ตอนที่ 31.2วงบาร์บีคิวคึกคักไปด้วยตัวเอนเตอร์เทนทั้งหมดหลายที่พยายามขนมุกมาโชว์อย่างไม่กั๊ก ผมเองก็แอบยิ้มๆ กับมุกตลกเจ็บตัวของรีเบคโก้ บรรยากาศเหมือนมาพักแรมที่บ้านตากอากาศ ถ้าไม่นับไอ้คนที่คอยแยกเขี้ยวขู่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองและส่งสายตาคุมคามปู่ของตัวเองล่ะก็ มันถือว่าเป็นค่ำคืนที่สนุกเลยทีเดียว ผมหันมามองวินเซอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ คอยเทคแคร์ดูแลอาหารการกิน ผมได้กินบาร์บีคิวหอมกรุ่นโดยไม่ต้องทนไฟร้อนๆ ของเตา คอแห้งก็ไม่ต้องลุกให้เมื่อยเพราะเดี๋ยวมันก็ร่อนมาพร้อมกับใบหน้าหล่อๆ ที่ยิ้มเอาอกเอาใจ
แหม ทำตัวน่ารักกว่าปกติแบบนี้ ผมชักเกิดความระแวงแปลกๆ ขึ้นมาซะแล้วสิ!
“พี่ฮอยฮักค่า~ เป็นยังไงบ้างคะ? บาร์บีคิวฝีมือบิ้นอร่อยไหมคะ?” ริบบิ้นลูกพี่ลูกน้องคนสวยของวินเซอร์เพียรพยายามเข้าใกล้ผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงออเซาะน่ารักน่าชัง และก็โดนสายตาเลเซอร์ของคุณแฟนของผมยิงในทันที ไม่พูดไม่จาจ้องขู่อย่างเดียว สาวน้อยใจกล้าเชิดหน้าสู้แล้วยิ้มประจบมาให้ผม เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกขำนิดหน่อย
“ครับ อร่อยมาก”
“ได้ข่าวว่าแกนั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง!” ปืนเลเซอร์แดกดันเสียงเข้ม ริบบิ้นยักไหล่ชวนผมคุยต่อด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วช่างเจรจา ไม่สนใจสายตาเลเซอร์ของเด็กแว้นแม้แต่น้อย วินเซอร์ขยับกระแซะตัวผม นี่ถ้ามันกายตัวนอนพาดกลางได้คงทำไปนานแล้วครับ ขนาดนี้ยังทำตัวเป็นไอ้เหลือบรัดรอบตัวผมซะแน่น คอยตีไม้ตีมือสาวน้อยหน้าแฉล้มที่พยายามยื่นมือมาแตะผม
ระหว่างเกิดสงครามงูเหลือมกับไม้เลื้อย คุณย่ากานต์ลุกขึ้นจากที่นั่งปล่อยให้คุณปู่นั่งแหงนหน้ามองดาวอยู่คนเดียว ผมมองตามไปอย่างสงสัย ไม่นานคุณย่ากานต์ก็กลับมาพร้อมกับเสียงเพลงของสุนทราภรณ์ดังขึ้น คุณปู่วอลเธอร์หัวเราะเงยหน้ายิ้มกว้างให้กับภรรยาพร้อมกับหลิ่วตาให้ คุณย่ากานต์กอดอกยิ้มแป้นตอบกลับ วินเซอร์เบ้ปากแล้วลุกขึ้นเดินหนีไปเลย อ่า รุ่นใหญ่สวีทกันอีกแล้วครับ เล่นเอาคุณหลานผู้หน้าบาง(?)เดินหนีไปเลย
ผมมองคุณปู่วอลเธอร์ลุกเดินไปโน้มตัวลง ยื่นมือไปหาคุณย่าอย่างสง่างามน่ามอง คุณย่าอมยิ้มแล้วยื่นมาไปจับและทั้งสองก็เดินออกไปยืนกลางลานที่กลายเป็นฟลอร์เต้นรำจำเป็น คู่รักรุ่นใหญ่สบตากันหวานซึ้งพร้อมทั้งค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามจังหวะของเพลง ผมพยายามจะซึมซับความโรแมนติกของคู่รักสุดหวานซึ้ง ดูสิ สบตาส่งยิ้มหวานพร้อมกับเต้นรำท่ามกลางแสงเดือนหมู่ดาว ผมชักสงสัยว่าความโรแมนติกนี้มันถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมหรือเปล่า? ถ้าไม่นับการกระทำห่ามๆ ของเจ้าเด็กโข่งของผมก็นับว่ามันเป็นหนุ่มโรแมนติกทีเดียว! ผมโยกตัวตามเพลงไปอย่างเพลิดเพลิน
“ให้เกียรติผมสักเพลงครับคุณผู้หญิง”
ผมชะงักเมื่อได้ยินประโยคชวนด้วยภาษาไทยแบบแปร่งๆ เงยหน้าขึ้นก็เห็นอับดัลยืนหน้ายิ้มระรื่นชื่นบานโน้มตัวลงชวนสาวน้อยริบบิ้นที่กลั้นยิ้มสุดกำลัง ก่อนจะยื่นมือไปให้เป็นการตอบรับคำชวน หนุ่มแขกก้มตัวจูบแตะหลังมือของสาวนิดๆ แล้วยิ้มหวานปานน้ำตาลเชื่อมจนผมขนลุกเกรียว แต่ไม่เท่าคนถูกจูบหรอกครับ รายนั้นอ้าปากเหวอหน้าแดงก่ำ ผมฟันธงทันที เสร็จไอ้หนุ่มโรตีแน่!
อับดัลพาริบบิ้นออกแด้นซ์กลางฟลอร์แสงจันทร์นวล ตอนแรกทั้งคู่ก็เก้อเขินกันอยู่บ้างแต่ก็ค่อยๆ ปรับเข้าคู่กัน เขาสองคนเหมาะสมกันดีนะ ผมมองคู่เต้นรำทั้งสองสบตาหวานซึ้งเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกินในบรรยากาศชมพูจ้าขึ้นมา ผมหันซ้ายหันขวามองหาคนที่ลุกไปในตอนแรกเริ่ม หายหัวไปไหนของมันวะ? แต่แล้วก็ไปสบตากับหนุ่มผู้ถูกกีดกั้นให้นั่งโดดเดี่ยว รีเบคโก้ยิ้มแห้งๆ ให้กับผมแล้วยักไหล่ชี้ชวนไปที่ฟลอร์เต้นรำ ผมเลิกคิ้วรับแล้วยกนิ้วลากผ่านคออย่างรวดเร็ว เจ้านั้นก็ทำหน้าบางอ้อเข้าใจในทันทีก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กับผม
มองคู่เต้นที่เปลี่ยนจังหวะเป็นสนุกสนานแล้วเริ่มอิจฉาเล็กๆ ไอ้บ้านั้นหายไปไหนของมันวะ? ผมนั่งอยู่สักพักแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นบ้านไป ไม่ได้ตามหาเจ้าคนที่หายหน้าหายหนวดหรอกนะครับ เรื่องอะไรผมจะต้องตามง้อมันด้วยล่ะ เฮอะ! ผมมาเข้าห้องน้ำต่างหากเล่า! ผมเดินเข้าห้องพักของตัวเองเปิดไฟห้องน้ำแล้วเข้าไปทำธุระอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำความสะอาดล้างไม้ล้างมือแล้วเดินออกไป ผมแทบผงะกับเงาทมิฬที่นอนลอยหน้าลอยตาอยู่บนเตียง
เชี่ย ตกใจแทบตาย นึกว่าโจรขึ้นบ้านที่แท้โจรปล้นสวาท! เจ้าตัวต้นเหตุพลิกตะแคงตัวมาหาผมแล้วส่งยิ้มกวนๆ มาให้คล้ายที่รู้ว่าผมตกใจจนสะดุ้ง วินเซอร์ลุกขึ้นนั่งแล้วตบมือลงข้างๆ ตัวที่ว่าง ผมพาตัวมานั่งอย่างว่าง่ายแล้วเริ่มยิงคำถามทันที
“หายไปไหนมา?”
“แถวๆ นี้แหละ” เจ้าตัวตอบแบบปัดๆ ไปให้พ้นตัว วินเซอร์พลิกตัวเข้ามาคว้าตัวผมไปกอดหมับรวดเร็วและเบาแรง เขาหัวเราะในลำคอแล้วเอ่ยเนิบนาบเน้นคำ ยั่วยวนและปลุกเร้าอารมณ์โดยไม่ต้องพึ่งวัตถุใดอื่น
“เต้นรำแบบนั้นไม่น่าสนใจนักหรอก จืดชืด”
“หือ? แล้วอะไรล่ะที่น่าสนใจ?” ผมมองมือของเขาที่ค่อยๆ เคลื่อนลูบไล้ใบหน้าของผมอย่างนิ่มนวลแผ่วเบา ไหลไปตามกระแสที่อีกฝ่ายก่อขึ้นอย่างไม่รีบร้อน วินเซอร์ยิ้มมุมปากมีเลศนัย ทำตาวิบวับ กระซิบเสียงแหบพร่า ขบติ่งหูเบาๆ เล่น
“อะไรน่า? เร้าใจกว่าแทงโก้ เมามันกว่ารุมบ้า”
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ขนลุกเกรียวกับน้ำเสียงที่ทอดเสียงออเซาะซอเลาะ ร่างกายมันตอบสนองรุ่มร้อนขึ้นมาทันที อาการคลอเคลียเนิบนาบไม่ห่างทำให้ใจสั่นไหว ผมหันไปมองและสบเข้ากับดวงตาสีเข้มที่จับจ้องผมไม่วางตา มันส่งความโหยหามาให้ สื่อความต้องการของเจ้าของที่มีอยู่ล้นปรี่ ผมปรือตาลงขยับตัวเข้าหาใบหน้าหล่อเหลาคมสัน จรดริมฝีปากอุ่นเข้าหากัน ค่อยๆ แตะต้อง เชื่องช้า นุ่มนวล
ระหว่างที่เราสอดประสานลมหายใจอุ่นร้อน มือก็ช่วยกันปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ติดตามเนื้อตัวออก ผมยกแขนดึงเสื้อยืดออกพ้นศีรษะคว้าลำคอหนาประทับจูบที่ร้อนแรงจนได้ยินเสียงครางลอดจากริมฝีปากของเขา ผมปลดเสื้อเชิ้ตลายขวางของเขาออก วินเซอร์ดึงผมขึ้นไปเกยนั่งบนตักแล้วก้มหน้าจูบไซ้ซอนตามเปลือกกายที่ว่างเปล่า ผมเอียงคอเปิดทางโล่งให้กับการสำรวจตรวจตราของคนรัก มือลูบไล้ตามแผ่นหลังเคล้าคลึงกล้ามเนื้อแน่นปึก
“คิดถึงแทบจะเป็นบ้าแน่ะ ให้ตายเถอะ” วินเซอร์พึมพำแหบต่ำตามผิวกายของผม เขาดูดเม้มเนื้อผิวเป็นจุดแดงช้ำ ซุกจมูกหายใจลึกสูดดม
ผมพยักหน้าคล้อยตามเพราะผมกับเขาแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย เราสองคนต่างฝ่ายก็ทำงานยุ่งโดยเฉพาะผมที่ปลีกตัวไม่ได้เลย จนบางครั้งผมก็เริ่มไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา มันจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าตัวห่างใจก็ห่างไปด้วยหรอกนะ? แม้แต่คนรักมั่นก็ต้องใจสั่นคลอนเพราะความห่างไกลแล้วนับอะไรกับพ่อพวงมาลัยร้อยชายอย่างคนตรงหน้านี้ล่ะ! ผมเอนตัวออกทำให้วินเซอร์ครางไม่พอใจ
“นั้นสินะ นานมากแล้วที่เราไม่ได้อยู่กันแบบนี้”
วินเซอร์ทำหน้าเคร่งเครียด พยักหน้ารับ ผมก้มหน้าช้อนตามองเขาแล้วถามกึ่งหยอกกึ่งจริง
“บอกสิว่าได้เกเรหรือเปล่า?”
เขามองผม ตาลอยละเมอตอบ
“ไม่เลยครับ เป็นเด็กดีตั้งใจทำงานอย่างเดียวเลย”
“อืมมม อย่างนี้ก็ต้องให้รางวัลเด็กดีแล้วน่ะสิ” ผมทำหน้าครุ่นคิดอย่างไม่จริงจังนัก วินเซอร์ทำตาโต กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เขาพยักหน้ารับรัวๆ เหมือนกลัวจะไม่ได้รางวัลถ้าพยักหน้าช้ากว่านี้ ผมยิ้มจงใจให้มันยั่วยวน เผยอริมฝีปากเนิบนาบแล้วตวัดลิ้นเลียตามเรียวปาก
“นอนลงสิดาร์ลิ้ง”
“ตามนั้นเลยที่รัก” วินเซอร์กลั้นยิ้มเอนตัวทำตามไม่อิดออดเลยแม้แต่สักนิด เฮ้อ ใจง่ายจริง!
“นอนเฉยๆ มือห้ามเกาะกะ” ผมบอกสำทับขึ้นเรียกเสียงครางประท้วงอย่างไม่พอใจ
ผมหรุบตาลง ใช้นิ้วไต่ตามแผงอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจ มันเป็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นสมบูรณ์พร้อมแบบบุรุษนักรบอาชาไนย หาได้ยากในตัวของผู้ชายยุคดิจิตอลที่อะไรๆ ก็สะดวกสบายไปซะหมด ถ้าอยากได้รูปร่างแบบทรมานใจสาวน้อยสาวใหญ่ต้องบ้าออกกำลังกายน่าดู อ๊ะ ผมไม่ได้จะพาดพิงถึงใครใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ กรุณาอย่าไปคิดถึงหนุ่มบ้าออกกำลังกายกลัวอ้วนขึ้นสมองอย่างเพื่อนใครบางคนซะล่ะ!
ผมยกตัววาดขาข้ามฝั่งค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนตัวที่เกร็งขึ้นฉับพลัน วินเซอร์กลั้นหายใจ เจ้าหมอนี่มันจะตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรมันก็ออกอาการขนาดนี้ซะแล้ว นี่ถ้าผมทำขึ้นมาจริงๆ มันไม่ใจวายไปเลยหรือไงกัน? ผมพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองหัวเราะ เดี๋ยวเจ้าบ้านี่จะเข้าใจผิดคิดว่าผมขำมันอีก อันที่จริงก็ขำมันนั้นแหละ
ผมลูบไล้ตามเนื้อตัวของวินเซอร์ เอ้า ผ่อนคลายหน่อยนอนหายใจแผ่วเชียว มือของผมลูบวนมาที่อกด้านซ้ายที่มันเต้นระรัวเสียงดัง ผมชำเหลืองมองใบหน้าหล่อเหลาซึ่งตอนนี้ไร้หนาวไร้เคราใสกิ๊งเป็นหนุ่มน้อยเช่นเดิม วินเซอร์เองก็จ้องผมเขม็งพร้อมกับส่งสายตาคึกคักเหมือนจะถามว่า ‘แล้วไงต่อ?’ ผมค่อยๆ โน้มตัวลงหน้าชิดหน้า ปลายจมูกจรดกันแล้วเอียงหน้าเคล้าริมฝีปากแผ่วเบาเหมือนปีกนกลูบไล้
เด็กดีที่นอนนิ่งเชื่อฟังคำสั่งกันสุดๆ ขยับตัวบดเบียดริมฝีปากเข้าหาผมแบบไม่ยอมพ่ายแพ้แม้จะใช้มือไม่ได้ก็ตาม พวกเราจูบแลกสัมพันธ์ทางลิ้นเสียดสีดูดดื่มจนร้อนฉ่า ผมสอดมือไปตามกลุ่มผมสีเงินยวงที่งดงามนุ่มสลวย กระตุกมันเบาๆ จนเขาแหงนหน้าแล้วบดริมฝีปากรุนแรงจนรู้สึกได้ว่าปากของตัวเองบวมแดงนิดๆ ผมผละจูบอย่างอ้อยอิ่งเนิบนาบเสียจนคนข้างล่างเริ่มขยับเขยื้อนแขนขา
“อย่าขยับเด็ดขาด!” ผมเงยหน้ามาเอ่ยปรามมองเขาแล้วส่ายหน้านิดๆ ให้
“โหดร้าย” วินเซอร์ครางหงิงทำหน้าเหมือนผมเป็นคนโหดร้ายส่งสายตาประณามมาให้
ผมเชิดใส่ แน่ล่ะ ผมใจร้ายมากนะ! หึๆ
ผมไล่จูบตั้งแต่ต้นคอ ลาดไหล่หนา ตามตัวที่อุ่นจัด ทุกครั้งที่ประทับริมฝีปากตามผิวกายร้อนผ่าวเขาก็จะกระตุกตัวนิดๆ มือของผมคำลงกลางตัวไปที่จุดร้อนที่สุดของเขามันเริ่มชูชันตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมจัดการอุปสรรคชิ้นสุดท้ายออกแล้วค่อยๆ ใช้มือลูบไล้หยอกล้อมันตามที่เขาเคยทำกับผม วินเซอร์ร้องครางเสียงแผ่วยันตัวขึ้นให้มือของผมได้ปรนเปรอเขาถนัดถนี่ ผมเคลื่อนตัวลงต่ำแล้วไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมาย ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำหอบถี่ๆ ของวินเซอร์แล้วกลั้นยิ้มแสร้งถามออกไป
“ยังโหดร้ายอยู่ไหม หือ? ดาร์ลิ้ง”
“ที่รัก มันจะโหดร้ายแน่ถ้าหยุด!” วินเซอร์กลั้นเสียงแล้วเอ่ยย้อนกลับพร้อมกับหัวเราะหึๆ ส่งสายตาลูกหมาน้อยใสซื่อขอร้องอ้อนวอนมาให้กับผม ผมขี้คร้านที่ตอบกลับเพราะตอบไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ที่แน่ๆ เจ้าคนเหลี่ยมจัดก็ต้องหาถ้อยคำโต้ตอบอีกตามเคย ผมใช้มันไปควบคุมอย่างอื่นที่ซื่อตรงกว่าเจ้าตัวมันจะเวิร์คกว่าอีก
“เป็นไง?” ผมถามพึมพำพ่นลมใส่แก่นร้อนที่เต้นตุ้บๆ ราวกับมีชีวิต วินเซอร์ครางกระหึ่มในคอตอบเหมือนจะขาดใจ
“อืมมมม! เยี่ยมมม!”
ผมหัวเราะแล้วตั้งอกตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม เอียงหูฟังคนที่นอนทุรนทุรายเหมือนโดนเชือด เป็นเอามากจริงๆ สงสัยที่ผ่านจะทำตัวดีเหมือนอย่างที่ปากบอกจริงๆ นั้นแหละ อาการคล้ายคนอดยากปากแห้งมานาน ผมตวัดลิ้นเลียอย่างครึ้มอกครึ้มใจแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะจู่ๆ เจ้าคนที่ดิ้นแด่วๆ เป็นปลาเกยตื้นก็ลุกขึ้นพรึบเดียว ใบหน้าเขาเคร่งเครียด ดวงตาทอประกายระยิบร้อนแรงดุดัน หายใจหอบโยนทั้งตัว ผมสะท้านรับรู้ถึงภัยอันตรายจากคนตรงหน้า แย่ล่ะ ดันไปปลุกพญามารตื่นขึ้นซะแล้ว
วินเซอร์หัวเราะในลำคอ ดวงตาเมามายกับแรงปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมาในตัว เขาคว้าตัวเข้าไปจูบบดเบียด ณ วินาทีนั้นผมก็สติแตกกระเจิด อ่า มันช่างเป็นจูบที่ป่าเถื่อนเสียจริงแต่มันร้อนแรงอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน ผมจูบตอบบดเบียดหัวหมุนไปกับการดูดกลืนอันรุนแรงแทบจะกลืนกิน เสียงครางของเราดังประสานกัน วินเซอร์พลิกตัวผมนอนราบลงบนเตียงแล้วเข้ามาเทกโอเวอร์แทนที่ตำแหน่งของผม ปากอุ่นจนร้อนจูบพรมตามตัวของผมประทับตีตราไปตามผิวกายละเอียด เขาแยกขาของผมออกกว้างจากกัน ขณะที่จูบพรมต่ำลงมือของเขาปัดผ่านและบีบขยี้ยอดอกของผม ผมร้องครางหายใจติดขัด สมองเริ่มมึนงง ทุกเรื่องในหัวค่อยๆ มลายหายไปเหลือเพียงการรับรู้ถึงอีกคนเท่านั้น
“อืม วินเซอร์”
“ดาร์ลิ้ง” เขาแย้งกลับเสียงแหบพร่า ผมพยักหน้าแล้วเรียกตามด้วยความมัวเมากับแรงพิศวาสที่มันมากขึ้นเรื่อยๆ
“อ่า ดาร์ลิ้ง”
ความร้อนจากการเสียดสีทางคับแคบทางด้านหลังจากนิ้วมืออันช่ำชองทำให้ผมสะบัดหน้าร้องครางสะอื้น ลืมเลือนความแปลกประหลาดในตอนแรกไป พอนิ้วนั้นถอยห่างออกไปตัวผมก็เหมือนลอยคว้างว่างเปล่าขาดการเติมเต็ม ดวงตาของผมพร่าพรายยกตัวขึ้นกอดรอบลำคอที่โน้มตัวเข้ามาหา ผมปล่อยตัวตามแรงปลุกเร้าของธรรมชาติรับการเข้ามาของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ วินเซอร์พึมพำข้างหูของผม เสียงขบกรามกรอดอดทนกับการสอดประสานในครั้งแรก ผมผงกศีรษะขึ้นดึงเขาลงมาจูบประทับปลอบประโลม เขาจูบตอบกลับอย่างนุ่นนวลราวกับจะให้ความมั่นใจ
“ให้ตายเถอะ” วินเซอร์วางผมลงแล้วกัดฟันทำหน้าเครียดพ่นคำพูดออกมาจากลำคอเหมือนเสียงคำราม เขาถอนหายใจเล็กๆ แล้วบรรจงขยับสะโพกสอบ ผมเม้มปากแน่นหลับตารับการเคลื่อนเข้าออกที่ไต่ระดับความเนิบนาบสู่เร็วแรง เช่นเดียวกับความร้อนเร่าของผมที่ค่อยๆ กระพือขึ้นตามแรงเสียดสี ผมผวากอดรัดร่างสูงใหญ่แล้วร้องครวญคราง
“อีกสิ! แรงอีก! วินเซอร์!”
เขาคำรามเสียงดังกระหึ่มตอบรับขอเรียกร้องของผม ขยับตัวกระแทกกระทั่งเข้าใส่จนร่างของผมสั่นสะเทือนตามแรงส่ง เราขยับกายด้วยจังหวะเดียวกันประสานสอดคล้องกันโดยไม่ต้องเอ่ยปากบอก วินเซอร์ควบตัวต่อเนื่องเขากัดปากมองผมที่ทิ้งทุกอย่างออกจากหัวแล้วเร่งเครื่องติดตามเขาไปทั้งตัวจนถึงโค้งสุดท้ายตรงหน้าเป็นหน้าผา พวกเรากอดรัดกันแน่นแล้วกระโจนลงหน้าผาร้องหวีดหวิวเสียวซ่านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ผมนอนหมดเรี่ยวแรงจากการทะยานตัวจากที่สูงแล้วแตกโพล่งเป็นเสี่ยงๆ ความสุขสมประดุจฝูงมดไต่ยุบยับไปตามตัว ลมหายใจที่แรงฟึดฟัด วินเซอร์แหงนหน้าคำรามดังราวขาดใจดังก้องห้อง เขาพูดบางอย่างรัวเร็วไม่เป็นภาษา สักพักเขาก็ค่อยๆ รวบรวมสติก้มหน้าลงมาส่งยิ้มให้กับผม วินเซอร์โน้มตัวลงต่ำมาจูบคลอเคลียอย่างรักใคร่ ผมขมวดคิ้วเม้มปากเล็กน้อย ไม่วายส่งเสียงออกมาเพราะเบื้องล่างทียังคับแน่นขยับเขยิบเนิบนาบ ผมตวัดสายตามาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มแหยๆ มาให้เหมือนรู้ถึงความโลภมาก ดับยากตื่นเร็วของเจ้าน้องชาย!
ผมที่พักหายใจได้ไม่ถึงนาทีก็ยันตัวถอยออกห่างทำให้มันหลุดออกจากตัวผม วินเซอร์ครางหงิงมองผมด้วยความเสียดายสุดซึ้งแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ทำได้แต่ส่งสายตาลูกหมาอย่างที่ถนัดมาให้ ผมถอนหายใจแล้วพลิกตัวหันหลังโน้มศีรษะลงต่ำโก่งบั้นท้ายขึ้นสูง ผมกัดฟันพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เปลี่ยนท่าบ้างจะได้ไม่เบื่อไง!”
“ว่าแล้ว! เมียดาร์ลิ้งทั้งสวยทั้งใจดี!” ใบหน้ามั่นใจในตัวเองจัดนั้นทำเอาผมอยากถีบหลังขาหลังให้มันจริงๆ วินเซอร์หัวเราะอย่างดีอกดีใจ มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมด้วยใบหน้ายิ้มสว่างไสวจนผมดวงตาพร่ามัว วินเซอร์ค่อยๆ เข้าไปในตัวผมอีกครั้งแล้วโน้มตัวลงมาหอมแก้มผม กระซิบเสียงแหบพร่า
“รอบสองรอบไม่พอยาไส้ผัวหรอกนะจ้ะยาหยี”
ผมกัดฟันอดจะสวนขึ้นไม่ได้
“เออ ทำใจแล้วตั้งแต่ได้ไอ้บ้ากามเป็นผัว!”
วินเซอร์ขำก๊าก ก้มจูบแก้มผมฟอดใหญ่แล้วกระซิบปนเสียงหัวเราะ
“พูดมาได้ บ้ากามก็ผัวตัวนะ!”
หลังจากจบศึกชนช้างที่เล่นเอาผมบอบช้ำไปทั้งตัว แน่ล่ะ ทั้งคืนเลยนะทั้งคืน! ตอนนี้ผมง่วงนอนฉิบหาย ระหว่างนั้นเผลอนอนไปทีไรก็ถูกสะกิดขึ้นมาเล่นฟันดาบกับพ่อคุณตลอดจนสว่างโร่คาตา ผมหลับตานอนกอดอิงร่างอบอุ่นของข้าศึกผู้รุกรานจนไม่ได้หลับไม่นอนแทนหมอนข้าง ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ ที่อีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้น ไม่นะ! ผมเพิ่มแรงกอดรัดช่วงเอวเอาไว้อย่างหวงแหง ผมไม่ยอมเสียหมอนข้างชั้นดีไปง่ายๆ หรอก! ผมได้ยินเสียงประท้วงอะไรบางอย่างจากหมอนข้าง
“ฟ้าผ่า ท่านปู่! นี่มันห้องส่วนตัวนะครับ!”
“เห็นเงียบหายไปทั้งสองคนเลยเป็นห่วง กลัวตกเตียงคอหักตายน่ะ” แขกที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตตอบกลับ ผมอยากจะหลบหนีอายกับคำประชดนั้นที่เหมือนรู้ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่ทำไม่ได้เพราะเพลียเกินไป แค่เปิดเปลือยตาผมก็ยังทำไม่ได้เลย เจ้าหมอนข้างนี่มันน่านักเชียว!
“ตอนเช้าตรู่ตะวันไม่ขึ้นแบบนี้ผมอารมณ์ไม่ดีเท่าไรหรอกนะ อย่ามากวนกันดีกว่า”
“เช้านี้แกน่าจะอารมณ์ดีนะ เต้นรำทั้งคืนเลยนี่” แขกทอดเสียงมีเลศนัย ผมหน้าร้อนวูบ เต้นรำทั้งคืน! โอเคทั้งเต้นรำบนเตียงแนวระนาบกันทั้งคืนจริงๆ นั้นแหละ หมอนข้างของผมทำเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนไม่พอใจแต่ไม่ปฏิเสธ
“มีอะไรก็พูดมา!” หมอนข้างของผมสะบัดเสียงคล้ายจะรำคาญ
“ปู่จะกลับวันนี้ตอนสายๆ แวะมาบอกภารกิจแกเท่านั้นแหละ”
“อะไรกัน เร็วจริง” หมอนข้างของผมทำเสียงเซ็งๆ แล้วจากนั้นเขาก็รวบตัวผมลงจากตัวเขาแล้ววางลงบนเตียงนุ่มนวล ผมรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนบนหน้าผากด้วย อืม หมอนข้างทำตัวดีอ่อนโยนแบบนี้ดีจังเลย แรงขยับตัวทำให้ผมรู้ว่าวินเซอร์ก้าวลงจากเตียงนอนแล้ว หูของผมได้ยินเสียงพูดคุยที่หน้าห้อง ทั้งสองคุยกันเสียงเบาดูลึกลับชอบกล
“ไปคุยที่อื่นดีไหม?”
“ไม่ล่ะ คุยกันที่นี้ก็ได้ เขาเหนื่อยจนหลับไปแล้วไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ผมได้ยินเสียงวินเซอร์เอ่ยแย้งกลับไม่เต็มใจนักที่จะเดินออกไปจากห้องนี้ ก็ใช่นะ ผมเหนื่อยมากแม้แต่แรงถ่วงหนังตาให้ตื่นยังทำไม่ได้ แต่โทษทีที่ยังไม่หลับง่ายๆ หรอก ก็สองปู่หลานทำท่ามีลับลมคมในแบบนี้ใครจะไปหลับลง แต่ผมก็รู้ว่าคงจะต้านการเชิญชวนขององค์อินทร์ไม่ได้นาน แน่ะ ท่านกวักมือหย่อยๆ ให้เข้าเฝ้าแล้ว
“ใคร ที่ไหน เท่าไร?” วินเซอร์ถามด้วยเสียงจริงจังเป็นงานเป็นการ อีกฝ่ายก็ตอบกลับด้วยระดับเสียงเดียวกัน
“ปารีส รายละเอียดอยู่ในนี้”
“อาฮะ ขนาดดาราดังยังไม่เว้นเลยเหรอ?” วินเซอร์เงียบไป มีเพียงเสียงพรึบพรับที่คาดว่าเป็นเสียงเปิดกระดาษดังอยู่สักพัก จากนั้นวินเซอร์ก็เอ่ยน้ำเสียงติดหยันหน่อยๆ
“ต่อให้มันเป็นประธานาธิบดีหากทำผิดสัญญา ตระกูลของเราก็จะไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่”
“ว้าว ฟังแล้วคิดถึงคำขวัญปลุกใจของตระกูลชะมัด” วินเซอร์หัวเราะที่มันชวนขนลุกซู่ ไม่ใช่เสียงหัวเราะแบบปกติของเขา มันแสดงถึงความยินดี ความกระหายเลือด กลิ่นอายในห้องเข้มข้นขึ้นจนผมอึดอัด เสียงหัวเราะในลำคอที่ดังในหัวของผมมันเต็มไปด้วยความวิปริต เสียงนั้นค่อยๆ ห่างไกลไปจากผมเรื่อยๆ เสียงทุ้มต่ำเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินดังสะท้อนไปในหัวของผมไปมา
“หากเจ้าตนใดทำผิดพันธะสัญญา มัวร์จักไม่ปล่อยให้เจ้าโลดแล่นในรัตติกาล...ชั่วนิรันดร์”
FINISH.
NOT THE END.
I'll be back with DARLING LOVE U.
COMING SOON !
ขออภัยในความผิดพลาด เค้าลงโทษตัวเองแล้วนะ!