^^
ขอบคุณครับคุณณัฐที่แจ้งข่าว
มาเยี่ยมคนป่วยครับ
ขอบคุณ คุณณัฐ PEENUT 1972 มาก ๆ ค่ะ สำหรับการเข้ามาแจ้งข่าวอาการป่วยให้คนเขียน(ตามที่ฝากไว้ใน Facebook) และก็ขอบคุณ คุณ Horizon นะคะที่เข้ามาเยี่ยมเยือนกัน วันนี้คนเขียนอาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ เลยมาลงนิยายไหว ขอบคุณทุกกำลังใจจากผู้อ่านนะคะ ขอบคุณค่ะ
33
"Hi, baby"
นิธินทักทายลูกสาววัยสามเดือนของเอเจที่นอนแบเบาะ ขณะมาเยี่ยมพร้อมกับอธิปพงศ์ที่บ้านของเจ้าตัว เด็กน้อยดวงตากลมโตมองตามคนแปลกหน้าแล้วเผยรอยยิ้มออกมา อธิปพงศ์จึงชี้ให้คนรักดูอย่างดีใจ
"หลานยิ้มให้พวกเราด้วย.."
นิธินหันมายิ้มให้คนรักก่อนจะกลับไปยิ้มให้หลานเช่นกัน อธิปพงศ์จึงถามผู้เป็นแม่ว่า
"น้องชื่ออะไรครับ"
"ชื่อเล่นชื่อน้องรีน่า ชื่อจริง คารีน่า ค่า" ชะเอมตอบยิ้มๆ ส่วนเอเจสมทบว่า
"ชื่อนี้แม่ชั้นเป็นคนตั้งให้เลยนะเฟ้ย"
"อืม พ่อแม่นายบินมาเยี่ยมใช่มั๊ย"
"แม่นแล้วว "
“ไหนน้องรีน่า มาหาพ่อซิ” เด็กน้อยเตะขาและหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเมื่อคนเป็นพ่อช้อนตัวขึ้นมาอุ้มบนอก ส่วนคู่รักที่มาเยือนก็ได้แต่มองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู เอเจเลยหันมาถามนิธิน
“นายอยากอุ้มดูมั๊ย”
“ได้สิ”
นิธินไม่พลาดที่จะได้ใกล้ชิดหลาน จึงค่อย ๆ รับลูกสาวเพื่อนมาอุ้มไว้ ภาพที่ทุกคนเห็นในตอนนี้คือผู้ชายร่างใหญ่บึกบึนกำลังอุ้มทารกน้อยไว้ในอกด้วยความอ่อนโยน อธิปพงศ์กับชะเอมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยาย เขาประคองดูแลเด็กน้อยอย่างนั้นจนเธอหลับสนิท
“โอ้โห! ไม่น่าเชื่อ” เอเจอุทานเสียงดัง “ถ้านายบอกว่าเคยมีลูกนี่ชั้นจะเชื่อสนิทเลยนะ”
“ก็เคยอุ้มลูกพี่ชายหน่ะ” นิธินตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับถามคนข้าง ๆ ว่า
“คุณอยากลองอุ้มหลานดูมั๊ย”
อธิปพงศ์ส่ายหัว พร้อมกับตอบตามความจริง
“ผมไม่เคยอุ้มเด็กน่ะ”
“อืม”
นิธินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันมาเล่นกับหลานและส่งลูกให้ชะเอมผู้เป็นแม่ พวกเขาคุยกันต่อสักพักจึงขอตัวกลับ เพราะนี่ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว คนทั้งสองยังเดินทางกลับบ้านด้วยกันเงียบ ๆ มือของพวกเขายังคงไม่ห่างจากกันตลอดเส้นทาง ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากความรู้สึกที่อบอุ่นและแนบแน่นกว่าเดิม เมื่อถึงบ้านกิจวัตรประจำวันของพวกเขาก็ยังคงเหมือนทุกวัน แต่ก็มีความสุขที่ได้นอนเคียงข้างและพูดคุยกันก่อนนอนอย่างนี้
“ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณก็รักเด็กเหมือนกัน” อธิปพงศ์บอกกับคนรักที่เขากำลังแอบอิงอยู่
“ก็นิดหน่อยน่ะครับ” นิธินยิ้ม ๆ “อันที่จริงผมเคยมีลูกมาก่อน..”
นิธินอำคนรักหน้านิ่ง เลยทำให้อธิปพงศ์ผละออกมาด้วยความตกใจ
“จริงเหรอ...”
“หึหึหึ...ผมล้อเล่น”
“โธ่!..” อธิปพงศ์ล้มตัวลงนอนที่เดิม ทำให้คนรักอย่างนิธินต้องกอดอธิปพงศ์แน่น ๆ ปลอบใจ
“ทำไมอ่ะ คุณตกใจเหรอครับ”
“ตกใจสิครับ...” อธิปพงศ์ตอบตามจริง นิธินสัมผัสได้เลยว่าตอนนี้คนรักใจเต้นแรงแค่ไหน
“อืม ผมขอโทษครับ ผมพูดเล่น”
อธิปพงศ์เลยมองหน้าคนรักก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
“พูดเล่นน่ะได้ แต่อย่าไปแอบเป็นคุณพ่อที่ไหนจริง ๆ นะ”
“คร้าบบบ....ผมแค่พูดเล่นจริง ๆ”
“อืม ก็แล้วไป”
“ผมคงไม่สามารถหรอกครับ” นิธินบอกกับอธิปพงศ์ “ผมคงแย่น่าดูถ้าไม่ได้อยู่กับคุณ”
“อืม”
นิธินนึกขึ้นได้จึงถาม
“อืมม ที่รัก ตอนที่คุณอยู่คนเดียวที่นี่...”
“ทำไมเหรอครับ”
“คุณเหงามากเลยใช่มั๊ย”
เพียงแค่นั้นอธิปพงศ์ที่นอนสบตากับเขาอยู่ก็นิ่งลง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ ทำให้นิธินค่อย ๆ หอมเบา ๆ ที่หน้าผากและแก้ม ก่อนจะกอดคนรักไว้ให้แนบอกยิ่งขึ้น
“ขอบคุณมากนะครับที่คุณไม่ไปไหน ขอบคุณจริง ๆ” นิธินน้ำตาซึม เพราะซาบซึ้งในใจความอดทนและการรักษาสัญญาของคนรัก หกเดือนที่พ้นผ่านแม้จะไม่ใช่เวลานานชั่วดินฟ้า แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างของความรักได้ ชายหนุ่มดีใจเหลือเกินที่วันนี้เขาและคนรักยังคงมีใจตรงกันไม่ต่างจากวันแรกที่ได้ใช้ชีวิตคู่
และเวลาสนุกสนานของกลุ่มเพื่อนก็มาถึง นิธินกับอธิปพงศ์พร้อมกลุ่มเพื่อนที่ประกอบด้วย วิษณุกับภรรยา เอเจที่วันนี้ขออนุญาตภรรยามาได้และแทนไทที่มากับน้องชาย ต่างก็สนุกสนานเพลิดเพลินกับเครื่องเล่นต่าง ๆ นิธินไม่ลืมถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจนี้ไว้ด้วย พวกเขารู้สึกสนุกสนานเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเมื่ออยู่บนเครื่องเล่นหวาดเสียวอย่างไวกิ้ง.ท็อปสปินส์,แมงมุมยักษ์,อลาดินและอื่น ๆ
ตอนนี้วิษณุที่เป็นคนชักชวน กำลังโก่งคออาเจียนหลังจากลงรถไฟเหาะตีลังกาวอร์เท็กซ์ ทำให้ภรรยาและเพื่อน ๆ ต้องมาช่วยลูบหลังและหายาดมกับน้ำดื่มให้เจ้าตัวกันยกใหญ่
“โหยย อย่างนี้ไปเล่นม้าหมุนเถอะว่ะ” เอเจที่กำลังช่วยลูบหลังออกปากบลัฟเพื่อน แต่วิษณุก็ยังคงหน้ามืดอยู่
“โอยย อ้ววกกก!”
แทนไทจึงถามอย่างเป็นห่วงว่า
“ไหวป่ะว่ะเนี่ย”
“เฮ้ยย ไหวๆๆ” ชายหนุ่มหันมาบอกกับภรรยา “ที่รัก พาเค้าไปนั่งพักหน่อยสิ”
“อืม ๆ”
ภรรยาของเขารับคำและพาวิษณุไปยังที่นั่งใกล้ ๆ เมื่อเจ้าตัวลงนั่งก็บ่นออกมาว่า
“โอ๊ยย ไม่ได้มาเล่นซะนาน”
“ไหวมั๊ย” ภรรยาที่แกว่งยาดมอยู่ปลายจมูกออกปากถาม
“เดี๋ยวขอนั่งสักพักนะ”
นิธินมองดูรอบ ๆ และบอกกับเพื่อนๆ ว่า
“แล้วมีเครื่องเล่นอะไรอีกเหรอ”
“มี ๆ หรือนายอยากจะเล่นน้ำเลย”
“ตามใจพวกนายเถอะ” นิธินตอบยิ้ม ๆ และหันไปถามคนข้าง ๆ “แล้วคุณล่ะ อยากไปไหนต่อดี”
“งานนี้ตามใจคนจัดทริปครับ” อธิปพงศ์ตอบยิ้ม ๆ ทำให้วิษณุบอกว่า
“งั้นผมขอไปเล่นม้าหมุนนะครับ ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว”
“ฮ่ะๆๆๆ”
ทุกคนหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่น้องชายของแทนทันจะสะกิดให้ทุกคนดูเครื่องเล่นรูปหอคอยสูงที่เรียกว่า Giant drop หรือ ยักษ์ตกตึก
“ผมอยากเล่นไจแอนท์ดรอปอ่ะครับ”
“เออ น่าสนใจ” แทนไทเห็นด้วย “ว่าไง ไปป่ะ”
“เออ ๆ ไป” เอเจรีบรับคำ และหันมาถามวิษณุ “ว่าไงวะ ไหวป่ะ”
“โอยยย...ขอบายว่ะ” วิษณุโบกไม้โบกมือพร้อมกับส่ายหัว “พวกนายไปเล่นกันก่อนเลย เดี๋ยวชั้นนั่งตรงนี้ได้ ที่รักตัวเองไปกับพวกนั้นก็ได้นะเค้าอยู่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมย์ก็กลัวเหมือนกัน” หญิงสาวทำหน้าสยองกับความเร็วที่เครื่องเล่นปล่อยลงมาอย่างที่บอก
“อืม ๆ ได้ ๆ งั้นเดี๋ยวพวกชั้นมานะ”
“ได้เลย”
ทุกคนพากันไปต่อแถวรอเล่นเจ้ายักษ์ตกตึกอย่างที่บอก วันนี้แสงแดดค่อนข้างร้อน นิธินจึงใช้มือหนา ๆ ของเขาบังแดดให้อธิปพงศ์
“ขอบคุณครับ ผมโอเคนะ”
“ครับ” นิธินกับคนรักยิ้มให้กันน้อย ๆ แต่ทำให้คนรอบข้างอดมองด้วยความอิจฉาไม่ได้
และเมื่อถึงคิวพวกเขาขึ้นไป คู่รักก็มองหน้ากันเล็กน้อยเพราะตื่นเต้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยเสร็จแล้วก็ถึงเวลาทำงานของเครื่องเล่น ที่ค่อย ๆ ขึ้นจากฐานหอคอยช้า ๆ ทำให้เอเจถึงกับครวญครางเพราะกลัวความสูง
“โอยยย เสียวหน้าท้องแว๊บบบ”
แทนไทเลยบอกเพื่อนว่า
“กลัวก็หลับตาดิวะ”
เอเจเลยหลับตาปี๋อย่างที่เพื่อนแนะนำ และเมื่อถึงยอดหอคอยเครื่องเล่นก็ทิ้งดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว เพียงเท่านั้นเสียงกรี๊ดก็ระเบิดขึ้นเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกสนุกสะใจ นิธินกับอธิปพงศ์เองก็ได้ตะโกนปลดปล่อยออกไปอย่างสุดเสียงเช่นกันก่อนจะหมดรอบ
“โอยยย จะเป็นลมม” เอเจแทบยืนไม่อยู่หลังจากลงมาจากเครื่องเล่น
“ไงวะ แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ” วิษณุที่เดินมาคอยได้ทีบลัฟบ้าง
“โอ๊ยย ไอ้บ้า ลองมาเล่นเองเลยมา เสียวขาว่ะ”
“ฮ่ะๆๆๆ” เจ้าตัวหัวเราะ “เออ ไปหาไรกินกันดีกว่าว่ะ เที่ยงแล้ว”
“ก็ดีเหมือนกันนะ หิวแล้ว”
พวกเขาพากันมาที่โซนสวนน้ำเพื่อจะได้รับประทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อนจะลงเล่นน้ำในตอนบ่าย เมื่ออธิปพงศ์กับนิธินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดก็ทำให้คนรอบข้างอดมองตามไม่ได้ แม้ทั้งคู่จะสวมเพียงกางเกงว่ายน้ำธรรมดา ๆ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังรัศมีความหล่อเหลาของพวกเขาได้ และคนเหล่านั้นยังสามารถสัมผัสได้อีกว่าชายหนุ่มทั้งสองเป็นคู่รักกัน แม้จะไม่ได้เดินจูงมือกันออกมาก็ตาม คนทั้งสองเดินมายังกลุ่มเพื่อนที่ตีขารออยู่ริมสระน้ำวน
“โอ้โห...” น้องชายของแทนไทถึงกับหลุดปากออกมา “พี่สองคน ดูดีมากเลยฮะ”
“ขอบคุณครับ” อธิปพงศ์ยิ้มเขิน ๆ และหันไปมองหน้ากับคนรักก่อนจะยิ้มให้กันอีกครั้ง และเดินไปหามุมยืดกล้ามเนื้อเหมือนทุกครั้งที่พวกเขาไปว่ายน้ำ
วิษณุมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่ามีหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคนกำลังมองคนทั้งคู่อยู่ จึงหันมาบอกกับทุกคนว่า
“วันนี้ชั้นว่าคุณหมูอาจมีองค์ลงว่ะ”
“ยังไงเหรอ” ภรรยาเขาเป็นคนถาม
“โหยย ตัวเองไม่รู้อะไร คุณหมูเวลาหึงนิธินนะน่ากลัวมากกก”
แทนไทสมทบ “ใช่ ๆ ตอนนั้นที่สนามคริกเก็ต ชั้นก็เห็น”
“ยังไงพี่”
น้องชายของแทนไทสงสัยและภรรยาวิษณุก็ค่อยอยากจะเชื่อว่าผู้ชายนิ่ง ๆ ที่ดูปกติทั่วไปอย่างอธิปพงศ์จะมีมุมอย่างนั้นด้วย
“นั่นสิคะ คุณหมูเนี่ยนะคะหึงน่ากลัว”
“เค้าไม่ได้หึงอาละวาดนะ เค้าแค่มองคนที่เค้ารู้ว่ามองนิธินหรือเข้ามาหานิธินอยู่เท่านั้น แต่...เป็นผมผมก็กลัวอ่ะ”
“ขนาดนั้นเหรอคะ แล้วคุณนิธินเค้าหวงแฟนบ้างป่ะคะเนี่ย”
“อันนี้ผมว่าก็หวงอยู่นะ แต่วันนี้ผมว่าน่าจะมีการองค์ลงกันเกิดขึ้นแน่ ๆ”
สามหนุ่มมองหน้ากันไม่อยากจะพูดต่อ เพราะเขายังจำได้ถึงสายตาที่อธิปพงศ์ใช้มองเด็กสาวผู้โชคร้ายในสนามคริกเก็ตได้เป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็เข้าใจว่ามันเหมือนเป็นกรรมที่คนมีแฟนหน้าตาดีต้องทำใจ
“นินทาอะไรกันอยู่” นิธินเดินเข้ามาพร้อมกับอธิปพงศ์ หันไปถามเพื่อนล้อ ๆ
“เปล่า ๆ ว่าวันนี้คนเยอะว่ะ คึกคักดี”
แทนไทตอบเพื่อน นิธินเลยถามทุกคนว่า
“ลงน้ำกันเลยดีมั๊ย”
“รอมานานแล้ว” เอเจรับคำและทิ้งตัวลงไปเป็นคนแรก ก่อนที่ทุกคนจะลงตามมา พวกเขาว่ายน้ำในสระน้ำวนกันเป็นการอบอุ่นร่างกาย ก่อนจะย้ายไปยังสไลด์เดอร์ยักษ์ทั้งสองตัวที่พวกเขาเพลิดเพลินกันอยู่นาน และมาผ่อนคลายให้ชื่นฉ่ำอีกครั้งที่ทะเลเทียมขนาดใหญ่ อธิปพงศ์และนิธินต่างก็ว่ายน้ำแข่งกันและเล่นกับคลื่นน้ำเทียมอย่างสนุกสนาน อธิปพงศ์บอกกับคนรักขณะลอยคอด้วยกันอย่างผ่อนคลายว่า
“รู้มั๊ย ว่าผมไม่ได้มาเที่ยวที่นี่เป็นยี่สิบปีแล้วนะ”
“จริงเหรอ...”
“อืม ผมเคยมาตอนเด็ก ๆ หน่ะ”
“โห..แล้ววันนี้คุณเป็นไง สนุกมั๊ย”
“สนุกสิครับ” อธิปพงศ์ยิ้ม ๆ เพราะคนที่รักการเล่นน้ำอย่างเขาชอบอยู่แล้วที่ได้มาสวนน้ำแบบนี้ ที่สำคัญเขายังรู้สึกสบายใจที่วันนี้ยังไม่มีใครกล้าส่งสายตาให้นิธินอีกด้วย
แต่พอกำลังเดินขึ้นจากทะเล อธิปพงศ์ก็รู้สึกได้เลยว่า นิธินกับเขาเป็นที่สนใจของหญิงสาวและเก้งกวางทั้งหลาย โดยที่เก้งกวางนั้นส่งสายตาสงสัยในตัวพวกเขาแต่พวกหญิงสาวกลับส่งสายตามองนิธินอย่างพึงใจ เขาเลยทำตัวเฉย ๆ พยายามทำตัวเคยชินกับสายตาแบบนี้
นิธินเองรู้ดีว่าคนรักรู้สึกอย่างไรเลยช้อนตัวคนรักขึ้นมาอุ้มเสียเลย เพราะเขาก็อยากจะทำแบบนี้ในตอนนี้อยู่แล้วเหมือนกัน ชายหนุ่มคิดว่า คนรักของเขาแสนจะมีเสน่ห์และดูยั่วเย้ามากในสภาพเปียกน้ำอย่างนี้ อีกอย่างเมื่อครู่เขาก็เห็นฝรั่งกล้ามล่ำหลายคนแอบมองอธิปพงศ์อยู่เหมือนกัน
ส่วนอธิปพงศ์นั้นได้แต่นิ่งไว้อย่างเขินอาย ก่อนจะบอกว่า
“ที่รัก ปล่อยลงก่อน...”
“ทำไมล่ะ”
“ผมกลัวตก”
นิธินเลยจำต้องปล่อยให้คนรักลง แต่อธิปพงศ์บอกว่า
“ถ้าคุณไม่หนัก เปลี่ยนเป็นขี่หลังแทนได้มั๊ย”
นิธินยิ้มกว้างชอบใจ ก่อนจะนั่งลงและให้คนรักขึ้นมาที่หลังอย่างที่บอก อธิปพงศ์รู้สึกอบอุ่นมีความสุขมากที่สุด ที่ได้โอบกอดแผ่นหลังแข็งแรงของคนรัก นิธินหันมายิ้มให้ก่อนจะพากันเดินไปเจอกับเพื่อน ๆ ที่จุดเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง
เย็นวันนั้นจบลงที่พวกเขาขึ้นไปชมวิวบนหอคอยก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้ากรุงเทพฯ นิธินกวาดตาดูกรุงเทพฯมุมสูงอย่างตื่นเต้นอธิปพงศ์ชี้ให้คนรักดูสถานที่สำคัญต่าง ๆ ตอนนี้คนทั้งสองจับมือกันเพื่อส่งผ่านความรู้สึกดี ๆ แทนคำพูด พวกเขามีความสุขเหลือเกินที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ก่อนจะแยกย้ายกับกลุ่มเพื่อนในเวลาต่อมา อธิปพงศ์กับคนรักต่อรถเมล์มายังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อที่จะต่อรถตู้กลับไปหาครอบครัวตามที่วางแผนไว้ พวกเขามาถึงอนุสาวรีย์ฯ ในเวลาหกโมงกว่า ๆ จึงยังมีรถตู้อยู่
เมื่อออกเดินทางไปสักพัก อธิปพงศ์ที่เหนื่อยล้าจากการเล่นน้ำในวันนี้ก็ผล็อยหลับลงอย่างง่ายดาย แอร์ในรถเย็นฉ่ำพร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายอยู่ข้างนอก นิธินยิ้มให้คนรักและค่อย ๆ จัดให้อธิปพงศ์มาพักพิงที่ไหล่ของเขาต่างหมอน เพื่อเจ้าตัวจะได้นอนสบายมากขึ้น เขาจับมือกับคนรักหลวม ๆ ชายหนุ่มมีความสุขเหลือเกินที่ได้กลับมาดูแลคนรักอีกครั้งในหน้าฝนนี้ และเขาจะทำให้ทุกฤดูที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มีคุณค่าและมีความหมายที่สุด ให้สมกับที่เขารอคอย “ชีวิตคู่” และ “คู่ชีวิต” แบบนี้มาแสนนาน
รถตู้ถึงลพบุรีในอีกสองชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มทั้งสองต่อรถถึงบ้านในเวลาสองทุ่มกว่า ๆ ทันทีที่ถึงบ้าน พอแม่กับยายเห็นว่าวันนี้ลูกชายได้พาคนรักมาอย่างที่บอกแล้ว ก็อดตื่นเต้นและดีใจไม่ได้ที่จะได้เจอกับนิธินอีกครั้ง
“สวัสดีครับ คุณแม่ คุณยาย” นิธินยกมือไหว้ผู้อาวุโส ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าตอนนี้แม่กับยายของคนรักกำลังตื้นตันที่เห็นตัวเขา
“จ้ะ นิธิน แม่ดีใจนะ ที่นิธินกลับมาแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
นิธินรับคำ คนทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อยและสวมกอดกันด้วยความรู้สึกดีใจที่อยู่ข้างใน
“ขอบคุณมากนะลูก ที่กลับมาอยู่กับหมู”
“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องกลับมาอยู่กับคุณหมูอยู่แล้วครับ”
“จ้ะ...แม่ก็เชื่ออย่างนั้น”
เธอรับคำคนรักของลูกยิ้ม ๆ ก่อนจะพากันเข้าไปในตัวบ้าน วันนี้แม่กับยายได้ทำกับข้าวหลายอย่างไว้รอท่าลูกชายและคนรัก เป็นการแสดงความดีใจและต้อนรับการกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง คนเป็นแม่เข้าใจดีว่าช่วงเวลาที่ห่างกันลูกชายของเธอต้องอ้างว้างและทรมานเพียงใด วันนี้เพียงเธอเห็นแววตาอิ่มสุขของอธิปพงศ์และคนรัก ก็ทำให้คนเป็นแม่และยายสบายใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ (ตอนใกล้จะจบ)