กลับมาแล้ว หลังจากที่คอมจากเราไปสามเดือน T_T ในที่สุดมันก็ลับมา
มาลงอย่างเร่งด่วน และจากนี้การอัพนิยายจะกลับเข้าสู่ปกติแล้วนะครับ ขอแสดงความยินดีกับนักอ่านทุกท่าน ^^
อาทิตย์นึงน่าจะลงประมาณ 3 ตอน หรือ อาจจะขึ้นอยู่กับเวลาของผู้แต่งเพราะตอนนี้เรียนหนักมาก
ถ้ามีเวลาอาจจะมาทุกวันและขอขอบคุณทกท่านที่ยังคงติดตาม (หรือเปล่า???) 55555555555555
Chapter 22
หลายๆวันผ่านไปวารินทร์เริ่มมีความใกล้ชิดกับวายุมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พายุไม่ชอบใจอย่างมากแต่ก็ยังไม่อยากพูดอะไรออกไปเพราะยังไงเสียวายุก็เป็นน้องและที่สำคัญวายุยังคงเล็งนารินทร์ไว้อยู่ด้วย แต่พายุก็แอบหวั่นใจไม่ได้ว่าถ้าหากวารินทร์กับวายุเกิดมีความสัมพันธ์กันขึ้นมาจริงๆล่ะก็…เค้าจะทำยังไง
“ไอ้วายุ…กูมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” ในที่สุดพายุก็จัดสินใจที่จะพูด วายุมองเห็นสีหน้าพี่ของตัวเองก็พอจะเดาออกว่ามีเรื่องทุกข์ใจอยู่ในอก และถ้าวายุเดาไม่ผิดเรื่องนั้นก็คงจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับวารินทร์อีกแน่นอน เพราะวารินทร์เอาใจใส่วายุมากในช่วงหลังทั้งทำอาหาร ทั้งรอการกลับบ้านของวายุพร้อมกับอาหารว่างก่อนนอน ซึ่งต่างกับพายุลิบลับที่วารินทร์ไม่เคยทำอะไรให้กับพายุเลย…พายุเดินนำวายุเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของตัวเองแล้วปิดล็อคทันทีเพื่อกันการลักลอบแอบฟังจากคนอื่น
“พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า”
“กูไม่ชอบเวลามึงอยู่กับวารินทร์…โดยเฉพาะเวลามึงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง” พายุเปิดฉากบทสนทนาทันที เพราะตัวพายุเองก็ไม่อยากจะอ้อมค้อมอะไรอยู่แล้ว วายุที่ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
“พี่น่าจะรู้นะว่าผมคิดยังไง” วายุตอบกลับเสียงนิ่งเพราะไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าพี่ชายของตัวเองจะหึงแม้กระทั่งตัวเค้าเองที่เป็นน้องชายแท้ๆแถมยังมีจุดยืนที่ชัดเจนคือ เค้าต้องการนารินทร์ไม่ใช่วารินทร์
“ถึงจะยังไงก็ช่าง…กูไม่ชอบ” พายุจ้องหน้าวายุนิ่ง ส่วนวายุเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ได้ชื่อว่าเจ้าชายน้ำแข็งอย่างนายสุบรรณ จะสามารถงี่เง่าคิดอะไรปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้ ทำให้วายุรู้สึกสังเวชใจกับพี่ชายไม่น้อย
“เรื่องของพี่เถอะ ถ้าพี่จะคิดได้แค่นี้ล่ะก็นะ…สมองพี่ก็มีลองคิดทบทวนดูสิพี่” วายุพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องทันที แต่พายุกลับกำลังร้อนเป็นไฟที่ถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องมายืนสั่งสอนเป็นฉากๆแบบนี้
ตลอดทั้งวันของวันนี้พายุไม่มีสมาธิทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว เนื่องจากใจของเค้ายังคงแต่จะคอยวนเวียนคิดถึงแต่หน้าของวารินทร์ที่ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ที่บ้านของเค้าอยู่ คิดถึงจูบแสนหวานนั้น จนบางทีอยากจะทำมากกว่าจูบแต่พายุคิดว่าได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว เพราะทุกวันตอนดึกๆพายุจูบกับวารินทร์มาตลอดทุกคืนและมันก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ แถมวารินทร์เองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดด้วย
“ท่านประธานคะ…มีเอกสารให้ทานเซ็นค่ะ” สาวสวยหุ่นเพรียวแต่งหน้าจัด และแต่งตัวสุดเซ็กซี่ ซึ่งเธอเป็นเลขาส่วนตัวของพายุ แต่เธอต้องการจะเป็นมากกว่านั้นจึงพยายามทำทุกวิถีทางให้ประธานบริษัทหันมาสนใจเธอ และแน่นอนว่าพายุก็รู้ดีเพียงแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเสียอย่างนั้น เพราะในใจของเค้าตอนนี้มีแต่วารินทร์เท่านั้น
“วางไว้แล้วก็ออกไปได้แล้ว” พายุสั่งเสียงเครียดแต่มันก็ส่งผลให้เลขาสาวของพายุไม่กล้าเซ้าซี้หรือถามอะไรต่ออีก ได้แต่เดินออกไปจากห้องด้วยความเงียบเชียบ
“คุณทำอะไรกับผมนะ…วารินทร์” พายุบ่นพรึมพรำกับตัวเองก่อนจะพยายามสะบัดความคิดพวกนั้นออกไปจากหัว…แต่มันก็ทำยากเหลือเกิน
ช่วงบ่ายของวันนี้นารินทร์ไม่มีเรียนแต่ก็ถูกใครบางคนบอกว่าให้มารอกลับบ้านพร้อมกัน และคนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวายุ ทำให้นารินทร์ต้องมานั่งรอคนตัวโตอยู่หน้าตึกคณะบริหารเพียงคนเดียว แต่เป็นเพราะระยะหลังมานี้นารินทร์สนิทกับวายุมากขึ้นจนสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง และเป็นเพราะวายุทำให้นารินทร์ได้เห็นถึงความจริงใจของวายุ ทำให้กำแพงที่นารินทร์สร้างขึ้นถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของวายุโดยไม่เหลือซาก…
“มารอใครหรอคะน้อง” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของนารินทร์ และเมื่อนารินทร์หันไปหาต้นตอของเสียงก็ปรากฏผู้หญิงตัวสูงหุ่นนางแบบแต่งหน้าจัดและแต่งตัวออกจะเกินคำว่านักศึกษาไปหน่อย เพราะด้วยเสื้อที่รัดหน้าอกจนแทบปริกับกระโปรงสั้นที่แหวกข้างขึ้นจนแทบจะเห็นบั้นท้าย ทำให้นารินทร์เผลอมองผู้หญิงคนดังกล่าวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“มารอพี่ครับ…พวกพี่มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” นารินทร์รู้ดีว่าคนพวกนี้ต้องการจะเข้ามาหาเรื่องเฉยๆ เพราะในเว็บข่าวซุบซิบของมหาลัยดันมีเรื่องที่เค้ากับวายุไปไหนด้วยกันสองต่อสองพร้อมรูปถ่ายอีกหลายรูปซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนจนตกเป็นประเด็นฮือฮาไปทั่วมหาวิทยาลัย
“มารอวายุหรอคะ…แต่เอ วายุเค้านัดพี่ไว้แล้วนี่คะ…หรือว่าเค้าจะลืมไป” ผู้หญิงคนดังกล่าวจงใจยั่วนารินทร์ แต่นารินทร์เพียงแค่ยิ้มกลับอย่างสมเพช…เล่นกับใครไม่เล่น เดี๋ยวรู้เรื่อง หึหึ!!!
“งั้นเชิญรอพร้อมกันเลยดีกว่าครับ…เชิญนั่งครับพี่ อีกไม่กี่นาทีก็จะเลิกแล้วประมาณสิบนาที หวังว่าพี่คงจะรอได้นะครับ” หญิงสาวออกจะงงนิดหน่อยแต่ก็ทำหน้าเชิดอย่างเดิมก่อนจะนั่งรอวายุอย่างไม่เกรงใจคนที่นั่งอยู่ก่อนเลยสักนิดเดียว
“อุ้ย…พี่วายุมาแล้ว…พี่วายุขา พี่วายุ” รุ่นพี่สาวแสนสวยรีบวิ่งเข้าไปหาวายุอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกวายุยิ้มให้เพียงนิดเดียวก่อนจะเดินตรงมาหาเป้าหมายที่มารออยู่ก่อนแล้ว
“รอนานเบื่อไหมครับ” นารินทร์ยกยิ้มอย่างผู้ชนะให้กับผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอส่งสายตาอาฆาตกลับมาให้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นารินทร์สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“ไม่นานหรอกพี่วายุ…นารอได้นะครับ” นารินทร์จงใจยั่วให้ผู้หญิงอีกคนได้เห็นว่าใครคือคนที่สำคัญต่อวายุมากกว่ากัน และแน่นอนว่าวายุต้องเลือกนารินทร์แน่นอน
“พี่วายุคะ…ที่รับปากมีมี่ว่าจะไปงานวันเกิดของมีมี่คืนพรุ่งนี้ล่ะคะ”
“ว่าไงดี เดี๋ยวแปบหนึ่งนะครับ…พรุ่งนี้พี่จะไปงานวันเกิดมีมี่เค้า ไปได้ไหมครับ” วายุหันมาถามนารินทร์อย่างขออนุญาต ซึ่งนารินทร์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวายุจะต้องขอเค้าก่อนด้วย
“ก็แล้วแต่พี่สิครับ” นารินทร์ตอบวายุเสร็จก็หันหน้ากลับไปหามีมี่เพื่อขออะไรบางอย่าง
“พี่ไปก็ได้ครับ…แต่พี่ขอเอาแฟนไปด้วยนะครับ” มีมี่หน้าเปลี่ยนสีทันทีกับสิ่งที่วายุพูด นารินทร์เองก็แอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่วายุให้ฐานะกับเค้าเป็นแฟน แต่นารินทร์คิดว่าควรจะเล่นตัวสักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้วายุได้ใจมากจนเกินไปและอีกเหตุผลหนึ่งที่เค้าอยากจะลืม…เพราะนารินทร์เป็นนาค
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” มีมี่จำใจต้องยอมรับเสียงเจื่อนๆ เพราะไม่อย่างนั้นวายุไม่มีทางไปแน่นอน…หลังจากการสนทนาจบลงวายุก็พานารินทร์ไปเดินซื้อของเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับมีมี่จนเสร็จ เมื่อขึ้นรถนารินทร์จึงแกล้งถามวายุว่า…
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้นากลับเองก็ได้นะ พี่วายุจะได้ไปรับแฟนพี่ไปงานวันเกิดพร้อมๆกัน” วายุคิ้วขมวดทันทีที่นารินทร์พูดจบ เพราะแฟนในความคิดของวายุก็คือนารินทร์จะไปมีคนอื่นอีกได้อย่างไร
“พูดอะไรน่ะ…แฟนพี่ก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง”
“ขี้ตู่แล้ว พี่วายุ…ใครเป็นแฟนพี่” นารินทร์เถียงกลับอย่างไม่ยอม เพราะนารินทร์รู้ตัวดีว่าใจของเค้าในตอนนี้มันถลำลึกมากเกินไปเสียแล้ว…มากเกินกว่าที่จะสนว่าอะไรคืออะไร
“งั้นนาเป็นแฟนพี่นะครับ” นารินทร์หน้าร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศในรถก็ทำงานเป็นปกติดีออกจะเย็นจนเกินไปแล้วด้วยซ้ำ
“พี่วายุ…รู้ใช่ไหมว่าอะไรคืออะไร” นารินทร์พูดด้วยสีหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่านารินทร์ไม่ชอบวายุ แต่เพราะเรื่องบางอย่างที่มันไม่อาจจะมาบรรจบกันได้ ซึ่งนารินทร์เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่เค้ามีให้กับวายุในตอนนี้
“พี่รู้…แต่พี่ไม่สน ทำไมครับ ครุฑกับนาคจะรักกันไม่ได้หรอ…มีใครเคยบอกไว้หรือเปล่าว่าเราจะต้องเป็นศัตรูกันตลอดไป” นารินทร์เงียบอย่างเถียงไม่ออกเพราะที่วายุพูดมาถูกทุกอย่าง ของแบบนี้ขึ้นอยู่ที่ใจล้วนๆ และเค้าไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนั้นออกมาจากปากวารินทร์สักครั้งเดียวว่า…นาคกับครุฑรักกันไม่ได้
“แต่นาเป็นผู้ชายแล้วพี่ก็เป็นผู้ชาย”
“ผู้ชายแล้วยังไงล่ะ…อื้มมมมมม” วายุจู่โจมจูบนารินทร์ทันทีที่พูดจบ ทำให้นารินทร์ที่ไม่ได้ตั้งตัวตกใจเล็กน้อยพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเสมือนว่ามันจะหลุดออกมาจากอกเสียเดี๋ยวนี้…วายุจูบนารินทร์ไว้อย่างเนิ่นนานจนอีกฝ่ายคล้อยตามเค้าไปอย่างมีอารมณ์ร่วม
“หึหึ…คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้วนะ” วายุผละออกจากตัวนารินทร์แล้วออกรถไปต่อทันที ทิ้งให้นารินทร์นั่งอ้ำอึ้งเขินจนหน้าแดงอยู่คนเดียวข้างๆ แต่ในใจนารินทร์กลับกลัว…กลัวว่าถ้าสักวันหนึ่งพญาครุฑกลับมาฆ่าพญานาคอย่างเค้าอีกครั้งหนึ่งล่ะ ไม่ได้เป็นการฆ่าให้ตายอย่างเลือดเย็น…แต่ฆ่าอย่างตายทั้งเป็น!!!
“คิดอะไรอยู่หน้าเครียดเชียว…ไม่เชื่อที่พี่พูดหรอ” วายุจอดรถหน้าบ้านวารีรินทร์ แต่นารินทร์กลับไม่รู้สึกตัวเพราะกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“เปล่าครับ…นาจะเชื่อพี่สักครั้งก็ได้” สุดท้ายแล้วนารินทร์ก็เลือกทำตามใจตัวเอง เรียกรอยยิ้มจากวายุได้อย่างมากมายมหาศาล เพราะนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปนารินทร์ก็คือดวงใจของวายุอย่างสมบูรณ์ แม้จะอยู่ในใจมานานแล้วก็ตาม
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ…แล้วจะรอพรุ่งนี้นะ” นารินทร์ยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะปิดประตูลงแล้วเดินเข้าบ้านไป…นารินทร์เดินมาได้สักพักสัตว์ขนาดใหญ่ก็เลื้อยมาขวางนารินทร์ไว้ทันที
“พี่ดำ…มีอะไรหรือเปล่า” นารินทร์ถามอย่างสงสัย
“คิดดีแล้วใช่ไหมเรื่องนั้นน่ะ…พี่ไม่ห้ามหรอก แต่อยากให้ระวัง…คนๆนั้นของนารินทร์กำลังจะมีเคราะห์ใหญ่จากพวกของตัวเอง” พี่ดำพูดแค่นั้นก็เลื้อยหายเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว นารินทร์ได้แต่คิดวนไปวนมาว่าสิ่งที่พี่ดำพูดทิ้งไว้เป็นปริศนานั้นคืออะไร
“หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรงนะ” สัญชาตญาณของนารินทร์เริ่มตื่นตัวขึ้น ลางสังหรณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้นารินทร์คิดไม่ตก แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าสิ่งนั้นคืออะไร