ตอนที่ 24
กว่าที่รถทัวร์จะขับเคลื่อนไปถึงตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็เล่นเอาผมอาเจียนออกมาหลายรอบ โชคดีที่พี่ปั๊มรู้อยู่แล้วว่าเส้นทางการเดินรถจากเมืองหลวงสู่บ้านเกิดของตนนั้นมันสาหัสสากรรจ์แค่ไหน จึงได้พกถุงหิ้วใส่กระเป๋าสะพายข้างมาจำนวนหลายใบ
“เฮอะ!” พี่ปั๊มพ่นลมหายใจออกมาขณะยื่นทิชชู่มาให้ผมเช็ดปาก ผมรับทิชชู่มาด้วยความเกร็งเพราะเข้าใจไปว่าพี่ปั๊มคงจะรังเกียจ
“ขอโทษนะพี่" ผมเอ่ยหลังจากที่เช็ดปากเรียบร้อย "ผมไม่รู้ว่าเส้นทางมาบ้านพี่มันจะหฤโหดโคตรคดโค้งขนาดนี้"
“ไม่! กูสิต้องขอโทษมึงที่ไม่ได้บอกมึง" พี่ปั๊มหันมาตอบด้วยความฉับไว แววตาของพี่ปั๊มแสดงถึงความจริงใจไร้การเสแสร้ง
“อ้าว! ผมก็นึกว่าพี่รังเกียจซะอีก"
“ไอ้ข้าว!” พี่ปั๊มจ้องมผมเขม็งราวกับว่าผมพูดความผิดร้ายแรงออกไป "มึงเป็นน้องกูนะโว้ย แค่มึงอ้วกมันยังน้อยไป ลองให้กูเช็ดตูดมึงสิ ยังได้เลยไอ้น้องรัก"
“เอ๋? แล้วพี่หงุดหงิดอะไร" ถ้าพี่ปั๊มไม่ได้รังเกียจผม แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้พี่ปั๊มเป็นแบบนี้
“ก็ดูไอ้โด้ดิวะ ไอ้กูก็นึกว่ามันจะอ้วกจนหมดแรง ที่ไหนได้นั่งยิ้มหน้าระรื่นมาตลอดทาง หน็อย! เจ็บใจนัก" พี่ปั๊มพูดเสียงดังตั้งใจให้ไอ้โด้ได้ยิน
“อ๋อออออ.......” โด้ลากเสียงยาวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ "อย่างงี้นี้เอง แต่เสียใจด้วยนะพี่ปั๊ม เพราะโค้งแค่นี้ทำอะไรสุดหล่ออย่างโด้ไม่ได้หรอก"
“ไปกันเถอะข้าว" พี่ปั๊มแกล้งทำไม่สนใจไอ้โด้พลางพยุงร่างของผมเพื่อที่จะพาเดินลงจากรถเมื่อเห็นผู้โดยสารคนอื่น ๆ ทยอยลงกันจนหมดแล้ว
ผมหันไปมองโด้ก็เห็นว่ารายนั้นกำลังทำหน้างอนจนแก้มป่องคิ้วขมวดที่พี่ปั๊มไม่ยอมสนใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินตามลงมาด้วยความเงียบเชียบ
หลังจากที่หยิบสัมภาระลงจากรถเสร็จ พี่ปั๊มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาใครบางคน
“เอ้อ ไอ้ปอม อยู่ไหนแล้ววะ" นั่นคือประโยคแรกที่พี่ปั๊มเอ่ยขึ้น ก่อนจะเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ "เออ ๆ เดี๋ยวกูเดินไป"
พี่ปั๊มกดวางโทรศัพท์แล้วหันมาพยักหน้าให้ผมกับโด้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง "ป่ะ"
“ไปไหนพี่" เสียงของโด้เอ่ยขึ้น
“ไปหาน้องกู มันขับรถมารออยู่ที่ร้านข้าวแกงด้านหน้าสถานีขนส่งแล้ว"
พี่ปั๊มเดินนำไปยังหน้าสถานีขนส่งโดยมีผมกับโด้เดินตามไปติด ๆ ราวกับเด็กที่กลัวว่าจะโดนปล่อยทิ้งไว้กลางป่าอย่างไรอย่างนั้น สักพักพี่ปั๊มก็เลี้ยวเข้าไปในร้านขายข้าวแกงร้านหนึ่ง ภายในร้านมีผู้คนที่นั่งอยู่ตามโต๊ะอาหารมากมายจนเกือบเต็ม
“ปั๊ม ๆ ทางนี้” แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผมหันไปมองตามต้นเสียงก็เจอกับเด็กหนุ่มผิวขาวเหลืองยกมือเรียกพี่ปั๊ม เขาตัดผมสั้นดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย หน้าตาของเด็กหนุ่มผู้นั้นราวกับดาราเกาหลีที่ผ่านการศัลยกรรมมาจนหล่อเหลา หากแต่คน ๆ นี้ไม่ใช่... ดูอย่างไรใบหน้าของเขาก็สดใสด้วยธรรมชาติไร้ซึ่งการแต่งเติมใด ๆ การแต่งกายก็ดูจะแสนธรรมดาเพราะเขาสวมเสื้อแขนกุดสีขาวเผยให้เห็นมัดกล้ามเล็ก ๆ ที่ต้นแขนเหมือนคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ท่อนล่างเป็นกางเกงสามส่วนสีดำ
พี่ปั๊มพยักหน้ามาทางผมแล้วพยักหน้าเป็นการบอกว่าให้เดินตามไป จากนั้นพี่ปั๊มจึงเดินนำไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ กับเด็กหนุ่มผู้นั้น
“ไอ้ปอมนี่เพื่อนร่วมงานกูนะ คนนี้ชื่อข้าวอายุเท่ากันกับมึง ส่วนนั่นไอ้โด้อ่อนกว่ามึง 4 ปีมั้ง น่าจะราว ๆ นั้น” พี่ปั๊มเป็นคนเริ่มบทสนทนา ก่อนจะหันหน้ามาทางผมและพยักเพยิดไปทางโด้
เด็กหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดูยิ้มให้ผมกับโด้ก่อนยื่นมือออกมาตรงหน้าผม ผมยิ้มกลับพอจะชักมือไปจับตอบพี่ปั๊มปัดมือของเด็กหนุ่มคนนั้นออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ
“นี่ไอ้ปอมน้องชายกูเอง...” พี่ปั๊มทำเสียงขรึมก่อนจะหันหน้าไปทางน้องชายแล้วกระซิบกระซาบกันสองคน แต่ผมดันได้ยินด้วย “มึงไม่ต้องมาทำเป็นพิธีรีตองจับมงจับมือแล้วพูดยินดีที่ได้รู้จักนะครับแบบในละครเลยไอ้ปอม!”
“ทำไม” ปอมเอ่ยถาม หากแต่พี่ปั๊มไม่ตอบแถมยังเบือนหน้าหนีก่อนจะนั่งกอดอกอย่างวางท่า ทว่าพอได้ยินในสิ่งที่น้องชายเอ่ยในประโยคถัดไปออกมาเท่านั้นแหละพี่ปั๊มก็แทบจะนั่งนิ่งต่อไปไม่ได้ “หึงเหรอไงพี่”
“หึง! หึงบ้าหึงบออะไรเล่า” น้ำเสียงของพี่ปั๊มแสดงออกถึงความขัดใจอย่างเห็นได้ชัด มิหนำซ้ำยังยกเหตุผลต่าง ๆ นานามาสารพัดราวกับกำลังร้อน “กูจะหึงได้ยังไง ผู้ชายเหมือนกันนะโว้ย ไอ้นี่หนิ ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วพูดมากพูดมั่วไปเรื่อยไป กูไม่ได้หึง ไม่ได้หึงจริง ๆ เข้าใจไว้ด้วย”
“อื้อ... เข้าใจ” ปอมพยักหน้า สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงอารม์ใด ๆ ออกมาสักนิดทำให้ผมไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้กำลังครุ่นคิดอะไรกันแน่ “ก็แค่แซวเล่น ๆ แล้วทำไมต้องตอบซะยืดยาวขนาดนั้น”
“เอ้อ... ก็เปล่า มึงนี่ก็พูดมากจัง กูไปสั่งอาหารก่อนดีกว่า หิวจะแย่แล้ว” พูดจบก็ลุกขึ้นทันที
“โด้ไปด้วย” โดยมีโด้ที่ลุกขึ้นตามไปเลือกอาหารจากถาดอาหารด้านหน้าร้านติด ๆ ส่วนผมยังไม่รู้สึกหิวจึงยังนั่งอยู่ที่โต๊ะตามเดิม
โต๊ะอาหารภายในร้านเป็นโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีเก้าอี้ 4 ตัววางรอบโต๊ะ โดยที่ซ้ายมือของปอมเป็นที่นั่งของพี่ปั๊ม ส่วนฝั่งขวามือของปอมคือที่นั่งของโด้ ส่วนผู้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับปอมก็คือผม
“ข้าว” เสียงที่เอ่ยเรียกทำให้ผมที่กำลังเสมองไปรอบ ๆ ร้านต้องหันหน้าไปปะทะกับคนตรงหน้า สายตาของคนที่มองมากลับทำให้ผมนึกไปถึงใครบางคนเสียได้ คนที่ผมเคยเป็นพี่เลี้ยงและเขาก็ได้ทอดทิ้งผมไปอย่างไม่ใยดี ...บ้าจริง!
“ครับ” ผมรับคำอย่างสุภาพ แม้ว่าโครงหน้าจะต่างกันเพราะปอมคล้ายกับพี่ปั๊มมากกว่า ทว่าความสดใสไร้เดียงสาหากแต่แววตาแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจและไม่ยอมคนนั้นกลับทำให้ผมคิดถึงคุณชายไปได้ “มีอะไรครับคุณชาย”
แล้วผมก็เผลอพูดออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
“คุณชาย?” ปอมทำหน้างุนงงครู่หนึ่ง
“อ้อ... เปล่า ๆ ไม่ใช่ ๆ” ผมรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แล้วทำไมผมต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจแบบนี้ด้วยนะ พอจะสบตาก็กลับรู้สึกกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาดื้อ ๆ ท้ายที่สุดผมจึงเลือกที่จะหลบตาแล้วนั่งก้มหน้านิ่ง ๆ เหมือนเป็นคนขี้อายที่ไม่กล้าสบสายตาใคร “ไม่มีอะไรครับ”
ผมลอบถอนหายใจออกมา คุณชายยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของผมไม่ยอมจากไปไหน แล้วแบบนี้ผมควรจะทำอย่างไรต่อไป ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดมันจบไปแบบนี้หรือลองกลับไปหาคุณชายอีกสักครั้ง เผื่อว่าคุณชายอาจจะแค่กำลังลองใจว่าผมจะทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้
“ผมจะถามว่าข้าวไม่หิวเหรอ ไม่ไปหาไรกินบ้างล่ะ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องสลัดความคิดบ้า ๆ ทิ้งไป
“อ้อ...” ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก... ไม่รู้เหมือนกันว่าโล่งอกเรื่องอะไร “ผมยังไม่หิวครับ แล้วปอมล่ะ”
“ว๊า... แย่จัง” ปอมทำน้ำเสียงเสียดาย “เห็นพี่ปั๊มกับโด้ไปเลือกของกินแล้ว ผมก็ว่าจะชวนข้าวไปซื้อด้วยกันซะหน่อย”
คำพูดของปอมมันอาจจะไม่มีอะไรนอกจากความบริสุทธิ์ใจ หากแต่หัวใจของผมกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเพียงเพราะประโยคสั้น ๆ ที่ถูกเอ่ยออกมา อาจเป็นเพราะผมรู้สึกว่าคนตรงหน้ามีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับคุณชาย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คุณชาย ...ใช่! ปอมกับคุณชายเป๊กคนละคนและไม่มีทางที่ผมจะมองใครเป็นคุณชายไปได้อีก
“ไม่กินสักหน่อยเหรอ สักนิดก็ยังดี กินไม่หมดเดี๋ยวผมช่วยกินก็ได้” …น้ำเสียงที่คล้ายกับออดอ้อนนั่นมันคืออะไรกัน
“ครับ ๆ กินก็ได้” ผมอยากจะตบกบาลตัวเองแรง ๆ เหลือเกิน สมองสั่งให้ปฏิเสธออกไป แต่ทำไมปากของผมมันถึงตอบรับนะ
“ดีมาก ปั๊มจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” พูดจบคนตรงหน้าก็ลุกขึ้นแล้วเดินนำไปทันที
ผมไม่รอช้ารีบเดินตามไปทันที เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าปอมมีส่วนสูงที่มากกว่าผมน่าจะประมาณ 3-4 เซนติเมตรได้
ระหว่างที่กำลังเดินไปเลือกอาหาร อยู่ ๆ ปอมก็พูดในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา
“ข้าวรู้ป่ะว่าปั๊มเป็นเกย์” น้ำเสียงราบเรียบปกติเหมือนกับว่าสิ่งที่เอ่ยออกมานั้นไม่ใช่เรื่องแปลก
“เหรอ...” ผมลากเสียงยาวก่อนที่จะส่ายศีรษะ ทั้ง ๆ ที่รู้สึกตกใจอยู่พอควรกับสิ่งที่ได้ยิน “ไม่รู้ครับ”
“จริงเหรอครับ ว๊า... ผมนี่แย่จริงที่เอาความลับของพี่ชายมาเล่าให้คนอื่นฟัง” ปอมพูดด้วยน้ำเสียงสบายใจก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้หัวของตัวเองราวกับสำนึกผิด หากแต่นั่นมันเป็นการเสแสร้งชัด ๆ “ปั๊มชอบโทรมาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ่อย ๆ บางครั้งก็เล่าเรื่องของข้าวด้วยนะ ไอ้เราก็นึกว่าข้าวจะรู้ความรับของปั๊มข้อนี้แล้วซะอีก ดูปั๊มจะสนิทสนมและห่วงข้าวมาก ๆ เลยล่ะครับ”
“ไม่รู้ครับ” ผมส่ายศีรษะ แม้จะสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่คาดคิดว่าพี่ปั๊มจะเป็นอย่างที่ปอมกล่าวหาจริง ๆ “ไม่คิดว่าพี่ปั๊มจะเป็น...”
“ผมขออะไรอย่างได้ไหม” คราวนี้น้ำเสียงของคนพูดเริ่มจริงจังจนผมอดรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะขอนั้นมันคืออะไร
“ได้สิครับ” ผมตอบรับอย่างว่าง่าย ปอมกระตุกยิ้มออกมาหนึ่งทีแล้วพูดประโยคที่ยืดยาวออกมาว่า
“อย่าให้ความสัมพันธ์ระหว่างปั๊มกับข้าวมันเกินเลยคำว่าพี่น้อง อย่ารักปั๊มแบบคู่รักเด็ดขาด ถึงมันจะเป็นเกย์ แต่ด้วยนิสัยใจคอและท่าทางของมันยังพอมีหวังที่จะกลับมาเป็นปกติได้ หวังว่าข้าวจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดนะ” พูดจบก็เดินนำลิ่ว ๆ ไปทางหน้าร้านปล่อยให้ผมยืนงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินโดยไม่สนใจสักนิดว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
ผมกับพี่ปั๊มจะรักจะชอบกันได้อย่างไร เราสองคนสนิทสนมกันก็จริง แต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันก็แค่พี่น้องเท่านั้น ผมยอมรับว่าผมรักพี่ปั๊มมาก แต่รักในฐานะพี่ชายไม่เคยคิดอะไรเป็นอย่างอื่น แล้วการที่ปอมมากล่าวหาพี่ปั๊มกับผมแบบนี้จะให้ผมทนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ...แม้บางครั้งจะมีหวั่นไหวบ้างก็เถอะ แต่มันก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้น้องจากคำว่าพี่น้องเท่านั้น ผมมั่นใจ!
คิดดังนั้น ผมจึงรีบเดินตามออกไปหวังที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ปอมเข้าใจ แต่ทว่าพอไปถึงปอมก็สั่งอาหารและหันมาพูดกับผมโดยที่ไม่ยอมให้ผมเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น ผมรู้ว่ามันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็แค่พูดดักเอาไว้ก่อน เพราะข้าวอาจจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น...” ระหว่างที่ปอมกำลังจะพูดต่อ เสียงของแม่ค้าขายอาหารก็ดังขึ้น
“กับข้าวได้แล้วค่ะ”
ปอมหันไปจ่ายเงินกับแม่ค้าจนเสร็จสรรพแล้วจึงหันมาพูดกับผมอีกครั้ง
“แต่กับปั๊มไม่ใช่...” พูดจบก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ปล่อยให้ผมยืนสับสนกับคำพูดเหล่านั้นอีกครั้ง
การที่ปอมบอกว่า ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น แต่กับพี่ปั๊มไม่ใช่... มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ปอมไปรับรู้เรื่องราวอะไรของพี่ปั๊มมาอย่างนั้นหรือ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดกบาล หวังจะมาเที่ยวคลายเครียดเพื่อลืมเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำ แต่เหตุไฉนผมต้องมาเครียดยิ่งกว่าเก่ากับคำพูดแปลก ๆ ของเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
“คุณคะ สั่งอะไรดีคะ” แล้วเสียงที่ดังขึ้นก็เรียกสติผมให้กลับคืนมาอีกครั้ง ผมเงยหน้าไปมองแม่ค้าขายอาหารทำตาปริบ ๆ อย่างสำนึกผิดที่มายืนอยู่หน้าร้านแต่ยังไม่ยอมสั่งอะไรสักที
ผมกวาดสายตามองดูอาหารในถาด มีอาหารที่น่ารัปประทานหลายอย่าง ทั้งไข่ลูกเขย หมูหวาน ยำไข่ต้ม ฉู่ฉี่ปลาทู อะไรที่ไม่มีผักผมชอบทั้งนั้นแหละ แต่ทว่า
“เอาผัดผักรวมมิตรกับยำเห็ดเข็มทองครับ” ผมตัดสินใจสั่งอาหารเพื่อสุขภาพไปแล้ว พอคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก คำที่คุณชายเคยพูดหรือเคยขอเอาไว้ก็กลับมาวนเวียนอยู่ในหัวสมองจนทำให้ผมต้องหวั่นไหวไม่เป็นอันทำอะไร เรื่องคุณชายว่าเครียดแล้ว ได้ยินคำพูดแปลก ๆ ของปอมเมื่อครู่ยิ่งทำให้ผมเครียดเข้าไปใหญ่ ...ไอ้ข้าวเอ๊ย เมื่อไหร่มึงถึงจะกลับมามีความสุขอีกสักทีวะ
พอเดินถือจานอาหารกลับไปนั่งที่โต๊ะพี่ปั๊มก็ส่งสายตาที่แสดงถึงความประหลาดใจมาทางผม
“ไอ้ข้าว มึงไม่ชอบกินผักไม่ใช่หรอเหรอวะ”
“เอ๋... พี่ข้าวไม่ชอบกินผักหรอครับ” โด้เอ่ยแทรกด้วยความชอบใจก่อนจะเอามือทุบอกตัวเองแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ “ไม่เก่งเหมือนโด้เลย กินผักเป็นตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จากนั้นก็กินมาตลอด”
“ก็... เออน่าพี่ หัดกินบ้างก็ดี” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางหันไปมองจานอาหารในมือแล้วรู้สึกขยะแขยงชอบกล ผมจะกินมันลงจริง ๆ หรือนี่
ผมลอบถอนหายใจก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะอาหารพยายามไม่สบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พอจะตักอาหารเข้าปากมือมันก็ค้างอยู่กลางอากาศอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ...นี่ผมกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย คุณชายก็ทิ้งผมไปแล้ว แล้วทำไมจะต้องไปใส่ใจกับไอ้คำพูดที่อยากให้เราทำนู่นนี่นั่นของคุณชายด้วยนะ
คิดดังนั้นผมจึงถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้ววางช้อนส้อมลงบนจานอาหาร ไม่กินก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ โตมาอายุป่านนี้ผมก็ยังแข็งแรงเหมือนคนทั่ว ๆ ไปนั่นแหละน่า
“เป็นอะไร” พี่ปั๊มเอ่ยถามหลังจากที่เห็นผมวางช้อนส้อมลง
“เปล่าครับพี่” ผมปฏิเสธออกไปก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาดื่มจนหมด จังหวะที่ผมกำลังเงยหน้าดื่มน้ำ สายตาของผมก็ดันไปปะทะกับสายตาเจ้าเล่ห์ของปอมเอาเสียได้ ทั้ง ๆ ที่เห็นในทีแรกก็ดูน่ารักสเใสไร้เดียงสา แต่พอได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยคผมกลับรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่คิดเสียแล้ว เขาดูฉลาดและยากที่จะเข้าใจ
ปอมยักคิ้วให้ผมหนึ่งทีก่อนจะเผยอยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “ไม่ลองกินดูล่ะ กับข้าวร้านนี่อร่อยจริง ๆ นะ”
พูดจบก็ถือวิสาสะมาตักอาหารที่จานของผมแล้วยัดเข้าปากตัวเองก่อนจะเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย ผมไม่ชอบท่าทีของหมอนี่เลย ทั้ง ๆ ที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแต่กลับชอบทำเจ้าเล่ห์เพทุบายเหมือนอยากจะมีปัญหากับผมเสียให้ได้
“อร่อยจริง ๆ นะ ถ้าพี่ข้าวไม่กินโด้ขอนะครับ” พอโด้จะตักบ้างพี่ปั๊มก็รีบยื่นมือไปดันมือของโด้ออกทันที
“ไม่ได้! นี่ของไอ้ข้าว ให้มันกินบ้างช่วงนี้ยิ่งผอม ๆ อยู่ มึงก็เหมือนกันไอ้ปอมอย่าไปแย่งมันกิน” พูดจบก็หันมามองหน้าผม “รีบกินได้แล้วไอ้ข้าว”
“ครับ” ท้ายที่สุดผมก็ต้องกลั้นใจรับประทานผัดผักประหลาด ๆ และยำเห็ดพิสดารที่ผมตัดสินใจสั่งมา ...โถ่เอ๊ยไอ้ข้าว คิดเองเออเองทั้งนั้น ทำไมไม่ยอมทำอะไรตามใจตัวเองสักทีนะ ทำไมถึงชอบนึกถึงคุณชายและคำพูดบงการของคุณชายต่าง ๆ นานาสารพัดด้วย
การที่จะลืมใครบางคนที่มีความผูกพันกันมานั้นมันไม่ได้ทำง่าย ๆ เลยสักนิด แล้วคุณชายล่ะ จะมีสักเสี้ยววินาทีไหมที่มีอาการเหมือนผม หรือคุณชายไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บางทีเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันอาจจะเกิดจากความสงสารก็เป็นได้
“ก็แค่เนี้ย จะกินก็กินได้นี่ครับ” หลังจากที่ผมตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปาก เสียงของปอมก็ดังขึ้น ระหว่างนั้นพี่ปั๊มกับโด้กำลังเดินไปเลือกของหวานที่หน้าร้านเลยทำให้รอบโต๊ะอาหารเหลือเพียงแค่ผมกับปอมอีกครั้ง
“นายมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า” ผมถามออกไปตรง ๆ เพราะคำพูดหลาย ๆ อย่างของปอมมันสะกิดใจให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่หวังดีกับผม
“ก็เปล่านี่ครับ” ปอมตอบพร้อมรอยยิ้มที่สดใสหากแต่ฉาบไปด้วยเล่ห์ร้ายที่ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากผม “แล้วข้าวล่ะมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า”
เมื่อถามกลับมาตรง ๆ แบบนี้มีหรือที่ผมจะยอมแสร้งทำเป็นคนดีแล้วส่ายศีรษะปฏิเสธแบบเขา “มี”
ได้ผล... ปอมยิ้มให้กับคำตอบ เขาเลิกคิ้วแล้วจ้องมองผมด้วยความสนใจ
“เรื่องที่นายกล่าวหาพี่ปั๊มว่าเป็นเกย์ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมกับพี่ปั๊มจะรักกันไม่ได้” ที่ถามไม่ใช่เพราะผมหลงรักพี่ปั๊มไปแล้วหรอกนะ แค่อยากรู้เหตุผลที่แท้จริงเท่านั้น “เพราะที่นายบอกว่าพี่ปั๊มยังพอมีหวังที่จะกลับมาชอบผู้หญิงนั้น ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง”
“แล้วถ้าผมยังยืนยันคำตอบเดิมล่ะ” สีหน้าของปอมจริงจังมากขึ้น เขาจ้องผมเขม็ง
“แล้วเพราะอะไรล่ะ” ผมถามพร้อมทั้งพยายามคิดหาเหตุผลไปด้วย “เพราะนายไม่ชอบที่มีพี่ชายเป็นเกย์อย่างนั้นน่ะหรือ ผมเข้าใจนะว่าผู้ชายแท้ ๆ อย่างนายคงจะทำใจลำบากที่มีพี่ชายเป็นเกย์ แต่นายรู้ไหมว่ากว่าที่ใครคนหนึ่งจะยอมรับความรู้สึกที่ผิดเพี้ยนของตัวเองได้น่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ แล้วถ้าพี่ปั๊มเป็นแบบนั้นจริง นายก็ควรจะเข้าใจความรู้สึกของพี่ปั๊มมากกว่าที่จะเลือกต่อต้านสิครับ”
ผมพูดไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในจิตใจ รู้ดีว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งคิดว่าตนเองเป็นชายแท้มาโดยตลอดนั้นจะยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลงเรื่องรสนิยมทางเพศที่เกิดขึ้นมันทำใจลำบากแค่ไหน ผมพยายามวิ่งหนีความจริงมาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดผมก็ต้องพ่ายแพ้... พ่ายแพ้ให้กับหัวใจของตัวเองที่ไม่สามารถปฏิเสธถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้
ตั้งแต่ที่ผมเริ่มรู้สึกหวั่นไหว ผมต้องทนอยู่กับความหวาดกลัวมาโดยตลอด... กลัวว่าครอบครัวจะรับรู้ถึงสิ่งที่ผมเป็น กลัวว่าเพื่อนฝูงและคนรอบข้างจะรังเกียจเมื่อรู้ว่าผมชอบเพศเดียวกัน ทว่าความกลัวเหล่านั้น แท้จริงแล้วมันไมไ่ด้น่ากลัวเลยสักนิด ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ผมจินตนาการไปเองทั้งนั้น บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ อยู่ที่ว่าผมกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นหรือเปล่า และผมก็รู้แล้วว่าความกลัวเหล่านั้นมันช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับการที่ผมได้รับรู้ความจริงว่าคนที่ผม 'รัก' กลับไม่ได้คิดเช่นเดียวกับผม เพราะคนที่ไม่สามารถยอมรับในความรู้สึกของตัวเองได้นั้นมันช่างน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าอะไร...
“ผมไม่ได้ต่อต้าน เพราะผมเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นดี” ปอมยังคงยิ้มระรื่น “แต่เพราะพ่อกับแม่ยังอยากมีหลาน...”
“อยากมีหลาน” ผมทวนคำ ไม่เข้าใจในสิ่งที่ปอมต้องการจะสื่อเลยสักนิด แต่แล้ววินาทีต่อมาความสงสัยของผมก็ถูกไขจนกระจ่าง และทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้นทันตา
“ใช่! ปั๊มน่ะยังพอมีโอกาสที่จะกลับไปชอบผู้หญิงได้ แต่ผมทำไม่ได้เพราะผมไม่เคยต้องการผู้หญิงมาเป็นคู่ครองเลยสักนิด” น้ำเสียงนั้นจริงจังเช่นเดียวกับสีหน้าและแววตาที่จับจ้องมาที่ผม
สายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันส่งผมให้ผมต้องนั่งนิ่งและสมองไม่สามารถประมวลคำพูดที่อยากจะพูดออกมาได้ สุดท้ายผู้ที่มาปลดปล่อยให้ผมหลุดจากความกดดันก็เดินมาพร้อมกับวางถ้วยของหวานถ้วยหนึ่งลงตรงหน้าผม
“กินแก้เลี่ยนซะไอ้น้องรัก” เสียงของพี่ปั๊มช่วยเรียกสติผมให้กลับคืนมาอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ” ผมขยับถ้วยของหวานเข้ามาใกล้ ๆ แล้วรีบรับประทานโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น ไม่อยากจะคิดอะไรให้ปวดหัวแต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมพี่ปั๊มจะต้องเป็นฝ่ายเสียสละยอมมีหลานให้พ่อกับแม่ แล้วถ้าพี่ปั๊มไม่สามารถรักผู้หญิงคนใดได้จริง ๆ แล้วล่ะ เขาจะลำบากใจแค่ไหนที่ต้องฝืนความรู้สึกของตัวเอง โดยการคบกับผู้หญิงสักคนเพื่อครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันอาจจะเกิดขึ้นเพราะความจำเป็น ไม่มีความรักมาเกี่ยวข้องเลยสักนิด
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือพี่ปั๊มกับผู้หญิงที่จะต้องมาเป็นคู่ครองและลูกที่อาจจะต้องเกิดมาในอนาคต แล้วมันจะมีทางแก้ไขบ้างไหม แล้วพี่ปั๊มจะยอมให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นไปตามคำบัญชาของพ่อและแม่รวมถึงปอมจริง ๆ น่ะหรือ
จบตอนนนนน.........
รอตัวละครแบบปอมมานานมากครับ หึหึหึ
เม้นท์ให้เค้าด้วยนะ.... อ้อนนน