ตอนที่5
ผมกลับคอนโดมาด้วยใจเบิกบาน ในที่สุดทุนเรียนดีที่กูอุส่าฝ่าฝันมันก็สำมะเร็จ...ทุนของข้า
ถ้าบอกเรื่องนี้ไปเมียจ๋าจะต้องดีใจแน่เลย สามหมื่นเหนาะๆ ไม่ต้องใช้คืน...อุกรี๊ดดดดดดดดดดดดด
“กลับมาแล้วจ๊ะ ซันจ๋า”ผมโผเข้ามาในห้อง ก็เห็นเมียผมนั่งเหม่อดูทีวีอยู่ “ซันจ๋า ที่รัก!!”ผมเข้าไปโอบจากด้านหลัง
“เฮ้ย!!”เมียผมสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันมามองผมงงๆ “กลับมาแล้วหรอ หิวไหม”ซันถามผมด้วยเสียงอ่อนโยน
โอ้ว พระแม่การี!!
เมียกูเมาใช่ไหม
“ก็นิดหน่อยจ๊ะ แล้วซันจ๋ากินข้าวยัง”ถามจบผมก็หอมแก้มปลั่งนั่นฟอดใหญ่
“ยัง”ตอบเสียงแผ่ว
“ทำไมไม่กินครับคนดี ดูสิตัวผอมลงไปเยอะเลย”พูดจบผมก็หอมแก้มอีกฟอด
“รอบอมบ์”พูดจบก็เอนตัวเอาหัวพิงบ่าผมอย่างอ้อนๆ
เอิ่ม...เมียกูพี้กัญชาไปกี่หลุมเนี่ย
“วันนี้ซันไปซื้อของกับกรีนมา กะว่าจะทำกับข้าวรอบอมบ์... แต่...”ซันชูมือท้งสองข้างที่เต็มไปด้วยรอยแผล “ซันพยายามแล้ว แต่...มันก็”ซันลดมือลงก้มหน้าคอตกเหมือนหมาหงอย
ผมคลายอ้อมแขนออกจากคนที่นิ่งซึมกระทือเป็นผีตายซาก ผมก็ชอบนะที่ซันกลายเป็นซันที่ขี้อ้อนแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ชอบเอาซะเลยที่เมียผมกลายเป็นคนที่ไม่มีความสุข ผมหยุดตรงตู้เก็บยา หยิบสำลี น้ำเกลือล้างแผล ปลาสเตอร์ยา แล้วก็เบตาดีนออกมาจากตู้
ผมย่อตัวลงนั่งลงข้างๆซันบนโซฟา ค่อยๆเอาน้ำเกลือล้างแผลบนมือซัน ก่อนจะค่อยๆเอาคัตตอลบัตแต้มเบตาดีนแล้วแตะไปที่แผลเล็กแผลน้อยบนฝ่ามือเมียรักอย่างเบามือ
“สัญญากับบอมบ์ได้ไหมซัน...”ซันเงยหน้ามองผม “จะไม่ทำให้บอมบ์เป็นห่วงแบบนี้อีก”ซันจ๋าพยักหน้า ก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าผม
“แล้วบอมบ์สัญญาได้ไหม...”เสียงซันดูแผ่วเบา...จนผมใจหาย
“สัญญาว่า...”
“จะไม่ปิดบังอะไรซัน”ผมชะงักค้าง...ว่าจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์สักหน่อย
“พูดแบบนี้แสดงว่าเมียจ๋ารู้ใช่ม้า”เมียสุดสวาทขาดใจก้มหน้าลง “งั้นวันนี้เราไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนดื่มด่ำกับบรรยากาศเพื่อฉลองที่บอมบ์ได้ทุนกันเถอะจ๊ะ”ผมรวบตัวซันเข้ามากอดอย่างไม่กลัวตาย “ซันจ๋าไม่อยากไปหรอ”ผมถาม
“อื่อ...”แง่ะ แล้วเมียต้องการอะไรจากสังคมวะ “อยากอยู่กับบอมบ์มากกว่า”เหมือนมีพลุระเบิดบึ้มตรงกลางใจ...ฟีลนี้แหละที่กูรอมานาน
“วันนี้ซันจ๋ามาแปลกจัง บอมบ์งี้เดาใจไม่ถูก”ผมเริ่มปาดเหงื่อ...เขาว่า คลื่นลมมักสงบ ก่อนพายุจะมา
“แบบนี้ไม่ดีหรอ”สีหน้าซันจ๋าเมียรักดูไม่ค่อยมั่นใจ
แปลก!!
รู้สึกว่าตอนนี้เมียกลายเป็นใครอีกคนที่...กูก็ไม่รู้จัก
“มันก็ดีนะ”ผมยิ้มแหยๆ
แต่ถ้าให้กลับไปโหดแบบเดิม
กูก็ไม่เอานะ
“ซันจ๋า... หิวไหมจ๊ะ”ชวนเบี่ยงประเด็น
“อื่อ”ซันยิ้มฝืนๆ
บางทีเกรดอาจจะออก
อย่าถามเลยดีกว่า
เดี๋ยวแจ็กพอตแตก ถ้าไปจุดชนวนประเด็นขึ้นมา
วันนี้ซันทำแต่เรื่องแปลกๆ ซื้อของเข้าห้อง ทำความสะอาดห้อง(ถึงแม้จะไม่ค่อยสะอาดทำไหร่ก็เถอะ) แถมยังมาเช็ดหัวให้ผมอีก
คืนนี้ไม่มีกิจกรรมเข้าจังหวะพรึ่บๆพั่บๆกัน เพราะทั้งผมและซันต่างก็เหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ เราทั้งคู่นอนกอดกัน มันอบอุ่น มันมีความสุขใจ แต่ในความสุขใจนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนมันมีอะไรเคลือบแฝง ซันนอนน้ำตาไหล ผมไล้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ ลมหายใจสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าซันหลับสนิทแล้ว แต่อะไรกันที่ทำให้คนเข้มแข็งอย่างเมียผมถึงกับเสียน้ำตาได้
ผมไม่รู้ว่าซันกำลังฝันถึงเรื่องอะไร เรื่องอะไรที่ทำให้เสียน้ำตามากมายขนาดนี้ ผมตามซันเข้าไปในฝันไม่ได้ แต่ผมอยากให้ซันรู้ไว้ ถึงเราอาจจะไม่ได้ฝันถึงกัน แต่เมื่อซันลืมตาตื่นขึ้นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเมื่อไหร่...ซันจะมีผมเคียงข้างตลอด
.
.
.
ซึ้งปะล่ะไอ้สาส
กูแด๊กเหล้าไปสองอึก
*****
เนื่องจากเอาทุนเขามาแดกไปสามหมื่น ผมจึงต้องอันเชิญมาทำความดีเล็กๆน้อยๆใช้ทุน อย่างเช่นร่วมกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนแรกผมกะว่าจะชวนเมียรักมาด้วยนะ แต่พอจับแก้มซัน ผมก็ต้องมีอันต้องเปลี่ยนใจ ตัวซันรุมๆ ผมอยากให้ซันพักมากกว่า
ผมเขียนโน้ตแปะที่ตู้เย็นไว้เช่นทุกครั้งที่ผมจะหายหัวไปก่อนที่ซันจะตื่น
‘โจ๊กอยู่ในตู้นะที่รัก...ทานยาด้วยนะครับ’
หวังว่าซันจะทานข้าวทานยาแล้วนะ เอาไว้เที่ยงๆผมจะโทรไปถามก็แล้วกัน
หลังจากลงรถบัสมหาลัย ผมก็ตรงดิ่งกลับคอนโดอย่างไว ซันไม่รับโทรศัพท์ผมเลย ผมโทรไปหลายสิบสาย ไม่มีโทรกลับสักสาย...หรือจะไข้ขึ้นหนัก
ผมไขประตูเข้ามาในห้อง กลิ่นไหม้ละควันลอยตลบอบอวลอยู่ตรงหน้า ผมวิ่งไปที่ต้นตอของกลิ่นเหม็นไหม้ ตรงหน้าระบียง ผมเห็นเตารีดถูกวางทิ้งไว้บนเสื้อนักศึกษาของผม ผมรีดยกเตารีดขึ้นจากผ้า แล้วกดปิด เสื้อผมไหม้ดำเป็นรอยเตารีด
ผมโมโห
โมโหครั้งแรกตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา
“ซัน!!”ผมตะโกนลั่น
“ห๊า!!”เสียงดังมาจากนอกระเบียง
ผมไม่รอให้ซันข้ามา ผมเปิดระเบียงออกไป ผมก็แทบตกใจตาย ซันกำลังเก็บผ้า ฝนเริ่มตกปรอยๆ เสื้อผ้าที่ถูกตากไว้เปียกโชกอย่างกับไม่ได้ถูกบิด พื้นระเบียงนองไปด้วยน้ำ ซันยืนเท้าเปล่าอยู่บนน้ำนองพวกนั้น พร้อมกับเสื้อผ้าเปียกซกที่ถูกกอดอยู่แนบอก
ผมกระชากตัวซันให้เข้าในห้องจนเสื้อผ้าในมือซันหล่กระจายไปหมด ซันมองผมตาแป๋ว ก่อนจะมีสีหน้าสลดลงเมื่อเห็นเสื้อไหม้ๆในมือผม ผมเหวี่ยงเสื้อไหม้ๆไปสักมุมของห้อง
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์หะซัน!”ผมตะคอก
ตะคอกครั้งแรก
“มันอยู่ในห้อง”ซันตอบเสียงอ่อย ตามองพื้น มือก็บิดปลายเสื้ออย่างประหม่า
“แล้ววางเตารีดไว้แบบนั้นได้ยังไง!”ซันไม่ตอบ ยืนบิดปลายเสื้อเหมือนเดิม “ถ้าไฟไหม้ขึ้นมาจะทำยังไงวะ!!”ถึงซันจะก้มหน้า แต่ผมก็เห็นน้ำตา
น้ำตาของซัน มีอนุภาพทำลายล้างสูงเสมอ แต่วันนี้..มันไม่ใช่ ซันทำลายความโมโหของผมไม่ได้หรอก
“แล้วออกไปทำอะไร!”
“เก็บผ้า ฝนจะตก”ซันกัดริมฝีปากแน่น
“แล้วผ้าน่ะซักได้รึไง มือแพ้ผงซักฟอก”ผมกระชากมือซันที่กำลังบิดปลายเสื้อมาดู
มือเล็กๆเรียวๆตามฉบับลูกผู้ดีที่ไม่เคยทำห่าอะไรเลยอย่างซันแดงก่ำเพราะฤทธิ์ผงซักฟอก ผมลากซันที่น้ำตาคลอเบ้ามานั่งที่โซฟา ก่อนจะเอายาคาลาไมด์มาทาให้ที่มือ
“ไปอาบน้ำ แล้วอยู่ในห้อง!!!”ผมไล่
ซันก็รีบวิ่งปาดน้ำตาไปในห้อง
บางทีกูก็มึนนะ ถ้าจะไล่เขาไปอาบน้ำ กูจะทาคาลาไมด์ให้หาญาติผู้ใหญ่ข้างแม่หรอวะ
ผมคีบอิแตะออกไปที่ระเบียงอีกครั้ง เสื้อผ้าที่ตากนั้นแทบไม่ได้บิด แถมยังมีฟองฟอดเป็นย่อมๆ ผมเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดกลับมาลงกะละมัง เปิดน้ำล้างได้สองน้ำเสื้อก็สะอาด ผมแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
ซันอาบน้ำเสร็จแล้ว ตอนนี้นอนร้องไห้อยู่บนเตียง ผมเดินเอามือไปอังหน้าผากซัน ตัวไม่ร้อนแล้ว แสดงว่าซันทานยาเรียบร้อย ผมเดินออกจากห้อง บิดผ้าใส่ตะกร้า ก่อนจะลากราวตากผ้าเข้ามาในห้อง แล้วจัดแจงตากผ้าอย่างชำนาญการ
วันนี้ผมไม่ทำกับข้าว ต้มมาม่ากิน ผมไม่คุยกับซัน นั่งดูบอลจบไปสองคู่ทั้งที่ดูบอลไม่รู้เรื่องสักนิด ส่วนซันก็ต้มมาม่าเหมือนกัน พอกินเสร็จก็เดินเข้าห้อง
ต่อให้ซันจะทำร้ายตบตีผมอย่างไงผมก็ไม่เคยโกรธ เพราะผมรักซัน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ผมโกรธซัน โกรธมาก มันไม่ใช่ว่าผมหมดรักซัน แต่มันเป็นเพราะผมรักซัน รักมาก
ซันทำอะไรไม่เคยประมาณตน และคิดหน้าคิดหลังก่อน ถ้าเกิดวันนี้ผมกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดไฟไหม้ หรือซันลื่นล้ม หรือร้ายกว่านั้น อาจพลัดตกระเบียงไป ผมจะทำอย่างไง ผมจะขายห้องต่อให้ใครได้ ถุย...กูล้อเล่น เห็นเครียดๆกัน
แต่ผมรักซันจริงๆ ผมก็หวังว่าซันจะเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ เรื่องอื่นผมยอมได้ แต่เรื่องนี้ผมไม่ยอม ซันเป็นอะไรกันแน่ สงสัยเราต้องคุยกันหน่อยแล้วแหละ
ผมลุกจากโซฟา จะเข้าไปคุยกับซันในห้องให้รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปได้พ้นสองก้าว ซันก็เปิดประตูออกมา วิ่งโผเข้ากอดผม ร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกผม
“ขอโทษ...”ซันพร่ำบอกเสียงเครือ..ผมกอดซันไว้ “ที่ทำเสื้อไหม้”สงสัยต้องพูดกันตรงๆ
เราจะได้เลิกคิดเองเออเองกันแบบนี้สักที
“ซันฟังนะ บอมม์ไม่ได้โกรธเรื่องเสื้อนั่นเลยสักนิด ซันจะรีดไหม้อีกกี่ตัวบอมบ์ก็ไม่โกรธ แต่ที่บอมบ์โกรธน่ะ คือตัวซัน ทำไมซันถึงทำอะไรไม่รอบคอบแบบนั้น ซันรู้ไหมระเบียงหินอ่อนมันลื่นแค่ไหนเวลาเปียก แล้วเตารีดอีก ถ้าไฟเกิดไหม้ขึ้นมา ซันจะทำอย่างไง แล้วบอมบ์ล่ะ บอมบ์จะทำอย่างไงอยู่อย่างไง..”เสียงผมสั่นเครือที่ท้ายประโยค “ถ้าไม่มีซันแล้วบอมบ์จะอยู่อย่างไง”เรากอดกันแน่น
“ขอโทษ ขอโทษนะ ซันขอโทษ...”เรากระชับอ้อมแขนกันยิ่งกว่าเดิม
“ซัน... เราเป็นผัวเมียกัน ถ้าซันมีเรื่องอะไร ต้องบอกซันตรงๆนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”ซันพยักหน้า ผละออกจากวงแขนผม
เราจับประสานมือกันแทน
“ซะ ซัน... รักบอมบ์นะ ซันไม่อยากเห็นแก่ตัว แต่ซันก็ไม่อยากใหบอมบ์ไป”แล้วซันก็บ่อน้ำตาแตกอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนนะ บอมบ์จะไปไหน”เออ... กูจะไปไหนวะ
“ก็ได้ทุน”ซันมองผมตาป๋า กรอกตาไปมาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหน้าแดงออกมา “ไม่ใช่ทุนเรียนต่อเมืองนอกหรอ”ผมสั่นหัว
“ไม่นี่ บอมบ์ได้ทุนเรียนดีมาสามหมื่น”อีกอย่างทุนเชี่ยนั้น ถึงได้ผมก็ไม่ไปหรอก...ผมเป็นโรคติดเมียเว้ย
“แม่ง!!”ซันสบถ สะบัดมือผมออก ก่อนตั้งท่าจะตบผมแต่หัววัน
-------
ไวปะล่าาาาาาา
อ่านไม่เม้น ขอให้ปวดขี้ตอนรถติด
ช่วงนี้มีเรื่องเล่าทุกวัน
วันนี้ในขณะที่เขียดกำลังนั่งจดอะไรจิปะถะอย่างเมามัน พี่ที่เป็นพี่เลี้ยงเขียดก็เข้ามา
พี่:โอ้ย มือเปื้อน
เขียด:ถุงมือก็มีทำไมไม่ใส่เล่า(มองไปที่กล่องถุงมือยาง)
พี่: ถุงมือฉันไม่ใส่หรอก ฉันใส่แต่ถุงยาง
เขียด : ถุงยางหรอ หนูไม่ใช้หรอก
พี่ :
เขียด : ยังหาผัวไม่ได้
รู้สึกว่าฉันเป็นเด็กฝึกงานที่ปากดีจริงๆ