7 – ใจกลางพายุ
ตอนที่ใจเย็นเห็นเป็นไทนั่งอยู่ในบ้านตนเอง ในซุ้มไม้ บนเก้าอี้ตัวประจำที่เขาชอบนั่งเล่น ความรู้สึกประหลาดๆ ก็ดูจะพัดมาพร้อมกับไอเย็นจากผิวน้ำตก ใช่ ประหลาด บอกไม่ถูก และความรู้สึกนั้นก็ดลให้เขาหยุดยืนมองเป็นไทอยู่ชั่วครู่ จากตำแหน่งที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว อย่างที่เขามักจะจ้องมองผู้คนเช่นนั้นเสมอมา
ใจเย็นเห็นเป็นไทหันมองสำรวจรอบๆ คร่าวๆ ไม่ได้เพ่งพินิจ ก่อนกลับมาหยุดที่ดอกสวีทพีตรงหน้า ราวครุ่นคิดบางอย่าง หรืออาจจะแค่รอ เห็นนิ้วชี้ขยับเคาะเบาๆ กับโต๊ะ เบาจนไม่ได้ยินเสียง ตอนนั้นที่ใจเย็นเริ่มอยากรู้ว่าเป็นไทคิดอะไรอยู่ อยากเห็นสีหน้า อยากเห็นอารมณ์ พลันก็นึกถึงไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ขึ้นมา
และนั่นแหละที่ทำให้ใจเย็นเริ่มบทสนทนา แกล้งถามถึงรสที่อยากกินแม้ทั้งบ้านจะมีแต่รสสตรอเบอร์รี่ ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าจะเห็นสีหน้าขัดใจ เขาหัวเราะ แต่ก็สนุกกับการแกล้งแค่นั้น จนที่เหลือก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นไทถึงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
อันที่จริงใจเย็นก็ได้ยินบ่อย ที่เพื่อนๆ จะบอกว่าเขากวนตีน แน่นอนว่าบางเรื่องเขาตั้งใจ บางเรื่องก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตนเองกวนตีนตรงไหน บางทีสีหน้าเป็นไทไม่สบอารมณ์คงเพราะรู้สึกว่าเขากวนตีน แต่ใจเย็นก็ไม่ได้ถามออกไปว่าอย่างไร เขาเงียบให้เหมือนตอนที่กินไอศกรีมกันอยู่แล้วนึกเรื่องชวนคุยไม่ออกนั่นแหละ
จนสุดท้าย ที่อยากพบกับเป็นไทเพื่อเคลียร์ปัญหาค้างคาใจ ก็กลายเป็นว่าเพิ่มเรื่องคาใจอีกเรื่องจนได้
ในช่วงเวลาที่ดอกสวีทพีจะลดกลิ่นหอมเมื่อเดือนพฤษภาคมร่นหาย ใจเย็นขบคิดค้างใจ ทั้งสิ่งที่ได้ยินในงาน Open House ทั้งไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งสีหน้าไม่สบอารมณ์เหล่านั้น ทั้งหมดนั่นเลย จนก่อนที่จะได้เจอเป็นไทอีกครั้งในวันเสาร์ครั้งหน้า ใจเย็นก็หาเพื่อนมาช่วยตอบ
“คบหลายคนแล้วผิดเหมือนไปฆ่าคนตายไหมไม่รู้นะ แต่กูว่ายังไงก็ผิดว่ะ”
“ผิดยังไงวะ”
“อ้าว ก็ใครๆ ก็อยากให้แฟนมีเราคนเดียวปะวะ”
“งั้นเหรอ”
ใจเย็นตอบรับด้วยคำพูดติดปาก แบบที่ไม่เคยตั้งใจกวนตีนใครด้วยคำพูดนี้ แต่ก็นั่นแหละที่เพื่อนมักบอกว่าคำนี้มันกวนตีน แต่เขาก็แก้ไม่ได้ แค่ทำให้น้ำเสียงมันนิ่งเรียบเท่านั้น ถ้าให้เปรียบคงเหมือนคนญี่ปุ่นที่เวลาครุ่นคิดคำตอบจะไม่ได้ปล่อยเงียบ จะพูดอะไรออกมาสักอย่างให้ดูเหมือนว่าใส่ใจอยู่ พูดทั้งๆ ที่ใช้ช่วงเวลานั้นคิดประโยคอื่นอยู่นั่นแหละ เพียงแต่ใจเย็นพูดคำนี้แล้วก็แค่ปล่อยเฉย ผ่านเลย เก็บเงียบงำ คิด และก็พบแต่ความไม่เข้าใจอะไรเลย
“ทำไมเสียใจถ้าแฟนเรามีคนอื่นน่ะเหรอ” จนใจเย็นเก็บไปถามกระทั่งผู้หญิงที่เขาคบอยู่ อีกแล้วที่หล่อนเป็นเด็กสาวอายุมากกว่า คล้ายว่าเขาจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกหล่อน หรือเขาเองที่ชอบพวกหล่อนก็ไม่แน่ใจนัก
“อืม”
“ถามอะไรแปลกๆ นะใจเย็น” หล่อนยิ้ม พลันใจเย็นก็รู้สึกอีกแล้วว่าเขาจะไม่ได้คำอธิบาย “ในเมื่อตอนนี้เราก็คบกันอยู่หลายคนไม่ใช่เหรอ”
“...งั้นเหรอ”
ครั้งนี้เขาเจอคำตอบที่ทำให้ความคิดยิ่งชะงักงัน ใช่ ระยะหลังมานี้กลายเป็นที่รู้ดีว่าเขาไม่ได้คบใครแค่คนเดียว และคนที่เข้ามาหาก็เป็นคนประเภทเดียวกัน รับได้ ไม่สร้างปัญหา และพากันบิดเบี้ยวในความสัมพันธ์ที่ไม่คิดว่าผิดอะไรเรื่อยไป
สุดท้ายใจเย็นก็ไม่เข้าใจอะไรเลย ต่อให้คิดย้อนไปถึงใบหน้าโกรธขึ้ง หรือมืดหม่นเศร้าเสียใจของผู้หญิงที่รับไม่ได้เมื่อรู้ความจริง ใจเย็นรู้ว่าพวกหล่อนเสียใจ รู้ว่ามันไม่ดีที่เป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมพวกหล่อนเหล่านั้นถึงมองว่าเรื่องพวกนี้เป็นความผิดและรับมันไม่ได้ ในเมื่อเวลาที่อยู่ด้วยกันก็เป็นความสุขดี แล้วมันมีอะไรที่พลาดไปตรงไหนถ้าจะหาความสุขไว้เยอะๆ
จะอย่างไรก็ตามใจเย็นก็ไม่ได้คบใครมากมายขนาดนั้น เขาคบเท่าที่จะมีเวลาแบ่งให้ มีเวลาเหลือพอให้เขาได้นั่งอยู่กับตัวเอง จ้องมองผู้คนด้วยหัวสมองว่างเปล่า หรือขบคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ขบคิดเท่าไหร่เขาก็ยังขบไม่แตกถ้าเป็นเรื่องของเป็นไท
เมื่อวันเสาร์วนมาถึงอีกครั้ง ใจเย็นจึงคิดที่จะถามออกไปตรงๆ แต่ใบหน้าหงุดหงิดไม่ยิ้มไม่หือไม่อือแถมยังสั่งให้เขานั่งเรียน ตั้งใจเรียน บอกว่าไม่ให้ยืมปากกา ไม่ให้ยืมอุปกรณ์การเรียนอะไรทั้งนั้น ให้หยิบออกจากบ้านมาเอง ก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าต่อให้ถามอะไรก็จะไม่มีทางตอบสักอย่าง สิ่งเดียวที่หลอกล่อได้เห็นจะเป็นไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ที่เขาเอาออกมาให้ตอนขอพักเบรก
ใจเย็นมั่นใจแบบที่ชีวิตไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อนว่าเป็นไทชอบไอศกรีมรสนี้ กระนั้นก็ไม่ได้ถามอยู่ดีว่าทำไมถึงไม่อยากถูกล่วงรู้ ทำไมถึงชอบถามว่าบ้านไม่มีไอศกรีมรสอื่นแล้วหรือ ใจเย็นได้แต่ตอบว่าทั้งตู้ไอศกรีมที่บ้านมีแต่รสนี้ ให้เป็นไททำสีหน้า ‘งั้นเหรอ’ ในแบบที่เพื่อนๆ เขาบอกว่ามันกวนตีน กระนั้นเลย ใจเย็นก็ชอบมากกว่าจะได้เห็นแต่สีหน้าหงุดหงิดของเป็นไท
“คราวหน้าเป็นดอกไม้อะไรดีครับ” ด้วยช่องว่างที่ใจเย็นแก้โจทย์เลขที่ถูกสั่งให้ทำได้แล้ว และเป็นไทกำลังก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์มือถือ เขาจึงเอ่ยถามถึงดอกไม้ในแจกัน อันที่จริงก็เพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไรดีเหมือนครั้งแรกที่พูดถึงดอกสวีทพีน่ะแหละ
“ไม่ได้ชอบดอกไม้ ไม่ต้องถามกู”
“ครั้งแรกเป็นไทบอกว่าเฉยๆ นี่”
“ก็ไม่ได้ชอบน่ะแหละ เฉยๆ”
“ผมคิดว่า ‘ไม่ได้ชอบ’ ก็คือ ‘เกลียด’ เลยเสียอีก”
“โอ๊ย มึงทำเสร็จแล้วเหรอวะ” พลันเป็นไทก็ดูจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกกับการต่อคำ ต่อล้อ ต่อเถียง จนใจเย็นซึมซับขึ้นมาบ้างว่าการขบถึงอะไรที่ซับซ้อน กำกวม อาจกลายเป็นความกวนตีนโดยง่าย
รวมถึงภารกิจที่ตั้งใจไว้ในวันนั้นก็ล้มเหลวด้วย
ก่อนจะถึงวันเสาร์ถัดไป ใจเย็นจึงนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้ทำลายกำแพงความสัมพันธ์ได้ ทำอย่างไรจะเปลี่ยนสีหน้าบูดบึ้งของเป็นไทเป็นสีหน้าอื่นได้บ้าง คิดไปเรื่อยจนวนกลับมาที่เงื่อนไขที่ง่ายที่สุดคือต้องหาเรื่องที่ชอบมาประเคนในบทสนทนา แต่ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ก็ดันห้ามแตะไปเสียอีก ดังนั้นเห็นทีก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือวิชาคณิตศาสตร์
“ทำไมเป็นไทชอบวิชาเลขล่ะครับ”
ใจเย็นถาม หวังไว้สุดกำลังว่าบทสนทนานี้จะทำให้ชวนคุยสำเร็จ แต่เป็นไทก็แค่มองหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างจากเดิมนัก
“สอนแล้วได้เงิน”
และคำตอบก็ใจร้ายพอตัว นึกอยากถอนตัวจากภารกิจที่ตั้งไว้ว่าจะทำให้เป็นไทเปลี่ยนสีหน้าได้ในตอนนั้น แต่ก็บังเอิญที่เขามีการบ้านวิชาคณิตศาสตร์อยากให้ช่วยดู เห็นเป็นไทคิ้วขมวดนิ่งคิด ควงปากกาในมือ ใจเย็นก็นึกบางอย่างออก
ถัดจากนี้ถ้าแก้โจทย์ได้ เป็นไทจะยิ้มออกมา เป็นยิ้มเจือจาง มุมปาก แต่ก็ชัดว่ายิ้ม และมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ เป็นไทดูอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย หากตอนที่จะอ้าปากชวนคุยนั้นเอง
“เรื่องนี้สอนไปตั้งเยอะ มึงฟังเข้าหัวบ้างไหมเนี่ย กากว่ะ”
ก็ได้ ก็ได้ พับเก็บไปก่อนก็ได้ ใจเย็นจำใจต้องคิดเช่นนั้น นึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดเพราะเป็นไทด่า แต่หงุดหงิดเพราะทำอย่างไรก็เข้าไม่ถึง และทำอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยต่างหาก
วันเสาร์ถัดไปจึงกลายเป็นเป้าหมายของใจเย็น ไม่รู้ทำไมกลายเป็นว่าเขาเริ่มนึกอยากเอาชนะ เหมือนเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าอยากจะถามอะไรกับเป็นไทบ้าง ลืมไปแล้วว่าค้างคาใจกับเรื่องที่ไม่รักเดียวแล้วสมควรตาย ลืมไปแล้วว่าไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ไม่ดีตรงไหน ลืมไปหมดแล้ว และคิดเอาแต่หาโจทย์เลข ม.ปลาย ที่ดูยากและน่าจะทำให้คนแก้มันได้รู้สึกพอใจ สรรหาจากครูบาอาจารย์จนพวกท่านแปลกใจ และเมื่อวันเสาร์มาถึง ใจเย็นก็รู้สึกพอใจที่ได้เห็นเป็นไทหน้าเครียดกับโจทย์คณิตศาสตร์ที่เขาหามา
“เอามาจากไหนวะเนี่ย” เป็นคำถามจากปากเป็นไท แต่ใจเย็นก็แค่เงียบ ยิ้มกริ่ม “แม่งยาก เรื่องนี้กูลืมๆ ไปแล้วด้วย”
“ค่อยๆ นึกก็ได้ครับ”
“จะนานอะดิ”
“อยู่กินข้าวเย็นเลยก็ได้”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูเอากลับไปทำ ได้แล้วจะโทรบอก”
“แต่อยากให้เป็นไทอยู่บ้านผมตอนกลางคืนนี่”
ใจเย็นพูดไปตามที่รู้สึก ไม่ได้คิด พลันเป็นไทก็เงยหน้าขึ้นมาจากโจทย์เลขที่ใจเย็นไปสรรหามา จ้องหน้า เอ่ยถาม “ทำไม”
“บ้านผมมีดอกไม้ที่หอมตอนกลางคืนเยอะ” และนั่นก็เป็นคำตอบที่ใจเย็นคิดออกมาแบบทันด่วน ชวนให้เป็นไทเบะปาก
“เป็นตุ๊ดหรือไง พูดแต่เรื่องดอกไม้”
“จำเป็นด้วยเหรอครับ”
ดูเหมือนคำถามนี้จะทำคนฟังอยากเตะเขาขึ้นมาแต่ก็ระงับไว้ ใจเย็นพอจะเข้าใจขึ้นมาทีละนิดว่าอะไรบ้างที่ทำหรือพูดออกไปแล้วกวนตีน แต่เขาก็รู้สึกสนุกดีที่ได้เรียนรู้มันจากเป็นไท
และสนุกดี ที่ได้เห็นคนตรงหน้าแสดงใบหน้าหลากอารมณ์ แม้จะเป็นความหงุดหงิดต่างระดับก็เถอะ
“นั่งแก้โจทย์ของมึงไป” สุดท้ายเป็นไทก็ตัดจบแบบนั้น ให้ใจเย็นนั่งแก้โจทย์ไม่กี่ข้อท้ายเรื่องที่สอนเพื่อดูว่าเขาเข้าใจหรือเปล่า ซึ่งเขาก็มักจะทำตามโดยดี แต่วันนี้ฝืนคำสั่ง เพื่อจะลอบมองคนตรงหน้าหมุนควงปากกาในมือระหว่างคิดคำตอบ บ้างก็หยุดแล้วเปลี่ยนอิริยาบถมาจับมันเขียนทดสิ่งที่คิด สลับกันไปอย่างนั้น และในที่สุด ใจเย็นก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาดๆ ที่ดูจะพัดมาพร้อมกับไอเย็นจากผิวน้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเป็นไทคลี่ยิ้มออกมา
“เฮ้ย ได้แล้ว”
ไม่รู้ว่าเป็นไทรู้ตัวหรือเปล่าว่าสีหน้าตัวเองเป็นแบบไหน แต่ใจเย็นเห็นทั้งหมด เห็นรอยยิ้มคลี่กว้างกว่าที่เคย หรืออาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแบบนี้ เห็นเป็นไทพูดอธิบายอย่างกระตือรือร้นแม้เขาจะฟังอะไรไม่เข้าใจเลยสักอย่าง พอๆ กับที่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมความรู้สึกประหลาดนั้นดูจะพัดรอบใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เป็นไทยิ้มจริงๆ ด้วยอะ เวลาแก้โจทย์เลขได้”
จนในที่สุดก็พูดไปตามที่คิด ให้เป็นไทเงยหน้าขึ้นมาถาม และจากน้ำเสียงคาดว่าเจ้าตัวคงรู้สึกว่ากำลังโดนกวนตีน
“มันทำไมล่ะวะ”
“ชอบ”
อีกครั้งที่พูดไปตามที่คิด ไม่กลั่นกรอง ไม่รู้หรอกว่ากวนตีนหรือเปล่า แต่บางทีอาจจะใช่ เพราะรูปปากของคนตรงหน้าขยับทำท่าจะด่าอะไรออกมาสักคำ แต่สุดท้ายก็นิ่ง กริบ ดูวางเฉยขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง กระนั้นหัวคิ้วก็ยังขมวดอยู่เล็กๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไม่พอใจหรืออะไร
จะอย่างไร ใจเย็นก็รู้สึกเหมือนว่าได้เอาชนะ รู้สึกเหมือนความรู้สึกประหลาดนั้นพัดหวนปั่นป่วนเป็นร้อยเป็นพันรอบ รู้สึกชอบที่เป็นไทเปลี่ยนสีหน้า เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนกลับมาด่าที่เขาไม่แตะโจทย์เลขเลยแม้แต่น้อย ชอบทั้งหมดนั้น อย่างที่ก็ไม่มีคำอธิบาย แต่ก็ดูเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อชีวิตของใจเย็นก็เต็มไปด้วยสิ่งซึ่งไร้คำอธิบายอยู่แล้ว
ดังนั้นคงไม่แปลกถ้าใจเย็นจะไม่เข้าใจ และไม่รู้ตัวว่ารู้สึกอะไรอยู่ ความรู้สึกใหม่นั้นอาจก่อเกิดขึ้นใจกลางพายุที่พัดมาจากไอเย็นเหนือน้ำตกให้เขายากจะทะลวงไปทำความเข้าใจ
ว่าเขาอยากเห็นทุกๆ อารมณ์ของเป็นไท แม้แต่ใบหน้าตอนร้องไห้ก็ตาม
******************************************************************************************