23rd Monday: Second Half #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
“ขอบคุณมากเลยนะครับที่ยอมให้ผมกับน้องติดรถมาด้วย” แทนใจพูดตอนที่พวกเรากำลังอยู่บนรถครับ หลังจากที่ผมนอนบ้านน้องแทนใจเมื่อคืน วันนี้ก็ได้เวลาออกมาทำงาน โดยที่หิ้วสองพี่น้องแทนใจแทนกายออกมาด้วยครับ ยังดีหน่อยที่แทนใจมานั่งข้างหน้าข้างๆผม ถึงแม้ตอนแรกไอ้เด็กที่นั่งหน้าบูดอยู่ด้านหลังจะพยายามอ้อนให้แฟนผมนั่งกับมันก็เถอะ
“เรื่องเล็กน้อยครับ”
ผมขับวนไปส่งแทนใจที่บริษัทก่อนเพราะมันขึ้นทางด่วนไปแป๊บเดียว แล้วค่อยวนไปส่งแทนกายทีหลัง ความจริงผมอยากจะอ้อมไปส่งแทนกายก่อนจะได้อยู่กับแทนใจนานๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นน้องสายแน่นอน แล้วตัวผมเองก็จะสายกว่าด้วย พอถึงไซต์ก็รู้ได้เลยว่าโดนลูกค้าเด็ดหัวแน่นอน
“ขอบคุณนะครับคุณพี่เมฆ” น้องแทนใจหันมาพูดกับผม ก่อนที่เจ้าตัวจะลงรถ “ขอบคุณที่ไปส่งแทนกายด้วยนะครับ ส่วนน้องกายตั้งใจเรียนนะครับ เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่โทรหานะ”
“ครับ”
เด็กแทนกายรับคำแล้วเปลี่ยนที่มานั่งข้างหน้า ซึ่งผมยังคงสวมมาดคุณพี่เมฆคนดีของน้องแทนใจอยู่ครับ ถึงแม้ว่าอยากจะบอกน้องชายแฟนให้ไปนั่งข้างหลังแบบเดิมนั่นแหละ ดีกว่านะ พี่รำคาญหน้าน้องครับ
แต่ทำได้แค่คิด เพราะเด็กนั่นแทรกตัวขึ้นมาบนรถพร้อมคาดเข็มขัดเสียดิบดี ยังไม่พอ หันมาทำหน้ากวนประสาทใส่อีก
“เมื่อไหร่คุณจะออกรถครับ รอให้พี่แทนใจรักคุณมากกว่าผมเหรอ? น่าจะชาติหน้านะ”
ไอ้เด็กเปรตเว๊ย! ผมเกลียดมัน!!!
.
.
.
ตุ๊กตาหน้ารถหน้าตาน่ารักของผมเปลี่ยนเป็นเด็กบ้าหน้ารถตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
ผมคิดอย่างเซ็งๆตอนที่กำลังเลี้ยวรถออกจากหน้าบริษัท ซึ่งประเทศไทยที่น่ารักนี่ติดมันตั้งแต่ถนนเมนหน้าบริษัทผมเลยครับ นี่ขนาดยังไม่เข้าถนนเส้นหลักเลยนะ ไม่ต้องพูดถึงการขับวนไปที่ปลายถนนสุขุมวิทเพื่อทิ้งเด็กนี่ที่สถานีบีทีเอสเลยครับ
“นี่”
“...”
“รู้ใช่มั้ยว่าเราเกลียดกันน่ะ”
“...”
“แล้วก็รู้ใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงเกลียดคุณ?”
“...”
“ทำไมไม่ตอบล่ะ? ไม่มีหูหรือไงครับ?”
“ชื่อแทนใจป้ะล่ะ? ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ค่อยอยากคุยด้วย”
ผมพูดด้วยเสียงเนือยๆ ภาพที่เห็นผ่านกระจกคือเด็กแทนกายนั่งกอดอกหันหน้ามาทางผมด้วยสีหน้ากวนประสาท แต่อย่างน้อยผมก็ทำให้คิ้วมันพันกันได้ล่ะวะ ชนะ!
“เรื่องพี่แทนใจนะ จะไม่คุยเหรอ?”
“แทนใจทำไม”
ผมตอบเด็กนี่กลับไปทันทีโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพิ่งสังเกตว่าเด็กแทนกายนี่มันก็ไม่ได้แอ๊บอะไรแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำท่าทางเหมือนกับเคารพผมมากมายแบบตอนที่อยู่ต่อหน้าแทนใจกับคุณแม่ล่ะครับ
“ผมรักพี่แทนใจ”
“เรื่องนั้นรู้แล้ว ขออะไรใหม่ๆหน่อย”
“คุณเข้าใจคำว่ารักของผมใช่มั้ย?”
ผมนิ่งไปเล็กน้อย ถึงแม้จะคิดไว้อยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินอีกครั้งมันก็ออกจะแปลกๆนิดหน่อย
“... ฉันไม่ได้โง่เหมือนนาย”
“ไม่ตกใจเลยเหรอ?”
“...ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะ”
“ขยะแขยงมั้ย?”
“...”
“ขยะแขยงสินะ ไม่แปลกหรอก ใครที่รู้ก็ขยะแขยงหมดแหละ เนอะ”
ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรดี เมื่อสมมุติฐานที่คิดไว้ดันได้รับการคอนเฟิร์มโดยปากของเจ้าตัวเอง แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ตอบตามสิ่งที่คิด
“ไม่อะ นอกจากความเกลียดแล้ว ก็ไม่มีอะไรนะ”
“สมเป็นคุณพี่เมฆของพี่แทนใจดีจัง”
เด็กนั่นพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ เหมือนกำลังพูดธรรมดา ตามองไปที่ถนนข้างหน้า นอกจากหน้าตาแล้ว เด็กแทนกายไม่มีอะไรเหมือนกับแทนใจเลยจริงๆ
“ผมไม่รู้ว่าพี่แทนได้เล่าเรื่องครอบครัวเราให้คุณฟังมากแค่ไหน แต่ที่คุณเห็นว่าเหมือนจะดีน่ะ มันไม่ได้ดีแบบนั้น อย่างน้อยก็สำหรับผม บ้านไม่เคยเป็นบ้านเลยถ้าไม่มีพี่แทนใจ”
“...”
“จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด แค่เกิดมาแค่นั้นแหละ เหมือนทุกอย่างมันผิดไปหมดเพราะผมดันเกิดมาบนโลกแล้ว”
“...”
คุณรู้มั้ย ตอนที่ไม่มีใครสนใจผม ไม่มีใครต้องการผม พี่แทนใจเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองควรมีชีวิตอยู่”
“...”
“เขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ตัวเองคือน้องชายที่พี่เขาภูมิใจที่ได้เลี้ยงมา เป็นเหมือนแสงสว่างเดียวที่อยู่ในชีวิต เป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักความรักจริงๆ ทั้งที่พี่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เป็นพระอาทิตย์ในชีวิตผมแค่นั้นเอง”
“...”
“ตอนที่เห็นคุณอยู่กับพี่ผมอยากจะฆ่าคุณให้ตาย ยิ่งเห็นรอยบนตัวพี่ที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้ทำผมยิ่งเกลียดคุณ เกลียดที่พี่รักคุณมาก และกลัวว่าวันหนึ่งพี่เขาอาจจะลืมไปว่าเคยมีผมอยู่ตรงนี้”
“... นี่นายไม่ได้เมาข้าวต้มเมื่อเช้าใช่มั้ย”
“คุณเมาข้าวต้มได้เหรอ?” เด็กแทนกายหันมาถาม เมื่อเราพูดถึงอาหารที่คุณแม่เตรียมไว้ให้เมื่อเช้า ก่อนพวกเราจะออกมาจากบ้านกัน “อาจจะได้ เขาว่าคนบ้ามันจะเมาอะไรง่ายกว่าชาวบ้าน”
“...” ปากดีจนสงสารไม่ลง
“แต่คุณดันทำให้พี่แทนใจพี่แทนใจมีความสุขได้เพราะแค่เห็นหน้าเท่านั้น ทั้งที่คุณทำให้พี่เขาร้องไห้แทบเป็นแทบตาย แต่พอเห็นหน้าคุณ กินข้าวกับคุณ พี่เขากลับดูมีความสุขขึ้นมา ทั้งที่ผมพยายามมาทั้งอาทิตย์พี่เขาไม่ยิ้มออกมาจากใจเลยสักครั้ง”
“...” พูดดี เพิ่มคะแนนสงสารให้สองแต้มละกัน
ผมอาศัยจังหวะที่รถติด (ซึ่งความจริงมันไม่ขยับเลยตั้งแต่เมื่อกี้) หันไปมองหน้าอีกคน แทนกายมีดวงตากลมโตเหมือนแทนใจ แต่เหมือนจะตาสีอ่อนกว่า ริมฝีปากเหมือนจะอิ่มกว่าแทนใจด้วยซ้ำ แก้มที่มีไม่เยอะเหมือนกับพี่ชายแต่ก็ดูคล้ายกันไม่น้อย ผมสีดำสนิทที่ถูกตัดเป็นผมหน้าม้าคล้ายกับแทนใจ ต่างกันแค่ฝั่งแทนใจนั้นผมหน้าม้ามักจะวุ่นวายไม่เป็นทรงแม้แต่ในตอนเช้าวันทำงานก็ตาม ในขณะที่เด็กนี่ดูเรียบร้อยเหมือนกับถูกจัดทรงไว้อย่างดี
ดูเผินๆเหมือนกับเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย
ใบหน้าที่มีเสน่ห์พูดเรื่อยๆทั้งที่ตายังคงมองถนน พอมองมุมนี้แล้วแทนกายดูโอบล้อมไปด้วยความเศร้าจนผมนึกเห็นใจ เด็กคนนี้ต้องผ่านอะไรมามากแค่ไหนถึงได้มองโลกมืดมนได้ตรงข้ามกับแทนใจอย่างสิ้นเชิงแบบนี้
ยิ่งประโยคที่พูดว่า แค่เพราะเกิดมาก็ผิดแล้ว นี่ทำให้ผมถึงกับกำพวงมาลัยแน่นทั้งที่ไม่จำเป็น มันทำให้ผมนึกถึงเด็กสายฝนนั่น ผมสาดความเกลียดชังใส่เด็กนั่นโดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรือเปล่า?
ตัวพ่อผมมีบ้านเล็กก็จริง แต่เด็กที่เกิดมาไม่ได้ทำอะไรผิดเหมือนเด็กแทนกายนี่ ถ้าหากว่าวันหนึ่งเด็กคนนั้นจะเปลี่ยนสีจากผ้าขาวไปเพราะผมมีส่วน
ผมคง… รู้สึกผิดมาก
“ฉันไม่รู้ว่านายเจออะไรมา คนนอกก็คงพูดอะไรเยอะมากไม่ได้”
“...”
“แต่เท่าที่รู้จักแทนใจมา เขารักนายมากเกินกว่าที่จะเลิกสนใจนายเพราะแค่มีฉันเข้ามาในชีวิตแน่ๆ ฉันมั่นใจ”
“...ขอบคุณ”
“อืม”
ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบหลังจากนั้น ทั้งผมและแทนกายต่างใช้เวลาในห้วงความคิดของตนเอง ผมไม่รู้ว่าเด็กนั่นกำลังคิดถึงอะไรอยู่ เขามองทางข้างหน้าสลับกับหน้าต่างด้านข้าง พอมาดูแบบนี้แล้ว แทนกายที่ทำให้ผมโมโหจนพาลแฟนนั้นเป็นแค่เด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ผมแม่ง… งี่เง่าวู่วามเหมือนที่หวานบอกจริงๆนั่นแหละ
“ผมยอมแพ้”
อยู่ดีๆเด็กนั่นก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งเรียกผมออกมาจากความคิดของตัวเองได้ทันทีเช่นเดียวกัน
“เรื่องของคุณกับพี่แทนใจ ผมยอมแพ้” แทนกายยังคงพูดสบายๆ แต่ครั้งนี้หมอนั่นหันหน้ามามองผม “จะทำอะไรก็ทำเถอะ อย่าทำให้พี่แทนใจเสียอีกก็พอ ไม่งั้นผมก็ไม่รับประกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“...ตกลงนี่ฉันต้องดีใจใช่มั้ย?”
“ใช่สิ” เด็กนั่นพูดต่อ ท่าทางอวดดีจนน่าตีกลับมาอีกครั้ง พึ่งสังเกตว่าจมูกเด็กนี่รั้นเหมือนกับเด็กดื้อ ตรงข้ามกับแทนใจ “คุณเป็นคนแรกที่ผมยอมให้เข้าใกล้พี่ขนาดนี้นะ รู้ไว้ด้วย”
“...” นี่สรุปแทนใจเป็นน้องหรือพี่กันแน่วะ ผมเริ่มงงแล้ว
ความจริงแล้วบริษัทผมไม่ได้ไกลจากรถไฟฟ้าขนาดนั้น แต่เพราะรถมันดันตั้งอยู่บนถนนเส้นที่รถติดตลอดเวลา แถมเมื่อคืนฝนก็เพิ่งจะตกไป ยังมีน้ำขังหลายส่วน เลยได้แต่กระดิ๊บกระดิ๊บอยู่บนถนนเสียนาน จนกระทั่งหลุดโซนนรกออกมาได้ ใช้เวลาไม่นานผมก็ถึงสถานีบีทีเอส
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
“อืม” ผมพยักหน้า ความจริงถ้าเด็กนี่ทำตัวน่ารักผมคิดว่าผมคงเอ็นดูอีกคนจริงๆ เด็กมัธยมในชุดนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่มีกระเป๋าถือยืนมองผม แถมตอนเขายิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม มันก็น่าเอ็นดูดีเหมือนกัน
“แต่ผมก็ยังเกลียดคุณอยู่ดีนะ”
ปั่ง!
เด็กแทนกายทิ้งท้ายพร้อมกับปิดประตูรถดังจนเหมือนกับต้องการให้ผมเข้าอู่ในวันนี้แน่ๆ ผมสบถไล่หลังเสียงดัง ขนาดจะทิ้งท้ายมันยังกวนส้นตีน ไม่น่ามีช่วงเวลาที่คิดว่ามันน่าสงสารเลยจริงๆ ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!
-------- Monday In Love -------
เป็นเวลาร่วมอาทิตย์หลังจากที่ไปเจอกับแทนใจวันนั้น
ระหว่างเรายังตึงๆแต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิม น้องไม่โกรธผมแล้ว (ตามที่น้องเล่าอะนะ) เรากลับมาคุยกันเหมือนเดิม เรื่องหวานนั้น ผมอธิบายน้องไปหมดแล้ว แต่น้องเหมือนกับจะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้มีเวลาไปง้อน้องตลอดขนาดนั้น อย่าว่าแต่ง้อน้อง เท้านี่ไม่ได้แตะออฟฟิศเลยครับ ผมเพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพฯเมื่อกี้เอง เพราะว่าไซต์ที่ระยองดันมีปัญหา แถมแก้ไม่เสร็จสักที โปรเจคไปเองอีกแล้ว
ผมโคตรอยากจะทุบลูกค้าเรียงคน ทุบหมายหน้าไซต์งานด้วย เวลาตั้งเยอะตั้งแยะมีไม่เจ๊ง พอทะเลาะกับแฟนนะ แข่งกันมีปัญหารัวๆ
เอาเถอะ งานจบผมก็จบแล้ว ผมจบตั้งแต่ออกจากไซต์งานแล้วครับ บายทุกอย่าง ตอนนี้เป็นเวลาของแทนใจและกระต่ายติ๊กต่อกแล้วครับ แต่ตอนนี้กระต่ายในกรงไม่ได้งอนอะไร ต่กระต่ายในใจยังไม่หายโกรธเลย ต้องง้อก่อนครับ
17:30 น.
Mek Sitthikorn: เลิกงานแล้วทักมาหน่อยนะครับ
Mek Sitthikorn: พี่นั่งรออยู่ข้างล่าง ในรถ
Mek Sitthikorn: ไปกินข้าวกัน ห้ามเทนะ พี่จองร้านไว้แล้ว
กดส่งไปแบบมัดมือชกเลยครับ กลัวนัดแล้ววืด ต้องแบบนี้แหละ มารอใต้ตึกแล้วหนีบไปด้วยกันเลยทีเดียว ช่วยไม่ให้เปลืองรถบนถนนด้วย แค่นี้ก็ติดจนไม่รู้ว่าผังเมืองประเทศนี้เป็นยังไง อ๋อ ลืมไป ไม่มีผัง
ถึงแม้จะมั่นหน้ามัดมือชกไปแค่ไหน แต่พอรอแล้วรอเล่า แทนใจก็ไม่ตอบกลับมานี่มันก็ทำให้หน้าสั่นเล็กๆเหมือนกันนะครับ
18.04 น.
Tanjai: เอ้า ผมเพิ่งเห็น
Tanjai: วันนี้ผมงานเยอะมากเลยอะ
Tanjai: แบบมากกกกกกกกกกกกกกก
Tanjai: น่าจะอีกครึ่งชั่วโมงนะครับ
Tanjai: ขอโทษนะ
Tanjai: *ส่งสติกเกอร์*
น้องตอบมาแล้ว แค่เห็นตัวอักษร ผมก็รู้สึกเหมือนมีแทนใจมาบ่นแง๊วๆให้ฟังอยู่ข้างๆเลยครับ ผมพลิกข้อมือดูนาฬิกาของตัวเองที่ไม่ได้ไปยืมเพื่อนที่ไหนมา เวลาครึ่งชั่วโมงมันไม่ได้นานขนาดนั้น ผมเลยตอบอีกฝ่ายไปว่ารอได้ก่อนที่จะกดดับจอ ตั้งใจว่าจะหอบคอมไปนั่งที่ร้านกาแฟ อย่างน้อยก็ขอเคลียร์งานหน่อย ครึ่งชั่วโมงก็มีค่าครับ ผมมี onsite รีพอร์ต ต้องส่งหลังจากกลับมาจากหน้างาน ไหนจะพวกบิลอะไรต่างๆนานาที่ต้องส่งให้เลขาไปเบิกบัญชีอีก
ผมกดล็อกรถแล้วเดินไปร้านกาแฟ ชามะนาวสักแก้วน่าจะช่วยให้สดชื่นได้บ้าง ช่วงนี้งานชักจะปวดหัวมากขึ้นทุกวัน
“รับอะไรดีครับ?”
เด็กที่ชอบยิ้มให้แทนใจ ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้ดูรายการเดินหน้าธรรมกายติดกันสิบชั่วโมง คิดว่าผมสนใจเหรอ?
“ชามะนาวสองแก้ว กับพุดดิ้งช็อกโกแลตครับ”
ผมสั่งเครื่องดื่มไว้ให้แทนใจแบบไม่ถามความเห็นน้อง ถ้าเป็นช่วงเช้าๆเที่ยงๆผมก็คงจะสั่งกาแฟให้เขานะครับ แต่นี่มันเย็นแล้ว กินกาแฟเดี๋ยวดีดกันพอดี แฟนผมยิ่งจินตนาการกว้างไกลอยู่ด้วย
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว ผมก็หาโต๊ะนั่งเพื่อจะกางคอมขึ้นมาทำงาน แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มเข้าระบบ เสียงเรียกชื่อคุ้นเคยก็ดึงสายตาผมออกจากจอตรงหน้า
“คุณพี่เมฆ!”
“อ้าว แทนใจ ไหนบอกว่าขออีกครึ่งชั่วโมงไง” ผมทักอีกคนด้วยความยินดีผสมกับไม่แน่ใจ ตอนนี้เวลาเพิ่งจะผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีเองครับ
“ผมรีบปั่น แล้วก็รีบวิ่งลงมา” น้องพูดทั้งที่ยังหอบอยู่ ท่าทางรีบเหมือนกับที่เจ้าตัวบอกจริงๆ ผมหน้าม้าของน้องไม่เป็นทรงอีกแล้ว “คุณจะได้ไม่ต้องรอนานไง”
มาถึงตอนนี้ผมพยายามคีพลุคคุณพี่เมฆคนคูลๆ ทั้งที่ในใจกรีดร้องว่าแทนใจน่ารักดังมาก แฟนใครวะ น่ารักที่สุดในโลกแล้วเนี่ย
“โอเคครับ งั้นเราไปกันเลยละกันนะ พี่จองเอาไว้ทุ่มครึ่ง” ผมปิดคอมโดยที่ส่งชามะนาวกับพุดดิ้งให้น้อง แฟนผมส่งสายตาสงสัยมาให้ ผมเลยอธิบายต่อ “พี่ซื้อเอาไว้ให้ ทำงานมาทั้งวัน ทานอะไรหวานๆน่าจะรู้สึกดีขึ้นนะ”
ผมเดินถือของกลับไปที่รถ โดยที่น้องแทนใจเดินตามต้อยๆมาด้วย ผมชอบความรู้สึกแบบนี้จังครับ อยากจะมารับน้องทุกวันเลย เลิกไปไซต์แล้วได้มั้ย รอไอ้แว่นเกษียณแล้วผมมา take over ตำแหน่งมันได้หรือเปล่า จะได้อยู่กับแทนใจตลอดเวลา
ไร้สาระได้ขนาดนี้ เพราะมีแฟนเด็กครับ
“ทำไมวันนี้เรามากันไกลจังเลยครับ?”
น้องถามเมื่อผมวนรถเข้ามาในเมืองที่ปกติไม่ค่อยมา ผมยิ้มไม่ตอบอะไร เพียงแต่เดินพาเขาตามเข้ามาในร้านด้วย ร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนฟิวชั่นที่ผมชอบครับ ค่อนข้างไกลจากที่ทำงานของเราสองคน แต่อาหารอร่อยบรรยากาศดี ซึ่งที่เลือกมาที่นี่เพราะว่ามีเหตุผลน่ะ
“สั่งเลยๆ เราอยากทานอะไรก็สั่งนะ”
ผมทรุดตัวนั่งข้างๆน้องเมื่อพนักงานนำเราสองคนมาที่โต๊ะสำหรับสี่ท่าน ผมสั่งอาหารไปสองสามชนิดที่คิดว่าแทนใจน่าจะชอบ และที่ตัวเองทานได้ด้วย บรรยากาศติดจะทึบเล็กน้อยของร้านไม่ได้ทำให้ลูกค้าอึดอัด แต่มันกลับเข้ากับสไตล์ที่ดูน่าค้นหาของร้านยิ่งกว่าเดิม
“ร้านนี้โอเคมั้ย?”
“ดีครับ” แทนใจที่กำลังโยกหัวไปตามจังหวะดนตรีสดที่นักร้องเวทีกำลังร้องอยู่ น้องตักสลัดที่เพิ่งมาเสิร์ฟขึ้นมาทาน “โอเคเลย ผมชอบนะ ขอบคุณมากนะครับ”
“ด้วยความยินดี”
“ว่าแต่” เด็กที่เคี้ยวสลัดแซลม่อนตุ้ยๆแล้วกลืนเรียบร้อยแล้วเปิดประโยคขึ้นมา “คุณยังไม่ตอบผมเลยนะ ว่าพามาทานไกลขนาดนี้ทำไม?”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร คำตอบของผมก็เรียกขึ้นมาจากด้านหลัง ผมหันไปเห็นหญิงสาวที่คุ้นเคยดี เจ้าตัวอยู่ในชุดเดรสสีสว่างในแบบที่ชอบใส่ถ่ายรูป ผมส่งยิ้มให้อีกคนในขณะที่แทนใจข้างๆผมเบิกตากว้างเหมือนกับเห็นนางเงือกตัวเป็นๆกำลังเต้นบีบอยอยู่ตรงหน้า
“รอนานมั้ยเมฆ?”
“ไม่เลยหวาน นั่งก่อนสิ”
นี่แหละครับคำตอบของผม หวาน… แฟนเก่าผมเอง
.
.
.
เกิดมาหลายสิบปี เพิ่งจะเคยมีโมเมนท์แฟนใหม่กับแฟนเก่าปะทะหน้ากันเป็นครั้งแรก
หากเป็นตามละครช่องหลากสี ไม่แฟนใหม่ก็แฟนเก่าคงจะตบกันแย่งผม (แหม่ หล่อเลย) หรืออย่างน้อยก็พูดเสียดสีกันบ้าง แต่การที่แฟนใหม่ผมเอาแต่นั่งจ้องหน้าแทนใจตาไม่กะพริบอยู่ร่วมนาที จนน้องนั่งไม่ติดเก้าอี้เหมือนกับทำตัวไม่ถูก สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ส่งยิ้มกว้างออกมา
“แทนใจ น่ารักจังเลย เหมือนกระต่ายจริงๆด้วย”
“ครับ?”
เจ้าตัวคงงงน่าดู เพราะแทนใจหันซ้ายหันขวากะพริบตาหน้าแบบไม่เข้าใจว่าผู้หญิงอีกคนกำลังพูดอะไรอยู่ เห็นแบบนี้ผมก็ยืดหน่อยๆ ไงล่ะ บอกแล้วว่าแฟนผมน่ารัก
“น่ารักกว่าในรูปอีกนะตัวจริงเนี่ย”
“เอ่อ…”
น้องแทนใจดูจะไม่แน่ใจเล็กน้อยว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เห็นได้จากตาที่เบิกกว้างแล้วก็ท่าทางเหมือนกึ่งเขินกึ่งไม่แน่ใจ พฤติกรรมแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงกุ๊กกิ๊กบัญชีเลยนะครับ แต่ฝั่งนั้นดูจะถวายตัวเป็นแม่ยกแฟนผมไปแล้ว
“พี่ชื่อหวานนะคะ เป็นเพื่อนเมฆ” หวานเริ่มต้นพูดก่อนตามแบบฉบับของเจ้าตัว “พี่มาวันนี้จะมาขอโทษที่ทำให้น้องแทนใจทะเลาะกับเมฆนะคะ พี่เคยเป็นแฟนเมฆจริง แต่นั่นมันหลายปีมาแล้ว เราเป็นเพื่อนกันแล้วค่ะตอนนี้ ไม่ต้องหึงแล้วนะ”
“...ครับ”
น้องแทนใจยังคงงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ แต่เจ้าตัวก็รับคำแล้วพยักหน้าเหมือนกับว่าเข้าใจข้อความของหวานทั้งหมด ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าหัวทุยๆใต้หน้าม้านั่นจะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ตาม
“พี่กับเมฆไม่มีทางกลับไปคบกันแน่นอนค่ะ สงสารพี่ด้วยนะคะน้อง”
“อ้าว หวาน”
ผมหันไปโวยอีกคนอย่างไม่จริงจังนัก ซึ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะใสๆของหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะ ซึ่งนั่นทำให้แทนใจที่ดูจะเกร็งๆในตอนแรก เริ่มผ่อนคลายลงบ้าง
“เมฆรักน้องแทนใจมากนะคะ ที่คุยกันมีแต่เรื่องน้องทั้งนั้น”
กลายเป็นผมเองที่เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อเพื่อนเริ่มจะแฉผมกลับด้วยความสนุกสนาน ผมพยายามเก๊กหน้านิ่งเมื่อตากลมๆของแทนใจมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา
“อีกอย่าง” หวานเปิดกระเป๋าถือของเจ้าตัว เพื่อหยิบซองจดหมายสีครีมออกมา “พี่กำลังจะแต่งงานค่ะ ขอเซิญทั้งเมฆแล้วก็น้องแทนใจที่งานด้วยนะคะ อีกสามเดือนข้างหน้านะ”
ผมรับซองมาเปิดดู ชื่อในการ์ดคือแฟนหนุ่มคนปัจจุบันของเจ้าตัวที่คบกันมาสองสามปีแล้ว อย่างที่บอกว่าผมกับหวานติดต่อกันตลอด ก่อนที่ผมจะไปปรึกษาเรื่องแทนใจ ก็เป็นหวานนี่แหละที่มักจะทักมาขอความเห็นหรือระบายเวลาที่มีปัญหากับแฟนเสมอ
“น้องแทนใจไม่ต้องกังวลเรื่องพี่นะคะ พี่มีคนที่พร้อมจะอยู่ด้วยทั้งชีวิตแล้วนะ”
“ครับ…” น้องเหมือนกับยังไม่แน่ใจ เจ้าตัวรับคำทั้งที่ดูเหมือนสติยังไม่กลับมา แต่เอาจริง ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าน้องเขาเคยมีสติอยู่กับตัวหรือเปล่า
“เมฆเองก็คงเจอคนที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมด้วยแล้วเหมือนกัน เนอะเมฆ”
ผมมองใบหน้าแทนใจที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก เห็นแล้วอยากจับมาฟัดแบบที่ชอบทำ แต่ผมเกรงใจทั้งเพื่อนและแฟน เลยได้แต่กระชับมืออีกคนเอาไว้ เพราะผมอยากให้เขามั่นใจว่าเขาเลือกคนไม่ผิด เพราะผมไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดผิดเลยที่มีแทนใจอยู่ในชีวิต
“ใช่ เราเจอคนนั้นของเราแล้วเหมือนกัน”
มื้ออาหารผ่านไปอย่างกระอั่กกระอ่วนน้อยกว่าตอนแรกมากโข แทนใจเหมือนกับจะเข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับหวานจริงๆ ส่วนตัวหวานเองก็ดูเหมือนจะชอบแทนใจมาก มากจนผมต้องกันไม่ให้อีกคนเอาแทนใจกลับบ้านไปด้วย (คือแบบ หวานเว๊ย แฟนเราไม่ใช่ตุ๊กตาหรือหมากระเป๋า)
แถมผมเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าพี่สาวแทนใจรู้จักกับหวานด้วย เหมือนเคยลงเรียนด้วยกันหรืออะไรสักอย่าง ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจแล้วครับ การนั่งมองแทนใจเคี้ยวตุ้ยๆนั้นน่าสนใจกว่าเยอะ
น่ารักจริงๆ
“คุณหวานเขานิสัยดีจังเลย”
แทนใจพูดขึ้นมาเมื่อพวกเราทานเสร็จแล้วอยู่บนรถ วันนี้ผมพาแทนใจไปนอนด้วยกันที่คอนโด เพราะพรุ่งนี้ผมต้องออกไซต์อีกแล้ว เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันมันไม่เยอะเลย ขอเอาตัวมากอดสักคืนสองคืนละกัน
“เราชอบหวานเหรอ? พี่ไม่ยอมเลิกนะบอกไว้ก่อน”
“คุณจะบ้าเหรอ?” ผมหัวเราะเมื่อแทนใจหันมามองหน้าผมตาเหลือก “ผมหมายถึง… ถ้าผมเป็นผู้ชาย ผมก็คงอยากได้แฟนแบบนี้น่ะครับ เข้าใจเลยว่าทำไมคุณพี่เมฆถึงได้ชอบเขา”
“เคยชอบเขาครับ” ผมพูด “ตอนนี้พี่ชอบแทนใจ….”
“ฮื่อ”
“ชอบมากๆ”
“ฮื่อ”
“รักมากเลยด้วย”
“พอแล้ว! คุณพี่เมฆจะทำให้ผมเขินจนละลายคาเบาะเลยเหรอ? ผมรู้แล้วครับ ฮื่อ โคตรขี้โกงเลยอะไรวะ ทำไมต้องทั้งหล่อ ทั้งดี ทั้งอบอุ่น โครตโกงเลย ทำไมถึงไม่ทำตามแคมเปญโตไปไม่โตนะ ทำไมต้องดีหมดเลย บ้าไปแล้วเหรอ? แล้วแบบนี้ผมจะเลี้ยงคุณไหวได้ไงเล่า ปัดโถ่เอ๊ย”
ผมยิ้มเมื่อมองแทนใจบ่นงุ้งงิ้งอะไรไม่รู้ของเจ้าตัว
แทนใจไม่รู้หรอกว่าตัวเองก็ขี้โกง มีที่ไหนมาทำให้คนอื่นเขาตกหลุมรักซ้ำๆกันแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหนกัน
ผมกำมือของคนที่ตอนนี้บ่นเรื่องการเมืองเอาไว้ ไม่ว่าแทนใจจะเป็นยังไง จะบ่นเรื่องไหน ในอนาคตเราจะทะเลาะกันอีกกี่ครั้ง แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้ในใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้… ตลอดไป
------- TBC -------
แล้วเจอกันจ้า
ขอแปะๆ คำถามไว้ก่อนนะคะ
Babybaphomet