ไม่อยากดอง...เพราะพร่งนี้จาดอง 5555+++++....=_+"
โทดครับๆ แก้ก่อนนิดหนึ่ง
60กว่าบทงับ...-_-" ที่รีไรต์ถึงคือบทที่50สิบกว่าๆ ยังแต่งไม่จบเลยครับเหลืออีกนิดเดียวและ และมีแนวโน้มว่าจะถึง70บทได้นะ...=_=" (อย่าเพิ่งเบื่อกันน๊า)
ตอนหน้า...ขอบอกว่าเด็กห้ามอ่าน เพราะมันเสียเลือดเยอะมากมาย >//////<
บทที่ 12
หลังจากวันนั้น ชนินทร์อาสารับหน้าที่นำอาหารไปส่งให้คุณผู้หญิงหรือ ‘คุณผกา’ ที่เรือนใหญ่ทุกวัน โดยกำชับไม่ให้ใครที่รู้นำเรื่องไปบอกเมฆิน ทุกคนต่างพร้อมใจกันปกปิดเป็นความลับให้ ทั้งยอมให้ชนินทร์พักงานตอนเที่ยงไปคุยอยู่กับคุณผู้หญิงตามลำพังกันตามสบาย
ชนินทร์พยายามช่วยคุณผการื้อฟื้นความทรงจำพื้นฐานของหล่อนขึ้นมา ความเป็นตัวตน…แม้แต่ชื่อ คุณผกายังถามย้ำๆกับชนินทร์ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ตอนนี้หล่อนจำความต่างๆได้มากขึ้นแล้ว และพูดคุยได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ดูเหมือนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา หลังจากการตายของลูกสาวคนเดียว…อิงอร ทุกคนปฏิบัติต่อหล่อนด้วยความเคารพก็จริง แต่หลอกคนไม่สบายด้วยอาการซึมเศร้าจนแยกแยะไม่ออกว่าเรื่องไหนจริงหรือเท็จ…กระทั่งทุกอย่างล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันนี้
ชนินทร์คอยนั่งคุยเป็นเพื่อนคลายเหงา เป็นคนฟังการพูดระบายความในใจต่างๆ…คุณผกาฝังใจว่าตนมีบุตรสองคน แต่ดันรักลูกชายคนโตมากกว่า เพราะเป็นลูกชายคนโต แต่ลูกสาวคนเล็กนั้นรักไม่เท่า เมื่ออิงอรมาเสียชีวิตลง หล่อนจึงรู้สึกผิดมาก
มิน่า…หมอนั่นถึงได้ปฏิบัติตัวเป็นคนเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์แบบนั้น…
สามีของคุณผกาเสียไปเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน เสาหลักผู้ก่อตั้งกิจการไร่องุ่นทิ้งภาระหน้าที่ให้กับภรรยาและลูกๆ ซึ่งต่อมาเมฆินก็รับช่วงต่อ โดยมีมารดาคอยช่วยเหลือใกล้ชิด
ปกติคุณผกาชอบให้ชนินทร์อ่านหนังสือให้ฟัง แต่พักหลังนี้ดูคุณผกาพอจะเพลิดเพลินกับ ‘ของเล่น’ ชิ้นใหม่ซึ่งชนินทร์ให้นายดำหามา นั่นก็คือเข็มถักกับไหมพรมหลากสีสัน
วันนี้ชนินทร์นำแผ่นเสียงมาเปิดเบาๆคลอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของคุณผกาสอดคล้องไปด้วย หน้าต่างที่ไม่เคยเปิดเลยก็เปิดออกเพื่อรับลมธรรมชาติภายนอก จนบัดนี้คุณผกากลับมามีชีวิตชีวา สุขภาพแข็งแรงขึ้นตามลำดับ
“ชนินทร์ เล่าเรื่องในไร่ตอนนี้ให้น้าฟังหน่อยซิจ๊ะ”
ชนินทร์บอกว่าเมฆินกำลังบริหารงานของเขาแข็งขันดี คุณผกาถามต่อว่า
“นั่นซิ น้าไม่เคยถามเลยว่าชนินทร์ทำงานกับเมฆินลูกชายน้ามานานหรือยังจ๊ะ?”
ชนินทร์อึกอัก
งานหรือ?
‘เครื่องระบายอารมณ์’ อย่างที่เขาว่ามากกว่ากระมัง…
“พอสมควรแล้วครับ”
“แล้วทำงานอะไรล่ะ ดูท่าทาง…ไม่น่าเป็นคนไร่คนสวน”
“เอ่อ…ผมว่า เดี๋ยวผมคงต้องกลับไปทำงานแล้วล่ะครับ”
ชนินทร์ตัดบทกลายๆ ทำให้คุณผกายิ้ม ขณะมือกำลังสาละวนกับเข็มถักสองด้าม
“น้ารู้ ว่าลูกชายน้าเขาใจร้อน ขี้อารมณ์ ยังไงน้าขอให้ชนินทร์ใจเย็นกับเขาหน่อยนะจ๊ะ…”
ชนินทร์ลุกขึ้นยืน ดูความเรียบร้อย แล้วเฝ้าดูคุณผกายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เงียบๆ
“รู้มั้ย…ลูกสาวน้าเขาเหมือนคุณเลย…อ่อนโยน ใจเย็น มีเมตตา ถ้าเป็นไปได้…คุณให้น้าเรียกว่าลูกได้มั้ย?”
ชนินทร์ใจไหววูบด้วยความละอาย กำลังจะตอบปฏิเสธ…
“คุณแม่ห้ามเรียกเขาว่าลูกเด็ดขาดเลยนะครับ!”
ร่างสูงใหญ่ยืนพิงขอบประตูกล่าวลั่น ทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจ หันไปทางเดียวกัน โดยเฉพาะชนินทร์ที่ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ในใจหลาดกลัวไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรดี
“คุณเมฆิน!”
ขาสั่น เข่าอ่อน สั่นไปหมดทั้งร่าง…
เหมือนมัจจุราชมายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ!
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไร?”
“ก็พอได้เห็นคุณทำอะไรกับแม่ของผมนั่นล่ะ!”
ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามา ดูโมโหจัด โกรธเกรี้ยว…น้ำเสียงวางอำนาจ
“หึ! นึกว่าหายไปไหนเป็นประจำ คุณช่างไม่สำเหนียกบทบาทของตนเอาซะเลยนะ ผมจับคุณมา ทำกับคุณสารพัด คุณยังกล้ามาหลอกลวงแม่ของผมอีกหรือ?”
“ผม…คือ…คุณ ไม่ใช่นะ! ผมไม่ได้หลอกลวงแม่ของคุณ ผมแค่คุยเป็นเพื่อนท่านเท่านั้น”
“เสแสร้ง!” เมฆินกระชากท่อนแขนเรียว บีบแน่นจนชนินทร์นิ่วหน้า
แววตาของเขา…
เต็มไปด้วยความมืดบอดที่บดบัง
“แก…แกเข้ามาทำอะไรแม่ฉัน? แกคิดว่าแม่ฉันบ้า จนแกล้างสมองท่านได้ใช่มั้ย?!”
“เปล่านะคุณเมฆิน แม่ของคุณท่านทำใจรับได้มากขึ้นแล้ว…โอ๊ย! ปล่อยผมนะ ผมเจ็บ!”
“มันน่านัก…ชั้นน่าจะ…ชั้นน่าจะฆ่าแก!”
“เอาเลยซิ! แต่รู้ไว้ด้วยว่าแม่ของคุณท่านไม่ได้บ้า ท่านแค่ต้องการเวลายอมรับคุณ คุณไม่เข้าใจท่านเลย”
“ผมเป็นลูกท่าน…ลูกแท้ๆของท่าน อย่ามาทำรู้ดี!”
คุณผกาที่เห็นการกระทำของลูกชายถึงกับอึ้งงัน…พฤติกรรมของบุตรชายนั้นสะเทือนใจ ดวงตาอ่อนล้าแดงก่ำ หยาดน้ำตาไหลริน
“เมฆ…ทำไมลูกถึงทำอย่างนี้?...”
“คุณแม่ไม่ต้องไปฟังมันนะครับ…ไอ้คนชั่วร้ายเจ้าเล่ห์แบบมันนี่!”
“จะมากไปแล้วนะ…บอกให้ปล่อยซิ!” ชนินทร์ขัดขืน
น้ำเสียงกดต่ำข่มขู่ลอดไรฟัน หายใจติดขัดเพราะโกรธจัด “เราต้องสะสางเรื่องนี้กัน…คุณได้ชดใช้แน่คุณชนินทร์!”
ร่างบางถูกผลักล้มลงไป คุณผกาเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ใจเสีย ทำท่าจะเข้ามาช่วยชนินทร์ลุกขึ้น
“อย่านะแม่!” เมฆินเสยปอยผมรุงรังที่ตกลงมาปก “แม่รู้หรือเปล่า ว่านี่คือใคร นี่คือคนที่ฆ่าลูกสาวของแม่ อิงอรของเรายังไงล่ะ!”
ร่างของคุณผกาเหมือนถูกหยุดเป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานขัดข้อง ก่อนจะงอตัวแล้วกรีดร้องออกมาดังลั่น…เจ็บปวด
“ไม่จริง!!!”
“จริงครับแม่ ไอ้นี่แหละ…มันนี่แหละตัวการ!”
“ไม่จริง อิงอรตายไปแล้ว ตายไปแล้ว ไม่จริง!!!!”
ร่างคุณผการ่วงลงราวกับตุ๊กตาหมดลาน เป็นลมล้มพับลง ชนินทร์โดนกีดกัดไม่ให้เข้าไปช่วย เขาจึงออกมา ให้รอดพ้นจากสายตาคมกริบ อาฆาตแค้นของเมฆิน…
คุณผกาอาละวาด จะพบกับชนินทร์ให้ได้
เมฆินไม่พอใจนัก ขังมารดาตัวเองเอาไว้ แล้วตรงไปจัดการกับชนินทร์ทันที
“คุณ! มานี่!”
ลากร่างบางที่พยายามขัดขืนลงจากเรือน ผ่านตรงโรงอาหาร คนเริ่มมุงดู ชนินทร์ยิ่งสู้
“นี่คุณ ปล่อยผมนะ คุณจะพาผมไปไหน?!”
ชนินทร์จะแกะมือออก ทำให้เมฆินหมดความอดทน หันกลับมาวาดฝ่ามือใหญ่ใส่ใบหน้าเกลี้ยเกลาของอีกฝ่ายเต็มแรง
คนงานทุกคนนิ่งอึ้ง เมฆินตวาดลั่นแบบคนคุมสติไม่ได้
“จะให้ไปตายนรกขุมไหนก็ต้องไป ในเมื่อแกทำให้น้องสาวของฉันตาย แม่ของฉันเป็นบ้าหนักขึ้น แกมันสมควรตายนัก!”
ป้าไผ่ และอีกหลายๆคนถึงกับอ้าปากค้าง
…ชนินทร์ปวดจนชา ช้ำไปหมด
แต่ช้ำกาย ยังไม่เท่าช้ำใจ
อดกลั้นอารมณ์ต่างๆเอาไว้ ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาแม้นิดเดียว
“คุณมันบ้า! ขังได้แม้แต่กระทั่งแม่ตัวเอง บ้าไปแล้ว!”
คนอาจจะเห็นว่าชนินทร์บ้าบิ่น ขนาดกล้าขึ้นเสียงเถียง ‘นาย’
แต่ชายหนุ่มก็ทำไม่ถูกจริงๆ
“แม่ของชั้น...อย่ายุ่ง!”
และแล้วเขาก็นำร่างบางถึงเรือนเล็ก จับใส่กุญแจโซ่ล่ามข้อมือ ขังไว้ ปล่อยให้เชลยหนุ่มจมปลักกับความคิดของตัวเองที่ประดังประเดเข้ามาด้วยสาเหตุต่างๆ…มากมาย