**เห็นนักอ่านพยายามอ่านเรื่องนี้แล้ว อยากหล่อถ้วยเอาไว้รอจริงๆ (น่า... เลยครึ่งทางแล้วค่ะ ถ้าขี้เกียจก็ซื้อรวมเล่มสิคะ<<โดนถีบ
)
-----------------------------------
บทที่50 ฟ่งกับวรุต
เหมือนกับว่ามันเป็นเวลานานมากแล้วสำหรับฟ่ง ที่เขาไม่ได้พบเจอผู้หญิงที่มีชื่อเรียกแสนจะจำง่ายว่า”เมี่ยง” ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันเป็นเวลาเพียงแค่เดือนเศษๆ เท่านั้นเอง หล่อนยังคงแต่งตัวสะสวย หน้าตาอ่อนกว่าวัยเหมือนเดิม หญิงสาววัยสามสิบเศษเดินเข้ามาหาและเอ่ยทักเขาด้วยความเป็นห่วง
“สวัสดีค่ะ คุณอภิวัฒน์ ดีใจจริงๆ ที่คุณปลอดภัย ดิฉันเป็นห่วงคุณมากเลยนะคะ ช่วงที่คุณหายตัวไปน่ะ”
“อ่า...สวัสดีครับ...เอ่อ.. ขอบคุณนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเดือดร้อน” ฟ่งเอ่ยทักทายอย่างค่อนข้างจะวางตัวไม่ถูก เขาไม่รู้มาก่อนว่าเมี่ยงเป็นหนึ่งในทีมงานของรูฟัสด้วย จริงๆ แล้วรูฟัสไม่ยอมบอกเขาด้วยซ้ำ จนราฟาแอลเริ่มพูดขึ้นมานั่นแหละ เลยกลายเป็นการบังคับให้รูฟัสต้องขยายความต่อให้เขาฟังไปโดยปริยาย ทำให้ฟ่งเข้าใจสักที ว่าทำไมรูฟัสถึงไปปรากฏตัวอยู่ในคลับของเมี่ยงในคืนวันนั้น
เมี่ยงยิ้มหวาน และไม่ถามอะไรต่ออีก หล่อนเดินนำเขาและคนอื่นๆ เข้าไปยังด้านหลังของคลับ ก่อนจะขึ้นบันไดไปยังสำนักงานด้านบน ซึ่งเป็นที่ที่ฟ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อพบว่าด้านบนนี้ยังมีลิฟต์อีกสองตัว หรือว่าบนตึกนี้จะมีสำนักงานอื่นอีก
“อ๋อ ด้านบนเป็นห้องพักน่ะค่ะ” เมี่ยงอธิบาย ก่อนจะสั่งลูกน้องซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หน้าตาดี ให้เปิดประตูกระจกบานใหญ่ ซึ่งด้านในเป็นห้องทำงานส่วนตัวของหล่อน
“เชิญนั่งก่อนสิคะ มากันครบแบบนี้แปลว่ารู้เรื่องกันหมดแล้วสิ” หล่อนว่า และเชิญแขกทั้งห้าให้นั่งลง
ฟ่งพยักหน้าให้กับคำพูดของเมี่ยง ทั้งๆ ที่โดยส่วนตัวแล้ว เขาเองก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
“คุณเมี่ยงทำงานกับรูฟัสหรือครับ?” ฟ่งเอ่ยถามหลังจากทั้งหมดนั่งลงแล้ว และเห็นว่ายังไม่มีใครเริ่มพูดอะไรอีก เมี่ยงมองหน้าเขา ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ โชว์ฟันเขี้ยวน่ารักๆ ให้เห็น
“ดิฉันรู้จักกับคุณราฟาแอลมาก่อนน่ะค่ะ แล้วก็เลยพลอยได้มารู้จักกับคุณรูฟัส คุณอภิวัฒน์ไม่ต้องหึงไปนะคะ ดิฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกันลึกซึ้งหรอกค่ะ”
“อ่ะ..ผมเปล่า” ฟ่งรีบปฏิเสธ ขณะที่รูฟัสดูจะโล่งอกทันทีที่ได้ยินเมี่ยงพูดแบบนั้น เขาล่ะกลัวจริงๆ ว่าฟ่งจะสงสัยเรื่องเขากับเมี่ยง ถึงมันจะเป็นเรื่องก่อนหน้าที่เขาจะตกหลุมรักหนุ่มสวมแว่นคนนี้หัวปักหัวปำก็เถอะ แต่ขืนฟ่งรู้เข้า เขามีหวังต้องเผชิญกับภาวะยากลำบากอีกครั้งแน่ๆ
รูฟัสหันไปมองหน้าราฟาแอล ซึ่งดูเหมือนจะไม่ปล่อยให้เพื่อนร่วมงานพูดนอกเรื่องนานนัก
“ผมมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย” หนุ่มผมสีบลอนด์เอ่ยขึ้น เขาไม่ค่อยชอบใจนักที่ได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนาของภาษาที่เขาฟังไม่ออก แต่คงไม่มีอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเขา ยังไงค่อยไปถามเจ้ารูฟัสเอาตอนหลังก็ได้ ตอนนี้คงต้องจัดการปัญหาตรงหน้านี่เสียก่อน
เมี่ยงเบิ่งตากลมโตของหล่อนขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงรักษากิริยาท่าทางให้เป็นปกติ หล่อนยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“มีปัญหาอะไรหรือคะ?”
“ผมคิดว่าจะให้วรุตกับฟ่งมาพักอยู่ที่นี่พร้อมกันเลย” ราฟาแอลพูดต่อ และพอเห็นเมี่ยงทำหน้าตกใจเขาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟัง
พอฟังจบ หญิงสาวก็พยักหน้า แล้วพูดออกมา “ถ้าอย่างนั้นสองคนนี้ก็อยู่ด้วยกันได้อย่างไม่มีอะไรน่าสงสัยสินะคะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ ดิฉันจะได้วางกำลังจุดเดียว ถ้าเป็นไปตามนี้ ฉันรับดูแลให้ทั้งสองคนได้ค่ะ”
ราฟาแอลยิ้มออกมา ในขณะที่รูฟัสพยายามจะกระตุกริมฝีปากเพื่อเค้นรอยยิ้มเต็มที่ เมี่ยงเลยหันมามองเขา แล้วพูดยิ้มๆ “คุณรูฟัสจะมีปัญหาหรือเปล่าคะเนี่ย?”
“เอ่อ.. ถึงอยากมีก็คงจะมีไม่ทันแล้วล่ะครับ” รูฟัสว่าและถอนหายใจเฮือก หันไปมองฟ่งซึ่งกำลังหันมามองเขาอยู่เช่นกัน ท่าทางฟ่งจะนึกสงสัยว่าเขากังวลอะไรนักหนาแน่ๆ ดูจากสายตาที่มองผ่านแว่นมาแบบนั้น
เมี่ยงหัวเราะคิกคักอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นต่อ “วางใจเถอะค่ะ ดิฉันจะจัดเตียงแยกให้ คุณจะได้สบายใจ อีกอย่างสองคนนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ อยู่แล้วนี่คะ ดูคุณอภิวัฒน์จะไม่เป็นกังวลอะไรเลย”
“อ้อ ผมไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ไม่อยากทำตัวให้เป็นปัญหามากไปกว่านี้น่ะ” ฟ่งว่า รูฟัสชักนึกระแวงว่าฟ่งพูดจากระแทกเขาด้วยรึเปล่า วรุตพยักหน้าบ้าง
“พวกผมไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ในห้องไม่มีใครเข้ามาดูหรอก จัดเตียงแยกไปเถอะ เขาจะได้สบายใจ” พูดแล้วก็หันไปทางรูฟัส พลอยทำให้หนุ่มตาสองสีนึกขึ้นมาอย่าจริงๆ จังๆ ว่าหรือจะเป็นแค่ตัวเขาเองที่มีปัญหากันนะ
เมี่ยงหัวเราะอีกครั้ง แล้วพยักหน้า “งั้นเอาตามนี้นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะให้เด็กๆ พาทั้งสองคนนี้ไปดูห้องกันก่อน แล้วเราจะได้คุยรายละเอียดเรื่องงานกันเลย”
“ตกลงตามนั้นแหละ” ราฟาแอลว่า เมี่ยงเลยโทรศัพท์ติดต่อให้พนักงานเข้ามาในห้อง
--------------------------------------------------
วรุตเดินตามลูกน้องของเมี่ยงออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เขาเพิ่งรู้นี่เองว่าสาวสวยเจ้าของคลับที่อิทธิเดชชอบมาบ่อยๆ ก็เป็นหนึ่งในทีมงานของพวกราฟาแอลเหมือนกัน สายลับนี่มีเครือข่ายอยู่ทั่วจริงๆ แต่เขาสัญญากับเมี่ยงแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเขาไม่อยากให้ทางนั้นเดือดร้อน ที่สำคัญเขาเองก็ทำตัวเหมือนสายลับหรือไส้ศึกเข้าไปทุกทีแล้วเหมือนกันนั่นแหละ เขาอธิบายกลไกเรื่องห้องให้พวกราฟาแอลฟังจนหมดเท่าที่รู้ แบบนี้ไม่เรียกว่าสายลับก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
--------------------------------------------------
ฟ่งเงยหน้าขึ้นมองการตกแต่งผนังตรงทางเดินอย่างสนใจ ทำให้เกือบจะชนกับหลังของวรุต ตอนที่คนนำทางพาเขามาถึงห้องพักแล้ว
“อ๊ะ ขอโทษ” ฟ่งพูด เขาหยุดตัวเองไม่ให้เอาหน้าชนหลังของวรุตได้ก็จริง แต่เท้ามันดันเหยียบไปก่อนแล้วนี่สิ วรุตโบกมืออย่างไม่ถือสา ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตามคนนำทางเข้าไป
“โห.... จัดห้องสวยนะเนี่ย” วรุตว่า พลางมองดูหน้าต่างบานใหญ่ที่มีผ้าม่านระย้าแขวนอยู่ ฟ่งพยักหน้าเห็นด้วย คนที่พามาแจ้งรายละเอียดว่าสักพักจะยกเตียงนอนมาเสริมให้ ก่อนจะเดินออกไป เลยเหลือแต่เขากับวรุตอยู่ด้วยกันแค่สองคน
วรุตกระแทกก้นลงกับเตียง แล้วก็นอนผึ่งลงไปทันที
“แบบนี้เหมือนมาพักผ่อนเลย” เด็กหนุ่มว่า ฟ่งได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมา “ก็คงอย่างนั้นมั้ง”
“อืม... ถ้าอยู่ติดทะเลก็ดีสินะ.... เสียดายจัง ความจริงเราสองคนน่าจะไปหมกตัวอยู่ที่นั่น ได้ยินว่ามาเฟียไปอยู่กันเยอะ คงเหมาะกับเราก็ได้นะ” วรุตพูดต่อ ฟ่งหันมามองเขาอีกครั้งและยิ้มแห้งๆ “ผมว่าอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว ไม่ต้องไปไกลขนาดนั้นหรอก”
“นั่นสินะ” วรุตพูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้ ก่อนจะหัวเราะอย่างกระดากๆ ฟ่งเดินดูนั่นดูนี่สักพัก ก็หันมาพูดบ้าง
“นายคิดว่าเราจะต้องพักอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่?”
“อืม...” วรุตมีสีหน้าครุ่นคิด “เท่าที่จำได้นะ เหมือนพ่อผมจะบอกว่าจะเริ่มงานช่วงวันที่ยี่สิบสองล่ะมั้ง ก่อนหน้านั้นก็ต้องทดสอบระบบก่อน”
“อีกสามวันสินะ” ฟ่งว่า เด็กหนุ่มพยักหน้า “อืม อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวคืนนี้แฟนคุณก็คงต้องไปแล้วมั้ง ไม่งั้นคงพลาดโอกาส”
ฟ่งรู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันที รูฟัสจะไปแล้วหรือ ไปวันนี้เลยหรือ?
หนุ่มสวมแว่นเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาตั้งโต๊ะในห้อง ก่อนจะโพล่งออกมา “เดี๋ยวผมมานะ”
-----------------------------------------------------
“ดิฉันติดต่อรถเช่ามาให้อย่างที่คุณบอกแล้วล่ะค่ะ” เมี่ยงพูดขึ้นหลังจากที่ฟ่งและวรุตออกไปจากห้องแล้ว ราฟาแอลพยักหน้า
“คนขับเป็นคนเก่าคนแก่ของดิฉันเอง ไว้ใจได้แน่นอนค่ะ แต่เรื่องที่ฉันจะบอกคือ ฉันคงให้คนเข้าไปส่งพวกคุณได้ใกล้ที่สุดแค่ในระยะหนึ่งกิโลก่อนถึงอาคารที่ว่านั้นนะคะ”
พูดจบก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาคลี่ออก แล้ววางลงบนโต๊ะ “อันนี้เป็นแผนที่คร่าวๆ ที่ดิฉันทำขึ้นเพื่ออธิบายจุดที่พวกคุณจะต้องลงจากรถค่ะ”
รูฟัสกวาดตามองแผนที่ฉบับนั้นก่อนจะหันหน้าไปมองราฟาแอล เขาเห็นหนุ่มผมบลอนด์พยักหน้า “ผมว่าลงตรงนี้แหละ มองเห็นยากดี แถมยังใกล้กับอาคารนั้นมากที่สุดด้วย”
ราฟาแอลพูด เมี่ยงพยักหน้าบ้าง “ค่ะ ตอนแรกดิฉันว่าจะไปส่งอีกที่ แต่พอคุณพูดถึงจุดนี้ขึ้นมาเมื่อวาน ดิฉันก็คิดว่าน่าจะดีกว่า เนินเขาตรงนี้ก็ไม่สูงมาก พวกคุณน่าจะขึ้นไปกันได้สบายๆ ”
รัสเลอร์ชะโงกหน้าขึ้นมาดูบ้าง ก่อนจะอ้าปากพูดถึงคำว่าเครื่องมือปีนเขา เลยโดนราฟาแอลเหยียบเท้าเอาไว้ หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มทำหน้านิ่ว แต่ก็ยอมสงบปากสงบคำ
ราฟาแอลก้มลงมองนาฬิกา มันบอกเวลาบ่ายสองโมงเศษ เขาหันมาพูดต่อ “ผมคิดว่าเราควรไปถึงที่นั่นตอนพลบค่ำ มันเป็นเวลาที่เหมาะกับการลอบเข้าไปแฝงตัวมากที่สุด”
เมี่ยงพยักหน้าอีกครั้งแล้วพูดเสริมขึ้น “ดิฉันคิดว่าพวกคุณน่าจะออกเดินทางกันสักช่วงสามโมงค่ะ น่าจะไปถึงที่นั่นสักห้าโมงหกโมงพอดี ขึ้นทางด่วนแล้วตัดออกไปนอกตัวเมืองเลยคงไม่มีปัญหาเรื่องเวลาเท่าไหร่”
“เอาตามนั้นล่ะ” ราฟาแอลสรุป แล้วหันไปมองหน้ารูฟัส ซึ่งยืนนิ่งไม่พูดไม่จามาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
“มีเวลาอีกเกือบชั่วโมง เดี๋ยวเตรียมความพร้อมเสร็จแล้ว แกก็ค่อยไปบอกลาแฟนแกแล้วกัน”
รูฟัสหันมามองหน้าราฟาแอล แล้วยิ้มออกมา
“ขอบคุณที่นึกถึงใจผมนะ”
“เหอะ” หนุ่มผมบลอนด์แค่นเสียงในลำคอ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงของรัสเลอร์ก็ดังแทรกขึ้น “ฉันไปด้วยซี่ อยากไปกอดฟ่งให้ชื่นใจก่อนไปเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวงน่ะ”
รูฟัสหันมาเขม่นมองเขาทันที ขณะที่ราฟาแอลยกมือขึ้นตบไหล่รัสเลอร์เสียงดังป้าบ “หัดอยู่สงบๆ บ้างเถอะ ถ้ายังอยากจะอายุยืนๆ น่ะ”
------------------------------------------------------
ฟ่งเริ่มตระหนักว่าอิสระของเขาอาจจะถูกจำกัดมากกว่าที่คิดไว้ เมื่อเขาเปิดประตูออกมาและพบกับชายวัยกลางคนยืนรออยู่
“จะออกไปไหนหรือครับ?” เขาถามอย่างสุภาพ ฟ่งมองเขา แล้วตอบออกไป “ผมว่าจะไปหาคุณเมี่ยงหน่อยน่ะ”
“คุณเมี่ยงติดธุระอยู่น่ะครับ เดี๋ยวถ้าคุณเขาคุยธุระเสร็จแล้ว ผมจะบอกให้แวะมาหาคุณแล้วกัน”
ฟ่งพยายามจะปั้นหน้าให้ดูเป็นมิตรที่สุด แล้วพูดต่อ “คือผมอยากเจอเพื่อนน่ะครับ มีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย”
“งั้นช่วยรอก่อนนะครับ ถ้าเขาคุยธุระเสร็จแล้ว ผมจะแจ้งให้คุณทราบอีกที”
ฟ่งมองหน้าชายวัยกลางคนอยู่พัก ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง จังหวะเดียวกับที่วรุตเปิดประตูออกมาพอดี
“ผมว่าจะออกมาตามคุณอยู่ คุณจะไปไหนเนี่ย?” วรุตเอ่ยถาม และขยับตัวให้ฟ่งเข้ามาในห้อง
“เปล่า” ฟ่งสั่นศีรษะ และนึกว่าแผนการของเขาอาจจะดำเนินการให้สำเร็จได้ยากกว่าที่คิดก็ได้ วรุตขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา
“อยากไปเจอแฟนสินะครับ ผมเข้าใจล่ะ คุณกับเขายังไม่ได้เอ่ยลากันเลยนี่”
“ผมไม่อยากเอ่ยลาหรอกนะ” ฟ่งสวนทันที วรุตหันมามองเขาอีกครั้ง แล้วรีบพยักหน้า “อืม ผมเข้าใจ”
ฟ่งมุ่นคิ้วเข้าหากัน เขาไม่ได้อยากเอ่ยลากับรูฟัสเสียหน่อย ก็แค่ใจหายเลยอยากจะเจอหน้าก่อนไปเท่านั้นแหละ อยากจะได้เห็นใบหน้านั้นอีกครั้ง ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเข้าไปในห้องที่เขาออกแบบไว้
ก็แค่อยากเจอ.....
------------------------------------------------
รูฟัสเช็กอาวุทและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับภารกิจในคราวนี้ซ้ำเป็นรอบสุดท้าย ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นรัสเลอร์หอบเป้ใบใหญ่ใส่หลังเดินมา
“นายขนอะไรไปเยอะขนาดนั้น จะย้ายบ้านหรือไง?” หนุ่มตาสองสีเอ่ยปากถามทันที รัสเลอร์ยักไหล่ และพูดอย่างร่าเริงเช่นเคย “ของใช้จำเป็น ฉันไม่หวังพึ่งฝีมือพวกนายอย่างเดียวหรอก อย่างน้อยฉันก็ขอพกอุปกรณ์ช่วยชีวิตตัวเองไปให้เยอะที่สุดก็แล้วกัน ใครจะไปรู้ บางทีพวกนายอาจจะวางแผนฆาตกรรมฉันอยู่ก็ได้”
รูฟัสย่นคิ้ว ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไร ราฟาแอลที่เพิ่งเช็กสนับแข้งของตัวเองเสร็จก็ชิงพูดขึ้นก่อน “รู้อะไรมั้ย คุณรัสเลอร์ ถ้าฉันอยากจะฆ่านายน่ะ นายคงตายก่อนจะได้ทันนึกเรื่องพวกนี้เสียอีก”
รัสเลอร์ทำหน้ายู่ ก่อนจะวางเป้ลง แล้วหันไปมองเพื่อนร่วมงานอีกสองคน
“โอ้โห.. พวกนายดูเหมาะกับชุดพรางรุ่นใหม่มากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก ดีล่ะ ฉันควรจะถ่ายรูปเอาไว้ จะได้เอาไปพรีเซนต์ตอนกลับไปที่หน่วยแล้ว” พูดพลางก็ล้วงกล้องถ่ายรูปออกมาจากช่องตรงอกเสื้อ ราฟาแอลรีบเดินเข้าไปหยุดพฤติกรรมดังกล่าวทันที
“พอที นายลืมแล้วหรือไงว่าครั้งสุดท้ายที่พยายามจะถ่ายรูปพวกฉัน อุปกรณ์ของนายมีสภาพยังไง”
รัสเลอร์ขมวดคิ้วทันที เขานึกถึงสภาพกล้องตัวเก่าที่ถูกราฟาแอลกับรูฟัสกระทืบจนพังหาชิ้นดีไม่ได้ ก็เลยรีบเก็บกล้องเข้ากระเป๋าไปในทันที
หลังจากจัดการกำราบรัสเลอร์เรียบร้อยแล้ว ราฟาแอลจึงหันไปหารูฟัส
“รูฟัส มีดที่ฉันซื้อให้วันก่อนน่ะ นายพกไปด้วยนะ เล่มเก่าทื่อสนิทขนาดนั้น หั่นมะเขือเทศยังไม่เข้าเลย”
รูฟัสนิ่วหน้าทันที แล้วชักมีดออกมาจากซองตรงรองเท้า “ลองกับหัวคุณก่อนเลยมั้ย?”
ราฟาแอลสั่นศีรษะทันที ก่อนจะเลิกคิ้ว “อ้อ ยอมจะใช้แล้วเหรอ?” เขาว่า เมื่อเห็นว่ามีดสงครามที่รูฟัสหยิบขึ้นมาเป็นมีดที่เขาซื้อมาให้เมื่อหลายเดือนก่อน รูฟัสยักไหล่ แล้วสอดมีดกลับเข้าที่
“อืม ผมเห็นว่าคลาวเดียมีมีดในครัวไม่พอ เลยบริจากไปแล้ว” หนุ่มตาสองสีพูดทีเล่นทีจริง ก่อนจะเสริมต่อ “ว่าแต่มีดคุณน่ะยาวกว่าเล่มเก่าผมนะ พกแล้วยังขัดๆ อยู่นิดหน่อย”
“เดี๋ยวก็ชินเองล่ะน่า” ราฟาแอลว่า และตบไหล่รูฟัสทีหนึ่ง รัสเลอร์รีบส่งเสียงขึ้นต่อทันที
“โอ้โห พวกนายแสดงมิตรภาพของเพื่อนร่วมงานด้วยการซื้ออาวุทให้กันและกันหรือนี่ รูฟัส นายควรตั้งชื่อมีดเล่มนั้นนะ ไว้เป็นที่ระลึกไง เอาชื่อว่า ราฟี่ที่สองก็ได้นะ”
รูฟัสถอนหายใจจนได้ยินเสียง ขณะที่ราฟาแอลหันไปถลึงตาใส่รัสเลอร์ “นายอยากตั้งชื่อลูกปืนของฉันบนหัวนายบ้างมั้ย?”
คนถูกถามสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย พลางมองดูปืนสารพัดยี่ห้อที่ราฟาแอลพกเอาไว้ นับๆ แล้วน้ำหนักปืนที่หมอนี่พก อาจจะหนักเป็นสองเท่าของเป้ที่เขาหอบมาเลยก็ได้ ท่าทางคนที่ดูจะเบาที่สุดของเป็นรูฟัสนี่แหละ หมอนั่นพกปืนแค่สองกระบอก ส่วนที่เหลือเป็นมีดล้วนๆ สารพัดแบบ สารพัดขนาด เยอะจนเขาขี้เกียจจะนับ แค่เห็นเจ้าตัวเอามาวางเรียงกันก่อนจะใส่เข้าไปในซองคาดก็ตาลายแล้ว นับถือวิธีที่เจ้าสองคนนี้พกอาวุธผ่านด่านตรวจมาจริงๆ ให้ตายสิ
รูฟัสก้มลงมองนาฬิกา ก่อนจะพูดขึ้นมา “เดี๋ยวผมไปหาฟ่งสักพักนะ”
“หา..?! นายจะไปทั้งชุดแบบนี้เนี่ยนะ” รัสเลอร์ถามเสียงหลง คนถูกถามหันมามองเขา ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ขึ้นมาใส่ทับ แล้วเดินออกไป
------------------------------------------------------
ในเมื่อออกไปไหนไม่ได้ ฟ่งเลยต้องนั่งจับเจ่าอยู่กับวรุต รอคนยกเตียงเสริมเข้ามาให้ วรุตพยายามจะหาเรื่องมาคุยกับชายหนุ่มสวมแว่นที่ท่าทางจะดูหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่พอสมควร
“เอาน่า เดี๋ยวพวกเขาคุยกันเสร็จแล้วก็คงจะแวะมาหาคุณเองแหละ แฟนคุณรักคุณจะตาย"
ฟ่งหันมามองวรุต แล้วทำหน้ายู่อีก วรุตไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์ ปรากฏว่าพอเปิดออกมา เสียงบาดหูของชายหญิงสองคนที่กำลังร่วมรักกันอยู่ก็ดังทะลุลำโพงออกมาทันที ทำเอาเด็กหนุ่มปิดโทรทัศน์แทบไม่ทัน เขาหันมามองหน้าฟ่งแล้วหัวเราะแหะๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจจะเปิดนะ”
ฟ่งพยักหน้าแล้วถอนหายใจเฮือก เขาพอเดาได้อยู่หรอกว่าเมี่ยงเปิดห้องพักด้านบนเพื่อให้ลูกค้าใช้ทำเรื่องอย่างว่า หนุ่มสวมแว่นลากเก้าอี้ออกมานั่ง มองดูวรุตเดินไปเดินมาเหมือนคนพยายามจะหาอะไรทำแก้ว่าง
“คุณนอนดิ้นรึเปล่า?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้นหลังจากเดินสำรวจห้องอีกรอบ ฟ่งสั่นศีรษะ “ไม่เท่าไหร่ ทำไมหรือ?”
“ก็ถ้าสมมติว่าเตียงที่เขายกเข้ามาใหม่แคบกว่าอันนี้ ผมจะได้ย้ายไปนอนเตียงนั้นไง คุณว่าเดี๋ยวเราจะวางเตียงตรงไหนดี?” เด็กหนุ่มถามต่อ ฟ่งกวาดตามองรอบห้อง แล้วชี้ไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง
“หน้าตรงนั้นก็ได้ พอมีที่อยู่นะ”
“อือ ตรงนี้ก็ดี วางแล้วไม่น่าจะเกะกะทางเดินนะ” วรุตตอบ แล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เริ่มเปิดลิ้นชักดูนั่นดูนี่ไปตามเรื่อง ฟ่งชักรู้สึกว่าวรุตยังเป็นเด็กอยู่จริงๆ นั่นแหละ ถึงได้ซนเป็นลิงเป็นค่างแบบนี้
เด็กหนุ่มรื้อลิ้นชักไปได้สักพักก็ชะงักกึก ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมากำเอาไว้แล้วรีบปิดลิ้นชักทันที ฟ่งมองด้วยความสงสัย
“อะไรน่ะ?”
“อ้อ.. เปล่า” วรุตตอบ ด้วยท่าทางขัดๆ เขินๆ นิดหน่อย ฟ่งหรี่ตาลง แล้วพูดต่อ “นี่... ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ที่ถืออยู่น่ะ ถุงยางใช่ไหม ถ้าไม่คิดจะใช้ก็เก็บเข้าที่ซะ ไม่ต้องทำเป็นซ่อมผมหรอก”
“เอ้อ.....” วรุตร้องในคออย่างไร้ความหมาย ก่อนจะเอาของในมือใส่กลับไปในลิ้นชักเหมือนเดิม แล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างเคอะๆ เขินๆ ฟ่งสงสัยขึ้นมาจริงๆ ว่าเจ้าเด็กนี่เคยไปข่มขืนใครเขาจริงๆ น่ะรึ ท่าทางตอนนี้ กับตอนที่พูดใส่ผู้ชายหน้าสวยคนนั้น ไปกันคนละเรื่องเลย
ขณะที่กำลังนั่งลุ้นว่าวรุตจะรื้ออะไรต่อหลังจากลิ้นชัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“สงสัยเขาจะเอาเตียงมาส่งแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย เดี๋ยวผมไปดูเอง” วรุตพูดเร็วปรื๋อ แล้ววิ่งแซงหน้าเขาออกไปตรงประตูทันที หลังจากดูผ่านช่องตาแมวอยู่พัก ก็หันกลับมายิ้มให้เขา
“ไม่ใช่เตียงล่ะ แต่ผมว่าคุณต้องดีใจแน่ๆ ”
---------------------------------------------------
รูฟัสเพิ่งรู้จากคนที่เฝ้าหน้าห้องว่าฟ่งพยายามจะออกไปพบเขาเมื่อหลายนาทีก่อน ชายหนุ่มรู้สึกดีใจ แต่ขณะเดียวกันก็อดจะหวั่นใจไม่ได้ด้วย ไม่รู้หลังจากนี้ฟ่งจะพยายามออกไปไหนอีกรึเปล่า
เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยตอนที่เห็นว่าวรุตเป็นคนเปิดประตูให้ ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเด็กคนนั้นเดินออกไปจากห้องอย่างรู้กาลเทศะ
ฟ่งยืนอยู่ในห้อง และยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าเขา “รูฟัส”
รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้าฟ่งได้สักสองวินาที ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีหน้าสงสัยแทน “รูฟัส.. เสื้อผ้าคุณ”
“อ้อ” รูฟัสร้องออกมา ก่อนจะอธิบายสั้นๆ “ชุดภาคสนามของผมน่ะ”
ฟ่งพยักหน้าหน่อยๆ พลากวาดตามองปลอกแขนสีดำที่โผล่พ้นขอบแขนเสื้อเชิ้ตออกมา จริงๆ แล้วเขาว่ารูฟัสไม่ต้องใส่เสื้อเชิ้ตทับมาก็ได้ เพราะเจ้าตัวแค่ใส่คลุมเสื้อตัวในไว้เท่านั้น แต่เอาเถอะ บางทีรูฟัสอาจจะพกอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ไม่อยากให้เขาเห็นก็ได้
“ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ อีกเดี๋ยวผมจะไปแล้วล่ะ” รูฟัสพูดออกมา พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ฟ่งเงยหน้าขึ้นมองเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะโผเข้าใส่
พฤติกรรมนี้ดูจะผิดความคาดหมายของรูฟัสไปพอสมควร เขารีบคว้าตัวของฟ่งแล้วกอดเอาไว้แน่น
ฟ่งโอบมือไปรอบตัวของรูฟัส และรู้สึกถึงบรรดาของทั้งหลายที่รูฟัสพกไว้กับตัว อีกไม่กี่ชั่วโมง รูฟัสก็คงจะต้องเข้าไปในห้องที่เขาเขียนขึ้นแล้ว ห้องที่แม้แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครผ่านเข้าไปได้โดยตลอด
รูฟัสกอดฟ่งไว้อย่างนั้นสักพัก รู้สึกถึงใบหน้าของอีกฝ่ายที่ซบลงมาบนไหล่ เขาประคองใบหน้านั้นขึ้นมา แล้วแนบจูบลงไป
จูบร้อนแรงทำเอาฟ่งตัวสั่น แทบจะหลอมละลายไปกับจูบนั้น
รูฟัสดูดดึงเรียวลิ้นอุ่นๆ เข้ามาขบกัด ดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า รุกเร้าเข้าไปในโพรงปากอุ่นนั้นซ้ำๆ ราวกับว่าหลังจากนี้เขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสทำแบบนี้อีกแล้ว
ฟ่งขย้ำมือไปบนแผ่นหลังกว้าง รสจูบดูดดื่มทำเขาแข้งขาเขาอ่อนระทวย เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกตัวว่าเขาต้องการผู้ชายคนนี้ ต้องการในแบบที่เขาไม่อาจจะยอมรับ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้อย่างเต็มปาก
รูฟัสได้ยินเสียงฟ่งครางฮือในลำคอ รู้สึกได้ถึงการแสดงความยินยอมบนเรือนร่างนั้น เขาค่อยผลักฟ่งลงบนเตียง และซุกไซ้ซอกคออุ่นนั้นอย่างรักใคร่
ฟ่งสะท้านกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยกของมือขึ้นโอบรัดร่างสูงใหญ่เอาไว้แนบแน่น รับรู้ถึงทุกสัมผัสที่รูฟัสมอบให้
ริมฝีปากหนาบดจูบลงบนริมฝีปากแดงเจ่อที่เผยออ้าอยู่เบื้องล่างอีกครั้ง อ่อนหวาน และยาวนาน... ก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้น
ฟ่งกะพริบตาด้วยความงุนงง ขณะที่รูฟัสยื่นมือมาจัดเสื้อผ้าของเขา
“ผมต้องไปแล้วล่ะครับ” รูฟัสพูด และยิ้มให้ฟ่งที่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลนั้นอย่างเอ็นดู
ฟ่งมองหน้ารูฟัสอยู่พักหนึ่ง แล้วยิ้มออกมา “อื้อ แล้วไว้เจอกันนะ” เขาว่า และขยับหน้าขึ้นแตะริมฝีปากกับอีกฝ่ายเบาๆ
รูฟัสยกมือขึ้นลูบปาก แล้วจูบฟ่งอีกครั้ง จากนั้นจึงผละออกไป เขาไม่ทันได้ฉุกคิดเลยว่าประโยคสุดท้ายที่ฟ่งพูดออกมานั้น แฝงความนัยน์บางอย่างเอาไว้
-----------------------------------