Pha
"ทำไมกันนะ อยู่ไกลคนละซีกโลก แต่หัวใจผมกับไม่อยู่ที่นั่นกับผม
ยังจำเรื่องราวต่างๆ ยังคงคิดถึงคนๆเดียว"
“เฮ้ ทำไมไม่รอวะ” เสียงทุ้มเรียกผมเสียงดัง
“อเล็กซ์ ขอโทษด้วยพอดีคิดว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยก่อนไปมหาวิทยาลัยนะ”
“นายนี่แปลกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” อเล็กซ์ว่าผม
ผ่านมาสี่ปีแล้วกับการที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมไม่รู้ว่าคนอีกซีกโลกหนึ่งเป็นอย่างไรบ้าง ผมเลือกที่จะไม่สนใจเอ่ยถึง ถึงแม้ผมจะยังติดต่อกับเต้อยู่ และเต้ก็ไม่ได้พูดถึงแต่ดันส่งรูปมาให้ผมบ่อยๆทำไมกันนะ แต่ผมก็เก็บรูปที่เต้ส่งมาให้ผมอย่างดี ตอนนี้เต้เรียนอยู่ปีสาม ในขณะที่ผมใกล้จบแล้วเพราะสอบเลื่อนขั้น อยู่ที่นี่ผมมีเรื่องให้ทำมากมายเจอผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและภาษา แต่ทำไมบ่อยครั้งผมกับคิดถึงคนๆหนึ่งเป็นประจำ
สี่ปีที่แล้วผมเดินทางมาที่ลอนดอนเพื่อรับการรักษาผ่าตัดใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ ผมต้องนอนในโรงพยาบาลสามวันก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดคุณแม่ตัดสินใจที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะตกลงมาทำงานในบริษัทนิตยสารการท่องเที่ยวทำให้ตัดสินใจที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เลย ในวันที่สามพี่ป่านก็บินมาหาผมพร้อมกับของที่เต้ฝากมาให้
“นี่เต้ฝากมา พี่ไม่รู้ว่าอะไรเต้บอกว่ายังไงก็ต้องส่งให้ป่าโดยไม่บุบสลาย” ผมรับเอากล่องสีน้ำตาลที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก พี่ป่านขอตัวออกไปชื้อกาแฟข้างนอก ผมค่อยๆแกะกล่อง ในนั้นมีจดหมายที่เต้เขียนไว้
‘ป่า
เราโกรธนายมากนะ ที่ไม่ยอมบอกอะไรเราเลยแต่พอได้อ่านบันทึกของนาย เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับนายนะ เพราะฉะนั้นนายต้องกลับมา เห็นพี่ป่านบอกว่านายจะย้ายไปอยู่ที่ลอนดอนถาวร ไม่ยอมนะเฟ้ย นายต้องกลับมาให้ฉันด่าก่อนไม่งั้นฉันจะโกรธนายไปตลอดชีวิตเลย
อิจฉาอ่า ได้ไปอยู่เมืองนอกถ้าเราว่างฉันจะไปหานายนะ ส่งที่อยู่มาด้วยฉันเขียนเมลเขียนที่อยู่ติดต่อไว้ให้นายหมดแล้วถ้านายไม่ติดต่อมา .....ฉันจะเอาความลับนายไปเปิดเผย 555555+ ตอนที่เขียนจดหมายนี้ยังดีที่ยังไม่เปิดเทอมไม่งั้นสองตัวนั่นต้องถามหานายแน่นอน
ดูแลตัวเองนะ นายจะเป็นเพื่อนฉันตลอดไป
ปล. หวังว่านายจะชอบของที่ฉันฝากไปให้นะ
ผมยิ้มเต้เพื่อนที่แสนดีของผม ของอะไรกันที่เต้ฝากมา ผมพับจดหมายเก็บเข้าไว้ในซองอย่างทะนุถนอม แล้วดูในกล่อง เป็นสมุดบันทึกเหรอ ผมหยิบออกมาเปิดดู น้ำตาที่แห้งไปไหลออกมาช้าๆ หน้าแรกของสมุดบันทึกเป็นรูปของทั้งสามคนที่ยืนอยู่ชายหาด มีลายมือเต้เขียนไว้
อันนี้ถ่ายก่อนวันกลับ จะได้ไม่ลืมกัน
จะไปลืมได้ยังไงกันละ ผมปิดสมุดวางไว้ข้างตัว ข้างในมีซองอยู่ผมเปิดออกดู ก็เห็นว่ามันเป็นรูปถ่าย ของคนๆเดียวที่น่าจะเป็นการแอบถ่ายของเต้ ทั้งตอนที่นอนหลับตรงชายหาด ตอนที่กำลังทานอะไรอยู่ ตอนที่ยิ้มกว้าง ตอนที่นั่งเหม่อในรถ
อันนี้พิเศษสำหรับป่า
ผมยิ้มทั้งน้ำตา เต้นะเต้ ผมเก็บรูปใส่ซองเก็บ เก็บของลงกล่อง วันพรุ่งนี้มาถึง ผมเอากล่องให้พี่ป่านเก็บไว้ ผมบอกจะกลับมาเอาเก็บไว้ให้ดี พี่ป่านรับปาก
“แม่จะรอหนูอยู่ข้างนอกนะ”
“ผมจะรีบกลับมาครับ” ผมกอดแม่ก่อนที่พยาบาลจะเข็นเตียงผมเข้าห้องผ่าตัด ผมจะต้องกลับมาให้ได้
ผมตื่นขึ้นมาอีกสามวันหลังจากการผ่าตัด หมอบอกว่าผมจะแข็งแรงในไม่ช้า พี่ป่านบินกลับไทยหลังจากที่ผมฟื้น ผมเลยฝากของไปให้เต้ด้วยพี่ป่านกลับไปก็จะกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว ผมพักฟื้นนานถึงหนึ่งเดือนถึงได้กลับมาเรียนโดยการเข้าเรียนปีสุดท้ายของไฮสคูล จริงๆก็เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย พอผมหายดีแม่ก็ต้องออกเดินทางไปทำงาน ตอนนี้แม่เขียนคอลัมน์ท่องเที่ยวทำให้แม่ต้องเดินทางบ่อยๆ แต่ผมก็ชิน การที่ผมอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยแรกๆอาจจะลำบากไปเสียหน่อย แต่ผู้คนใจดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ป้าเมรี่ที่อยู่ข้างห้องมักชวนกึ่งบังคับให้ผมไปทานข้าวเย็นด้วยบ่อยๆเพราะเห็นว่าผมอยู่คนเดียว อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยไปไหนนัก นอกจากโรงเรียน ห้องสมุด สวนสาธารณะ นี่เป็นอีกอย่างที่ดีมากสวนสาธารณะในลอนดอนนี่สวยมากเลยละครับ ในเวลาว่างๆผมชอบไปนอนเล่นในสวน
“ป่า เย็นนี้หลานป้าจะมาทานข้าวเย็นด้วยพอดี ป่าจะได้ทำความรู้จักไว้ อเล็กซ์เรียนที่เดียวกันกับป่าแหนะ” ผมที่กำลังช่วยทำอาหารเย็น
“งั้นเหรอครับ” การได้รู้จักกับคนวัยเดียวกันนี่ทำให้ผมประหม่า
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นผมอาสาไปเปิดประตูแทน ผมเดินไปเปิดประตู ผู้ชายตัวสูงจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง ผมน้ำตาลทอง ใบหน้าเข้มได้ได้รูป บ่งบอกได้เลยว่าอยู่โรงเรียนคนๆนี้ต้องป๊อบแน่ๆ
“อเล็กซ์??” ผมหลุดชื่อออกไป
“ใช่ นายคงจะเป็นป่าสินะ” ผมเปิดประตูให้อเล็กซ์เข้ามา
“ใช่แล้วละ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ผมยืนมือออกไปจับมือทักทาย อเล็กซ์จับมือผมแล้วเดินเข้าไปในห้อง
“ป้าเมรี่ คิดถึงจังเลยครับ” ผมมองผู้ชายตัวโตที่กอดรัดป้าเมรี่อย่างอ้อนๆ
“โอ๊ยปล่อยป้าเถอะเดี๋ยวกับข้าวไหม้พอดี”
“ฮ่าๆๆ ครับผม” อเล็กซ์หอมแก้มป้าเมรี่ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ผมเดินไปนั่งตรงข้าม
“นายนี่ถ้ามีลมพัดจะปลิวไหมนี่”
“ผมคนนะครับไม่ใช่กระดาษ” พูดจบอเล็กซ์ก็หัวเราะลั่น นี่ผมไม่ใช่ตลกคาเฟ่นะครับ
มื้อเย็นนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ตอนที่กลับห้องอเล็กซ์ก็กลับเหมือนกัน
“พรุ่งนี้ไปโรงเรียนพร้อมกันนะป่า”อเล็กซ์บอกแล้วก็เดินหนีไปเลยไม่รอคำตอบผมซักคำ อาการของผมหายดีพร้อมที่จะเรียนแล้ว
ผมตั้งใจเรียนเพื่อสอบเลื่อนเพราะผมเสียเวลาไปนาน ผมอยากจบพร้อมกันกับเต้ โดยมีอเล็กซ์คอยดูแลจากการที่ป้าเมรี่เล่าให้ฟังว่าผมเคยป่วย หลังจากที่รู้แล้วนั้นอเล็กซ์ก็ลากผมไปออกกำลังกายด้วยทุกเย็น จนผมรู้สึกว่าผมเริ่มมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยป่วยง่ายเหมือนแต่ก่อนแล้ว การมีอเล็กซ์ทำให้ผมเปลี่ยนไปกล้าที่จะพูดกล้าที่จะทำอะไรมากขึ้นแต่หัวใจ....ผมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้ผมไม่เขียนสมุดบันทึกแล้วผมมีเฟสบุ๊คที่มีเพื่อนอยู่เพียง 10 คน เฟสบุ๊คได้กลายเป็นไดอารี่ของผม ผมอัพรูปที่ผมถ่ายวันละรูปไม่ได้มีข้อความอะไรมากมาย และส่วนมากก็จะมี เต้กับอเล็กซ์ที่เข้ามาคอมเม้นต์ วันนี้ผมอัพรูปใบไม้เปลี่ยนสีที่สวน Green Park
“ I miss those moments. Moments of happiness”
(ฉันคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นช่วงเวลาแห่งความสุข)
ซักพักเต้ก็ตามมาเม้นต์นี่มันก็ดึกแล้วนะถ้าเป็นเวลาฝั่งไทย
เต้คนเดิมเพิ่มเติมคือความกาก : คิดถึงฉันก็บอก
ผมอ่านแล้วก็ขำ ก่อนที่จะพิมพ์ตอบเต้ไป
Pha Thana :Yes. I miss you guy
เต้คนเดิมเพิ่มเติมคือความกาก : ไม่ต้องคิดถึงนาน เดือนหน้าฉันจะไปหานาย
Pha Thana :Really!! is very good newsI can’t wait to see you guy
เต้คนเดิมเพิ่มเติมคือความกาก : ฉันจะไปหานะ คิดถึงนายมากกกกก
Pha Thana : I miss you too
เต้จะมาเที่ยวกับครอบครัวเลยจะแวะมาหาผมที่ลอนดอน ผมแทบรอให้ถึงเดือนหน้าไม่ไหว สงสัยว่าผมจะดีใจจนออกนอกหน้า จนอเล็กซ์ถามว่าผมมีเรื่องอะไร
“เพื่อนฉันจะมาหาละ”
“ใช่คนที่ชื่อแม็คหรือเปล่า” ผมแทบสะดุดหัวคว่ำ ผมหันไปมองค้อนอเล็กซ์ ที่ยืนขำอยู่
“ไม่ใช่!! แล้วนายไม่ต้องมาพูดถึงชื่อนี้อีกนะ เต้ต่างหาก” ผมสะบัดหน้าหนี อเล็กซ์นะอเล็กซ์ทำไมต้องพูดชื่อนี้ออกมาด้วย ผมเลี่ยงมาโดยตลอดที่จะเอ่ยถึง แต่อเล็กซ์ยังเอ่ยถึงมันน่านักนะ แล้ววันที่ผมรอก็มาถึงผมไปรอเต้ที่สนามบิน
“ป่า” ผมหันไปมอง เต้ดูเหมือนไม่เปลี่ยนไปเลย ผมหมายถึงส่วนสูงหน่ะนะ แต่สีผมนี่เปลี่ยนจริงๆสีมิ้นต์มาเลยทีเดียว
“เต้ นายไม่เปลี่ยนไปเลย” ผมกอดเต้แน่นไม่ได้เจอกันมาสองปีกว่า
“นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“ฮ่าๆๆ โดนเขี่ยวมาเยอะนะ” ผมช่วยถือกระเป๋า อ่าวไหนว่ามากับครอบครัว
“แล้วพ่อแม่เต้ละ”
“แม่กับพ่อนะจะมาหลังจากนี้พอดีติดงาน แต่จริงๆเราดีใจมากกว่าที่ได้เจอนายเลยรีบบินมาก่อน ” ผมยิ้มเราสองคนคุยกันทุกวันถ้ามีโอกาสทำให้ผมได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนทั้งสามคนที่อยู่ไทย และจดหมายที่เต้ส่งมามักมีรูปของคนคนนั้นเสมอ ผมรู้ว่าเฟสเค้าคืออะไรแต่ผมไม่เข้าไปส่อง พยายามที่จะไม่รู้ว่าเค้ามีเฟส ส่วนกล้ารายนั้นผมยังไม่กล้าคุยด้วยเพราะครั้งสุดท้ายที่เต้บอกกล้าโกรธผม ผมช่วยเต้ขนกระเป๋าไปที่รถอเล็กซ์รออยู่ที่รถอยู่แล้ว
“เต้นี่อเล็กซ์นะเพื่อนเรา อเล็กซ์นี่เพื่อนเราที่ไทย” ผมแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักเต้ยิ้มก่อนที่จะยืนมือไปจับมืออเล็กซ์
“ขึ้นรถเถอะป้าเมรี่บอกว่าเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว” อเล็กซ์ยกกระเป๋าไปไว้หลังรถพอขึ้นรถเรียบร้อยก็มุ่งสู่แมนชั่น อเล็กซ์ขนของขึ้นไปที่ห้องโดยที่ผมกับเต้เดินตัวปลิวตามไป ผมให้เต้เอาของไปเก็บก่อนที่จะพาไปห้องของเมรี่
“นี่เพื่อนของป่าเหรอจ๊ะ น่ารักจริงๆ”
“สวัสดีครับ” เต้ดูเกรงๆแต่ซักพักก็เดินตามป้าเมรี่ต้อยๆ โดยที่ผมกับอเล็กซ์ได้ยืนมอง
“นี่จะกลายเป็นหลานรักป้าฉันอีกคนใช่ไหม” อเล็กซ์กระซิบกับผมล้อๆ
“ทำไงได้ก็หลานจริงๆไม่ค่อยมาหานิ”
“แต่นั่นได้ข่าวว่าพึ่งเจอกัน” อเล็กซ์ชี้ไปที่เต้
“เต้ก็เป็นอย่างนี้ละ” ผมหันไปบอกยิ้มๆ นี่เพื่อนผมครับ
“ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนละ”ผมส่ายหน้ายังไม่มีคำตอบเพราะผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย
“งั้นเดี๋ยวเราพาทัวร์เองหึๆ” ผมหันไปมอง อเล็กซ์หัวเราะแบบนี้หมายถึงผมต้องเจอกับเรื่องแปลกๆแน่ๆ
เรานั่งทานอาหารเย็นด้วยกันพูดคุยกันจนดึกก่อนที่จะแยกย้ายกัน ผมให้เต้เข้าไปอาบน้ำก่อนที่จะเตรียมผ้าห่มเพิ่มเพราะอากาศตอนกลางคืนเริ่มเย็นแล้ว เต้อาบน้ำเสร็จผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ เรานอนเตียงเดียวกันเพราะเตียงผมมันใหญ่พอที่จะนอนได้สองถึงสามคน
“นายยังคิดถึงเค้าไหม” เต้ที่นอนอยู่ดีๆถามผม
“ไม่รู้สิเต้ มันเหมือนไม่เคยหายไป มันไม่เคยหายไปเลยเต้” เราสองคนนอนคุยกันแล้วความเงียบก็กลับมา
“นอนเถอะเต้พรุ่งนี้อเล็กซ์จะพาไปเที่ยว”
“ว่าแต่อเล็กซ์นี่ใครกัน หือ” เต้ถามผมด้วยน้ำเสียงที่จะติดคาดคั้นนิดๆ
“อเล็กซ์เป็นเหมือนพี่ชาย เหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว”
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนี้ ไม่งั้น......ชัวร์ๆ” ผมได้ยินแค่ประโยคขึ้นต้นกับคำลงท้าย พอหันไปจะถาม เต้ก็ชิงหลับไป อะไรของเค้า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทุกคนค่ะ พระเอกเรื่องนี้ยังคงเป็นแม็คนะคะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมพระเอกน่าสงสารเยี้ยงนี้
เป็นการปั้นนิยายที่ฮึดมาก ปกติมีฟิลถึงได้เขียนต่อ
หมดอารมณ์หน่วงแล้วนะ (เหรอออออ)
หุๆๆๆๆ รักคนอ่านทุกคน จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ