{{{{{{{{{ เ พ ลิ ง ใ น ว า ยุ }}}}}}}}} บทส่งท้าย [p14 up13.07.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{{{{{{{{ เ พ ลิ ง ใ น ว า ยุ }}}}}}}}} บทส่งท้าย [p14 up13.07.59]  (อ่าน 165532 ครั้ง)

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ทรมานน่าดูเลย :pig4: ที่มาต่อนะ

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
จะมาต่อยังคะ

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
ตอนที่ 8.1






   ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับวายุ ผมรู้สึกได้ว่าเขามักจะแผ่รังสีประหลาดที่ทั้งดึงดูดให้คนอยากเข้าใกล้และผลักไสคนให้ถอยห่าง
 
อาจเพราะหน้าตารูปลักษณ์ไร้ที่ติราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายทำให้ใครต่อใครไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างพากันหลงใหลในขณะเดียวกัน ภาพภายนอกที่สวยงามก็ฉาบความน่าเคลือบแคลงสงสัยเอาไว้ด้วยในเมื่อมีคนมากหน้าหลายตาอยากครอบครองหรือชิดใกล้ความสัมพันธ์เชิงโลกีย์กับใครต่อใครจึงได้มีตามมานับไม่ถ้วนหากมีคนเสนอจะตอบสนองก็คงไม่แปลก
 
ทว่าสำหรับผมแล้ว คนที่สามารถนอนกับใครได้ไม่เลือกหน้าแบบเขา
 
ผม เกลียดที่สุด
 
และความเกลียดนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร มันยังคงอยู่ คอยกัดกินเนื้อที่ในหัวใจผม
 
หนึ่งปีกับอีกสี่เดือน
 
ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองไม่สามารถขจัดความรู้สึกที่ครอบงำจิตใจออกไปได้แม้เพียงเศษเสี้ยว
 
ยิ่งความเกลียดมีมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งฝังตัวอยู่ในหัวใจผมลึกขึ้นมากเท่านั้น
 
แม้บางวันความรู้สึกนั้นจะเจือจางไป จนบางครั้งคิดว่าทุกอย่างที่เคยรู้สึกเป็นเพียงแค่ฝัน ทว่าวันนี้ ราวกับความรู้สึกได้ย้อนหวนกลับคืน
 
ทันทีทีเห็นวายุเดินเข้ามาในวิถีสายตา หลังจากที่ผมและเขาไม่ได้เจอกันตรงๆ มาตลอดปีกว่า รูปร่างความเกลียดที่เคยคิดว่ามันอาจจางหายไปแล้วกลับก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างชัดขึ้น
 
ผมไม่เคยลืมเจ้าของใบหน้าและร่างกายนั้น ไม่เคยลืมกลิ่นกายอันแสนดึงดูดนั่น
 
ไม่เคยลืมคนที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาภายในอาณาบริเวณป้ายรถ และมาหยุดอยู่ด้านข้างผม
 
อากาศดีจังน้า...”
 
อีกฝ่ายเอ่ยคำพูดออกมาลอยๆ ด้วยนำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงจะพูดออกมาอย่างนั้นหากแต่เห็นได้ชัดว่าเขาเหงื่อโทรมกายด้วยไอแดดแรงจ้า
 
แค่เห็นก็เกิดความหงุดหงิดใจราวกับว่าร่างที่กำลังยืนอยู่ข้างใกล้นี้สามารถแผ่รังสีที่ทำให้ผมไม่พอใจได้ตลอดเวลา
 
ผมไม่ปิดบังอารมณ์ที่ขุ่นมัว ไม่ว่าใครก็คงต้องรู้สึกถึงความกดดันนี้
 
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับความรู้สึกผมได้ ไม่นานนักเขาจึงเดินออกจากร่มและไปจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
 
ริมฝีปากแดงเรื่อพ่นควันออกด้วยท่าทีผ่อนคลาย รวงควันสีขาวขุ่นม้วนตัวขึ้นเป็นสายในอากาศก่อนจะกระจายตัวออกไป ระยะห่างที่ไม่ไกลกันนัก ทำให้ได้กลิ่นบุหรี่ที่ออกจะรังเกียจเคลือบคลุมกลิ่นน้ำหอม กลิ่นที่หลอมรวมไม่อาจแยกจากกลิ่นเนื้อกาย ผสมผสานกลายเป็นกลิ่นที่ชวนนำพาให้สติหลุดลอยเข้าหาเจ้าของกลิ่นนั้น
 
วายุดูไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ไม่ยี่หระยังไงก็ยังคงไม่ยี่หระอยู่อย่างนั้น แม้กระทั่งน้ำเสียงยังฟังดูเสแสร้งเหมือนเคย
 
ทั้งใบหน้าขาวซีดทั้งริมฝีปากแดงที่เม้มสนิทหากแต่เย้ายวนดึงดูดเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมออกหลายเม็ดแล้วยังเปียกชื้นเหงื่อจนแนบติดไปกับร่างกายเนียนผ่องนั่นก็ด้วยทุกอย่างทำให้ผมเกลียด เกลียดมากจนอยากถอยห่างไปให้ไกลจากความสวยงามที่อาจลวงให้เข้าไปติดกับตกหลุมอีกครั้ง
 
และครั้งนี้...ผมรู้ว่าหากหลงไปกับสิ่งลวงหลอกอีก ผมคงหมดสิ้นหนทางหนีและคงขาดใจตายอยู่ในหลุมนั้นไม่มีวันได้กลับขึ้นมาอีก
 
เพราะงั้นความเกลียดที่ปรากฏชัดเจนขึ้น เป็นสิ่งที่ผมน้อมรับเอาไว้แต่โดยดี อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมั่นใจว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น
 
ทว่าเวลาที่วายุล้มทรุดลงต่อหน้า ความรู้สึกที่พยายามยึดติดก็ราวกับจะพังครืนลงตาม
 
ผมรับร่างเขาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะกระแทกลงกับพื้นคอนกรีต ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นได้
 
จะว่าไม่เคยคิดว่าวายุจะมีวันที่แสดงแง่มุมอย่างคนทั่วไปก็ใช่ ในสายตาผม วายุเป็นรูปปั้นไร้ความรู้สึก ไร้ชีวิตจิตใจ โลกภายนอกไม่มีทางไปกระทบความรู้สึกเขาได้
 
ผมคิดอย่างนั้น จนกระทั่งเวลาที่ประคองร่างขาวซีดไว้ในอ้อมแขน ความเกลียดกลับสั่นคลอน
 
ไม่ว่าจะเอ่ยเรียกวายุยังไงเขาก็ไม่ตอบรับ เขาดูเปราะบางกว่าที่ผมคิดไว้ ไฝเจ้าน้ำตาใต้ตาซ้ายทำให้รู้สึกว่ารูปปั้นที่สวยงามอย่างไรก็มีย่อมมีจุดด่างพร้อย ผิวขาวซีดราวกับจะโปร่งใสจนเห็นเส้นเลือดจางๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าหากทำรุนแรงก็คงทำให้เกิดรอยฟกช้ำง่ายๆ เหมือนวันนั้น
 
ผมอยากให้เขาแค่แกล้งทำเป็นอ่อนแอ เพราะรูปปั้นอย่างเขาควรจะตั้งตระหง่านอย่างมั่นคงไม่ใช่หรือ

ไอร้อนแผ่จากรูปปั้นที่ ไม่ควร มีชีวิตจิตใจ จะโกหกตัวเองว่าวายุเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาต่อไปก็คงได้ ทว่าความเป็นจริงนั้นตอกย้ำในสิ่งตรงกันข้าม

ถ้าหากรูปปั้นนี้ไร้ชีวิตจริง ผมก็ไม่ควรสัมผัสได้ถึงกระแสลมหายใจที่กำลังผะแผ่วอยู่ตรงหน้า

ถ้าหากรูปปั้นนี้ไร้ความรู้สึกจริง ผมก็ไม่ควรต้องกังวลเมื่อเห็นเขาหมดสติ

และถ้าหากคนมีเลือดเนื้ออย่างวายุสามารถทำตัวเองให้กลายเป็นเพียงแค่หุ่นไร้ชีวิตจิตใจได้จริง

คนมีเลือดเนื้ออย่างผม ก็ควรสามารถทำตัวให้เป็นเพียงแค่หุ่นที่ไร้ซึ่งความรู้สึกได้เช่นกัน

แต่ผมไม่ใช่หุ่น...และวายุเองก็...
 

 

-----------------
 
 

เวลาที่เดินมาถึงห้องสมุด ที่เป็นจุดนัดพบในการทำงานกลุ่ม วายุก็นั่งอยู่ก่อนแล้ว

ใบหน้าสวยราวกับรูปปั้นเทพเจ้าคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อเห็นผม ช่างเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้สงสัยในความหมาย ภายใต้ความงดงามนั้น จะแฝงอะไรเอาไว้บ้างไม่มีใครล่วงรู้ น่าแปลกที่ผมไม่ได้เกิดอารมณ์หงุดหงิดเหมือนทุกที

ผมเลือกนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา ไม่ได้ยิ้มหรือทักทายตอบ บนโต๊ะมีเพียงแค่ผมกับวา สมาชิกอีกสองคนยังไม่มาเพราะอาจติดฝนด้านนอกทำให้มาช้ากว่าที่นัดหมายไว้

ระหว่างที่รอ เราไม่ปริปากเอ่ยคำพูดใดแม้แต่คำเดียว วายุเหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่าง เวลาก็ผ่านมาพอสมควรเกินกว่าจะเอ่ยทักทาย ผมจึงคิดว่าที่เขาอึกอัก อาจจะเพราะเรื่องเมื่อวาน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร

หากเป็นเมื่อปีก่อน ผมคงไม่คิดมองหน้าเขาตรงๆ แต่ตอนนี้ผมกลับมองอย่างต้องการมองให้ทะลุว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

ท่ามกลางความเงียบไร้สุ้มเสียง จะได้ยินก็แต่เพียงเสียงเครื่องปรับอากาศภายในห้องสมุด ที่ดังหึ่งๆ กลบเสียงพูดงึมงำของผู้คนที่นั่งอยู่ในละแวกใกล้และไกล

ขนาดแค่นั่งอยู่ไม่ได้ใกล้ชิดกันนัก กลิ่นหอมหวานจากกายอีกฝ่ายก็ยังลอยมาเตะจมูก อาจเป็นเพราะกระแสลมจากเครื่องปรับอากาศที่เป่าอยู่เหนือศีรษะได้พัดเอากลิ่นแชมพูจากเรือนผมเปียกชื้นมาทางนี้ จนทำให้ผมได้กลิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
ชอบตากแดดไม่พอ นี่คงไปเดินตากฝนมาอีกล่ะสิท่า

ถอนหายใจแรงออกมาอย่างไม่ตั้งใจ จนวายุหันสายตากลับมามอง

สองสายตาประสานชั่วขณะ หากแต่อีกฝ่ายเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างอึดอัดกับสายตาผมที่มอง ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสามารถเก็บสีหน้าและความรู้สึกเอาไว้ได้ดี

หน้ากากที่เคลือบความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใน ดูท่าจะไม่กะเทาะออกง่ายๆ สวยงามและมั่นคงยังไง ก็ยังคงสวยงามและมั่นคงอยู่อย่างนั้น ไม่ต่างจากรูปปั้นอันเป็นผลงานประติมากรรมชั้นเลิศ ที่ทุกคนต่างชื่นชมหลงใหลในความสมบูรณ์ไร้ที่ติ หากแต่แท้จริงแล้ว เนื้อในภายใต้เกราะหินอ่อน อาจจะเปราะบาง ผุกร่อน และไม่งดงามเหมือนดั่งภายนอก

ไม่มีทางที่จะสมบูรณ์แบบ โลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ

ความเงียบครอบคลุมเราอีกเพียงชั่วครู่ ในที่สุดพ่อรูปปั้นหินอ่อนก็เอ่ยออกมา


นี่หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไง?”

คำแรกหลังจากไม่ได้พูดกันมาปีกว่า ไม่ใช่คำทักทายหรือขอบคุณ

ยามริมฝีปากอิ่มขยับเอ่ยเป็นถ้อยคำ ทำให้เริ่มสังเกตเห็นว่าเนื้อปากแดงเรื่อนั้นตัดกับผิวหน้าซีดเซียว ใบหน้าอีกฝ่ายขาวซีดจนเกือบจะเหมือนรูปปั้นไร้เลือดเนื้อเข้าจริงๆ มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าเขาไม่ใช่รูปปั้น แล้วเสื้อเชิ้ตก็เปียกเล็กน้อย ยิ่งนั่งอยู่ใต้ลมด้วยแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังนั่งแน่นิ่งอยู่ได้ยังไง

เมื่อผมยังไม่ตอบรับ วายุจึงถอนหายใจออกมาบ้าง เขาทอดสายตามองไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาผม น่าเสียดายที่ผมไม่อาจมองเห็นสิ่งที่แอบแฝงอยู่ในแววตาเขา เหมือนกับที่ไม่อาจล่วงรู้ถึงเนื้อในที่แฝงอยู่ภายใต้เปลือกนอกที่สวยงาม

บางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามันเกิดจากสาเหตุใด รบกวนจนผมต้องเอ่ยบางอย่างเพื่อหันเหความสนใจตนเองออกไป


ฉันว่าเราควรย้ายไปนั่งทางโน้นนะ”

ไม่รีรอให้อีกฝ่ายได้ออกความเห็น ผมก็จัดการหยิบหนังสือและข้าวของของวายุเดินนำไปยังโต๊ะอีกฝั่งฟาก หากเดินมาจากทางเข้าห้องสมุด ผมคิดว่าสมาชิกอีกสองคนคงจะสังเกตเห็นโต๊ะนี้ได้ง่ายกว่า


อยู่ดีๆ ทำไมถึงย้าย?”

คนที่เดินตามหลังมาเอ่ยถาม ผมยักไหล่พลางเลือกนั่งลงกับเก้าอี้ด้านที่รับลมจากเครื่องปรับอากาศโดยตรง


นั่งตรงนี้สังเกตเห็นง่ายกว่า อีกสองคนถ้าเดินเข้ามาจะได้มองเห็นง่ายๆ”


อ้อ...”

เขาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงตามยังฝั่งตรงข้าม แล้วเราก็จมอยู่ในห้วงแห่งความเงียบอีกครั้ง จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายสิบนาที สมาชิกอีกสองคนก็มาถึง คนหนึ่งคือสมาชิกผู้หญิง เป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง ส่วนอีกคนเป็นรุ่นพี่ผู้ชายที่อยู่ปีสูงกว่า

ทั้งสองคนรีบเข้ามาขอโทษขอโพยที่มาสาย ฝนที่ตกหนักภายนอกทำให้การจราจรเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกดั่งใจ ทั้งผมและวายุไม่มีใครเอ่ยว่าอะไร คงเพราะไม่ใช่นิสัยและไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ผมตัดสินใจเริ่มเป็นฝ่ายเสนอแผนการทำงานก่อน สามคนที่เหลือก็ดูท่าจะให้ความร่วมมือดีกว่าที่คิดไว้

ระหว่างที่ปรึกษางานกัน พอมองคนรอบข้าง ดูเหมือนว่าสมาชิกอีกสองคนต่างมองวายุด้วยสายตาประหม่า ทว่าในความประหม่านั้น ก็ยังบ่งบอกได้ว่าสายตาเหล่านั้นมีความหลงใหลได้ปลื้มแอบแฝงอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย คนคนนี้ก็ทำให้ทุกคนสนใจได้เสมอ ช่างเป็นคนที่ อันตราย เสียจริง

อันตรายมาก จนความหวาดหวั่นก่อตัวภายในใจผมอย่างไร้สาเหตุ

แต่อย่างไรผมก็ไม่อย่างฟุ้งซ่าน และไม่อยากให้เหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้นอีกซ้ำสอง
 

.
.

TBC



___



ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
 :z13:

เมื่อไรเพลิงจะได้รู้จักตัวตนของวายุกันนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2015 16:31:15 โดย snowboxs »

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ยกกำแพงออกแล้วจะเห็นตัวตนที่แท้จริง

ออฟไลน์ Kerberossss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพลิงหนูอคติกับวาและไม่ยอมถามหรือมองวาในมุมใหม่ๆ

ไม่แฟร์กับวาเลยจริงๆ

รอออออออ...  มาอีก มาอีก  :ling1:

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สนุกๆ น่าติดตาม อยากอ่านต่อ :z3:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกสงสารวายุอยู่  :ling3:

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ยังคงรอติดตามประจำ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SUPERMUAY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พระเอกซึนมากกกกกกกกกกก
ชอบมาก อยากอ่านต่อออ

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Cyberenergy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้สงสารนายเอกที่มีไม่มีคนเข้าใจว่าตัวตนที่เเท้จริงของตัวเองเป็นอย่างไร ตัวนายเอกก็ไม่ปฏิเสธ กลับตอบรับจนทำให้พระเอกเข้าใจผิด ส่วนตัวคิดว่านายเอกคงไม่อธิบายให้พระเอกฟังจนกว่าพระเอกจะเปิดใจ หรือจนกว่าตัวนายเอกเองจะถึงที่สุดจริงๆ เรารู้สึกว่าพระเอกเขาเป็นคนดีนะ เพียงเเต่ว่าอาจจะฟังคำนินทามากจนอคติ(เกินไปสักหน่อย) นายเอกดูเปราะบางเหลือเกิน หวังว่าพระเอกเราจะเปิดใจในเร็ววัน//ส่วนตัวชอบบทพูดน้อยอยู่เเล้ว ยิ่งคนเขียนใช้ภาษาบรรยายได้บีบรัดหัวใจขนาดนี้ ยิ่งประทับใจมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
โห หายไปนานจังเลย
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L1: :L2: :3123:

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
ตอนที่ 8.2





  เสียงเครื่องมือสื่อสารสั่นจนส่งแรงกระเทือนไปยังโต๊ะหนังสือ ทำให้ผมละสายตาไปมองที่หน้าจอขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องสมุด

ณพเป็นคนโทรเข้ามา

ผมตัดสินใจเดินออกมาข้างนอกเพื่อรับโทรศัพท์ สายตาพลางจ้องมองทัศนียภาพนอกตึกอย่างใจเย็น


[เพลิง นายอยู่ไหน]

สักที่”


[ในมหา'ลัยใช่ป่ะ ฉันต้องรออีกตั้งนานกว่าจะเรียนคาบต่อไป มาอยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยดิ~]

แค่ต้องการหาคนอยู่เป็นเพื่อน ถึงกับต้องโทรมาตามเลยหรือ ไม่ใช่เด็กอายุห้าขวบเสียหน่อยถึงอยู่คนเดียวไม่ได้

ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับปลายสาย


ทำเป็นหญิงสาวเปลี่ยวใจจนอยู่คนเดียวไม่ได้ไปได้” ผมสวนตอบ


[เออน่า ตกลงอยู่ไหน?]

หน้าห้องสมุด”


[ไปทำอะไรที่นั่นน่ะ? ขยันไปรึเปล่า!]

แค่เดี๋ยวจะมีนัดทำงานกลุ่ม แล้วก็ไม่มีใครขอร้องให้นายตามมานี่ รอเรียนคาบต่อไปคนเดียวก็ไม่น่าจะลำบากขนาดนั้นมั้ง?”


[ทำเป็นใจร้ายไปได้ เดี๋ยวฉันเดินไปหาที่ห้องสมุดแล้วกัน อย่าหนีไปก่อนนะเฟ้ย!]

ผมส่ายหน้าให้กับคนปลายสาย ก่อนจะกดวาง เพื่อให้คู่สนทนาเมื่อครู่สังเกตเห็นได้ง่าย ผมจึงตัดสินใจยืนรออยู่ด้านนอกห้องสมุดทั้งอย่างนั้น

รอเพียงแค่ไม่นาน ณพก็มาถึง พวกเราคุยเล่นกันหน้าห้องสมุดสักพัก ตกลงกันว่าจะแวะนั่งร้านกาแฟกันก่อนที่ณพจะเข้าเรียนคาบต่อไป ผมก็รู้สึกถึงสายตาใครบางคนที่จ้องมองมา

เมื่อหันหน้าไปตามความรู้สึก ก็พบว่าวายุกำลังยืนมองมาทางผมนิ่ง

นี่มายืนอยู่นานแล้วรึยัง?

พอสบตากลับไปตรงๆ ร่างบางก็เริ่มสาวเท้ามุ่งตรงมาทางนี้

เพื่อนตัวดีทำหน้าแปลกใจใหญ่เมื่อเห็นว่าวายุกำลังเดินตรงมาจึงจ้องไม่วางตา เจ้าตัวเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนจ้องมองทุกการกระทำ จึงยืนทิ้งระยะห่างกับผมไว้ ก่อนจะยื่นมือส่งเอกสารบางอย่างมาให้


เอางานส่วนของฉันมาให้”

วายุเอ่ย สายตาเขามองผมได้ครู่ก็หันมองไปทางอื่น

ผมรับเอกสารนั้นไว้ นึกถึงการนัดประชุมกลุ่มรายงานและการแบ่งงานครั้งก่อนแล้ว ไม่คิดว่าวายุจะเสร็จงานในส่วนของตัวเองเร็วขนาดนี้ ค่อนข้างเหนือความคาดหมายไม่น้อยที่เขามีความรับผิดชอบในการเรียนมากกว่าที่คิด

กวาดสายตาอ่านอย่างผ่านๆ วายุทำงานในส่วนของตัวเองมาให้อย่างละเอียด เขาไม่ได้เป็นแค่พวกทำส่งๆ แบบขอไปที ไม่รู้ว่าจะเสียเวลาทำงานนี้นานเท่าไหร่เพราะดูจากรอยดำใต้ตา ก็ออกจะหมองคล้ำเหมือนกับคนที่อดนอน ถึงอย่างนั้นเจ้าของใบหน้างดงามก็ยังคงเปล่งประกายเหมือนทุกครั้ง


ถ้ามีอะไรให้แก้ก็บอกแล้วกัน”

วายุไม่รอให้ผมได้เอ่ยตอบ ก็เดินเลี่ยงกลับออกไป

คำพูดติดอยู่ที่ปากหากพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้เขาเดินจากไปอย่างเลยตามเลย ผิดกับณพ ที่ดูจะเสียดายที่สมาชิกร่วมกลุ่มผมเดินผละไปเร็วกว่าที่คาด


คนนี้ ที่เคยเป็นรูมเมทนายใช่ไหม แล้วทำไมถึงย้ายออกมาวะ”

ผมไม่ตอบ ในหัวพลางระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

 

 

ดูท่าเมื่อคืนฉันคงดื่มหนักไปสินะ”

ประโยคแรกที่วายุเอ่ยออกมา ทำให้ไอแดดอ่อนยามเช้าในวันนั้นร้อนระอุกว่าที่ควร คำพูดที่ก่อให้เกิดความหงุดหงิด แผดเผาให้ทั้งอุณหภูมิร่างกายและอารมณ์พุ่งสูงขึ้นจนไม่อาจควบคุมได้

เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์งั้นสิ ที่ทำให้ความสัมพันธ์เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย

ผมตีความจากคำพูดของวายุได้เท่านั้น

ความโมโหร้อนระอุยิ่งกว่าแสงแดด และยิ่งร้อนขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าของใบหน้าขาวซีดรีบหลบสายตาไปทางอื่น ตอกย้ำว่าเขาไม่อยากแม้แต่จะเผชิญหน้าผมโดยตรง ถึงจะรู้อยู่ก่อนว่าวายุเป็นพวกที่มีสัมพันธ์กับใครง่ายๆ ทว่าการเจอเข้ากับตัวเองโดยตรงนั้น ผลักดันให้ความรู้สึก เกลียด มีมากขึ้นกว่าเดิม

ผมเกลียดท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั่นมากกว่าอะไรทั้งหมด มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ความรู้สึกอัดสุมแน่นอยู่ในอก น่ากลัวว่ามันจะระเบิดออกมา ต้องหลับตานิ่งควบคุมสติเพื่อไม่ให้เผลอทำอะไรโง่ๆ ลงไปอีก

วายุตอบรับด้วยการเดินหลบหายไปในห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งผมเอาไว้กับห้องที่ยังอบอวลไปด้วยไอร้อนตกค้างจากร่างกาย และยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เคล้าหยาดเหงื่อ ทั่วทุกอณูอากาศในห้องนี้ ยังคงปะปนไปด้วยลมหายใจร้อนฉ่าและน้ำเสียงหอบเครือ

ตอกย้ำว่าเมื่อใดก็ตามที่หายใจสูดอากาศเข้าไปในร่าง ความมีตัวตนของใครคนหนึ่งก็ได้แฝงลึกรวมตัวอยู่ด้วย

ถ้าหากอวัยวะภายในสามารถเปล่งเสียงพูดออกมาได้ มันคงจะกรีดร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าตัวตนของใครคนนั้น ได้หลอมรวมอยู่ในร่าง อยู่ในกระแสโลหิต จนกลายส่วนหนึ่งของร่างกายยากจะแยกออก

เพียงแค่นึกถึงว่าเขายังอยู่ภายใต้อากาศเดียวกัน ความทรงจำเกี่ยวกับเมื่อคืนก็เข้ามารุมเร้าเล่นงาน

ความทรงจำที่ยังคงติดตรึงสำหรับใครคนหนึ่ง หากแต่กลับไร้ความหมายสำหรับใครอีกคน

เพียงแค่คิดก็เจ็บใจที่ต้องเป็นฝ่ายคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งสำหรับวายุแล้ว ทุกอย่างคงไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องใส่ใจ เหมือนกับที่เขามีสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างง่ายดาย เพียงแค่ชั่วค่ำคืนเดียว ทุกอย่างก็จบไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ผมน่าจะตระหนักถึงความจริงข้อนี้ดีแท้ๆ แต่ทำไมถึงยังจมปลักกับมันอยู่อีก?

ผมตัดสินใจที่จะออกจากห้องนั้น ไม่คิดกลับมาเหยียบที่นี่อีก ไม่มีความอาลัยอาวรณ์หรือเห็นใจให้กับคนแบบเขาอีกต่อไป แม้ผมจะรู้ว่ายังมีบางสิ่งบางอย่างหลงเหลืออยู่กับตัวเอง บางสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ภายในร่างกาย และยังติดตรึงอยู่ในหัวใจและความทรงจำ

 



 
   “เฮ้ย เพลิง ตกลงยังไงวะ ทำไมนายถึงย้ายออกมานะ” เสียงของณพทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด


ไม่มีอะไร แค่อยากอยู่คนเดียว” เอ่ยตอบตัดบทไป เพราะผมไม่อยากคิดถึงใครคนนั้นอีก

ณพยักไหล่โดยไม่เซ้าซี้ต่อ เราสองคนเดินจากหน้าห้องสมุดไปยังร้านกาแฟ แม้จะคิดว่าไม่อยากคิดถึงอดีตรูมเมทที่ว่า สุดท้ายก็พบวาในร้านกาแฟเช่นกัน และเขาไม่ได้มาคนเดียว หากแต่กำลังนั่งมองคนฝั่งตรงข้ามพูดคุย

ถึงผมไม่อยากจำก็จำได้ ว่าคนที่นั่งกับวาคือเพื่อนคนเดียวของเขาที่อยู่ต่างมหาวิทยาลัย หน้าตาของทั้งคู่เรียกได้ว่าสูสี ดังนั้นใครที่เห็นย่อมไม่ลืมง่ายๆ


นั่นรูมเมทนายนี่หว่า เจอกันอีกแล้ว ดูท่าจะดวงสมพงษ์ไม่เบา” ณพพยักเพยิดหน้าไปทางโต๊ะของวายุ

ณพกับผมเลือกนั่งห่างจากวาและอยู่ในมุมอับ คิดว่าฝ่ายวาคงไม่สังเกตเห็นง่ายๆ ทว่าผมที่นั่งอยู่ตรงนี้มองเห็นเขาได้ชัดทีเดียว

ในใจผมรู้สึกปั่นป่วนจนแปลกประหลาด ปีกว่าที่ผ่านมาคิดว่าความรู้สึกเหล่านี้จะสงบลงได้แล้วเชียว

คนที่มากับรูมเมทนาย เป็นคนดังไม่เบานะ”

ณพเอ่ยขึ้น จนทำให้ผมเงยหน้ามองเขาด้วยความเคลือบแคลง


ทายาทเครืออสังหาชนินธร ฉันเคยเจอบ้างในงานสังสรรค์แต่ไม่เคยคุยกัน น่าแปลกที่ดูสนิทกับรูมเมทนาย ปกติไม่เคยเห็นว่าไฮโซนั่นสนิทสนมกับใครที่ไหน ไม่สุงสิงกับใครจนพวกสาวไฮโซต่างจ้องตาเป็นมันเพราะความลึกลับนิ่งๆ นั่นแหละ”

คำพูดของณพตอกย้ำว่าสองคนนั้นดูมีบางอย่าง

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วย จึงได้แต่ส่ายหน้าสลัดความคิดที่ชวนให้เสียเวลาออกจากหัว แต่ณพยังคงเอ่ยต่อไม่หยุด


และที่น่าแปลกกว่าคือรูมเมทนาย...ฉันไม่เคยเห็นเขาสุงสิงกับใคร แม้แต่นายที่เป็นรูมเมทฉันยังไม่เห็นเคยคุยกันสักคำ คิดว่าจะเป็นพวกไร้มนุษยสัมพันธ์เสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะสนิทกับไฮโซนั่น”


นายรู้ได้ไงว่าเขาไร้มนุษยสัมพันธ์ ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องเขาหรือไง อีกอย่าง เขาไม่ใช่รูมเมทฉันแล้ว”


ข่าวอะไร”

ผมหยุดเอ่ย “ช่างเถอะ” ไม่รู้จะฟื้นฝอยหาตะเข็บไปทำไม


อะไรว้า มาทำให้อยากรู้แล้วก็ไปได้ไงวะเพลิง”


อย่างนายมีหรือจะไม่รู้ ก็เที่ยวออกบ่อยไม่ใช่หรือไง”


หืม?” ณพขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยออกมา “อ้อ หมายถึงข่าวที่เขาเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นน่ะหรือ”

ผมเสสายตามองไปทางอื่น แค่คิดอารมณ์ก็กรุ่นๆ ขึ้นมา เพราะผมก็กลายเป็นหนึ่งในคู่นอนของเขาด้วยเหมือนกัน


ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ฉันไม่เคยเจอเขาตามที่เที่ยวที่ไหนเลยแฮะ ที่มหา'ลัยก็ไม่เห็นได้ข่าวว่ายุ่งกับใครเป็นพิเศษนี่”


“......”


แต่นายเคยเป็นรูมเมทเขา คงรู้อะไรดีมาล่ะสิ?”

พอผมส่ายศีรษะ ณพก็เท้าคางแล้วเลิกคิ้วมองผม


อะไรวะ ไม่รู้เนี่ยนะ? แล้วรู้ได้ไงว่าเขานอนกับใครไม่เลือกจริง?”

คำพูดของณพทำให้ผมนิ่งไป


ฮ่าๆๆ เพลิงเอ๊ย ไม่คิดว่าอย่างนายก็แคร์ข่าวลือกับเขาเหมือนกัน...นี่...ที่จริงเขาอาจจะนอนแค่กับไฮโซนั่นก็ได้นา”

ผมมองณพอย่างไม่ปิดบังอารมณ์ขุ่นมัว จนเพื่อนตรงหน้าทำท่ายิ้มตาหยีพลางยกมือเป็นเชิงบ่งบอกว่าเลิกพูด


ได้เวลาเรียนแล้ว อย่ามัวแต่นั่ง”


คร้าบๆ”

เมื่อผมและณพลุกขึ้นเพื่อกลับไปที่มหาวิทยาลัย วายุและเพื่อนก็ออกจากร้านกาแฟไปเรียบร้อยแล้ว
 

.

.



TBC

______

สวัสดีค่ะคนอ่านทุกคน ขอโทษที่หายไปนานเลย ถ้าลืมตอนเก่าๆ จะไม่แปลกใจเลยค่ะ เพราะคนเขียนก็ลืมเหมือนกัน ถึงกับต้องกลับไปย้อนดูว่าใครชื่ออะไร (ฮา)
ต้องขอบคุณคนอ่านมากๆ ที่ติดตามเพลิงกับวายุนะคะ ^^ ตอนต่อไปจะพยายามไม่ให้รอนานอย่างนี้อีกแล้วค่ะ

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
Yo.



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2016 00:39:12 โดย yochan »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
มาต่อบ่อยๆ นะคะ รออ่านคะ ^^

ออฟไลน์ empty102153

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออ่านเรื่องนี้มากๆเลย ดีใจที่มาต่อนะคะ
ชอบความอึมครึมแบบนี้จังเลยค่ะ มาต่อไวๆนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ขอบคุณที่มาต่อครับ
เรื่องนี้สนุกมากๆ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตลอดปีที่ผ่านมาต่างคนต่างคิดแบบนี้นี่เอง

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
อ่านรวดเดียวเลย รออ่านตอนหน้าอยุ่นะ  :pig4:

ออฟไลน์ PIang-gel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ในที่สุดก็มาต่อ
ขอบคุณคับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RindaP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อึนๆมาก

ออฟไลน์ qhanb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
หลงมาอ่าน ติดแล้ววว ชอบบรรยากาศแบบนี้ ชอบณพมาก คนแบบณพควรมีเยอะๆในสังคม55555
ฉุกคิดได้แล้วนะเพลิง เลิกอคติเร้ว

ออฟไลน์ Nooneder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เมื่อไหร่สองคนนี้จะเข้าใจกัน ลุ้น

ออฟไลน์ pasita000

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าติดตามมาก เพลิงดูเหมือนจะหึงวายุกับคนอื่นเลยนะเนี่ย  :katai2-1:

ออฟไลน์ pasita000

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพลิงนี่ยังไงๆนะ
น่าติดตามมากๆ รีบๆมาต่อนะคะ ค้างงงง
 :katai1:

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ owlseason

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกอ่ะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววว
 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ RindaP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
ตอนที่ 9



หลังจากถูกอิฏฐ์รบเร้าหลายต่อหลายครั้งให้ออกมาพบ สุดท้ายผมก็ต้องยอมมาเจอเขาในวันที่แสนจะยุ่งกับงานของมหาวิทยาลัย ที่จริงแม้ไม่ได้ตั้งใจจะพบเขาในวันนี้ หากแต่อีกฝ่ายปุบปับมาที่คณะผมโดยไม่ทันได้บอกกล่าวกันล่วงหน้า
   
ทันทีที่นำรายงานในส่วนของตัวเองให้กับเพลิงแล้ว ก็พบว่าอิฏฐ์มายืนรอผมเลิกชั้นเรียนอยู่บริเวณคณะ เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีมืดตัดกับใบหน้าที่ดูสว่าง แม้จะสวมแว่นกันแดด โครงหน้าหล่อเหลาก็ยังโดดเด่นท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่
   
ไม่ต้องคาดเดา ก็รู้ว่าชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร สามารถดึงความสนใจได้จากทุกๆ สายตา ไม่ว่าจะนักเรียนหญิงหรือชายก็ต่างต้องหยุดเหลียวหลังหันมอง ยิ่งเราเดินเคียงข้างกันด้วยแล้ว ก็ยิ่งยากที่จะไม่เป็นศูนย์กลางความสนใจจากคนอื่นๆ จนผมต้องรีบพาเขาเดินออกไปจากที่ตรงนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงหลากสายตาที่ออกแววค่อนแคะสงสัย
   
น่าเห็นใจอิฏฐ์ที่ต้องตกมาเป็นเป้าสายตาคนอื่นพร้อมกับคนที่เต็มไปด้วยข่าวฉาวแบบผมอยู่เหมือนกัน
   
ผมกับอิฏฐ์เลือกเดินเข้าไปร้านกาแฟร้านเดิมที่มีผู้คนแน่นขนัดขึ้นแตกต่างจากคราวก่อน อาจเพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่ชั้นเรียนพึ่งเลิก นักศึกษาจึงต่างพากันมานั่งพักดื่มกาแฟและทานอาหารว่าง
   
“ไม่บอกกันล่วงหน้าว่าจะมา?”
   
ผมเอ่ยพลางทิ้งตัวลงนั่ง สายตาเหม่อมองไปนอกร้านอย่างไร้จุดหมาย สติไม่ได้สนใจคู่สนทนาอย่างที่ควรจะทำ
   
แม้จะนั่งอยู่กับใครอีกคน หากแต่ภายในใจผมตอนนี้ กลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวบนโลกสีหม่น
   
โชคชะตาก็ช่างเล่นตลกเหลือเกิน ผมเคยคิดว่าถ้าหากไม่ต้องเจอกับเพลิงอีกจนกระทั่งเรียนจบ ผมอาจจะรู้สึกดีขึ้น หรือต่อให้ต้องเจอ ผมคงจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ความคิดเช่นนั้นกลับพังทลายเมื่อเจอกับเพลิงอีกครั้ง ตอนที่เราต้องทำงานร่วมกัน ผมอยากจะบอกขอบคุณเขาออกไป ทว่าพอเห็นสายตาเย็นชาของเพลิง คำพูดกลับติดอยู่ที่ลำคอ
   
ตอนที่ผมส่งรายงานของตัวเองให้กับเพลิงที่หน้าห้องสมุด เดิมทีผมไม่คิดจะเข้าไปหาเขาเลยด้วยซ้ำ  แต่เมื่อเห็นเพลิงคุยเล่นกับเพื่อนอย่างอารมณ์ดีแล้วก็อดรู้สึกแปลกไม่ได้ เพียงแค่เห็นจากที่ไกล ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามเขาก็สามารถดึงความสนใจจากผมได้เสมอจนเผลอเดินเข้าไปในวิธีสายตา
   
เพียงแค่เห็นหน้า อีกฝ่ายก็แสดงท่าทีเพิกเฉยใส่อย่างเห็นได้ชัด แววตาที่ไม่ว่าพบเจอกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็แสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่าเกลียด ทั้งเย็นชาและเสียดแทง จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงดวงตาคู่นั้นไปทางอื่นแทน และตัดสินใจยื่นรายงานในส่วนของผมให้เขาอย่างไม่รู้จะสรรหาเหตุผลใดอีก
   
ไม่มีคำเอ่ยทัก ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกว่าเพลิงและผมเป็นคนรู้จักกันมาก่อน ตอกย้ำว่าแม้เราจะเคยได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากแค่ไหน ก็ยังไม่อาจบอกได้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เราเป็นแม้กระทั่งเพียงคนรู้จัก
   
ช่างน่าหัวเราะให้กับความเป็นจริงเหลือเกินว่าแค่คนรู้จัก ผมก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปาก
   
แววตาที่เย็นชา ท่าทีที่เมินเฉย ทำให้ผมได้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ผมกับเขาคงไม่มีทางมาบรรจบกันได้ เหมือนกับคนที่ยืนอยู่คนละฝั่งฟากของท้องฟ้า ไม่ว่ายังไงก็แสนจะอยู่ไกลเกินเอื้อม ไกลเกินกว่าจะคิดคาดหวังให้ได้ความรู้สึกใดกลับคืน
   
“ถ้าบอกก็ไม่ยอมมาเจอสิ”
   
เสียงของอิฏฐ์ทำให้ผมกลับมาสนใจคนตรงหน้า
   
ที่อิฏฐ์พูดก็ถูก ถ้าหากเอ่ยบอกก่อนล่วงหน้า ผมก็คงปฏิเสธเขาไปโดยไม่ต้องคิด   
   
“ช่วงนี้ยุ่งๆ น่ะ ไม่ใช่ไม่ยอมเจอสักหน่อย” ตอบบ่ายเบี่ยงโดยไม่ได้สังเกตว่าคู่สนทนากำลังทำสีหน้าท่าทางอย่างไร ผิดกับอีกฝ่าย ที่ดูเหมือนจะสังเกตผมในทุกๆ การกระทำ
   
“นี่ดีใจที่เจอผมจนอยาก ร้องไห้ เลยเหรอ” อิฏฐ์พูดติดขำ
   
“.......” ผมนิ่งไป
   
ไม่คิดว่าความขุ่นมัวทางอารมณ์จะแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อคนตรงหน้าต้องมารับรู้กับอารมณ์ขมุกขมัวแบบนี้
   
“ทีแรกตั้งใจจะชวนวาไปทานอาหารสักหน่อย แต่ดูท่าวาจะไม่มีอารมณ์ไปไหนแล้วละสิ”
   
“แค่เลี้ยงกาแฟก็พอแล้วละ” ผมรีบตอบ
   
แล้วสายตาผมก็พลันมองเห็นเพลิงและเพื่อนของเขาเดินเข้ามา หัวใจผมเต้นแรงอย่างหยุดไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงสายตาเย็นชาและตลอดเวลาที่ผ่านมา ความทรมานที่สะสมมาตลอดหนึ่งปีราวกับจะทะลักล้น ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้
   
ขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด อิฏฐ์ก็ยื่นปลายนิ้วอุ่นก็แตะที่หน้าผมเบา ๆ เพื่อเรียกสติ
   
“คุณ..”
   
สายตากลับมาทอดมองที่เด็กหนุ่มรุ่นน้อง หากแต่สมองยังคงนึกไปถึงเรื่องของ คนอื่น
ไม่รู้และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังยึดติดอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่อีก ท่าทีของเพลิงหลังจากนั้นก็น่าจะบ่งบอกได้อย่างดีว่าต่อให้นึกถึงมากแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์
   
“ใครที่ทำให้คุณเป็นไปได้ขนาดนี้กันนะ?”
   
อิฏฐ์วาดนิ้วสัมผัสใต้ดวงตาช้ำ ผมเบี่ยงใบหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงสายตาที่จ้องมองราวกับต้องการคำตอบเสียให้ได้
อยากบอกเขาอยู่เหมือนกันว่าคนที่ทำให้เป็นได้ขนาดนี้ไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวผมเอง
   
“ไม่มีอะไรหรอก ช่วงนี้งานที่มหาวิทยาลัยกำลังยุ่งน่ะฉันเลยเครียดนิดหน่อย” ตอบเลี่ยงอีกครั้ง โดยที่คนตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อแม้แต่นิด อิฏฐ์ได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
   
เรานั่งอยู่ในร้านอีกแค่เพียงครู่ ผมก็ขอตัวกลับด้วยข้ออ้างเรื่องงาน หลังจากที่แยกกับอิฏฐ์แล้ว ผมก็ตัดสินใจกลับไปยังคอนโดที่พักของตัวเอง

.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2016 12:40:42 โดย yochan »

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
.
.

ตั้งแต่ย้ายออกจากหอ ผมก็มาอยู่ที่คอนโดขนาดหนึ่งห้องนอนที่มีทุกอย่างครบครัน ผมโชคดีที่มีเปียโนอัพไรท์สีขาวไว้เป็นเพื่อนยามที่อยู่ในอารมณ์หดหู่ ดนตรีช่วยบำบัดจิตใจให้ผมได้จริงๆ หากอยู่ที่หอผมคงไม่มีโอกาสเล่นเปียโนที่ผมรักเช่นนี้
   
คอนโดของผมไม่ขนาดว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า ต้องเดินเข้าซอยไปนิดหน่อย ซึ่งมีข้อดีตรงที่ไม่เสียงดังเท่ากับคอนโดที่ติดขนส่งมวลชน หลังจากที่กลับจากมหาวิทยาลัย ผมก็ตรงเข้าที่พักตัวเอง
   
ขณะที่เข้าไปในลิฟท์ ผมก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
   
“ขอไปด้วยครับ”
   
ผมกดลิฟท์เปิดรอไว้ สายตาไม่ได้สังเกตว่าใครเดินเข้ามา เห็นเป็นเพียงชายสวมใส่ชุดนักศึกษา และผู้ที่เข้าลิฟท์ตามมาอีกคนก็เป็นนักศึกษาเช่นกัน ซึ่งทำให้ผมต้องเหลือบมองด้วยความตกใจ
   
“อ้าว อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
   
คนแรกที่เข้ามาในลิฟท์เอ่ยขึ้น เขาคือคนที่เพลิงคุยด้วยเมื่อตอนอยู่ที่ห้องสมุด และคนที่เดินตามเข้ามาทีหลังก็คือเพลิง
   
“กดชั้น 22 ให้เราหน่อย” คนคนนั้นเอ่ยต่อ ผมจึงกดลิฟท์ให้ตามที่บอก
   
ผมไม่รู้จักเขา ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ แต่เคยเห็นอยู่ในมหาวิทยาลัยบ้าง คนคนนี้สูงพอๆ กับเพลิง แต่หน้าตาดูเป็นมิตรกว่ามาก
   
“มาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยเจอเลย”
   
หากในลิฟท์มีคนอื่นอยู่ด้วย ผมคงคิดว่าอีกฝ่ายพูดกับคนอื่น ผมตอบไปอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย “ปีนึง”
   
สายตาเหลือบมองไปทางเพลิงที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด
   
“เราณพ นายวาใช่ปะ”
   
ผมพยักหน้าให้ เพียงครู่เดียวลิฟท์ก็มาถึงชั้น 15 เมื่อประตูลิฟท์เปิด ผมก็เตรียมข้าวขาออกไปด้านนอก ทว่าเพื่อนของเพลิงเปิดลิฟท์ค้างไว้แล้วเอ่ยเรียก
   
“เดี๋ยวๆ รอแป๊บ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้เราจัดบุฟเฟ่ต์สุกี้ที่ห้อง ฝีมือไอ้เพลิง นายมากินด้วยกันดิ”
   
“......”
   
เมื่อมองไปที่มือของทั้งสองคน ก็เห็นว่าถือของพะรุงพะรังอยู่เหมือนกัน ผมส่ายหน้าให้โดยไม่ต้องคิด
   
“เฮ้ย ยังไงก็มหา'ลัยเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
   
แล้วคนที่ชื่อณพก็ล็อคคอผมให้กลับเข้ามาอยู่ในลิฟท์อย่างถือวิสาสะ กว่าจะฝืนตัวหลุดออกมาได้ประตูลิฟท์ก็ปิดและเคลื่อนตัวขึ้นชั้นบนแล้ว
   
พอหันไปมองหน้า ณพก็ยิ้มเห็นฟันส่งให้ ส่วนเพลิงยังคงทำหน้านิ่งมองมาเหมือนเดิม


.
.


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2016 12:40:22 โดย yochan »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด