วยผาจัดเตรียมกับข้าวใส่จาน
แต่ในระหว่างที่น้ำเดินผ่านหลังของร่างสูงไป กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดียวกันกับเสื้อตัวนั้นก็ทำให้สองขาเรียวหยุดชะงัก หยุดมองอยู่ที่แผ่นหลังกว้าง...กลิ่นน้ำหอมนี่ ไม่ใช่ของผาแน่นอน...ขวดน้ำหอมยังเป็นขวดเดิมไม่ได้เปลี่ยน...แล้วมันกลิ่นของใครกัน
"อ่าวน้ำ...เข้ามาทำไมคะ พี่เตรียมเสร็จแล้ว ออกไปรอข้างนอกเนอะ" ผาหันหลังมาบอกเขาก่อนจะจุ๊บปากเขาหนึ่งที...น้ำไม่ได้โต้ตอบอะไรไป แม้แต่อาการเขินที่ควรจะมีให้ร่างสูงเห็นก็ไม่มี น้ำหันหลังเดินออกไปจากส่วนของครัวอย่างเหม่ลอยเพราะมัวแต่คิดอะไรบางอย่างอยู่...
...ยิ่งเข้ามาใกล้เมื่อกี้ กลิ่นหอมฉุนนั่นก็ยิ่งชัดเจน...เห็นทีคงจะเก็บไว้ให้คลางแคลงใจไม่ได้อีกแล้ว
ผายกจานกับข้าวออกมาวางจนครบ พร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆสองแก้ว...เขาบอกให้คนตัวเล็กลงมือทานอาหารไป ทั้งๆที่ยังสงสัยกับอาการที่แปลกไปของคนตัวเล็ก...แต่ก็ยังไม่คิดจะถาม เพราะอยากให้ผ่านช่วงเวลาอาหารไปก่อน เผื่อเป็นเรื่องเครียดจะพาลให้คนตัวเล็กไม่ทานข้าวเอาได้
มื้อค่ำผ่านไปด้วยความสงสัยของผา คนตัวเล็กอาสาเก็บล้างจานเองทั้งหมด พอเสร็จจากตรงนั้นแต่คนตัวเล็กของเขาก็ยังไม่ดีขึ้นจนเขาก็รีบดักเอาไว้
"เป็นอะไรไป หื้ม" ผากอดเอวของน้ำเอาไว้หลวมๆ ...ผาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ยืนคุยกันดีๆก็ได้ แต่กลับอยากจับอยากกอดร่างนุ่มนิ่มอยู่ร่ำไป
ผาก้มมองหน้าคนตัวเล็ก ที่เอาแต่ก้มหน้ากัดริมฝีปากล่างแน่นไม่ยอมพูดจา จนผาต้องเชยคางให้อีกคนมองหน้ากัน...
แววตาไหววูบนะคนกังวลใจของน้ำที่พยายามปกปิดมันเอาไว้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผาไปได้
น้ำเบือนหน้าหนีนิ้วแกร่งที่เชยคางเขาอยู่เข้าซุกซบที่อกแกร่ง...กลิ่นน้ำหอมที่เขาได้กลิ่นยิ่งตอกลึกให้เขามั่นใจที่จะถาม...
"บอกพี่สิ วันนี้คนดีเป็นอะไร...ไม่โอเคอะไร บอกพี่หน่อยได้มั้ยคะ" ผาก้มลงจูบซับขมับน้องเบาๆอย่างเริ่มเป็นกังวล เพราะว่าคนในอ้อมกอดกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ที่สาเหตุน่าจะมาจากเขา...
"กลิ่น..." คนในอ้อมกอดที่เงียบไปนานยอมเปิดปากบอกเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะผละหน้าออกมา ช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยแววตาเรียบนิ่งอย่างต้องการคำตอบ
"กลิ่นน้ำหอม...ไม่ใช่ของพี่ผา" ผาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
"นี่มันกลิ่นน้ำหอม...ผู้หญิง" คนตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพร้อมกับสายตาที่จ้องมานิ่งๆ
"จำกลิ่นน้ำหอมพี่ได้ด้วยหรอ...พี่ยังไม่ค่อยได้กลิ่นเลย"
"อย่าเปลี่ยนเรื่อง..." น้ำเสียงที่นิ่งลงไปอีกทำให้ผาต้องกลืนน้ำลายลงคอ...คล้ายกับโดนสอบสวนอยู่ก็ไม่ปาน ทั้งๆที่ผาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกกดดันได้ขนาดนี้...ให้ตายเถอะ ร้ายนักนะตัวแสบ
"...พี่ไม่เข้าใจ" ไหนๆก็เปลี่ยนเรื่องไม่สำเร็จแล้วก็ถามมันอย่างนี้นี่แหละ...กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงที่ไหนกัน เขาไม่ได้ไปมั่วผู้หญิงที่ไหนเสียหน่อย
คนตัวเล็กจับมือแกร่งที่โอบรอบเอวเขาอยู่ออก ก่อนจะเดินออกห่างไป กอดอกจ้องหน้าผานิ่งเพราะเริ่มจะโกรธขึ้นมานิดๆที่ผาเอาแต่เลี่ยงตอบไปมา...
"กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง คนไหนครับ?" น้ำถามออกมานิ่งๆ...ถ้าผาจะสารภาพว่าหวั่นๆกับน้ำลุคนี้จะเป็นไรมั้ย มันไม่ได้น่ากลัวแบบนั้น แต่มันกดดันขั้นสุด ให้มาในรูปแบบของเหวี่ยงๆวีนๆ ยังจะรีบมือง่ายกว่าอีก
ร่างสูงยกแขนเสื้อตัวเองขึ้นมาดมๆดู ก็ไม่พบเจอกับกลิ่นแปลกๆอย่างที่คนตัวเล็กว่า
"พี่ไม่ได้กลิ่น"
"แล้วเสื้อเชิ้ตที่ใส่กลับมาเมื่อวานล่ะครับ..." ตายห่า
"เมื่อวานพี่ไปไหนมาครับนอกจากกลับบ้านกับไปดื่มกับเพื่อน...เสื้อตอนใส่ไปกับใส่กลับมันถึงได้เป็นคนละตัวกัน ไปสลับกับเพื่อนคนไหนใส่กลับมาล่ะครับ...แถมกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนั่นอีก ของเพื่อนคนไหนครับ" น้ำเพิ่มเลเวลจากถามเรียบเรื่อยเริ่มรัวเร็วมากขึ้นเพราะเริ่มจะโกรธและน้อยใจอยู่นิดๆที่อีกคนยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ร่างสูงที่ได้ฟังคำถามที่เจือความไม่พอใจอยู่นั่นก็ถึงกับยกยิ้มพอใจ...มันเป็นคำถามที่ดูยังไง คนตัวเล็กนี่ก็หึงเขาชัดๆ ...สงสัยต้องกลับมาแบบผิดกลิ่นบ่อยๆซะแล้ว
"ยิ้มอะไรครับ...มีอะไรน่าดีใจตรงไหนครับ" คนตัวเล็กที่เห็นผายืนยิ้มอยู่ก็ตีหน้าบึ้งทันที จนผาต้องรีบขยับเข้าไปกอดเอวไว้หลวมๆ
"น่าดีใจสิ...เมียพี่หึงทั้งที"
"น้ำไม่เล่นด้วยนะ" เสียงที่แข็งขึ้นทำให้ผาหุบยิ้มทันที จากโอบเอวไว้หลวมๆก็เปลี่ยนเป็นกอดคนตัวเล็กเอาไว้ทั้งตัวแทน
"โอ๋ๆ คุณเมียไม่โกรธนะคะ...ฟังก่อนเนอะ จะตอบให้ฟังทีละคำถาม" ผายิ้มดีใจไม่คลายเพราะว่า หนึ่ง...อีกคนหึงเขา สอง...น้ำใส่ใจทุกรายละเอียดของเขาแม้แต่ยี่ห้อเสื้อ หรือกลิ่นประจำตัว สาม...ดีใจที่คนที่เขารัก มีเหตุผล...ไม่เหวี่ยงไม่วีนทั้งๆที่เป็นขนาดนี้จะวีนจะเหวี่ยงก็ได้แท้ๆ
"...เรื่องเสื้อเมื่อวานเป็นของเพื่อนผาเองชื่อแซม ลูกครึ่งอังกฤษเรียนไฮสคูลด้วยกัน มันมาไทยก็เลยนัดดื่มมีกลุ่มพี่ไปด้วยแต่ไอ้พุ่มเสือกทำเหล้าหกใส่ แซมด็เลยให้ยืมเสื้อใส่กลับ ส่วนเรื่องกลิ่นน้ำหอม...น่าจะของแซนดี้..." พอพูดมาถึงตรงนี้คนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ดิ้นขลุกขลักทันที...
"แซนดี้เป็นภรรยาของแซมค่ะที่รัก...วันนี้พี่ก็ไปเจอทั้งสองคนมา เรื่องโรงแรม ที่จะจัดงานแต่ง...ส่วนกลิ่นที่ติดมา คงเป็นตอนที่กอดทักทายกัน...ไม่หึงเค้าเนาะ" น้ำเสียงออดอ้อนที่หยอดไว้ท้ายประโยคทำเอาความร้อนแล่นวูบขึ้นไปรวมอยู่ที่ใบหน้า
"ส่วนที่โทรคุยเมื่อวานก็แซนดี้นั่นแหละค่ะ...โทรมานัดคุยเรื่องโรงแรมจัดงานแต่งที่คุยไปวันนี้" คำตอบที่ผาค่อยๆเอ่ยบอกออกมาทีละอย่างอย่างใจเย็น มือแกร่งลฟุบอยู่ที่แผ่นหลังบางไปมาเบาๆเพื่อให้ผ่อนคลายอารมณ์ลง...และเพราะคำตอบที่ดูมั่นคงน่าเชื่อถือนั่นทำให้ความอึดอัด กังวลใจก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้น...
จริงๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรเลยสักนิดเดียว...ถ้าไม่ถามตอนนี้ คงเก็บเอาไปคิดเป็นตุเป็นตะเองแน่ๆ ...บางทีคำตอบมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
"ต่อไปนี้ พี่จะกลับมาผิดกลิ่นทุกวันเลย..." น้ำผละออกมามองด้วยท่าทางที่สงสัย จนผาต้องก้มลงไปงับปลายจมูกรั้นนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
"งืออ น้ำเจ็บน้า" คนตัวเล็กยกมือคลำจมูกตัวเองป้อยๆ
"..จำได้ด้วยหรอว่าพี่ใส่เสื้อยี่ห้ออะไร ใช้น้ำหอมกลิ่นไหน" ผาถามอย่างสงสัย เพราะนอกจากฟ้ากับม้าก็ไม่มีใครใส่ใจเขาขนาดนี้
"ก็...น้ำจัดชุดให้อยู่ทุกวัน ทำไมน้ำจะจำไม่ได้ น้ำหอมก็มีอยู่ขวดเดียว..." น้ำอ้อมแอ้มตอบ
"พี่ก็จำกลิ่นเมียพี่ได้นะ..." น้ำขมวดคิ้วเอียงคอมองอย่างสงสัย มันน่าหมั่นเขี้ยวจนผาต้องก้มลงไปฟัดแก้มนิ่มให้ชื่นใจ
"ทำหน้าสงสัยอะไรหื้ม...ก็หอมก็ฟัดกันอยู่ทุกวัน จำกลิ่นไม่ได้ก็แปลกแล้ว" ผาว่ายิ้มๆ จมูกคมก็ยังไม่หยุดฟัดหอมแก้มนิ่ม ไรหนวดที่โผล่ขึ้นมาเป็นตอสั้นๆนั่นเป็นตัวชวนให้จักจี้ดีๆนี่เอง
"ฮ่าๆ ฮื่ออ จักจี้ คิกๆๆ แฮก..คิกๆ" เสียงหัวเราะแห่งความสุขของคนทั้งคู่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง...หากใครมาเห็นหรือได้ยินก็คงจะยิ้มตามไปด้วยไม่ยากนัก
"ต่อไปนี้มีอะไรให้ถาม...อย่าเก็บไปคิดเอง บางทีพี่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำมันทำให้เราไม่สบายใจ" ผาหยุดแกล้งน้ำ โอบรัดร่างเล็กให้เข้ามาซุกแนบอก...
"ครับ...น้ำจะถามทุกอย่างเลย พี่ผาคงไม่รำคาญน้ำใช่มั้ย"
"เมียทั้งคน...ไม่รำคาญหรอกค่ะ" ...พอคำว่าเมียหลุดออกมาจากปากร่างสูงพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มเท่านั้นแหละ เหมือนความร้อนทั่วร่างกายวิ่งแล่นไปรวมกันที่แก้มนวลทั้งสองข้าง...ทำไมไม่ชินสักทีนะ เจอแบบนี้ทีไรเป็นเขินทุกทีสิน่า
100%
...To Be Continued...
talk
มาล้าวววว~ ขอโทษนะคะที่ช้าอีกแล้ววว มิดเทอมรุมเร้า จะตายแล้วค่ะคนอ่านทั้งหลายยยย*หร่องห้ายย*
- ตอนนี้ก็เคลียร์กันไปแล้ว(แบบงงๆ) ของโจ้กับธาม...บอกรักกันแมนกว่านี้มีอีกมั้ยคะ ฮ่าๆ ซินกำลังคิดอยู่ว่า...จะจัด nc ให้เขาสองคนดีมั้ย แหะ
- ตอนนี้ซินเก็บเงินพอจะจ้างพี่ดินแล้วนะคะ จะให้พี่แกไปไถ่เธอคืนมาแล้วค่ะ ฮรี่ๆ
- ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆโลยยย ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่าาา