บทที่ 18
หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดการณ์กันไว้นั่นแหละครับ
พี่กชลากผมขึ้นห้อง เหวี่ยงขึ้นเตียง จากนั้นก็กระโจนลงมานัวเนียซัดเต็มที่
“อะ… อื้อ พี่กช” ผมพูดพร้อมกับพยายามผลักบ่าเขาออกเพราะตั้งตัวกับการโจมตีไม่ทัน แต่อีกฝ่ายแรงเยอะกว่าผมเป็นทุนเดิม นอกจากเขาจะไม่ปล่อยผมแล้วยังจะกดริมฝีปากลงมาบนซอกคอแรงขึ้นอีก! โอ๊ย ให้ตาย ละลายแล้วครับ ณ จุดจุดนี้ ขอเวลาผมรับมือก่อนได้ไหมล่ะ “พี่กช… ใจเย็นครับ แป๊บหนึ่ง… พี่ พี่จะทำรอยบนคอไม่ได้นะ! ”
ผมโวยวายเมื่อริมฝีปากร้อนดูดผิวเนื้อของผมอย่างแรงจนเกิดเสียงแปลกๆ ที่ชวนให้ขนลุกซู่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้การทำรอยจูบบนตัวนี่เขาทำกันยังไง ไม่รู้ด้วยว่าพี่กชกำลังพยายามทำไอ้รอยที่ว่านั่นรึเปล่าด้วย แต่เขาจะทำจริงก็บอกเลยว่าไม่ดีแน่ๆ ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไงล่ะ!
“มิว” เสียงเข้มนั่นกระซิบอยู่ข้างหู ผมหยุดดิ้นไปเพราะรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่มาพร้อมกับความปรารถนาทางกาย เหมือนเขาโกรธอะไรผมสักอย่างแต่ก็อยากจะฟัดผมไปพร้อมๆ กันด้วย แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าเขาโกรธอะไร
“พี่กช” ผมพยายามอธิบาย “คือที่พี่เห็นน่ะ มันไม่ใช่อย่างที่พี่ิคิดนะครับ นั่น… แนทเพื่อนผมไง พี่ผมเคยเล่าให้ฟังอ่ะ”
“คนที่กอดกับมิวนัวเนียที่ข้างคอร์ทเทนนิสน่ะเหรอ”
โอ๊ยยย ไอ้พี่บอสบ้า! ไปเอาอะไรใส่หัวพี่กชไว้เนี่ย หมดกันภาพลักษณ์ผมกับไอ้แนท ไม่แปลกใจเลยถ้าพี่กชจะหงุดหงิดขนาดนี้
“งื้อ พี่… ฟังที่ผมอธิบายก่อน” ผมว่าก่อนจะครางออกมาอีกระลอกเมื่อลิ้นร้อนลากลงบนลำคอ บริเวณที่เปียกชื้นนั่นร้อนวูบวาบไปหมด มือที่พยายามผลักอกเขาออกถูกรวบไปด้านบนอีกแล้ว
พี่กชทาบจูบลงมา ใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของผมอย่างมันเขี้ยวแล้วจ้วงลิ้นเข้ามาในโพรงปากอย่างแรง ผมสะดุ้งเฮือกเพราะอีกฝ่ายไม่เคยรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ผมควรจะไม่พอใจรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ตอนนี้ผมเคลิ้มไปกับเขาหมดแล้ว ปล่อยให้เขาสอดแทรกลิ้นอยู่ด้านในไปมา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเยลลี่นุ่มๆ ที่โดนบีบสักหน่อยก็แทบจะเละคามือเขาแล้ว และตอนนี้มือหนาก็กำลังชำแหละเสื้อผ้าของผมออก ไม่ต้องให้เวลาตั้งตัวกันเลยใช่ไหม
“พี่… กชครับ” ผมพยายามเรียกเขา ผมไม่กลัวหรอกถ้าต้องเสียความบริสุทธิ์ให้เขาทั้งๆ อย่างนี้ ไม่เสียใจ ไม่โวยวายอะไรเลยด้วย แต่ผมรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าจะปล่อยให้ผู้ชายที่ชอบเข้าใจตัวเองผิด “พี่ ฟังนะ ผมกับไอ้แนทไม่ได้มีอะไรกันเลย”
น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังทำให้พี่กชยอมลดความเร็วลง เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเหมือนขอความจริง
เอาจริงดิ นี่เขาหึงผมกับไอ้แนทจริงๆ งั้นเหรอ ให้ตายเถอะ นี่มันถึงยุคที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องหึงผู้ชายที่อยู่กับผู้ชายอีกคนแล้วใช่ไหม โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว ฮัลโหล ตอบ
“ไม่มีอะไรกับเพื่อนคนนั้นจริงๆ เหรอ? ”
“ไม่มีจริงๆ ครับ” ผมยืนยัน
“แล้วกอดกันทำไม”
“ก็ตอนนั้นเขาปลอบผม” เราเคยคุยเรื่องนี้กันไปแล้วนะเฟ้ย
“แล้วเมื่อกี้ทำไมยอมให้เขาโอบบ่าล่ะ” พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ผมอ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบพี่กชก็ซุกหน้ามาบนคอผมอีกแล้ว โว้ย คุยกันให้รู้เรื่องก๊อน!
“กะ… ก็… ปกติผมก็-- พี่กช อ๊ะ! เดี๋ยว…”
ร่างของผมบิดเกร็งด้วยความเสียวซ่านเมื่อลิ้นของคนด้านบนกวาดลงบนใบหู ความอุ่นร้อนของโพรงปากครอบลงบนนั้นจากนั้นก็ชอนไชเข้าไปด้านในโดยที่ไม่สนเลยว่าผมจะดิ้นตัวเร่าๆ กับการกระทำนั้นของเขามากแค่ไหน
“แฮ่ก… อื๊อ พี่กช พี่กชครับ ผม…”
“ผมอะไร มิว” ปากเขาผละออกจากหูผมแล้ว แต่ให้ตายเถอะ เมื่อกี้นี้เสียวสุดๆ ไปเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเราสามารถรู้สึกหวามไหวกับหูได้ด้วย “บอกตามตรงนะ พี่รู้แหละว่าคนที่ใส่แว่นคนนั้นเป็นเพื่อนของมิว แต่แค่แว่นของนายสองคนเหมือนกันก็แย่มากพอแล้วนะ อะไรน่ะ คิดจะให้มันเข้าคู่กันงั้นเหรอ บอกเลยว่าพี่โคตรไม่ชอบใจเลย ยิ่งมิวปล่อยให้เพื่อนแตะเนื้อต้องตัวได้ง่ายๆ ขนาดนั้น มิวเป็นแฟนพี่นะ”
อย่างหนึ่งที่ต้องรู้ไว้คือเวลาพี่กชสติแตก แกจะเริ่มพูดจาไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน มันจะงงๆ นิดหน่อย แต่ผมก็พอจะจับใจความได้ว่านอกจากตัวแนทเองแล้ว พี่กชยังหึงแว่นที่แนทสวมอีกด้วยเพราะมันดันเข้าคู่กับแว่นของผมเอง
กูจะบ้าตาย
แต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ยิ้มขำ นั่นยิ่งทำให้ใบหน้ายับยู่ยี่ของพี่กชบูดหนักเข้าไปอีก เขากระชากแว่นออกจากหน้าผม วางมันลงที่ข้างหัวเตียง แล้วก็กระชากเสื้อผมออกจากตัว โยนลงไปบนพื้นทำท่าจะโจนลงมาฟัดผมอีกรอบ
เหวอ! ใจเย็น ตอนแรกก็สนุกอยู่หรอกที่เห็นเขาหึง แต่ตอนนี้ชักเสียวแทนล่ะ
พี่กชทุ่มน้ำหนักลงมากดทับตัวผม แล้วคิดว่าตัวเขาเบานักรึไง ผมผลักเขาออกจากตัวด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยมี คราวนี้เขายอมผละออก ล้มตัวลงมานอนข้างๆ แล้วดึงผมไปกอดไปจูบเหมือนหวงก้างเสียเหลือเกิน
ให้ตายสิ อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนพี่กชเป็นหมาตัวใหญ่ยักษ์ขนสีทองๆ มันเรียกพันธุ์อะไรนะ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์รึเปล่า คือรู้สึกทั้งขำ ทั้งหวั่นใจ ทั้งเอ็นดู แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปทุกทีๆ เขาแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าหวงผมมาก แล้วทำไมผมจะไม่ชอบเขากันล่ะ?
ผมชิงเขยิบตัวเข้าไปจูบเขาก่อนเมื่อพี่กชผละออกในจังหวะหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลานั่นดูแปลกใจนิดหน่อยที่ผมยังมีแรงพอจะรุกเขากลับ ผมส่งยิ้มหวานให้เขาเพื่อแสดงถึงความจริงใจเต็มที่ และมันได้ผล ดูเหมือนอาการฮึดฮัดของเขาจะอ่อนลงพอสมควรเลยทีเดียว
ผมขยับเข้าไปกอดเขา ซุกหน้าอยู่แถวแผงอกอย่างออดอ้อน เฮ้ ผมเองก็มีพัฒนาการบ้างเหมือนกันนะ ไม่ยอมให้พี่กชมาทำให้ผมเขินอยู่คนเดียวแบบที่ผ่านๆ มาหรอก
“พี่กชครับ ผมรู้ว่าพี่กำลังโกรธ แต่ฟังที่ผมพูดนิดหนึ่งน้า” ผมรีบใช้จังหวะที่พี่กชหน้าแดงทำตัวไม่ถูกในการอธิบายทันที “ผมกับแนทเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เราสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ผมกับมันไม่ได้มีอะไรกันเกินเพื่อนเลย พี่กชเองก็รู้ใช่ไหมว่าผมเชื่อใจได้ ผมไม่ทำให้พี่ผิดหวังหรอก ผมสัญญานะ เพราะงั้นเชื่อใจผมหน่อยได้ไหม? ”
พูดกันตรงๆ แบบนี้แหละครับ แสดงความบริสุทธิ์ใจกันเต็มที่ แล้วพี่กชที่เป็นคนพูดว่าชอบผมจากปากตัวเองจะใจแข็งได้เหรอครับ
“อะ… เอ่อ” ติดตั๊นไปเรียบร้อย ว่าแล้วเชียว พี่กชน่ารักจริงๆ นั่นแหละ ขนาดพยายามจะเล่นบทโหดยังน่ารักได้เลย ว่าแล้วก็อาศัยจังหวะนี้รุกเข้าไปอีกรอบ
“ว่าไงครับ พี่ ผมเองก็เชื่อใจพี่มากเหมือนกันนะ แล้วพี่กชล่ะครับ? ”
“เออ! ” พูดเสียงดังออกมาเหมือนโดนบังคับ หากมือแกร่งดึงผมเข้าไปกอดอย่างหวงแหน เรียกเสียงหัวเราะจากผมได้อีกระลอก “พี่เชื่อใจมิว แต่พยายามอย่าให้คนจับตัวบ่อยนักได้ไหม หึงเป็นเหมือนกันนะเว้ย บอกพี่สิว่าจะพยายามเลี่ยงไม่ให้คนแตะเนื้อต้องตัวน่ะ”
โถ พูดอย่างกับผมเป็นสาวน้อยสุดน่ารักที่มีคนรุมล้อมประหนึ่งไอดอล โทษทีเถอะ จะมีสักกี่คนที่อยากจะมาจับมาโดนตัวผมกัน มีแค่พี่กชคนเดียวนี่แหละ
“ตกลงครับ” ผมตอบแค่สั้นๆ พอพร้อมกับยิ้มเอาใจ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเรื่องยาวอีก แล้วมันคงจบลงที่เตียง คืออย่างที่บอกว่าไม่ใช่ผมรังเกียจอะไร แต่ขอเวลาเตรียมตัวก๊อน! “พี่กช หายโกรธแล้วนะ? เราคุยกันดีๆ ได้แล้วใช่ไหม? ”
“อืม” เหมือนพี่กชจะรู้ทันความคิดผมเพราะเขาตีหน้าเซ็งทันที ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาเบาๆ อย่างเอ็นดู ผมรู้ดีว่าต่อให้เขาโกรธจนหน้ามืดแค่ไหนเขาก็จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ นี่ผมเชื่อใจเขาสุดๆ เลยนะเห็นไหม หวังว่าเขาเองก็คงคิดแบบผมเหมือนกัน
“งั้น… ผมใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหมพี่ แล้วออกไปกินข้าวกัน? เย็นนี้เรามีนัดกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมสัญญาแล้วนี่ว่าจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะ”
ใช่ครับ ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้เล่นกันเป็นแฟนหลอกๆ แล้ว แต่ผมยังคงข้อเสนอเลี้ยงข้าวพี่กชอาทิตย์ละสองมื้อเหมือนเดิมตามที่โอกาสอำนวย
ทำไมน่ะเหรอ… ก็เพราะพี่แกเปย์ผมหนักมากน่ะสิ!
คือจริงๆ ตั้งแต่ก่อนจะคบกันพี่กชก็คอยเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมตอบแทนไอ้สองมื้อที่ผมให้เลี้ยงเป็นประจำ จนผมยังไม่รู้เลยว่าแล้วที่ผมเลี้ยงจะมีความหมายยังไง แต่พี่กชเคยบอกว่าอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากให้ผมเลี้ยงจริงๆ หรอก แต่ที่เขาตอบรับข้อเสนอนั่นเพราะเขาคิดว่ามันเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะได้ไปกินข้าวกับผมสองคน
...ฟังแล้วนี่หน้าแทบจะระเบิดด้วยความอายเลยครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่กชคิดแบบนั้น
แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้เราสองคนคบกันจริงๆ แล้ว และผมก็ไม่ใช่เด็กเลี้ยงของเขาหรืออะไรแบบนั้นสักหน่อย ก็เลยตัดสินใจว่าขอคงข้อตกลงนี้ของเราไว้เหมือนเดิม ส่วนมื้ออื่นๆ ถ้าพี่กชอยากเลี้ยงผมก็ไม่ขัดศรัทธาหรอก เพียงแต่ผมไม่อยากให้เราสองคนเอาเปรียบใครเกินไปก็เท่านั้น
พี่กชชักสีหน้าหมาหงอยก่อนจะถอนหายใจเฮือก ผุดตัวลุกนั่งบนเตียงอย่างเสียไม่ได้
“ก็ได้ๆ มิว ถ้าไม่ติดเพราะพี่อยากไปกินนมปั่นในห้างนั้นล่ะนะพี่คงไม่ยอมแน่”
ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขณะรับแว่นที่พี่กชส่งคืนให้มาสวม
“พี่จะไม่ยอมอะไรครับ? ไม่ใช่ว่าพี่บอกว่าจะไม่ทำจนกว่าผมจะบอกว่าพร้อมหรอกเหรอ? ”
“ฮึ่ย! ” พี่กชพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเต็มที่เหมือนหาคำพูดมาเถียงไม่ได้ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทีขัดใจนั้น
ผมรู้ดีเชียวล่ะว่าเขาต้องการผม ต้องการเรื่องอย่างว่า ผมเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน จะบอกว่าไม่เข้าใจเลยคงไม่ได้
เพราะงั้นผมถึงตัดสินใจเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ พี่กชหันกลับมามองทั้งที่คิ้วยังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจอยู่นิดหนึ่ง
“พี่… ยังไม่ได้เลือกเลยไม่ใช่เหรอครับ”
“อะไร? ” คราวนี้คนตัวสูงกว่าได้แต่ทำหน้างง
“ก็” ผมยกนิ้วชี้วนไปในอากาศ เก้อเขินอยู่เหมือนกันนะที่ต้องมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ “ข้าวอีกมื้อที่อยากให้ผมเลี้ยงไง”
“อ้อ อันนั้นเอาไว้---” เขาสะดุดคำพูดลงไว้ตรงนั้น หันขวับกลับมามองผมอย่างรวดเร็วอย่างไม่อยากเชื่อหู ผมได้แต่หลบตาเขาไปอีกทางเพราะรู้สึกได้ว่าหน้าร้อนขึ้น หมู่นี้ผมเขินบ่อยเกินไปจนชักรำคาญตัวเองแล้วนะ แต่แต่แต่ กับเรื่องอย่างว่านี่ขอเขินต่ออีกสักหน่อยเถอะ ก็คนมันไม่เคยปะวะ
“มิว” พี่กชย่อเข่าลดตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับผมที่นั่งอยู่บนเตียง “แน่ใจแล้วเหรอ? ถ้าพี่ขอคราวนี้พี่ไม่เกรงใจมิวแล้วนะ”
“อืม” ผมบังคับตัวเองให้หันกลับมาสบตากับเขาจนได้ สังเกตเห็นด้วยว่าหน้าของเขาขึ้นสีแดงเรื่องเล็กน้อย “ไม่งั้นผมก็ไม่ถามแบบนี้หรอก”
“โคตรน่ารักเลย” เขายิ้มออกมาจนได้ ผมหลับตาเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้ามาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากผม ผมชอบเวลาพี่กชจูบตรงนี้ชะมัด รู้สึกถึงความละมุนสุดๆ เลย “ชอบนะมิว”
โธ่เว้ย อุตส่าห์พยายามจะไม่เขินพร่ำเพรื่อแล้วนะ แต่ผมก็แพ้ทางเขาอยู่ดี
“งั้น… มิวก็รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าพี่จะขอกินอะไร”
“ถ้าพี่ไม่พูดออกมาชัดๆ ผมก็ไม่รู้หรอก” ก็ยังจะเล่นบทคนซื่อเนอะผม พี่กชคงขอกินชาบู หมูกะทะ ซูชิ หูฉลามหรืออะไรแบบนั้นหรอก ผมยื่นดาบให้เขาขนาดนี้
“งั้น… ของอาทิตย์นี้ก็เป็นสเต๊กแล้วก็--” ยังอีก ยังจะเว้นช่องพูดอีก “ขอกินมิวนะ”
อ๊าก! หน้าจะระเบิด! ไม่สิ อาจจะระเบิดตัวแตกตายไปเลยก็ได้
ทำไมต้องทำให้ผมเขินมากมายขนาดนี้ด้วยนะ ไอ้รุ่นพี่บ้านี่!
…
ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าบรรยากาศระหว่างเราสองคนหลังจากนั้นเป็นยังไง
ผมไม่รู้ว่าคู่รักคู่อื่นจะเป็นอย่างนี้รึเปล่านะ แต่กับผมและพี่กชนี่… ผมบอกได้เลยว่าพี่กชอารมณ์ดีขั้น maximum มากๆ คือไม่มีทางอารมณ์ดีได้มากกว่านี้อีกแล้วในชีวิต
พี่กชเทคแคร์ผมดีมาก คือปกติพี่แกก็ดูแลผมดีอยู่แล้วนั่นแหละ แต่วันนี้ดูจะกระตือรือร้นมากกว่าทุกที แบบ… ออร่ามันออกมาก แล้วปกติเวลาเราสองคนมาเดทกันที่สาธารณะแบบ พี่กชจะพยายามเก็บอาการไม่ให้คนอื่นมองเราแล้วรู้เลยว่าเราทั้งคู่เป็นอะไรกัน แต่วันนี้คือ… คงไม่มีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้อีกแล้ว เหมือนเขาพยายามจะแสดงให้โลกทั้งใบเห็นว่าพวกเราเป็นแฟนกัน
ผมแอบเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตอนที่พี่กชจับมือผมเดินจังหวะหนึ่งด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ นั่นมันละเมิดความเป็นส่วนตัวนะ แล้วพี่กชก็อารมณ์ดีเสียจนผมไม่อยากจะขัดอะไรเขาเท่าไร อันที่จริงก็คือการได้เห็นเขาแฮปปี้ขนาดนั้น ผมก็มีความสุขไปด้วย
...แต่แน่นอน ผมเสียวมากเหมือนกันล่ะว่าไอ้ครั้งแรกนี่มันจะเป็นยังไง ถึงเราสองคนจะเรียกรู้ร่างกายของกันและกัน ทำเรื่องหื่นๆ มาด้วยกันก็ตั้งมาก แต่นี่ผมเพิ่งจะตัดสินใจที่จะยอมไปถึงขั้นตอนสุดท้ายกับผู้ชายคนนี้ไง จะไม่ให้ประหม่าเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
พี่กชปล่อยให้ผมไปเดินเล่นอยู่ในร้านเกมครู่ใหญ่ขณะที่ตัวเองแวบไปซื้อของที่จำเป็นมาสำหรับคืนนี้ เอาเป็นว่าผมไม่ต้องถาม และพี่กชก็ไม่จำเป็นต้องบอกหรอกว่ามันคืออะไร เป็นอันรู้ๆ กันอยู่
ผมได้แผ่นเกมเพลย์สี่มาแผ่นหนึ่งแลกกับเงินมากมายที่หลุดลอยออกจากกระเป๋าไป ส่วนพี่กชนี่ซื้อของมาตั้งสองถุง คือพี่แกคงอายเหมือนกันถ้าจะซื้อแค่ของที่จะเอาไว้ใช้บนเตียงเจ้าตัวเลยหอบขนมกับเสบียงยังชีพไปคิดเงินด้วย เห็นแล้วทั้งเอ็นดูทั้งขำ แต่ก็ขอบคุณเหมือนกันที่เขายอมบากหน้าไปจัดการเรื่องนี้คนเดียว
แต่ของจริงมันเริ่มขึ้นหลังจากที่เราจัดแจงเก็บข้าวของที่ซื้อมาเข้าที่ เหลือแต่ของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ นี่ต่างหาก
ผมเหงื่อตกตอนที่หยิบขวดเจลหล่อลื่นขึ้นมาพลิกดู พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ผมไม่ได้ใช้คำอุทานนี้มานานล่ะนะแต่ขอหน่อยเถอะ ชีวิตผมมาอยู่ที่จุดนี้ได้ไงเนี่ย แล้วอะไรคือการที่เจลหล่อลื่นเป็นกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่เหรอ คิดว่าตัวเองเป็นนมขวดรึไง
“มิว” พี่กชเรียก ผมหันกลับไปหาเขา รับรู้ได้ถึงความประหม่าเล็กน้อยในท่าทางนั่น “คือ… เอ่อ จะอาบน้ำก่อนหรือให้พี่อาบก่อน? ”
“ผมขออาบก่อนนะพี่” ผมรีบหยิบข้าวของจำเป็นพุ่งตรงเข้าไปอย่างว่องเลย คือตอนนี้ไม่กล้าสบตาพี่กชด้วยซ้ำ โคตรจะเขิน บางทีทำตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็อายไปหมดแบบนี้น่ารำคาญนะ ไม่ได้ๆ ๆ ผมต้องสงบจิตสงบใจให้มากกว่านี้ดิ นี่มันถึงขั้นนี้แล้วนะ
พี่กชสลับเข้าไปอาบน้ำต่อจากผม ระหว่างนี้ผมก็ผ่อนคลายตัวเองด้วยการทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบข้อความน้องมังกรอีกสักนิด จากนั้นก็ตอบพี่แอมป์ที่คุยค้างไว้เรื่องเกม พี่แอมป์เลยขอนัดแนะเวลาที่เราจะเล่นด้วยกันได้ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องเกมที่เราคุยกันไว้ผมลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว น่าเล่นอยู่ แถมเล่นพร้อมกันได้หลายคน
ระหว่างที่กำลังตอบข้อความที่พี่แอมป์ส่งกลับมาผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะสัมผัสเย็นเฉียบแนบลงบนหลัง พี่กชล้วงมือเข้ามาใต้เสื้อผมน่ะเอง ให้ตายเถอะ หัวใจจะวาย นึกว่าพี่หลอก มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย
“พี่กช” ผมหรี่ตา มองเขาที่ออกมาโดยนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “ใส่เสื้อผ้าก่อนสักรอบไหมพี่”
“ใส่ทำไม” เดินไปเป่าผมด้วยไดร์ที่ผมเอาออกมาตั้งหน้าโต๊ะไว้ก่อนแล้ว “เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี มิวเถอะ จะรีบใส่เข้าไปทำไม”
แล้วจะให้ผมมาโป๊เปลือยอยู่บนเตียงรึไง แบบนั้นก็ดูกระเหี้ยนกระหือรือไปไหม
พี่กชวางไดร์เป่าผมลง ผมเองก็วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง เหมือนเราสองคนพยายามทำตัวเป็นธรรมชาติทั้งที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรเป็นธรรมชาติทั้งนั้น เพราะงั้นผมถึงได้สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่ร่างสูงเดินกลับมา เชยคางผมขึ้นไปแล้วกดจูบอ่อนหวานลงมา
ผมเขยิบตัวขึ้นไปบนเตียงขณะที่พี่กชเริ่มปีนขึ้นมา ไม่กี่อึดใจมือหนาก็ผลักผมไปนอนราบกับฟูก ทาบจูบร้อนลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับตั้งใจจะให้ผมละลายติดเตียงไปทั้งๆ แบบนี้
“อือ” ผมครางในลำคอขณะพยายามหันหน้ารับให้ทันกับจูบที่กดย้ำลงมาไม่หยุดหย่อน ลิ้นพี่กชแทบจะกวาดหาทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในปาก มือก็เริ่มดึงเสื้อผ้าผมออกทีละชิ้น ส่วนของตัวเขาเองน่ะง่ายมากเลย กระตุกทีเดียวก็เปลือยทั้งตัวแล้ว ให้ตาย… ทำไมพี่กชหุ่นดีจังวะ หุ่นนักกีฬานั่นมันเพราะเขาเล่นกีฬาบ่อยใช่ไหม อย่างวันนี้ที่ไปเตะบอลกับพี่บอสมาก็เหมือนกัน
“คิดอะไรอยู่น่ะ” พี่กชว่าเหมือนน้อยใจนิดๆ นี่พี่แกอ่านใจได้หรือยังไง “อย่าบอกนะว่าคิดถึงคนที่คุยด้วยอยู่เมื่อกี้ ที่ชื่อแอมอะไรนั่น”
“พี่แอมป์ครับ” ฉิบหาย ลืมไปว่าพี่กชเพิ่งหึงผมกับแนทไปสดๆ ร้อนๆ ยังจะมีพี่แอมป์มาเอี่ยวอีกเรอะ “แค่เล่นเกมด้วยกันเฉยๆ ”
“เห็นคุยกันจี๋จ๋าเชียว” ไม่พูดเปล่า ไซ้หน้าลงมาบนซอกคอผมอีกแล้ว ให้ตายเถอะ จั๊กจี้ชะมัด “พี่ไม่ชอบเลยนะเวลามิวทำให้พี่หึงแบบนี้”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ… อ๊ะ” ไหวตัวอีกรอบเมื่อมือแกร่งเริ่มไต่ลงไปซุกซนอยู่แถวๆ ต้นขา ผมหลับตาปี๋เมื่อพี่กชเลื่อนหน้ามาจูบปิดปากผมอีกรอบ ฝ่ามืออุ่นเริ่มกุมรอบส่วนนั้นของผมแล้วขยับขึ้นลง
พี่กชผละจูบออก เลื่อนริมฝีปากไปคลอเคลียอยู่แถวยอดอกผมแทน เสียงดูดที่มาพร้อมกับสัมผัสอุ่นชื้นสลับกับลมหายใจร้อนที่เป่ารดลงมาทำให้ผมเกร็งตัว แอ่นอกขึ้นไปให้อีกฝ่ายลิ้มลองร่างกายตัวเองมากขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่
คนด้านบนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก เขาใช้เวลาเล้าโลมผมในจุดอ่อนไหวของร่างกายอยู่ครู่ใหญ่ ไล้ปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังนิด ลากวนอยู่สะโพกอีกหน่อย แถมมืออีกข้างก็ซนอยู่แถวๆ หว่างขาของผมอีก ให่้ตายเถอะ รู้สึกดีชะมัด ผมหยุดเสียงของตัวเองไม่ได้เลย
“อ๊ะ! ” แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งด้วยความตกใจเมื่อพี่กชลดหน้าลงมาครอบปากลงบนส่วนนั้นของผม ความนุ่มหยุ่นที่กระแทกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมร้องคราง
ผมขยับสะโพกรับจังหวะที่พี่กชปรนเปรอให้อย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้ปากทำให้ผมหรอกนะ แต่แม่ง รู้สึกดีชะมัด ทำไมพี่กชใช้ปากโคตรเก่งขนาดนี้
นิ้วเรียวของอีกฝ่ายเลื่อนมาจ่ออยู่ที่ปากทางเข้าด้านหลังโดยที่ปากยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน นัยน์ตาสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยความรุ่มร้อนช้อนขึ้นมามองผมเหมือนจะหยั่งเชิง ผมได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจแรงขึ้น จากนั้นร่างกายก็กระตุกอีกรอบเมื่อพี่กชสอดนิ้วเข้ามาด้านในอย่างนุ่มนวล
ผมจิกปลายเท้าลงกับผ้าปูเตียงเมื่อนิ้วที่สองชำแรกเข้ามา ให้ตายเถอะ เหมือนจะเห็นดาวเลย ก้ำกึ่งระหว่างรู้สึกดีกับน่าสะพรึงกลัวแบบแปลกๆ
“อ่า… พี่” ผมครางเรียกเขาอย่างสติไม่อยู่กับตัว พี่กชขยับท่อนนิ้วด้านในเพื่อความหาจุดที่ทำให้ผมไปถึงจุดสุดยอดได้ ประเด็นคือเขาทำมันไปพร้อมกับรูดปากขึ้นลงบนท่อนนั้นของผมไปพร้อมๆ กันต่างหาก
ให้ตาย… ให้ตายเถอะ หายใจไม่ทันแล้ว พี่กชกำลังจะทำให้ผมคลั่งจริงๆ แล้วนะ
“อ๊ะ! ” แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อท่อนนิ้วนั้นกระแทกลงบนจุดจุดหนึ่ง แล้วยิ่งพี่กชกระแทกย้ำลงมาในจุดเดิมซ้ำๆ ผมก็ดิ้นไม่หยุด
ให้ตาย… ผมอยากได้มากกว่านี้ ผมอยากให้เราทำกันสักที
“พี่…” ผมพยายามห้ามเสียงครางเพื่อเรียกเขา “พี่กชครับ…”
“อืม” เหมือนเขาจะรู้ว่าผมต้องการอะไร
ร่างผมกระตุกเล็กน้อยตอนที่พี่กชถอนนิ้วออกไปอย่างเชื่องช้า มือแกร่งจัดแจงท่าให้ผมชันเข่าหันหลังให้เขา ผมได้ยินเสียงพี่กชเปิดขวดเจลหล่อลื่น เสียงฉีกซองของถุงยางอนามัย ก่อนที่นิ้วทั้งสิบของผมจะจิกลงกับผ้าปูเตียงเมื่อนิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลที่ว่าชำแรกเข้ามาในตัวผมอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
“อ๊ะ… ฮ้า” ให้ตายเถอะ ท่อนขาผมสั่นไปหมด เจลที่ชโลมเข้ามาทำให้ผมยิ่งรู้สึกทรมานกับความปรารถนาอันร้อนรุ่มของตัวเอง
เขาถอนนิ้วออกไปอีกครั้ง ผมเฝ้ารอให้เขาสอดใส่เข้ามาอย่างตั้งใจเลยคราวนี้ แต่บทพี่กชจะทรมานผมเขาก็ทำได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ท่อนแข็งๆ ของอีกฝ่ายถูกฟาดลงมาบนบั้นท้ายผมเหมือนจะยั่ว ผมแทบจะอ้อนวอนให้เขาเติมเต็มให้ผมสักที หากพี่กชค่อยๆ แทรกร่างก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร
“อ๊ะ… อื้อ” ความคับแน่นที่มาพร้อมกับความเจ็บแปลบทำเอาผมน้ำตารื้น ฝ่ามืออุ่นลูบสะโพกผมแผ่วเบาราวกับต้องการปลอบโยน
“ผ่อนแรงหน่อยครับ มิว” เสียงทุ้มว่า เลื่อนมือข้างหนึ่งมาปรนเปรอส่วนด้านหน้าของผม “ไม่อย่างนั้นพี่จะเข้าไปไม่ได้นะ”
ผ่อนแรงเหรอ… ผ่อนยังไงล่ะ ผมไม่รู้เขาทำกันยังไงนี่
ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น จิกนิ้วลงบนเตียงอย่างหาที่ระบาย เสียงครางอย่างสุขสมดังมาจากปากพี่กชขระที่ค่อยๆ สอดแทรกแก่นกลางของตัวเองเข้ามาได้ เสียงนั่นปลุกเร้าอารมณ์ผมเป็นบ้า และเมื่อของพี่กชเข้ามาทั้งลำผมก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว มีแค่ความเสียวซ่านล้วนๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้
“ให้ตายเถอะ” พี่กชคราง มือลูบเนื้อตัวของผมอย่างหลงใหล เสียงเขายังฟังดูเหมือนเพ้อเลยตอนที่พูด “ข้างในมิวแม่ง… โคตรแน่นเลย พี่ขยับเลยได้รึเปล่า? ”
“พะ… พี่” ผมได้แต่ครางอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลอมละลายไปกับสัมผัสของเขา จนกระทั่งพี่กชกระแทกเอวลงมารัวๆ กดซ้ำลงบนจุดที่ทำให้ผมแทบดิ้นได้ที่เดียวกับตอนที่ใช้นิ้วเมื่อครู่ “อะ… อื้อ พี่กช ฮื้อ”
ถึงจุดหนึ่งตัวผมเองก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว เหมือนร่างกายจะดูดซับความเสียวซ่านทั้งหมดเอาไว้แล้วปลดปล่อยออกมารวดเดียว พี่กชเองก็ถึงจุดสุดยอดไล่เลี่ยกับผมเหมือนกัน ผมแทบคลานเมื่อมือหนาปล่อยเอวผมออกอย่างอ้อยอิ่ง
ทิ้งน้ำหนักตัวลงนอนกับพื้นเตียง พี่กชคลานมาอยู่เหนือตัว หันหน้าผมไปจูบกับเขาอย่างอ่อนหวานเหมือนจะปิดท้ายยกแรกของเรา
ให้ตาย… ผมรักเขาจัง รักจนไม่รู้จะแสดงออกยังไงดี เหมือนความรู้สึกนี้จะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว
“มิว” เขาพูดขึ้นมาขณะที่ใช้นัยน์ตาสน้ำตาลคู่สวยนั่นจ้องผมอย่างหลงใหล “พี่รักมิวนะ”
เขากอดผม จากนั้นก็ทาบจูบลงมาอีกครั้ง ผมยกแขนขึ้นกอดตอบเขา ยกขาก่ายขึ้นสะโพกของคนด้านบนอย่างเคลิบเคลิ้ม
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเราคงไม่จบแค่หนึ่งยก และผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกรักเขาผ่านคำพูดก็ได้นี่ จริงไหม?
-----------------------------------
Talk: มาดึกหน่อย... แบบว่า บทนี้มันหนักน่ะค่ะ... //หนักกันเรื่องบนเตียงนี่แหละ -.,- ถถถถถถถ