http://www.youtube.com/v/LkJRU5lFXJYบทที่ 34 การเปลี่่ยนแปลง“ทางคุณคิดว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่”
“ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด จากที่ประเมินรูปแบบของงานมาคร่าว ๆ น่าจะใช้เวลาสักสามเดือนเป็นอย่างต่ำครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็แค่ถามดู ถึงจะยืดเวลาออกไปมากกว่านี้แต่ถ้าหากมันเป็นผลดีกับบริษัทฉันก็ยินดี ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ”
ช่วงกลางสัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ผมกับพี่เชนกลับกันมาจากเชียงใหม่ เราเริ่มศึกษารูปแบบงานอย่างคร่าว ๆ ของอัศวคอนสตรัคชั่น ต้องขอบคุณพี่พิมเป็นคนที่ละเอียดและรอบคอบมาก วันนี้เป็นวันเซ็นสัญญาจริง ทั้งผมทั้งพี่เชนและพี่พิม ยูเซย์ของเราตกลงว่ารับงานของบริษัทนี้ไว้ในการดูแล
“รายละเอียดในสัญญาครบถ้วนสมบูรณ์ดี ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหวังแค่ว่าพวกเธอทั้งสามคนจะฟอลโล่วไปตามกฎและข้อตกลงทุกอย่างในนั้น”
คุณรันจรดปลายปากกาเซ็นต์อนุมัติไว้ในเอกสารสำคัญ คุณทนายของบริษัทยื่นคู่สัญญาอีกฉบับให้เราทั้งสามคนเซ็นต์รับไปพร้อมๆกัน เป็นอันว่าทุกอย่างเรียบร้อย
ตลอดการพูดคุยกันภายในห้องประชุมเล็กๆแต่หรูหรา คุณแม่พี่เอย์พูดแต่เรื่องของธุรกิจมีทนายความกับเลขาของเธอนั่งอยู่ขนาบสองข้าง ส่วนทางฝ่ายของเราเป็นคนเสนอข้อสัญญาเอง พี่พิมพาทนายความที่เป็นเพื่อนของเธอมาเพื่อดูข้อสัญญาบางอย่างของทางอัศวคอนด้วย แต่ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์เราทั้งหมดจึงจบข้อตกลงทางธุรกิจกันได้
“เดี๋ยวฉันจะกลับออกไปเลย งานเราเยอะมากจริง ๆ ถ้าหากทางยูเซย์มีเรื่องอะไรสงสัยอยากจะถามให้ติดต่อผ่านทางคุณปู เลขาของฉัน ไว้เราเจอกันอีกทีตอนที่งานของพวกคุณเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็แล้วกัน เป็นเกียรติมากนะที่ได้พวกคุณมาทำงานด้วย” คุณรันเธอว่าแล้วลุกขึ้นทั้งเลขาทั้งทนายความต่างลุกขึ้นตาม พวกผมเองก็ลุกบ้างเช่นกัน
“ขอบคุณมากครับคุณรัน ทางเราต่างหากที่สมควรจะพูดว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่อัศวไว้ใจให้เราดูแลเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดให้ ผมและหุ้นส่วนสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุด สุดความสามารถเลยครับ”
คุณรันยิ้มให้ ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอในลุคของผู้หญิงทำงานท่านประธานคนเก่งคนสวย คุณแม่พี่เอย์ไม่แก่เลยสักนิดเก่งและคล่องแคล่ว สมแล้วที่เธอดูแลบริษัทใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วยตัวเอง
คุณคงกำลังสงสัยใช่ไหมท่าทีที่เธอมีต่อผมตลอดการเจรจานั่น เธอมองผมแบบธรรมดามากสายตาปกติเหมือนคุยกันทั่วไปไม่มีอะไรเคลือบแฝง
ตอนนี้เราทั้งหมดกำลังเดินออกมาจากห้องประชุม
“พิชย” จู่ ๆ เธอหยุดเดินแล้วหันมาเรียก ผมที่เดินอยู่ข้างพี่เชนหยุดชะงัก ค่อยเดินเข้าไปหาเธอ
“เป็นไปได้ไหมที่บริษัทของคุณจะส่งคนเข้ามาดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของที่นี่แบบเต็มเวลา พวกคุณขอเวลาทางเราอย่างน้อยสามเดือน เพราะอย่างนั้นช่วงที่งานเสร็จ เวลาที่ระบบรวนหรือเกิดปัญหาคุณจะแก้ไขให้เรายังไง”
ผมคิดว่าเธอคงกังวลใจ ผู้หญิงหัวใจเหล็กที่ต้องดูแลพนักงานหลายพันคนย่อมต้องสนใจเป็นห่วงทุกเรื่องราวเป็นธรรมดา
“เรื่องนี้คุณรันไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ทางเราจะมีพนักงานที่จะให้อยู่ประจำที่นี่ตลอดเวลาในการเปลี่ยนแปลงระบบ เพราะช่วงนั้นเครื่องอาจจะเกิดปัญหาขึ้นบ่อย จนกว่าจะแน่ใจเราจึงจะส่งคนของเรากลับคืนครับ”
เธอจ้องผมนิ่งคล้ายคนรอฟังคำตอบ ผมเองก็ตอบไปตามปกติเลยนะ ทุกบริษัทที่ผ่านมายูเซย์เราก็ทำแบบนี้เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวว่าบริษัทไหนอย่างไร เราใช้มาตรฐานเดียวกัน
“อย่างนั้นหรือ แล้วถ้าคนที่ฉันอยากจะให้มาอยู่ประจำเพื่อดูแลงานที่นี่คือคุณล่ะ พิชยจะทำให้ฉันได้ไหม”
“ตอนนี้ผมดูแลอยู่ที่อัศวออโต้ครับและมีสองบริษัทที่ต้องวิ่งรอกเหมือนกัน คิดว่าคุณคงจะทราบอยู่แล้ว ทางเราวางแผนไว้แล้วว่าจะส่งใครมา แต่ที่นี่เป็นบริษัทที่ใหญ่มากถือว่าใหญ่ที่สุดที่เราเคยรับงานมาเพราะอย่างนั้นผมกับพี่คเชนทร์ตกลงกันไว้แล้วครับว่าเราทั้งคู่จะสลับกันมาดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ทางเราจะส่งมาประจำอยู่ที่นี่อีกสองคน จนกว่างานจะสมบูรณ์เรียบร้อย”
เธอยิ้มอ่อนโยนมากมาให้ผมยกมือขึ้นมาแตะที่แขน ผมรู้สึกขนลุกวาบไปทั้งตัวไม่รู้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ รอยยิ้มแบบนี้ผมไม่ชอบเลยนะ ดูเป็นทางการแปลกๆ
“ตอบได้ดีมาก ฉันจะรอดูผลงานของเธอ ทำให้ได้จริงอย่างที่พูดล่ะ”
“ขอบคุณครับ ผมจะทำเต็มที่”
เธอเดินไปแล้ว ขณะที่พี่พิมก็แยกตัวออกไปกับคุณทนาย ตอนนี้เหลือผมกับพี่เชนและคุณปูเลขาส่วนตัวของเธอ คุณปูพาพวกเราลงมาดูห้องที่จะให้ใช้เกี่ยวกับการวางระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของบริษัท ที่ชั้นสามโซน B
“ห้องนี้คุณรันเธอสั่งให้จัดไว้สำหรับพวกคุณ ถ้าหากมีอะไรต้องการเพิ่มเติมก็บอกผ่านทางพี่ปูได้ค่ะ หรือถ้าจะติดต่อโดยตรงพี่จะนั่งอยู่หน้าห้องท่านประธานที่ชั้นยี่สิบสาม ขึ้นไปหาได้ตลอด” คุณปูบอกพวกเราแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ในที่สุดผมกับพี่เชนก็ลงลิฟต์กลับกันออกมา
“หนาว.....” ผมครางว่าแล้วห่อตัว แอร์ที่นี่หนาวมากทั้งที่อากาศภายนอกก็เย็นมากอยู่แล้ว
“ปีนี้ทำไมหนาววะพี่”
“ใส่ทั้งเชิ้ตทั้งสูทยังจะหนาวอยู่อีกมึงนี่”
“ก็มันหนาวจริงอ่ะ” เราเดินกันมาถึงรถ พี่เชนเปิดประตูหลังแล้วหยิบเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ออกมายื่นส่งให้ผม ผมนึกได้ทันที
“พี่เชนครับเสื้อพี่ที่ผมใส่ไปวันนั้นผมยังไม่เอามาคืนเลย” ตัวที่พี่เอย์มันกระชากออกแล้วปาทิ้งนั่นแหละ
“ช่างเหอะ วันไหนมึงนึกได้ค่อยเอามา” ผมจัดการสวมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ทับลงไปอีกชั้น โทรศัพท์ดังขึ้นพอดีเลยกดรับ พี่เชนขับรถออกไปแล้วเรากำลังมุ่งหน้ากลับออฟฟิศ
“ไงมึง พักเที่ยงแล้วดิ่” หมาบาสมันโทรมา
“พี่ปิงจะเข้ามาป่ะเนี่ย”
“ไม่เว้ยส่งใบลาแล้วนี่”
“ลูกพี่ปิง ผมเห็นพี่เอย์พี่น่ะควงสาวด้วย สวยเช้งวับเลย วิ๊งๆ”
“อะไรของมึงอีก” คิ้วผมเริ่มกระตุกนิดๆ ไอ้บาสแม่งหาเรื่องมาให้กูจริงจริ๊ง
“จริงพี่วันนี้ทางฝ่ายขายเรียกมาให้ผมขึ้นไปช่วยดูเครื่องแทนพี่ใช่ป่ะ แล้วคุณพี่เอย์น่ะกำลังพาใครสักคนนี่แหละไฮโซ้ไฮโซ เหมือนพวกดาราเลยสวยมาก เดินดูรถกันอยู่”
“เออ ลูกค้าวีไอพีมั้ง”
“ก็คงงั้นแหละ แต่วีไอพีมากไปนะควงแคนพี่เอย์ของพี่ได้ด้วยเหรอ”
“ว่าไงนะ!” คิ้วกระตุกจริงแล้ว
“เฮ้ยพี่ผมกินข้าวก่อนไอ้วุฒิมาแล้ว” เสียงไอ้บาสโวยวายอะไรสักอย่างที่ปลายสายก่อนที่หมาวุฒิมันจะเอาโทรศัพท์มาพูดกับผมต่อ
“ไอ้ปิงมึงอย่าไปเชื่อมัน ไอ้บาสมันแกล้งมึง กูก็ขึ้นไปด้วย”
“ไอ้เหี้ยตกลงว่าโกหก”
“เออมันโกหกเรื่องควงแขนแต่เรื่องความสวยนี่ไม่แหลเว้ย หล่อนงามมาก พวกไฮโซแหละมาดูรถ เฟอ-รา-รี่” ดู๊ดูมันออกเสียงโคตรดัดจริต
“อ่อๆ” ผมรับคำไปแล้วก็วาง ไม่ได้ติดใจอะไรเลยนะผมเห็นหลายทีแล้วสาวสวยมาซื้อรถหรูๆคันนึงหลายสิบล้านบางทีพี่เอย์ต้องออกมาดูแลเองเลย ลูกนักการเมืองบ้างลูกพวกนักธุรกิจใหญ่โตบ้างมันเล่าให้ผมฟังหมดนะ เพราะงั้นผมเลยเฉย ๆ ไม่รู้สิผมเป็นผู้ชายด้วยมั้งแล้วค่อนข้างไว้ใจมัน ผมคิดนะถ้าพี่เอย์ไม่รักผมจริงสามปีที่เราห่างกันมันคงไม่กลับมาตามง้อผมแบบนี้หรอก หาคนใหม่ไปเลยไม่ง่ายกว่าจะมาตามง้อเด็กช่างกะโปโลแบบผมเหรอหน้าตาก็ธรรมดา คนละระดับกันทุกอย่าง
ดอกฟ้ากับหมาวัดแหละเอาง่าย ๆ
แต่พี่เขาคือค่อนข้างมั่นคงผมเลยเฉย ๆ กับหลายเรื่อง
เรามาถึงที่ออฟฟิศกันช่วงบ่ายนั่งทำงานกันตลอด พี่พิมเองก็กลับมานั่งพิมพ์ข้อมูลของบริษัทใหม่ที่เพิ่งติดต่อเข้ามาตอนนี้งานเราเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก พี่พิมถึงขนาดจำเป็นต้องมีคนช่วยรับงานแล้ว โปรแกรมเมอร์มีเกือบสิบคนแต่มือหนึ่งยังคงเป็นพี่เชนกับผมอยู่ บางวันช่วงเย็นเราจะมีอบรมซอฟแวร์ตัวใหม่ ๆ แลกเปลี่ยนความรู้กับพวกพนักงานด้วย มีพี่ ๆ บางคนเขียนโปรแกรมเก่งมากเพียงแต่เทคนิคยังไม่สู้เราสองคนแค่นั้นเอง
พี่เชนเคยบอกไว้ว่าไม่หวงความรู้เลย เพราะถ้าหากพนักงานเราเก่งบริษัทเรายิ่งเติบโตขึ้นได้อีกแล้วจะมีคนที่เราไว้ใจได้ช่วยทำให้งานเราเบาขึ้น เพราะงั้นพวกผมจึงแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่เสมอ
“ปิงล็อคประตูให้เรียบร้อย” ตกเย็นพนักงานประจำกลับกันหมด เหมือนอย่างเคยผมกับพี่เชนอยู่โยง ผมคาบขนมเดินออกมาล็อคประตู มันเป็นแบบประตูกระจกผลักสองบานใหญ่ ผมเลยมองออกไปด้านนอกเพิ่งจะห้าโมงกว่าแต่ฟ้าเริ่มมืดแล้วคงเพราะเป็นฤดูหนาว
เห!ผมเพ่งดูดี ๆ อีกครั้ง
ใครวะ? คุ้น ๆ กำลังเดินเข้ามาแล้วพี่ยามเดินเข้าไปหาคุยอะไรกันบางอย่างมือถือผมดังขึ้นพอดี
“สวัสดีครับ” ทำไมเป็นเบอร์พี่ซ่าร์
“ปิงออกมาดูให้หน่อย ยามที่นี่เขาว่าพี่ไม่มีบัตรให้เข้าไปไม่ได้”
“อ้าวเฮ้ย พี่ซ่าร์มาเหรอครับ” ผมอุทานลืมตัวเพ่งดูดี ๆ คนที่ใส่หมวกแก็ปสีดำยืนคุยกับยามอยู่มันพี่ซ่าร์จริงนี่หว่า ผมเลยรีบปลดล็อคประตูแล้วเดินออกไป
“พี่ซ่าร์เข้ามาก่อนครับพี่” ผมพยักหน้าบอกลุงยามว่าเป็นแขกของที่นี่ คุณลุงมาถามอีกนะว่าใช่ซีซ่าร์คนนั้นหรือเปล่าพี่ซ่าร์ยิ้มให้ลุงแกไม่รู้ไปเอากระดาษมาจากไหนยกมือไหว้แล้วบอกช่วยเซ็นต์ให้หน่อยจะเอาไปฝากลูกสาว พี่ซ่าร์ใจดีเซ็นต์แล้วเขียนชื่อลูกสาวลุงลงไปด้วยบอกให้ตั้งใจเรียนพี่เขาเป็นกำลังใจให้
“อ่ะนี่” พี่เขายื่นถุงกระดาษส่งให้
“อะไรครับพี่”
“ขนมไง”
“ขนม?” ผมทวนคำยกถุงขึ้นมาดู คืออะไรวะจู่ ๆ ยื่นของให้บอกขนม นี่เห็นผมเป็นเด็ก?
“ใช่ พี่ว่าจะเอาให้วันที่ปิงกลับนั่นแหละลืมไปเลยจริง ๆ ใส่รถเอาไว้เห็นเจ้าเอย์ว่าออฟฟิศปิงอยู่แถวนี้ผ่านมาเลยแวะดูหน่อย”
“อ๋อ ขอบคุณครับ พี่นั่งสิ” ผมว่าแล้วเดินเอาถุงของฝากเข้ามาเก็บในครัวเตรียมแก้วหาน้ำดื่ม ที่นั่งเยอะนะแต่พี่ซ่าร์เลือกนั่งลงข้าง ๆ พี่เชนเว้ยเฮ่ย
แปลก....
“พี่เชนครับ พี่ซ่าร์มาแหนะพี่” ผมดึงเฮดโฟนอันใหญ่ออกจากหูพี่เขา ไม่แน่ใจว่าพี่เชนเห็นแล้วหรือยัง แต่ไม่แน่พวกเรา บางที่ถ้ากำลังมีสมาธิอยู่กับโคดของโปรแกรมจะไม่สนใจสิ่งรอบตัวเลย
เหมือนองค์ลงโปรแกรมเมอร์สไตล์สมาธิเราดีมากจริงนะ
“มาทำไม” สั้นมากและห้วน พี่ชายผมเองหันมาแล้วถามแบบ...ไร้เยื่อใยมาก
“มาหามึงไง” อันนี้เป็นพี่ซ่าร์ตอบ สองคนสู้ตากันพี่เชนหลบก่อนอีกแล้ว ผมวางแก้วน้ำลงให้ เปิดลิ้นชักพี่เชนแล้วหยิบอมยิ้มรสคาราเมลยื่นให้อีกอัน พี่เชนรีบคว้าหมับตะครุบคืนมา
“ไม่ให้ อันนี้ของกู”
“กูอยากกินตายล่ะ” พี่ซ่าร์ก็ปากใช่ที่นะ
“พี่เชนครับ” ผมดุ กระทุ้งศอกไปทีพี่เชนหยิบเอาป๊อกกี้ส่งให้แทน เอาอมยิ้มยัดคืนแล้วปิดลิ้นชัก
ผมจะบอกอะไรนะลิ้นชักโต๊ะพี่เขามีแต่ขนม ผมนี่แหละเป็นคนซื้อมาใส่ไว้ 5555 แทนบุหรี่เพราะเมื่อก่อนพี่เขาสูบแต่เดี๋ยวนี้เลิกแล้ว
“ได้ยินว่าวันนี้ปิงไปที่อัศวคอนมาเหรอ” พี่ซ่าร์หันมาหาผมหยิบป๊อกกี้ขึ้นแทะไปด้วย
“ครับใช่ วันนี้เราเซ็นต์สัญญากับที่นั่น ทำไมพี่รู้ล่ะครับ” ผมนั่งลงที่โต๊ะ มองหน้าจอผมต่อ
“ไอ้เอย์โทรบอกน่ะ ความจริงวันนี้พี่เข้าบริษัทนะแต่ทำงานคนละส่วนกัน เจ้าเอย์ห่วงเราน่าดูกำชับให้พี่ขึ้นไปดูพี่เลยบอกมันไปว่าคุณแม่กับคุณปูเลขาของท่านคุยอยู่ใครจะกล้ายุ่งล่ะ เจอมันด่ากลับมาอ่ะดิ่ บอกวันนี้ติดลูกค้าสำคัญเลยมาไม่ได้ ลูกสาวท่านทูตมั้งชอบไอ้เอย์ด้วยนะปิงระวังไว้ให้ดี ๆ”
“แห่ะๆ” ผมยิ้มตาหยีเพราะรู้ว่าพี่ซ่าร์แซวเล่น แอบดีใจนิด ๆ ไม่ใช่อะไรหรอกช่วงบ่ายหลังจากไอ้หมาบาส มันรายงานข่าวด่วน พี่เอย์โทรเข้ามาบอกผมแล้วเรียบร้อย ผมชอบนะคือมีอะไรบอกมาเลยตรง ๆ แบบนั้นคือไม่หึงครับ ถือว่าคุณบริสุทธิ์ใจ
“แล้วก็ ช่วงบ่ายเห็นว่าไปดูโครงการก่อสร้างแถว ๆ พรานนกอีก มันโทรมาบอกปิงไหม ช่วงนี้ออกไซด์บ่อยนี่”
“บอกครับ เห็นว่าวันนี้จะเข้ามาค่ำ ๆ เดี๋ยวพี่ซ่าร์อยู่ทานข้าวด้วยกันนะครับพี่เอย์จะซื้ออาหารเข้ามา”
“ไอ้เอย์แม่งเปลี่ยนไปจริง ๆ แต่เวลาอยู่กับพี่ทำไมมันเหมือนเดิมวะ กวนตีน เอาแต่ใจ คงดีแต่กับปิงคนเดียวแน่ ๆ”
“ไม่ใช่หรอกครับ” ผมแก้ต้วอ้อมแอ้มจริง ๆ ก็เขินอยู่นะ ผมรู้ดีสิพี่เอย์น่ะเหรอมันจะซื้อของมาให้กินถ้าไม่ใช่ว่าผมอยู่ด้วย
“พี่อยู่ทานด้วยได้เหรอ” พี่เขาหันไปหาพี่เชน
“ไม่ได้! มึงรีบกลับไปเลยมาทางไหนไปทางนั้น กลับไปให้ไว” เสียงพี่เชนว่าขึ้นผมรีบดุ
“พี่เชน พี่!” พี่เชนขมวดคิ้วมุ่นเชียว
“พี่ซ่าร์อ่านนี่ไปนะครับ ไม่ก็เล่นเกมส์เดี๋ยวพี่เอย์มาแล้วกินข้าวด้วยกัน ผมขอทำงานก่อนคืนนี้กลัวไม่เสร็จ” ผมว่าแล้วครอบเฮดโฟนใส่หูเลยใครชวนคุยตูไม่สนแล้ว เดี่ยวเผื่อวันนี้คุณชายมากเรื่องลากผมกลับด้วยอีกงานผมไม่เสร็จแย่แน่ ต้องรีบทำก่อน พรุ่งนี้มีงานใหญ่
ผมก็พรมนิ้วลงไปคีย์บอร์ดส่วนตัวผมแม่นมากแทบจะหลับตากระดิกนิ้วได้เลย ผมชอบทำงานแล้วฟังเพลงไปด้วยนะ กำลังจะกดหาเพลงเพราะๆ
“ทำไมไม่ไปทำงานทำการ ดาราวางงานเหรอมึง หรือไม่มีคนจ้างแล้ว” เสียงพี่เชนดังลอดเข้ามา ผมชะงักมือที่กำลังกดเพลงเลยดิ่ อะไรวะพี่สองคนจะกัดกันอีกเหรอ
“กูจะทำเหี้ยไรได้ หมาบางตัวมันกัดกูจนเป็นรอยแดงเถือกแบบนี้”
เฮ้ยๆๆๆๆๆ ความอยากรู้อยากเผือกสูงปรี๊ด นี่ผมจะบาปป่ะวะพี่เขาพูดเรื่องอะไรกัน ผมแกล้ง ๆ กดๆนิ้วไปกับแป้นพิมพ์พี่เขาคงนึกว่าผมเปิดเพลงไม่ได้ยินที่พูดกันแหงเลย ผมสาบานผมจะตั้งใจฟังให้มากที่สุด
“แล้วใครมันยั่วกูก่อน”
“ไอ้เหี้ย กูไปยั่วมึงตอนไหน เป็นมึงทั้งนั้นทำกู”
“กูไปทำเห้ไรมึง”
“ทำเรื่องเรื่องเลว ๆ ไง มึงอย่าคิดนะว่ากูจะปล่อยมึงไปง่าย ๆ” เสียงพี่ซ่าร์ดุมากผมไม่กล้าหันไปมอง ไม่รู้พี่สองคนทำอะไรแบบไหนกันอยู่ ฟังได้แต่เสียง
“มึงจูบกูแล้ว มึงเป็นของกู” อันนี้เสียงพี่ซ่าร์ใจผมเต้นตุ๊มต่อม ใครจูบใครวะพระเจ้า!
“ไอ้เหี้ย! เดี๋ยวน้องได้ยิน” พี่เชนเบรค
“ปิงมันฟังเพลง ไม่รู้เรื่องหรอก”
“มึงเบียดมาทำไมเนี่ย ออกไปไกลๆดิ่”
“เอาโทรศัพท์มึงมา กูจะดู”
“เฮ้ย จะเอาไปทำไม อย่าเล่นนะ”
“มึงมีแฟนหรือยัง”
“ถามเหี้ยอะไรของมึง ไว้คุยกันวันหลังกูบอกแล้วใช่ไหม เดี๋ยวน้องได้ยิน”
“ได้ยินแล้วจะทำไมมึงตอบกูก่อนดิ่ มึงมีแฟนยัง”
“เรื่องของกู”
“คเชนทร์!”
“ขยับออกไปกูจะทำงาน”
“มึงมันใจร้าย”
“อย่ามางี่เง่านะซีซ่าร์ กูไม่ใช่ผู้หญิงของมึงอย่ามาหว่านกูแบบนี้กูไม่ชอบ”
“ใครกันแน่ที่หว่าน วันนั้นมึงเองไม่ใช่หรือไงที่ทำกู มึงจูบกู ถอดเสื้อกู ทั้งดูดทั้งกัดจนตัวกูแดงเป็นจ้ำเป็นจ้ำแบบนี้ มึงไม่คิดที่จะขอโทษหรือรับผิดชอบอะไรเลยหรือไง”
ตายห่า....ผมชะงักค้างไปแล้วพี่สองคนกำลังพูดเรื่องอะไรกัน เหี้ยเหอะ
“ต้องการอะไรซีซ่าร์” เสียงพี่เชนเย็นมาก
“มึงมาคบกับกู”
“ฝันเอาเหอะ ไปฝันไกลๆกูด้วย รำคาญ”
“แต่มึงควรรับผิดชอบ”
“มึงเป็นผู้หญิงเหรอ ถึงเป็นผู้ชายถ้ากูรักกูก็จะรับผิดชอบ”
“ไอ้เหี้ย พูดจาหมาๆ”
“น่ารำคาญ”
“มึงมันแย่ที่สุด ทำกูแล้วมึงยังจะเฉยอยู่อีก ตื่นมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่นอนกอดกูไว้ทั้งคืน”
“แล้วกูทำอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“จูบ กอด กัด นี่คือไม่ได้ทำอะไรของมึงเหรอ”
“สรุปคือมึงติดใจกู”
“งี่เง่า กูพูดถึงขนาดนี้มึงยังไม่เข้าใจ”
เสียงครืดดังขึ้นพี่เชนเปิดลิ้นชักโต๊ะ ผมเหล่ดูสุดชีวิตพี่เขายื่นอะไรบางอย่างส่งให้พี่ซ่าร์
“เอาไปดิ่ นี่รูปถ่ายกูไง ไปช่วยตัวเองอยู่ในห้องน้ำไป๊ ใช้รูปกูก็ได้ถ้ามึงเงี่ยนกูนัก”
“คเชนทร์!” พี่ซ่าลุกขึ้นแล้วเว้ย ผมมองไม่เห็นหน้าพี่เขาแต่น้ำเสียงนี่คือเย็นเฉียบมาก กำมือแน่นเลย
“กูสาบาน กูจะจีบมึงให้ได้เลย”“หึหึ ขำว่ะ จะมีวันนั้นไหมล่ะมึง พ่อพระเอก พ่อดารา 5555555”
“กวนตีน”
“อย่ามายุ่งกับกู กูมีคนที่กูชอบอยู่แล้ว”
ตึ่ง!!!ผมหันขวับไปแบบอัตโนมัติเลยเสียงตึงที่ดังขึ้นพี่ซ่าร์ถีบเก้าอี้พี่เชนแรงมากไถลไปไกลชนชิดผนังเลย พี่สองคนจ้องผมใหญ่
“อะ...เอ่อ มีอะไรกันเหรอครับ เดี๋ยวผมลดเสียงก่อนนะพี่” ผมทำท่าถอดหูฟังออก พี่เชนหยิบเสื้อกันหนาวเดินมายื่นส่งให้ผม
“ใส่ซะ อากาศเย็น มึงยิ่งเป็นหวัดง่าย”
พี่ซ่าร์ลุกพรวดเดินไปนั่งลงอีกที่ไม่ไกลกันนักพี่เขาดูอารมณ์เสียมาก เสียงเคาะบานกระจกดังขึ้นที่ด้านหน้าผมรีบลุกขึ้นเอาเสื้อพี่เชนวางพาดไว้ก่อน ตอนนี้พี่เอย์คงจะมาแล้ว ใจนี่เต้นตุ๊มๆต่อมๆ เลยนะทุกคำพูดที่พี่ๆสองคนคุยกันยังอยู่เต็มสองรูหู
อะไรวะทำไมคืนนั้นมันเกิดเรื่องมากมายแบบนี้ผมหลับไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลยสักอย่างแย่จริง ๆ
“หิวไหม” พี่เอย์เอาแขนมันพาดคอผม เดินถือถุงของกินเข้ามาเจอพี่ซ่าร์นั่งอยู่มันหยุดชะงักนิดนึง
“มึงมาทำไม” น่าสงสารพี่ซ่าร์ว่ะเจอใครก็ถามแต่แบบนี้
“มาหาแฟน” พี่เชนหันขวับไปมองเลย ตานี่เขียวปั๊ด ผมกับพี่เอย์มองหน้ากันผมรีบดึงพี่เอย์ให้รีบเดินเข้าไปในครัว คืออะไรวะพี่ซ่าร์แม่งโคตรตรงอุบาทนี่ถ้าผมไม่ได้แอบฟังมาก่อนคงตกใจ อิพี่เอย์สิหน้าตาเหรอหราพยายามจะถามแต่ผมส่ายหน้าบอกเดี๋ยวเล่าให้ฟัง
“มึงพูดเหี้ยไรเงียบปากหน่อย” เสียงพี่เชนดังมาถึงด้านใน
“กูก็พูดของกูไปเรื่อยมึงเอาหูมาฟังเองทำไม”
“ก็....
“พี่เชนครับ พี่ซ่าร์ครับทานข้าวด้วยกัน”
ผมเรียกตัดบททุกอย่าง ท่าทางสองคนนั่นจะกัดกันอีกแล้ว พี่เอย์ซื้อสเต็กปลาแซลมอน มาสี่กล่องผมเลยถามว่ารู้เหรอว่าพี่ซ่าร์จะมา มันบอกไม่รู้แต่ซื้อมาเผื่อกลัวผมไม่อิ่มเลยสำรองมากล่องนึง เราทานข้าวกันเสร็จพี่เอย์กับพี่ซาร์นั่งคุยอะไรกันอยู่ที่โซฟาคิดว่าคงจะเป็นเรื่องงานสองคนพี่น้องหน้าตาเหมือนกันเลย ผมกับพี่เชนก็ทำงานกันต่อไปสักสามทุ่มกว่าๆพี่ซ่าบอกจะกลับผมเลยเรียกพี่เชนให้เดินออกไปส่ง
“ไปส่งทำไม มันมาเองก็กลับเองดิ่”
“พี่เชนครับ ออกไปส่งเถอะน่า นิดเดียว”
“ไม่เอา งานกูยุ่ง” ว่าแล้วก็ทำงานต่อ ผมเปิดลิ้นชักพี่เขาหยิบอมยิ้มออกมาอันนึงพี่เชนเงยหน้ามอง ผมไม่สนใจเดินตามพี่เอย์ออกไปส่งด้วยอีกคน
“พี่ซ่าร์ครับพี่เชนฝากมาให้” ผมแบมือยื่นอมยิ้มรสคาราเมลส่งไป พี่ซ่าร์ยิ้มกว้างเชียวก่อนหยิบเอา
“อย่าโกรธพี่เชนนะครับ พี่เขาเป็นแบบนั้นแหละ บ้างาน ปากไม่ตรงกับใจ”
“ไม่โกรธหรอก เดี๋ยววันหลังมาใหม่ ไปนะเอย์ ไปแล้วปิง”
ผมโบกมือให้ส่งยิ้ม พี่เอย์รีบคว้าหมับลงมาจับ “จะโบกไรนักหนา ปลื้มดิ่ ขวัญใจมึงนี่”
“เอ๊าพี่ก็ พี่ซ่าร์เขาอุตส่าห์มา”
“สนิทกันจังนะ กินข้าวนี่คุยกันตลอดมีอะไรรึเปล่าตอนที่ไปเที่ยว”
“มีมั้ง”
“กับใคร” มันเสียงเครียดเลย ดึงแขนผมไว้ ผมเลยหยิกแก้มมันไปทีแล้วกระซิบ “กับพี่เชน พี่ซ่าร์กับพี่เชนไม่ธรรมดาแล้วพี่”
“จริงดิ่?” พี่เอย์ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“จริงครับ”
พี่เอย์คิ้วขมวดหน้ามุ่ยไปเลยก่อนเข้ามานั่งรอผมต่อที่ด้านใน มันส่ายหัวด้วยนะคงคิดว่าไม่น่าใช่ ผมเองถ้าไม่ได้ยินกับหูว่าพี่เขาจูบกันแล้วนี่ผมไม่มีทางเชื่อลงเด็ดขาด
“ปิงมึงนอนไหน” พี่เชนถามผม
“ว่าจะกลับครับพี่ เดี๋ยวจะเสร็จแล้ว”