หลานคุณย่า แอบรัก ตอน12
(ครัวซองต์)
ผมแอบเข้ามาในห้องของมินในช่วงดึก เขาหลับไปแล้ว ยอมรับเลยว่าเมื่อเย็นผมโมโหมาก ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจซื้ออาหารเข้าไปทานกับเขา แต่กลับนัดไอ้ทิมอะไรนั่นมาหาถึงบ้าน วินาทีแรกที่ผมเห็น แทบจะกระโดดเข้าไปกระชากเขาออกมาจากโต๊ะทานอาหาร
ผมพยายามข่มตานอนลงข้างๆ มินแต่ใจของผมมันกลับสับสน วุ่นวายจนนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมานั่งมองคนที่หลับสนิท ถ้าเขาเป็นแฟนกับไอ้ทิมจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว แล้วทำไมผมต้องโมโหเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ ทำราวกับว่าหึงอย่างนั้นแหละ ตลอดหลายวันมานี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ พูดง่ายๆ ก็คือตั้งแต่มินบอกรักผม ผมก็เริ่มจะงงกับตัวเอง ว่าทำไมต้องไปตามเฝ้าเขาถึงร้าน ผมทำบ้าอะไรไปหลายๆ อย่าง ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะบ้าบอได้ขนาดนี้
ร่างเล็กที่นอนบนเตียงขยับตัวเบาๆ จนผมตกใจ กลัวว่าจะตื่นขึ้นมาเจอผมกลางดึกแล้วจะมีปัญหากันอีก จากที่ตะแคงข้างหันหลังให้ผม กลายเป็นนอนหงาย ขยับยุกยิกสักพักก่อนที่จะกลับมานอนนิ่งเหมือนเดิม ริมฝีปากเรียวเล็กสีชมพูเผยอขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดึงดูดให้ผมต้องก้มลงไปประทับจูบริมฝีปากบางอย่างหลงไหล ผมดูดเม้มริมฝีปากเล็กอย่างย่ามใจ เขาเผยอรับสัมผัสที่เอาแต่ใจของผม ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมามองแว๊บเดียว จนผมผงะถอยหลังแทบจะตกเตียง มินหลับตาลงอีกครั้งพูดราวกับคนละเมอ
“ใครอ่ะ แม่เหรอฮะ” ผมถอนหายใจออกมาแทบจะทันทีที่เขาเข้าใจว่าเป็นแม่ เกือบไปแล้วไหมล่ะ
“นอนครับดึกแล้ว” ผมยกมือลูบหัวคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะหลับลึกไปแล้ว ก่อนที่ผมจะขยับตัวนอนลงข้างๆ ยกลำแขนแกร่งกอดเอวบางไว้หลวม เพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน
ผมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกพยายามข่มตาหลับแทบตายแต่กลับไม่ง่วง สะดุ้งตัวตื่นอีกทีก็เกือบเช้า รีบหยิบนาฬิกาตรงหัวเตียงขึ้นมาดู พึ่งจะตีห้า โชคดีที่ยังไม่สาย ไม่อย่างนั้นผมคงซวย ก่อนที่ผมจะลุกออกไปจากห้อง ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นหลายวันผมก็ไม่ได้ไปหามินอีกเลย ไม่อยากไปแล้วต้องเจอเขาอยู่กับไอ้หมอนั่น มันเจ็บแปลบที่ใจแปลกๆ ผมไปทำงานตามปกติ นั่งเคลียร์งานตั้งแต่เช้า แต่สมาธิของผมกลับไม่ได้จดจ่ออยู่ที่งานตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มันกระวนกระวายใจจนอยากหาที่ีระบาย ผมเป็นพวกโมโหร้าย ถ้าไปหาเขาตอนนี้มีหวังต้องเผลอทำร้ายหรือพูดจาร้ายกาจใส่เขาเป็นแน่ ผมนั่งเคาะปากกากับโต๊ะทำงาน ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ตัวเองทำร้ายมินมาตลอดยี่สิบกว่าปี พึ่งรู้ว่าตัวเองเลวก็วันนั้แหละ ทำร้ายน้องทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ผมพยายามหาเหตุผลมาลบล้างความผิดของตนเองแต่มันกลับไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะทำให้ผมเลวน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ดังขึ้น โชว์เบอร์ของคนที่เป็นคู่ควงของผมคนปัจจุบันเธอชื่อเฟียครับ ผู้หญิงที่ผมควงไปไหนมาไหนเป็นประจำ แม้กระทั่งวันที่ผมบังเอิญเจอมินที่ห้าง ผมก็ควงเธอไปด้วย เธอเป็นผู้หญิงแต่งตัวแรงๆ พูดจาตรงๆ แต่ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง
"ครับเฟีย"
"วันนี้เฟียไปหาซองได้ไหมคะ อยากทานข้าวเย็นด้วย"
"เอาสิครับ จะให้ผมไปรับที่บ้านไหม"
"ดีค่ะ"
"แค่นี้ก่อนนะครับ ตอนเย็นเจอกัน"
"ค่ะ" เฟียเป็นผู้หญิงที่ผมคุยนานที่สุด เราเรียนที่เดียวกันตอนอยู่เมืองนอก สถานะของเราสองคนก็แค่เซ็กเฟรนด์ เราสองคนตกลงกันไว้แบบนั้น ผมจึงสะดวกใจที่จะคบกับเธอมากที่สุด ถ้าถามว่าผมรักเธอไหม ตอบได้เลยว่าไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ เธอเป็นแค่เพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่ง ที่ความสัมพันธ์ของเราจบแค่เรื่องบนเตียงก็เท่านั้น เธอไม่ได้เรียกร้องอะไรจากผม เพราะถ้าเธอทำอย่างนั้นความสัมพันธ์ของเราคงจบเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของผม
เราเรียนด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันในฐานะเพื่อน ซึ่งคนอื่นๆ ก็เข้าใจแบบนั้น ความสัมพันธ์ลับๆ ของเรา รู้เพียงแค่ผมกับเธอเท่านั้น ถามว่าทำไมเธอถึงยอมมีความสัมพันธ์ทางด้านร่างกายกับผม ทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักกัน เหตุผลง่ายนิดเดียว เพราะผมและเธอไม่นิยมมีเซ็กส์แบบวันไนท์แสตน เราจึงตกลงที่ทำแบบนี้ ถ้าวันหนึ่งผมหรือเธอเจอคนที่ใช่ ความสัมพันธ์แบบนี้ของเราก็จะจบลงทันที
**********************
"ทานร้านนี้ดีกว่านะคะซอง เฟียอยากทานอาหารไทย"
"ตามใจเฟียเลยครับ" เราสองคนตรงไปด้านใน มองหามุมที่ดีที่สุดของร้าน
"ตรงนั้นก็ดีนะคะ" โซนที่เรากำลังเดินไปนั่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว พนักงานสาวเดินนำเราไปจนเกือบถึงโต๊ะที่เราสองคนต้องการ สายตาผมกลับเหลือบไปเห็น คนที่ทำให้ผมวุ่นวายใจมาตลอดสัปดาห์ เขามากับไอ้ทิมคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด แค่เห็นอารมณ์ก็ขึ้น ก้าวยาวๆตรงไปยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่
“ไปไหนคะซอง” เฟียเอ่ยถามผม มืออีกข้างก็เกี่ยวแขนเดินตามแรงของผมมาด้วย ผมไม่สนใจที่จะตอบคำถามของเธอเลยแม้แต่น้อย เดินดุ่มๆ ไปยืนจังก้าอยู่หน้าสองคนที่นั่งอยู่ก่อน
“พอดีผมเจอคนรู้จักน่ะ เลยจะมานั่งด้วย” ผมหันไปพูดกับเฟียและพนักงานสาวที่เดินตามมา มินเงยหน้าจากอาหารขึ้นมามองผมด้วยความตกใจ รวมทั้งไอ้ทิมด้วย
“ขอนั่งด้วยได้ไหม” ผมเอ่ยเสียงเรียบ ทั้งๆ ที่ในใจผมแทบจะพุ่งไปชกไอ้หน้าหล่อตรงหน้าแล้ว
“เชิญครับ” ไอ้ทิมมันยิ้มกวนประสาทใส่ผม ก่อนที่จะเชื้อเชิญผมนั่งเหมือนว่าเราเคยญาติดีกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ
“พี่ทิม! ไปเชิญเขานั่งทำไม โต๊ะว่างเยอะแยะ”
“จริงด้วยค่ะซอง เราไปนั่งโต๊ะอื่นดีกว่า”
“ไม่ครับ เขาเชิญเรานั่งแล้ว เดี๋ยวจะเสียมารยาท” ผมเลื่อนเก้าอี้ให้เฟียนั่งฝั่งเดียวกันกับไอ้ทิม ส่วนตัวผมก็ตรงไปนั่งฝังเดียวกันกับมิน บรรยากาศในโต๊ะดูอึดอัดทันทีที่ผมนั่งลง
“ขอเมนูหน่อยครับ” ผมหันไปพูดกับพนักงานหลังจากที่เธอยืนอึ้งอยู่นาน ก่อนที่เธอจะหันรีหันขวางหาเมนูอาหารที่เธอไม่ได้ถือมาด้วย
“นี่ค่ะ”
“ทานอะไรดีครับเฟีย” ผมเงยหน้าขึ้นมามองเฟียที่นั่งฝั่งตรงข้าม เธอคงไม่พอใจผมอยู่บ้างแหละที่อยู่ๆ ก็พามานั่งกับใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย
“แล้วแต่ซองเลยค่ะ เฟียทานอะไรก็ได้” เธอคงเก็บอาการเหวี่ยงวีนไว้ในใจ เพราะปกติเฟียจะป็นคนตรงๆ แต่ตอนนี้มีคนที่เธอไม่รู้จักเธอจึงดูจะเงียบเป็นพิเศษ
“ถ้าอย่างนั้นผมสั่งเลยนะครับ เอาอะไรเพิ่มอีกไหม?” ผมหันไปหาสองคนที่นั่งทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ อย่าหวังว่าจะได้ทานอย่างสงบเลย
“ไม่ครับ” ไอ้ทิมมันตอบครับ ส่วนคนข้างๆ ผมตอนนี้หน้านี่ไม่ต้องบอกว่าอารมณ์ไหน
ผมสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ก่อนที่จะลงมือทาน โดยที่ผมไม่ลืมที่จะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน ผมมารยาทดีใช่ไหมครับ
“นี่คุณทิม ส่วนคนนี้มิน” ผมชี้ไปทางไอ้ทิมก่อนที่จะหันมาหามินที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ เพียทักทายสองคนพอเป็นพิธี
“ส่วนนี่เฟียเพื่อนผม” ไอ้ทิมมันยิ้มให้ ส่วนมินยกมือไหว้แต่ไม่ยอมมองหน้าเธอเสียด้วยซ้ำ
“เอ๊ะ! นี่เด็กข้างบ้านซองนี่คะ คนที่เอาของขวัญมาให้ซองวันนั้น” เฟียเหมือนพึ่งจะนึกได้ว่าเคยเจอกับมิน ก่อนที่สีหน้าเธอจะเปลี่ยนไป
“ใช่ครับ คนนั้นแหละ”
มินไม่พูดอะไรตักอาหารเขาปากเคี้ยวอยางไม่ใยดี ไม่สนว่ามีผมนั่งอยู่ข้างๆ เสียด้วยซ้ำ อาหารที่ผมสั่งมาใหม่เขาก็ไม่ยอมทานเลยแม้แต่น้อย ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนสินะ
“มินทานนี่ครับ” ไอ้ทิมมันตักทอดมันปลากรายให้กับมิน ก่อนที่คนไอ้คนที่นั่งข้างๆ ผมจะส่งยิ้มหวานให้กับมัน มีความสุขเชียวนะ
“ขอบคุณครับพี่ทิม” มินก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ เขาพูดคุยบ้างแต่แค่กับไอ้ทิมคนเดียวเท่านั้น เผลอนั่งจ้องเขาจนไอ้ทิมมันเอ่ยถามออกมา
“คุณซองมีอะไรกับแฟนผมรึเปล่าครับ เห็นจ้องมินนานแล้ว”
“เปล่า แต่ก็แค่...สงสัยว่านายสองคนไปคบกันตอนไหน” ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกไอ้ทิม เพราะไม่อยากเรียกมันว่าคุณเคิณอะไรทั้งนั้น เรียกนายนี่ถือว่าให้เกียรติสุดแล้ว
“อ๋อ! คบกันยังไม่ถึงเดือน แต่รู้จักกันมาสักพักครับ เจอกันตอนที่ไปทานเค้กที่ร้าน” มันตอบไปยิ้มไป จนผมอยากจะเอาหมัดหนักๆ ไปกระแทกปากมันซะทีสองที
“เร็วดีเนาะ”
“จะเร็วหรือช้าก็ไม่ได้เป็นตัววัดว่าความรักจะมั่นคงนี่ครับ เพียงแค่มั่นใจว่าคนนี้ใช่ก็พอแล้ว” คราวนี้มินเป็นคนตอบ เหมือนจะประชด แต่มันเจ็บจี๊ดที่หัวใจผมเลย
“ครับอย่างที่น้องมินบอก ถึงจะเร็วแต่ผมก็จริงจัง” ไอ้ทิมมันยื่นมือมาจับมือของมินที่วางบนโต๊ะ ผมมองตามมือมันจนตาแทบถลน นี่ผมบ้าอยู่คนเดียวใช่ไหมวะ ทำไมไม่มีใครร้อนรนแบบผมเลย
“นี่สองคนเป็นแฟนกันจริงๆ เหรอคะ” เฟียยังจะถามอีกเหรอ เขาพูดขนาดนี่ยังจะถามให้ผมโมโหอีกทำไมวะ
“ครับ” ไอ้ทิมมันตอบพร้อมกับส่งยิ้มหล่อให้กับเฟีย
“พี่ทิมทานอีกสิครับ พึ่งทานได้นิดเดียวเอง” หึ ตักอาหารให้มันอีก จะสวีทกันไปถึงไหนวะ ไม่คิดจะเกรงใจคนที่นั่งหัวโด่อยู่สองคนเลยรึไง
“ขอบคุณครับ” บรรยากาศมันอึดอัดพิลึก ผมต้องนั่งทำตัวสงบเสงี่ยมแบบที่ไม่ใช่ตัวเอง เพราะถ้าเป็นซองคนเดิมคงจะเหวี่ยงจนใครต่อใครเข้าหน้าไม่ติดแล้ว นับหนึ่งถึงสิบ ถึงร้อย ใจก็ยังไม่สงบ ท่องนโมพุทธโธก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันอยากจะระเบิดออกมาอย่างเดียว ให้ตายสิ ผมต้องกลายเป็นคนโรคจิตแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แอบนั่งมองคนที่เขาสวีทหวานกัน
“มินไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับพี่ทิม” เข้าทางผมเลยครับงานนี้ อยู่ดีๆ หมูก็จะเดินมาให้เชือดซะงั้น
“พอดีเลย กูก็อยากเข้าห้องน้ำ” ผมเอ่ยออกไปหน้าด้านๆ ไม่สนใจใครทั้งสิ้น ลุกขึ้นตามร่างเล็กที่ยืนมองผมตาเขียวปั๊ดด้วยความไม่พอใจ
“ผมไม่อยากไปแล้วครับ” มินทำท่าจะกลับเข้ามานั่งที่เดิม แต่ผมดึงแขนไว้
“ไปด้วยกัน” ผมบังคับร่างเล็กที่ดูก็รู้ว่าตอนนี้เขาเอือมระอากับผมมากแค่ไหน
‘ถ้าไม่ไปคืนนี้มึงเจอดี’ ผมกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนที่มินจะเดินออกไปพร้อมกับผม เดินตามเขาไปโดยที่เราสองคนไม่ได้คุยกันเลยแม้แต่น้อย ผมแค่เดินตามหลังร่างเล็กไป เขาเดินเข้าห้องน้ำไปโดยที่ผมยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ
“ไปไกลๆ สิผมจะทำธุระ โถว่างเยอะแยะจะมายืนข้างๆ ทำไม” ผมไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำ แค่ตามเขามาก็เท่านั้น
“กูไม่ปวด”
“แล้วจะมาทำไม หาเรื่องกันรึไง” เสียงของมินเย็นชากว่าเดิมเยอะ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เขาจะพูดเพราะกับผมเสมอ
“ตามมาเฝ้ามึง”
“คุณไม่ใช่แฟนผม ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเฝ้าหรือทำอะไรทั้งนั้น” มินแหวใส่ผมเสียงดัง ตาตี่ๆ ของเขาจ้องมองจนผมแอบขนลุกไปเหมือนกัน สายตาที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า ไม่เหลือความกลัวเหมือนแต่ก่อน มีเพียงสายตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา
“หึ...ตอนนี้ไม่ใช่ แต่อีกไม่นานกูจะเลื่อนขั้นเป็นผัวมึงให้ดู”
“อย่ามาพูดบ้าๆ แบบนี้นะ”
“เออกูมันบ้าไง คนบ้าอย่างกูทำได้ทุกอย่าง” ผมไม่ได้ล้อเล่นกับสิ่งที่ผมพูดออกมา ไม่ได้พลั้งปากพูดเพราะความโมโห แต่ผมคิดจะทำจริงๆ ในเมื่อตอนนี้มินเป็นแฟนกับไอ้ทิม ทางเดียวที่ผมจะชนะได้คือจับเขากดแล้วเอาเป็นเมีย ต่อไปไม่ว่าใครก็จะไม่มีสิทธิ์ในตัวคนของผม ถ้าถามว่าทำไมผมจึงทำแบบนี้ ไม่มีเหตุผลแค่อยากทำ ไม่อยากให้มินไปเป็นของใครนอกจากผม ถ้าวันที่เขากลายเป็นของผม ผมอาจจะเข้าใจความรู้สึกบ้าๆ ตอนนี้ของตัวเองก็ได้ ผมมันคนเห็นแก่ตัวนี่ครับ ไม่ได้ดีเด่เหมือนใครต่อใคร
“ออกไปไกลๆ เลยไป ถ้าไม่คิดจะฉี่ผมจะได้ทำธุระของผม”
“มึงอายกูรึไงวะ ผู้ชายเหมือนกันไม่เห็นมีอะไรต้องอาย” ร่างเล็กไม่พูดอะไรโต้ตอบผม เดินเข้าไปชิดโถฉี่ รูดซิบกางเกงของเขาลง ผมแอบเหล่ดูหนอนน้อยของคนตัวเล็ก จนเขาหันกลับมามอง ก่อนที่ผมจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วผมแทบจะจับเขาขย่ำเสียตอนนี้เลย เขารีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จอย่างรีบเร่ง คงกลัวสายตาผมที่เอาแต่จ้องเขานั่นแหละ
“กลับสิ เสร็จแล้ว” เขาพูดหลังจากที่เดินมาล้างมือที่อ่าง
“มึงต้องกลับบ้านกับกู”
“ไม่”
“อย่ามาดื้อกับกูนะมิน กูไม่ใช่ไอ้พี่ทิมของมึงนะ” อารมณ์ผมมันขึ้นง่ายครับ ยิ่งเวลาที่เขาทำท่าดื้อดึงกับผมแบบนี้
“ผมมากับพี่ทิมก็จะกลับกับเขา” ท่าทางจองหองของคนตัวเล็กทำให้ผมต้องใช้ไม้แข็ง เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่ยอมทำตามที่ผมบอกง่ายๆ หรอก อยากกลับกับมันมากรึไงไอ้ทิมน่ะ มันมีดีกว่าผมตรงไหน
“มึงไม่มีทางเลือก ถ้ามึงไม่ทำคืนนี้กูบุกไปหามึงแน่”
“อย่ามาขู่ ผมไม่กลัวหรอก”
“งั้นมึงก็ลองดู ว่าคนอย่างกูจะทำจริงรึเปล่า” ผมบีบแขนร่างเล็กเต็มแรง เพราะความโมโหที่เขากล้ามาต่อปากต่อคำกับผม
“ถ้าคุณทำแบบนั้นผมจะฟ้องย่า” เอะอะก็จะฟ้องย่า เห็นย่าให้ท้ายแล้วเอาใหญ่ ตอนแรกผมก็กลัวกับคำขู่ของเขา แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว
“จะฟ้องก็ฟ้องกูไม่สน ดีซะอีกย่าจะได้รู้ว่ากูกับมึงมีความสัมพันธ์กันแบบไหน”
“แบบไหน ผมกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น”
“หรือมึงจะลองห๊ะ” ผมเดินเข้าหาร่างเล็กที่ตอนนี้ถอยกรูดไปจนหลังชนอ่างล้างมือ
“เออ”
“เออคืออะไร จะกลับกับกู หรือจะให้กูไปหาคืนนี้”
“เออคือกลับไงว่ะ”
“อย่ามาปากดีนะมิน” ผมยกมือหนาๆ บีบแก้มสองข้างอย่างแรง จนเขาทำหน้ายู่เพราะเจ็บ จะให้ผมป่าเถื่อนกว่านี้ก็ทำได้นะครับ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“อ่อยๆ” (ปล่อยๆ) เสียงอู้อี้ของร่างเล็กทำให้ผมจำต้องปล่อยมือออก บอกแล้วว่าอย่าปากดี ผมไม่ชอบให้ใครว่าตะคอกใส่ แม้ว่าผมจะทำมันกับเขาก็ตาม
“มึงไปบอกไอ้ทิมห่าเหวอะไรก็ได้ แล้วไปรอกูหน้าห้างเข้าใจไหม”
“เออ!” มินตะคอกผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะรับปากผมก็ตาม ผมเดินตามเขากลับไปที่ร้านอาหาร รอดูว่าเขาจะบอกไอ้ทิมว่ายังไง เรากลับมานั่งที่เดิมแล้วครับ
“ทำไมไปนานจังครับ” ก้นยังไม่หย่อนลงเก้าอี้ เสียงไอ้ทิมก็ดังขึ้นมาในทันที
“พอดีคนเยอะน่ะครับ” แหม แก้ตัวได้เร็วนะเนี่ย เหอะ ผมประชด เห็นท่าทางใสซื่อแบบนี้แต่ก็ใช่ย่อยเลยครับ แถมตอบหน้าตายอีกต่างหาก
“อ๋อ! ครับ มาทานต่อดีกว่า” ผมใช้สายตากดดันคนที่นั่งข้างๆ ให้เขาพูดซะที แต่เขาก็เอาแต่เงียบไม่รู้ว่าคิดไม่ออกว่าจะบอกว่ายังไง หรือจงใจที่จะปล่อยเลยตามเลย จนผมยกมือขึ้นไปหยิกเอาบางเบาๆ ให้เขาพูดออกมา เขาทำหน้าแหยๆ แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในเวลาไม่นาน ไม่มีใครสังเกตุเห็นนอกจากผม
เฟียนั่งดูนู่นนี่ไปเรื่อย ที่จริงเธอก็ไม่ค่อยอะไรกับผมหรอก บอกแล้วว่าสถานะของเรามันแค่เซ็กส์เฟรนด์ ไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน และวันนี้ผมก็แค่มาทานข้าวเป็นเพื่อนเธอก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะไปต่อที่ไหน มันเป็นเหมือนเรื่องปกติของผมและเฟีย
“พี่ทิมครับ พอดีมินมีธุระขอกลับเองไดไหมครับ”
“จะไปไหนครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เพราะเพื่อนมินพึ่งโทรมาบอกเมื่อกี้นี้ว่าจะมารับไปทำธุระด้วยกัน เดี๋ยวให้เขาไปส่ง”
“ตามใจครับ ถ้ากลับถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วย” หึ ตาละห้อยเชียวนะมึง ให้มันรู้บ้างว่าคนอย่างผมจะแพ้คนอย่างไอ้ทิม
“ครับ” เรานั่งทานกันอยู่สักพักก่อนที่จะคิดเงิน ผมอาสาจ่ายทั้งหมด แต่ไอ้ทิมมันก็อยากจะเอาหน้ากับมิน ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษขอหารกับผมคนละครึ่ง ผมเลยต้องยอม จะได้รีบๆ กลับกันซะที ส่วนเรื่องเฟียผมบอกเธอไปตามตรงครับ เพราะไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร ผมจึงแยกกับเธอที่ทางออกห้างก่อนที่จะตรงไปลานจอดรถ ผมยกมือขึ้นแตะปากตัวเอง มุมปากผมยกขึ้นทั้งสองข้างโดยที่ผมไม่รู้ตัว
‘แม่งนี่กูกำลังยิ้มเหรอว่ะ บ้าไปแล้ว’ **********************************
มาแล้วๆ ดึกเลยวันนี้ มีใครรอยู่รึเปล่า เฮียซองอารมณ์แปรปรวน สงสัยเมนส์มา
อย่าโกรธคนเขียนที่มาช้า เพราะการงานยุ่งเหยิง จัดระเบียบชีวิตตัวเอง
เม้นให้หน่อยน้าเป็นกำลังใจให้คนเขียน