ตอนที่ 6
การฝึกงาน คือการตกนรกขั้นที่ลึกกว่าการเป็นเด็กเลี้ยง
สืบเนื่องมาจากบริษัทที่พี่ธนิตฝากให้ฝึกงานเป็นบริษัทข้ามชาติ ทุกคนในบริษัทต่างพูดภาษาอังกฤษกันแบบหูดับตับแลบ เขากับเจ้าแม่ สองทหารเสือผู้คนหนึ่งมีดีกรีเป็นถึงดาวมหาลัย กับอีกคนที่เป็นว่าที่นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะ จึงจำเป็นต้องแบกความหวังของคณะ(และของอธิการบดี)ที่ว่า
" รุ่นพี่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง รุ่นพี่เจริญ รุ่นน้องก็จะเจริญตาม ถ้าหากฝึกงานที่นี่ผ่านได้ ต่อไปจะเอาไปโม้กับใครที่ไหนก็ได้ บริษัทนี้ขึ้นชื่อว่ารับพนักงานยาก และพนักงานแต่ละคนก็เก่งระดับประเทศ ปกติไม่เคยรับเด็กฝึกงาน พนักงานส่วนใหญ่ต้องจบโทหรือไม่ก็ต้องมีประสบการณ์มาก่อนเท่านั้นถึงจะสมัครงานได้"
ดังนั้นเขากับเจ้าแม่จึงถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกของคณะ หากฝึกงานดี ปีหน้ารุ่นน้องอาจได้มาฝึกงานที่นี่ต่อด้วย และอาจจะได้ฝึกงานกันต่อแบบรุ่นต่อรุ่น เพราะฉะนั้นเพื่อชื่อเสียงของคณะ เพื่ออนาคตของเหล่ารุ่นน้อง เขากับเจ้าแม่จึงต้องเตรียมกันซะตั้งแต่เนิ่นๆ เวลาไปฝึกงานจริงจะได้ไม่ต้องโดนด่ามาก
" A B C D E F G.... "
" A B C หา ....มึงเหรอ! ถ้าว่างมากก็แปลเอกสารในมือเข้า!"
" ทำไม? มองหน้าหาเรื่อง? ไอ้ที่ถืออยู่ในมือน่ะ แปล!"
โอ๊ย ไอ้ผู้หญิงโหด ไอ้ผู้หญิงสร้างภาพ ตอนอยู่กับคนอื่นล่ะไม่เห็นมึงจะโหดขนาดนี้ กูเป็นช้างเท้าหลังนะ มึงต้องดูแลกูเซ่ ไม่ใช่มาตวาดกูแบบนี้!
"ยังจะมอง !?"
กระซิกๆ เขาก็ได้แต่บ่นในใจไปนั่นแหละ ใครมันจะไปกล้าบ่นเจ้าแม่ตอนองค์ลง ขืนบ่นมาก จากที่โดนด่าจะได้กลายเป็นโดนถีบแทน
เฮ้อ ตอนนี้เขาต้องมาสิงอยู่ที่คอนโดของเจ้าแม่ กินอยู่หลับนอนมาด้วยกันมาเกือบสองอาทิตย์ก่อนฝึกงาน อย่างที่บอกไปแล้วว่าพวกเขาต้องเตรียมตัว และบริษัทที่พวกเขาจะฝึกงานก็เป็นบริษัทข้ามชาติ เอกสารส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น มีส่วนน้อยมากที่เป็นภาษาไทย เขาที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเลยต้องระเห็จมาอยู่กับเจ้าแม่ มีรุ่นพี่ รุ่นน้องมาช่วยใดูใจบ้าง แต่ที่หนักสุดก็คือพี่ภาค พี่รหัสเขาที่มาพร้อมขนมนมเนย พอส่งส่วยเสร็จสรรพก็หัวเราะเยาะเขาเป็นการส่วนตัวว่า “มีเสี่ยดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เสี่ยรวย... เด็กเลี้ยงก็เจริญ"
ฮ่วย! ตกลงนี่เสี่ยเป็นคนฝากงานให้เขาเรอะ เอ๊ะ หรือยังไง เด็กเลี้ยงงงไปหมดแล้ว!
" พี่ธนิตเพิ่งมาสารภาพกับพี่ว่า เสี่ยแกไหว้วานฝากฝังมาให้ ความจริงจะให้เสี่ยโทรมาบอกเองก็ได้ แต่แกคงกลัวเสียหน้า ปกติเสี่ยแกไม่ค่อยยุ่งกับพวกเด็กเลี้ยง ยิ่งกับพวกที่หมดสัญญาแล้วเสี่ยแกยิ่งไม่อยากยุ่งเข้าไปใหญ่ มีแต่แกนี่แหละที่โชคดี ได้เพชรมาเกือบล้าน แถมเสี่ยยังฝากฝังหาที่ฝึกงานให้ "
พอพี่ภาคพูดมาแบบนี้เขาก็เพิ่งนึกได้ เมื่อก่อนตอนที่อยู่ด้วยกัน เสี่ยไม่ใช่คนพูดเยอะ เขาเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด บทสนทนาส่วนใหญ่เสี่ยก็เป็นคนเริ่มก่อนทุกครั้ง พอเสี่ยถามมาเขาก็ตอบ พอเสี่ยไม่พูดต่อเขาก็เงียบ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้จนถึงเวลาเข้าห้อง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเหมือนกันที่เสี่ยถามเขาเรื่องฝึกงาน ตอนนั้นเขานึกว่าเสี่ยถามไปแกนๆ แบบนั้น ไม่คิดว่าเสี่ยจะจำได้
" แล้วพี่ว่า.... "
ความจริงอยากถามพี่ภาคว่า พี่ภาคว่ายังไงกับการที่เสี่ยดูแลเขาดีแบบนี้ แต่ถามไปอาจดูเหมือนหลงตัวเอง เพราะงั้นเขาปิดปากเงียบไว้ดีกว่า
" ที่จริง... เสี่ยอธิปเองก็เป็นเสี่ยสายเปย์อยู่แล้วนะ กับเด็กคนอื่นที่ถูกใจใครขออะไรให้หมด เด็กบางคนขอรถ บางคนขอบ้าน เสี่ยแกก็ทำเรื่องซื้อให้ แต่เสี่ยแกก็ไม่ได้ออกทั้งหมด ออกให้แค่บางส่วน ที่เหลือก็ไปผ่อนกับพี่ธนิตเอา พี่ธนิตนี่โคตรจะเป็นเจ้าพ่อนายหน้า เด็กคนไหนจ่ายไม่ไหวเป็นยึดหมด ไม่ก็ต้องเอาตัวเข้าแลก แกเองก็อย่าไปหลงคารมพี่ธนิตมาก เห็นแบบนั้น แต่ความจริงขูดรีดเข้าไส้ นี่แกก็โชคดีแล้วที่ไม่ต้องทำงานต่อ เพราะเห็นว่าเสี่ยคนใหม่ที่อยากได้ตัวแกไปเป็นสายเอสด้วย " สายเอส? ซาดิสซึ่มน่ะเหรอ?
" แบบโซ่ แส้ กุญแจมือของแท้น่ะ เสี่ยนั่นยอมจ่ายแบบไม่อั้น ขอให้เจอเด็กแบบที่ถูกใจ ประเภทไม่เต็มใจ ขัดขืนจริง เจ็บจริง เลือดออกของจริง แล้วค่อยพาไปหาหมอรักษาให้" ....ไอ้พี่ ธนิต!!!! ไอ้เลวเอ๊ย!
" ก็บอกแล้วว่าแกน่ะโชคดี เสี่ยอุตส่าห์หาที่ฝึกงานดีๆ ให้ ก็พยายามหน่อยก็แล้วกัน เพื่อวันหน้าวันหลัง จะได้เอาตัวไปตอบแทนเสี่ยอีกรอบ ถ้าเสี่ยยอมน่ะนะ "
แหม่ พูดอย่างกับว่าเขาจะเอาตัวไปอ้อยเสี่ย ถ้าต้องอ้อยเสี่ยจริง เขายอมไปเป็นคนขับรถให้เสี่ยดีกว่ามั้ง เสี่ยมีบุญคุณขนาดนี้ ยอมตายถวายหัวแล้ว
" แล้วตอนนี้... เสี่ยเป็นไงบ้าง" เขาไม่ได้ถามเพราะห่วงหรืออะไรหรอกนะ แค่... แค่ถามดูไปอย่างนั้น
" ก็คงหาเด็กมาเลี้ยงใหม่นั่นแหละ แต่เห็นว่าช่วงนี้แกเงียบๆ ไม่รู้ที่บริษัทเกิดอะไรขึ้น ปิดข่าวกันให้วุ่นไปหมด เสี่ยเองก็เกือบอาละวาด ตอนนี้กำลังวิ่งวุ่น หาตัวการมาจัดการขั้นเด็ดขาด"
" อ๋อ " นอกจากอ๋อแล้วเขาจะตอบอะไรได้เรื่องในบริษัทเสี่ย เขายุ่งได้เรอะ
" แกก็พยายามหน่อยก็แล้วกัน เสี่ยใจดีขนาดนี้หายาก แต่ฝึกงานจบก็อย่าไปสมัครงานที่บริษัทเสี่ยก็แล้วกัน" อ่าว ทำไมล่ะ
" ทำไมล่ะครับ"
" เสี่ยไม่ชอบให้เด็กไปยุ่มย่าม มีเด็กคนหนึ่งเคยไปตื้อถึงหน้าบริษัท เสี่ยไม่จัดการเองแต่..."
" แต่ให้พี่ธนิตจัดการให้ แล้วเด็กนั้นเป็นไงบ้างครับ สภาพ... ครบสามสิบสองไหม"
" แกอย่ารู้ดีกว่า เรื่องโลกหลังม่านน่ะ ถ้าไม่อำมหิตจริง ก็ไม่มีใครอยากอยู่กันทั้งนั้น เอาเป็นว่าตอนนั้นพี่ธนิตกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่พอดี เด็กนั่นเลยเละไปหน่อย" โอ้โห พูดซะขนหัวลุก
" เอ้าๆ พี่ก็พูดไปอย่างนั้น แกก็อย่าคิดมาก เห็นแกเป็นเด็กดี พี่เลยอยากช่วย อะไรที่เตือนได้ก็เตือน ไปแปลงานต่อได้แล้วไป แก้วมันจ้องมาตาจะหลุดอยู่แล้ว" แก้วคือชื่อเล่นของเจ้าแม่ แต่ชื่อจริงน่ะ เจ้าแม่แก้ว เจ้าจอมมารดาแห่งดงอสรพิษ
" ไอ้ XXX ! " แน่ะ รู้ด้วยว่านินทา หูดีจริงโว้ย!
" งั้นผมไปก่อนนะพี่ ถ้าพี่เจอเสี่ย ฝากบอกเสี่ยด้วยแล้วกันว่าผมขอบคุณมาก"
" เออๆ ถ้าเจอน่ะนะ"
แล้วเขาก็เดินกลับไปทำงานต่อกับเจ้าแม่ ในใจก็มีความรู้สึกอยู่สองอย่างคือ อึมครึมกับรู้สึกดีขึ้น
รู้สึกดีที่เสี่ยเป็นคนดีและเอาใจใส่เขา แต่อึมครึมคือ เขาก็เป็นแค่เด็กเลี้ยงคนหนึ่ง ที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่เสี่ยเคยเลี้ยง
แต่ชีวิตมันก็ต้องมีแต่เดินต่อและเวลาก็ไม่เคยหยุดนิ่ง เขาซึมอยู่ได้สองวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่เขาต้องตกขุมนรก แต่ตกขุมนรกอย่างเดียวยังไม่พอ ยมบาลท่านยังอุตส่าห์เอาคู่แข่งของเขากับเจ้าแม่ลงมาอยู่ในนรกขุมเดียวกันด้วย เพื่ออะไรวะ!
" ไง เบลล่า ธันวา..." เบลล่าคือสาวสวยหน้าแฉล้ม หุ่นเซ็กซี่ สาวเปรี้ยวดาวประจำคณะบริหารภาคอินเตอร์ ส่วนธันวาคือคู่ปรับของเขามาตั้งแต่ปีหนึ่ง มึงจะเสนอหน้ามาทำเตี่ยอะไรวะ!
" พอดีพ่อกูก็เส้นใหญ่ใช้ได้ กูเลยได้มาฝึกงานด้วย" ไม่ได้ถาม ไม่ต้องมาตอบแทรก!
" ไม่ได้เจอกันนานนะเบลล่า ตกผู้ชายไปถึงไหนแล้วล่ะ" อันนี้เสียงเจ้าแม่
" ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ก็ว่าจะลองมาตกแถวนี้ดู แก้วล่ะ มี......หรือยัง" จุดที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจคือ อยู่มาจนขึ้นปีสี่เจ้าแม่ยังไม่เคยมีแฟน ขึ้นคาน...
" พอดีเก็บไว้ให้พ่อของลูกน่ะ เนอะ" เนอะ เน๊อะ อะไรล่ะ ตรูไม่ใช่แฟนสมอ้าง!
" ใช่..." แต่ปฎิเสธได้ที่ไหนกันล่ะ ฮืออ
" ถ้าแก้วเปลี่ยนใจ วายังว่างนะ" นี่ก็มาหยอดตลอดปีตลอดชาติ สามปี... หยอดจนขนมครกยังชิดซ้าย
" คนนี้ก็ดีแล้ว ขอบใจวานะ เข้าบริษัทกันเถอะ เดี๋ยวพี่ๆ เขาจะว่าเอา"
นั่นแหละพวกเขาสี่คนถึงจะได้เริ่มต้นเข้าบริษัทไปฝึกงานได้ ความจริงตอนที่อยู่ปีหนึ่งเขากับธันวาก็ไม่ได้เกลียดกันมาก แต่ธันวามันเจ้าชู้เที่ยวจีบผู้หญิงไปทั่ว เจ้าแม่เลยเอาเขามาเป็นเกราะกันหมา ธันวาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ มันถึงได้หยอดอยู่ไม่เลิก ส่วนเขาก็ไม่อยากให้แก้วหลงคารมมันจนเสียท่า เลยกันท่ามันเอามากๆ นับจากนั้นมาเราเลยเป็นอริกัน
ส่วนเบลล่า ความจริงคุณเธอก็ไม่ได้นิสัยแย่ แต่ก็นะ เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ผู้หญิงสวยจัดสองคนอยู่ด้วยกัน... ถ้าไม่รวมกลุ่มกันนินทาก็เกลียดขี้หน้ากันไปเลย ชิงดีชิงเด่นมาตั้งแต่ตอนประกวดดาวมหาลัย สุดท้ายแก้วได้เป็นดาวมหาลัยด้วยความสวยหวานแบบไทยๆ ส่วนเบลล่าเป็นขวัญใจช่างภาพด้วยโครงหน้าสวยหวานตาคมเข้ม แต่ตอนนี้อย่าไปพูดถึงเลย ลูกกวางน้อยแห่งพ่อบ้านใจกล้าชัดๆ ใครได้เป็นเมียเตรียมตกอยู่ในโอวาทได้เลย
แต่พอผ่านการฝึกงานไปได้สามสัปดาห์ พวกเขาทั้งสี่จากที่เคยเป็นอริกัน เวลาเดินผ่านกันก็เริ่มสบตากันมากขึ้น จากที่เคยหน้าเชิดคอตั้ง แววตาก็เริ่มหม่นหมองลงแถมคอตกเล็กน้อย และจากที่เคยจิกกัดกัน ตอนนี้ก็ได้แต่ส่งสายตาเวทนาต่อกันมากขึ้น ในที่สุดเจ้าแม่ก็ทนไม่ไหว วันศุกร์สุดท้ายก่อนฝึกงานครบหนึ่งเดือน เจ้าแม่ก็ประกาศลั่นว่า
" กูจะออกเที่ยว!"
แล้วมีใครปฎิเสธไหม...
ไม่มี เพราะทุกคนแม่งอยากดื่มกันหมด
" นี่มันบริษัทเ..ี้ย อะไรวะ!" เสียงธันวา
" ฝึกงานนะ ไม่ได้มาเป็นทาส! เดินจนเล็บจะขบแล้ว!" เสียงเบลล่า
" ใครแม่งเป็นคนหาที่ฝึกงานให้วะ!" เสียงเจ้าแม่ แต่โปรดอย่ามองหน้าตรู กูไม่รู้เรื่อง
" ไปด่าพี่ภาคโน่น กูเองก็เหนื่อยเหมือนกัน" เขาเปล่าโบ้ยนะ
" เฮ้อออออออออออออออ~ " อ.อ่างยาวเป็นหางว่าว พวกเขาสี่คนถอนหายใจออกพร้อมกัน
เฮ้อ~ เหตุผลที่พวกเขาสี่คนกลุ้มจัดจนต้องมาหาอะไรดื่มก็ไม่มีอะไรมาก แค่การฝึกงานมันโคตรหนักมาก ถึงพี่ๆ ที่บริษัทจัดให้มาเป็นพี่เลี้ยงพวกเขาจะไม่ได้ดุมาก แต่พวกรุ่นพี่ที่บริษัทก็เอาการเอางานกันทุกคน อะไรที่สอนได้ก็สอน อะไรที่ทำได้ไม่ดีก็ด่าก็ว่า พวกเขาทุกคนถึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มฝึกงานทุกครั้ง แต่ถึงเขากับเจ้าแม่จะเตรียมตัวมาดีมาขนาดไหน ก็ยังถูกด่าแบบไม่ไว้หน้า ส่วนธันวาที่พ่อมีเส้นก็ไม่ช่วยอะไรมาก แค่พร้อมกว่านิดนึง แต่บางทีก็ไม่รอด โดนสวดกลับมายับเหมือนกัน แถมหน้าตาของสาวๆก็ไม่ช่วยอะไรมาก แค่ถูกด่าน้อยลงด้วยคำพูดที่สุภาพขึ้น มาถึงตอนนี้ฝึกงานเพิ่งครบหนึ่งเดือน พวกเขาสี่คนก็เหนื่อยจนหูตกหางลู่ ไม่มีแรงเชิดหน้าคอตั้งใส่กันแล้ว
" กูก็ว่าแล้วเชียว ตอนขอพ่อฝึกงาน พ่อกูดีใจแทบกระโดดโลดเต้น บอกว่ากูคิดได้แล้ว"
" เบลล่าก็นึกว่าจะได้เจอท่านประธานไม่ก็ CEO หล่อๆ เป็นผู้ช่วยเลขาสวยๆ ไม่ต้องทำงานหนักมาก"
" เออ กู เอ๊ย เราก็คิดว่าจะได้ประสบการณ์ดีๆ เหมือนกัน ไม่คิดว่าจะงานหนักขนาดนี้" แหม่ เจ้าแม่ แอ๊บไม่ทันแล้วล่ะมึง
" ไอ้ที่เรียนกับไอ้ที่ใช้นี่มันตรงกันตรงไหนวะ แค่โปรแกรมที่ใช้คำนวณก็ไม่เหมือนกันแล้ว" อันนี้เขาเอง อยากมีส่วนบ้าง
" ก็นี่มันโปรแกรมประยุกต์ ลองมึงเข้าแผนกบัญชีก่อนเถอะ นรกของจริงแน่"
ว่าแล้วก็ถอนหายใจกันอีกรอบ
" เฮ้ออออออ~~~~ "
แล้วพวกเขาสี่คนก็นั่งคอตกกันแบบหมดสภาพ รอจนแอลกอฮอล์ซึมเข้าสู่กระแสเลือด สาวๆ ที่เหนื่อยจนทนไม่ไหวก็ออกไปเต้นที่ฟลอร์ให้หนุ่มๆ แทะโลมทางสายตาเล่น เขาที่เต้นไม่เก่งก็นั่งดื่มเหล้าพลาง เฝ้ากระเป๋าให้พวกนางไปพลาง ส่วนธันวาก็เดินเข้าๆ ออกๆ ระหว่างโต๊ะตัวเองกับโต๊ะผู้หญิงคนนั้นคนนี้ ได้เบอร์ได้จูบมาจนเป็นที่พอใจก็กลับมานั่งพัก เห็นเขาดื่มอยู่คนเดียวเงียบๆ ก็ชวนคุยบ้าง ชวนสูบบุหรี่บ้าง แต่พอเห็นเขาตั้งท่าจะหลับ มันก็ชวนออกไปสูดอากาศข้างนอกแทน
" เมื่อก่อนที่เขม่นมึง ขอโทษนะ"
ธันวาว่าตอนที่พวกเขาออกมาสูดอากาศ ตอนนี้อากาศกำลังเย็นสบาย เลยพอทำให้หัวอุ่นๆ ของเขาเย็นขึ้น พวกเขาบอกเจ้าแม่กับเบลล่าไปแล้วว่าจะออกมาสูดอากาศเล่น แน่นอนว่าพวกเธอไล่เขาออกมา แต่ต้องหนีบกระเป๋าของพวกเธอมาด้วย (กันหายน่ะ)
" ไม่เป็นไร กูเองก็ไม่ดีกว่ามึงเท่าไหร่ แกล้งมึงกับเพื่อนก่อนประจำ" อันนี้นี่พูดจริงนะ เมื่อก่อนเขากับเพื่อนชอบแกล้งมันบ่อยๆ โดยเฉพาะกับเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าแม่ ธันวามันก็พอเข้าใจอยู่บ้าง เพราะเมื่อก่อนเจ้าแม่มันใสมาก แต่ตอนนี้...
" กูจริงจังกับแก้วจริงๆ นะ" แล้วเมื่อกี้ที่ขอเบอร์สาวคืออะไรวะ
" มึงต้องไปบอกแก้วเองว่ะ"
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะกันท่าหรือไม่สนับสนุนไอ้ธันวาหรอกนะ แต่จากที่แก้วเคยบอกมาและจากที่สังเกตเอาเอง ธันวาน่ะ มันเจ้าชู้มาก พวกเราเลยกลัวกันว่าแก้วจะคุมธันวาไม่อยู่ ผู้ชายบางคนได้กันไม่กี่ทีแล้วสะบัดตูดหนีไปน่ะมีมานักต่อนัก เขาเลยไม่อยากให้แก้วพลาดแล้วถูกคนอื่นมาหัวเราะเยาะเอาทีหลัง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนที่โดนหัวเราะเยาะน่ะไม่มีทางที่จะขำออกด้วยแน่
" สรุปมึงไม่ได้เป็นแฟนกับแก้วจริงๆใช่ไหมวะ"
" ทำอย่างกับมึงไม่รู้"
ว่าจบ ธันว่ามันก็หัวเราะลั่น ดึงบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อ จุดไฟ แล้วส่งมาให้เขาหนึ่งมวน แต่เขาปฏิเสธเพราะไม่ชอบให้กลิ่นติดตัว เลยยืนสูบบุหรี่มือสองต่อจากไอ้ธันวาแทน อาาา มะเร็ง...
" มึงอยู่กับแก้วมาจะสี่ปีไม่เปลี่ยนใจมั่งเหรอวะ แบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออะไรแบบนี้"
" ไว้มึงสนิทกับหมาลอตไวเลอร์จนตกหลุมรักมันได้ก่อนแล้วกัน แล้วมึงจะเข้าใจความรู้สึกกู"
พูดจบไอ้ธันวาก็หัวเราะอีกรอบ ดีนะที่มันไม่กระทืบเขา ฐานที่ด่าสุดที่รักมันว่าเป็นหมาลอตไวเลอร์
พวกเราคุยกันต่ออีกซักระยะรอบุหรี่หมดมวน มันถามเขาว่าสามปีมานี่ไม่เจอใครถูกใจบ้างเหรอ แหม จะให้เขาถูกใจใครล่ะ หน้าตาเขาเองก็ไม่ใช่จะดีมาก มีดีแค่หุ่นที่พอจะใช้ได้ ส่วนพวกเพื่อนๆ อยู่ด้วยกันมาสามปี แค่เจอหน้ากันก็เห็นไปถึงลิ้นไก่แล้ว จะให้เอามาเป็นเมียก็เห็นทีว่าจะไปกันไม่รอด ส่วนเสี่ย....
ไม่รู้ว่าทำไม แวบหนึ่งเขาถึงนึกถึงเสี่ยขึ้นมา เสี่ยนี่... ค่อนข้างจะถือว่าเป็นคนที่เขาผูกพันทางร่างกายมากที่สุดแล้ว แต่ถ้าจะให้คิดว่าเสี่ยเป็นสามี แค่คิดก็ขนลุก แถมเสี่ยเองก็คงไม่อยากมีเมียถึกแบบเขาด้วย เรื่องของเขากับเสี่ย สุดท้ายมันก็แค่อารมณ์กับความใคร่ หากคิดเกินเลยมากไปกว่านั้นก็เท่ากับเป็นคนโง่แล้ว ดังนั้นถึงจะผูกพัน ถึงจะมีอะไรกันแต่มันก็แค่นั้น เสี่ยเองก็คงจะมีเด็กคนอื่นมาเลี้ยงเพิ่ม ไม่มีทางที่จะหยุดลงแค่เขา อีกอย่าง ดีไม่ดีซักวันเสี่ยก็อาจจะต้องแต่งงาน มีลูก แล้วเขาที่เป็นแค่เด็กเคยถูกเลี้ยง จะเอาอะไรที่ไหนไปสู้กับคนที่มาใหม่ได้
ช่างเถอะ คิดแล้วปวดตับ สู้เอาเวลาไปปวดหัวกับเรื่องฝึกงานดีกว่า เพราะฉะนั้นคืนนี้เขาต้องเมาหัวราน้ำให้เต็มที่ ก่อนจะตื่นมาเจอกับขุมนรกและเอกสารฝึกงานอีกรอบ ส่วนเสี่ย... เอาเป็นว่าเขาจะจำไว้ทั้งส่วนดีและส่วนแค้นก็แล้วกัน
ส่วนดีคือเรื่องที่ผ่านมา ส่วนความแค้น ถ้าเขาฝึกงานไม่ผ่าน...
เขาจะทำอะไรเสี่ยได้ ชีวิตเด็กเลี้ยง มันเศร้าจริงโว้ย!
" ไม่เมาไม่เลิก!" เขาตะโกน
" ถ้ามึงตะโกนได้ขนาดนี้ มึงเมาแล้วว่ะ"
" ......... " เหรอวะ เขานึกว่าตัวเองยังไม่เมานะเนี่ย
และแล้วเวลาสามเดือนอันแสนหฤหรรษ์ในที่สุดก็จบสิ้นเสียที เขาแทบอยากจะตะโกนต่อฟ้าคาราวะต่อดิน ในที่สุดเขาก็หลุดออกมาจากขุมนรกแล้วโว้ย! วู้~~~~~
" พวกคุณทำงานได้ดีมาก ตอนที่มีคนมาฝากพวกคุณฝึกงาน ผมนึกว่าจะไปกันไม่รอด แต่พวกคุณอดทนกันได้ดีมาก" CEO คนหนึ่งที่เป็นตัวแทนของบริษัทกล่าวขึ้น พวกเขาสี่คนนี่ยิ่งกว่าซาบซึ้ง ไม่ใช่ซาบซึ้งกับคำชมนะ แต่ซาบซึ้งว่าในที่สุดพวกกูก็เป็นอิสระแล้ว
" คุณแก้ว คุณเบลล่า ถ้าคุณอยากทำงานต่อที่นี่ ติดต่อที่แผนก HR ได้เลยนะ พวกเราประชุมกันแล้วว่าจะให้พวกคุณทำงานต่อได้ ส่วนคุณธันวา คุณคงกลับไปทำงานที่บริษัทคุณพ่อสินะ ตอนแรกผมนึกว่าคุณจะก่อปัญหาให้มากกว่านี้ ไม่เห็นทำตัวแย่อย่างที่พ่อคุณพูด คุณก็พยายามหน่อยก็แล้วกัน อย่าให้พ่อคุณเป็นห่วงมาก ส่วนคุณ...." คุณอะไร ทำไมต้องมีเว้น
" คุณเองก็ขยันฝึกงานมาก แต่ยังมีปัญหาด้านภาษา บริษัทของเราต้องใช้ภาษาสากลเยอะ ถ้าคุณสามารถฝึกภาษาที่สามได้ด้วยก็จะดีมาก ดังนั้นถึงเราจะไม่ได้ทาบทามคุณให้ทำงานต่อ แต่เราจะออกเอกสารรับรองการฝึกงานให้ และถ้าคุณอยากไปศึกษาต่อที่เมืองนอก เรามีบริษัทในเครือที่พร้อมจะให้คุณไปดูงานไและเรียนต่อได้ ผมว่ามันน่าจะดีต่อคุณมากนะ
สุดท้ายในฐานะตัวแทนของผู้บริหาร ผมขอขอบคุณที่พวกคุณตั้งใจฝึกงานเป็นอย่างมาก ทางเราเองก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากพวกคุณเช่นกัน ในวันสุดท้ายของการฝึกงานนี้ เชิญพวกคุณทานอาหารกันให้เต็มที่ ถือว่าเป็นคำขอบคุณและเป็นการฉลองจากพวกเรา"
" ขอบคุณครับ!/ ค่ะ! ” อยากจะเย้อยู่หรอกนะ แต่ชุดนักศึกษาค้ำคอ ต้องรักษาหน้าสถาบัน
" เอาล่ะเชิญทานได้"
" เย้!" คราวนี้ไม่มีเหนียมแล้ว ตรูหิว! ตรูจะกิน!
วันสุดท้ายของการฝึกงาน เป็นที่สุดแห่งความทรงจำที่เขารู้สึกดีมากๆ พวกรุ่นพี่ที่เคยต่อว่าก็มาร่วมวงแสดงความยินดีด้วย บอกว่าพวกเขาอดทนได้ดีมาก มีความพยายามและตั้งใจศึกษาเรียนรู้ คาดว่าพวกน้องๆ คงได้มาฝึกงานที่นี่รุ่นต่อทุกรุ่น ส่วนรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นฝรั่งหัวทอง อายุยี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปดนิดๆ พี่เลี้ยงของเจ้าแม่ก็ส่งสายตาเขินอายปนวิบวับ ล้วงแหวนออกมาจากกระเป๋าแล้วคุกเข่าส่งให้เจ้าแม่ เท่านั้นแหละ เฮลั่น เจ้าแม่จะลงจากคานแล้ว!
" หมั้นไว้ก่อนนะครับ เรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน" พี่ฝรั่งพูดออกมาด้วยมาดสุดเท่ โคตรน่าอิจฉาเลยเว้ย! แล้วเจ้าแม่จะตอบอะไรได้ล่ะครับนอกจาก....
" ....ค่ะ"
" วู้~~~~ ดาวมหาลัยได้ลงจากคานแล้ววววว!!!"
ป้าบ! โอ๊ย! เขินก็ไปตบว่าที่สามีสิ ตบกูทำไม!
และแล้วงานเลี้ยงฝึกงานวันนั้นก็จบแบบหน้าชื่นตาบาน เจ้าแม่ที่โสดมานานก็ได้ลงจากคานเสียที ไม่รู้ว่าไปแอบสบตาสปาร์คกันตอนไหน สงสัยอยู่ใกล้กันนานเลยเข้าสุภาษิตที่ว่า รักแท้แพ้ใกล้ รักเจ้าแม่...ก็เตรียมตัวเป็นพ่อบ้านใจกล้าไปแล้วกันพี่ฝรั่งเอ๋ย พี่โดนสภาพภายนอกมันหลอกแล้ว ส่วนไอ้ธันวา...
" กูพลาดไปตอนไหนวะ"
ธันวาว่าพลางทำท่าน้ำตาตก มึงพลาดตั้งแต่ที่ไปแอ้มพี่สาวในบริษัทแล้วโว้ย อย่านึกนะว่าไม่มีใครเห็น กูนี่แหละที่เห็นตำตาก่อนขึ้นรถไฟฟ้า!
" เมื่อไหร่เบลล่าจะได้แต่งงานบ้างน้า" คุณเธอเริ่มเพ้อ
" เรายังว่างนะ " หยอดได้เป็นหยอด เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไม่มีน้ำยา
แต่คุณเธอเหรอจะสนใจ ค้อนเขาขวับก่อนสะบัดหน้า บอกว่าถ้าเขามีเงินเป็นร้อยล้านเมื่อไหร่ คุณเธอถึงจะเริ่มคิด อ่าว พูดแบบนี้มาดูลีลากันก่อนไหม ถึงข้างหน้าจะยังซิง แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถหรอกนะ
พอเถอะ ยิ่งคิดยิ่งออกทะเลไปไกล เอาเป็นว่าวันนั้นทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้า (ยกเว้นธันวา) เขาที่กินจนอิ่มหนำสำราญก็ได้แต่นั่งพึ่งพุงพูดคุยกับพวกรุ่นพี่เล่น ในตอนที่นั่งว่างไม่มีใครมาคุยด้วย อยู่ๆ เขาก็นึกถึงเสี่ยขึ้นมา แต่เสี่ยไม่ชอบให้เด็กเลี้ยงไปยุ่งมาก เพราะงั้น...
เพราะงั้นเขาก็ได้แต่ส่งเมสเสจไปให้ บอกเสี่ยว่า " ขอบคุณมากครับ" ส่วนเสี่ยจะอ่านหรือไม่อ่านเขาไม่รู้ เพราะไอ้ธันวาที่ดื่มหนัก มันทำท่าจะอ้วกแล้ว... เฮ้ย! อย่าเพิ่ง!
" ฮือออ แก้ว.... " แก้วบ้าแก้วบออะไรล่ะ (ว่าที่)สามีเขายืนอยู่โน่น
" ไปมึงกลับบ้าน"
" ฮือออ แก้ววว ฮือ นิกกี้.... " อ่าว ไม่ใช่แล้วล่ะมึง ไอ้เจ้าชู้นี่
" ไป เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่ให้"
" แก้ว... ฮือๆๆๆๆ"
" กลับ!" โอ๊ย น่ารำคาญจริงโว้ย!
สรุปวันนั้นเขาต้องไปส่งไอ้ธันวากลับบ้าน พอกลับมาถึงหออีกทีแบตโทรศัพท์ก็หมดแล้ว เขาไม่ได้หวังว่าเสี่ยจะโทรมา แต่พอเปิดเครื่องเห็นตัวเมสเสจที่ส่งไปขึ้นว่า "อ่านแล้ว" เขาก็ใจชื้นเยอะ อย่างน้อยเสี่ยก็ได้รับคำขอบคุณจากเขาแล้ว ส่วนอย่างอื่น...
ไม่สิ แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว จริงๆนะ