รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero
- 38 -
วันนี้อากาศดีมาก เพราะเมื่อคืนฝนตกเลยทำให้ตอนเช้าอากาศเย็นกว่าปกติ ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหมอกจางๆอยู่ตามแนวเขา จนต้องวิ่งไปหยิบกล้องมาถ่ายไว้ คิดไม่ผิดที่หอบมันกลับบ้านมาด้วย แต่อ้อยอิงชมความงดงามของธรรมชาติได้ไม่นานผมก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว ขับรถเข้าเชียงใหม่เพื่อมารับไอ้คนข้างๆที่ขึ้นรถมาก็หลับตาเฉย เดาว่าเมื่อคืนมันไม่ได้นอนแน่ๆหรือไม่ก็นอนไม่เกินสองชั่วโมง ผิดกับสองคนด้านหลังที่ตาใส ส่องสาวจีนที่สนามบินตาเป็นมัน ขึ้นรถมายังชวนกันส่องนมสาวในไอจี
“ทำไมพวกพี่ดูหิวกันวะ”
“พวกกูอดเปรี้ยวไว้กินหวานเว้ย กะว่ามาเชียงใหม่จะกินไม่ซ้ำหน้าทุกคืน ฟาดแม่งทุกชาติ”
“นี่กะจะมาอยู่กี่วันเนี่ย”
“ห้า กูมาเพื่อสำรวจตลาดโดยเฉพาะ”ยอมใจพี่ทักษ์
“พวกพี่นี่ว่างกันเนอะ”
“รวยแล้วก็ให้เงินทำงานมั่ง จะนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานไปทำไม”อันนี้กูยอมกว่า แต่พี่ยอดมันรวยจริงๆครับ ที่เคยไปกินเหล้าด้วยกันก็ป๋าตลอด เวลาเจอเด็กก็จ่ายหนัก
“แบ่งมาให้ผมใช้มั่งก็ได้”
“ไอ้ห่า กูรู้ว่ามึงก็รวยใช่เล่นอย่ามาทำเป็นเด็กขาดเงิน แต่ถ้าการเงินมึงมีปัญหาก็ใส่ชุดนักศึกษาแล้วไปหาไอ้เดียวดิ รับรองสบายไปทั้งชาติ สบายตูดด้วย”
เชี่ย!
“เหอะๆ ผมมีเหลือใช้แล้วพี่”ไม่น่าเลยกู เข้าตัวเองไปอีก
“รีบเลยนะมึง กลัวอะไร เป็นแฟนกันแล้วยังไงมึงก็หนีไม่พ้น นอกจากมึงจะเสียบเพื่อนกู ฮ่าๆ”
เออ ตลกกันเข้าไป ผมเริ่มอยากจะเลี้ยวรถกลับแล้วเอาพวกพี่เขาไปทิ้งไว้ที่เชียงใหม่แทนที่จะพากลับมาที่ไร่ด้วย
“พวกมึงไม่มีเรื่องจะคุยกันแล้วหรือไงวะ”คนที่ผมคิดว่าไปเฝ้าพระอินทร์แล้วพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ไร หลับก็หลับไปดิ ไม่เสือกสิจ๊ะ”เอ่อ ผมว่าพี่ทักษ์ควบอกตัวเองมากกว่านะ จากวีรกรรมที่พี่เดียวเคยเล่าให้ฟัง
“น่าน ขับรถไปทิ้งพวกมันไว้ที่เชียงใหม่ดิ ให้มันไปล่อซะให้ติดเอดส์ตายๆไปซะ”
“เพื่อนครับ คุณมึงจะเคืองไรพวกกูหนักหนา แค่มาเป็นก้างขวางคว...วันสองวันเอง”ไอ้คำในช่องว่างที่พี่ยอดเว้นไว้ ทำเอาผมคิ้วกระตุกเพราะเหลือบมองกระจกหลังแล้วเห็นปากพี่เขาขยับพอดี แหมะ พี่ครับเขาเรียกว่าก้างขวางคอปะวะ
“สัด”มันด่าแค่นั้นก็กอดอกหันหน้าไปนอกรถ ตั้งท่าจะหลับจริงจังตัดรำคาญเพื่อนตัวเอง
ตอนแรกพี่สองคนเขาก็จะพักที่เชียงใหม่เลย แต่พอผมเอ่ยชวนไปพักที่บ้านก่อน ก็ไม่มีปฏิเสธ ยิ้มกรุ้มกริ่มกันใหญ่ เหมือนกับว่าเข้าทางพวกพี่เขาซะงั้น แต่ก็มาพักด้วยแค่คืนเดียวเท่านั้นแหละครับ เพราะพวกพี่เขาตั้งใจโดดงานกันมาหาเด็กโดยเฉพาะ จริงใจแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง
พอใกล้ถึงไร่ผมก็สะกิดคนข้างๆให้ตื่นขึ้นมา ตอนนี้อาฝนเตรียมต้อนรับอย่างใจจดจ่อ ตื่นเต้นยิ่งกว่าผมจะกลับมาบ้านอีก
“ไร่มึงนี่กี่ไร่วะ ทางเข้าแม่งไกลเป็นกิโลแล้วมั้ง”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกพี่”
“ไม่เท่าไหร่ของมึงนี่เป็นพันใช่มั้ยไอ้สัด”
“ฮ่าๆ ก็ประมาณนั้นมั้ง”
“แล้วทำไมมึงไม่เรียนอะไรที่เกี่ยวกับเกษตรว้า มาเรียนออกแบบทำไม”
“ก็ผมชอบอ่ะพี่ แต่ไร่ผมก็ทำได้เหมือนกันนะ”เพียงแต่ไม่คิดว่าจะต้องมารับช่วงต่อเร็วขนาดนี้
ผมไม่คิดว่าพ่อจะมาด่วนจากไป สิ่งที่วางแผนไว้เลยรวนไปหมด แต่ด้วยความที่คลุกคลีในไร่มาแต่เด็ก ตามพ่อไปทำงานในไร่เสมอเลยทำให้ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่การรับรู้กับการลงมือทำจริงมันก็ต่างกัน ในช่วงแรกผมเองก็มืดแปดด้าน ยังทำใจเรื่องพ่อไม่ได้ซ้ำยังรู้สึกมีภาระหนักอึ้งวางไว้บนบ่า แต่อาฝนก็เป็นหญิงแกร่งที่ประคับประคองทุกอย่างให้ดำเนินไปด้วยดี อีกทั้งยังมีลุงเสริม พี่วิทย์คอยช่วยผมเลยผ่านมันมาได้
“ไร่มึงปลูกอะไรมั่งวะ”
“หลายอย่างพี่ แต่หลักๆคือดอกไม้เพื่อส่งออก ลำไย แล้วก็เพิ่งเปิดไลน์ผักปลอดสารพิษ”
“แล้วร้านที่ผ่านมาเมื่อกี้อ่ะ”
“ร้านขายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ของไร่พี่ คือเพิ่งเปิดเป็นร้านต้นแบบ อากับผมมีโครงการว่าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมไร่ในอนาคต ไอ้พายมันเลยเสนอไอเดียเรื่องทำพวกครีม น้ำหอม ของที่ระลึกโดยใช้วัตถุดิบในไร่ขึ้นแล้วทดลองขายให้ติดตลาดก่อน”
“เจ๋งสัด มีการต่อยอด”ผมยิ้มรับคำชมจากพี่ยอด
“กูแนะนำว่าถ้าอยากไปไกลกว่านี้ปรึกษาผัวมึงได้ ไอ้เดียวมันเทพ”คือแค่แฟนก็พอมั้งครับพี่ มันก็จั๊กจี้หัวใจพอแล้ว ใช้คำว่าผัวนี่ผมรับไม่ค่อยได้ แสลงใจ
ผมจอดรถที่หน้าบ้านแล้วอัญเชิญแขกผู้เกียรติลงจากรถ พี่ทักษ์ดูจะชื่นชอบกับบ้านของผมมาก ร้องอู้หู้ โอ้โห อยู่หลายรอบ พี่ยอดก็ดูจะถูกใจบรรยากาศรอบๆ ส่วนอีกคนยืนถูจมูกจนแดง ทำฟุดฟิดๆ ก่อนจะจามเสียงดังออกมาติดๆกัน
“เห้ย พี่ไม่สบายเหรอวะ”จามจนหน้าดำหน้าแดง
“เปล่า...ฮะ...ฮัดเช่ย!!!!”แล้วก็จามต่อทันที แสรด ยังจะปฏิเสธอีก
“ตอนมาก็ปกตินี่หว่า จู่ๆทำไมมึงป่วยวะ”ไอ้พี่ทักษ์เดินเข้ามาดูเพื่อนมัน
“เดี๋ยวๆ ไอ้น่าน ที่มึงบอกว่าปลุกดอกไม้เนี่ย ดอกอะไรวะ”พี่ยอดจะมาอยากรู้อะไรตอนนี้วะ ไปดูเพื่อนพี่มั้ยครับ จามจนปอดจะหลุดออกมาแล้วนั่น
“กุหลาบแปดสิบเปอร์เซ็นอ่ะพี่ นอกนั้นก็...”
“พอ ก็ดอกแรกก็จบแล้ว ฮ่าๆ”แล้วพี่มันก็หัวเราะขึ้นมา พี่มึงครับช่วยอธิบายให้กูเข้าใจด้วย
“ไม่ต้องงง ฮ่าๆ ไอ้เหี้ยนี่ แพ้เกสรกุหลาบ”พี่ทักษ์เฉลย ผมนี่ตาเหลือก ฉิบหาย! แล้วมึงจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงวะไอ้พี่เดียว ที่นี่มีกุหลาบเป็นร้อยๆไร่เลยนะเว้ย!!!
X
“พี่เขาเป็นไงมั่งลูก”
“หลับไปแล้วครับ เมื่อคืนไม่ได้นอน มาเจอพิษกุหลาบไปอีกน็อคเลยครับ”
“ตายจริง น่านไม่ได้บอกพี่เขาก่อนเหรอว่าไร่เราปลูกกุหลาบ”
“ก็น่านไม่รู้นี่ว่าแพ้ เลยไม่ได้บอก”เคยบอกไปแค่ว่าไร่ปลูกดอกไม้ ปลูกผักแต่ก็ไม่ได้ถามต่อนี่หว่าว่าดอกอะไร เจอแจ็คพอตเลยเป็นไง สงสารก็สงสารนะ แต่ก็ขำมันอยู่เหมือนกัน ตัวอย่างควายมาแพ้อะไรเล็กแบบนี้
หลังจากมันจามเสียงดังลั่นไร่ อาฝนก็ออกมาเจอพอดี พอรู้ว่าแพ้เกสรกุหลาบเท่านั้นแหละวิ่งวุ่นให้หายาแก้แพ้แล้วให้ผมพามันไปพัก ส่วนพี่อีกสองคนที่ขำในความซวยของเพื่อนตัวเองก็ถูกเด็กๆพาไปห้องพักสำหรับแขกเพื่อเก็บสัมภาระ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
“น่าน อาว่าพาเดียวไปพักโรงแรมดีมั้ย ขืนอยู่ที่นี่คงแย่แน่”อาฝนดูเป็นห่วงไอ้พี่เดียวมาก ประหนึ่งเป็นหลานในไส้
“ไม่ต้องหรอกครับคุณอา ให้กินยาแก้แพ้ก็พอครับ เดี๋ยวมันตื่นมาก็ดีขึ้นเอง แต่ยังไงขอผ้าปิดปากให้มันก็พอครับ”พี่ทักษ์เดินเข้ามาพอีแล้วอธิบายกับอาฝน ท่าทางจะรู้อาการของเพื่อนตัวเองดี
“งั้นเหรอ”อาฝนมีท่าทางลังเล
“ครับ คุณอาไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ ความจริงมันถึกไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกครับ แต่ถ้านอนไม่พอมันก็จะออกอาการหนักหน่อย”
“งั้นเหรอจ๊ะ ถ้าเป็นแบบนั้นอาก็ค่อยสบายใจหน่อย แล้วนี่หิวกันหรือยัง เดี๋ยวอาให้เด็กไปตั้งโต๊ะให้”
“ก็นิดนึงครับ”พี่ทักษ์ว่า หัวเราะแหะๆ ยิ้มประจบ
“รอแป๊บนะ เดี๋ยวอาจัดการให้ ส่วนน่านไปเตรียมสำรับแล้วยกไปทานกับพี่เขาที่บ้านเล็กไป”
“โหย อาครับ มะ..เอ้ย พี่เขาหลับไปแล้วอ่ะ ขอน่านกินกับอาด้วยนะ”
“ไม่ได้ จะทิ้งให้เดียวอยู่คนเดียวได้ไง แล้วเราทำไมไม่หาอะไรให้พี่เขาทานก่อน ปล่อยให้หลับไปทั้งอย่างนั้นตื่นมาหิวแย่”
“แต่...”
“ไปเดี๋ยวนี้เลย”
“คร้าบๆ”ผมรับคำอย่างจำใจ ก็คนมันหลับไปแล้วจะให้ปลุกมากินหรือไง ปลุกแล้วจะตื่นขึ้นมาหรือเปล่าเหอะ แล้วทำไมพี่สองคนต้องมองผมยิ้มๆด้วยว้า
“อ้าว ไม่ได้หลับเหรอ”พอยกสำรับเข้ามาในห้องก็เจออีกคนนอนตาใสอยู่บนเตียง
“ไปไหนมา”มันลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ผ้าห่มไปกองบนตัก เสียงที่เปล่งออกมาฟังดูขึ้นจมูก
“ไปเอาข้าวมาให้กิน ไม่หลับก็ดีแล้ว กินก่อนแล้วค่อยนอน”ผมวางถาดอาหารไว้ตรงชุดนั่งเล่นเล็กๆตรงมุมห้องก่อนจะเดินมานั่งข้างมันบนเตียง ตาแดงๆแหะ
“กินด้วยกันดิ”
“แน่อยู่แล้ว”อาฝนบังคับมานี่นะ ส่วนแขกอีกสองคนก็สำเริงสำราญกับเมนูอาหารเหนือที่พี่แก้วทำไว้ต้อนรับขับสู้พร้อมกับหยอดคำหวานชมฝีมือไม่ขาด ป่านนี้พี่แก้วตัวลอยทะลุเพดานแล้วมั้ง
“หยุดจามแล้วใช่มั้ย?”
“อืม แต่ก็คันจมูกนิดๆ”
“ตัวก็โต ไม่น่าเป็นอะไรแบบนี้นะ แล้วแพ้อะไรอีกป่ะเนี่ย”
“แพ้คนแถวนี้ละมั้ง”พูดจบก็ยิ้มมุมปาก แสรดดดด
“ไปกินข้าวไปแล้วก็หลับๆไปสักที เมื่อคืนบอกแล้วว่าให้นอนๆ”
“เขินทีไรเปลี่ยนเรื่องทุกที”
“เขินไร ใครเขิน พูดมากว่ะ”
“กินออเดิร์ฟก่อนแล้วกัน”
“ไหน ไม่เห็นมี”ที่ยกมามีแต่จานหลักทั้งนั้นแหละ
“นี่ไง”
“หะ..อื้อ!”ฮาร์ดคอร์ไปมั้ย กระชากคอไปจูบเนี่ย ดีที่ปากไมได้กระแทกแรงไม่งั้นมีต่อยแน่ ไอ้พี่เดียวมันละเอียดชิมปากผมอยู่นาน ทำเอาเคลิ้มไปเหมือนกัน
“คิดถึงว่ะ”มันพูดชิดริมฝีปาก ใบหน้าคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ผมเผยอปากหายใจเบาๆ ก่อนจะถูกปิดปากอีกครั้ง เป็นจูบที่รู้สึกอุ่นๆในใจ มันไม่ได้ดุเดือดร้อนแรง แต่นุ่มๆหวานๆเต็มไปด้วยความรู้สึกคิดถึงอะไรแบบนั้น ดีว่ะ...
“อื้อ! อะไรวะ”จู่ๆมันก็ผลักผมออกอย่างแรง
“ฮัดเช่ย!”
เวร! หมดกัน
“ไปกินข้าวได้แล้วไปแล้วก็นอนพักซะ”
“ปลูกไว้กี่ไร่วะเนี่ย”ดูท่าทางมันหงุดหงิดอ่ะ ฮ่าๆ
“หึหึ ตายแน่ๆ”
“ไม่ยอมตายง่ายๆหรอก ยังไมได้เจ้าของไร่เป็นเมียอีกรอบเลย”
“มึงจะตายเพราะกูนี่แหละไอ้พี่เดียว!”
“โว๊ะ ขึ้นมึงขึ้นกูเลยนะ ล้อเล่นน่า ไปๆไปกินข้าว”
“เดินไปดิ”ผมหลีกให้มันเดินไปนั่งก่อน แต่ตอนที่มันกำลังจะเดินผ่านผมไปก็ยังไม่วายกระซิบข้างหูผม
“คืนนี้เสียตัวแน่ หึหึ”
ควายเอ๊ย!
X
พอมื้อกลางวันจบลงผมก็ให้พี่เดียวมันนอนพักไป ส่วนตัวเองก็พาแขกอีกสองคนเที่ยวชมไร่กุหลาบ ที่สร้างรายได้หลักให้กับไร่ ที่นี่ถึงแม้จะไม่ใช่ไร่กุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในปะเทศ แต่กูกินพื้นที่หลายร้อยไร่ มีกุหลาบหลายสายพันธุ์ ที่ออกดอกให้เก็บเกี่ยวทุกวันไม่ขาด
“มึงสนใจส่งกุหลาบให้โรงแรมกูที่เชียงใหม่บ้างมั้ย”พี่ทักษ์เอ่ยขึ้น ทำเอาผมหูผึ่ง
“ได้ก็ดีสิพี่”
“เห็นว่ามีผักปลอดสารด้วย พากูไปดูหน่อยดิ”
“ได้เลยครับ”
“มึงโคตรเจ๋งวะ อายุแค่นี้ก็ทำงานใหญ่ได้ขนาดนี้”พี่ยอดท่าทางจะชอบมาก เห็นถ่ายรูปใหญ่เลย เอาหน้าไปแนบอีกต่างหาก เอาจริงๆนะต่อให้เป็นผู้ชายแมนแค่ไหน มาเจอกุหลสบดอกโตๆสวยๆเป็นดงแบบนี้ก็อดใจที่จะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไม่ได้
“คนที่เจ๋งคือพ่อผมต่างหาก”
“เออแล้วพ่อมึงไปไหนวะ”
“เสียไปแล้วพี่ เมื่อปีก่อน”
“กูเสียใจด้วยนะเว้ย”
“ขอบคุณมากพี่”
“มึงก็อยู่กับอาแค่สองคนเองเหรอวะ”
“ใช่พี่ เรามีกันแค่นี้ ถ้าไม่มีอาผมก็แย่เหมือนกัน แต่ก็มีคนเก่คนแก่ที่ทำงานร่วมกันมาช่วยด้วย ทุกอย่างเลยยังเป็นไปด้วยดี”
“ดีแล้ว แต่ถ้ามึงไม่ไหวหรือต้องการที่ปรึกษา เพื่อนกูช่วยมึงได้นะเว้ย อย่าลืมมัน”
“เหอะๆ ปล่อยเพื่อนพี่ทำงานตัวเองไปเถอะ แค่นี้ก็ไม่ค่อยจะได้นอนแล้ว เดี๋ยวจะตายไปซะก่อน”
“เออก็จริง แต่ก็อย่าลืมมันแล้วกัน”
ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มรับ ใครจะไปลืมแฟนคนแรกได้ เรื่องปรึกษาก็คิดไว้เหมือนกัน แต่รอจังหวะเหมาะสมก่อน เพราะก็ไม่คิดว่าจะต้องเลิกรากันไปในเร็วๆนี้
ตลอดบ่ายผมพาพี่ทักษ์กับพี่ยอดทัวร์ไร่ แล้วพาไปเที่ยวลำธารที่อยู่ตรงท้ายไร่ ก่อนจะแวะเก็บลำไยสดๆจากต้นมากินที่บ้าน กลับมาก็เจอไอ้พี่เดียวนั่งคุยจ้ออยู่กับอาฝนที่ชานเรือน
“มากันแล้ว”อาฝนยิ้มรับ ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
“ไปอาบน้ำกันก่อนเลย เกสรกุหลาบน่าจะติดเสื้อผ้ามาด้วย เดี๋ยวเดียวก็อาการกำเริบอีก”
“แหม อาครับ ห่วงอยู่คนเดียวเนี่ย”ส่วนไอ้พี่เดียวที่คุยจ้อเมื่อกี้พอเห็นพวกผมเดินเข้ามาก็ดึงผ้าปิดปากขึ้นมาปิดไปครึ่งหน้า
“เอ๊ น้ำน่านนี่ ไปเลย”อาฝนยกมือขึ้นจะตีแต่ผมหลบทัน จึงได้แต่ค้อนให้ขวับใหญ่ ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้สองหนุ่มหล่อ
“ไปอาบน้ำกันนะจ๊ะ จะได้มาทานข้าวเย็นกัน”ผมเดินแยกตัวออกมาแต่เหมือนจะมีคนตามมาจนถึงห้องไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร
“ตามมาทำไม ไม่นั่งคุยกับอาฝนไปอ่ะ”
“คุยจบแล้ว”
“คุยไรกัน”
“หลายเรื่อง คุยไปเรื่อย อาฝนน่ารักดี”
“อย่าแม้แต่จะคิดนะ”ผมปิดประตูห้องแล้วหันไปชี้หน้ามัน
“คิดอะไรเนี่ย หึงแม้กระทั่งอาของตัวเองเหรอ”
“ไม่ได้หึงเว้ย แต่ห้ามคิดอะไรไม่ดีกับอานะ”อาฝนเป็นคนน่ารัก ใครได้เห็นได้คุยก็อยากจะสานสัมพันธ์ต่อทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครมาไปไกลกว่าคำว่าเพื่อน เพราะทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีเพื่อพ่อ เพื่องานและเพื่อผม
“ประสาท”มันดีดหน้าผากผมอย่างแรงหนึ่งที
“เจ็บนะเว้ย!”แดงแน่ๆ ทำไมชอบดีดหน้าผากผมนักวะ
“สม อยากคิดอะไรไร้สาระ”มันส่ายหน้าแล้วเดินไปนั่งบนเตียง ผมถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออกปาใส่หน้ามันด้วยความหมั่นไส้ล้วน มันมองหน้านิ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์มองตรงหน้าอกผมที่ไม่มีอะไรปกปิด ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหาทันที แต่เรื่องอะไรผมจะอยู่รอ รีบหนีเข้าห้องน้ำทันที ไม่ได้แอ้มกูร๊อกกก
“หนีได้ก็หนีไป หึหึ”เสียงของมันดังผ่านประตูเข้ามา ไอ้บ้าเอ๊ย นับวันผมก็ยิ่งเหมือนเด็กสาวที่กลัวลุงแก่ๆจะมาทำมิดีมิร้ายตัวเอง
X
มีพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่วางอยู่หน้าที่เก็บกระดูกของพ่อและธูปยังไม่หมดดอก คนที่มาไหว้คงเพิ่งจากไปไม่นาน ผมวางพวงมาลัยของตัวเองลงไปข้างกันก่อนจะขยับให้คนที่มาด้วยทำเช่นเดียวกัน พี่เดียวยกมือไหว้พ่อนานจนผมสงสัยว่ากำลังคุยอะไรกับพ่ออยู่ ส่วนผมแค่บอกพ่อว่าพี่เดียวเป็นใครและพามาไหว้เท่านั้น เมื่อคืนผมเล่าเรื่องครอบครัวตัวเองให้พี่เดียวฟังไปแล้ว อีกฝ่ายดูประหลาดใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีความเกี่ยวข้องอะไรกับผม ผมเลยได้ข้อมูลมาอีกนิดหน่อยว่า พี่เดียวกับทางฝั่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกันทางธุรกิจเป็นคู่ค้ากันอยู่ ที่สำคัญบ้านของสามีใหม่ของผู้หญิงคนนั้นสนิทกับคุณหญิงป้าของพี่เดียว
“ไหว้นานจัง คุยอะไรกับพ่อเนี่ย”
“ไม่ได้คุย แค่บอกเฉยๆว่าให้พ่อหมดห่วงได้เพราะต่อไปนี้พี่จะดูแลน่านให้เอง”
“พระเอกไปอีก”ผมเบ้ปากใส่
“เพิ่งรู้หรือไง”
“ลืมไรไปป่ะพี่ ผมผู้ชายนะ ดูแลตัวเองได้”
“รู้ แต่ก็อยากดูแลด้วย พี่เองก็อยากได้คนดูแลหมือนกัน”
“จะบอกให้ช่วยกันดูว่างั้น”
“ได้มั้ยล่ะ?”
มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องได้แล้วล่ะมั้ง การที่มีคนมาใส่ใจดูแลเรามันก็เป็นเรื่องที่ดี ในบางครั้งผมก็อยากอ่อนแอบบ้าง อยากพึ่งพิงบ้าง ถึงผมจะมีอาฝนแต่ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องหนักใจไปกวนอา อาเหนื่อยกับผมมามากแล้ว
“ไม่ชอบดูแลใคร”
“ไม่เป็นไรพี่ดูแลคนเดียวก็ได้”
“แล้วจะรอดู”ของแบบนี้ต้องดูกันไปนานๆ เรื่องระหว่างผมกับไอ้พี่เดียวมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า และผมเองก็แฟร์พอ ใครให้ใจมาผมก็ให้ใจกลับไปอยู่แล้ว
“อยากไปไหนมั้ย”ผมหันไปถามคนที่นั่งข้างๆ เราออกมาจากวัดแล้ว วันนี้ว่างทั้งวัน ตอนนี้เพิ่งเก้าโมงเช้าเอง อาฝนไม่ยอมให้ผมกลับไร่บอกให้พาไอ้พี่เดียวไปเที่ยว แต่ผมโนไอเดียมากๆ ไม่รู้ว่ามันชอบเที่ยวแนวไหน
“ไหนๆก็ไหนๆแล้วไปไหว้พระธาตุกัน”
“ที่เชียงใหม่?”
"ที่นี่แหละ ชื่ออะไรนะ พระธาตหริภุญชัย?”
“อ๋อ เอาดิ”
“แล้วค่อยไปเชียงใหม่ขึ้นดอยสุเทพ แล้วก็เดินถนนคนเดินกัน”
“นี่ทำการบ้านมาก่อนป่ะเนี่ย”ดูรู้เยอะ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ค่อยอยู่ไทย
“ไอ้ทักษ์มันบอกตอนอยู่บนเครื่อง”
“โถ่ นึกว่ารู้จริง”ผมขับรถไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อน หิวก็แวะ ง่วงก็จอด เจออะไรน่าสนใจก็ซื้อมากิน บางอย่างก็อยากแกล้งไอ้พี่เดียวมันให้กินของแปลกๆ แต่มันก็ไม่ได้สะทกสะท้าน เราใช้เวลาทั้งวันจนมาจบที่ถนนคนเดินที่คนยั้วเยี้ยอย่างกับหนอน แทบไม่ได้เดินเองเรพาะต้องไหลไปตามฝูงชน ไอ้พี่เดียวไม่สู้เลยชวนผมกลับ มาถึงบ้านอาฝนกำลังจะเข้านอนพอดี คนที่นี่นอนเร็วปกติสองทุ่มก็นอนกันหมดแล้ว ส่วนอาฝนจะนอนช่วงสามทุ่มสี่ทุ่มแล้วแต่งานที่ค้างอยู่
“หิวมั้ย จะทานอะไรกันมั้ยเดี๋ยวอาไปทำให้”อาฝนถาม รอยยิ้มแต้มบนใบหน้า แต่คนที่ถูกถามไม่ใช่หลานรักอย่างผม รู้สึกจะห่วงใยไอ้พี่เดียวเหลือเกินจนผมหมั่นไส้มันตงิดๆ
“เรียบร้อยกันมาแล้วครับ”
“อาไปนอนเถอะครับ ไม่ต้องห่วงอยากได้อะไรเดี๋ยวน่านจัดการเอง มาๆเดี๋ยวน่านไปส่ง”ผมรีบประคองอาฝนไปส่งที่ห้อง ไม่รอให้ร่ำลากัน
“เอ๊ น้ำน่านนี่ ยังไงกันเด็กคนนี้ เป็นอะไรเนี่ย”
“อายังคุยไม่เสร็จเลย”
“ดึกแล้วครับ ค่อยมาคุยต่อพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้นอนได้แล้ว”
“เด็กขี้อิจฉา”
“ใคร๊ ไหนขี้อิจฉา ไม่มี๊ไม่มี”อารู้ทันอีก แต่เรื่องอะไรจะยอมรับ ผมไม่ได้ขี้อิจฉา แต่ผมหวงอาของผมต่างหาก
“ย่ะ อาไปนอนแล้ว เราก็ดูแลพี่เขาด้วย อย่าลืมให้กินยา หน้าต่างประตูก็ปิดให้สนิทลมจะได้ไม่พัดเอาเกสรเข้าห้อง”
“คร้าบๆ ฝันดีครับ ฟอด!”แก้มอานี่ชื่นใจกว่าแก้มสาวอีกครับ ฮ่าๆ
ส่งอาฝนเสร็จก็เดินกลับห้อง เห็นไอ้พี่เดียวใส่แว่นนั่งเขี่ยเมียไอแพดของมันอยู่ เปลือยท่อนบน ส่วนท่อนล่างคือกางเกงที่ใส่วันนี้
“ทำไมไม่อาบน้ำอ่ะ”
“เช็คงานแป๊บ น่านไปอาบก่อนเลย”
งานตลอด ขนาดวันหยุดยังต้องทำงาน ผมรีบจัดการตัวเองเพื่อจะได้รีบเข้านอน ขับรถทั้งวันรู้สึกเพลียๆ อันที่จริงพี่เดียวมันก็อาสาจะขับให้แต่ผมขี้เกียจบอกทางมันเลยขับเองดีกว่า พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับแล้วว่าจะกลับเย็นๆหน่อย ตอนเช้าตั้งใจจะพาพี่เดียวไปดูไร่ แต่คงไม่ไปโซนกุหลาบ ผมยังไม่อยากเป็นฆาตกร
“ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“อีกแป๊บเดียว ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลย”
“แน่นอน”ผมง่วงมากไม่คิดจะรอใครอยู่แล้ว รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่รีบกลับกันมาไม่รอให้ดึกกว่านี้
พอล้มตัวลงบนเตียงหัวถึงหมอนความเหนื่อยล้ามันก็แสดงอาการอย่างชัดเจน แต่โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ข้างตัวทำให้ผมต้องหยิบขึ้นมาดู ไลน์ผมแจ้งเตือนรัวๆ มาจากกรุ๊ปของพวกไอ้เต้ มันคุยเรื่องไปเที่ยวกัน ตอนแรกตกลงกันได้แล้วแต่จองที่พักไม่ได้ พอไม่ได้ที่พักที่ต้องการเลยเปลี่ยนที่กะทันหัน ไอ้หมวยมันส่งที่เที่ยวมาให้ดูหลายที่ แต่ละที่สวยๆทั้งนั้น บางที่ก็อยู่ทางใต้ แต่จะไปทะเลใต้ช่วงนี้มันจะเจอมรสุมหรือเปล่า ผมไล่อ่านไปเรื่อยพวกมันคุยกันเยอะมากเกือบสี่ร้อยข้อความได้ จนสุดท้ายมันได้ข้อสรุปว่าจะไปเกาะกูดขากลับแวะค้างบ้านไอ้หมวยที่จันทบุรีสองคืนแล้วค่อยกลับกรุงเทพ พวกมันรอให้ผมยืนยันกลับไปอีกที ผมเปิดดูที่พักและที่เที่ยวที่ไอ้หมวยมันส่งมา เห็นว่าสวยและน่าสนใจดี คงได้รูปสวยๆกับมาเพียบเลยส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไปก่อนจะปิดเครื่องชาร์จแบตแล้วนอนเสียที
“อ้าว อาบเสร็จแล้ว?”พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่เดียวมันเดินออกมาจากห้องน้ำใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว
“อืม ทำไรอยู่เห็นจ้องแต่โทรศัพท์”
“ดูที่เที่ยวอยู่ กลับไปแล้วจะไปเที่ยวกับพวกไอ้เต้ต่อนะ”
“ไปไหนกัน?”
“เกาะกูด ขากลับแวะบ้านไอ้หมวยที่จันท์ด้วยบ้านมันเป็นสวนผลไม้”
“แล้วจะไปเมื่อไหร่ กี่วัน ไปกันยังไง”
“ใจเย็นครับพี่ อะไรจะถามรัวขนาดนี้”ถามจนผมขำ
“พุธหน้า ไปอาทิตย์นึงอ่ะ ขับรถกันไปนี่แหละคงเอารถไอ้เต้ไปมั้ง”
“เอาฟอร์จูนเนอร์พี่ไปสิ คันใหญ่หน่อยจะได้นั่งกันสบายๆ ขนของได้เยอะ”
“เป็นความคิดที่ดี แล้วไม่ได้ใช้เหรอ”
“ทำงานก็ใช้อยู่แค่สองคัน”สองคันที่ว่าคือคัมรี่กับแอสตัน แต่แอสตันนี่จะงานสำคัญๆอย่างไปงานเลี้ยงหรือไม่ก็ออกเที่ยวกลางคืน เอาไว้ล่อสาว เหอะๆ
“งั้นขอน้ำมันเต็มถังด้วยดิ”
“หึ งั้นจะเอาไรมาแลก”มันนั่งลงข้างเตียงฝั่งที่ผมนอนอยู่ ยิ้มเลวเชียว แล้วทำไมต้องมานั่งตรงนี้ด้วยเนี่ย ฝั่งของตัวเองก็ว่าง ตอนแรกอาฝนจะจัดห้องให้มันนอนคนเดียวสบายๆ แต่ผมให้มันมานอนด้วยนี่แหละ เพราะรู้ว่ามันไม่ยอมนอนคนเดียวแน่ๆ
“โห่ ไรว้า ต้องแลกด้วยเหรอ แค่น้ำมันเอง”
“ไม่มีอะไรได้มาฟรี”
“จะแลกกับอะไร?”
“น้ำมันเต็มถังกับ...หนึ่งน้ำเป็นไง?”
“ไอ้หื่นนนนนนน”
“ฮ่าๆๆ หื่นบ้าอะไร มันเรื่องธรรมชาติ พี่ไม่ได้จ้องจะทำตลอดเวลาถึงมาว่าหื่นเนี่ย”
“ถ้าจ้องจะทำตลอดเวลานั่นเรียกบ้ากามแล้ว”
“อย่ามาทำตัวเป็นเด็กน้อย เมื่อก่อนก็ทำข้ามวันข้ามคืนเลยไม่ใช่ไง”
เมื่อก่อนกับตอนนี้มันเหมือนกันที่ไหนวะ ลองมาแก้ผ้านอนคว่ำดูสิ พ่อจะทำมันสามเวลาหลังอาหารเลย แต่คิดอีกทีก็ขนลุกละ ผมไม่ได้พิศวาสประตูหลังไอ้พี่เดียวเลยสักนิด ส่วนไอ้เสาประตูด้านหน้ายิ่งแล้วใหญ่
“เดี๋ยวเติมน้ำมันเองก็ได้วะ”
“หึ พี่จะเติมให้ เดี๋ยวให้พ็อคเกตมันนี่ติดตัวไปด้วย...”
ก็นั่นแหละครับ จะปฏิเสธไปมันก็ไม่ฟัง จะเรียกให้ถูกคือปฏิเสธไม่ได้มากกว่าเพราะมันปิดปากผมด้วยปากมัน ตกลงคืนนี้จะได้นอนกี่โมงกี่ยามกัน
“อืม...”ทุกครั้งที่ได้จูบกันผมรู้สึกว่าตัวเองยิ่งถลำลึกลงไปทุกที เหมือนกับสารเสพติดที่ค่อยๆต้องการมันทีละน้อยๆแต่เสพติดมันในที่สุด
“พี่อยู่กับน่านเสมอนะ”
“?”
“จะดีใจ เสียใจ ทุกข์ใจอะไรมาก็ขอให้จำไว้ว่ายังมีพี่ที่พร้อมจะรับฟังทุกอย่างนะ”
“มาดึงซึ้งทำไมเนี่ย”แววตาของพี่เดียวอ่อนโยนแต่ก็ดูมั่นคง
“เปล่าสักหน่อย แค่อยากบอกให้รู้ แล้วก็อยากจะบอกอีกว่าอย่าเอาความรักของคนที่ไม่สมหวังมาตัดสินว่าความรักมันไม่ดีหรือไม่มีจริง”
“ความรักทำให้เจ็บปวด”ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคงกลัวจริงๆ ไมได้กลัวความรักแต่กลัวความเจ็บปวดและสูญเสียต่างหาก
“ความรักไม่ทำให้เจ็บปวดหรอก แต่อย่างอื่นต่างหากที่ทำให้เจ็บ...”นั่นไง ลากลงล่างอีกแล้ว แววตาอบอุ่นเปลี่ยนเป็นแพรวพราวเจ้าเล่ห์ เปลี่ยนไวยิ่งกว่าจิ้งจกเปลี่ยนสี แต่เอาก็เอาวะ
ครั้งนี้ผม...ยอมเจ็บ --------------------------------
อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วนะคะ