ตอนที่8“ทางนี้อร! ทางนี้ๆ”เพื่อนผมป้องปากตะโกนเรียกสาวสวยแห่งคณะบัญชีเมื่อเห็นเจ้าหล่อนกับเพื่อนเดินเข้ามาในโรงยิม อัทในชุดบอลกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาชี้ให้สาวเจ้านั่งตรงที่นั่งติดขอบสนาม ช่วงนี้ทุกมหาลัยจะมีการจัดแข่งขันกีฬากระชับมิตรระหว่างคณะอย่างที่ผมไปดูพี่กาจน์แข่งมาก่อนหน้านี้ คราวนี้ถึงตามหาลัยผมจัดบ้าง ไอ้อัทมันลงกีฬาไว้หลายอย่างจนผมขี้เกียจตามเชียร์มันทุกแมตท์ ทั้งปิงปอง แบทมินตัน ตะกร้อ บาส เปตอง และคงจะมีมากกว่านี้พวกรุ่นพี่ไม่บอกให้มันพอ
ช่างเป็นหนุ่มนักกีฬาซะจริ๊งงงง
หึ
รู้หรอกว่าจะโชว์สาว แต่เท่าที่ดูสาวก็ไม่หนีไปไหนละม้างงงง
ผมเหล่มองอรกับแจนที่มาเชียร์ชิดติดขอบสนามทุกวัน อย่างว่าแหละถ้าผมเป็นผู้หญิงผมก็ไม่อยากปล่อยให้อัทมันหลุดมือหรอก มันหล่อ มันสูงแถมมันยังนิสัยดีอีกต่างหาก
“นิทานมีแข่งตะกร้อวันไหนนะ”อรเอ่ยถาม
“เอิ่ม...ไม่รู้สิ เดี๋ยวถึงวันไอ้อัทมันก็มาเตือนเราเองแหละ ถ้าไม่เตือนก็ชิ่งซะเลย ฮ่าๆๆ”ครับ ผมถูกเพื่อนตัวดีบังคับลงตระกร้อ ไม่ใช่ตะกร้อธรรมดาด้วยนะ ตะกร้อลอดห่วง... คือออออ บอกเลยว่าเล่นไม่เป็นและคนอื่นๆในคณะก็ไม่มีใครเล่นเป็นตำแหน่งมันเลยว่างสุดท้ายพี่เขาเลยยอมให้ไอ้ง่อยอย่างผมลงแข่งไงล่ะ วุ๊
“เดี๋ยวอรไปเชียร์ ไม่ต้องกลัวๆ”
“ถ้าเป็นไปได้ก็อย่ามาเลย จะถือเป็นบุญคุณ”ใครอยากจะแสดงความอับอายต่อหน้าธารกำนันกันล่ะครับ
“อ๊ะ เริ่มแข่งแล้ว สู้ๆนะอัท”
โฮกกกกก อรตะโกงแข่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจไอ้อัทเพื่อนรักแต่มันไม่ได้ยิน ผมล่ะเสียดายแทนมันจริงๆ ถ้ามันได้ยินคงได้กำลังใจคึกคักยิ่งกว่าแดกยาม้า
“สวัสดีจ้านิทาน”
ใครเรียกครับเสียงสวยเชียว
“อ้าว พี่เฟิร์น สวัสดีครับ”สาวสวยแห่งคณะอักษรนี่เอง หนุ่มๆคนอื่นคงอิจฉาผมตาลุกเป็นไฟเพราะผมมีอรนั่งประกบซ้ายพี่เฟิร์นนั่งประกบขวา แต่ความจริงก็คือไม่ใช่ของผมซักกะคน
”สวัสดีครับพี่กิตต์”ผมเผื่อแผ่คำทักทายไปยังเจ้าชายลับแลที่ยังคงความพูดน้อยเอาไว้เสมอต้นเสมอปลาย
พี่กิตต์ผงกหน้าเล็กน้อย จ้องหน้าผมสักพักก่อนคิดได้ว่าควรส่งยิ้มให้
พี่กิตต์กับพี่กาจน์เป็นฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันมากถึงมากที่สุดแต่ผมมีวิธีแยกแยะทั้งสองคนง่ายๆคือหนึ่ง ถ้ามีพี่เฟิร์นอยู่ด้วยแถมไม่ค่อยพูดแสดงว่าคนนั้นคือแฝดน้อง สอง ถ้าเดินยิ้มร่ามาแต่ไกลแสดงว่าคนนั้นคือแฝดพี่
“บอกน้องไปสิ”
ขณะที่ผมหันมาดูการแข่งเพลินๆก็ได้ยินเสียงพี่เฟิร์นกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับแฟนหนุ่ม
ผมแอบเหล่ตามองคนหน้าตาดีทั้งสอง พี่กิตต์มุ่ยหน้าเหมือนไม่อยากจะทำอะไรสักอย่างที่แฟนสาวกำลังคะยั้นคะยอ
“เฟิร์นแหละบอก สนิทกับน้องนี่”พี่กิตต์ปฏิเสธแถมยังผลักธุระให้แฟนสาว
“แต่พี่คือคนที่กังวลมากกว่าไม่ใช่เหรอคะ”
“...”เจ้าชายลับแลเถียงกลับด้วยสายตา
คู่รักแห่งมหาลัยแข่งจ้องตากันสักพักก่อนฝ่ายหญิงจะเอ่ยยอมแพ้
“เอ้อ ก็ได้ๆ น้องนิทานคะคืนนี้มีธุระอะไรต่อรึป่าวคะ”
“ไม่มีครับ ทำไมเหรอครับ?”ผมเอียงคออย่างสงสัย
“คืออออ...”มันพูดยากขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่สาว พูดไม่ได้ใช้เขียนเอาก็ได้”คนรู้จักของพี่กิตต์เขาไม่ได้กลับคอนโดมาสองวันแล้ว เห็นว่าต้องทำงานด่วนให้เสร็จ ที่นี้พี่กิตต์เขาก็เลยเอามาปรึกษาพี่ว่าควรทำยังไงดีพี่เขาอยากไปช่วยแต่ตัวเองก็ต้องเข้าวอร์ดตอนเช้า นี่ กิตต์ช่วยเฟิร์นพูดหน่อยสิ”
เอ๊า พูดยังไม่ทันได้ใจความก็ให้ไปรบเร้าแฟนตัวเองซะงั้น พี่กิตต์ถอนหายใจหนักๆก่อนหันมาให้ข้อสรุปกับผมว่า
“กาจน์ต้องแก้โมใหม่ที่สตูคณะ พี่เป็นห่วง นิทานช่วยไปดูให้หน่อยได้มั้ย”
“ทำไมต้องเป็นผม”เห็นหน้าตาขยันๆอย่างนี้ก็อยากกลับห้องไปนอนเหมือนกันนะ มอพี่กาจน์ไม่ใช่ใกล้ๆ รถยิ่งติดๆอยู่ นั่งรถตู้ไปตอนนี้คงใช้เวลาชั่วโมงกว่า
“ถือว่าช่วยพี่สักครั้ง วันหน้านิทานมีปัญหาอะไรพี่จะตอบแทนแน่นอน”
“โอ้โห ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”ผมรีบห้ามแทบไม่ทัน เห็นพ่อคุณทำสีหน้าแสนจริงจังแล้วอดคิดไม่ได้ว่าพี่กิตต์จะแทนคุณครั้งนี้ตามที่ลั่นวาจาไว้จริงๆ
”ไปก็ไปครับ”
“ขอบคุณมากนะนิทาน! นี่เบอร์พี่นะ ส่วนนี่เบอร์พี่กิตต์ถ้าติดขัดตรงไหนถามได้ ส่วนนี่เบอร์พี่เจเป็นเพื่อนในคณะพี่กาจน์เขา ถ้าเราไปถึงมอแล้วหลงให้โทรหาคนนี้เขาจะออกมารับ อ้อ ส่วนนี่ค่ารถจ่ะ”
ทีมฟุตซอลคณะผมชนะไปสี่ต่อสามลูก ไอ้อัทยิงเข้าไปลูกนึง ขอจบการรายงานข่าวเพราะผมมัวแต่คุยกับพวกพี่สองคนเลยจับช็อตเด็ดๆในการแข่งมาได้เท่านี้ ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของคนอื่นด้วยเพราะผมกำลังเดินก้มหน้าดูกูเกิ้ลแมพที่คอยบอกทิศว่าผมต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตอนไหน มหาลัยพี่กาจน์ตอนกลางคืนยังพอมีคนอยู่เล็กน้อยเพราะมันยังไม่ดึกมากแต่ผมก็แอบหวิวไม่ได้อยู่ดี
มหาลัยอยู่ในกรุงเทพแท้ๆแต่กลับมีต้นไม้สูงๆขึ้นเยอะแยะ ไหนจะแสงไฟถนนที่ไม่ค่อยจะมีอีก
ตอนนี้ผมเข้าเขตคณะสถาปัตย์มาแล้ว เพราะเคยมาก่อนหน้านี้ครั้งนึงเลยตั้งต้นได้ไม่ยาก ผมแค่เดินตามหาโลเคชั่นที่พี่เจแชร์มาให้ทางไลน์ไม่นานก็เดินขึ้นตึกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง ผมมองประตูบานเลื่อนตรงหน้าด้วยความไม่มั่นใจเพราะผมได้ยินเสียงพูดคุยจากด้านในเลยพอรู้ว่าข้างในมีคนอยู่เป็นสิบๆคน
ผมเป็นคนนอก(มหาลัย)จะเข้าไปได้มั้ยวะ
ไหนๆก็มาถึงที่จะมัวพิรี้พิไรไปทำไม ผมกลั้นใจเลื่อนบานประตูออก
พรึ่บ!!
สายตาหลายสิบคู่หันมามองผมอย่างพร้อมเพรียง
เห้ยยย อะไรอ่ะ ผมไม่ได้เปิดประตูเสียงดังหรือเข้ามาแบบเอิกเกริกเลยนะทำไมทุกคนหันมามองหน้าผมอย่างนั้นล่ะ
“อ้าว ไม่ใช่อาหารนี่หว่า ชิส์”พี่ผู้ชายคนหนึ่งจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดก่อนหันไปสนใจโมเดลตรงหน้าต่อ
โอโห้ พอหายตกใจ(เพราะทุกคนเลิกสนใจ)แล้วผมถึงเห็นสภาพห้องนี้ชัดๆ
มันเป็นห้องโล่งๆขนาด20x20ตารางเมตร สามารถจุคนได้ร่วมร้อย และทุกคนในที่นี้ต่างมีกองขยะกองใหญ่วางอยู่รอบตัว ไม่สิ เรียกว่าขยะก็ออกจะเสียมารยาท โมเดลจำลองอาคารกับเศษไม้ คัตเตอร์ กองสุมๆกันจนแทบไม่มีที่ให้เดิน
ผมกวาดสายตามองหาพี่กาจน์
ไม่อยู่ครับ
ถ้าอยู่ผมต้องเห็นตั้งแต่แรกแล้วเพราะพี่เขาจะเด่นสะดุดตากว่าคนอื่น
“เห้ย! น้องมาหาใครวะ”ผมสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือมาแตะบ่า ไม่ใช่มือธรรมดาด้วยนะ มือโสโครก ขี้เล็บพี่แกดำมาก มีคราบกาวเปื้อนเขรอะ หนวดเคราก็ไม่โกน นี่ช่างซ่อมแอร์หรือว่าที่สถาปนิกครับเนี่ย เถื่อนได้อี๊กกก
”เข้ามาๆ อย่าประตูทิ้งไว้เดี๋ยวยุงออก เห้ย!! พวกมึง! น้องใครมาหาวะ!!”ประโยคแรกพี่เขาพูดกับผม ส่วนประโยคหลังหันไปตะโกนลั่นห้อง บางคนเงยหน้าจากงานขึ้นมามองแต่พอเห็นว่าไม่รู้จักผมก็ก้มหน้ากลับไปทำงานต่อ
“เอ๊า ไม่มีใครรู้จักเราสักคน บอกพี่มาดิ๊ว่ามาหาใครจะได้บอกถูกว่าอยู่ในนี้มั้ย ในห้องนี้ไม่ได้มีทุกคน”
“เอ่อ ผม..มาหาพี่กาจน์ครับ”
เงียบ
ช็อค
อ้าปากค้าง?
ก่อนพี่ช่างแอร์จะระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“กร๊ากกกกกกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆ กั่กกกๆๆๆๆๆๆๆ”
มะ มันไม่อะไรตลกมิทราบครับ!? ผมหน้าเหวอไปเลยเมื่ออยู่ดีๆคนข้างตัวก็หัวเราะจนตัวโยน
“ไอ้บอล มึงไปขำแรงใส่น้องมันทำไมวะ เสียมารยาท!”พี่ผู้หญิงคนนึงตะโกนปรามมาจากทางหลังห้อง
“ก็ไอ้หนูนี่มันหลอกให้กูช่วยหาคนให้ตั้งนานพวกมึงรู้ป่ะว่าน้องมันมาหาใคร!!”
“ใคร”
คราวนี้คนทุกคนหยุดงานของตัวเองหันมามองหน้าพี่ช่างแอร์ด้วยความใคร่รู้หรืออีกนิยามนึงก็คือ...เสือก
“ไอ้กาจน์ อุ๊บส์ ฮ่าๆๆๆ เสียเวลาว่ะ แยกย้ายไปทำงานเหอะพวกมึง ส่วนน้องมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยเสียเวลาเปล่าเหมือนกัน กลับบ้านไปทบทวนบทเรียนซะนะอย่าเอาเวลามาตามเฝ้าผู้ชายเลย”พี่ช่างแอร์ตบไหล่ผมปุๆก่อนเดินกลับเข้าที่ของตัวเองเพื่อลงมือทำงานต่อ
ด้วยความไม่เข้าใจผมจึงเดินเข้าไปถามพี่ผู้หญิงที่ดูเป็นมิตรมากที่สุด
“พี่กาจน์เขาทำไมเหรอครับ ทำไมผมต้องรีบกลับด้วย”ผมกลัวว่าอาการแปลกๆของทุกคนในที่นี้จะมาจากฉายาเจ้าชายต้องห้ามของพี่เขา
เป็นห่วงมากๆ กลัวว่าเพื่อนร่วมชั้นจะเห็นพี่กาจน์เป็นตัวตลก
“อ๋อ ก็น้องจะมาช่วยกาจน์มันตัดโมใช่มั้ยล่ะ ไม่ต้องหรอก กาจน์มันไม่เคยให้ใครเข้าไปยุ่งกับมันและงานของมัน ยิ่งเป็นแฟนคลับเอฟซียิ่งไปไกลๆเลย อุ๊ย ขอโทษค่ะพี่ไม่ได้ตั้งใจจะไล่น้องนะพี่แค่เคยยกตัวอย่างเก่าๆ มีเด็กวิดยาพยามมาช่วยมันทำงาน โดนขอให้กลับดีๆก็ไม่ยอมกลับจนพี่กาจน์โมโหใส่ ผลคือร้องไห้กลับคณะตัวเองแทบไม่ทัน”
“อ้อ...”
ในสายตาพวกพี่ผมคือเอฟซีเจ้าชายต้องห้ามสินะ
พี่กาจน์มีเอฟซีผู้ชายเป็นเรื่องปกติเหรอ
ในขณะที่ผมวางตัวไม่ถูกอยู่นั่นเองประตูบานเลื่อนก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
คราวนี้คนที่เข้ามาใหม่คือพี่กาจน์กับเพื่อนอีกสามสี่คน ในมือแต่ละคนเต็มไปด้วยถุงเซเว่น และในถุงเซเว่นก็เต็มไปด้วย...
“อาหารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!”
น่ากลัวมาก นี่มันปลาสวายในบ่อน้ำหลังวัดเวลามีคนโยนขนมปังลงไปชัดๆ แต่ละคนกรูเข้าไปรับของกินตามโควตาของตัวเองเหมือนอดอยากมานาน สงครามชิงอาหารสงบลงด้วยเวลาแสนสั้น ผมกระพริบตาปริบๆมองคนร่วมร้อยคนแกะห่อขนมปังกินอย่างเอร็ดอร่อย
พี่กาจน์ยังไม่เห็นผม
ผมว่าจะเข้าไปทักแต่มีคนช่วยผมซะก่อน
“ไอ้กาจน์ มีคนมาช่วยมึงตัดโมว่ะ”พี่ช่างแอร์นั่นเอง
พี่กาจน์นิ่วหน้าเหมือนไม่พอใจ”มึงช่วยกูไล่ไปยัง”
“ยัง”
“อยู่ไหน”โฮกกกกกกกกก เสียงดุมาก น้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้เอาแป้งเย็นตรางูมากรอกปากกันเลยดีกว่า ฟังแล้วรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
พี่ๆคนอื่นกินขนมปังไปพลางเหล่ตามองพี่กาจน์ไปพลางเหมือนกำลังลุ้นอย่างสนุกสนานว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป
“นู่น”พี่ช่างแอร์เพยิดหน้ามายั่งผมซึ่งยังนั่งแปะอยู่ข้างๆพี่ผู้หญิงใจดีคนเมื่อกี้”กูไล่แล้วแต่ไม่ยอมไป มึงเคลียร์เองละกัน”
พี่กาจน์หันมามอง พวกเราสบตากันนิ่งๆ
“ใจเย็นนะกาจน์ น้องแค่แวะมาคุยกับเรา น้องจะไปแล้ว อย่าทำให้น้องเสียหน้านะ บอลก็ด้วย!! พูดแบบนี้แล้วน้องเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน ห๊า!!”สายตาผมมองคนไม่ผิดจริงๆ ในขณะที่ทั้งห้องเงียบกริบก็มีพี่สาวใจดีข้างตัวผมนี่แหละที่ออกมาปกป้อง
“ก็ไม่ต้องเอาไว้ที่ไหน...”คราวนี้คนกล่าวคือพี่กาจน์ทั้งห้องยิ่งเงียบกริบเข้าไปใหญ่ มันเงียบมากจนแทบไม่มีเสียงหายใจด้วยซ้ำ
“...”ทำไมผมต้องตื่นเต้นเบอร์นี้ โฮรววว ใจเต้นแรงจนจะหลุดจากขั้ยอยู่รอมร่อ
พี่กาจน์เดินเข้ามาหาผมก่อนยื่นมือมาให้ ผมทำแค่มองแต่ไม่ยอมขยับตัว ประเด็นคือโดนทุกคนจ้องจนมือไม้เริ่มแข็ง
“มานี่มา ไม่ต้องกลัว มาหาพี่”
“ขอโทษครับ ที่มาโดยไม่บอก”ผมยื่นมือไปจับมือของพี่กาจน์ให้พี่เขาฉุดลุกขึ้นยืน
“ไม่เป็นไร แต่คราวหลังถ้าจะมาให้บอกพี่ก่อนนะ ถ้ารู้ว่าจะมาพี่จะได้บอกเพื่อนไว้ว่าถ้าเป็นคนนี้ไม่ต้องไล่ พวกมึงได้ยินแล้วนะ!!”
โอยยยยย แม่ครับพ่อครับ ผมกำลังหน้าแดง เดินขาสั่นแหง่กๆตามพี่กาจน์ซึ่งจูงมือผมพาไปนั่งที่ที่พี่เขาวางของไว้ แน่นอนว่าทุกช็อตดังกล่าวแม่งอยู่ในสายตาตกตะลึงของคนทั้งห้อง
“!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!??????”
_____________________________
ในที่สุด!!!!!! พี่กิตต์ก็มีบทพูด 5555
ถ้าพี่เฟิร์นจะจับนิทานใส่พานถวายพี่กาจน์ขนาดนี้ล่ะก็นะ
ปล. ขอบคุณทุกคนที่มาเม้นต์เลยน้าาา เราอ่านตลอด ว่างๆก็นั่งรีเฟรชดูคอมเมนต์นี่ล่ะ 555