กลับมาลงแล้วจร้าาาา
พอดีเปิดเทอมเรียนหนัก
พึ่งมีโอกาสได้แต่งต่อ
เลยมาลงให้คนอ่านหายคิดถึงสักหน่อย
ตอนหน้าใครรอNCก็ไปรออ่านคู่รองของสองราชองค์รักษ์กันเลยอิอิ
+++++++++++++++++++++++++++++
23
อีกด้านสองราชองค์รักษ์ก็ตามพวกลีซานมาถึงยังกระโจมที่พัก ในตอนแรกตงเฟยหวังจะบุกเข้าโจมตีแล้วชิงตัวประกันมา แต่เมื่อมองเหล่าทหารที่ติดตามมาด้วยก็ต้องถอดใจเพราะมีเพียงแค่สามนายเท่านั้น
“แล้วเราจะเอาไงดีจิ้งเต๋อ จะบุกเข้าไปก็เกรงว่าท่านหญิงจะอันตราย แต่ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปเกรงว่าท่านหญิงจะโดนทำอะไรบ้างก็ไม่รู้”
“ใจเย็นก่อนตอนนี้ข้าส่งข่าวไปทางเมืองหลวงแล้ว ให้รีบส่งคนมาสมทบไม่นานคงมาถึง”
“อืม”
จิ้งเต๋อมองคนข้างที่กำลังห่อตัวด้วยความหนาว พลางยิ้มออกมาด้วยความน่ารักของอีกคน ก่อนจะถอดผ้าคลุมสีสีน้ำเงินปักด้วยดิ้นสีทองที่เป็นเครื่องหมายถึงตำแหน่งคลุมคนที่กำลังนั่งหนาวข้าง ๆ จนอีกฝ่ายหันหน้ามามองด้วยความสงสัย
“แล้วอาจิ้งไม่หนาวหรือไง”
เมื่ออยู่กับเพียงสองคนสรรพนามที่ใช้จึงเปลี่ยนไป ทำให้อีกฝ่ายยิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบทีเดียวแล้วก็คว้าคนร่างบางมากอดให้ความอบอุ่นอีกที
“ปล่อยก่อนอาจิ้งเดี๋ยวใครมาเห็นจะไม่ดีนะ”
“ช่างประไรข้าไม่สน”
“แต่ข้าสนนะ อย่าลืมสิพวกเราเป็นใครพวกเราราชองค์รักษของฮ่องเต้เชี่ยวนะ”
“แต่มันไม่เกี่ยวกับที่เราจะรักใครไม่ใช่หรืออาเฟย ใครจะว่าอะไรข้าหาได้สนข้าสนแต่เจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“ถ้าอาจิ้งสนข้าจริง ก็สนใจความรู้สึกข้าด้วยสิตอนนี้ข้าอายนะ”
“ก็ได้ ๆ ข้าจะตามใจภรรยาสุดที่รักข้า แต่ว่ากลับถึงบ้านเมื่อไรข้าจะ ‘กอด’ เจ้าจนถึงเช้าเลยคอยดูสิ”
“คนบ้า”
ตงเฟยทุบเข้าที่ไหล่หนาอย่างเขินอายแทน ก็ให้กอดถึงเช้าของจิ้งเต๋อธรรมดาเสียเมื่อไร เขารู้ดีว่าถึงเช้าจริงแน่อย่างไม่สงสัย ก็คราวก่อนเล่นเอาเขาแทบไม่ได้นอนเลยนี่สิพอตื่นเช้ามาก็ต้องรีบเข้าวังอีก วันนั้นเขาเกือบหัวทิ่มกลางอากาศหลายต่อหลายรอบก็ดีที่เจ้าตัวต้นเหตุคอยพยุงอยู่ตลอดเวลา ไหนจะอาการปวดที่สะโพกอย่างรุนแรงนั้นอีก
หลังจากวันที่ไปทำงานวันนั้นเขาก็ต้องกลับมานอนซมอีกหลายวัน ทั้งจากอาการไข้หวัดที่ทำให้หัวหมุนกับอาการปวดสะโพกที่รุนแรงขนาดเดินไปไหนก็ลำบากจะแย่นั้นอีกคิดแล้วตงเฟยก็ได้แต่ส่ายหน้า ทำไงได้ล่ะก็คนข้างตัวเขาดันเป็นพวกบ้าพลังอย่างถึงที่สุดนี่นา
“เรียนท่านราชองค์รักษทั้งสองมีข่าวจากทางวังหลวงขอรับ”
เสียงนายทหารดังขึ้นกระทันหันทำให้จิ้งเต๋อและตงเฟยต้องผลักออกห่างกันอย่างมิได้นัดหมายก่อนจะตีสีหน้าเรียบเฉยในฐานะราชองค์รักษ์เอกของฮ่องเต้แทน
“เอ่อ...มีไรว่ามาสิ”ตงเฟยพยายามปรับอารมณ์ให้ปกติที่สุด
“ฝ่าบาทเรียกให้พวกท่านกลับวังขอรับ”
“กลับวัง!!”จิ้งเต๋อร้องออกมาด้วยความตกใจก็ในเมื่อภารกิจที่ทำยังไม่บรรลุผลเลยแล้วทำไมอยู่ ๆ ฮ่องเต้จะทรงเรียกตัวพวกเขากลับวังด้วย
“ขอรับ”
“เจ้าไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย”
“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่งโดยตรงจากท่านมหาขันทีเลยขอรับ”
“แล้วฝ่าบาทตรัสอะไรต่อจากนั้นหรือเปล่า”
“ไม่ขอรับเพียงแต่บอกว่าให้พวกท่านรีบเข้าเฝ้าในวันพรุ่งนี้”
“อืม...ข้าเข้าใจแล้วพวกเจ้าไปได้ไปเตรียมตัวกลับเดี๋ยวนี้เลย”
“ขอรับ”
แล้วตงเฟยกับจิ้งเต๋อก็ตรงไปยังที่แอบซ่อนม้าไว้ไกลจากที่ตั้งของกระโจมฝ่ายมองโกเลียพอตัว ทำให้ไม่มีใครจับสังเกตได้ ก่อนจะควบม้าออกจากตรงนั้นในทัน
ที่ ๆ พวกเขาซุ่มดูอยู่ไกลจากเมืองหลวงก็จริงแต่ถ้าควบม้าตลอดไม่พักก็คงทันฟ้าสว่างของวันพรุ่งนี้แน่ ๆ
จิ้งเต๋อและตงเฟยมาถึงเมืองหลวงก็เป็นยามสายของวันแล้ว จึงทำให้พวกเขาจำต้องตรงดิ่งไปยังตำหนักกลางของฮ่องเต้ในทันที
และเมื่อมาถึงยังหน้าห้องทรงอักษรก็เห็นว่ามหาขันทีเสี่ยวตั้งจือได้ยืนรอพวกเขาอยู่หน้าห้องก่อนแล้ว ทั้งสองจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
“พวกท่านมาแล้วหรือ รีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะตอนนี้ฝ่าบาททรงร้อนพระทัยอยากพบพวกท่านเป็นการด่วน”
จิ้งเต๋อและตงเฟยเดินเข้ายังภายในห้องที่ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงประทับรออยู่แล้วที่โต๊ะทรงอักษร และเมื่อเห็นว่าสองราชองค์รักษ์มาถึงแล้ว
“ถวายพระพรฝ่าบาท”
สองราชองค์ถวายบังคมก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงตรัสและทำมือให้ทั้งสองลุกขึ้น
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ รายงานข้ามาสิว่าพวกเจ้าได้เรื่องอะไรบ้าง”
“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมแอบรอบตามพวกมันไปจนถึงที่พักพ่ะย่ะค่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะ แต่พวกกระหม่อมไม่สามารถบุกเข้าไปช่วยเลยได้ทันทีเพราะที่นั้นทหารคุ้มกันเยอะพอตัว ประกอบกับทหารที่พวกกระหม่อมพาไปด้วยนั้นมีเพียง 4 นายเท่านั้น”
“ก็ดีแล้วที่พวกเจ้าไม่บุ่มบามเข้าไปช่วยจนเกิดบาดเจ็บขึ้นมา ทางเราได้ตัวประกันมาข้าคิดว่าจะเอานางไปแลกกับชุนเซียง”
“แลกกับใครนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าจะแลกกับฮองเฮาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“คนที่โดนจับไปหาใช่หนี่เจิน แต่หากเป็นน้องของนางที่ชื่อชุนเซียงต่างหากเล่า”
“แต่ที่พวกกระหม่อมได้ยินมา....”
“ก็หนี่เจินน่ะสิ แอบปลอมตัวเป็นทหารแล้วตามเฉินจิ้งฟงไปลานล่าสัตว์ด้วย แล้วก็ให้น้องสาวของนางมาปลอมตัวแทน”
“ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้ กระหม่อมก็นึกสงสัยว่าไม่ทรงไม่ร้อนพระทัยหรือที่ฮองเฮาทรงตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้”
“ใครว่าข้าไม่ร้อนใจเล่า ก็ในเมื่อน้องสาวของหนี่เจินถูกจับตัวไปเช่นนี้ ทำให้หนี่เจินร้อนใจข้าก็เลยร้อนใจไม่แพ้เช่นกัน”
“แล้วฝ่าบาททรงเรียกพวกกระหม่อมกลับมาเช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้วไงว่าตอนนี้ทางเราเองก็มีตัวประกันเช่นกัน หากจะแลกกับชุนเซียงทางนั้นก็คงต้องยอมเป็นแน่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จริงด้วย ข้าลืมไปเสียสนิทข้ายังไม่ได้ถามนางเรื่องยาพิษเลย”
“เรื่องยาพิษหรือพ่ะย่ะค่ะ”ตงเฟยถามอย่างสงสัย
“ใช่ สนมพิงอันถูกพิษเข้าและหมอหลวงก็บอกว่าพิษชนิดนี้ไม่มีในต้าถังของเราด้วย ข้าก็เลยคิดว่าพิษชนิดนี้อาจจะมาจากมองโกเลียก็เป็นได้”
“แต่ว่าทำไมพระสนมถึงได้ถูกพิษได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“เท่าที่หนี่เจินเล่ามา นางบอกว่าสนมพิงอันทำขนมมาฝากนาง นางก็เลยให้นางกำนัลคนหนึ่งไปจัดขนมมาเพื่อจะได้ทานกันที่ศาลาภายในตำหนักเหม่ยชุน สนมพิงอันกินเข้าก่อนที่หนี่เจินจะได้ทันกิลแล้วก็ล้มลง หนี่เจินก็รีบเรียกหมอหลวงมาดูอาการทันทีเลย”
“เอ่อ...กระหม่อมของบังอาจกราบทูลได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามาสิ”
“ไม่ทรงคิดว่านี่เป็นแผนวางยาพิษฮองเฮาโดยพระสนมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรที่ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น ใครกันจะวางยาคนอื่นแล้วโดนตัวเองเช่นนี้ แถมยาพิษนี่ก็หาไม่ได้ในต้าถังด้วย”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า กระหม่อมแค่ถามพระองค์มิได้บังอาจหลบหลู่เบื้องสูงพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนแรกข้าเองก็อดคิดเหมือนพวกเจ้าไม่ได้เหมือนกันนั้นแหละ”
“แล้วจะทรงทำเช่นไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะไปหาองค์หญิงลีอาร์อีกรอบ คราวนี้ไปขอยาแก้พิษและไปทำข้อตกลงอะไรบ้างอย่างกับนางด้วย”
“ข้อตกลงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ข้อตกลงนี้จะทำให้สองประเทศไม่มีเรื่องบาดหมางกันอีกอย่างแน่นอน”
++++++++++++++++++++++++
ข้อตกลงที่ฮ่องเต้จะทำคืออะไรนะ
ต้องติดตามต่อไปอิอิ